หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ สิบห้า : ทำคะแนน


“คุณชินชนะใช่ไหมครับ นี่คุณมาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้”

เป็นคำถามชุดใหญ่ที่ลูกค้าแว่นหนาของเหนือฟ้า...มาวินยิงเข้าใส่ ซึ่งชินชนะเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร เพราะนอกจากความประหลาดใจของอีกฝ่าย ยังมีสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเป้าหมายอย่างอิงตะวันจับจ้องอยู่ด้วย ถ้าความแตกตอนนี้ทุกอย่างก็จบ แต่ในเมื่อเขาเป็นถึงผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของบริษัทนักคิด มีหรือว่าเรื่องอย่างนี้จะคิดหาทางเอาตัวรอดไม่ได้

“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้คนที่น่าจะอายุไล่เลี่ยกัน ก่อนแสร้งยิ้มเป็นมิตร “ผมไม่ใช่ชินชนะหรอกครับ ชินชนะนั่นมันพี่ชายผม”

“พี่ชาย?”

“ครับ ผมชื่อชัย เป็นน้องชายฝาแฝดของพี่ชิน”

“ฝาแฝด” มาวินทวนคำด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ก่อนขยับแว่นจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

แม้เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเมื่อหลายวันก่อน แต่เจ้านายที่เข้ามาตามตัวเออีสาวกลับไปวันนั้นก็ยังอยู่ในความทรงจำของเขา แล้วเด็กหนุ่มหน้าขาว ตาตี่ ตัวสูงผึงผายคนนี้ ก็มีลักษณะทุกอย่างเหมือนชินชนะจนยากจะเชื่อว่าเป็นคนละคนกัน.... นอกจากผมที่สั้นลง ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่าง

“ก็ใช่นะสิ ทำไมคนถึงได้ชอบทักผิดนักก็ไม่รู้ หน้าผมออกจะเด็กกว่าตั้งเยอะ”

ชินชนะที่อุปโลกน์ตัวเองว่าชื่อชัยว่าพร้อมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายได้อย่างแนบเนียน แต่นายแว่นหนาก็ดูจะไม่เชื่อ

“แต่เมื่อกี้น้องเรียกชื่อพี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรู้จักล่ะ เราไม่เคยเจอกันมาก่อนนี่”

เออ... นั่นสิ ไอ้หมอนี่หูดีเกินไปแล้ว ขนาดเขาพึมพำเบาๆ ยังได้ยิน แถมยังเอาเรื่องนี้ย้อนกลับมาเล่นงานเขาอีก แต่อย่างนี้สิมันถึงจะสนุกหน่อย

“ก็เมื่อวันก่อนผมไปกับพี่ชิน เห็นพี่ที่ร้านอาหารกับพี่เหนือ ก็เลยถามพี่ชินว่าพี่เป็นใคร ทำไมถึงไปยุ่งกับพี่เหนือ พี่ชินก็เลยบอกว่าพี่ชื่อมาวิน เป็นลูกค้าของพี่เหนือ”

“น้องรู้จักคุณเหนือด้วยเหรอ” มาวินถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเกินปกติ ทำให้ชินชนะแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ขณะที่อิงตะวันซึ่งเงียบมานานโพล่งถามทันที

“เหนือคือใคร”

วินาทีนั้นเองชินชนะก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนตอบ

“พี่เหนือเป็นแฟนพี่ชิน ทำไมผมจะไม่รู้จักล่ะ”

คำตอบเขาของทำให้หน้าขาวๆ ของคนใส่แว่นซีดเผือดลงไปอีก ต้องใช้ความพยายามมากจริงๆ ที่จะซ่อนรอยยิ้มสะใจเอาไว้

“พี่หนึ่ง เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” เด็กสาวถามห้วนด้วยความเป็นห่วง ซึ่งก็เรียกสติของมาวินกลับคืนมาได้ ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองโดยไม่รู้ตัว

