ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: หมารอบกัด

“คุณท่านช่วยดวงด้วยค่ะ คุณอ๋อทั้งตบทั้งจิกหัวทั้งถีบดวงสารพัด หาว่าดวงจะเข้าไปทำอะไรในบ้านคุณอ๋อ ทั้งๆ ที่ดวงแค่เดินเข้าไปดูเพราะเห็นประตูไม่ได้ล็อกแล้วไฟในบ้านก็เปิดอยู่ ก็ปกติเย็นวันเสาร์คุณอ๋อจะไม่อยู่บ้านทุกครั้ง ดวงเห็นผิดสังเกตกลัวจะมีขโมยขโจนก็เลยหวังดีเข้าไปดูให้แท้ๆ แต่คุณอ๋อก็ไม่ถามอะไรดวงเลย ดวงรู้ดีค่ะว่าคุณอ๋อไม่ยอมให้ใครไปยุ่งในบ้านแล้วเรื่องอะไรดวงจะไปทำอย่างที่คุณอ๋อไม่ชอบล่ะคะ” และอีกสารพัดเหตุผลที่ดวงสรรหามาพูดหว่านล้อมให้คุณอัญชลีเชื่อเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาของหทัยชนกให้ได้

“ทำไมเหรอยะ กับอีแค่นังดวงมันจะเข้าไปบ้านหล่อนนี่ มันจะมีอะไรเสียหายนักหนา ทำยังกับหล่อนมีสมบัติพัสถานเป็นกองเก็บไว้ในนั้นอย่างงั้นล่ะ และไม่ต้องมาเถียงฉันให้เมื่อย ยังไงๆ หล่อนก็ผิดเต็มประตูที่ลงไม้ลงมือกับนังดวงมันก่อน อย่าคิดว่าตัวเองเป็นหลานคนโปรดของคุณพี่แล้วหล่อนจะทำอะไรทำยังไงกับใครก็ได้ตามอำเภอใจนะ ที่บริษัทคุณพี่อาจจะเป็นใหญ่สั่งคนนั้นคนนี้เข้ามายอมก้มหัวให้เธอได้ แต่สำหรับบ้านหลังนี้ฉันมีหน้าที่ดูแลทุกคนและจะไม่มีใครมาก้าวก่ายเด็ดขาด แม้แต่คุณพี่ ฉันขอสั่งให้หล่อนมาขอโทษนังดวงมันเดี๋ยวนี้”

ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดไว้ไม่มีผิด วินาทีนี้เองที่หทัยชนกรู้ว่าตัวเองทำอะไรวู่วามและไม่ยั้งคิดให้ดีก่อน แต่แทนที่จะยอมทำตามคำสั่งของคนเป็นย่า เธอกลับยิ้มเยือกเย็นและเชิดใส่อย่างไม่เกรงกลัวเลย แม้จะรู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในภาวะหัวเดียวกระเทียมลีบสักแค่ไหนก็ตามที

“ทำไมอ๋อจะต้องขอโทษมันด้วยคะคุณย่า ในเมื่อมันแอบเข้าบ้านอ๋อ ถึงอ๋อจะไม่รู้ว่ามันจะเข้าไปทำอะไรก็เถอะ แต่อ๋อก็ไม่มีทางจะทำตามคำสั่งคุณย่าเด็ดขาด และถ้าคุณย่ายังไม่ให้ความยุติธรรมกับอ๋ออยู่อย่างนี้ อ๋อก็จะไปบอกคุณปู่ อ๋อเชื่อว่าอ๋อจะต้องไม่ถูกรุมรังแกอย่างที่คุณแย่กำลังทำอยู่แบบนี้ จะเอาอย่างนั้นมั้ยล่ะคะคุณย่า”

