น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 30. “จิตใจของผึ้งนี่นางงามมากเลยนะ...”

30.

ช่วงฝึกงานอยู่ใน สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง ภานุวัฒน์นำรถยนต์ของที่บ้านไปใช้ และบนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่บ้านไพรระหว่างที่รถติดไฟแดง เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเมื่อมีสัญญาณข้อความเข้า...และเขาก็ต้องนิ่วหน้าแปลกใจที่เห็นรูปใบหน้าของผู้หญิงห่มสไบเฉียงเกล้าผมสวมเครื่องประดับแพรวพราวใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันนั้นทำให้เขาต้องเพ่งพิศอยู่นาน...

“หึ้ย...นี่มันนงลักษณ์นี่ แต่งตัวทำไม อย่าบอกนะว่า...ลักษณ์ขึ้นเวทีแข่งกับผึ้ง” ก่อนหน้านั้นนงลักษณ์ไม่ได้บอกกับเขาเลยว่าจะขึ้นเวทีประกวดนางนพมาศ และที่เขารีบขับรถกลับบ้านไพรในค่ำวันนี้ก็เพื่อจะไปเชียร์น้ำผึ้ง

ภานุวัฒน์ต่อโทรศัพท์หานงลักษณ์ แต่ว่าปลายสายก็ไม่ยอมรับสายเรียกเข้าจากเ เขาเร่งความเร็วเพราะอยากรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ กระทั่งถึงบริเวณลานจอดรถ เขารีบดุ่มเดินไปยังหน้าเวทีประกวดในทันที...และด้วยอารามเร่งรีบ เขาจึงไม่เห็นว่าทางด้านซ้ายมือก็มีผู้ชายคนหนึ่งถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่มุ่งเดินไปทางหน้าเวทีด้วยความเร่งรีบเช่นกัน...

“อุ้ย ๆ ขอโทษครับ” ภานุวัฒน์ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจชั้นประทวนร้องบอก เจ้าของช่อดอกไม้รีบไล่ตามช่อดอกไม้ในมือที่จะร่วงลงพื้นเสียก่อน บอกว่า

“ไม่เป็นไรครับ...”

“ผมขอตัวก่อนะครับ” ภานุวัฒน์ก้าวเท้าเดินต่อ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเท้า...

“เฮ้ย...ไอ้ก้อง ไอ้ก้องจริง ๆ ด้วย นายมาได้อย่างไร” ภานุวัฒน์ดีใจเป็นอย่างมาที่พบเพื่อนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าเมื่อสอบติดโรงเรียนตำรวจ เขาก็ดร็อปเรียนไว้แล้วมาสานฝันต่อในสายอาชีพที่เขาเคยฝันไว้

“วัฒน์...แล้วนายมาทำอะไรที่นี่”

“ข้าคนที่นี่ จะมาเชียร์สาว แล้วเอ็งละ อย่าบอกนะว่าจะเชียร์สาวๆ เหมือนกัน”

“อืม...”

“ใครวะ”

“น้ำผึ้ง”

“อะไรนะ พูดใหม่ซิ”

“น้องน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ ข้ามาเชียร์เขา”

“แล้วเอ็งไปรู้จักเขาได้อย่างไร” ภานุวัฒน์เริ่มใจคอไม่ดี เพราะไม่คิดว่า จะจุดไต้ตำตอเอาเสียได้

“รู้จักมาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว เขาไปงานวันเกิดคุณอาข้า กับพี่ศุกร์น่ะ เขาไปตีขิมผสานเสียงเปียโนของพี่ศุกร์...”

ภานุวัฒน์พยักหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ

“แล้วเอ็งละ จะรีบไปหน้าเวที จะไปเชียร์ใครเหรอ”

“ไปเถอะ อย่าเพิ่งคุยกันเลย การประกวดคงเริ่มแล้ว...” ภานุวัฒน์ตัดบทก่อนจะก้าวเดินออกหน้าโดยมี
ก้องเกียรติรีบเดินตาม...


