ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ (ต่อจนจบบท)
สร้อยพิงค์โกลด์เส้นยาวร้อยจี้ขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบเล็กน้อยไว้ถูกห้อยอยู่ตรงหน้าพรนางฟ้า หญิงสาวขยับแว่นทรงกลมกรอบหนาเทอะทะที่ปิดบังใบหน้าเกินกว่าครึ่งมองจี้ทองคำสีชมพูขึ้นรูปเป็นตัวผีเสื้อปีกเหลื่อมซ้อนกันล้อมหินสีชมพูหวานด้วยความอึดอัดใจ
“คุณคิรินทร์เอาสร้อยเส้นนี้มาให้ฉันดูทำไมหรือคะ” คนพูดพยายามฝืนยิ้ม มิให้แลเสียมารยาทเกินไป
“แพนจำไม่ได้จริงๆหรือ” น้ำเสียงที่เขาทอดหวานเรียกชื่อเธอ แฝงด้วยรอยอาวรณ์ “นี่เป็นสร้อยของแพนไง แพนหวงมันมาก แล้วก็สวมติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยด้วย”
“ฉันไม่เคยมีของแบบนี้ค่ะ” หญิงสาวส่ายศีรษะ กวาดตามองผู้ชายตรงหน้าด้วยอาการพิจารณา สองสัปดาห์ก่อนเธอถูกสุภัทรชาลากไปงานเปิดตัวภาพวาดสีน้ำมันที่ปลายแปรงแกลเลอรี ทำให้ได้พบกับเจ้าของผลงานภาพเขียนเหล่านั้น จิตรกรหนุ่ม...ที่อหังการพอจะระบุชื่อจิตรกรบนสูจิบัตรสั้นๆแค่ ‘คิรินทร์’
ไม่มีประวัติส่วนตัว ไม่มีผลงานเก่าๆที่ผ่านมา ไม่มี...แม้กระทั่งนามสกุล!
เห็นได้ชัดว่าจิตรกรผู้นี้ไม่ขายตัวตน ไม่ขายโปรไฟล์ ไม่สร้างเรื่องราวน่าสงสารให้ใครเห็นใจ แต่เขาเจตนาใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น
คิรินทร์รูปร่างสูงเพรียว ผมหยักเป็นคลื่นสลวยยาวแนบต้นคอถูกหวีเปิดด้านหน้าขึ้นไปหมด เผยรูปหน้าบึกบึนและแนวกรามสอบลงมาจรดคางที่มีรอยบุ๋มเล็กน้อย คิ้วเรียงเส้นสวยรับกับดวงตาสีดำลึกล้ำราวห้วงมหาสมุทร จมูกโด่งได้รูป ขณะไรเขียวจางๆเหนือริมฝีปากและตามแนวคางตัดกับผิวสีแทนส่งให้เขาน่ามองนัก เชิ้ตสีดำกับยีนซีดขับให้ผิวคล้ามแดดของเขายิ่งเข้มขึ้น แลบึกบึน เข้มแข็ง เขาหล่อ เซอร์ เท่ เป็นตัวของตัวเองเหมือนวันนั้นเปี๊ยบ!
“แพนจำพี่ไม่ได้ จำสร้อยเส้นนี้ไม่ได้ งั้น...แพนจำอะไรได้บ้าง”
“จำได้ว่าหลังจากเจอกันที่แกลเลอลี อาทิตย์ถัดมาฉันก็ขับรถชนกับคุณ ทำให้เราต้องแลกนามบัตรกัน แล้วคุณก็มอบรูปวาดให้ฉัน มันถูกส่งมาที่ออฟฟิศฉันเมื่อวานนี้” สีหน้าเธออ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ขณะรอยยิ้มบนใบหน้าบอกชัดถึงความดีใจ
“แล้วเพื่อนแพนก็ยึดรูปไปเองหน้าตาเฉย พี่เป็นคนไปปลดรูปออกมาจากห้องทำงานของสุภัทรชา มาวางคืนให้แพนที่โต๊ะ อันนี้จำได้ไหม”
“ค่ะ...ฉันจะเลี้ยงขอบคุณคุณสำหรับรูปนั่น แต่กลับชวนคุณไปกินเหล้า” พรนางฟ้ายิ้มแหย...เริ่มทวนความทรงจำได้มากขึ้นเรื่อยๆ
คิรินทร์ผงกศีรษะเคร่งขรึม “แพนเล่าทุกอย่างถูกต้องหมด ผิดไปแค่เรื่องเดียว...เหตุการณ์ทั้งหมดนั่นไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่มัน...” เขาถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอจากลิ้นชักข้างเตียงพักฟื้นของผู้ป่วยมาส่งให้เงียบๆ “พี่ไม่ได้ส่งรูปไปให้แพนเมื่อวาน แต่มันผ่านมาหกเดือนแล้ว และถ้ามันอาจช่วยให้แพนจำอะไรได้บ้าง พี่ก็ยินดีเล่าเหตุการณ์ที่ร้านคาราโอเกะในคืนนั้นให้แพนฟังอย่างละเอียด”
พรนางฟ้าหลุบตามองวันที่บนหน้าจอจนเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก แล้วก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกดื้อๆ จิ๊กซอว์ค่อยๆถูกต่อเติมลงมาในหัวทีละชิ้น เธอปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน ก่อนพึมพำ
“แสดงว่าที่เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นสามีของฉัน คุณพูดจริงเหรอคะ”
หญิงสาวมองริมฝีปากบางสีสดที่แย้มขึ้นเป็นรอยยิ้มเอ็นดู แล้วหัวใจก็เต้นกระหน่ำเป็นจังหวะประหลาด
คิรินทร์หย่อนสร้อยผีเสื้อล้อมหินสีชมพูลงในมือเธอ แล้วถอยออกไปยืนที่เดิม เว้นระยะไว้เพื่อมิให้เธออึดอัดใจ ก่อนเริ่มต้นพาเธอย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์เมื่อหกเดือนที่แล้วด้วยการเอ่ย...