“เปล่าครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไร...” เขาตอบแสนสั้น ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “พี่ต้องไปแล้ว ดีใจที่ได้รู้จักน้องนะ ไปล่ะอิง”

มาวินกล่าวลาก่อนก้าวจากไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเด็กสาว ชินชนะโบกมือไล่หลังอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะสำเหนียกได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาอย่างไม่เป็นมิตร

“รู้จักพี่หนึ่งได้ยังไง” เด็กสาวในชุดนักศึกษาถามเสียงห้วน ไม่สิ เรียกว่าตะคอกถามน่าจะถูกต้องกว่า แต่ถึงจะไม่น่าฟังอย่างไร นี่ก็คือการเริ่มต้นบทสนทนาจากคุณหนูที่เมื่อวันก่อนไม่ยอมพูดกับเขา เขาควรจุดพลุฉลอง หรือปิดซอยเลี้ยงดีนะ

“อยากรู้ทำไม”

“ฉันถาม ตอบ อย่าย้อน”

“ไม่ย้อนไม่ได้ น้องอยากรู้ พี่ก็อยากรู้ พี่แก่กว่า น้องก็ตอบพี่ก่อนสิ”

เหตุผลที่ไม่เข้าท่าทำให้อิงตะวันขมวดคิ้ว มองเขาเหมือนมองสัตว์ประหลาด ชินชนะคิดว่าถ้าปล่อยไว้นานเธออาจจะสะบัดหน้าหนีเพราะความหงุดหงิด จึงรีบเอ่ยต่อ “น้องดูไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร แล้วทำไมถึงอยากรู้เรื่องของคุณมาวิน หรือว่า…”

“หรือว่าอะไร” เสียงที่สะบัดขึ้นและใบหน้าที่แดงก่ำ ทำให้ชายหนุ่มมากประสบการณ์เริ่มมั่นใจได้ว่าสันนิษฐานของตัวเองถูกต้อง ปฏิกิริยาอย่างนี้ไม่ต้องเดาเป็นอื่นเลย

“น้องชอบคุณมาวินเหรอ”



เด็กสาวร่างบางในชุดนักศึกษากับกระโปรงพลีท กระแทกส้นเท้าลงจากรถหรูที่จอดเทียบบันไดหินอ่อนของคฤหาสน์หลังงามด้วยความหงุดหงิด เหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันยังทำให้เธอโกรธจนถึงตอนนี้ ผู้ชายคนนั้น... คนที่ตอนนี้เธอจำได้แล้วว่าเขาเคยยืมเงินเธอ และมาวุ่นวายกับเธอเมื่อหลายวันก่อน กล้าดีอย่างไรมาเดาสุ่มว่าเธอรู้สึกอย่างไร ไม่มีมารยาท แย่ที่สุด

‘พูดอะไร ไม่ใช่!!!’ เธอตอบเขาไปอย่างนั้น แต่เขาก็ยังทำเหมือนว่าเรื่องส่วนตัวของเธอ เป็นเรื่องที่คนแปลกหน้าอย่างเขาสามารถเข้ามายุ่งได้

‘น้องนี่เก็บความลับไม่เก่งเลยนะ สีหน้ามันฟ้องหมดแล้ว มาปรึกษาพี่ได้นะ เรื่องแบบนี้พี่ถนัด’

‘อย่ามายุ่ง!!!’

‘ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงกระด้างหรอก ไหน พูดเพราะๆ เป็นไหม อย่ามายุ่งค่ะ ลองพูดสิ’

‘หุบปาก!!! น่ารำคาญ’

‘ผู้หญิงหยาบคายก็ไม่ใช่สเปกของผู้ชายส่วนใหญ่เหมือนกัน เว้นเสียแต่ว่าคุณมาวินจะชอบของแปลก แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าชอบพี่เหนือ’

‘เหนือไหน’

‘ก็เหนือฟ้า แฟนพี่ชายพี่ไง เมื่อกี้พี่ก็พูดไปแล้ว น้องก็น่าจะได้เห็น ตอนที่คุณมาวินได้ยินชื่อพี่เหนือ เขามีปฏิกิริยายังไง ของแบบนี้ แค่มองตาก็รู้แล้ว ซึ่งถ้าสาวในฝันของเขาคือพี่เหนือแล้วล่ะก็ น้องก็คง...’

