น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 31.รอบตอบคำถาม

31.

สลาก 12 ใบที่ถูกม้วนอยู่ในโหลพลาสติกใสใบขนาดพอเหมาะมือพิธีกรชายเป็นฝ่ายถือ เขาเขย่า ๆ ให้สลากคละกันก่อนจะส่งให้พิธีกรหญิงล้วงไปหยิบสลากออกมาหนึ่งใบ...

“สำหรับคนแรกที่จะได้ตอบคำถามในค่ำคืนนี้ก็คือ สาวงามหมายเลข 8 นางสาวกัญญาภัค สลักจิตค่ะ”

สาวงามหมายเลข 8 นั้นเป็นสาวงามจากหมู่ 3 หน้าตานั้นสวยเก๋เสียแต่ว่าหุ่นนั้นอวบเกินหน้าสาวงามคนอื่น ๆ...เมื่อเธอเดินออกมาจากแถวที่เรียงหน้ากระดานตามลำดับหมายเลขแล้วเธอก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อยแล้วก็ยิ้มกว้างพลางหันไปทางซ้ายหันทางขวาตามสูตรของนางงาม พิธีกรชายส่งซองคำถามที่มีอยู่ 20 ซองไปให้เธอเลือก เมื่อเธอเลือกได้แล้วพิธีกรหญิงก็รับมาเปิดอ่าน...

“พร้อมนะคะ...สำหรับคำถามที่ได้ก็คือ โลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน ๆ หากคุณได้เป็นนางนพมาศคุณจะมีวิธีทำให้โลกเย็นลงได้อย่างไร...ทวนคำถามอีกครั้งนะคะ โลกของเราฯ...พร้อมแล้วก็ตอบเลยค่ะ”
พิธีกรชายส่งไมค์ในมือไปให้ซึ่งเธอนั้นสั่นจนไมค์แทบจะหล่นลงพื้นทีเดียวด้วยไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนแรกที่ต้องตอบคำถาม...

“ขะขะขอบ คะ คะ คุณ สำหรับคำถามค่ะ...” เมื่อขอบคุณเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ยืนนิ่ง ยิ้ม ๆ มองหน้าพิธีกรหญิงแล้วก็กะพริบตาปริบๆก่อนจะขอให้ทวนคำถามอีกรอบ...ช็อตนี้จึงเรียกเสียงฮาให้ผู้ชมที่อยู่ข้างล่างเป็นอย่างมาก...

“ค่ะ ปัจจุบันโลกร้อนขึ้น หากกัญได้เป็นนางนพมาศเวทีบ้านไพรในปีนี้ กัญก็จะเปิดน้ำรดต้นไม้ค่ะ เพราะว่าต้นไม้จะทำให้โลกเย็นลงได้ เราต้องปลูกต้นไม้กันเยอะ ๆ ค่ะ...ขอบคุณค่ะ”

สาวงามหมายเลข 8 เดินกลับไปยืนเรียงแถว สลากเบอร์ใบถัดมาเป็นของสาวงามหมายเลข 2 นางงามธิลาวัลย์ กฤษณคุปต์ ซึ่งสาวงามคนนี้เป็นนางงามเดินสายประกวดล่าเงินรางวัล...และเมื่อครู่ตอนที่เธอได้ยินคำถามและคำตอบของนางงามหมายเลข 8 เธอก็พยายามกลั้นขำไว้...และเมื่อถึงคิวของเธอ คำถามที่เธอได้นั้นมีอยู่ว่า

“คำถาม ปัจจุบันคนไทยมีหนี้เพิ่มมากขึ้น คุณจะมีวิธีทำให้คนไทยมีหนี้น้อยลงหรือลดจำนวนหนี้ลงได้อย่างไร” หลังจากพิธีกรหญิงทวนคำถามซ้ำอีกครั้งพิธีกรชายก็ส่งไมค์ไปให้

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ หนี้ คือการเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน เช่นเราเพิ่งดำนา แต่เราไปเอาเงินจากเจ้าหนี้มาใช้ก่อน แล้วพอเราเกี่ยวข้าว ได้ข้าวเปลือกมา เราเอาไปขายให้กับเจ้าหนี้ของเรา หักลบคูณหารกันแล้ว อาจจะติดลบ นั่นคือ เรามีหนี้อยู่อีก หรืออาจจะได้ แต่เหลือเงินไม่พอใช้สำหรับวันต่อ ๆ ไป วิธีทำให้มีหนี้น้อยลงนั่นก็คือ เราต้องรู้จักพอเพียง ประหยัด วางแผนการใช้เงินให้ดี ใช้แต่สิ่งที่จำเป็น ทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน ถ้าเราทำได้อย่างนี้ หนี้ของเราก็จะน้อยลงจำนวนหนี้ก็อาจจะลดลงได้ ครอบครัวเราก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้นค่ะ...ขอบคุณค่ะ”

คำตอบอันยืดยาวของนางสาวธิลาวัลย์ กฤษณคุปต์ ซึ่งเป็นนางงามเดินสายไม่ใช่คนบ้านไพร ไม่มีใครรู้จักเรียกเสียงปรบมือได้พอประมาณ...
ในตอนนั้นนางงามที่ยังยืนเรียงแถวหน้ากันกระดานกันอยู่แม้จะตื่นเต้นครุ่นคิดคำตอบหากว่าตัวเองได้คำถามนั้นไปด้วย แต่ว่าหลาย ๆ คนก็เริ่มเมื่อย เริ่มล้าและบางคนก็รู้สึกง่วงนอน...

