น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 14. “ดูท่าทางคุณศุกร์จะห่วงผึ้งมันมากเหมือนกันนะ”

14.

“อ้าว แม่ไปไหนเสียล่ะ” คุณนายวรรณีร้องทักเมื่อเห็นน้ำผึ้งง่วนอยู่หลังแผงขายผักทั้งที่เป็นวันโรงเรียนเปิด น้ำผึ้งพอเห็นว่าเป็นคุณนายวรรณีน้ำผึ้งก็รีบยกมือไหว้แล้วบอกว่า

“แม่ไม่สบายเป็นไข้ ผึ้งเลยให้แม่พักผ่อนสักวัน”

“ไปหาหมอหรือยัง”

“แม่ไม่ยอมไป”

“ดื้อไม่เข้าเรื่องเลย เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอะไรหนัก ๆ ไป ลูกเต้าจะเป็นอย่างไรกัน”

น้ำผึ้งรู้สึกตื้นตันใจกับความห่วงใยที่คุณนายวรรณีมีให้จนกลืนน้ำลงคอได้อย่างยากลำบาก และวันนี้ ไม่ใช่คนนายวรรณีเพียงคนเดียว ลูกค้า
แม่ค้ารอบ ๆ ตัวต่างก็ถามถึงแม่น้ำอ้อยและพอรู้ว่าแม่ไม่สบายทุกคนก็แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเช่นคุณนายวรรณี ความดีของแม่ทำให้ใคร ๆ ก็รักแม่ น้ำผึ้งตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และพยายามที่จะทำตัวให้มีความน่ารัก นั่นคือมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมีสัมมาคารวะเพื่อที่คนอื่น ๆ จะได้เมตตา เพราะแรงเมตตานั้นจะนำมาซึ่ง ทรัพย์สินเงินทอง ด้วยตัวเองกับแม่นั้นเป็นแม่ค้า

“มาเดินตลาดเองเลยเหรอคะ ป้าสมานไปไหน” เมื่อเห็นว่าคุณนายวรรณีห่วงใยครอบครัวของตน น้ำผึ้งจึงชวนคุณนายวรรณีคุยเรื่องส่วนตัวของคนนายบ้าง

“สมานบ่นว่าปวดขาก็เลยปล่อยให้ทำงานอยู่ที่บ้านแทน แต่ฉันเองก็อยากจะมาดูอะไร ๆ ในตลาดมั่ง ได้ออกกำลังกายด้วย อยู่แต่บ้านอย่างเดียวก็น่าเบื่อ”

น้ำผึ้งนิ่งฟังด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม...พอดีกับที่ลูกค้าเดินมาเอาผักที่ได้สั่งไว้ น้ำผึ้งส่งผักให้และรับเงิน ทอนเงินพร้อมกับกล่าวขอบคุณ และก่อนจะจากไป ลูกค้าเจ้าประจำก็บอกว่า

“พอไปได้ตำแหน่งธิดากระท้อนมา ดูสวยขึ้นผิดหูผิดตาไปเลยนะเรา...” ความสวยนั้นคงเกิดจากนัยนิตซอยผมด้านหน้า และกันคิ้วให้...คุณนายวรรณีพิจารณาตามที่ได้ยินก็เห็นว่าน้ำผึ้งนั้นคมคายอย่างเป็นธรรมชาติ...ดูสบายตาเหมือนดอกไม้ป่าที่ขึ้นแซมตามพงหญ้า

“แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนเหรอ”

“วันนี้หยุดสักวันค่ะ...อยากให้แม่ได้พักผ่อน”

“กตัญญูดี...ขอให้เจริญ ๆ นะ”

“ค่ะ”

“เห็นสมานว่าวันเสาร์นี้จะไปรำแก้บนที่วิหารหลวงพ่อหิน ฉันจะไปดูนะ” คชาพัฒน์นั้นพอมีอะไรก็จะถึงผู้เป็นป้า และนางสมานเองด้วยอยู่บ้านเหงา ๆ กับคุณนายวรรณีจึงได้ปูดไปทางคุณนายให้ได้รับรู้ไว้

“ผึ้งรำไม่สวยนะคะ แต่ว่าบนแล้วก็ต้องแก้”

“รำสวยไม่สวยก็ต้องรำ และเมื่อมีโอกาสรำแล้วก็ต้องรำให้สวยที่สุด แล้วนี่ซักซ้อมหรือยัง”