เขาเว้นจังหวะ ทำเป็นไม่พูด แต่อย่างว่า ของแบบนี้ แค่มองตาก็รู้ เธอจึงกำมือแน่นด้วยความโกรธ ก่อนตวาดกลับทันที ‘ไม่ได้ถาม!!!’

‘ก็อยากบอก อยากช่วย ...ถ้าคุณมาวินจีบพี่เหนือจริงๆ ก็เท่ากับว่ากำลังแย่งแฟนของพี่ชายพี่ น้องชายที่ดีจะอยู่เฉยได้ไง จริงไหม งานนี้ถ้าเราร่วมมือกัน ก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย’

เขายื่นข้อเสนอมา ซึ่งก็ทำให้เธอยิ่งไม่ไว้ใจ ‘ไม่ใช่แค่นี้หรอก... ต้องการอะไรกันแน่’

อีกฝ่ายชะงักไปเมื่อโดนถามตรงๆ แต่แทนที่จะแสดงพิรุธอะไรมากกว่านั้นให้เห็น เขากลับยิ้ม แล้วเอ่ยช้าชัด ยามจ้องกลับไม่วางตา

‘ต้องการเป็นเพื่อน’

เพื่อนอย่างนั้นเหรอ? เธอไม่เชื่อหรอก

“กลับมาแล้วเหรอค้าคุณหนูอิง ตรงเวลาจังเลยนะค้า สี่โมงเย็นปุ๊บก็กลับบ้านปั๊บ ไม่คิดจะไปทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ บ้างเลยเหรอ อุ้ยตาย ฉันก็ลืมไป คนอย่างคุณหนูอิง จะไปมีกิจกรรมได้ยังไง แค่เพื่อนสักคน ยังหาไม่ได้เลย”

เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากบันไดขั้นบนสุดปลุกอิงตะวันจากความหลัง เธอเงยหน้ามอง ก่อนจะเห็นหญิงสาวร่างอวบอัดแต่งหน้าจัดในชุดกระโปรงสั้นกุด ยืนกอดอกส่งยิ้มเหยียดมาให้ ไม่ต้องคิดอะไร เด็กสาวรีบปราดขึ้นไปหาอีกฝ่ายทันที

“ใครอนุญาตให้เธอมาที่นี่!!” อิงตะวันยืนเทียบ จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเคืองแค้น ท่ามกลางความตกใจของเด็กรับใช้ที่ตั้งแถวรอรับ รวมทั้งอำไพและเด็กใหม่ที่ชื่อน้อยหน่าด้วย

“จะต้องให้ใครอนุญาต ในเมื่อฉันเป็นเมียเจ้าของบ้าน”

“หน้าด้าน!!” อิงตะวันกำหมัดแน่น เมื่อเห็น ‘เมียน้อย’ ของพ่อ หรือที่เคยแนะนำตัวกับเธอเมื่อนานมาแล้วว่าชื่อ กิ่งกาญจน์ ลอยหน้าลอยตาอย่างจงใจยั่วโทสะ

“คุณหนูอิงอย่าพูดแบบนี้เลยนะคะ เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง เพราะอีกไม่นานฉันก็ต้องมาอยู่ที่นี่ มาอยู่กับคุณอิสระ คุณหนูควรจะหัดเรียกฉันว่าแม่ให้ชินปากนะคะ ไหนพูดสิคะ แม่....”

“หุบปากเดี๋ยวนี้!!”

