เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำก่อนลืมเลือน ค่ำคืนที่หายไป

ชื่อบทที่ไม่มีตัวเลข จะเป็นความทรงจำพิเศษนะคะ(บทแทรกสั้นๆ)

“คุณเป็นใคร ทำไมถึงช่วยฉัน...” หญิงสาวถามทั้งที่ยังหายใจแรงเพราะรีบร้อนตามเขามา

ชายแปลกหน้าผู้ยังซ่อนดวงหน้ากว่าครึ่งไว้ใต้เงาหมวกขยับปากเหมือนจะตอบ
“...” แต่แล้ว กลับเป็นความเงียบงัน

ในวินาทีนั้น วนัสสารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใคร
มือบอบบางเอื้อมไปหมายจะสัมผัสตัวคนตรงหน้า แต่แล้วที่คว้าได้กลับเป็นอากาศ
เมื่อมือของเธอทะลุผ่านร่างของเขาไป!

หญิงสาวได้แต่เผยอปากค้าง เบิกตากว้าง
เมื่อร่างที่เสมือนยืนอยู่ต่อหน้าเธอเมื่อครู่กำลังค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตา...




ความทรงจำก่อนลืมเลือน ค่ำคืนที่หายไป

เขาไม่ใช่ผี...
นั่นคือสิ่งที่วนัสสายืนยันกับตัวเองหลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์สีน้ำเงินและมีเวลาครุ่นคิด
เธอไม่ได้ไปค้างกับเฟย์อย่างที่บอกวาริชจริงๆหรอก เพื่อนก็แค่มาส่ง...
ที่ต้องคิดต่อก็คือ ผู้ชายที่เธอพบเป็นคนมีพลังเหมือนๆกับวนัสสา แต่ในรูปแบบแตกต่าง

พลังจิต...อาจใช้สร้างร่างจำลองขึ้นมาได้โดยที่ตัวจริงของเขาอยู่ในที่ไกลห่างออกไป
เขาอาจมาสืบสาวเรื่องราวเดียวกันกับเธอ จากท่าทีสนใจถ้อยคำที่ศศิราศีเปิดเผยในวงนั้น
หญิงสาวเพิ่งเข้าใจว่าทำไมคนในงานจึงไม่รู้สึกถึงความแปลกปลอมเรื่องการแต่งกายของชายคนดังกล่าว
นั่นก็เพราะว่าไม่มีใครมองเห็นเขาเลย!
นอกจากวนัสสาเพียงคนเดียวที่มีความสามารถในการสัมผัสความรู้สึกได้เกินคนทั่วไป

อีกเรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับตัวเองที่ต้องขบคิด รอยสักที่โผล่มาอยู่กลางหลังเธอได้อย่างน่าฉงน
มันเป็นรูปปีก แต่ไม่มีตัวผีเสื้อ ...หรือว่าตัวผีเสื้อคือเธอ นี่คือปีกของเธอ

ขนาดปีกแต่ละข้างใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ ก็ไม่ใช่ว่าคนเราจะใช้เวลาส่องดูตัวเองในกระจก
กันทั่วทั้งตัวบ่อยๆ อีกประการด้วยผมที่ยาวลงมาปิด มิน่าล่ะเธอถึงได้รู้สึกยุบยิบตรงหลังแปลกๆ
เขาว่าสักมาใหม่ๆยังไม่เข้าที่เข้าทางดีหลายคนมักจะคัน
ถึงไม่ได้ทุกข์ร้อนเพราะเจ้าปีกผีเสื้อสีดำนี้ก็สวยดี แต่วนัสสารู้สึกว่าลายของมันยังพร่องไปอย่างไรพิกล
เหมือนเว้นที่ไว้เติมสีสันอื่น...หรือจะเป็นสีน้ำเงิน ลวดลายประณีตน่าชม คนที่ทำแบบนี้กับเธอ
มีจุดประสงค์แบบไหน เป็นไปได้ไหมว่าตัวเธอเองคือคนที่อยากจะสักแล้วร้องขอให้มีมันขึ้นมา

หญิงสาวถอนใจ เธอยังห่างไกลจากความลับดำมืดพวกนั้น มีทางไหนบ้างที่จะเปิดลิ้นชัก
ความทรงจำที่หายไปออกมาต่อหน้าเลยโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายมากมาย
อย่างที่กำลังเริ่มได้กลิ่นของมันชัดขึ้นทุกที

วนัสสาเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กแบนซึ่งพกติดตัวไว้เสมอ หยิบกระดาษโน้ตที่ใส่ซองพลาสติกอย่างดี
มาพิศดู เธอตัดสินใจซ่อนมันจากตำรวจ ไม่ไว้ใจ ตอนที่เพิ่งได้สติ เธอกำมันแน่นจนเหมือนไม่อยากให้ใคร
เห็นสิ่งนี้นอกจากตัวเองเพียงคนเดียว อาจมีเหตุผลที่ลืมเลือนไปแล้วว่าเพราะอะไรถึงต้องทำเช่นนั้น

ตามร่องรอยของผีเสื้อไป เพื่อที่เราจะได้กลับมาพบกัน
และรักกัน...อีกครั้ง

อ่านทีไรก็ใจหาย นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ...เมื่อฟื้นขึ้นมาทีแรก เธอร้องไห้เสียยกใหญ่
จนมารดาเลี้ยงเกือบจะคิดว่าวนัสสากุเรื่องความจำเสื่อมขึ้นมา เช่นว่าที่จริงหญิงสาวอาจหายไป
ด้วยความตั้งใจของตนเอง ไปอยู่กับชายหนุ่มสักคนหรืออะไรแบบนั้น แต่ถึงไม่ได้สนิทสนม
คนเป็นแม่เลี้ยงก็พอจะรู้นิสัยว่าวนัสสาไม่โกหกและไม่เคยกลัวที่จะยืดอกรับในสิ่งที่ตนยืนยันจะทำ
ในที่สุดก็เลยเลิกคลางแคลง ยอมรับว่าหญิงสาวคงจะความจำหายไปจริงๆ