“เดี๋ยวคืนนี้หลังขายลูกชิ้นปิ้งแล้ว จะไปซ้อมที่บ้านพี่หน่องค่ะ”

“ทำให้สุดความสามารถนะ แล้วมีอะไรให้ช่วยก็บอก อย่าเห็นว่าฉันเป็นคนอื่นคนไกล แล้วแม่ถ้าอาการ
ไม่ดีขึ้น ก็ให้รีบพาไปหาหมอซะ อย่ามัวประหยัดกันอยู่ ทรุดลงไปมากกว่านี้มันจะพลอยแย่กันไปหมด ถ้าจะเข้า
ไปหาหมอในเมืองก็บอกจะให้ศุกร์เขาเอารถไปส่งให้”

“ค่ะ”

“อ้อ แล้ววันอาทิตย์ไปไหนหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ มีขายของตอนเย็นเท่านั้น”

“งั้นตอนเช้ามืดวันอาทิตย์เธอก็ว่างใช่ไหม...”

“มีอะไรหรือคะ”

“ฉันจะทำบุญเลี้ยงเพลพระน่ะ อยากให้ไปช่วยงานครัวสมานเขาสักหน่อย จ้างให้ไปช่วยนะไม่ได้ขอแรง”

“ผึ้งรู้ค่ะว่าคุณนายไม่เอาเปรียบผึ้งหรอก”

“เห็นเป็นเด็กดีก็อยากสนับสนุน แล้วก็รักษาความดีไว้ให้เหมือนเกลือรักษาความเค็มล่ะ”

“ค่ะ”



ขณะที่น้ำผึ้งกำลังยืนปิ้งลูกชิ้น คนที่คชาพัฒน์ได้บอกกับน้ำผึ้งไว้ว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดีก็จอดรถยนต์ Toyota Fortuner ตรงหน้าร้านก่อนจะเปิดประตูลงมา...เขาสวมแว่นกันแดด ร่างสูงสมบูรณ์ตามวัยอยู่ในชุดเครื่องแบบ เขาถอดแว่นกันแดดแล้วยิ้มให้น้ำผึ้ง

“ขายของอยู่ตรงนี้เอง ก่อนหน้านั้นทำไมฉันถึงไม่เห็นก็ไม่รู้”

“สวัสดีค่ะ” น้ำผึ้งยกมือพนมไหว้ เพราะว่าวันนี้เขามาแบบเต็มยศและเขาก็น่าจะวัยเดียวกับพ่อของตน และเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารถเข็นแล้วเขาก็กวาดตามองบนเตาบนรถแล้วก็ยิ้มบาง ๆ แม่ค้าพ่อค้ารอบ ๆ ตัวน้ำผึ้งต่างก็ลอบมองบ้างก็เริ่มซุบซิบเพราะรู้สึกว่ามันผิดปกติที่คนระดับท่านสารวัตรมายืนป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านลูกชิ้นปิ้งและสีหน้าท่าทางกรุ้มกริ่มนี้คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมจะดูออกว่า คนวัยท่านนั้นปรารถนาอะไร

“ขายดีไหม”

“พอได้ค่ะ”

“ขายมานานหรือยัง”

“ตั้งแต่ ม.ห้า ค่ะ เข้าปีที่สองแล้ว”

“พ่อแม่ล่ะ ทำอะไร” อันที่จริงสารวัตรทะนงศักดิ์สืบรู้มาหมดแล้วว่าน้ำผึ้งนั้นมีประวัติเป็นมาอย่างไรแต่ว่าเมื่อยังเปิดใจไม่ได้ท่านก็จำเป็นต้องซักถามหาเรื่องชวนคุยไปเรื่อย ๆ

“พ่อเสียแล้วค่ะ แม่ขายผักในตลาด มีน้องอีกสองคนค่ะ”

“ปีหน้าก็จบแล้วซิ”

น้ำผึ้งอยากจะให้มีใครสักคนมาช่วยทำให้บรรยากาศอึดอัดตรงนี้หายไป แต่ว่าคนที่อยู่รอบ ๆ ก็หาได้คิดเข้ามาวุ่นวาย ลูกค้าที่เคยมาในช่วงนี้ก็ไม่มา...

“ค่ะ จบค่ะ”

“จะไปเรียนต่อที่ราชภัฎใช่ไหม เมื่อวานบอกไว้”

“คหกรรมศาสตร์ค่ะ”

“วิชาแม่บ้านแม่เรือนเสียด้วยแล้วสนใจด้านไหน ผ้าหรืออาหาร”

น้ำผึ้งคิดถึงคนที่แนะนำเธอให้เรียนสายคหกรรมขึ้นมา ถ้าเขาแวะมาเขาจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง...