หลังจากที่รำไทยประยุกต์ประกอบเพลงลูกทุ่งของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจบลง พิธีกรฝ่ายหญิงซึ่งเป็นอาจารย์ฝีปากจัดจ้านของโรงเรียนบ้านไพรวิทยา กับพิธีกรชายที่เป็นดีเจวิทยุชุมชนก็ขึ้นมาทำหน้าที่ดำเนินรายการ

ฝ่ายชายนั้นอยู่ในชุดกางเกงสแล็คสีดำเสื้อผ้าไหมมันวาวสีม่วงมะปรางเหมือนปีก่อน ส่วนฝ่ายหญิงนั้นใส่ชุดไทยสไบเฉียงสีฟ้าครามผมดัดฟูรวบข้างหนึ่งติดกิ๊บดอกไม้เป็นพลอยหุงแพรวพราวซึ่งใช้ของเดิมจากปีที่แล้ว...มุกตลกอย่างเข้าขาของทั้งคู่เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมที่ยอมตีตั๋วซื้อเก้าอี้ที่ทางวัดจัดไว้ในราคา 20 บาทจำนวนถึง 300 ตัว ส่วนที่มาไม่ทันเก้าอี้ที่มีอยู่อย่างจำกัดก็ยืนมุงดูอยู่รอบ ๆ และปีนี้คนที่อยู่หน้าเวทีประกวดนางนพมาศนั้นหนาตากว่าปีที่แล้ว...

กระทั่งถึงคิวที่เปิดตัวนางงามในรอบแรกก่อนจะมีการแสดงคั่นเวลาอีกสองสามชุด ดนตรีบรรเลงเพลง ‘นางฟ้าจำแลง’ ที่คุ้นหูก็ดังขึ้น พร้อมกับที่พิธีกรชายหญิงสลับกันขานชื่อสาวงามทั้ง 12 หมายเลข

“หมายเลข 5 นางสาวนงลักษณ์ คำภาสี อายุ 18 กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านไพรวิทยา สูง 170 เซนติเมตร สัดส่วน 32 24 35 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ร้านจวงจันทร์ บิวตี้ ซาลอนส่งเข้าประกวด”

เมื่อนงลักษณ์เดินออกมาเสียงปรบมือนั้นดังขึ้นเกรียวกราว...นงลักษณ์ยิ้มกว้างดูร่าเริงเพราะรู้สึกขำที่ตัวเองกลายนางนพมาศทั้งที่เรื่องเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในความคิดและเมื่อเดินมาถึงปลายเวทีแสงแฟลชจากทั้งเพื่อน ๆ และหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าก็สว่างวูบวาบตามคิวที่พี่เลี้ยงของกองประกวดเวทีเล็ก ๆ นี้บอกไว้นั่นก็คือ สาวงามจะต้องหยุดให้ตากล้องทั้งหลายเก็บภาพแม้ว่าเวทีนี้จะไม่มีตำแหน่งขวัญใจช่างภาพก็ตาม...ขณะที่แสงแฟลชกับเสียงชัตเตอร์ดังประสานนงลักษณ์ที่ยิ้มค้างอยู่ก็เหลือบไปเห็นว่าที่มุมหนึ่งในลานกว้างที่แน่นขนันไปด้วยผู้ชมมีภานุวัฒน์โบกมือให้พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของตน...

“นงลักษณ์ๆ”...

นงลักษณ์ยิ้มให้เขา ก่อนจะหมุนตัวและเดินเข้าไปยืนเรียงอวดโฉมเหมือนกับเพื่อนสาวงามเบอร์ก่อนหน้านั้น...