คุณอัญชลีไม่คิดจะเกรงกลัวต่อคำขู่ของหลานสักนิด สาริยาเองก็คิดไม่ต่างจากผู้เป็นย่านักเพราะเห็นว่าพี่ต่างแม่ทำรุนแรงเกินเหตุ ผิดกับสาลินีที่ไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคุณสมควร เพราะนั่นย่อมจะต้องมีการสอบสวนเกิดขึ้น แม้จะรู้ดีว่าดวงจะไม่ซัดทอดมาถึงตัวเอง แต่ความเป็นคนฉลาดรอบรู้ของคุณสมควร ย่อมจะต้องฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงสาเหตุการกระทำของดวงในครั้งนี้ว่าใครเป็นคนสั่งการ สีหน้าที่บึ้งตึงอยู่เมื่อครู่ของสาลินีจึงค่อยๆ คลี่บานออกเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาแม่สามี

“เอ่อ! คุณแม่คะ อย่าต้องให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ถึงหูคุณพ่อเลยนะคะ จะทำให้ท่านไม่สบายใจเปล่าๆ เอาเป็นว่าให้เรื่องนี้จบๆ ลงตรงนี้ดีกว่านะคะ”

คุณอัญชลีไม่ค่อยจะชอบใจกับความเมตตากรุณาอันไม่รู้จักจบสิ้นของสะใภ้นัก ส่วนปวีย์นั้นออกจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ และเขาก็เห็นว่าสาลินีทำตัวเป็นผู้ใหญที่น่าเคารพ

“เรื่องอะไรกันแม่สา อย่าไปใจดีกับมันให้มากนัก มันจะได้ใจต้องสั่งมันให้รู้สำนึกซะบ้าง”

“อย่าดีกว่าค่ะคุณแม่ ต่างคนก็ต่างผิด ดวงก็ไม่รู้จะไปวุ่นวายอะไรที่บ้านหนูอ๋อ ถูกสั่งสอนมาแบบนี้ก็น่าจะสาสมแล้ว ให้เรื่องยุติลงแค่นี้เถอะค่ะ นะคุณแม่ สาขอร้อง” แม้เมื่อครู่คุณอัญชลีจะมีน้ำเสียงที่แข็งอยู่มาก แต่เมื่อถูกสะใภ้คนโปรดอ้อนวอนด้วยความนอบน้อมจนต้องยอมใจอ่อน

“แม่สานี่ไม่รู้จะเป็นแม่พระไปถึงไหนกันเชียว” สาลินีรู้ดีว่าแม่สามียอมความแล้วจึงรีบยกมือไหว้ขอบคุณทันที

“ขอบคุณค่ะคุณแม่”

แต่สาริยาก็มองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่แม่จะยอมง่ายๆ เพราะเห็นอยู่ชัดเจนว่าพี่ต่างแม่นั้นทำเกินเหตุ จากตำแหน่งที่ยืนอยู่ข้างแฟนหนุ่ม หญิงสาวจึงเดินอ้อมไปหาแม่และใช้มือไปเกาะแขนแม่แล้วอ้าปากจะบอกไม่ให้แม่ทำอย่างที่พูด แต่ผู้เป็นแม่กลับส่งสายตาดุนิดๆ ส่งไปหา สาริยาจึงเปลี่ยนความคิดที่จะเอ่ยออกมา สาลินีหันไปทางหทัยชนกที่ยืนมองมาหาแล้วยิ้มใส่หน้าด้วยท่าทีเย้ยหยัน มีหรือที่สาลินีจะอ่านไม่ออก แต่เพราะความอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ จึงจำเป็นต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบไว้ก่อน

“หนูอ๋อจ๊ะเอาเป็นว่าน้าขอโทษแทนดวงด้วยก็แล้วกันนะจ๊ะ ถ้าข้าวของมีค่าอะไรหายไปให้รีบมาบอกน้านะจ๊ะ น้าจะจัดการกับดวงขั้นเด็ดขาดให้ และต่อไปน้าจะสั่งห้ามไม่ให้ไปวุ่นวายแถวบ้านหนูอ๋ออีก ไม่มีอะไรแล้วก็แยกๆ กันไปเถอะนะ จะกลับบ้านไปหาแม่ไม่ใช่เหรอ น้าเห็นแฟนมารอรับอยู่หน้าบ้านนานแล้วนะ ไปเถอะเดี๋ยวจะค่ำมืดก่อน”