“อาหารค่ะ”

“ฉันก็ไม่น่าถามเนอะ เพราะตอนนี้เราขายอาหารอยู่ อยากมีร้านอาหารเหรอ”

“ค่ะ สนใจพวกเบเกอรี่ พวกขนมไทยด้วยค่ะ”

“ใช้ทุนสูงเหมือนกันนะ”

“ค่ะ...” น้ำผึ้งพยายามตัดบท ก่อนจะง่วนพลิกลูกชิ้นบนเตาไปมาสีหน้านั้นเรียบเฉย ไม่สบตาไม่แสดงอาการยินที่มีคนใหญ่คนโตมายืนอยู่หน้าร้าน...แต่ว่าคนเจ้าชู้หาได้สนใจทีท่าหมางเมินนั่น

“แล้วนี่เลิกกี่โมง...เวลานี้ก็เย็นแล้ว...”

“จนกว่าจะหมดก็ราว ๆ หนึ่งทุ่มค่ะ แต่วันนี้เงียบ ๆ”

“เหลืออีกกี่ไม้”

“สามสิบได้ค่ะ...”

“งั้นฉันเหมาหมดเลย ...เธอจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ”

“เอาไปทำอะไรเยอะแยะคะ”

“ลูกน้องที่โรงพักเยอะ จัดใส่ถุงเลย”

แม้จะรู้ว่าเขาช่วยซื้อเพราะหวังผลอื่น แต่ด้วยเป็นแม่ค้าก็ยากจะหลบเลี่ยง...น้ำผึ้งรีบอุ่นลูกชิ้นก่อนจะใส่ถุงแยกเป็นถุงละสิบไม้ ก่อนจะตักน้ำจิ้มราดน้ำผึ้งก็ถามว่า

“ราดน้ำจิ้มไปเลยไหมคะ”

“แยกดีกว่านะ...ได้ยินมาว่าน้ำจิ้มอร่อยมาก ทำเองหรือเปล่า”

“แม่ทำค่ะ แต่ผึ้งก็ทำเป็น”

“แล้วทำอะไรเป็นอีกนอกจากน้ำจิ้ม ทำอะไรอร่อยสุด”

“ไข่เจียวค่ะ...ได้แล้วค่ะ 150 บาท” น้ำผึ้งรีบนำถุงลูกชิ้นใส่ถุงหยิบผักเคียงคือแตงกวากับกะหล่ำปลีใส่ลงไปด้วยก่อนจะยื่นให้กับเขา และเขาก็จงใจรับถุงลูกชิ้นให้ถูกกับมือของสาวน้อย...น้ำผึ้งรีบชักมือกลับในทันที ดีแต่ว่าถุงลูกชิ้นไม่ร่วงลงมา เขารับถุงลูกชิ้นไปหิ้วด้วยมือข้างซ้ายก่อนจะล้วงกระเป๋าส่งเงินมาให้สองร้อยบาท น้ำผึ้งรับมาก้มหน้าก้มตาหาเงินทอนก่อนจะส่งเงิน 50 บาทให้กับเขา...

“ขอบคุณนะคะ”

“นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้ซะแล้ว” สายตาของชายวัยกลางคนกรุ้มกริ่ม...จนน้ำผึ้งต้องเบือนสายตาหนี...

หลังจากท่านจากไปแล้วป้าที่ขายผลไม้อยู่ใกล้ ๆ ก็เร่มาหาทันที...

“คุยกันยืดยาวแบบนี้มันแปลก ๆ นา...”

น้ำผึ้งไม่รู้จะตอบว่าอะไร จึงเบือนหน้าหนีสายตาของป้าปริก แล้วสายตาของน้ำผึ้งก็พบว่าที่หน้าเซเว่นมีวิธิตยืนยิ้มบาง ๆ ให้


เรื่องที่ท่านสารวัตรคนใหม่มาก้อร่อก้อติกน้ำผึ้งถึงร้านลูกชิ้นปิ้งถึงหูวรรณศุกร์โดยวิธิตโทรมาเล่าให้ฟัง...วรรณศุกร์ที่ยังอยู่ในร้านรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าน้ำผึ้งจะหลงไปกับคารมของคนมีอำนาจและมีเงิน...แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยน้ำผึ้งอย่างไร นอกเสียจากจะยุให้วิธิตทำคะแนนสู้ให้เต็มที่หากว่าวิธิตคิดจริงจังกับน้ำผึ้ง...แต่วิธิตนั้นกลับตอบว่า