“เริ่มต้นที่สร้อยเส้นนี้ก็แล้วกัน เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้แพนเป็นอย่างนี้”
“เอาเบียร์สดมาหลอดนึงด้วยนะ” ผู้ที่กำลังเอ่ยประโยคนั้นหลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว เป็นหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวแต่งกายเรียบร้อยและเป็นทางการอย่างยิ่ง เชิ้ตคอจีนเข้ารูปแขนกุดสีชมพูอ่อนกับกระโปรงสอบแคบยาวเลยหัวเข่าสีกรมท่าขับผิวขาวจัดของเธอให้สว่างกระจ่างผ่องแผ้ว ผมสีดำสนิทราวนกกาน้ำขมวดเป็นมวยต่ำ พอรวมกับแว่นทรงกลมกรอบหนาที่สวมอยู่ ทำให้เจ้าตัวยิ่งเหมือนคุณครูเฮี้ยบๆเข้าไปใหญ่
คิรินทร์คอยจนพนักงานออกจากห้องคาราโอเกะขนาดเล็กนั้นไปแล้ว จึงนั่งลงบนโซฟาทิ้งระยะห่างจากเธอพอควร “คิดดีแล้วเหรอ ที่ทำแบบนี้น่ะ”
ดวงตาสีน้ำตาลใสซึ่งบวมช้ำจากการร้องไห้ตวัดมองเขา จมูกเล็กได้รูปแดงก่ำ ขณะริมฝีปากบอบบางไร้สีสันเม้มแน่นอย่างไม่พอใจก่อนสะบัดเสียงใส่เขา “ถ้าคุณไม่อยากอยู่ จะกลับไปก็ได้นะ แล้วฉันนัดคุณมาเลี้ยงขอบคุณวันหลังก็ได้”
ชายหนุ่มนึกถึงถ้อยคำที่หญิงสาวระเบิดอารมณ์ให้ฟังตอนอยู่ที่สำนักงานก่อนออกมายังร้านอาหาร แล้วก็ถอนหายใจด้วยความเวทนา
‘เขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่เขากลับเอาทุกอย่างไปจากชีวิตฉัน ทั้งตำแหน่งหน้าที่การงานที่ควรเป็นของฉัน เกียรตินิยมเหรียญทองของฉัน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายที่ฉันชอบ ขนาดรูปของฉัน เขายังเอาไปเป็นของตัวเองเลย’ พรนางฟ้าน้ำตาร่วงริน ชี้ภาพวาดสีน้ำมันที่แขวนอยู่ในห้องทำงานซึ่งอยู่ตรงข้าม ‘เวลานายสั่งงาน เกรซเคยทำเองที่ไหน มีแต่ฉันนี่แหละที่ต้องตาลีตาเหลือกหาข้อมูลพิมพ์รายงานส่งให้ ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาแค่แต่งตัวสวยๆ รอขโมยผลงานของฉันไปใส่ชื่อตัวเอง เอาความดีความชอบไว้เองคนเดียวทั้งนั้น เพื่อนใจร้าย!’ พอเริ่มต้นประโยคแรกได้ เรื่องราวคับใจที่กดเก็บไว้ก็พรั่งพรูออกมาหมดเปลือก
‘แล้วดู! เมื่อกี้เจ้านายบอกว่าจะเลื่อนให้เกรซเป็นผู้อำนวยการ มันเป็นกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ แค่หลอกใครไว้รับใช้คอยทำงานงกๆให้ก็เป็นผู้อำนวยการได้แล้ว’ เธอวางแขนกับโต๊ะซบหน้าลงตั้งต้นร้องไห้อีกครั้ง
อาทิตย์ก่อนที่บังเอิญขับรถชนกัน พรนางฟ้าก็มีสีหน้าอมทุกข์แบบเดียวกันนี้ แต่พอเห็นเขามีรอยบวมแดงที่ศีรษะจากอุบัติเหตุ คนกำลังทุกข์ใจก็ลืมเรื่องของตัวเอง กุลีกุจอจะลากเขาไปโรงพยาบาลให้ได้แทน
เพราะน้ำใจของพรนางฟ้าที่มีต่อเขานั่นเอง คิรินทร์ซึ่งแทบไม่เหลือศรัทธากับน้ำใจมนุษย์ในสังคม จึงนิยมผู้หญิงคนนี้ถึงขนาดตัดสินใจยกภาพเขียนของเขาให้เธอโดยไม่คิดมูลค่า คนขี้เกรงใจจึงเสนอจะเลี้ยงข้าวเขาแทนคำขอบคุณ และเขาก็ตอบรับ จนกลายมาเป็นความอึดอัดใจจนถึงตอนนี้
“ผมไม่ได้รังเกียจที่จะดื่มเหล้าหรอกนะ แต่ที่ถามเนี่ย ผมหมายถึงว่าคุณคิดว่าการเมาจะแก้ปัญหาได้จริงเหรอ ไอ้ของที่คุณถูกแย่งไปน่ะ คุณเคยพยายามยื้อมันกลับคืนมาหรือเปล่า การคร่ำครวญและลงโทษตัวเองแบบนี้ ไม่คิดว่ามันน่าสมเพชไปหน่อยเหรอ นิสัยคนแพ้ชัดๆ”
พรนางฟ้าเบะปากหน้าเบ้ ก่อนยกระดับไปเป็นการร้องไห้โฮ “ขนาดคนอย่างคุณยังกล้าว่าฉันเลย”
คิรินทร์ถอนใจ อยากรู้ขึ้นมานิดๆว่า ‘คนอย่างเขา’ นี่มันยังไงกัน ต่ำต้อยจนการถูกเขาต่อว่าชวนให้รันทดกับชีวิตขนาดนั้นเลยหรือ
ตลอดเกือบสิบนาทีถัดมา ‘เจ้ามือ’ ของมื้อนี้ร้องไห้ไม่หยุด จนพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เธอจึงเปลี่ยนจากร้องไห้อย่างเดียว เป็นสะอื้นสลับกับดื่มเบียร์ต่างน้ำ! ไม่นานเบียร์สดก็ลดปริมาณลงเหลือเพียงครึ่งหลอดด้วยความรวดเร็ว
“ทำไมคนที่โชคดีแบบนั้นถึงไม่ใช่ฉันบ้าง ทำไม...” เสียงพึมพำอ้อแอ้ดังแทบไม่พ้นริมฝีปาก หญิงสาวถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะ ฟุบหน้ากับท่อนแขน ร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆอีกครั้ง
“คุณเมาแล้วนะ กลับเถอะ” หลังเจ้าหล่อนจัดการเบียร์สดคนเดียวจนเริ่มเมากรึ่มๆ คิรินทร์ก็ตัดสินใจว่าเขาไม่มีเหตุผลต้องอยู่ตรงนี้เลย ที่ยกภาพเขียนให้เธอก็เพราะอยากให้ของที่คนรับชอบ มากกว่าแค่ขายรูปให้ใครสักคนเอาไปประดับบ้านโดยที่เจ้าของใหม่ไม่เห็นคุณค่า ส่วนที่ยอมให้พรนางฟ้าเลี้ยงข้าวก็เพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจเท่านั้น ไม่คาดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนี้