แต่ถึงใครจะเชื่อไม่เชื่อเรื่องไหนอย่างไร มีเพียงกระดาษแผ่นนี้เท่านั้นที่เธอจะเก็บไว้กับตัวเองเพียงลำพัง

พอสติเริ่มกลับคืน น้ำตาเริ่มเหือดหายวนัสสาก็สนใจแต่จะค้นหาว่าตนหายไปไหนมา
แม้ยังมีรอยรักเลือนรางที่จับต้องไม่ได้ตราอยู่ในหัวใจ เธอปฏิเสธที่จะนึกถึงส่วนนั้นให้มากเกินจำเป็น
มันจะทำให้อ่อนแอลงไปอีก ที่เธอต้องการควรเป็นข้อเท็จจริงที่เกิด มาก่อนความอ่อนไหวใดๆ
ทว่ากระดาษก็ยังเป็นเบาะแส...

น่าแปลกอย่างยิ่ง มันเป็นลายมือของเธอ แต่คำพูดไม่ใช่ วนัสสาแค่เขียนตามที่ใครบางคน
บอกให้เขียน เพราะเขาไม่มีแรงพอจะเขียน หรือจะคิดอีกที เขาอาจอยู่กับเธอในเวลาที่ไม่มีร่างกาย...
เงาของผู้ชายสวมหมวกแวบเข้ามาในความคิดคำนึงอีกครั้ง ผิวเขาขาว ขาวมากทีเดียว
ไม่ใช่วาริชแน่ แต่อย่างอื่นเธอก็จำได้ไม่ชัด คนที่เธอเจอผิวขาวและสูง ท่าทีปราดเปรียวแต่ก็หนักแน่น มั่นใจ
เขาพูดกับเธอสองสามคำ แต่เสียงเหมือนดังสะท้อนมาจากที่ห่างไกล นั่นอาจเพราะมันเป็นร่างที่สร้างขึ้น

“เฮ้อ เอาเข้าจริงที่เห็นจะเหมือนรูปร่างของตัวเขาหรือเปล่า เดาไม่ได้ด้วยสิว่าคนพวกนี้ใช้พลังกันยังไง”
หญิงสาวพลันนึกไปถึงภาพยนตร์เรื่องเอ็กซ์เม็น ที่จับเอาคนมีพลังจิตสายต่างๆมารวมกัน
แต่นี่ไม่ใช่การทดลองเพื่อยึดครองโลกอะไรแบบนั้นหรอก พวกเธอก็แค่สินค้ามีราคาในสายตา
ของเวชกุลและมาเฟียต่างชาติ เมื่อบิดายังอยู่ก็ช่วยเป็นเกราะป้องกันภัยให้วนัสสาจากมือที่อยู่เหนือขึ้นไป
แต่พวกนั้นกำจัดพ่อให้พ้นทางไปแล้ว เหลือเธอเป็นหมากในกระดานมหึมาที่ไม่รู้จะเดินแต้มไปทางไหน
ให้พ้นเกมซึ่งตนไม่อยากจะเล่น

มีทางเดียว ไปให้ถึงจุดหมายที่อีกฝั่งของกระดาน จบเกมนี้ลงให้ได้ด้วยตัวเอง...



ตกดึก บรรยากาศอบอ้าวแปลกๆ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเมฆครึ้ม ฝนคงกำลังตั้งเค้ามา
วนัสสารวบม่านบางพลิ้วข้างเตียงไว้ เร่งเครื่องปรับอากาศให้เป่าลงมายังเตียง ก่อนเอนกาย
หลับตาลงรับลมเย็นนั้น นึกอย่างไรไม่รู้จึงหยิบหนังสือผีเสื้อที่ยืมมาจากหมอวาริชมาเปิดอ่าน
ตั้งแต่คำนำและช่วงบทแรกๆ

“การปรากฏตัวของผีเสื้อในสัญลักษณ์ต่างๆนั้นมีความลับมากมายซ่อนไว้
อืม...ไม่ยักเป็นหนังสือชีววิทยาเพียวๆอย่างที่คิด”
ไม่ว่ามันจะเป็นหนังสือแนวไหนเธอก็ยังอยากอ่าน กับภาพประกอบที่เป็นลายเส้นขาวดำ
ลวดลายชวนฉงน วูบหนึ่งกลับคิดไปว่ามีส่วนคล้ายรอยสักที่หลังตน หนังสือเล่มหนาก็จริง
แต่ไม่ใช่แบบปกแข็ง วนัสสาตั้งใจว่าจะอ่านไล่เรียงไปตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว

แต่เพราะวันนี้เหนื่อยมามาก อาจรวมถึงความตื่นเต้นที่พบเจอมา ในที่สุดดวงตากลมโต
ซึ่งทอดมองอย่างสนอกสนใจไปยังหน้ากระดาษก็ค่อยๆหรี่ลง หนังสือไหลเลื่อนลงจากหมอนหนุนศีรษะ
ลงถึงเตียงและขยับเอียงพลิกตะแคง เป็นจังหวะเดียวกับที่ลมจากเครื่องปรับอากาศพัดพรายลงมา
พาให้กระดาษพลิกเปิด ไปถึงหน้าที่กลีบดอกไม้สีน้ำเงินสองสามกลีบถูกทับไว้ กลีบหนึ่งขยับแผ่วเบา
ก่อนค่อยๆร่วงหล่นลงมาจากหน้าหนังสือ กลิ่นอายที่ถูกบ่มไว้โชยชายสู่นาสิกหญิงสาวผู้กำลังหลับใหล