“ที่ข้าบอกว่าชอบน้ำผึ้งอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบว่ะ ผึ้งเขายังเด็ก ข้าเองส่องกระจกดูสารรูปตัวเองแล้ว ขืนเข้าไปจีบเขาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เขาจะอึดอัดใจเสียเปล่า ๆ ไหนไอ้ภานุวัฒน์นั่นอีก ดูท่าทีแล้วมันไม่ยอมให้น้ำผึ้งหลุดมือมันหรอก แถมรุ่นเดียวกันด้วย”

“อะไรวะยังไม่ทันจะลงแข่งเลย ท้อเสียแล้ว นักกีฬาขี้หมาอะไร”

“บิวตี้ แอนด์ เดอะบีสต์ มันมีเฉพาะในการ์ตูน ชีวิตจริงมันมีแต่ผีเน่ากับโลงผุ...” ว่าแล้ววิธิตก็ถอนหายใจออกมา

“สรุปว่าแกจะถอนตัว”

“ก็ยังไม่ได้ถลำตัวถลำใจอะไรไปลึกซึ้งสักเท่าไหร่หรอก...คิด ๆ ดูแล้วถ้าเนื้อคู่มันจะไม่มีก็อยู่คนเดียวคงจะดีกว่าดิ้นรนไปให้ขายหน้า”

“ทำไมคิดว่าตัวเองไม่หล่อสู้ใครเขาไม่ได้”

“จีบใครแล้วติดสักคนไหมล่ะ ผละหนีไปหมด เสียเพื่อนไปก็ไม่น้อย แล้วที่นี่มีให้เลือกสักกี่คนกัน”

“ตามใจแล้วกัน” เมื่อวิธิตตัดสินใจอย่างนั้น วรรณศุกร์กลับรู้สึกโล่งอกขึ้นมา...

และเมื่อวิธิตวางสายไป เขาก็ผ่อนลมหายใจออกมา วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานแล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกรอบ เป็นสายเรียกเข้าจากคชาพัฒน์

“มีอะไรหรือหน่อง”

“เห็นว่ายังไม่กลับ เดี๋ยวหน่องจะฝากสลัดผักไปให้คุณนายกับป้าสมานหน่อย ของคุณศุกร์ก็มีนะฮะ”

“เดี๋ยวก่อนจะกลับบ้านแวะไปเอาแล้วกันไม่ต้องเดินเอามาให้หรอก”

“ฮะ”

วางสายจากคชาพัฒน์แล้ววรรณศุกร์ก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ อดครุ่นคิดถึงเรื่องน้ำผึ้งกับสารวัตรทะนงศักด์ไม่ได้ ถ้าน้ำผึ้งเห็นดีเห็นงามกับทางลัดไปสู่ความสุขสบายก็น่าเสียดายอนาคต...

ถอนหายใจแล้ว เขาก็รีบคว้ารีโมทปิดเครื่องปรับอากาศ เดินไปสับสวิทซ์ ปิดไฟ แล้วก็ผลักประตูห้องออกไป หลังจากล็อคประตูหลังร้านเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินมาหาคชาพัฒน์ที่ร้าน เพราะคิดว่า ควรจะบอก คชาพัฒน์ให้รับรู้และหาทางป้องกันเรื่องนี้ไว้
เมื่อคชาพัฒน์รู้เรื่อง คชาพัฒน์ก็บอกว่า

“หน่องมั่นใจว่าผึ้งไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงิน เห็นแก่ความสุขสบายชนิดเอาตัวเข้าแลกหรอก”

“ก็เตือนสติบ่อย ๆ แล้วกัน ไอ้ทิตมันว่าท่าทางท่านคนนี้ไม่หยอก กลัวผึ้งจะหลงคารมน่ะ”

“ฮะ ขอบคุณแทนผึ้งนะฮะที่เป็นห่วง”

ตอนนั้นนัยนิตที่นั่งกินสลัดพลางดูโทรทัศน์ไปด้วยชำเลืองดูสีหน้าของวรรณศุกร์ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรเคลือบแคลงอยู่ในความห่วงใยนี้...
กระทั่งวรรณศุกร์ขอตัวกลับบ้านไป นัยนิตจึงบอกว่าคชาพัฒน์ว่า

“ดูท่าทางคุณศุกร์จะห่วงผึ้งมันมากเหมือนกันนะ”

มากเหมือนกันนะ...ทำให้คชาพัฒน์ต้องนิ่วหน้า...ครุ่นคิด...เป็นไปได้ไหมว่า ลึก ๆ แล้ว วรรณศุกร์ก็ชอบน้ำผึ้งอยู่เหมือนกัน...แล้วคชาพัฒน์ก็ต้องส่ายหน้าเพราะว่าวรรณศุกร์นั้นรักภัทรินเป็นอย่างมาก คงไม่มีทางปันใจมาให้เด็กกะโปโลอย่างน้ำผึ้งอย่างแน่นอน...