ลูกสาวเพียงคนเดียวของอิสระแผดเสียงดังด้วยความโกรธจัด ความโมโหที่สั่งสมอยู่ในใจมาทั้งวัน ทำให้เธอง้างมือขึ้นเตรียมทำร้ายผู้หญิงไร้ยางอายเพื่อระบายความหงุดหงิดเต็มที่ แต่หัวหน้าแม่บ้านก็รีบวิ่งเข้ามาห้ามเสียก่อน “อย่าค่ะคุณหนู อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ”

แม้หญิงสูงวัยจะโมโหไม่แพ้กัน แต่เธอก็หวั่นจับจิตจับใจว่าเด็กสาวที่เธอเลี้ยงดูมาแต่เล็ก จะทำการรุนแรงออกไปจริงๆ ยิ่งเมื่อกิ่งกาญจน์แสยะยิ้มเยาะเย้ย แล้วอิงตะวันโผตัวจะไปเล่นงานอีกรอบ เธอก็ต้องออกแรงห้ามจนสุดกำลัง

“ออกไปจากบ้านฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”

“แจ้งเลยสิ” กิ่งกาญจน์ท้าทายอย่างชอบใจ “ฉันอยากให้เรื่องถึงตำรวจมานานแล้ว ใครๆ จะได้รู้กันสักทีว่าฉันเป็นใคร แจ้งเลยสิ แจ้งเลย ฉันอยากให้สังคมได้รู้ว่าฉันนี่แหละ ‘เมีย’ ของคุณอิสระ”

สาวปากแดงว่าอย่างมั่นใจ ก่อนยิ้มเยาะอีกครั้ง เมื่อเห็นคุณหนูปากร้ายได้แต่กำมือแน่น ใครๆ ก็รู้ว่าพวกนักธุรกิจใหญ่มีหน้ามีตาในสังคมที่ต้องรักษา ไม่ยอมมาเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องแบบนี้หรอก นี่ก็คงสั่งคนในบ้านไว้แล้ว ว่าห้ามมีเรื่อง ไม่อย่างนั้นยายคุณหนูคงไม่ยอมเงียบ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เข้ามาเวลานี้... เวลาที่อิสระไปดูงานต่างประเทศ จะได้ไม่มีใครมาห้ามเธอได้

“นี่พวกแกน่ะ เอากระเป๋าฉันไปเก็บสิ ยืนบื้อกันอยู่ได้” ประโยคหลังกิ่งกาญจน์หันไปสั่งเด็กรับใช้คนอื่น แต่ทุกคนต่างก็ไม่กล้าลงมือทำอะไร เธอจึงต้องกระชากคนที่อยู่ใกล้ที่สุดมา แล้วกดไหล่ให้ก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นจากพื้น

“ฉันจะมาอยู่ที่นี่ ทำตัวกับฉันดีๆ นะคุณหนูอิง ไม่อย่างนั้น ฉันจะประกาศให้ทั่วเลย ว่าฉันนี่แหละ ‘เมีย’ คุณอิสระ”

“เห็นทีจะไม่ง่ายอย่างนั้นมั้งคะ”

อยู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ก่อนที่สาวรับใช้หน้าจืดในเสื้อผ้าฝ้ายกับกระโปรงผ้าซิ่นจะก้าวออกมาจากปลายแถว โดยมีสายตาแห่งความประหลาดใจของทุกคนจับจ้อง

“คุณคงลืมไปแล้วว่าสังคมไทย ไม่ได้ยกย่องให้เกียรติคนเป็นเมียน้อยเลยสักนิด มีแต่จะดูถูก เหยียดหยาม ตราหน้าว่าพวกไม่มีการศึกษา วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่วิ่งไล่จับผู้ชาย ซึ่งต่อให้คุณจะหน้าชื่นตาบานรับคำกล่าวหาเหล่านั้นได้ แต่คิดถึงครอบครัวของคุณบ้างเถอะค่ะ ถ้าไม่มีพ่อแม่แล้ว ก็คิดถึงลูกในอนาคตบ้าง คุณคงไม่อยากให้ลูกของคุณเสิร์จหาคำว่า ‘เมียเก็บ’ จากในกูเกิล แล้วปรากฏหน้าคุณขึ้นมาหรอกใช่ไหมคะ”