กลิ่น...ที่นำพาให้เธอค่อยๆฝันเป็นรูปเป็นร่าง ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนความทรงจำจะหายไป


งานเลี้ยงวันนั้น ถึงจะแปะป้ายว่าเพื่อเชิดชูเกียรติผลงานของคนที่ยังอยู่ในสภาพหายสูญ
จนทุกคนเชื่อว่าเสียชีวิตอย่างดร.กฤษณะ สรภพ แต่วนัสสากลับคิดว่าแท้จริงมันถูกจัดขึ้น
เพื่อประโยชน์ของคนในกลุ่มร่วมทุนเวชกุลมากกว่าอื่นใด แต่เธอก็ต้องมา
เพราะผู้คนที่มือเปื้อนเขม่าควันปืนและโอบอุ้มวงการยาเถื่อนหลายคนซ่อนตัวอยู่แต่ในที่ในทาง
นานๆจึงจะมารวมตัวกันเช่นนี้สักครั้ง วนัสสาต้องการเบาะแสอันเป็นประโยชน์กับเรื่องพ่อ
ซึ่งหายตัวไปหลายปี ไม่ว่าจะเป็นคำพูดเล็กๆน้อยๆที่ผ่านหูหรือสิ่งใดก็ตาม

งานนั้นสวยงามตามบรรยากาศของคฤหาสน์ซึ่งถูกแต่งแต้มให้ขลังยิ่งขึ้น
แม้แต่โต๊ะเก้าอี้ที่นำมาเสริมก็ล้วนเป็นสไตล์เก่าแก่แท้ๆ ผู้หญิงเกือบทุกคนสวมชุดราตรียาว
ตามฟอร์มการแต่งกายที่ระบุไว้ชัดเจนในบัตรเชิญ นอกจากนั้นมันยังเป็นงานเลี้ยงสวมหน้ากาก
ตามความต้องการของศศิราศี ซึ่งไม่สนว่าจุดประสงค์ของงานที่ประกาศออกไปจะเกี่ยวกับ
ผลงานวิจัยทางวิชาการ เธอถือว่าที่นี่คือที่ของเธอ และทุกคนต้องทำตามถ้าไม่อยากขัดใจ ขัดหูขัดตา
มีหน้ากากสวยๆไว้สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมมาด้วยซ้ำ จะมีก็แต่แขกผู้ใหญ่เท่านั้นที่ได้รับการละเว้นให้จริงๆ

วนัสสาไม่ลืมที่จะตระเตรียมหน้ากากไปเอง ของเล่นพวกนี้อยู่ในกลุ่มที่เธอโปรด
กับหน้ากากผีเสื้อสีดำสลับขาวเงิน หญิงสาวหาหน้ากากสำเร็จรูปมาเพ้นท์ลายเพิ่มเติมลงไปด้วยตัวเอง
ก็การใช้สีและวาดๆเขียนๆคืองานของเธออยู่แล้วนี่นา

เมื่อมีหน้ากาก ทั้งที่สวมไว้บนหน้าและหน้ากากการวางตัวซึ่งแต่ละคนสรรหามาเป็นเกราะคุ้มตน
จึงไม่แปลกที่บรรยากาศของงานถูกครอบคลุมไว้ด้วยความลวงลอยอวลในบรรยากาศสวยหรู
แต่แล้วคำพูดของวาริชที่ปรากฏกายขึ้นมาบนเวทีก็ช่วยปลุกให้วนัสสาตื่นจากภวังค์มัวซัวนั้นได้
เขาเองก็สวมหน้ากากไม่ต่างจากคนอื่น เสียงห้าวสดใสดังผ่านไมโครโฟนแม้บางทีจะเป็นคำพูดเชิงตลกเสียดสี
แต่ก็เปล่งมาจากความรู้สึกรื่นเริงภายในจริงๆ

‘ยากับความทรงจำ...ยาที่เรากำลังพัฒนา ไม่เพียงปลุกข้อมูลต่างๆอันทรงค่าที่คุณอยากท่องจำให้ได้
แต่อาจปลุกความรู้สึกที่ลืมไปแล้วได้เหมือนกัน ใครจะรู้ คุณอาจจะได้นอนกอดคู่สมรสที่เหม็นหน้ากัน
มาสิบปียังกับเพิ่งรักกันใหม่ๆเมื่อวาน ชีวิตคู่ในฝันเลยนะครับนั่น’

...ในวันนั้นเขาก็เหมือนวันนี้ ท่าทางสง่า เป็นจุดรวมความสนใจได้ไม่ยากด้วยสุ้มเสียงทรงพลัง
เดิมทีฝรั่งพูดไทยน้ำไหลไฟดับอย่างนี้ แม้ไม่ต้องหล่อใครเห็นใครก็เอ็นดูอยู่แล้ว นี่ยิ่งรวมเอาความดูดี
เข้าไปด้วย ทั้งยังรู้จักเล่นรู้จักหยอดแหย่คนฟัง คนที่ยืนอยู่ข้างล่างเวทีซึ่งตั้งขึ้นชั่วคราวในโถงคฤหาสน์
จึงพากันคล้อยตามเขาราวกับต้องมนตร์