“หมายเลขที่ 10 นางสาวน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ อายุอายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านไพรวิทยา สูง 172 เซนติเมตร สัดส่วน 33 23 36 น้ำหนัก 52 กิโลกรัม ร้านรัตนะไพรวัลย์จักรยานยนต์ส่งเข้าประกวด”

เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวและยาวนานนางงามที่ออกมาเดินก่อนหน้านั้น น้ำผึ้งเดินอย่างนวยนาดเช่นสาวงามก่อนหน้านั้นโปรยยิ้มไปรอบ ๆ...และเมื่อเดินมาสุดเวทีก็ยืนไหว้อย่างอ่อนช้อยต่อจากนั้นแสงแฟลชก็สว่างพรึบพรับเช่นกันแต่ว่าที่แตกต่างจากบรรดาสาวงามที่ออกมาก่อนหน้านั้น นั่นก็คือ ที่ด้านหน้าเวทีนั้นมีชายหนุ่มรูปงามถือช่อกุหลาบสีแดงเดินเข้ามาหาและเขาก็ร้องเรียกให้น้ำผึ้งนั้นรับดอกไม้ของเขา แม้ว่าจะ
ไม่อยากรับแต่ว่าในเวลานั้นน้ำผึ้งไม่มีทางเลือกอื่น...

น้ำผึ้งทรุดตัวลงรับดอกไม้ของก้องเกียรติโดยมีเสียงปรบมือเชียร์ดังขึ้นอีกครั้ง...ฝ่ายสารวัตรทะนงศักดิ์ที่นั่งเป็นกรรมการอยู่นั้นรู้สึกขวางหูขวางตากับฉากหวานที่ไม่คิดว่าจะมีเป็นอย่างมาก...

“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครกัน” สารวัตรทะนงศักดิ์หันไปกระซิบถามเพื่อนกรรมการที่อยู่ด้านซ้าย

“ไม่รู้เหมือนกันครับ...”

นอกจากสารวัตรทะนงศักดิ์จะมีความสงสัยใคร่รู้ว่า หนุ่มนิรนามคนนั้นเป็นคน ฝ่ายพรทิพย์ที่นั่งอยู่ห่างจากหน้าเวทีนั้นก็ถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วพยายามเพ่งมอง...และเมื่อก้องเกียรติมอบช่อดอกไม้ให้น้ำผึ้งแล้วเขาก็หมุนตัวเดินออกมาจากด้านหน้าเวทีและจังหวะนั้นพรทิพย์จึงได้รู้ว่า เขาคือก้องเกียรติคู่รักของทิพากรที่อ้างกับลูกสาวของเธอว่าไปออกค่าย...

พรทิพย์หันซ้ายหันขวามองหาลูกสาวของตนที่ขอเดินออกไปเดินเล่น...ถ้าทิพากรเห็นเหมือนที่ตนเห็นอะไรมันจะเกิดขึ้น...มันบาดตาตำใจเหลือเกิน...พรทิพย์ทรุดตัวลงนั่งก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดโทรหาลูกสาว

“มีอะไรหรือทิพย์” จวงจันทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร้องถาม

“โทรหาทิพากรหน่อย ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน”

“คงเดินเล่นอยู่แถว ๆ นี้แหละ เพิ่งลุกออกไปเอง”

“ว่าไงคะคุณแม่” น้ำเสียงของทิพากรที่รับสายยังเป็นปกติ

“ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน”

“กำลังจะเดินไปที่เวทีค่ะ หนูมาเข้าห้องน้ำ...”

“งั้นลูกรอแม่อยู่ตรงนั้นก่อนนะ แม่ปวดห้องน้ำเหมือนกัน เหมือนท้องจะเสีย”พรทิพย์พยายามหาทางออกและเมื่อตกลงกันเรียบร้อยพรทิพย์ก็หันมาบอกกับจวงจันทร์ว่า

“เจี๊ยบ เค้าขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน”

ขอทางผู้ชมท่านอื่น ๆ ออกมาแล้วพรทิพย์ก็รีบจ้ำพรวด ๆ ไปยังทิศทางที่ทิพากรรออยู่ และพอไปถึงพรทิพย์ก็บอกกับลูกสาวว่า

“แม่ท้องเสีย ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนแม่หน่อย”

“ปวดท้องมากเหรอคะ”