วันรุ่งขึ้นขณะที่นัยนิตกำลังยืนทำผมให้คุณอี๊ดหรือคุณวิภาเจ้าของรีสอร์ทแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้าง โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของนัยนิตก็ดังขึ้น

“ขอตัวสักครู่นะคะ” นัยนิตละงานที่ทำ ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงคุณวิภาที่นั่งดูนิตยสารไปพลางก็ยกนิตยสารเล่มหนาที่วางไว้บนตักขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา

“มีอะไรหรือทิน”

“เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงผมจะเข้าไปหานะครับ แม่ทำแป๊ะซะปลาช่อน ให้ผมเอาไปให้พี่หน่องครับ”
ข้ออ้างนี้ถือเป็นข้ออ้างที่ไม่น่าเกลียดที่จะได้พบกัน นัยนิตจึงบอกว่า

“อืม...แค่นี้นะ ติดทำผมให้ลูกค้า”

คุณวิภาเห็นรูปของน้ำผึ้งที่คชาพัฒน์อัดขยายใหญ่วางไว้ตรงเคาน์เตอร์กระจกด้านหน้าถือโอกาสชวนนัยนิตคุยต่อ...

“แล้วน้องเขาพร้อมจะขึ้นเวทีระดับประเทศแล้วเหรอ”

“พี่หน่องให้ไปหาประสบการณ์ค่ะ” ถ้าคุยกับลูกค้าที่เป็นผู้หญิงวัยเดียวกับแม่ นัยนิตก็จะพูดจาหวานหู แต่ถ้าเป็นลูกค้าที่เด็กกว่าหรือลูกค้าผู้ชายนัยนิตก็จะ ฮะ ๆ ครับ ๆ แสดงความเป็นทอมบอยให้คนอื่นเห็น ทั้งที่จริง ๆ แล้วนัยนิตก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง และความรู้สึกดี ๆ ที่ประทินเสนอมาให้นี้นัยนิตก็แอบเก็บงำไว้ทั้งที่คชาพัฒน์กับสำลีก็เซ้าซี้ซักถามแล้วว่านัยนิตรู้สึกอย่างไรกับประทินที่ดูจะชอบนัยนิตจริง ๆ

นัยนิตอยากให้เวลาพิสูจน์ใจคน อยากให้เขาชอบตนในแบบที่ตนเป็นอยู่ ไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเธอทั้งสิ้น...

“แล้วถ้าเกิดไปได้ตำแหน่งขึ้นมา ชีวิตน้องเขาจะเป็นอย่างไรนะ”

“คงไม่ง่ายหรอกค่ะ เวทีระดับประเทศ คู่แข่งแต่ละคนกระดูกเหล็กทั้งนั้น ถ้าเจอนางงามอิมพอร์ตละก็จบเลย” แม้จะเป็นคนไม่ช่างพูด แต่ใช่ว่านัยนิตจะปิดหูปิดตาไม่รับรู้เรื่องราวในสังคมรอบ ๆ ตัว

“แต่เวทีนี้เน้นนางงามหน้าตาไทย ๆ อนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทย ทำกิจกรรมทางสังคม มันก็มีลุ้นอยู่นะ”

“ถ้าได้ขึ้นเวทีก็มีลุ้นทุกคนแหละค่ะ” นัยนิตตอบไปแบบกำปั้นทุบดิน...และเมื่อตอบไปอย่างนั้น ต่างฝ่ายจึงนิ่งเงียบ...แล้วโทรศัพท์มือถือของคุณวิภาที่อยู่ในกระเป๋าถือก็ดังขึ้น นัยนิตละมือแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าถือมาส่งให้

“มีอะไรหรือติ๋ว” ติ๋ว คือชื่อลูกสาวของวิภาที่ทำงานอยู่ในกองถ่ายละคร และวันนี้ละครเรื่อง ดอกรักริมธาร ของค่ายเจแอนด์บีเทเลวิชั่น ก็มาถ่ายที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านไพรนัก...