‘อย่างที่หลายคนทราบ ถึงอาชีพหลักผมจะเป็นสัตวแพทย์ แต่เรื่องจากตำราที่รู้
ก็ทำให้ผมเป็นหมอรักษาคนได้สบายๆ ไม่เชื่อคุณลองไปอ่านหนังสือที่ผมเขียน’
ชายหนุ่มว่าแล้วก็คว้าเอาฮาวทูแนะแนวสุขภาพเล่มที่มีหน้าตัวเองฉีกยิ้มเท่ๆอยู่บนปกขึ้นมาได้ทันท่วงที
อันที่จริงข้างใต้ฐานยืนไม้ที่เขายืนเท้าแขนอยู่นั้น วาริชซ่อนของมากมายทั้งใหญ่เล็กที่นำมาประกอบการพูด
ไว้แยะจนแทบจะเหมือนว่าเขามีกระเป๋าสี่มิติซ่อนอยู่ตรงพุง คนฟังต้องลุ้นอยู่ร่ำไปว่าจะมีอะไรพิลึกพิลั่น
ถูกงัดออกมาอีก ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ
‘อาจารย์หมอกฤษณะท่านเป็นคนทรรศนะกว้างไกลครับ ผมเชื่อว่าการที่เราอยู่ดีมีสุขกันตรงนี้
และจะช่วยกันพาเวชกุลก้าวต่อไปข้างหน้าคือความปรารถนาของอาจารย์เช่นกัน ยังไงก็คงต้องฝากไว้
กับคำถามที่ว่า...ความทรงจำที่หายไปจำเป็นกับความสุขของชีวิตเราๆท่านๆแค่ไหน
ให้ไปลองนอนคิดกันดูนะครับ ขอบคุณ’

มีคนขึ้นไปรับช่วงไมค์ต่อจากวาริช แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของผู้ฟังมากเท่าเขา
วนัสสาเองเลี่ยงไปคุยกับหมออีกท่านหนึ่งซึ่งทำท่ากังวลใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอเข้ามาสนทนาด้วย
งานจัดขึ้นในบ้านของลุงหมอกฤษณะที่หายตัวไปเช่นกันคงเตือนใจให้เขานึกถึงชื่อศิวัฒน์ เวชกุล
พ่อของวนัสสาได้ชัดขึ้น ยิ่งเมื่อพบลูกสาวที่แม้จะซ่อนหน้าไว้ภายใต้หน้ากาก ทว่าคนที่เคยเห็นเธอ
มาแต่เล็กแต่น้อยก็ย่อมจำได้อยู่ดี
หญิงสาวได้รู้อะไรหลายอย่าง อย่างน้อยก็รู้ว่าบิดาของตนเป็นคนริเริ่มโครงงานเรื่องยา
ที่ได้รางวัลคราวนี้ของลุงหมอขึ้นด้วยซ้ำ แม้อาจบอกได้ไม่เต็มปากว่าพ่อเป็นเจ้าของงาน

วนัสสาเดินลุยเดี่ยวมองหาเป้าหมายเนียนๆเรื่อยไปตามลำพัง เธอจำต้องฉายเดี่ยวเพราะงานนี้
ไม่ใช่ที่ซึ่งจะพาคนนอกเข้ามาได้ง่ายๆ บรรยากาศในสวนถูกจัดไว้ให้มืดทั้งที่ลงทุนจ้างวงดนตรี
และนักร้องมาขับกล่อม ก่อเกิดเป็นเงาตะคุ่มราวกับต้นไม้ใหญ่ใบครึ้มนั้นกำลังเสียดสีกิ่งก้าน
ของพวกมันเข้าหากัน เป็นท่วงทำนองหวานแว่วครวญไปกับลม และคล้ายว่าเครื่องดื่มแก้วเดียวแก้วนั้น
จะทำให้เธอล่องลอยได้อย่างประหลาดราวตกอยู่ท่ามกลางเงาฝัน

คืนนั้นเป็นคืนที่อากาศในกรุงเทพฯเย็นลงที่สุดเท่าที่จะเย็นได้ ณ ใจกลางสวน
เสียงธารน้ำจำลองเย็นรื่นกำลังรินไหล ลานกว้างมีแสงจันทร์รางๆลอดทะลุใบไม้ลงมาพร่างพราย
หนุ่มสาวกระทั่งคนสูงวัยต่างจับคู่กันเต้นรำ หากไม่ใช่เพราะไม่อาจทนเฉยต่อเสน่ห์ของเพลงแจ๊ส
ที่ดังคลอในบรรยากาศต้องมนตร์ วนัสสาคงไม่เลียบเคียงเข้าไปใกล้ และถ้าเพลงที่บรรเลงอยู่
จะไม่ใช่เพลงโปรดของบิดา... เธอคงจะหันจากไปได้ง่ายกว่านี้

หญิงสาวเดินแหวกพุ่มไม้เข้าไปอย่างตั้งใจแอบมองมหกรรมท่ามกลางแสงจันทร์อันลื่นไหลไป
สายตาพลันเห็นคนคนหนึ่งกำลังจับจ้องมายังเธอ...ละอองจันทราอ่อนบางฉายทอให้ร่างสูงของเขา
ตกอยู่ในเงาย้อนแสง ดูเป็นสีเทาแกมน้ำเงินหม่น เขายังนิ่งมองเธออยู่อย่างนั้น วนัสสากลับทำไม่สนใจ
เธอยิ้มกับตัวเองเมื่อคู่เต้นต่างวัยโฉบผ่านไป เห็นผมขาวของฝ่ายชายในเงามืด
ชวนให้คิดถึงยามตนเคยเต้นกับบิดา

ทันใดก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด!