“แค่นี้ไม่เมาหรอกน่า เอาเบียร์มาอีกหลอดเลยดีกว่า คุณสั่งพนักงานให้ฉันหน่อยสิ” พรนางฟ้ายิ้มหวาน
“อย่าดื่มอีกเลย คุณเป็นผู้หญิง เมาแล้วไม่สวยหรอก แล้วมันก็อันตรายมากด้วย”
“โธ่เอ๊ย...” เจ้าตัวลากเสียงยาว “ไม่เมาก็ไม่สวยอยู่แล้ว เพราะชาน้าน เรื่องสวยเนี่ย ม่ายมีผลอารายกาบช้านเลย ขอบอก-ก-ก”
ความอดทนของคิรินทร์มาถึงจุดสิ้นสุดตรงนั้นเอง เขาลุกขึ้นยืน “ตกลงว่าคุณยืนยันที่จะเมาต่อใช่ไหม”
หญิงสาวปรายตามาแวบเดียว ก่อนหันไปคว้าไมโครโฟนลุกขึ้นร้องเพลงโดยไม่สนใจเขาเลย “ตาหลอดชีวี้ดช้านเชื่อนายสิ่งที่คี้ด หรือมานจาเปนอารายที่ผีด และช้านเองที่โหลงทาง” คนเมาถือแก้วเบียร์โยกซ้ายขวาง่อนแง่นตามจังหวะเสียงร้องเพลงกระตึกกระตักไร้ทำนองจนเครื่องดื่มสีทองพรายฟองขาวที่ยังเย็นเฉียบกระฉอกมาโดนชายหนุ่ม แต่เจ้าตัวไม่สนใจ “ชีวี้ดมานต้องเดินตามหาความฝาน โหกโล้มคลุกคลานท่าวราย มานจาปายจบที่โตงหนาย เมื่อเดินท่าวหร่ายมานก็ปายม่ายถึง[1]”
คิรินทร์ก้มลงมองเสื้อยืดที่เปียกเป็นหย่อมๆ คละคลุ้งด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์แล้วส่ายหน้าด้วยความระอา คิดไม่ถึงว่ายายจืดชืดเชย จะมีโหมดสติแตกน่ากลัวขนาดนี้ เขาลูบของเหลวเปียกๆออกจากแขน
“ดูเหมือนคุณจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมคงคิดมากไปเองที่เป็นห่วง เอาเป็นว่าเชิญคุณเมาตามสบาย ผมขอตัวก่อนละ” ชายหนุ่มออกจากห้องที่อึกทึกมุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ เพื่อทำความสะอาดแขนและซับคราบเปื้อนจากเสื้อ จนเรียบร้อยแล้วจึงไปยืนคอยเรียกแท็กซี่ที่หน้าร้าน
แวบหนึ่งที่เขาหันไปทางห้องคาราโอเกะ ความรู้สึกสองฝ่ายต่อสู้กันรุนแรง ใจหนึ่งยุยงให้เขากลับที่พักเพราะเขากับผู้หญิงคนนั้นรู้จักกันชนิดห่างที่สุดในโลก แต่อีกใจที่มีคุณธรรมมากกว่าย้ำให้ฟังเป็นระยะว่า ต่อให้เป็นคนไม่รู้จักเลย แต่เขาจะใจร้ายทิ้งผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ แถมยังเพิ่งพบความผิดหวังเสียใจอย่างรุนแรงไว้ตามลำพังจริงหรือ!
ความคิดฝ่ายหลังไม่เชิงชนะทีเดียว คิรินทร์ตัดสินใจว่าเขาจะย้อนไปดูยายตัวยุ่งนั่นแค่นั้น และถ้าเจ้าหล่อนยืนกรานว่าไม่กลับ เขาก็จะไม่ดูดำดูดีด้วยแล้วจริงๆ
ขณะเดินกลับไปที่ห้องคาราโอเกะ คิรินทร์นึกอยากทึ้งผมบนศีรษะเหลือเกิน บางทีเขาก็เบื่อตัวเองไม่น้อยที่ทำใจแข็งกับเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวไม่ลง
แต่วันนี้...ชายหนุ่มพบว่าเขาดีใจที่ตัดสินใจย้อนกลับมา!
เพราะในห้องเล็กๆที่เปิดไฟไว้ค่อนข้างสลัว ซึ่งควรมีแต่พรนางฟ้าร้องเพลงเมาหยำเปอยู่ลำพัง บัดนี้กลับมีผู้ชายท่าทางแปลกๆนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อยืดไม่มีแขนสีดำกับกางเกงสีเข้ม ลายสักรูปกุหลาบแรกแย้มสีน้ำเงินที่ต้นแขนซ้ายมีเถาวนรอบแขนละม้ายเป็นพันธนาการ ผมสีน้ำตาลเป็นคลื่นน้อยๆที่ตัดสั้นกับแว่นสายกรอบโลหะสีทองจาง ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเหมือนหนุ่มร็อคเกอร์สไตล์ญี่ปุ่นชัดเจน
คิรินทร์ผลักประตูเข้าไปทันที และคนเมาเมื่อครู่ก็หันมายิ้มหวานให้เขา ผมเหยียดตรงสีดำสนิทบางส่วนรุ่ยร่ายปรกดวงหน้า ขณะดวงตามีร่องรอยรับรู้ดูมีสติขึ้นเล็กน้อย
“คุณมาฟังที่หมอดูพูดสิ เมื่อกี้หมอเขาเจิมโทรศัพท์ให้ฉันด้วยนะ แล้วก็ยังบอกอีกด้วยว่าสิ่งที่ฉันเห็นในนี้จะเป็นจริง คุณดีใจกับฉันไหม”
คนพูดเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้สลับกันไปมา เขาตวัดตามองตาม ‘ในนี้’ ที่เธออ้างถึง จึงพบว่ามันเป็นลูกแก้วใสแจ๋วขนาดเล็กกว่าฝ่ามือพอสมควร ภายในบรรจุน้ำเต็มเปี่ยมล้อมดอกกุหลาบสีน้ำเงิน ดูก็รู้ว่านี่มันสโนว์โกล้บชัดๆ! มือของ ‘หมอดู’ ลอยอยู่เหนือลูกแก้วเล็กน้อย ขณะอีกฟากของเก้าอี้พรนางฟ้าทำกิริยาเดียวกันเป๊ะ
“เหลวไหล” คิรินทร์โพล่งตามที่ใจคิด
ชายท่าทางประหลาดที่พรนางฟ้าบอกว่าเป็นนักพยากรณ์ไม่ยี่หระ เขาแต้มยิ้มนิดๆ เอ่ยเสียงนุ่มนวล “ด้วยพลังอันลี้ลับของจักรวาล คุณจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ”