“เร็ว ๆ” ทิพากรนั้นยังมองไปทางเวที แต่ว่าพรทิพย์รีบดึงลูกสาวให้เดินไปรอตัวเองอยู่ที่หน้าห้องน้ำ...
พรทิพย์หายเข้าไปในห้องน้ำอยู่เกือบสิบนาทีแล้วก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

“เป็นเยอะไหมคะคุณแม่”

“กลับบ้านกันดีกว่า”

“อ้าว ไหนคุณแม่บอกว่าจะค้างที่นี่”

“แม่ปวดท้องน่ะ แม่ไม่อยากอยู่แล้ว ไปเถอะ” ว่าแล้วพรทิพย์ก็ดึงแขนลูกสาวหมายใจจะไปยังลานจอดรถ โดยทิพากรก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นว่าแม่ของตนนั้นยังกระฉับกระเฉงไม่มีทีท่าว่าจะปวดท้องอย่างรุนแรงแต่อย่างใด...

และเหมือนกับว่าเทวดานั้นจะไม่เป็นใจกับพรทิพย์และก้องเกียรติ...เพราะเมื่อกำลังจะเดินผ่านร้านค้าเท้าของทิพากรชะงักเหมือนกับว่ามีใครมาดึงไว้...และเมื่อทิพากรหยุดพรทิพย์ที่เดินจูงแขนลูกสาวอยู่ก็เสียจังหวะก้าวเดินไปด้วย...

“หยุดทำไมหรือ...” ถามยังไม่ทันจบประโยคพรทิพย์ก็ได้คำตอบเพราะตอนนี้ทิพากรนั้นเห็นก้องเกียรติ
ยืนอยู่หน้าร้านค้ากับนายตำรวจท่านหนึ่ง...

“ไหนก้องเขาบอกว่าเขาไปออกค่าย แล้วเขามาที่นี่ได้อย่างไร”

“ตาฝาดหรือเปล่า”

“ก้องจริง ๆ แม่”

ตอนนั้นภานุวัฒน์เดินนำก้องเกียรติไปทางด้านหลังวัดที่ติดกับลำคลองซึ่งตั้งเป็นกองอำนวยการขายกระทงให้ประชาชนนั้นลงลอยกระทงในลำคลองหารายได้เข้าวัดอีกทาง

“ไม่ใช่หรอกมั้ง...เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

“ก้องแน่ ๆ หนูจำได้” ว่าแล้วทิพากรก็รีบเปิดกระเป๋าสะพายหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก แต่ว่าเขาไม่รับสาย...

“เราเดินตามไปดูดีกว่าค่ะคุณแม่” ใจของทิพากรตอนนั้นกระหวัดไปว่า ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เพื่อนชายกันธรรมดาเพราะว่าเห็นยิ้มแย้มให้กันอย่างสนิทสนม...แต่ครั้นจะบอกกับแม่ไปว่า เธอกังวลว่าจะเห็นเขาทำหวานใส่กัน แม่ก็คงจะไม่เข้าใจ...

“ถ้าใช่ขึ้นมาลูกจะทำอย่างไร”

“หนูจะถามเขาว่าทำไมต้องโกหกหนู...แล้วตำรวจคนนั้นเป็นใครกัน ดูสนิทสนมกันจังเลย”

“เพื่อนเขาละมั้ง”

“อย่าให้จับได้ว่าเกินเพื่อนล่ะ มีเรื่องแน่ ๆ” ทิพากรพึมพำเบา ๆ ก่อนจะสับเท้าขึ้นจนกลายเป็นว่าพรทิพย์ต้องวิ่งตาม...

“ใจเย็น ๆ ซิ แม่เหนื่อย”

“คุณแม่กลับไปรอกับน้าเจี๊ยบก่อนก็ได้เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้ว หนูจะไปหา...” ทิพากรคิดว่าจะต้องซุ่มดูให้เห็นกับตาและถ้าถ่ายคลิปหรือถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานได้ งานนี้เห็นทีต้องมีการประจานกันบ้าง...เธอจะไม่ยอมเจ็บปวดอยู่คนเดียวหรอก...