ร่างของวนัสสาถูกใครคนหนึ่งโอบอุ้มลอยไปแทบจะเท้าไม่ติดพื้น แต่ด้วยความเคยชินกับการเต้นรำ
ในลักษณะนั้นหญิงสาวจึงพาตัวเองตามไปอย่างไม่ขัดเขิน ยังไงนี่ก็เป็นงานเต้นรำสวมหน้ากาก
ไม่มีอะไรต้องเหนียมอาย และการแตะต้องของเขาก็สุภาพเพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกสนุกไปด้วย
แม้เพลงโปรดของบิดาซึ่งบรรเลงคลออยู่จะโรแมนติกเกินจริงไปสักหน่อยสำหรับคนแปลกหน้า

Well, it's a marvelous night for a moondance
With the stars up above in your eyes
A fantabulous night to make romance
'Neath the cover of October skies
บังเอิญเหลือเกินว่านี่ก็เป็นเดือนตุลาคม มูนแด๊นซ์...ถูกนับมาขับร้องใหม่ด้วยลีลาอย่างฉบับของ
ไมเคิล บูเบล จังหวะแจ๊สไม่เนิบช้า ทว่าน่าสนุกพอๆกับที่ความคลาสสิกไม่จางไป น้ำเสียงนุ่ม
หนักแน่นด้วยอารมณ์ของคนร้องช่วยตอกย้ำให้ความทรงจำในชั่วขณะดังกล่าวยังคงชัดเจน
เสมือนภาพของวันวานมาลอยอยู่ตรงหน้าอีกครา
And all the leaves on the trees are falling
To the sound of the breezes that blow
เสียงลมพัดไม้ใหญ่เบื้องบนไหวเอนซู่ซ่าคลอไปกับเสียงเพลง...แล้วใบไม้บางใบก็ร่วงหล่นมากับแรงลมนั้นจริงๆ
And I'm trying to please to the calling
Of your heart-strings that play soft and low
เขาคือชายคนนั้น คนที่มองเธอตั้งแต่แรกที่วนัสสาแหวกเงาไม้เข้ามา เขารู้ได้ยังไงว่าเธอจะยอมเต้นด้วย...
เธอเองรักการเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วเพราะหัดมาแต่เด็ก เพื่อนเต้นด้วยกันกับเธอคนหนึ่งเคยบอก
ว่าคนที่เรียนเต้นมาแม้เพียงท่วงท่าเดินก็ต่างออกไปแล้ว วนัสสาก็เห็นจริงตาม ทว่าไม่คิดว่าเขาจะทันสังเกต
ท่าทางของเธอตอนเดินเข้ามา เธอเองพร้อมจะล่องลอยไปกับบทเพลงกับบางคน บางขณะ บางเวลา
And all the night's magic seems to whisper and hush
And all the soft moonlight seems to shine in your blush
หญิงสาวรู้สึกไม่อยากให้การเต้นรำจบลง เขาเป็นคู่เต้นที่ดีเยี่ยม เรียกได้ว่าน่าจะอยู่ในระดับโปร
เพียงแต่ว่าภายใต้หน้ากากสีดำสนิทนั้น เธอไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
Can I just have one a' more moondance with you, my love
Can I just make some more romance with a-you, my love
...
Well I wanna make love to you tonight
I can't wait till the morning has come
And I know now the time is just right
And straight into my arms you will run
And when you come my heart will be waiting
To make sure you're never alone
There and then all my dreams will come true, dear
There and then I will make you my own
ราวกับฝัน ทั้งคู่เต้นพลิ้วไปด้วยกันอย่างลงตัว จนคล้ายกับว่าเธอเคยเต้นกับชายหนุ่มเช่นนั้นมาก่อนแล้ว
ที่ไหนสักแห่ง มือของเขาอบอุ่น แม้จะให้สัมผัสที่ไม่ละมุนละไมนัก เสียงหัวเราะในคอบ่งบอกว่าเจ้าตัว
กำลังอารมณ์ดี และวนัสสาก็หัวเราะตอบไปไม่ต่างกัน...

ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องดื่มเพียงแก้วเดียวจะทำให้เคลิบเคลิ้มล่องลอยได้ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะสัมผัสเพียงแผ่วผิว
และลมหายใจอุ่นๆใต้เงาจันทร์ เขาอาจเพิ่งดื่มอะไรอย่างเดียวกับที่เธอดื่ม ทำให้มันไหลเวียนเข้าไปในกาย
กระตุ้นให้ก่อเกิดจังหวะอันผสานกันเป็นหนึ่ง กับความสนุกสนานในลีลาเพลง ท่วงทำนองหนักแน่น ชวนรื่นรมย์
And everytime I touch you, you just tremble inside
And I know how much you want me that you can't hide
Can I just have one a' more moondance with you, my love
Can I just make some more romance with you, my love...
แมกไม้รายรอบราวกับเป็นกำแพงโอบล้อมให้เสียงสะท้อนของดนตรีซึมซาบอยู่แต่เพียงภายในสวน
หรือเป็นเพราะบรรยากาศอันเป็นส่วนตัวของมันก่อเกิดอารมณ์เช่นนั้น บนลานเต้นรำไม่มีสปอร์ตไลท์
หรือที่มาของแสงอื่นใด มีเพียงแสงจันทร์แต่เพียงอย่างเดียว อย่างเดียวเท่านั้น

เธอตั้งใจจะคุยกับเขาให้ได้หลังจากเพลงนี้จบลง ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ยามนี้มองเห็นเพียงหน้ากาก
ที่เขาสวมปิดบังใบหน้า สัมผัสเพียงลมหายใจ แม้แต่แววตาเขาก็ยังไม่ชัดเจน...