“หมายเลขถัดไป หมายเลข 7 นางสาวศุภิสรา รักษาพรรณ” พิธีกรชายเป็นฝ่ายประกาศเรียก

“คำถามของคุณคือ ปัจจุบันนี้คนไทยนิยมทำศัลยกรรมกันมากขึ้น คุณได้ทำศัลยกรรมมาบ้างหรือไม่ และคุณคิดอย่างไรกับการทำศัลยกรรม”
เหมือนเดิมว่า เมื่อได้รับไมค์มาแล้ว ศุภิสรา รักษาพรรณ ก็กล่าวขอบคุณกับคำถาม แล้วก็บอกว่า

“มีคำพังเพยของไทยอยู่บทหนึ่ง ซึ่งศุภิสราท่องได้ขึ้นใจ มีดังนี้...คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน คนจะแก่แก่ความรู้ใช่อยู่นาน คนจะรวยศีลทานใช่บ้านโต...สำหรับเรื่องศัลยกรรมนั้นศุภิสราไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เพราะว่าศุภิสรากลัวเจ็บ และก็ศุภิสราคิดว่าสิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ”

ในขณะที่ศุภิสราตอบคำถามนั้น นางงามหมายเลข 1 ก็ยิ้ม ๆ พลางเปรยให้นางงามหมายเลข 2 ได้ยิน เบา ๆ ว่า “ตอแหลกันเห็น ๆ ดั้งจมูกทำกับหมอที่สระบุรี ตาสองชั้นทำตรงรัชดา คางทำยันฮี ดัดฟันเพิ่งถอด รีแพร์ยกเครื่องใหม่ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“บ้า ไปว่าเขา”

“เรื่องจริง”

ทั้งสองยังคงถกเถียงกันเบา ๆ ส่วนศุภิสรานั้นยังตอบคำถามไม่จบ...

“ส่วนคนที่ทำศัลยกรรมนั้นก็คงเพราะอยากสวย อยากให้คนอื่นดูสบายตา ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ เป็นสิทธิส่วนบุคคลค่ะ เราต้องให้ความเคารพสิทธิทางความคิดของเขาค่ะ ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ”...

ตอนที่ศุภิสราเดินนวยนาดกลับไปยืนเรียงแถวนั้น ด้วยหันหลังให้คณะกรรมการหญิงสาวจึงเบ้หน้าแล้วก็ยักไหล่ให้เพื่อนหมายเลข 6 นางสาวสุธาสินี สิทธิพรชัย ที่เคยเจอกันมาหลายเวทีแล้ว...

“ตอบได้ดีมากเลยตัวเอง” สุธาสินี ชมศุภิสรา เบา ๆ ก่อนจะตาเหลือกเมื่อสลากใบถัดมาเป็นชื่อของตัวเอง


“คำถามของน้องสุธาสินี ยากสักนิดนะคะ คำถามมีอยู่ว่า ในฐานะที่คุณเป็นผู้หญิงคุณคิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่า วันลอยกระทงคือวันเสียตัวของผู้หญิงคะ”

สุธาสินีกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกล่าวขอบคุณ...ภวังค์นั้นภาพในอดีตก็แล่นเข้ามา คืนวันลอยกระทงเมื่อสามปีก่อนเป็นคืนวันที่เธอเสียตัวให้กับผู้ชายที่เธอรักมาก และเขาก็ใช้บรรยากาศในวันสุดแสนโรแมนติกนี้ขับรถพาเธอเข้าโรงแรมจิ้งหรีด เขาดีใจที่เป็นคนแรกของเธอ หลังจากที่ได้ความสาวของเธอไปแล้ว เขาก็เอาไปโพนทะนาให้เพื่อน ๆ ของเขารับรู้ คำสัญญาที่ว่าจะให้พ่อแม่มาสู่ขอเป็นอันว่าเขากลืนมันลงคอ มีซุบซิบเข้าหูว่าเธอถูกเจาะไข่แดงแล้ว ทำให้เธอต้องย้ายโรงเรียน แต่เขาก็ยังตามมาขู่ว่า ถ้าไม่ให้เขามีเพศสัมพันธ์ด้วยอีกเขาจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพ่อกับแม่ของเธอ...เธอยอมนอนกับเขาอีกหลายครั้งจนกระทั่งตั้งท้อง แต่ว่าเขาพาไปทำแท้ง หลังจากนั้นเขาก็หนีไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัดปล่อยให้หวานอมขมกลืนทนคิดถึงเขาอยู่ใน

พอพักข้างมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด...ผู้ชายสารเลว..