“ไม่ได้หรอก เกิดลูกทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมา...แม่ไปด้วย”



เดินลงมาจากเวทีแล้วน้ำผึ้งก็วางช่อดอกไม้ของก้องเกียรติไว้บนกล่องใส่ของ แล้วก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งพักขา นงลักษณ์ส่งแก้วน้ำมาให้น้ำผึ้งสั่นหน้าเพราะคชาพัฒน์นั้นย้ำนักย้ำหนาเรื่องรับของกินจากเพื่อนนางงามด้วยกัน...และใช่ว่าน้ำผึ้งจะไม่ไว้ใจนงลักษณ์แต่เป็นเพราะว่าเมื่อสวมชุดนี้แล้วน้ำผึ้งก็ไม่อยากออกจากหลังเวทีที่มีฉากกั้นไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลออกไป...

“อย่ากินมากนะลักษณ์ปวดห้องน้ำขึ้นมาจะลำบาก” น้ำผึ้งเอ่ยปากเตือนเพื่อน นงลักษณ์จึงเพียงจิบแล้วก็นำแก้วน้ำไปวางไว้ข้างคลูเลอร์ แล้วก็เดินกลับมาหาน้ำผึ้ง

“ใครเหรอผึ้ง หน้าตาดีจังเลย”

“กับพี่วัตรใครหล่อกว่ากันล่ะ” ทั้งน้ำผึ้งกับนงลักษณ์ไม่เห็นหรอกว่าก้องเกียรติมากับภานุวัฒน์เพราะเมื่อยืนอยู่บนเวทีแล้วก็แทบจะมองไม่เห็นหน้าของคนดูที่เบียดเสียดกันอยู่ไกล ๆ และตอนที่ภานุวัฒน์โบกมือให้นงลักษณ์ ตอนนั้นก้องเกียรติก็เดินมารอเตรียมมอบดอกไม้ให้น้ำผึ้งอยู่ตรงหน้าเวที...

แต่ว่าทั้งน้ำผึ้งและนงลักษณ์ต่างก็เห็นก้องเกียรติเพราะถือว่าเป็นช็อตเด็ดของการเดินรอบแรกเลยทีเดียว

“ต่างกรรมต่างวาระกรรม...ตกลงใครเหรอ”

“เมื่อตอนไปตีขิมงานวันเกิดเพื่อนคุณนายวรรณีน่ะ เจอเขา เขาก็ตื๊อขอเบอร์ ชวนคุย ผึ้งไม่สนใจไม่อยากคุยด้วย เพราะรู้สึกว่ากะล่อน แต่ว่าเขารู้จักกับคุณศุกร์เขาก็เลยตื๊อไม่เลิก” ตื๊อขอเบอร์พอว่าแต่ตื๊อโดยให้วรรณศุกร์เป็นพ่อสื่อให้ เป็นเรื่องที่น้ำผึ้งเจ็บปวดใจเป็นที่สุด...

“ตามมาถึงบ้านไพรนี่ไม่ธรรมดานะผึ้ง...เอ้อ แล้วคุณศุกร์ไปไหนล่ะ เห็นแต่แม่ของเขานะ”

“ไม่รู้”

“เลยขาดกำลังใจสำคัญไปเลย”

“อย่าล้อ”

“ว่าไปก็สนุกดีเหมือนกันนะผึ้ง...ถ้าไม่ได้ประกวดก็คงไม่ได้แต่งตัวสวย ๆ แล้วก็ได้ค่อย ๆ เดิน เหมือนเพิ่งฟื้นไข้ เหมือนหุ่นยนต์ แล้วก็ต้องยิ้มทั้งที่ไม่ได้อยากยิ้ม สนุกมาก”

“ถ้าสนุกก็ไปเดินสายด้วยกันซิ พี่หน่องบอกว่า ถ้าสองคนก็มีลุ้นสองทาง เดี๋ยวช่วงฤดูหนาว ปีใหม่ ตรุษจีน ไล่ไปจนถึงสงกรานต์นี่งานเพียบเลยนะ...”