‘คุณ...’ ตอนนั้นวนัสสาลังเล ว่าจะเริ่มต้นคุยยังไง

ชายหนุ่มเอียงหน้าน้อยๆเมื่อทั้งคู่หันมาประจันหน้ากันในความเงียบอันบังเกิดขึ้นชั่วขณะ
ก่อนเขาจะทันเอื้อนเอ่ย เสียงนาฬิกาตีดังหลายทีก็แว่วมาจากในคฤหาสน์ สัญญาณสุดสิ้นของวัน
รวมถึงเป็นเวลาสิ้นสุดของมนตร์มายาสวยงามซึ่งก่อตัวขึ้นเป็นภาพฝันซึ่งกำลังแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

คล้ายว่าทุกอย่างมืดลง...แล้วหลังจากเที่ยงคืน ความทรงจำของเธอก็สิ้นสุด
ทว่าในฝันคราวนี้กลับแตกต่างออกไป มันเริ่มจากความทรงจำในคืนนั้นก็จริง แต่ที่แถมมานี่ล่ะ

...บางอย่างกำลังค่อยๆผุดขึ้น แม้จะเลือนราง แต่วนัสสารู้ว่าสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ
เธอไม่เคยพบพานหรือว่าได้ยิน แต่ร่างกายของเธอบันทึกมันไว้ในความรู้สึก ไม่ต่างจาก
ยามอ่านความทรงจำที่ติดในสิ่งของ เธอกำลังอ่านความทรงจำที่ติดอยู่ในตนเอง!

ดวงตาของหญิงสาวปิดสนิท เธอนอนอยู่บนเตียงแข็งๆ ในห้องที่มีแสงสว่างโพลงแทงทะลุเปลือกตา
ลงมาจากบนเพดาน เสียงพูดสะท้านไหวพร่าเลือนอื้ออึงดังขึ้นในหู ฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นเสียงของใคร

‘เราฉีดยาสร้างจุดความทรงจำให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว คงอีกเป็นวันกว่าจะตื่น
เมื่อพวกเขาตื่นมาหลังจากนี้เราจะทดลองอะไรยังไงกับเขาก็ได้ แค่อย่าให้ถึงชีวิต
เพราะยังต้องใช้พวกนี้ต่อไปอีกนาน... เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพอ ก็แค่ฉีดยาตัวเดิมให้อีกครั้ง
ทุกคนจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างหลังจากได้รับยาครั้งแรกไปจนถึงตอนได้ยาครั้งที่สองจนหมด
ไม่ว่าช่วงเวลานั้นจะยาวนานกี่ปี กี่เดือน...’ คนพูดทอดถอนกึ่งพึงพอใจ

‘อย่างมากก็ไม่กี่เดือนแน่ละค่ะ เพราะการทดลองที่เตรียมไว้ก็ไม่ใช่ธรรมดา เพื่อนคุณบอกไม่ใช่หรือคะ
ว่าถ้าทำการทดลองต่อเนื่องนานไป แทนที่จะดี สมองพวกเขาอาจรับไม่ไหว’

‘อืม สองเดือน สามเดือน เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แล้วเราก็จะปล่อยให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ติดตามผลดูว่าจะนึกอะไรออกบ้าง จะตัดสินใจทำอะไรต่อจากนั้น
ปฏิกิริยานั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองของเราเหมือนกัน’

‘ค่ะ...ทั้งหมดห้าคนที่เราเลือกมา ชายสาม หญิงสอง พวกนี้เป็นคนพิเศษ
คลื่นพลังจิตพวกเขาเข้มแข็งมาก แต่หลังจากนี้จะทนสิ่งที่ต้องเจอได้แค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย
แต่หวังว่าพวกเขาจะ...รอด’

‘แย่เลยนะ อันที่จริงผมไม่อยากทำอย่างนี้กับหมอวาริช เพราะเขาเองเป็นคนที่ช่วยเรามาตั้งแต่แรก
ไหนจะน้องชายคุณ และก็ลูกสาวของ...’ ฝ่ายชายสะดุดไปแค่นั้น คล้ายปลงตก

‘ช่วยไม่ได้นี่คะ พวกเขาเป็นตัวอย่างทดลองที่ดีที่สุดแล้ว ต้องมีคนเสียสละ
ฉันเชื่อว่าเขาทนได้ เพื่อเวชกุล เพื่อความก้าวหน้าในโลกของการแพทย์’

‘งั้นตอนเช้าคุณช่วยจัดการต่อด้วย ศศิราศี...แยกพวกเขาไปเจรจา ทำให้ผ่อนคลาย
แล้วก็ยื่นข้อเสนอที่เราวางไว้สำหรับแต่ละคน เชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากยอมรับการทดลองนี้อย่างเต็มใจ’

‘ยอมรับ ก็เพราะยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเจอกับอะไรน่ะสิ หึๆ’

‘นั่นแหละ แต่ก็อย่างว่า ต้องมีคนเสียสละไม่ใช่หรือไง’

เปลือกตาพริ้มสนิทของวนัสสากำลังเต้นระริก แค่คำว่าการทดลองก็ทำให้เธอขนลุก
แม้จำรายละเอียดของมันไม่ได้เลย... พลังจิต การทดลอง ความทรงจำ รอยสัก
ภาพใต้เปลือกตาเธอตอนนี้มีผีเสื้อสีดำนับร้อยๆกำลังบินกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง

ฝันนี้เกี่ยวข้องยังไงกับวันเวลาสองเดือน เกี่ยวยังไงกับเวชกุล มันอาจเป็นสาเหตุของ
การหายตัวไปของพ่อ นอกจากความรู้ความสามารถแล้ว พ่อเองก็เป็นคนหนึ่งที่ทำได้อย่างเธอเหมือนกัน