“คุณแม่อยู่ที่รีสอร์ทหรือเปล่าคะ”

“เปล่า แม่มาทำผมอยู่ในตลาดน่ะ”

“อ้าวเหรอ ติ๋วก็กำลังมาที่ตลาด มาหาอุปกรณ์ประกอบฉากเพิ่ม”

“จะแวะหาแม่ไหม”

“แวะค่ะ”

บอกสถานที่ตั้งร้านแล้วคุณอี๊ดก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าถือ นัยนิตที่เสเดินไปกินน้ำที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์คิดเงิน ก็เดินกลับมาหา
“ฉันเก็บกระเป๋าให้ค่ะ”

“ยายติ๋วลูกสาวคนโตโทรมาน่ะ จะแวะมาหา”

“ค่ะ”

“ติ๋วเขาทำงานอยู่ในกองถ่ายละคร เป็นเลขาของผู้จัดละครน่ะ คุณอ๊อดน่ะ รู้จักไหม”

“พอรู้ค่ะ”

“เขาทั้งช่วยเลือกบทประพันธ์ เลือกนักแสดง เฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ ปั้นดารา...อุ้ย ๆ”

“มีอะไรหรือคะ” นัยนิตพลอยตกใจกับคุณอี๊ดไปด้วยเพราะคิดว่าเครื่องมือทำผมไปโดนหนังศีรษะ

“เดี๋ยวให้อิ๋วเขาดูรูปน้ำผึ้งหน่อยดีกว่า เผื่ออิ๋วเขาสนใจ มีอีกไหม เอาแบบยังไม่ได้แต่งหน้าทาปาก ทำผมนางงามนี่นะ เอามาเตรียมไว้ให้อิ๋วเขาดูหน่อย เพราะถ้าน้ำผึ้งเขามีบุญวาสนา ดีไม่ดี เขาอาจจะได้เข้าวงการตั้งแต่ยังไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลยก็ได้นะ”

เป็นอันว่า นัยนิตต้องละมือแล้วรีบขึ้นไปหาคชาพัฒนี่ยังอยู่บนห้องพักเพื่อให้เตรียมหารูปของน้ำผึ้งตอนที่ยังไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องมาเตรียมไว้ให้ ‘แมวมอง’


“หน้าไทย ๆ ดีนะ จมูกโด่ง ผิวคล้ำ ดวงตาสวย ใช้ได้ ๆ เดี๋ยวขอรูปไปให้พี่อ๊อดดูก่อนนะคะ แล้วอีกอย่างอยากให้มีการเทสต์หน้ากล้องสักหน่อย ถ้าขึ้นกล้องวีดีโอนี่ก็มีลุ้นแหละ” ลูกสาวของคุณอี๊ด วิภาบอกกับ คชาพัฒน์เมื่อเลื่อนดูไฟล์รูปในคอมพิวเตอร์ของคชาพัฒน์ประกอบกับดูรูปของน้ำผึ้งตอนแต่งตัวเตรียมขึ้นประกวดและหลังจากได้ตำแหน่งธิดากระท้อนหวานมาพิจารณา

“เจ้าประคุณ ช่วยให้น้ำผึ้งไปกว่ากว่าที่เป็นอยู่ด้วยเถอะ” คชาพัฒน์ยกมือท่วมหัวเพราะไม่คิดว่าคุณอี๊ด วิภานั้นจะกลายมาเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ในแวดวงบันเทิง และน้ำผึ้งเองก็คงคิดไม่ถึงว่า จะมีคนมาสนใจพาตัวเองไปสู่ถนนสายดวงดาว...

“ไฟล์รูปแบบวีดีโอที่วิธิตถ่ายไว้ก็มีไม่ใช่เหรอพี่หน่อง” นัยนิตรีบบอกเพราะอยากช่วยน้ำผึ้งเช่นกัน

“ยังไม่ได้ขอคุณศุกร์มาเลย เดี๋ยวโทรไปถามแป๊บนะว่า กล้องวีดีโออยู่ที่นี่หรือเปล่า หรือคุณศุกร์เอาไฟล์ลงคอมฯ ไว้หรือเปล่า”
ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็รีบกดโทรศัพท์ออกไป