สุธาสินียืนนิ่งปล่อยให้น้ำตาคลอหน่วยตา จนกระทั่งพิธีกรหญิงต้องสะกิด...

“คะ ขอคำถามอีกครั้งค่ะ...”

เมื่อได้รับฟังคำถามอีกรอบสุธาสินีที่มีดวงตาแข็งกร้าวก็ตอบว่า “เป็นคำถามที่ยากพอดูเลยค่ะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีความรัก เคยมีผู้ชายมาจีบ และมาขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย อยากจะบอกว่าผู้หญิงเราควรจะใจแข็ง ตั้งสติ แล้วก็นึกถึงความถูกต้องดีงาม ผู้หญิงเราควรจะรักนวลสงวนตัว นึกถึงหน้าพ่อแม่ นึกถึงชื่อเสียงของตัวเอง นึกถึงโรคทางเพศสัมพันธ์ และก็นึกถึงอนาคตค่ะ สำหรับผู้ชายที่หวังจะมีอะไรกับผู้หญิงในวันลอยกระทงหนูคิดว่า เขาไม่ใช่คนจริงใจกับเราหรอกค่ะ ถ้าเลิกคบกับเขาได้ชีวิตจะมีความสุขในอนาคตแน่ ๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

คำตอบด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ ของสุธาสินีทำให้บรรยากาศตึงเครียดไปอึดใจ หลังจากนั้นก็เป็นเสียงปรบมือจากคนที่ตั้งใจฟัง...สุธาสินีหันหลังเดินกลับมาแล้วหยดน้ำตาก็ไหลลงมาจนเพื่อนนางงามที่เห็นพากันตกใจ แต่ว่าสุธาสินีก็ได้สติรีบใช้หลังมือเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินไปหาศุภิสรา

“แมลงเข้าตาฉันน่ะดูให้หน่อยซิ”...ศุภิสราดีใจที่คิดแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่นางงามเบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 ที่มองหน้ากันส่งสัญญาณนินทา แล้วนางงามหมายเลข 1 ก็เปรย ๆ เบาว่า

“เจอคำถามจี้ใจดำเข้านะซิ ถึงได้น้ำตาไหลพราก ชิ”


หลังจากที่ก้องเกียรติวิ่งตามทิพากรกับพรทิพย์เพื่อนของจวงจันทร์ไปแล้วภานุวัฒน์ก็เดินจ้ำพรวด ๆ มายังด้านหน้าเวที เพราะคืนนี้นั้น ความตั้งใจเดิมของเขาคือจะมาเชียร์น้ำผึ้ง แต่ทว่า พอเขาเห็นรูปที่นงลักษณ์ส่งข้อความภาพไปให้นั้น ใจของเขาก็รู้สึกแปลบปลาบขึ้นมาเหมือนถูกไฟช็อต...

และตอนที่เขาเดินมาถึงหน้าเวทีที่เพิ่งเปิดตัวสาวงามเบอร์ 1 นั้น ใจของเขาก็เต้นโครมครามขึ้นมากระทั่งถึงสาวงามหมายเลข 5 นางสาว
นงลักษณ์ คำภาสี แวบแรกที่เห็นใบหน้าของนงลักษณ์พร้อมรอยยิ้มละไมออกจะหวานชื่นใจของเขาก็พองโตขึ้นมาเสียอย่างนั้น กระทั่งนงลักษณ์ที่อยู่ในชุดไทยสไบเฉียงสีครีมเดินมาสุดเวทีเขาจึงต้องตะโกนเรียกให้นงลักษณ์รับรู้ว่าเขามาถึงงานแล้ว...