แล้วยังเรื่องความรัก...ใครคนนั้นที่เธอลืมไปแล้วว่าเขาคือใคร
คืนนี้กลิ่นอายแห่งรักนั้นย้อนกลับมาจู่โจมหัวใจจนกลั่นเอาความเศร้าท่วมท้นออกมา
น้ำตาไหลจากดวงตาคู่สวยที่ยังหลับใหล ซึมซาบลงไปบนหมอนนุ่มละไมขาวสะอาด

...เขาอยู่ที่ไหน เธอคิดถึงคนคนนั้นมากเหลือเกิน
แม้ไม่รู้เลยว่าเขาคือใคร




{โปรดติดตาม ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู}





อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ค. 2556, 15:00:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2556, 15:00:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1451





<< ความทรงจำที่ ๓ ตามรอยผีเสื้อ(...จบบท)   ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู >>
อสิตา 29 ก.ค. 2556, 15:01:57 น.
ด.ญ.ภาวิน – แหม เร้าใจเรอะ อย่าเพิ่งปันใจ หมอริชก็ไม่ยอมแพ้นะ เดี๋ยวต้องมีช่วงที่ผลัดกันทำคะแนนตีตื้นอีก

คุณจิรารัตน์ – มาร่วมกันอ่านไปทีละนิดในนี้สิคะ ผูกพันกับตัวละครดีค่ะ หุหุ ตัดบทแบบยั่วอารมณ์คนอ่านทุกที

ด.ช.บุลินทร – มาจิ้มก็ยังดีกว่าไม่มา อุอิ พี่มิ้งค์นอนกินบ้านกินเมืองมากเลยช่วงนี้

คุณพันธุ์แตงกวา – ไม่ใช่เงาตลอด เดี๋ยวก็หาเวลาสปาร์คได้น่า (อาจทำมากกว่าสปาร์ค จับนั่น สัมผัสนี่ ก๊าาา)

คุณสุขุมวิท66 - ไม่ใช่วิญญาณค่ะ เรื่องนี้ไม่มีผี อิอิ แต่เร้นลับได้พอซู่ๆซ่าๆ ชอบำให้คนอ่านต๊กกะใจ

คุณพระอาทิตย์สีทอง – เดาได้ละเอียดและถูกต้องมากค่ะ ลิฟท์ล็อกชั้นไว้ ส่วนการมองเห็นตัวชายคนนั้น
จะมีเฉลยไว้เป็นระยะๆค่ะ (ทีละน้อยตามความรู้จักกันของตัวละคร) อยากอวดตัวละครทั้งหมดเร็วๆจัง
เรื่องนี้คนเขียนรักทุกคนเลย


อสิตา 29 ก.ค. 2556, 15:07:02 น.
คุณก้อนหิน – คุณก้อนหิน เข้าใจได้รวดเร็ว สมกับที่เคยเลิฟๆอัคนิ(หรือชามัล)มาก่อน
แต่เรื่องนี้ระวังเลือกไม่ถูกนะคะ น่ารักกันทุกหนุ่มเลย

คุณเมล็ดทานตะวันซันซี๊ดดดด – พี่แป้งว่าจะขยันแล้ว แต่พอรู้สึกตัวมันกลายเป็นวันจันทร์กับพฤหัสทุกทีเลย


คุณแกะน้อยเนื้อขาวปุย – ออกมาแล้วหรือคะนี่ ก็ได้ๆๆยกให้คุณแกะน้อยเป็นนางเอกแล้วกัน แต่ถ้าไปหลงรัก
พระเอกผิดคนจะทำยังไงล่ะนั่น

คุณเฟอร์ – มะม้าก็ต้องค่อยๆแง้มเซ่ แต่ถ้าครบเมื่อไหร่รับรองฟาดฟันกันไม่มียั้งน่ะแต่ละคน เข้มๆทั้งน้านนนน
เฟอร์อาจต้องทะเลาะกับตัวเองเพราะไม่รู้จะเลือกใคร จริงๆนะ...

คุณดังปัณณ์ – นึกว่าคุณหนอนน้อยดังปัณณ์จะหายไปซะละงวดนี้ ยินดีที่มาเกือบปิดท้ายนะคะ อย่างน้อยก็ยังมา
เรื่องนี้อ่ะหมอริชน่าเอ็นดูสุด แต่ตำแหน่งหล่อ-น่ารักอาจเป็นคนอื่นก็ได้ แต่หมอริชน่าเอ็นดูจริงๆๆๆ ทำอะไร
คนเขียนดก็ชอบไปหมด ไม่ว่าจะสบถ ด่า สวีท เอิ่ม...

คุณเลิฟหมวย – นั่นน่ะสิคะ สงสัยคนนี้จะเป็นพระเอก แน่ๆเลย คนเขียนขอบอกไว้กงนี้เลยแล้วกัน
(ได้ข่าวว่าคนเขียนชอบโกหก*-*)

คุณหมูอ้วน – ช่วงนี้งานยุ่งหรือคะ ไม่ว่ายังไงก็รอตอบเม้นต์อยู่เสมอนะ จะรอๆๆ

(คุณ)กระต่ายผ้าขี้ริ้ว – มาปิดท้ายอีกจนได้ คราวหน้าลองมาแบบมนุษย์ปกติที่ไม่ต้องกั๊กบ้างดีไหมคะผ้าขี้ริ้ว
อ่อ จะเม้นแต่แรกเลยก็ขี้เกียจเหรอคะ หรือว่ารอให้ตกผลึกกกก