“โอ้โห! แม่พระจังเลยนะคะคุณน้า แต่ก็เอาเถอะค่ะครั้งนี้อ๋อจะยอมยกบทบาทนี้ให้คุณน้าเล่นไปก่อน แต่ครั้งต่อไปรับรองว่าหน้ากากคุณน้าได้หลุดออกมาให้คนอื่นได้เห็นธาตุแท้แน่ๆ”

หทัยชนกหันไปยิ้มให้สาลีนีอย่างคนรู้ทัน ก่อนจะส่งน้ำคำเย้ยหยันอย่างไม่เกรงต่อสายตาอันดุดันของคุณอัญชลีที่ส่งมาหาอย่างชิงชังเลย และจากสายตาดุดันก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นมาทันที เมื่อหลานสาวตัวแสบมองมาหาแล้วยิ้มให้ด้วยความอารมณ์ดีสลับกับการยักคิ้วใส่คนเป็นย่าสองสามครั้งแล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไป

“นังเด็กเหลือขอ แม่สาไม่น่ายอมมันง่ายๆ เลย บอกตรงๆ ว่าแม่ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้”

สิ้นคำคุณอัญชลีก็หันหลังกลับเดินไปทางเดิม ทิ้งทุกคนมองตามด้วยสายตาละห้อย โดยเฉพาะสาริยาที่เข้าใจหัวอกของย่าได้เป็นอย่างดี เพราะตัวเองก็คิดคล้ายๆ กัน

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ วีพาน้องไปเถอะเดี๋ยวก็ไม่ทันงานกันพอดี”

สาลินีหันไปส่งยิ้มบางๆ ให้ ปวีย์ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากทำตามคำบอกของว่าที่แม่ยายเท่านั้น เมื่อเดินมาถึงโรงจอดรถเขาก็เห็นหทัยชนกสะพายกระเป๋าเดินมาถึงรถของแฟนหนุ่มในเครื่องแบบพอดี แต่เขาไม่คิดจะทักทายหรือพูดคุยด้วย เพราะไม่ชอบใจเอามากๆ กับการกระทำเมื่อครู่ สาริยาก็เหมือนจะคิดเช่นเดียวกันจึงรีบเลี่ยงเดินไปหารถโดยเร็ว

หทัยชนกมองไปหาคนทั้งสองแล้วเหยียดยิ้มใส่อย่างเย้ยหยัน แล้วเดินไปหาพีระที่ยืนพิงรถรออยู่อย่างคนใจเย็น โดยไม่ได้ล่วงรู้ว่าเมื่อครู่มีเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น สองมือบางรีบสอดเข้าไปเกี่ยวแขนแฟนพี่อย่างจงใจขณะที่ยังคงส่งยิ้มไปหาปวีย์ด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท จนเขาทนมองเจ้าหล่อนไม่ได้ จึงรีบพาตัวเองเข้าไปนั่งในรถสปอร์ต

“พี่ระขา! รออ๋อนานหรือเปล่าคะ ขอโทษนะคะที่มาช้า พอดีว่าอ๋อเพิ่งจัดการกับพวกสุนัขลอบกัดอยู่ค่ะ”

“หืมส์! อ๋อหมายความว่ายังไงจ๊ะ...”