คำพูดยาวเหยียดของหญิงสาวแปลกหน้าทำให้กิ่งกาญจน์อึ้งไปนาน ก่อนจะควานหาเสียงตัวเองเจอ

“แกเป็นใคร?” เธอถาม และเมื่อสังเกตเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่ มุมปากจึงเหยียดออกอย่างดูแคลน “เป็นแค่คนรับใช้ อย่าสะเออะ”

“เป็นพี่เลี้ยงค่ะ สมัครมาเป็นพี่เลี้ยง ไม่ใช่คนรับใช้ แต่ถ้าคุณถามว่ามันแตกต่างกันอย่างไร นาทีนี้ฉันก็คงต้องยอมรับว่ามันเหมือนกัน ฉันเป็น ‘คนรับใช้’ ของคุณหนูอิง มีหน้าที่ดูแลให้คุณหนูอยู่อย่างสบายใจที่สุด เศษฝุ่นเหลือบไรอะไรที่มัน...สกปรก ฉันก็ต้องปัดมันทิ้งไป และในฐานะคนรับใช้ ฉันขอแนะนำให้เมียเก็บอย่างคุณกลับไปรอที่เดิมที่คุณจากมาดีกว่า... คุณอำไพคะ ช่วงนี้ช่วยปิดหูคุณหนูที่น่ารักของเราด้วยนะคะ นั่นแหละค่ะ ดีมาก.... สำหรับคุณนะคะ การนอนรอคุณอิสระอยู่บนเตียง คงง่ายและเหมาะกับคุณมากกว่าจะมาร้องแรกแหกกระเชอสิทธิภรรยาที่นี่ แล้วก็...อีกนึงนึงนะคะ ฉันอยากจะเตือนอะไรสักอย่าง การที่คุณมาที่นี่วันนี้เพราะคุณรู้ว่าคุณอิสระไม่อยู่ใช่ไหมคะ แต่คุณลืมไปแล้วหรือว่า ถ้าท่านกลับมาท่านจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง คุณอิสระไม่ใช่คนโง่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ อะไรหรือใครก็ตามที่ทำให้ชีวิตของท่านวุ่นวาย ท่านไม่ปล่อยไว้แน่”

นางสาวน้อยหน่าว่าเสียงเด็ดขาด ก่อนส่งยิ้มเย็นยะเยือกที่ทำให้คนฟังขนลุกชันโดยไม่รู้ตัว กิ่งกาญจน์พอมีสมองอยู่บ้าง จึงฉุกคิดได้ว่าที่อีกฝ่ายพูดมานั้นเป็นความจริง อิสระอาจหลงในกามรมณ์ที่เธอปรนเปรอ แต่เขาคงไม่ปล่อยเธอไว้ หากเธอทำลายชื่อเสียงของเขาจริงๆ

“ก็ได้ วันนี้ฉันจะกลับ แต่ฝากไว้ก่อน”

“ฝากได้ค่ะ แต่อย่านานนะคะ ดอกเบี้ยสมัยนี้มันสูง เดี๋ยวคุณจะไม่มีปัญญาจ่าย”

เหนือฟ้าทิ้งท้าย จึงได้สายตาแห่งความเกลียดชังจากอีกฝ่ายจ้องมองมา เธอมองตามร่างอวบอัดสะบัดหน้าหนีไป ก่อนที่เสียงตบมือจากบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพจะดังขึ้นอย่างชื่นชม

แต่ถ้าคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณหนูอิงปลาบปลื้มด้วยละก็... คิดผิดถนัดเลย



“ฉันไม่ขอบใจหรอกนะ เรื่องเมื่อตอนเย็น เธอเสนอหน้ามายุ่งเอง ฉันไม่ได้ขอ”

เด็กสาวร่างบางในชุดนอนตัวยาวกล่าวเสียงห้วนอย่างถือตัว ขณะที่เด็กรับใช้คนใหม่ซึ่งถูกเรียกให้มาพบภายในห้องนอนส่วนตัวยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ข้างเตียง