นงลักษณ์ยิ้มเก๋หลิ่วตาให้กับเขาก่อนจะหมุนตัวเดินไปเรียงแถว...ต่อจากนั้นก็เป็นคิวของสาวงามเบอร์ถัดไปจนกระทั่งถึงคิวของน้ำผึ้ง ซึ่งเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเมื่อเห็นน้ำผึ้ง แม้จะเป็นวันแรกที่ไปดูน้ำผึ้งไปประกวดธิดากระท้อนหวานผิดกับการเห็นนงลักษณ์และเขาก็เลยได้รู้ใจของตัวเองว่า อันที่จริงเขาน่าจะชอบนงลักษณ์มากกว่าน้ำผึ้ง ซึ่งจังหวะมันพอดีกับที่ก้องเกียรติเพื่อนของเขานั้นมาบ้านไพรเพื่อให้กำลังใจน้ำผึ้ง โดยเท้าความถึงอดีตว่าก้องเกียรติรู้จักน้ำผึ้งได้อย่างไร เขาจึงไม่รู้สึกเสียดายน้ำผึ้งเท่าไหร่นัก ด้วยเขามั่นใจว่า น้ำผึ้งนั้นไม่ได้สนใจทั้งเขาและก้องเกียรติแน่ ๆ เพราะน้ำผึ้งนั้นมีใจให้กับคนที่เป็นพ่อสื่อให้ก้องเกียรติ แต่เขาก็ไม่อยากบอกให้เพื่อนรับรู้กลัวว่าเพื่อนจะเสียใจ กระทั่งเรื่องมาโอละพ่อ เมื่อทิพากรอดีตนางงามคู่แข่งของน้ำผึ้งสาวสวยเรียนอยู่ที่กรุงเทพ ดันเป็นแฟนของก้องเกียรติ และหญิงสาวก็คงจะคิดว่าเขากับก้องเกียรติเป็นคู่เกย์กันแน่ ๆ ก้องเกียรติถึงได้โดนตบในโทษฐานที่ไปหลอกลวง...หรือว่าทิพากรจะเห็นเหตุการณ์ตอนที่ก้องเกียรติเอาช่อดอกไม้ไปมอบให้น้ำผึ้งก็สุดจะคาดเดา

เขาเองก็ไม่มีเบอร์ของก้องเกียรติเสียด้วย จึงไม่อาจจะรู้ว่าได้ว่าเรื่องของก้องเกียรติ ทิพากร และน้ำผึ้งนั้นจะจบลงอย่างไร แต่ว่าน้ำผึ้งคงมี เขาจะขอจากน้ำผึ้งในวันหลังก็ได้...

“มาดูประกวดเหมือนกันรึ” วิธิตทักทายสิบตำรวจตรีภานุวัฒน์โดยการตบไหล่เบา ๆ

“มาเชียร์...ผึ้งกับลักษณ์ครับ”

“แล้วเชียร์ใครล่ะ”

“ผมไม่รู้ว่าลักษณ์เขาจะขึ้นเวทีนี้ด้วย เพิ่งมารู้เมื่อกี้เอง”

“แล้วตกลงเชียร์ใคร”

“เอ่อ...คุณศุกร์ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ” ภานุวัฒน์รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากบอกความในใจที่เพิ่งชัดเจนนี้ออกไป

“ไม่ได้มาหรอก เข้ากรุงเทพไปหาเมียมัน”

“เมียมัน”

“มันมีเมียแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกันนะไม่รู้รึ”

“เอ๋อ...เพิ่งรู้...แล้วแบบนี้ผึ้งเขาก็” ภานุวัฒน์พลั้งปากไปเสียแล้ว

“อะไรนะ ผึ้งชอบไอ้ศุกร์เหรอ นายรู้ได้อย่างไร”

“เดา ๆ เอาครับ ไม่มีอะไร”

“แล้วนายไม่ได้ชอบผึ้งเหรอ”

“เขาไม่ชอบผมหรอกครับ ผมคงหล่อไม่พอ”

หัวคิ้วของวิธิตขมวดเข้าหากัน...เพราะถ้าน้ำผึ้งไปชอบวรรณศุกร์จริง ๆ ก็คงจะต้องพบแต่เพียงความผิดหวัง...



“ผ่านไปแล้วสำหรับคำถามจากคณะกรรมการและคำตอบของนางงามจำนวน 4 ท่าน ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการของเราต่างก็หน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่เพราะแต่ละคนตอบได้เด็ดดวงจริง ๆ”

“เห็นไหมว่า แม้เวทีนางนพมาศบ้านไพรของเราจะเป็นเวทีเล็ก ๆ หรือเรียกว่าเวทีนางงามภูธร แต่สาวงามที่มาประกวดกับเรานั้น ไม่ได้เป็นสาวบ้านนอกสาวบ้านป่าไร้การศึกษาไร้สติปัญญาแต่อย่างใดเลย...”

“ผมว่าเราเข้าสู่การจัดการประกวดกันต่อเลยดีกว่าครับ...”

พิธีกรชายเขย่าโหลแล้วก็หยิบสลากส่งไปให้พิธีกรหญิงประกาศผล...

“สำหรับคำถามถัดไปเป็นของสาวงามหมายเลข 1 นางสาวจันทร์นิภา เพชรประเสริฐผล ค่ะ...”

สาวงามคนนี้กระฉับกระเฉงเพราะว่าเจนเวทีเป็นอย่างมาก...แต่ว่าร่างกายนั้นค่อนข้างจะสันทัดไปสักหน่อย ดังนั้นเธอจึงสวมรองเท้าส้นสูงเป็นอย่างมากและอารามรีบเดินออกมาทำให้เธอสะดุดจนเกือบจะหกล้ม ดีแต่ว่าพิธีกรชายรีบเข้าประคองไว้...