“คุณศุกร์ครับ ที่ร้านมีไฟล์วีดีโอที่ถ่ายตอนประกวดธิดากระท้อนหวานที่ปราจีนหรือเปล่า คือ ลูกสาวพี่อี๊ด คุณติ๋วน่ะ เขาเป็นเลขาคุณอ๊อดผู้จัดละครฯ” คชาพัฒน์อธิบายยืดยาวเพราะอยากประวิงเวลาให้น้องติ๋วอยู่ที่ร้านนาน ๆ และอยากให้วรรณศุกร์รู้ว่าตนเองนั้นตื่นเต้นกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลย

“เดี๋ยวผมอัดลงแผ่นไปให้แล้วกันครับ...รอที่ร้านนั่นแหละ”

อึดใจใหญ่ ๆ วรรณศุกร์ก็พาร่างสูงสมส่วนของตัวเองมาที่หน้าร้านหนิงหน่องแฮร์คัท และพอผลักประตูเข้าไป ลูกสาวของคุณอี๊ดก็รีบลุกขึ้น ยิ้มแย้ม ปรี่เข้าไปทักทาย

“พี่วัน-ศุกร์”

“อ้าว ติ๋ว นึกอยู่เหมือนกันว่าติ๋วไหน ชื่อเหมือนติ๋ว พิชญา ที่แท้ก็จุดไต้ตำตอ”

“อ้าว...รู้จักกันหรอกรึยายติ๋ว” คุณอี๊ด ร้องถามเพราะเห็นลูกสาวมีทีท่าลิงโลดใจเป็นอย่างมาก

“พี่วันศุกร์เป็นพี่รหัสติ๋วค่ะ แม่ติ๋วค่ะ พี่วันศุกร์”

“สวัสดีครับ...วรรณศุกร์ครับ แต่พวกน้อง ๆ ชอบเรียกผมว่า วัน-ศุกร์ กัน” วรรณศุกร์ยกมือไหว้นอบน้อม

“ไม่เจอกันตั้งนานยังหล่อเหมือนเดิม หล่อขึ้นกว่าเดิมด้วยแหละ ดูภูมิฐาน...”

วรรณศุกร์อมยิ้มเมื่อถูกชมต่อหน้า

“นี่นะแม่ ถ้าเมื่อสักสิบปีก่อนติ๋วเป็นแมวมอง พี่ศุกร์ได้เป็นพระเอกละครแน่ ๆ”

“ติ๋วก็พูดเกินไป”

“ไม่เกินไปหรอกค่ะ...นี่แต่งงานหรือยังคะ”

“ยังครับ ยังโสด”

“แต่ไม่สด” คชาพัฒน์แทรกเข้าไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คนเดิมหรือเปล่าคะ เคยเจอครั้งล่าสุด ในร้านอาหารอิตาเลี่ยน คนนั้นรึเปล่า”

“คนเดิมครับ คุณภัทรินนั่นแหละ”

“รักกันนานจังเลย ทำไมไม่แต่งซะที หลายปีแล้วนะคะ”

“ใกล้แล้วหละ...แล้ว ติ๋วล่ะ แต่งงานหรือยัง”

“แต่งแล้วค่ะ แต่ยังไม่มีเจ้าตัวน้อยค่ะ ยังบ้างานกันอยู่ค่ะ”

“แต่งกับใคร”

“แฟนติ๋วเป็น ตำรวจตระเวนชายแดนค่ะ ตอนนี้ประจำอยู่ภาคใต้”

วรรณศุกร์เลิกคิ้ว...แล้วพี่รหัสน้องรหัสก็คุยกันอีกยืดยาว โดยระหว่างนั้นคชาพัฒน์ก็พยายามหาช่องให้วรรณศุกร์ฝากฝังน้ำผึ้งไว้กับน้องรหัส...



เมื่อสองแม่ลูกจากไปแล้ว คชาพัฒน์ที่เป็นเหมือนญาติห่าง ๆ ของวรรณศุกร์ก็พลอยได้หน้าไปด้วยเพราะทำให้ วรรณศุกร์กับพิชญามาเจอกันอีกรอบ

“คุณศุกร์ต้องช่วยน้ำผึ้งให้เต็มที่เลยนะฮะ ตามจิกคุณติ๋วให้หน่องหน่อยนะ”

“ผมว่าของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับวาสนาของน้ำผึ้งเขาด้วยนะ”

“แต่เราก็ต้องขวนขวายด้วย 30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟัน” คชาพัฒน์นั้นยิ่งรู้สึกว่าน้ำผึ้งนั้นจะต้องไปไกลกว่าที่ฝันไว้แน่ ๆ