ดังปัณณ์ 29 ก.ค. 2556, 15:38:31 น.
แอร๊ยยยยยยยยยยยยย โอ๋ไม่หายคร้าาาาาาาาาาาาาา มาจ่อคิวรอต่อแถวเล้ยยยยยยยยย ช่วงอาทิตย์ที่แล้วน๊อคคร้า หนอนเบลออออออออ คิดได้เข้ามาอั้ยยยยย ยังไม่ได้อ่าน อิๆ ชูมือรอตอนต่อไปคร้าาาาาา ชูป้ายไฟ หมอริช แต่หนุ่มคนใหม่ก็น่าสน อ้าวเฮ้ย! อิๆ


พันธุ์แตงกวา 29 ก.ค. 2556, 16:22:53 น.
โรแมนติกมากฉากเต้นรำ เคลิ้มๆ ลึกลับจริงพ่อคุณ แต่ก็ดูเหมือนจะเข้าทางมากกว่าคนแรก(มั้ย)


อสิตา 29 ก.ค. 2556, 16:36:31 น.
ฮึ่ม มือลึกลับพยายามสปอยล์ ดีที่มือลึกลับเปลี่ยนใจ...
เอาเป็นว่า ตอนหน้าจะเปิดเผยสมาชิกคนใหม่ของคฤหาสน์สีน้ำเงินอย่างเป็นทางการค่ะ


Auuuu 29 ก.ค. 2556, 16:39:10 น.
จินตนาการตัวละครไว้หล่อมาก ว๊ากกกกกก
นางโดนจับไปทดลองสินะ ลุ้นระทึกมาก ว่าเนื้อเรื่องเป็นไง


ภาวิน 29 ก.ค. 2556, 18:44:22 น.
ตัวละครตัวต่อไปอะ เกี่ยวกับพ่อหน้ากากคนนี้รึเปล่า เต้นรำภายใต้แสงจันทร์ โรแมนติกฝุดๆ


Sukhumvit66 29 ก.ค. 2556, 19:00:51 น.
โอ๊ย ความอยากรู้กะลังกัดกินหัวใจ ใครกันคือพระเอก?


lovemuay 29 ก.ค. 2556, 19:02:31 น.
อืม ที่แท้นางเอกถูกทดลองนี่เองถึงได้ค.จำเสื่อม เอาใจช่วยให้นางเอกจำได้เร็วๆ อิอิ


goldensun 29 ก.ค. 2556, 20:16:59 น.
ร่องรอยมาทีละนิดๆ สรุปได้ว่ามีพลังจิตอยู่ 5 คน โดย 2 ใน 5 รู้แล้วว่าเป็นใคร ผู้ชายที่พูดคือหมอกฤษณะที่ซุ่มทดลองรึเปล่านะ
ฉากเต้นรำดูลอยละล่อง ทำเอาเคลิ้มตาม โรแมนติกมาก แต่ก็ยังไม่เห็นหน้าหนุ่มที่พาวนัสเต้นรำเลย แล้วจะใช่คนที่รักและถูกลืมรึเปล่า ที่แน่ๆ น่าจะมีพลังจิตเหมือนกัน ไม่ใช่วาริช ก็เป็นเหลืออีกสองหนุ่ม รอลุ้นค่ะ


konhin 29 ก.ค. 2556, 20:33:24 น.
แล้วใครกันหล่ะที่"เสียสละ" อยากให้พวกใช้คนอื่นทดลองโดนกับตัวเองจริงๆ


sai 29 ก.ค. 2556, 21:09:43 น.
เอออ ได้ถามก่อนทดลองไหม แหมมม เล่นจับตัวมาฉีดยาเลย แหมมม อยากจะบ้องหูพวกนี้จริงๆ(โอ๊ะเราเป็นนางเอก เราต้องเรียบร้อยยยย )

นางเอกเราฝันแล้ว เห็นหน้าชายในฝันไวไวนะเค้าลุ้นๆๆๆ (ลืมไปว่าคนฝันคือเรานิน่า555)

ปล.เค้าอยากสักอ่ะแต่กลัวเข็ม และ กลัวเจ็บ


Zephyr 29 ก.ค. 2556, 22:15:23 น.
โห ห้าคนนี่ สามคนผู้ชาย พระเอกชัวร์ หนึ่งในนี้ละ หรือเป็นกันหมดเลยก็ได้
วนัสสา นางจะได้มีตัวเลือกเยอะๆ แต่คงมีคนเด่นคนเดียวในสุดท้ายแล้ว
สองคนผู้หญิง นางเอกคือหนึ่งในนั้น อีกคนต้องเป็นตัวแปรแหงมๆ เอ รึนางร้ายที่ต้องมาแย่งสามหนุ่ม
แต่เธอก็ลืมตัวตนตัวเองเหมือนกัน
อืมมมมม เหมือนจับคนความจำเสื่อมห้าคนมายำกันเลย คริคริ แล้วให้เปิดตัวมาทีละคนๆ มาป๊ะกัน แลัวระเบิด ตู้มมมม
ออกเป็นยาอายุวัฒนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ



SunSeed 29 ก.ค. 2556, 22:30:45 น.
ง่ะ แท้จริงเธอถูกทดลองรึเนี่ย ความทรงจำถึงได้...
พี่แป้งอยากเห็นตัวละครอื่นๆเร็วแว้วววว ลุ้นๆว่าใครจะเป็นหนุ่มผีเสื้อคนนั้น


ริญจน์ธร 30 ก.ค. 2556, 13:23:13 น.
มาตามต่อ


บุลินทร 30 ก.ค. 2556, 23:21:48 น.
คุณริชนี่ต้องออกเสียงว่าคุณริชฉุรึเปล่า ตามแบบฝรั่ง ฮ่าๆๆๆ เข้ามาแซวแล้วก็ไป


นณกร 30 ก.ค. 2556, 23:35:06 น.
ตามรอยอุ้งท่านอัคมาเยี่ยม^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account