“คุณพูดจริงหรือคะ” คนฟังตื่นเต้น ดูแทบไม่ออกว่าเมื่อครู่เมาแอ๋ขนาดนั้น
“คุณอึดอัดไม่กล้าพูด งั้นผมจะให้พรคุณข้อหนึ่ง จากนี้ไปทุกสิ่งที่คุณคิด จะดังเป็นคำพูด พอใจไหม”
หญิงสาวละล่ำละลักพยักหน้า “มากค่ะ”
“หลับตา” ผู้ชายคนนั้นออกคำสั่ง “ถ้าผมยังไม่อนุญาต อย่าเพิ่งลืมตา”
คิรินทร์ขยับตัวระแวดระวัง เดาไม่ถูกเลยว่าหมอดูกำมะลอจะมาไม้ไหน แต่ดูเหมือนพรนางฟ้าไม่สังเกตหรือสนใจอะไรทั้งสิ้น เธอหลับตาอย่างว่าง่าย
ผู้ชายคนนั้นดึงของบางอย่างจากกระเป๋าหนังที่สะพายเฉียงไหล่ไว้ออกมาสวมคล้องคอให้หญิงสาว จับมือพรนางฟ้าประคองจี้ที่ห้อยอยู่ด้านหน้าแล้วใช้สองมือกุมซ้อนมือเธออีกทอด “ลืมตาได้แล้ว ผมจะให้เครื่องยึดเหนี่ยวไว้ เมื่อไหร่ที่เผชิญกับสถานการณ์ไม่ค่อยดี คุณเพียงแต่แตะมันเบาๆ ผู้ครองมนตราจะประทานพลังจักรวาลให้คุณ แล้วคุณจะผ่านพ้นทุกเรื่องไปได้”
คิรินทร์ก้มลงไปฉุดหญิงสาวดึงมายืนข้างๆ “บ้าไปแล้วหรือคุณ เขาเป็นคนแปลกหน้า ปล่อยให้เขาเอาอะไรมายัดเยียดให้ได้ไง”
เมื่อพรนางฟ้าแบมือออกจึงเห็นว่าสร้อยคอพิงค์โกลด์ที่ยาวจรดกึ่งกลางอก ร้อยด้วยจี้โลหะรูปผีเสื้อปีกซ้อนกันซึ่งล้อมอยู่รอบหินสีส้มราวแสงเพลิงบางเฉียบเจียระไนเป็นปีกบอบบาง
“ผมแค่ให้สร้อยเธอไว้เป็นของติดตัวเท่านั้นเอง” ฝ่ายนั้นคงเดาความคิดเขาได้ จึงออกตัวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ผมขออวยพรให้คุณโชคดีนะครับ คุณผู้หญิง”
ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะหมุนตัวออกจากห้อง พรนางฟ้าสะบัดข้อมือจากการเกาะกุมของเขา ปรี่ไปที่กระเป๋าหยิบธนบัตรใบใหญ่สุดมาสองใบยัดเยียดใส่มืออีกฝ่ายทันที “หมอ! ฉันให้ค่าดู ขอบคุณมากนะคะ”
‘หมอ’ ชะงัก ก้มลงมาสบสานสายตากับดวงตาหญิงสาวเนิ่นนาน
ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกเข้ามาในนัยน์ตาเธอ พรนางฟ้ารู้สึกคล้ายถูกดูดเข้าไปในโพรงมืดสีดำสนิท หนาว...จนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ไต่ไล่จากสันหลังขึ้นไปถึงเส้นผมบนศีรษะ ขนอ่อนๆ ตรงต้นคอและที่ท่อนแขนลุกชัน หญิงสาวอยากหลับตาเพื่อหลบกระแสเข้มข้นนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ ดวงตาเธอแข็งค้างอยู่ในอิริยาบถนั้นราวกับต้องคำสาป
มาได้สติอีกครั้งก็ตอนที่อุ้งมือใหญ่นั้นจับมือเธอแบออกแล้ววางธนบัตรคืนให้ “ขอบคุณ แต่ผมไม่รับ ผมขอให้คุณโชคดี แล้วก็...จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณเลือกสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง”
“คุณคิดว่าวันหนึ่งฉันจะเสียใจใช่ไหม บอกให้รู้ไว้เลยว่าฉันไม่มีวันเสียใจโดยเด็ดขาด นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดแล้วจริงๆ” พรนางฟ้าประกาศลั่น
และนั่นเป็นสิ่งสุดท้าย...ที่เธอจำได้
---------------------------------------------------------
[1] บทเพลง ความเชื่อ โดยศิลปิน บอดี้สแลม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ขอบคุณทุกกำลังใจ และเพื่อนๆที่ช่วยกันกด "ชอบ" นะค้า
ขอกำลังใจเป็น "ชอบตอนนี้จังเลย" ด้วยเน้อ
คนเขียนจะได้มีพลังฮึด สู้ต่อ อิอิ
สารภาพค่ะ ว่าพอลงบทนำไปแล้ว
คืนนั้นบังเกิดอาการนอนไม่หลับ 555555
ไอเดียกระฉูด นึกอยากแก้เรื่องอีกนิด
เลยไปนั่งรีไรท์รอบที่ไม่ได้นับ
จนเป็นที่มา ที่ทำให้ บทนำ งอกยาวขึ้นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
หวังว่าจะยังคง น่าสนใจ น่าสนุก อยู่เหมือนเดิมนะคะ
ติชมกันได้เต็มที่เลยค่ะ สิริณจะกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
“คุณคิรินทร์เอาสร้อยเส้นนี้มาให้ฉันดูทำไมหรือคะ” คนพูดพยายามฝืนยิ้ม มิให้แลเสียมารยาทเกินไป
“แพนจำไม่ได้จริงๆหรือ” น้ำเสียงที่เขาทอดหวานเรียกชื่อเธอ แฝงด้วยรอยอาวรณ์ “นี่เป็นสร้อยของแพนไง แพนหวงมันมาก แล้วก็สวมติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยด้วย”
“ฉันไม่เคยมีของแบบนี้ค่ะ” หญิงสาวส่ายศีรษะ กวาดตามองผู้ชายตรงหน้าด้วยอาการพิจารณา สองสัปดาห์ก่อนเธอถูกสุภัทรชาลากไปงานเปิดตัวภาพวาดสีน้ำมันที่ปลายแปรงแกลเลอรี ทำให้ได้พบกับเจ้าของผลงานภาพเขียนเหล่านั้น จิตรกรหนุ่ม...ที่อหังการพอจะระบุชื่อจิตรกรบนสูจิบัตรสั้นๆแค่ ‘คิรินทร์’
ไม่มีประวัติส่วนตัว ไม่มีผลงานเก่าๆที่ผ่านมา ไม่มี...แม้กระทั่งนามสกุล!