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำนั้นจากคุณหนูอิงอยู่แล้ว”

นางสาวน้อยหน่าตอบอย่างที่ใจคิด ซึ่งก็มั่นใจได้เลยว่า หากเงยหน้าขึ้นมา คงได้เห็นสายตาแห่งความไม่พอใจของอีกฝ่ายเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคนที่นั่งกอดอกบนเตียงสี่เสาคงไม่ตวาดกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองหรอก

“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ป้าอำไพไม่ได้อบรมเหรอ ว่าควรพูดยังไงกับฉัน”

“อบค่ะ” ทั้งอบ ทั้งรม จนตัวเธอจะไหม้เกรียมอยู่แล้ว นับตั้งแต่วันที่เธอหนีออกจากบ้านไปหามาก้องพิภพ แล้วกลับบ้านเกือบค่อนคืน เธอก็โดนหัวหน้าแม่บ้านเรียกไปอบรมจนหูชา วันต่อมา...หลังเธอหลบหนีไปหาลูกค้า กลับมาก็เจอการอบรมอีกชุดใหญ่ อำไพอบรมเธอทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ว่าเธอก็ยังฝืนกฎอยู่ร่ำไป

“อบรม? แล้วเธอยังกล้าพูดแบบนี้กับฉันเนี่ยนะ”

“ค่ะ”

“อยากโดนไล่ออกใช่ไหม”

“ไม่อยากค่ะ”

“เอ๊ะ!! นี่เธอจะกวนประสาทฉันหรือไง ถามคำตอบคำ”

“ก็คุณหนูถาม ต้องการแค่คำตอบ ฉันก็ตอบ คุณหนูไม่ได้ถามเพื่อต้องการคำอธิบายสักหน่อยนี่คะ”

“เธอนี่ย้อนเก่งนะ พูดจาไม่เหมือนคนอื่น ไม่กลัวฉัน...” เด็กสาวตั้งข้อสงสัย ก่อนใช้สายตาคมกริบแบบเดียวกับบิดา มองอีกฝ่ายอย่างประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้า “พ่อส่งเธอมาใช่ไหม”

อุ้ยตาย....ทันคนเหมือนกันนะจ๊ะ ฉลาดหรือขี้ระแวงล่ะ แต่ก็สมแล้ว ที่เป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจมากความสามารถ ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา.... “ใช่ค่ะ คุณอิสระให้ฉันมาเป็นพี่เลี้ยงของคุณหนู”

“แต่ฉันไม่ต้องการ” อิงตะวันปฏิเสธเสียงกร้าวทันที แต่เหนือฟ้าก็แค่ยักไหล่

“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ยังไม่ต้องการ ฉันเป็นแค่คนรับใช้ไปก่อนก็ได้ วันไหนอยากได้ ก็ค่อยไปเป็นพี่เลี้ยง”

“คงไม่มีวันนั้นหรอก” เด็กสาวว่าเสียงเยาะ ก่อนไล่ “ออกไปได้แล้ว”

“ออกไปจากไหนคะ ออกไปจากบ้าน หรือแค่ออกไปจากห้อง”

“ถ้าโง่มากก็ออกไปจากบ้าน แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” เด็กสาวว่าด้วยเสียงเบื่อหน่าย ขณะที่เหนือฟ้าลอบยิ้มด้วยความพอใจ

“ขอบคุณนะคะคุณหนูอิง พอดีฉันฉลาด ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวออกไปจากห้องก็พอค่ะ ไปล่ะนะคะ ฝันดีค่ะ” หญิงสาวว่าเตรียมจะหมุนตัวออก แต่ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงหันกลับมาใหม่