“ไม่ต้องรีบค่ะ ได้ตอบคำถามแน่นอน”

จันทร์นิภายิ้มเขิน...พลางคิดในใจว่า ‘เวรแล้วกู’

“สำหรับคำถามของน้องจันทร์นิภานะคะ..ตั้งใจฟังนะคะ คำถามค่อนข้างยากทีเดียว...คำถามมีอยู่ว่า ปัจจุบันประเทศไทย ก้าวเข้าสู่ประเทศที่คนวัยชรามากขึ้น และถูกทอดทิ้งจากลูกหลานมากขึ้นด้วย หากคุณได้ตำแหน่งนางนพมาศ คุณจะแก้ไขปัญหานี้หรือช่วยเหลือปัญหาได้อย่างไร...ฟังอีกครั้งนะคะ”

เมื่อได้ยินคำถามนั้น จันทร์นิภาที่ฉีกยิ้มอยู่อยากจะร้องกรี๊ดเสียให้ได้ เพราะเป็นคำถามที่ยากมาก ๆ เธอยากจะถามพิธีกรว่า ใครมันคิดคำถาม แค่เวทีบ้านนอก ๆ เงินรางวัลแค่นี้ จะเอาคำตอบที่เหมือนการวาดฝันไว้ในอากาศไปทำไม...

แต่ความเป็นจริงแล้วจันทร์นิภาก็พูดอย่างที่คิดไม่ได้...และเพื่อนนางงามเบอร์ 2 ที่เคยกระซิบกระซาบกันก่อนหน้านั้นก็ถึงกับยิ้มเยาะเพราะมั่นใจว่าจันทร์นิภาเจอหินเข้าให้แล้ว

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ...ปัญหาคนชรามีมากขึ้นและถูกทอดทิ้ง คนชราในวันนี้ก็คือ คนหนุ่มคนสาวในอดีต ซึ่ง เราต้องขอบคุณท่านนะคะ ที่ช่วยสร้างประเทศชาติขึ้นมา ทำให้ลูกหลานของไทยมีแผ่นดินอยู่”

จันทร์นิภานั้นรู้ตัวว่า ตั้งต้นไม่สวยเสียแล้ว เพราะว่าคิดไม่ออกแต่ว่าเมื่อดั้นไปแล้วก็ต้องจบให้สวย...

“ถ้าไม่ได้ท่านเราก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ เมื่อท่านแกตัวมา เราก็ต้องดูแลท่านให้ดี ซึ่งปัจจุบันนี้หน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแลคนชราก็มีนะคะ เพราะเห็นความสำคัญ แต่ว่าคนชรานั้นอยากอยู่กับลูกหลานมากกว่า เพราะท่านเลี้ยงเรามา ท่านก็คงอยากจะเห็นความสำเร็จของเรา และถ้านิภาได้เป็นนางนพมาศ นิภาจะไปเยี่ยมคนชราที่บ้านพักค่ะ...ไปให้กำลังใจ ส่วนคนชราในครอบครัวของนิภา นิภาไม่ทอดทิ้งหรอกค่ะ เพราะมีท่าน นิภาจึงมีวันนี้ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ”

ใจจริงจันทร์นิภาอยากจะถอนหายใจดังเฮือก แต่ว่าระหว่างส่งไมค์คืนไปให้พิธีกรชายจันทร์นิภาก็จำต้องยิ้มทั้งที่ใจนั้นฝ่อเสียแล้ว...
และเมื่อหันหลังให้กรรมการและคนดู จันทร์นิภาก็เบ้หน้าทำหน้าปั้นยากจนเพื่อนนางงามด้วยกันยิ้มขำ...

“คำถามยากชิบหาย” เดินกลับมายืนประจำตำแหน่งของตนแล้วจันทร์นิภาก็สบถระบายอารมณ์ให้นางงามหมายเลขที่ 2 ที่สนิทกันรับรู้...

“ตัวเองก็ตอบได้ดีนะ”

“ดีกับผีอะไร...กูตกรอบแน่ ๆ”



ฝ่ายจวงจันทร์นั้นหลังจากรับโทรศัพท์จากพรทิพย์ที่โทรมาบอกว่าขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะว่าปวดท้อง จวงจันทร์ที่นั่งอยู่ตามลำพังจึงได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตนแล้วเดินขอทางไปหานวลอนงค์ที่นั่งอยู่กับเพื่อน

ครูเพื่อนครูของนวลอนงค์คงจะลุกออกไปเดินเที่ยว จึงมีเก้าอี้ว่างให้ครูคนอื่นๆ ขยับที่นั่งให้จวงจันทร์...

“คำถามยากมากนะอาจารย์” จวงจันทร์เปรยขึ้นเบา ๆ

“กรรมการกับสปอนเซอร์เขาคงกลัวคนดูกับนางงามจะว่าเขาโง่นะ” ตอนนั้นนวลอนงค์เองก็ชักเริ่มหวั่นใจกับคำถามที่นงลักษณ์ต้องเจอ และถ้านงลักษณ์ตอบไม่ดีก็เท่ากับว่า คืนนี้เธอได้สร้างตราบาปติดตัวลูกสาวไปตราบนานเท่านาน...