เห็นได้ชัดว่าจิตรกรผู้นี้ไม่ขายตัวตน ไม่ขายโปรไฟล์ ไม่สร้างเรื่องราวน่าสงสารให้ใครเห็นใจ แต่เขาเจตนาใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น
คิรินทร์รูปร่างสูงเพรียว ผมหยักเป็นคลื่นสลวยยาวแนบต้นคอถูกหวีเปิดด้านหน้าขึ้นไปหมด เผยรูปหน้าบึกบึนและแนวกรามสอบลงมาจรดคางที่มีรอยบุ๋มเล็กน้อย คิ้วเรียงเส้นสวยรับกับดวงตาสีดำลึกล้ำราวห้วงมหาสมุทร จมูกโด่งได้รูป ขณะไรเขียวจางๆเหนือริมฝีปากและตามแนวคางตัดกับผิวสีแทนส่งให้เขาน่ามองนัก เชิ้ตสีดำกับยีนซีดขับให้ผิวคล้ามแดดของเขายิ่งเข้มขึ้น แลบึกบึน เข้มแข็ง เขาหล่อ เซอร์ เท่ เป็นตัวของตัวเองเหมือนวันนั้นเปี๊ยบ!
“แพนจำพี่ไม่ได้ จำสร้อยเส้นนี้ไม่ได้ งั้น...แพนจำอะไรได้บ้าง”
“จำได้ว่าหลังจากเจอกันที่แกลเลอลี อาทิตย์ถัดมาฉันก็ขับรถชนกับคุณ ทำให้เราต้องแลกนามบัตรกัน แล้วคุณก็มอบรูปวาดให้ฉัน มันถูกส่งมาที่ออฟฟิศฉันเมื่อวานนี้” สีหน้าเธออ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ขณะรอยยิ้มบนใบหน้าบอกชัดถึงความดีใจ
“แล้วเพื่อนแพนก็ยึดรูปไปเองหน้าตาเฉย พี่เป็นคนไปปลดรูปออกมาจากห้องทำงานของสุภัทรชา มาวางคืนให้แพนที่โต๊ะ อันนี้จำได้ไหม”
“ค่ะ...ฉันจะเลี้ยงขอบคุณคุณสำหรับรูปนั่น แต่กลับชวนคุณไปกินเหล้า” พรนางฟ้ายิ้มแหย...เริ่มทวนความทรงจำได้มากขึ้นเรื่อยๆ
คิรินทร์ผงกศีรษะเคร่งขรึม “แพนเล่าทุกอย่างถูกต้องหมด ผิดไปแค่เรื่องเดียว...เหตุการณ์ทั้งหมดนั่นไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่มัน...” เขาถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอจากลิ้นชักข้างเตียงพักฟื้นของผู้ป่วยมาส่งให้เงียบๆ “พี่ไม่ได้ส่งรูปไปให้แพนเมื่อวาน แต่มันผ่านมาหกเดือนแล้ว และถ้ามันอาจช่วยให้แพนจำอะไรได้บ้าง พี่ก็ยินดีเล่าเหตุการณ์ที่ร้านคาราโอเกะในคืนนั้นให้แพนฟังอย่างละเอียด”
พรนางฟ้าหลุบตามองวันที่บนหน้าจอจนเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก แล้วก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกดื้อๆ จิ๊กซอว์ค่อยๆถูกต่อเติมลงมาในหัวทีละชิ้น เธอปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน ก่อนพึมพำ
“แสดงว่าที่เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นสามีของฉัน คุณพูดจริงเหรอคะ”
หญิงสาวมองริมฝีปากบางสีสดที่แย้มขึ้นเป็นรอยยิ้มเอ็นดู แล้วหัวใจก็เต้นกระหน่ำเป็นจังหวะประหลาด
คิรินทร์หย่อนสร้อยผีเสื้อล้อมหินสีชมพูลงในมือเธอ แล้วถอยออกไปยืนที่เดิม เว้นระยะไว้เพื่อมิให้เธออึดอัดใจ ก่อนเริ่มต้นพาเธอย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์เมื่อหกเดือนที่แล้วด้วยการเอ่ย...
