บัลลังก์ม่านมนตรา
เจ้าวรวรรณวินทิรา ท่านชายภัสรกณ์ หอมจันทร์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ระบำสารภี

บทที่ ๓ ระบำสารภี
ดอกสีขาวเหลืองอ่อนๆร่วงหล่นจากต้นลงลำน้ำที่ไหลเฉื่อย ระลอกคลื่นซัดผ่านเพียงแผ่วเบา
กลีบไม้งามแสนบอบบางเคลื่อนตามเกลียวดูละม้ายคล้ายหญิงงามที่ร่ายรำในมหาราชวัง
“เจ้าตื่นแล้วหรือเจ้าค่ะ”นางอุ่นถามขณะปัดกวาดเรือน
“อืม”เจ้านางตอบเสียงเรียบก่อนสาวเท้าไปข้างหน้า
พฤกษาชาติแมกไม้นานาพรรณทั้งฝาง กรรณิการ์ มะเกลือ มะลิ มะลิซ้อน บานเย็น โศก และซ่อนกลิ่น
มืองามเอื้อมเด็ดดอกมะลิซ้อน กลิ่นอวลหอมรวยระรินประทับตราตรึงในหทัย ดวงหน้าหวานกวาดตามองเหล่าบุปผาชูช่อปลิวไสวล้อสายลม กลีบบางเบาอ่อนหวานงดงามดุจอัปสรร่ายรำในเทวาลัย