“มีหนึ่งเรื่องที่ฉันอยากบอกแม้ว่าคุณหนูจะไม่ได้ถาม เรื่องเมื่อตอนเย็น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเป็นฮีโร่ปกป้องคุณหนูหรอกนะคะ แต่ฉันทำเพราะอยากทำจริงๆ ฉันรู้ค่ะว่าการที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคน มันไม่ใช่เรื่องสนุกของคนที่อยู่ข้างหลังเลยสักนิด”

แล้วเธอก็ก้าวจากไป ทิ้งให้เจ้าของห้องมองตามด้วยความสงสัย

มีหลายอย่างที่น่าแปลกใจเกี่ยวกับคนรับใช้คนใหม่ ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เคยส่งพี่เลี้ยงมาคอยดูแลรับใช้เธอ แต่ผู้หญิงคนนี้มีบางอย่างที่แตกต่าง อาจจะต่าง...พอๆ กับผู้ชายแปลกๆ ที่เธอได้เจอวันนี้

อยากเป็นพี่เลี้ยงเหรอ อยากเป็นเพื่อนเหรอ...หึ เธอไม่เชื่อหรอก



ทันทีที่ประตูปิดลง ริมฝีปากที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มก็เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์

อยากขอบคุณแม่สาวอกสะบึมอึ๋มกระชากใจคนนั้นเป็นพันครั้ง ที่โผล่เข้ามา ‘ร้าย’ ได้อย่างถูกจังหวะ พี่เลี้ยงคนใหม่เลยได้โอกาสแสดงบทบาท แบบไม่ต้องลำบากสร้างแผนแสนดีให้เสียเวลา

แม้ว่าคุณหนูอิงจะไม่ได้ซาบซึ้งตื้นตันกับสิ่งที่เธอทำ แต่การเรียกเธอมาคุยในห้องก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เธอพอใจกับการขยับเข้าใกล้หลังถูกกันให้อยู่ห่างเสียหลายวัน อย่างนี้การลงทุนปลอมตัวมาเป็นคนรับใช้ เอ๊ย พี่เลี้ยง ค่อยคุ้มค่าหน่อย

เหนือฟ้าหรือนางสาวน้อยหน่าคิดด้วยความกระหยิ่มใจ ก่อนใบหน้ารูปหัวใจจะเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด

เหตุการณ์เมื่อตอนเย็นทำให้เธอรู้สาเหตุ อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่เธอก็เชื่อว่าน่านี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณหนูอิงมีพฤติกรรมแปลกแยกจากเด็กคนอื่น เมียน้อยของพ่อตามมาอาละวาดถึงบ้าน… ลูกคนไหนจะรับได้

คิดแล้วก็เห็นใจปนเจ็บใจ เพราะความมักมากของผู้ชายแท้ๆ ที่ทำร้ายหัวใจผู้หญิงไม่หยุดไม่หย่อน ไม่เมียก็ลูกนี่คุณอิสระจะรู้บ้างไหม ว่าตัวเองนั่นแหละเป็นคนจับลูกสาวไปแขวนไว้บนหอคอยแห่งความผิดหวัง ความเสียใจเพียงหนึ่งครั้ง อาจทำให้คนๆ หนึ่งสร้างกำแพงสูงชันเพื่อปกป้องตัวเอง โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งผ่านการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่... นึกถึงตรงนี้พี่เลี้ยงคนใหม่ก็อดชื่นชมคุณหนูของตัวเองไม่ได้ เสียแม่ไปตอนอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงซึ่งมักทำให้ความคิดเปลี่ยนไป ก็ไม่ได้ทำให้อิงตะวันหนีออกจากบ้าน ติดยา หรือท้องก่อนแต่ง กลับกันเด็กสาวก็ยังเรียนจบแถมสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ ‘แค่’ ไม่พูด ไม่สุงสิงกับใคร ก้าวร้าวเอาแต่ใจ โมโหร้าย และก็...ชอบพ่นกำแพงเท่านั้น

ถึงไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ แต่เหนือฟ้าก็คิดว่าตัวเองสามารถรับมือไหว แม้ไม่รู้ว่าวิธีไหน แต่อย่างน้อยเธอก็เข้าใจหัวอกคนที่ต้องเจอผู้ชายหลายใจ ยังไง เธอก็ต้องทำให้อิงตะวัน กลับมาเป็นเด็กสาวที่น่ารักให้จงได้

เชื่อมือเธอเถอะ




---------------------------------------------------------------------------------------
คุณแตงกวา : 5555 คุณชินชนะของเราโกหกเก่งมากค่ะ ไหลตลอดๆ + ขอบคุณสำหรับกำลังในนะคะ สู้ตาย!!!
คุณดังปัณณ์ : เข้าแล้วออกอย่างไวเลยค่ะ 555
คุณภาวิน : ขอบคุณมากนะคะ สำหรับกำลังใจ แล้วก็ที่ชอบพ่อชินชนะของเค้า ><
คุณ Sukhumvitt66 : ไม่แตกค้าไม่แตก แตกง่ายเดี๋ยวไม่สนุก 555
คุณ OhLaLa : กราบขอบพระคุณสำหรับกำลังใจนะคะ พยายามปั่นต่อไป 55555
คุณ nunoi : บอกแล้วค้าว่าโลกมันกลมดิ๊ก


ขอบคุณนักอ่านทุกๆ ท่าน และเพื่อนนักเขียนทุกคนนะคะที่แวะเข้ามาอ่าน มาให้กำลังใจกัน สู้ต่อไปค่ะ เทคาชิ หรือทาเคชิ ><"



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2556, 00:00:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2556, 10:44:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1391





<< บทที่ สิบสี่ : โลกกลมเกินไปหรือเปล่า   บทที่ สิบหก : ลักพาตัว!?! >>
พันธุ์แตงกวา 17 ก.ค. 2556, 00:20:34 น.
คุณชิน รอดมาได้แบบแถๆเนียนๆเฉยเลย สุดยอดน่ะ ฮ่าๆๆ
แบบนี้คืออิงตะวันแอบชอบคุณมาวิลล แน่เลย
มันมีกูเกิ้ล โปรแกรมเสิร์ชเมียเก็บด้วยเหรอเนี่ย เหนือฟ้าเอ้ย!


Auuuu 17 ก.ค. 2556, 00:37:33 น.
ชอบคำพูดมากกก เลิศๆๆ


ภาวิน 17 ก.ค. 2556, 10:26:24 น.
อ่านตอนนี้แล้วกลับชอบสาวอกซะบึมอึ๋มกระชากใจแฮะ คุณหนูกับพี่เลี้ยงนี่ทันกันดี คุยกันทีนี่อ่านเพลินเลย


Sukhumvit66 17 ก.ค. 2556, 10:37:45 น.
เอ่อ คุณชิน สีข้างถลอกนะ ทายาซะด้วยละ 5555


nunoi 17 ก.ค. 2556, 10:38:22 น.
เอาหล่ะสิ ได้เข้าใกล้คุณหนูอิง กันทั้งคู่เลย


OhLaLa 17 ก.ค. 2556, 11:08:28 น.
คุณชินชนะเนี่ยเรียกว่า กะล่อนได้หรือเปล่า ขนาดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไม่พอแถมยังพูดกันท่าคุณหนึ่งอีก


เดิมเดิม 17 ก.ค. 2556, 15:45:14 น.
เนียนตลอด นายชินกับชัยชนะ


ดังปัณณ์ 18 ก.ค. 2556, 09:10:34 น.
เข้าใจความรู้สึกหนูอิงเลยอ่ะ TT^TT ป๊ะป๋าไมเปนคนเงี้ยยยยย ว่าแต่ คุณชินชนะ ใส่ยาที่สีข้างด้วยนะค้า 555+ ฝาแฝดป้าด พ่อคุณเอ๊ยยยยยยยยยย อิๆ แอบน่ารักอ่ะคุณชิน หุๆ


kaelek 18 ก.ค. 2556, 20:36:28 น.
เหนือฟ้า จัดเต็ม ซะใจจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account