นวลอนงค์ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อขึ้นไปแข่งขันแล้วมันก็ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด...

ฝ่ายคชาพัฒน์ขอสลับที่สลับทางจนกระทั่งได้ไปนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างป้าสมานและคุณนายวรรณีผู้เป็นสปอนเซอร์หลักของตนเพื่อที่จะได้พูดคุยไม่ทำให้คุณนายวรรณีนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่ต้องออกจากบ้านที่มีแต่ความสะดวกสบายมานั่งเก้าอี้พลาสติกดูนางงามเวทีภูธร...

“คุณนายได้ตั้งคำถามไปหรือเปล่าฮะ”

“ตั้งซิ แต่ยังไม่มีใครได้”

“ยากไหมอ่ะ ที่ฟังมาห้าคนยาก ๆ ทั้งนั้นเลย”

“ก็ไม่ยากหรอกแต่ตอบได้ยากเหมือนกัน”

“ผึ้งจะตอบได้ไหมนะ”

“ตอบได้ซิ แต่จะตอบได้ดีหรือเปล่าก็อีกเรื่อง แต่ว่าตอนนี้คงจะเมื่อยแย่แล้วยืนอยู่นานแล้วนะ”.. ช่วงที่เพื่อนนางงามออกไปตอบคำถามนั้นนอกจากยืนนิ่ง ๆ โปรยยิ้มไปทางซ้ายทีขวาทีแล้วก็ต้องคอยดูด้วยว่า มีกล้องตัวไหนเล็งมาที่ตนจะได้จิกตาให้กล้องตัวนั้น...

“ก็ตอนฝึกซ้อมก็มีฝึกให้ยืนรอตอบคำถามแบบนี้ด้วยฮะเพราะหน่องเคยเห็นนางงามเป็นลมคาเวทีก็เพราะ กรรมการให้ตอบคำถามทั้ง 20 คน”

“ขนาดนั้นเลย”

“บางทีเวทีก็เขี้ยวมาก บังคับให้สาวงามต้องมีทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นด้วย”

“ก็ยุติธรรมกับสาวงามในจังหวัดเขาดีนะ ป้องกันพวกล่าเงินรางวัล”

“คนมันมุ่งจะเอา ก็ย้ายทะเบียนไปรอเลยฮะ เพราะเขาก็เปิดทางไว้ว่า จะต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านกี่เดือนนับแต่ว่าเปิดรับ”

“เขาก็ต้องมั่นใจในตัวเด็กของเขามากและก็เงินรางวัลก็คงมากพอ...”

“บางที่นะอากาศหนาวยะเยือกให้นางงามใส่ชุดราตรีเกาะอกคิดดูเถอะว่า ฟันกระทบกันตอนตอบคำถามก็มี”

ทั้งสองยังคงคุยกันเบา ๆ ส่วนน้ำอ้อยนั้นแม้นั่งนิ่งเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาเชียร์ลูกสาวติดขอบเวทีและใจของคนเป็นแม่นั้นก็อยากให้ลูกทำออกมาให้ดีที่สุด ไม่ให้คนเอาไปพูดได้ว่า เพราะน้ำผึ้งเป็นเพียงลูกแม่ค้าถึงตอบได้แค่นั้น แต่น้ำอ้อยนั้นอยากได้ยินว่า ลูกแม่ค้าก็ทำได้...



“สำหรับสาวงามท่านถัดไป ได้แก่หมายเลข 5 นางสาวนงลักษณ์ คำภาสีค่ะ...” สิ้นเสียงพิธีกรหญิงก็มีเสียงกรีดร้องอย่างอื้ออึงผสานกับเสียงปรบมือเชียร์เพราะว่าคืนนี้ นงลักษณ์นับว่าเป็นตัวเก็งของเวทีเช่นเดียวกับน้ำผึ้ง

“เสียงปรบมือให้กำลังเยอะทีเดียวนะครับ”

“ก็เพราะน้องเขาเป็นคนบ้านไพรค่ะ”

“พร้อมสำหรับคำถามแล้วนะครับ” สิ้นเสียงพิธีกรชายนงลักษณ์ก็เลือกซองคำถามจากมือของพิธีกรชาย ก่อนจะส่งให้พิธีกรหญิง...โดยนงลักษณ์เองนั้นยอมรับว่า จากที่ยืนปวดเมื่อยเพราะไม่ชินกับการยืนบนรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานอาการเหล่านั้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง ที่วิ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดในยามนี้คือความตื่นเต้นจนยากระงับทีเดียว...นงลักษณ์สูดหายใจเข้าปอดมองไปที่ไกล ๆ และถึงมองใกล้ ๆ นงลักษณ์ก็ไม่เห็นใบหน้าใบหน้าของใครหรอก เพราะว่าตานั้นพร่าไปแสงไฟและแสงแฟลชที่กระหน่ำกันเข้ามา...