“เริ่มต้นที่สร้อยเส้นนี้ก็แล้วกัน เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้แพนเป็นอย่างนี้”
“เอาเบียร์สดมาหลอดนึงด้วยนะ” ผู้ที่กำลังเอ่ยประโยคนั้นหลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว เป็นหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวแต่งกายเรียบร้อยและเป็นทางการอย่างยิ่ง เชิ้ตคอจีนเข้ารูปแขนกุดสีชมพูอ่อนกับกระโปรงสอบแคบยาวเลยหัวเข่าสีกรมท่าขับผิวขาวจัดของเธอให้สว่างกระจ่างผ่องแผ้ว ผมสีดำสนิทราวนกกาน้ำขมวดเป็นมวยต่ำ พอรวมกับแว่นทรงกลมกรอบหนาที่สวมอยู่ ทำให้เจ้าตัวยิ่งเหมือนคุณครูเฮี้ยบๆเข้าไปใหญ่
คิรินทร์คอยจนพนักงานออกจากห้องคาราโอเกะขนาดเล็กนั้นไปแล้ว จึงนั่งลงบนโซฟาทิ้งระยะห่างจากเธอพอควร “คิดดีแล้วเหรอ ที่ทำแบบนี้น่ะ”
ดวงตาสีน้ำตาลใสซึ่งบวมช้ำจากการร้องไห้ตวัดมองเขา จมูกเล็กได้รูปแดงก่ำ ขณะริมฝีปากบอบบางไร้สีสันเม้มแน่นอย่างไม่พอใจก่อนสะบัดเสียงใส่เขา “ถ้าคุณไม่อยากอยู่ จะกลับไปก็ได้นะ แล้วฉันนัดคุณมาเลี้ยงขอบคุณวันหลังก็ได้”
ชายหนุ่มนึกถึงถ้อยคำที่หญิงสาวระเบิดอารมณ์ให้ฟังตอนอยู่ที่สำนักงานก่อนออกมายังร้านอาหาร แล้วก็ถอนหายใจด้วยความเวทนา
‘เขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่เขากลับเอาทุกอย่างไปจากชีวิตฉัน ทั้งตำแหน่งหน้าที่การงานที่ควรเป็นของฉัน เกียรตินิยมเหรียญทองของฉัน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายที่ฉันชอบ ขนาดรูปของฉัน เขายังเอาไปเป็นของตัวเองเลย’ พรนางฟ้าน้ำตาร่วงริน ชี้ภาพวาดสีน้ำมันที่แขวนอยู่ในห้องทำงานซึ่งอยู่ตรงข้าม ‘เวลานายสั่งงาน เกรซเคยทำเองที่ไหน มีแต่ฉันนี่แหละที่ต้องตาลีตาเหลือกหาข้อมูลพิมพ์รายงานส่งให้ ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาแค่แต่งตัวสวยๆ รอขโมยผลงานของฉันไปใส่ชื่อตัวเอง เอาความดีความชอบไว้เองคนเดียวทั้งนั้น เพื่อนใจร้าย!’ พอเริ่มต้นประโยคแรกได้ เรื่องราวคับใจที่กดเก็บไว้ก็พรั่งพรูออกมาหมดเปลือก
‘แล้วดู! เมื่อกี้เจ้านายบอกว่าจะเลื่อนให้เกรซเป็นผู้อำนวยการ มันเป็นกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ แค่หลอกใครไว้รับใช้คอยทำงานงกๆให้ก็เป็นผู้อำนวยการได้แล้ว’ เธอวางแขนกับโต๊ะซบหน้าลงตั้งต้นร้องไห้อีกครั้ง
อาทิตย์ก่อนที่บังเอิญขับรถชนกัน พรนางฟ้าก็มีสีหน้าอมทุกข์แบบเดียวกันนี้ แต่พอเห็นเขามีรอยบวมแดงที่ศีรษะจากอุบัติเหตุ คนกำลังทุกข์ใจก็ลืมเรื่องของตัวเอง กุลีกุจอจะลากเขาไปโรงพยาบาลให้ได้แทน
เพราะน้ำใจของพรนางฟ้าที่มีต่อเขานั่นเอง คิรินทร์ซึ่งแทบไม่เหลือศรัทธากับน้ำใจมนุษย์ในสังคม จึงนิยมผู้หญิงคนนี้ถึงขนาดตัดสินใจยกภาพเขียนของเขาให้เธอโดยไม่คิดมูลค่า คนขี้เกรงใจจึงเสนอจะเลี้ยงข้าวเขาแทนคำขอบคุณ และเขาก็ตอบรับ จนกลายมาเป็นความอึดอัดใจจนถึงตอนนี้
“ผมไม่ได้รังเกียจที่จะดื่มเหล้าหรอกนะ แต่ที่ถามเนี่ย ผมหมายถึงว่าคุณคิดว่าการเมาจะแก้ปัญหาได้จริงเหรอ ไอ้ของที่คุณถูกแย่งไปน่ะ คุณเคยพยายามยื้อมันกลับคืนมาหรือเปล่า การคร่ำครวญและลงโทษตัวเองแบบนี้ ไม่คิดว่ามันน่าสมเพชไปหน่อยเหรอ นิสัยคนแพ้ชัดๆ”
พรนางฟ้าเบะปากหน้าเบ้ ก่อนยกระดับไปเป็นการร้องไห้โฮ “ขนาดคนอย่างคุณยังกล้าว่าฉันเลย”
คิรินทร์ถอนใจ อยากรู้ขึ้นมานิดๆว่า ‘คนอย่างเขา’ นี่มันยังไงกัน ต่ำต้อยจนการถูกเขาต่อว่าชวนให้รันทดกับชีวิตขนาดนั้นเลยหรือ
ตลอดเกือบสิบนาทีถัดมา ‘เจ้ามือ’ ของมื้อนี้ร้องไห้ไม่หยุด จนพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เธอจึงเปลี่ยนจากร้องไห้อย่างเดียว เป็นสะอื้นสลับกับดื่มเบียร์ต่างน้ำ! ไม่นานเบียร์สดก็ลดปริมาณลงเหลือเพียงครึ่งหลอดด้วยความรวดเร็ว
“ทำไมคนที่โชคดีแบบนั้นถึงไม่ใช่ฉันบ้าง ทำไม...” เสียงพึมพำอ้อแอ้ดังแทบไม่พ้นริมฝีปาก หญิงสาวถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะ ฟุบหน้ากับท่อนแขน ร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆอีกครั้ง
“คุณเมาแล้วนะ กลับเถอะ” หลังเจ้าหล่อนจัดการเบียร์สดคนเดียวจนเริ่มเมากรึ่มๆ คิรินทร์ก็ตัดสินใจว่าเขาไม่มีเหตุผลต้องอยู่ตรงนี้เลย ที่ยกภาพเขียนให้เธอก็เพราะอยากให้ของที่คนรับชอบ มากกว่าแค่ขายรูปให้ใครสักคนเอาไปประดับบ้านโดยที่เจ้าของใหม่ไม่เห็นคุณค่า ส่วนที่ยอมให้พรนางฟ้าเลี้ยงข้าวก็เพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจเท่านั้น ไม่คาดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนี้