“แล้วถ้าเขาได้เป็นดารานักแสดง หน่องจะไม่ขาดสาวงามเหรอ”

“แหม เส้นทางนั้นมันดีกว่าการเป็นนางงามก็แล้วกัน แล้วมีลุ้นหลายๆ ทางก็เป็นเรื่องดี”

“อย่างไรก็ลุ้นให้เด็กหน่องรอดปากเหยี่ยวปากกาเสียก่อนเถอะ...ผมถามจ่าสถิตย์แล้วนะ ท่านคนใหม่นี่เจ้าชู้ไม่เบา แล้วก็ชอบแต่วัยขบเผาะเสียด้วย” อันที่จริงวรรณศุกร์ก็รู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยและเมื่อมีโอกาสเขาจึงได้แบ่งเบาน้ำหนักนี้ไปให้คชาพัฒน์ร่วมช่วยกันแบก...
คชาพัฒน์นิ่วหน้าครุ่นคิด

...แต่ยังคิดไม่ทันตก ที่หน้าร้านก็มีรถของประทินเข้ามาจอด...คชาพัฒน์ยิ้มหวานเพราะได้เห็นหน้าหวานใจ...โดยไม่ได้รู้หรอกว่า ประทินนั้นมาธุระอะไร แต่พอจะก้าวออกจากร้านไปหาประทิน นัยนิตก็บอกว่า

“เขาเอาแป๊ะซะมาช่อนมาให้น่ะ”

“รู้ได้อย่างไร”

“เขาโทรมาบอกเมื่อกี้”

“โทรหาเธอ” คชาพัฒน์ถามเสียงสูง หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน

“เจ๊ก็รู้นี่ว่า ประทินเขาดูจะสนนัยนิต ยังจะกระลิ้มกระเหลี่ยเขาอยู่อีก” สำลีแทรกเข้ามา คชาพัฒน์ย่นจมูกอย่างไม่ยี่หระก่อนจะบอกเถียงไปอย่างน้ำขุ่น ๆ ว่า

“สมัยนี้ บางทีเขามีแฟนหญิง คนชายคนก็ได้ย่ะ...ใช่ไหมคุณศุกร์”

วรรณศุกร์ส่ายหน้าดิกและทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่ว่าคชาพัฒน์ก็รีบบอกว่า

“ยังไม่ต้องกลับหรอก อยู่กินปลาช่อนแป๊ะซะด้วยกัน ที่เอามาตัวน่ะใหญ่เป็นกิโล ๆเลยแหละ”

“เจ๊อยู่ในร้านเจ๊รู้ได้อย่างไร”

“เขาโทรมาบอกกับฉันเหมือนกันว่าเขาจะเอาปลาช่อนแป๊ะซะมาให้...เชื่อฉันสิ...”




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2556, 07:35:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2556, 07:35:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1757





<< 13.เขามีคนรักอยู่แล้ว...แล้วความรักที่เธอมีให้เขาล่ะ   15. "ไม่ใช่เป็นแค่เพียงน้ำผึ้งอยู่ในบ้านไพร” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 26 มิ.ย. 2556, 07:35:52 น.
รู้ว่ามีคนคิดถึงน้ำผึ้ง เลยต้องรีบมา...ขอเสียงคนคิดถึงน้ำผึ้งหน่อยค่า...จุ๊บๆ


mottanoy 26 มิ.ย. 2556, 08:14:36 น.
ขอบคุณค่าเอาไปหนึ่งเสียงก่อนเรย


Zephyr 26 มิ.ย. 2556, 09:38:21 น.
คิดถึงคุณศุกร์ค่า ฮ่าๆๆๆๆ
อ่ะ คิดถึงน้ำผึ้งด้วยก็ได้


nunoi 26 มิ.ย. 2556, 11:00:59 น.
คิดถึงทั้งเรื่องเลย อิอิ


เดิมเดิม 26 มิ.ย. 2556, 12:24:24 น.
น้ำผึ้งเป็นดารา ก็ให้พี่หน่องเป็นผู้จัดการไปเลย


คิมหันตุ์ 26 มิ.ย. 2556, 15:15:05 น.
แหม่คุณศุกร์ ไปแซวเพื่อนว่าจะเลี้ยง ท่าทางอีกหน่อยได้เลี้ยงด้วยนะจ๊ะ คิคิ

ปล. คิดถึง หนูผึ้งทู๊กวันจ่ะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:27:43 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account