เรือนเจชราช
ร่างเพรียวสตรีนางหนึ่งก้าวฉับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยเชิดขึ้นราวนางพญา ร่างบางห่มสไบแพรไหมสีน้ำเงินเข้มจัด ลำคอระหงส์สวมสร้อยพุทธชาดที่เสด็จประทานให้ ก่อนขาเรียวจะก้าวผ่านธรณีประตู
“ท่านหญิงเจ้าค่ะบุตรสาวท่านพระยานรนาถมาเจ้าค่ะ”บ่าวทาสีคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“นังศศิวิมลมันมาทำไมหรือค่ะ หญิงแม่”ท่านหญิงน้อยกล่าว
“แม่ก็ไม่รู้ลูกคงรู้ข่าวตาภัสกับหนูวรรณแล้วสิมันคงจะมางอนง้อตาภัสและอ้อนวอนพวกเรารับมันเข้ามาเป็นเมียอีกคนนะสิ”ท่านหญิงพรรณรายกล่าวเสียงเยาะเย้ย
ทางด้านนอกร่างเพรียวยืนรออย่างกระวนกระวายใจ เมื่อนางรู้ข่าวว่าสามีของนางวิวาห์กับเจ้าวรวรรณเจ้านางจากนครมนต์ธาราราม ดินแดนแห่งหญิงงามและผ้าไหมงาม ว่ากันว่าราชสกุลเธวัญรัตน์ปกครองมาช้านาน
ดั่งไฟไหม้มังสา นางร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ได้ต้องอ้อนวอนร้องขอท่านพ่อมายังราชสกุลเจชราชแต่เมื่อมาถึงกลับถูกกีดกันจากท่านหญิงผู้เป็นแม่ จริงอยู่ที่นางเป็นเพียงลูกเจ้าพระยาคงเทียบกับหม่อมเจ้าวรวรรณไม่ได้แต่นางเป็นภริยาคนแรกของท่านชายภัส นางควรได้สิทธิเข้ามาอยู่ในเรือนนี้
แต่เปล่าเลย ท่านชายภัสกล่าววาจาตัดรอนนางพร้อมทั้งท่านหญิงไพลินกล่าววาจาเหยียดหยามสารพัดทั้งเรื่องชาติตระกูลอีกทั้งยังกลั่นแกล้งป่าวประกาศทั่วพระนครให้ชาวเมืองรู้กันทั่วจนนางอับอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
กระนั้นนางยังบากหน้ามาหาเพียงเพื่อจะแจ้งข่าวไม่สู้ดีสำหรับนางนักเมื่อเวลานี้ได้มีก้อนเลือดอยู่ในครรภ์โภทรของนาง สายเลือดของราชสกุลเจตุรัฐ บุตรเพียงคนเดียวของท่านชายภัสกรณ์
เวลาบ่ายคล้อยนางยังยืนอยู่ตรงหน้าเรือนพร้อมทั้งหอบหิ้วสัมภาระก่อนวางลงข้างตัว มือเรียวปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนถอนหายใจยาว ใบหน้าที่ประทินมาอย่างดีเริ่มกลายสภาพเหนียวหนืดคล้ายเยื่อยางในต้นพืช
“มาหาผู้ใดค่ะ”เสียงหวานล้ำเอ่ยถามพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้
ร่างเพรียวหันขวับไปมองก่อนต้องเบิกตากว้างเมื่อพบเทวนารีจากสรวงสวรรค์ ดวงตาคู่คมหากแต่แฝงความหวานอ่อนโยน ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบเบ่งบาน นุ่งห่มผ้ายกทองประณีตจากราชสำนัก สไบไหมแพรทองนวลสวย ผ้าถุงลายบุปผชาติบอกถึงฐานันดรศักดิ์อันสูงส่ง
“เจ้าเป็นผู้ใด”ศศิวิมลกล่าวเสียงเครียด
“นามของข้า เจ้าวรวรรณวินทิราบุตรีของหม่อมเจ้าภักดิ์ศักดิ์จากนครมนต์ธาราราม”วจีหวานล้ำถูกเอ่ยเอื้อนด้วยนางหงส์
“ท่านมาหาผู้ใดรึ”เจ้านางถาม
“มิใช่การของเจ้า”นางสะบัดเสียงใส่
“ข้ารู้ เพียงแต่เห็นท่านลอบมองอยู่นาน ถ้าเช่นนั้นข้าไปละ”เจ้านางกล่าวพลางก้าวพ้นธรณีประตู
ภายในเรือน
ร่างสูงศักดิ์น้อมทำความเคารพผู้เปรียบเสมือนมารดาก่อนขับรอยยิ้มหวานมอบแก่ท่านหญิงน้อย มือเรียวเอื้อมส่งผ้าให้
“ท่านแม่เจ้าค่ะ อิฉันปักไว้คราที่พระองค์ท่านมอบหมายให้อิฉันดูแลเจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าว
“งามมากหนูวรรณข้าดีใจจริงที่มีสะใภ้อย่างเจ้า”ท่านหญิงดราณีพรรณรายกล่าว
“ผ้าผืนนี้นามว่า ราตรีระยับเจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าวพลางแย้มรอยยิ้มอย่างจริงใจ
“ไพเราะมากเจ้าค่ะ พี่วรรณ”ท่านหญิงไพลินผสมโรง
“ขอบใจจ๊ะ น้องหญิง”
“จริงสิ พี่ทออีกผืนมาด้วยเป็นผ้ากรองทองมอบให้น้องไพลินแลท่านแม่เจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าวพลางหยิบผ้ากรองทองส่งให้
“งามมากเจ้าค่ะ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ พี่วรรณ”ท่านหญิงน้อยกล่าวพลางชื่นชมผ้าในมือ
“ท่านแม่เจ้าค่ะ เมื่อครู่ลูกเห็นหญิงงามนางหนึ่งมาลอบมองเรือนเจตุรัฐ อิฉันถามแล้วก็มิทราบว่าเป็นผู้ใด”เจ้าวรรณกล่าวเสียงนุ่ม
“เอ งั้นรึ นังก่ำเอ็งไปเชิญนางเข้ามาสิ”ท่านหญิงสั่งเสียงเข้ม
“เจ้าค่ะ”นางทาสีกล่าวพร้อมออกไป
เรือนพลับพลา
ร่างบางคมขำนั่งอยู่บนเตียงก่อนจะบรรจงนุ่งสไบผ้ากุศราชก่อนมือสากจะสวมสร้อยบุษราคัมที่ได้ประทานจากเสด็จให้ นับตั้งแต่เมื่อวานทำให้นางตระหนักถึงสถานะอันเปลี่ยนไปที่ต้องเป็นรองจากเจ้านายตนเอง สาวน้อยวัยกำดัดมองตนเองในกระจก
“เจ้าทำให้ข้าพึงใจมากหอมจันทร์”ชายภัสยิ้มพลางมองในกระจก
“มันเป็นหน้าที่ของอิฉันเจ้าค่ะ”หอมจันทร์กล่าวเบาๆก่อนมองเงาของท่านชายในกระจก