“แค่นี้ไม่เมาหรอกน่า เอาเบียร์มาอีกหลอดเลยดีกว่า คุณสั่งพนักงานให้ฉันหน่อยสิ” พรนางฟ้ายิ้มหวาน
“อย่าดื่มอีกเลย คุณเป็นผู้หญิง เมาแล้วไม่สวยหรอก แล้วมันก็อันตรายมากด้วย”
“โธ่เอ๊ย...” เจ้าตัวลากเสียงยาว “ไม่เมาก็ไม่สวยอยู่แล้ว เพราะชาน้าน เรื่องสวยเนี่ย ม่ายมีผลอารายกาบช้านเลย ขอบอก-ก-ก”
ความอดทนของคิรินทร์มาถึงจุดสิ้นสุดตรงนั้นเอง เขาลุกขึ้นยืน “ตกลงว่าคุณยืนยันที่จะเมาต่อใช่ไหม”
หญิงสาวปรายตามาแวบเดียว ก่อนหันไปคว้าไมโครโฟนลุกขึ้นร้องเพลงโดยไม่สนใจเขาเลย “ตาหลอดชีวี้ดช้านเชื่อนายสิ่งที่คี้ด หรือมานจาเปนอารายที่ผีด และช้านเองที่โหลงทาง” คนเมาถือแก้วเบียร์โยกซ้ายขวาง่อนแง่นตามจังหวะเสียงร้องเพลงกระตึกกระตักไร้ทำนองจนเครื่องดื่มสีทองพรายฟองขาวที่ยังเย็นเฉียบกระฉอกมาโดนชายหนุ่ม แต่เจ้าตัวไม่สนใจ “ชีวี้ดมานต้องเดินตามหาความฝาน โหกโล้มคลุกคลานท่าวราย มานจาปายจบที่โตงหนาย เมื่อเดินท่าวหร่ายมานก็ปายม่ายถึง[1]”
คิรินทร์ก้มลงมองเสื้อยืดที่เปียกเป็นหย่อมๆ คละคลุ้งด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์แล้วส่ายหน้าด้วยความระอา คิดไม่ถึงว่ายายจืดชืดเชย จะมีโหมดสติแตกน่ากลัวขนาดนี้ เขาลูบของเหลวเปียกๆออกจากแขน
“ดูเหมือนคุณจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมคงคิดมากไปเองที่เป็นห่วง เอาเป็นว่าเชิญคุณเมาตามสบาย ผมขอตัวก่อนละ” ชายหนุ่มออกจากห้องที่อึกทึกมุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ เพื่อทำความสะอาดแขนและซับคราบเปื้อนจากเสื้อ จนเรียบร้อยแล้วจึงไปยืนคอยเรียกแท็กซี่ที่หน้าร้าน
แวบหนึ่งที่เขาหันไปทางห้องคาราโอเกะ ความรู้สึกสองฝ่ายต่อสู้กันรุนแรง ใจหนึ่งยุยงให้เขากลับที่พักเพราะเขากับผู้หญิงคนนั้นรู้จักกันชนิดห่างที่สุดในโลก แต่อีกใจที่มีคุณธรรมมากกว่าย้ำให้ฟังเป็นระยะว่า ต่อให้เป็นคนไม่รู้จักเลย แต่เขาจะใจร้ายทิ้งผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ แถมยังเพิ่งพบความผิดหวังเสียใจอย่างรุนแรงไว้ตามลำพังจริงหรือ!
ความคิดฝ่ายหลังไม่เชิงชนะทีเดียว คิรินทร์ตัดสินใจว่าเขาจะย้อนไปดูยายตัวยุ่งนั่นแค่นั้น และถ้าเจ้าหล่อนยืนกรานว่าไม่กลับ เขาก็จะไม่ดูดำดูดีด้วยแล้วจริงๆ
ขณะเดินกลับไปที่ห้องคาราโอเกะ คิรินทร์นึกอยากทึ้งผมบนศีรษะเหลือเกิน บางทีเขาก็เบื่อตัวเองไม่น้อยที่ทำใจแข็งกับเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวไม่ลง
แต่วันนี้...ชายหนุ่มพบว่าเขาดีใจที่ตัดสินใจย้อนกลับมา!
เพราะในห้องเล็กๆที่เปิดไฟไว้ค่อนข้างสลัว ซึ่งควรมีแต่พรนางฟ้าร้องเพลงเมาหยำเปอยู่ลำพัง บัดนี้กลับมีผู้ชายท่าทางแปลกๆนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อยืดไม่มีแขนสีดำกับกางเกงสีเข้ม ลายสักรูปกุหลาบแรกแย้มสีน้ำเงินที่ต้นแขนซ้ายมีเถาวนรอบแขนละม้ายเป็นพันธนาการ ผมสีน้ำตาลเป็นคลื่นน้อยๆที่ตัดสั้นกับแว่นสายกรอบโลหะสีทองจาง ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเหมือนหนุ่มร็อคเกอร์สไตล์ญี่ปุ่นชัดเจน
คิรินทร์ผลักประตูเข้าไปทันที และคนเมาเมื่อครู่ก็หันมายิ้มหวานให้เขา ผมเหยียดตรงสีดำสนิทบางส่วนรุ่ยร่ายปรกดวงหน้า ขณะดวงตามีร่องรอยรับรู้ดูมีสติขึ้นเล็กน้อย
“คุณมาฟังที่หมอดูพูดสิ เมื่อกี้หมอเขาเจิมโทรศัพท์ให้ฉันด้วยนะ แล้วก็ยังบอกอีกด้วยว่าสิ่งที่ฉันเห็นในนี้จะเป็นจริง คุณดีใจกับฉันไหม”
คนพูดเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้สลับกันไปมา เขาตวัดตามองตาม ‘ในนี้’ ที่เธออ้างถึง จึงพบว่ามันเป็นลูกแก้วใสแจ๋วขนาดเล็กกว่าฝ่ามือพอสมควร ภายในบรรจุน้ำเต็มเปี่ยมล้อมดอกกุหลาบสีน้ำเงิน ดูก็รู้ว่านี่มันสโนว์โกล้บชัดๆ! มือของ ‘หมอดู’ ลอยอยู่เหนือลูกแก้วเล็กน้อย ขณะอีกฟากของเก้าอี้พรนางฟ้าทำกิริยาเดียวกันเป๊ะ
“เหลวไหล” คิรินทร์โพล่งตามที่ใจคิด
ชายท่าทางประหลาดที่พรนางฟ้าบอกว่าเป็นนักพยากรณ์ไม่ยี่หระ เขาแต้มยิ้มนิดๆ เอ่ยเสียงนุ่มนวล “ด้วยพลังอันลี้ลับของจักรวาล คุณจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ”
“คุณพูดจริงหรือคะ” คนฟังตื่นเต้น ดูแทบไม่ออกว่าเมื่อครู่เมาแอ๋ขนาดนั้น
“คุณอึดอัดไม่กล้าพูด งั้นผมจะให้พรคุณข้อหนึ่ง จากนี้ไปทุกสิ่งที่คุณคิด จะดังเป็นคำพูด พอใจไหม”
หญิงสาวละล่ำละลักพยักหน้า “มากค่ะ”
“หลับตา” ผู้ชายคนนั้นออกคำสั่ง “ถ้าผมยังไม่อนุญาต อย่าเพิ่งลืมตา”