“คำถามของน้องนงลักษณ์มีอยู่ว่า ถ้าแฟนของคุณไม่เห็นด้วยกับการประกวดนางงามแต่คุณอยากลองขึ้นเวทีสักครั้งหนึ่งในชีวิตคุณจะบอกกับแฟนของคุณว่าอย่างไร และถ้าเขาโกรธที่คุณมาขึ้นเวทีคุณจะทำอย่างไร”...

พิธีกรหญิงทวนคำถามอีกครั้ง

“ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ ถ้าเราอยากขึ้นเวทีสักครั้งในชีวิตแล้วแฟนไม่เห็นด้วย เราก็ต้องอธิบายให้แฟนเข้าใจว่าการขึ้นเวทีนั้นมีประโยชน์อย่างไร ข้อแรกที่หนูสัมผัสจากการขึ้นเวทีครั้งแรกในชีวิตคือ ความกล้าค่ะ เราฆ่าความกลัวออกไปได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก และคนที่มีความกล้านี่มันจะได้เปรียบคนที่มีความกลัว อย่างที่สองคือ เราได้ประสบการณ์ที่เงินหาซื้อไม่ได้ค่ะ นอกจากนั้นเรายังได้เพื่อนใหม่ ๆ ด้วย และก็ได้แต่งตัวสวย ๆ แบบนี้ ซึ่งมันก็ไม่มีโอกาสง่าย ๆ นัก และถ้าเขาโกรธเรา ลงเวลาไปแล้วเขาคงเห็นว่า มาขึ้นเวทีไม่ได้เสียหายอะไรเลย ได้ใส่ชุดไทย ได้สืบสานประเพณีวัฒนธรรม ถ้าเขาเข้าใจในเรื่องที่เราอธิบายแสดงว่าเขารักเราค่ะ...และถ้าเขายังโกรธอยู่ หนูก็คิดว่าเลิกคบกันแล้วให้โอกาสคนอื่นที่เขาเข้าใจดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ”...

คำตอบของนงลักษณ์เรียกเสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องลั่นเพราะว่านงลักษณ์เป็นคนในพื้นที่และมีกองเชียร์มายืนอยู่หน้าเวทีมากมาย...
นวลอนงค์นั้นถึงกับโล่งอกเพราะลูกสาวไม่ทำขายหน้าและถ้าเส้นสายที่ใช้ไปมันสัมฤทธิ์ผลอย่างไรแล้วก็ถือว่าไม่ค้านสายตาคนดูเหมือนกับปีที่แล้ว...

ส่วนคชาพัฒน์ยังอยู่ในหมวดของความเกร็งเป็นกังวลเพราะตราบใดที่น้ำผึ้งยังไม่ตอบคำถาม ก็ย่อมประเมินไม่ได้ว่าใครมีคะแนนเหนือใคร แต่คชาพัฒน์ก็รู้อยู่เต็มอกว่า ค่ำคืนนี้นงลักษณ์เป็นต่อเพราะคนที่ส่งเข้าประกวดคือจวงจันทร์อดีตชู้รักของผู้อำนวยการโรงเรียนหนึ่งในคณะกรรมการประกวดในครั้งนี้...

ส่วนน้ำผึ้งนั้น แม่สารวัตรทะนงศักดิ์จะนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วย แต่ว่าก่อนหน้านั้นทั้งเขาและน้ำผึ้งก็ตัดไมตรีสารวัตรทะนงศักดิ์ในทุกกรณี เรื่องให้สารวัตรมาคิดช่วยน้ำผึ้ง คชาพัฒน์จึงหมดหวัง...

ส่งไมค์คืนให้พิธีกรแล้วนงลักษณ์ก็พนมมือค้อมศีรษะลงอีกครั้ง...ในตอนนั้นภานุวัฒน์ชูหัวแม่โป้งไปให้

“ตกลงเชียร์นงลักษณ์ใช่เหรือเปล่า” วิธิตที่ยืนอยู่เคียงกันร้องถาม...

“เขาก็ตอบได้ดีครับ แล้วก็คืนนี้พอทุกคนยืนเรียงกันแล้ว เขาเด่นเหมือนกันนะ”...