เรือนเจชราช
“แม่ไม่ยอมอย่างไรลูกก็ต้องมีเมียเพียงคนเดียว”เสียงหม่อมเจ้าดราณีพรรณรายดังคับห้อง
“แต่ท่านแม่กระผมรักหอมจันทร์”ท่านชายภัสกล่าวพลางโอบร่างเล็กที่ตระหนกสุดขีด
“มิได้หนูวรรณเป็นเมียเจ้า เจ้าจะเอามันเป็นเมียมิได้”ท่านหญิงกล่าวเสียงเครียด
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่อิฉันทนได้”เจ้านางกล่าวเสียงเรียบพลางมองวงแขนที่โอบรัดร่างของนางทาสีซึ่งบัดนี้กลายเป็นเมียน้อยตน
“ท่านชายแล้วข้าล่ะ”เสียงเข้มตวาดดังขึ้นก่อนปรากฏร่างเพรียวสูง
“แม่ศศิวิมลเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าคมเข้มตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“อิฉันก็ไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่นักดอกแต่อิฉันมีข่าวไม่สู้ดีนักจะมาบอก”ศศิวิมลเสียงเครือ
“แล้วมาทำไม”เสียงหวานแผดขึ้นจากท่านหญิงน้อย
“เพลานี้อิฉันตั้งท้อง”เสียงหวานสะบัดใส่
“ท้อง!”คนทั้งห้าประสานเสียงโดยไม่ได้นัดหมาย
ลมแผ่วเบาโชยมาครู่ใหญ่ก่อนกลิ่นหอมหวนอวลตลบของสารภีจะลอยฟุ้งทั่วห้อง หากแต่ในบรรยากาศของเรือนกลับอึมครึมราวกับกำลังจะมีฝนห่าใหญ่ตกลงมาก็ไม่ปาน
“เจ้าจะเอาอย่างไรชายภัส”ท่านหญิงดราณีถามพลางมองหน้าลูกชายที่บัดนี้หัวคิ้วขมวดพันกันจนยุ่ง
“ข้าจะให้หอมจันทร์อยู่ที่เรือนพฤกษา ส่วนแม่ศศิวิมลอยู่ที่เรือนมฤคา”เสียงเข้มตอกกลับ
“แล้วหนูวรรณล่ะ”ท่านหญิงถามเสียงเข้มพลางมองเจ้านางสูงศักดิ์ที่ก้มหน้าอย่างขมขื่น
“แม่วรรณจะต้องอยู่เรือนพลับพลากับข้า”ท่านชายสั่งเสียงเข้ม
ร่างสูงศักดิ์เงยหน้าขึ้นมาก่อนดวงตาคู่หวานจะสบสายตากับชายภัส ในขณะที่ศศิวิมลจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาชิงชัง ส่วนหอมจันทร์เงยหน้ามองเจ้าวรวรรณก่อนแย้มรอยยิ้มบางๆ
“แม่ดีใจที่เจ้าให้หนูวรรณไปอยู่ที่เรือนเจ้า”ท่านหญิงดราณีเอ่ยบอกลูกชายพลางแย้มรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอรับ ท่านแม่”ชายหนุ่มกล่าวพลางเสมองไปทางอื่น
ตะวันใกล้บ่ายคล้อย ชายหนุ่มฉกรรจ์สามคนหามหีบเก่าโบราณลงมาโดยมีนางอุ่นบ่าวรับใช้คอยกำกับ
“เอาไปวางไวดีๆนะโว้ย หีบนั้นสมบัติสมัยราชวงศ์เชียวนะ”เสียงแก่ชราสั่ง
“เออ พวกข้ารู้แล้วน่า”หนึ่งในชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกล่าว
“เอะอะอะไรกันรึ แม่อุ่น”เจ้าวรวรรณถาม
“ปล่าวดอกเจ้าคะ เจ้าจะให้อิฉันรับใช้อะไรหรือเจ้าคะ”นางอุ่นถามพลางนั่งคุกเข่าลง
“มิมีอันใดหรอก เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ”เสียงใสแว่วหวานตอกกลับ
ฉับพลันก็มีชายฉกรรจ์สองนายเดินเข้ามาก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอันดั้งเดิม
“เจ้าขอรับ ท่านชายภัสกรณ์มีรับสั่งให้เชิญเจ้าขึ้นเรือนขอรับ”
“อืม”เสียงหวานลอดผ่านลำคอ
“นางอุ่น ข้าพร้อมแล้ว”เสียงหวานใสกล่าวพลางจ้องมองใบไม้เบื้องหน้าปลิวร่วงหล่นจากขั้วลงสู่ผืนดิน



เพียงภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2556, 15:11:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2556, 15:11:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 916





<< เล่ห์มะลิลา   เหมันต์ราตรี >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account