คิรินทร์ขยับตัวระแวดระวัง เดาไม่ถูกเลยว่าหมอดูกำมะลอจะมาไม้ไหน แต่ดูเหมือนพรนางฟ้าไม่สังเกตหรือสนใจอะไรทั้งสิ้น เธอหลับตาอย่างว่าง่าย
ผู้ชายคนนั้นดึงของบางอย่างจากกระเป๋าหนังที่สะพายเฉียงไหล่ไว้ออกมาสวมคล้องคอให้หญิงสาว จับมือพรนางฟ้าประคองจี้ที่ห้อยอยู่ด้านหน้าแล้วใช้สองมือกุมซ้อนมือเธออีกทอด “ลืมตาได้แล้ว ผมจะให้เครื่องยึดเหนี่ยวไว้ เมื่อไหร่ที่เผชิญกับสถานการณ์ไม่ค่อยดี คุณเพียงแต่แตะมันเบาๆ ผู้ครองมนตราจะประทานพลังจักรวาลให้คุณ แล้วคุณจะผ่านพ้นทุกเรื่องไปได้”
คิรินทร์ก้มลงไปฉุดหญิงสาวดึงมายืนข้างๆ “บ้าไปแล้วหรือคุณ เขาเป็นคนแปลกหน้า ปล่อยให้เขาเอาอะไรมายัดเยียดให้ได้ไง”
เมื่อพรนางฟ้าแบมือออกจึงเห็นว่าสร้อยคอพิงค์โกลด์ที่ยาวจรดกึ่งกลางอก ร้อยด้วยจี้โลหะรูปผีเสื้อปีกซ้อนกันซึ่งล้อมอยู่รอบหินสีส้มราวแสงเพลิงบางเฉียบเจียระไนเป็นปีกบอบบาง
“ผมแค่ให้สร้อยเธอไว้เป็นของติดตัวเท่านั้นเอง” ฝ่ายนั้นคงเดาความคิดเขาได้ จึงออกตัวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ผมขออวยพรให้คุณโชคดีนะครับ คุณผู้หญิง”
ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะหมุนตัวออกจากห้อง พรนางฟ้าสะบัดข้อมือจากการเกาะกุมของเขา ปรี่ไปที่กระเป๋าหยิบธนบัตรใบใหญ่สุดมาสองใบยัดเยียดใส่มืออีกฝ่ายทันที “หมอ! ฉันให้ค่าดู ขอบคุณมากนะคะ”
‘หมอ’ ชะงัก ก้มลงมาสบสานสายตากับดวงตาหญิงสาวเนิ่นนาน
ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกเข้ามาในนัยน์ตาเธอ พรนางฟ้ารู้สึกคล้ายถูกดูดเข้าไปในโพรงมืดสีดำสนิท หนาว...จนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ไต่ไล่จากสันหลังขึ้นไปถึงเส้นผมบนศีรษะ ขนอ่อนๆ ตรงต้นคอและที่ท่อนแขนลุกชัน หญิงสาวอยากหลับตาเพื่อหลบกระแสเข้มข้นนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ ดวงตาเธอแข็งค้างอยู่ในอิริยาบถนั้นราวกับต้องคำสาป
มาได้สติอีกครั้งก็ตอนที่อุ้งมือใหญ่นั้นจับมือเธอแบออกแล้ววางธนบัตรคืนให้ “ขอบคุณ แต่ผมไม่รับ ผมขอให้คุณโชคดี แล้วก็...จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณเลือกสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง”
“คุณคิดว่าวันหนึ่งฉันจะเสียใจใช่ไหม บอกให้รู้ไว้เลยว่าฉันไม่มีวันเสียใจโดยเด็ดขาด นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดแล้วจริงๆ” พรนางฟ้าประกาศลั่น
และนั่นเป็นสิ่งสุดท้าย...ที่เธอจำได้
---------------------------------------------------------
[1] บทเพลง ความเชื่อ โดยศิลปิน บอดี้สแลม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ขอบคุณทุกกำลังใจ และเพื่อนๆที่ช่วยกันกด "ชอบ" นะค้า
ขอกำลังใจเป็น "ชอบตอนนี้จังเลย" ด้วยเน้อ
คนเขียนจะได้มีพลังฮึด สู้ต่อ อิอิ
สารภาพค่ะ ว่าพอลงบทนำไปแล้ว
คืนนั้นบังเกิดอาการนอนไม่หลับ 555555
ไอเดียกระฉูด นึกอยากแก้เรื่องอีกนิด
เลยไปนั่งรีไรท์รอบที่ไม่ได้นับ
จนเป็นที่มา ที่ทำให้ บทนำ งอกยาวขึ้นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
หวังว่าจะยังคง น่าสนใจ น่าสนุก อยู่เหมือนเดิมนะคะ
ติชมกันได้เต็มที่เลยค่ะ สิริณจะกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2556, 00:12:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ค. 2556, 00:12:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1818
<< บทนำ | ตอนที่ ๑ (๕๐%) >> |
Sukhumvit66 24 ก.ค. 2556, 01:51:33 น.
นางเอกหลุดปากอะไรไปค่ะ
อ่านแล้วนึกถึงการขายวิญญาณให้ซาตานเลยอ่ะ
นางเอกหลุดปากอะไรไปค่ะ
อ่านแล้วนึกถึงการขายวิญญาณให้ซาตานเลยอ่ะ
ภาวิน 24 ก.ค. 2556, 09:45:16 น.
นางเอกเมาได้รั่วมาก แต่ที่มีสติขึ้นมาหน่อยนี่เป็นเพราะสโนว์โกล้บหรือเพราะพ่อหมอหนุ่มมาดเท่กันแน่เนี่ย
นางเอกเมาได้รั่วมาก แต่ที่มีสติขึ้นมาหน่อยนี่เป็นเพราะสโนว์โกล้บหรือเพราะพ่อหมอหนุ่มมาดเท่กันแน่เนี่ย
บุลินทร 24 ก.ค. 2556, 13:40:57 น.
บรรยากาศของเรื่องดูมีมนตร์ขลัง
บรรยากาศของเรื่องดูมีมนตร์ขลัง
อสิตา 24 ก.ค. 2556, 13:57:26 น.
ชอบตรงหมอเจิมโทรศัพท์นี่แหละ นางเอกเมาน่ารักดีกินเบียร์ทีเป็นหลอด
ชอบตรงหมอเจิมโทรศัพท์นี่แหละ นางเอกเมาน่ารักดีกินเบียร์ทีเป็นหลอด
จิรารัตน์ 13 ส.ค. 2556, 14:56:11 น.
ชอบชื่อนางเอกค่ะ ไม่ต้องแปลใดใดทั้งสิ้น
ชอบชื่อนางเอกค่ะ ไม่ต้องแปลใดใดทั้งสิ้น