“ทำไมไม่ไปถ่ายรูปเขาเก็บไว้ล่ะ”

“ผมไม่กล้าเดินไปทางหน้าเวทีหรอกครับ อยู่ในชุดเครื่องแบบคงไม่เหมาะ แล้วพี่ล่ะ ไม่เก็บรูปสาวงามไปใว้ให้คุณศุกร์เหรอ”

“นัยนิตเขาทำหน้าที่แล้วครับ ผมไม่ต้องหรอก”


หลังจากนงลักษณ์เข้าไปยืนเรียงแถวก็เป็นคิวของสาวงามหมายเลข 12 นางสาวอาทิตยา อ่วมด้วง ซึ่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ส่งเข้าประกวด อาทิตยนั้นสวยคมแต่ว่าเมื่อออกไปยืนตอบคำถามความประหม่าและเสียงหน่อ ๆ ก็ทำให้อาทิตยากลายเป็นตัวตลกบนเวทีไปในทันที

“สำหรับคำถามของน้องอาทิตยามีอยู่ว่า มีคำกล่าวที่ว่า นางงามนั้นสวยแต่ไม่มีสมองคุณจะแก้ข้อกล่าวหานี้อย่างไร”

“ก่อนอื่นหนูต้องขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ถ้ามีใครมาว่าหนูสวยแต่ไม่มีสมอง หนูจะบอกว่าไม่จริงหรอกค่ะ เพราะคนทุกคนมีสมอง ถ้าไม่มีสมองเราก็เป็นคนไม่ได้ และที่สำคัญหนูคิดว่า เรื่องของคุณธรรมสำคัญกว่าสมองค่ะ และถ้ามีสมองแล้วคิดไม่ดี คิดทุจริตโกงกินบ้านเมือง ก็ไม่ดีหรอกค่ะ ขอบคุณค่ะ”

อาทิตยาเดินกลับไปด้วยสีหน้าเหมือนยกภูเขาออกจากอก และเมื่อยืนเรียงกับเพื่อนๆ แล้วอาทิตยก็ปั้นหน้ายิ้มแย้มได้ต่อ...
กระทั่งถึงคิวที่ทุกคนรอคอย...

“สำหรับหมายเลขถัดไป เป็นของหมายเลข 10 ครับ นางสาวน้ำผึ้ง ไพรวัลย์” เวทีนี้น้ำผึ้งใช้ชื่อจริงขึ้นประกวดเพราะคนส่วนใหญ่รู้จักเธอในชื่อนี้ และเธอก็อยากให้คนจดจำชื่อนี้มากกว่าชื่อ กัญชพร ไพรวัลย์ ซึ่งต่อมาในภายหลัง ทั้งชื่อน้ำผึ้ง และกัญชพรก็โด่งดังไปทั่วประเทศไทย...
หลังสิ้นเสียงปรบมือและเสียงกรีดร้อง...น้ำผึ้งก็เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างพิธีกรชาย...ซึ่งเขานั้นเคยซื้อลูกชิ้นปิ้งของน้ำผึ้ง และลึก ๆ เขาก็แอบเชียร์น้ำผึ้งอยู่ในใจ

“น้องน้ำผึ้งแม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้งของเรานั่นเอง” เขาแซวออกมาทำให้เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนดูที่อยู่ด้านล่าง ส่วนแม่น้ำอ้อยน้ำนั้นปลื้มใจกับวันนี้ของลูกสาวจนน้ำตาเอ่อล้น...

“เลิกขายแล้วไม่ใช่เหรอคะ”

“ค่ะ”

“ไปทำอะไรคะ”

“เตรียมตัวเรียนต่อค่ะ”

“เลือกซองคำถามเลยครับ” น้ำผึ้งเลือกซองคำถามแล้วส่งไปให้พิธีกรหญิง...

“สำหรับน้องน้ำผึ้งเป็นคำถามที่ยากพอดูเลยค่ะ เป็นคำถามระดับชาติอีกหนึ่งคำถาม...คำถามมีอยู่ว่า”




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2556, 06:41:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ค. 2556, 06:41:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 68074





<< 30. “จิตใจของผึ้งนี่นางงามมากเลยนะ...”   32.น้ำผึ้งบ้านไพร >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 24 ก.ค. 2556, 06:41:34 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


mottanoy 24 ก.ค. 2556, 07:28:31 น.
อ๊ายยย ค้างอย่างแรงค่ะ


nunoi 24 ก.ค. 2556, 09:22:42 น.
โหยยย ค้างอ่ะ ลุ้นไปกับน้ำผึ้งสุดๆ


nateetip 24 ก.ค. 2556, 10:47:59 น.
รอลุ้นคำถามคำตอบนะคะ


เดิมเดิม 24 ก.ค. 2556, 12:33:03 น.
น้ำผึ้งสู้ต่อไป


คิมหันตุ์ 24 ก.ค. 2556, 13:30:35 น.
บร๊ะ.!! ยังไ่ม่ได้ฟังคำถามเลย


Zephyr 24 ก.ค. 2556, 17:53:32 น.
โฮ แงงงงงงงงงฃ
คุณเฟื่องตัดช็อตเด็ดเลย
ผึ้งสู้ๆๆๆๆๆๆ


ree 24 ก.ค. 2556, 19:53:07 น.
จะมาตอบคำถามเมื่อไหร่น้า


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:25:10 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account