“ไม่เอาหรอก...ขี้เกียจฝึกฝนตัวเองอย่างผึ้ง”

“มันก็ไม่ได้ยากอะไรเลย...เวทีภูธรมันก็เหมือนเราไขลานที่หลังก่อนไปขึ้นเวที ”

“เปรียบซะ”

“หรือไม่จริงล่ะ...ดูเบอร์หนึ่งซิ นางงามเดินสายนะนั่น”

นงลักษณ์ปรายตามองไปทางนางงามอีกคนที่นั่งยอง ๆ อยู่บนรองเท้าส้นสูงกินข้าวในกล่องที่วางอยู่บนเก้าอี้อย่างเอร็ดอร่อยดูไม่ทุกข์ร้อน หรือหวาดกลัวกับขั้นตอนบนเวทีที่จะเกิดขึ้นต่อไป ส่วนเบอร์สองนั้นพอลงจากเวทีมาแล้วก็รีบคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋ามาคุยกับคนข้างนอกเหมือนกับว่าชีวิตนี้มีแต่ธุระ เบอร์สามก็นั่งดูหน้าจอโทรศัพท์เล่นเน็ตฆ่าเวลาประมาณว่า ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่ได้ ส่วนเบอร์สี่ก็นั่งหน้าตูมเหมือนกับว่าถูกบังคับให้มาขึ้นเวที...

“จะว่าเหมือนไร้สาระก็เหมือนเนอะผึ้ง”

“มันเป็นเรื่องไร้สาระเลยแหละลักษณ์ ถ้าไม่เห็นแก่เงินนะ เราก็ไม่เอาหรอก”

“สรุปว่าทนทำเพื่อเงิน”

“ก็ตอนนี้มันเป็นสะพานให้เราไปสู่บ่อเงินบ่อทองก็ต้องเดิน”...

“รอบหน้าก็ต้องตอบคำถามแล้ว คำถามจะยากหรือเปล่านะ” ปีนี้เปลี่ยนกติกาเป็นนางงามทุกคนต้องตบคำถามก่อนจะคัดให้เหลือห้าคนแล้วก็ตัดสินเพราะคณะกรรมการอยากให้นางงามนั้นได้แสดงความเฉลียดฉลาดมากกว่าหน้าตา...และด้วยสาวงามมีเพียง 12 คน จึงใช้เวลาไม่นานนัก

“ก็ตอบไปอย่างที่ควรจะตอบ”

“ถ้าตอบไม่ดี ก็ไม่ได้เข้ารอบ...เพื่อผึ้ง เราจะตอบหมูหมากาไก่”

“อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด อย่าลืมนะลักษณ์ ลงจากเวทีไปแล้ว ลักษณ์ก็ต้องยังอยู่ที่บ้านไพร ตอบอย่างที่ลักษณ์รู้สึกก็แล้วกัน เราแนะนำได้เท่านี้”

“จิตใจของผึ้งนี่นางงามมากเลยนะ...” นงลักษณ์มองหน้าน้ำผึ้งแล้วยิ้ม ๆ น้ำผึ้งก็เลยต้องยิ้มตอบด้วยใจที่เป็นสุข สุขที่มีเพื่อนดีแม้ว่ารู้สึกโหวงเหวงเมื่อรับรู้ว่าค่ำคืนนี้วรรณศุกร์ไม่ได้มาให้กำลังใจตนเพราะต้องไปหาคู่รักของเขา



ระหว่างที่เดินตามหาก้องเกียรติกับชายหนุ่มนิรนามทิพากรก็กดโทรศัพท์ไปด้วยแต่ว่าก้องเกียรติก็ไม่รับสาย...และสองแม่ลูกก็พากันเดินจนทั่วงาน แต่ก็หาได้เห็นเงาของคนที่เดินตามหา

“แม่ว่าหนูตาฝาดแน่ ๆ ไม่ใช่ก้องหรอก น่าจะคนหน้าเหมือนมากกว่า”

“ปกติเขาจะต้องรับโทรศัพท์ของหนูทันทีนะแม่ เขาไม่เคยไม่รับสาย ดึกดื่นแค่ไหนเขาก็รับ และเขาก็จะต้องโทรกลับมาทุกครั้งที่หนูโทรไปแล้วเขาไม่ได้รับ มันผิดปกติมาก จับได้คาหนังคาเขาหน่อยเถอะ...หนูไม่เอาไว้หรอก” ทิพากรกัดฟัดกรอด เพราะนอกจากเหนื่อยกายแล้วใจที่ร้อนรนก็หาได้ทำให้ตัวเองมีความสุข

“แม่ว่าเรากลับบ้านเถอะ แม่ปวดท้อง”

“ใช่ หนูลืมไปเลยว่าคุณแม่ปวดท้อง ไป ๆ ค่ะ กลับบ้าน ๆ”

ว่าแล้วทิพากรก็พาแม่เดินไปยังลานจอดรถ และระหว่างทางทิพากรก็ชะงักเท้าอีกครั้ง...คราวนี้ก้องเกียรติยืนโอบไหล่ของชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสีกากีทั้งคู่หันหน้าล้อมวงดูหนูนาพาโชค...และด้วยเสียงของโฆษกที่เชียร์ให้ลุ้นหนูนาดังมากทำให้ก้องเกียรติต้องกระซิบยื่นปากไปใกล้ ๆ ใบหูของภานุวัฒน์ในขณะที่พูดคุยกัน...

“เจอแล้วแม่...” ทิพากรเดินปรี่เข้าไปยืนอยู่ข้างหลัง สายตาห่างจากศีรษะของชายหนุ่มทั้งคู่เพียงฝามือเดียวและภาพบาดตาตำใจตรงหน้าที่ริมฝีปากของก้องเกียรติเกือบจะแตะใบหูของภานุวัฒน์ก็ทำให้ทิพากรกรีดร้องขึ้นมา

“ก้อง!!!”

ก้องเกียรติและภานุวัฒน์หันไปทางต้นเสียงที่อยู่ในระยะประชิดพร้อมกันทันที...

“ทอฟฟี่” ในหมู่เพื่อน ๆ ทิพากรมีชื่อเล่นว่าทอฟฟี่...

และตาที่ถลึงของทอฟฟี่ หรือทิพากรในเวลานี้ก็ทำให้ก้องเกียรติเสียวสันหลังวาบ...

“หมายความว่าอย่างไร ไหนบอกว่าไปออกค่าย แล้วทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ได้”

“เอ่อๆ” ด้วยเรื่องราวมันรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดและเขาก็ไม่คิดว่าจะเจอทิพากรที่นี่ เขาจึงหาข้อแก้ตัวไม่ทัน

“แล้วนี่มากับใคร ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” ด้วยแรงหึงทำให้ทิพากรจิ้มไปที่หน้าอกของภานุวัฒน์อย่างแรง

“ใจเย็น ๆ ซิลูก” พรทิพย์พยายามรั้งลูกสาวไว้เพราะคนอื่น ๆ ที่ล้อมวงดูหนูหนาพาโชค เมื่อเจอละครสดก็หันมาสนใจแทนหนูนาที่กำลังจะวิ่งเข้ากระบอกไม้...

“หนูไม่เย็นแล้วค่ะคุณแม่ จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้...” ว่าแล้วทิพากรก็ง้างมือตบหน้าก้องเกียรติไปหนึ่งฉาดก่อนจะหมุนตัวเดินจ้ำอ้าวออกมา...
พรทิพย์รีบวิ่งตามลูกสาว...ส่วนก้องเกียรตินั้นก็ยังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ไม่หาย...แต่เมื่อได้สติเขาก็

รีบเดินตามไปงอนง้อทิพากรทันที...ส่วนภานุวัฒน์ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นก็เหลือกตาไปทางซ้ายทีขวาทีเพราะคนที่
ยืนล้อมวงกันอยู่นี้ก็ใช่ใครที่ไหน คนบ้านไพรซึ่งรู้จักเขาทั้งนั้นเลย...

“ชิบหายแล้วกู...” สบถเบา ๆ แล้วภานุวัฒน์ก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปทางเวทีประกวดนางนพมาศ...


เมื่อการแสดงในเชิงอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทยคั่นเวลาของนักเรียนจากโรงเรียนบ้านไพรวิทยาจบลงพิธีกรชายหญิงก็เดินออกมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ...

“ขอเสียงปรบมือให้กับนักเรียนจากโรงเรียนบ้านไพรวิทยาอีกครั้งครับ”

“ลำดับต่อไป จะเป็นรอบที่ทุกท่านรอคอยมานานแสนนาน”

“รอบนี้ เป็นรอบที่สาวงามทุกท่าน ซึ่งปีนี้มีจำนวน 12 ท่าน จะได้แสดงความสามารถทางสติปัญญา นั่นก็คือรอบตอบคำถาม...และปีนี้เรามีซองคำถามทั้งหมด 20 ซอง จากกรรมการผู้ทรงเกียรติที่อยู่ด้านล่าง 10 ซอง และจากสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนการประกวดในครั้งนี้อีก 10 ซอง รวมเป็น 20 ซอง เพราะฉะนั้น จะมี 8 ซองคำถามที่ไม่รู้ว่าง่ายหรือยากกว่า 12 ซองคำถามจะไม่ได้ถูกใช้งาน...”

“งงกันไหมคะ”

“ไม่งง” มีเสียงตอบรับผะแผ่วจากผู้ชมที่งงกับตัวเลขซองคำถามที่พิธีกรอธิบาย

“สรุปว่า งง แต่ว่า ไม่งง นะคะ...”

“ครับ และทีเด็ดบนเวทีของเราจะมีพิเศษยิ่งกว่าปีก่อน นั่นก็คือ ปีนี้ เราจะไม่เรียกนางงามตามลำดับหมายเลข แต่เราจะจับสลากเรียกออกมาตอบคำถามทีละคนครับ...”

“คือเราอยากให้ทั้งตัวนางงามกับท่านผู้ชมตื่นเต้นไปด้วยกันนะค่ะ...ท่านผู้ชมคิดว่าดีไหมคะ”




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2556, 08:47:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2556, 08:47:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2581





<< 29.“ทุกคนฟังทางนี้ ถึงเวลาที่พวกเราจะได้ขึ้นเวทีกันแล้ว   31.รอบตอบคำถาม >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 19 ก.ค. 2556, 08:48:15 น.
ถ้ามีคนจิ้ม like สัก 30 วันจันทร์ก็ได้เจอกันอีก แต่ถ้าไม่ถึง ก็วันพุธ(หลังวันหยุดยาว) แล้วกันนะครับ คริคริ....รักทุกคน...จุ๊บ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


nateetip 19 ก.ค. 2556, 08:57:12 น.
ว้ายย..รีบจ้ิมเลย...


เดิมเดิม 19 ก.ค. 2556, 09:10:40 น.
ลุ้นอยู่ช่วยกันจิ้มๆ หน่อยค่า


คิมหันตุ์ 19 ก.ค. 2556, 09:23:14 น.
ที่แน่ๆ ยังไม่ต้องตอบคำถามก็รู้ว่า นายก้องเกียรติหลุดโผไปหนึ่งแน่ๆแล้วจ้ะ ฮ่าฮ่า


nunoi 19 ก.ค. 2556, 09:27:50 น.
รีบจิ้ม ทันทีเลยค่ะ


mottanoy 19 ก.ค. 2556, 11:40:47 น.
แย่มากนายก้อง


Zephyr 22 ก.ค. 2556, 16:21:35 น.
อ้าว มาหาสาวโดนเข้าใจว่ามาหาหนุ่มไปซะงั้น ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า คริคริ
คุณศุกร์มาเห็นตัวตนคนที่ตัวเองเป็นพ่อสื่อซะสิ ฮึ


loveleklek 22 ก.ค. 2556, 21:02:39 น.
โห มีขู่นะ แต่กี่ไลท์แล้วเนี่ย


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:25:19 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account