พีระมีสีหน้างวยงงแต่ด้วยสัญชาติญาณการเป็นตำรวจทำให้เขาเดาออกได้ทันทีว่า คงจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ส่วนปวีย์ก็ยังไม่ได้สตาร์ทรถไปไหน ประหนึ่งว่ากำลังเหงี่ยหูฟังอยู่ก็ไม่ปาน สาริยาที่นั่งนิ่งๆ โดยไม่ไหวติงนับตั้งแต่เข้าไปอยู่ในรถ แต่หูก็ได้ยินทุกคำพูดของพี่สาวต่างแม่อย่างชัดเจน จึงหันไปหาแฟนหนุ่มแล้วส่งน้ำเสียงออดอ้อนโดยเร็ว

“พี่วีขา เรารีบไปกันเถอะนะคะเดี๋ยวจะไม่ทัน”

ด้วยไม่อยากเห็นหน้าและได้ยินเสียงคนที่ตัวเองไม่ชอบ และก็ดูเหมือนคนที่สาริยาอยากจะหนีล่วงรู้ถึงความต้องการของน้องต่างแม่ และรู้ดีว่าปวีย์กำลังนิ่งฟังสิ่งที่เธอกำลังจะบอกเล่าให้พีระฟัง

“พี่ระขา เรารีบไปกันเถอะนะคะ เดี๋ยวพอถึงบ้านอ๋อจะเล่าให้ฟังค่ะ แต่ตอนนี้อ๋อหิวจะแย่แล้วค่ะพี่ระขา”

หญิงสาวจึงจีบปากจีบคอพูดเสียงอ่อนหวานแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ แฟนพี่สาวอย่างจงใจพร้อมกับทำเสียงล้อเลียนคนในรถด้วยอาการกลั้นขำเอาไว้สุดแรงเกิด พีระเองก็ถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อน้องแฟนส่งบทนี้มาให้ เขาจึงหันไปยิ้มหวานแล้วตอบเก้อๆ ออกไป

“จ๊ะๆ”

ปวีย์ไม่รอช้ารีบเคลื่อนรถตามไปไม่ห่าง แม้ท่าทีภายนอกของเขาจะนิ่งเงียบระหว่างควบพวงมาลัยอยู่นั้น แต่ภายในใจกลับหมั่นไส้อีกสาวที่นั่งคู่กับแฟนในเครื่องแบบอย่างช่วยไม่ได้ แล้วภาพความก๋ากั่นยกแข้งยกขาจะเล่นงานสาวใช้เมื่อครู่ก็แล่นเข้ามาในความคิด สลับกับภาพนักบริหารสาวสวยสง่างามฉลาดเฉลียวก็แล่นเข้ามาซ้อนในวินาทีต่อมา เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอากัปกิริยาทั้งสองมารวมอยู่ในตัวคนคนเดียวได้ยังไง มันช่างแตกต่างกันคนละขั้ว

“พี่วีต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านหรือเปล่าคะ”

เสียงของแฟนสาวเรียกให้ความคิดที่ล่องลอยของเขากลับคืนมา เขาเอื้อนเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วก็ตัดสินใจเหยียบคันเร่งรถแซงคันข้างหน้าไปโดยเร็ว พอๆ กับตัดเรื่องราวของแม่สาวนักบริหารคนใหม่ออกไปจากใจได้ในเวลาอันรวดเร็วไม่แพ้กัน หทัยชนกเหยียดยิ้มตามหลังสปอร์ตคันงามไปอย่างไม่แยแสก่อนจะหันไปหาพีระที่กำลังคุยโทรศัพท์กับวีนาอยู่

จากนั้นทั้งคู่ก็จอดซื้อข้าวของตามที่วีนาโทรมาบอกไม่นานก็กลับถึงบ้านที่มีทุกคนต่างชะเง้อคอมองทางไม่แพ้กัน เพราะเริ่มหิวกันถ้วนหน้า โต๊ะอาหารวันนี้ก็คึกคักเช่นทุกวัน เพราะต่างก็ไม่ได้เจอหน้าตากันมาเกือบทั้งอาทิตย์ ต่างคนก็ต่างมีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังไม่หยุดหย่อน แต่คงไม่มีเรื่องไหนที่จะเรียกความสนใจได้เท่ากับเรื่องที่หทัยชนกเพิ่งจะประสบมาเป็นแน่

“อะไรนะยายอ๋อ!”

อิงอรอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินลูกบอกด้วยท่าทีเรียบเฉยประหนึ่งไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น จากนั้นทุกคนต่างก็หันไปมองหทัยชนกเป็นตาเดียวกันและรอฟังเรื่องราวต่อไปด้วยหัวใจระทึก จนหทัยชนกอดหัวเราะออกมาด้วยความขำไม่ได้ แต่สุดท้ายเรื่องราวเมื่อครู่ก็ถูกถ่ายทอดให้ทุกคนได้รู้อย่างไม่ปิดบัง

“มันส่งคนบุกเข้าบ้านเราขนาดนี้แปลว่ามันกำลังจะเริ่มทำอะไรสักอย่างเพื่อกำจัดเราแน่ๆ เลยยายอ๋อ ต่อไปต้องระวังตัวให้มากๆ นะ”

นิ่งที่ไม่อยู่นิ่งตามชื่อรีบแสดงความคิดเห็นหลังจากรู้เรื่องแล้ว ยังผลให้อิงอรกับคนอื่นๆ พยักเพยิดเห็นด้วยไปตามๆ กัน พีระเองก็กำลังครุ่นคิดตรงจุดนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะห่วงทั้งแฟนและน้องแฟนด้วย

“แล้วมันจะทำอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าจะเอายานอนหลับไปให้ยายอ๋อกินแล้วให้ไอ้พันคนสวนเข้ามาทำมิดีมิร้ายเหมือนที่ทำกับยายอิงมาน่ะ” อุ้ยอดสันนิษฐานไม่ได้ ทำเอาทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียวกันเลยทีเดียว



“ในบ้านมันไม่มีอะไรเลยค่ะคุณหนู ตู้เย็นก็ไม่มีข้าวปลาอาหารตกค้างอยู่เลย จะมีก็แค่น้ำเปล่านมแล้วก็พวกน้ำผลไม้กล่องเท่านั้นค่ะ มีทั้งที่เปิดกินแล้วยังไม่หมดและที่ยังไม่แกะซิลด้วย ถ้ามีโอกาสเหมาะๆ แบบวันนี้ได้เข้าไปอีกสักครั้งดวงว่าคงจะเล่นงานมันได้แน่ค่ะ แต่คิดอีกทีมันเห็นดวงเข้าบ้านมันแล้ว มันคงจะระวังตัวมากกว่าเดิมแน่ๆ เลยค่ะ เห็นท่าเราจะเล่นมันยากแล้วนะคะ”

ดวงที่นั่งพับเพียบอยู่ข้างเตียงเจ้านายขณะรายงานข่าวที่เพิ่งไปเสาะหามาจนได้เรื่องร่าวใหญ่โตและใบหน้าแดงบวมจนแทบจะเห็นรอยนิ้วของเจ้าของมือติดตัวมาด้วย สาลินีครุ่นคิดตามคำบอกคนสนิทอยู่เป็นนาน ด้วยไม่รู้จะหาช่องทางไหนเล่นงานแม่หนามยอกอกให้กระเด็นออกไปจากชีวิตตัวเองเสียที

อันที่จริงไฟอิจฉาริษยาที่มีอยู่ในใจหม้ายสาวคงไม่ครุกรุ่นมากมายขนาดนี้ หากไม่ได้เห็นอาการตกตลึงในความสวยเวลาปวีย์มองในงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าหล่อน แม้ชายหนุ่มจะปกปิดเอาไว้ด้วยท่าทีเรียบเฉยและยังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลายกับสาริยาสักแค่ไหน แต่ทั้งสาลินีและอรสาผู้แม่ต่างก็หวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ขึ้นชื่อว่าผู้ชายต่อให้มั่นคงสักแค่ไหน ถ้าลองได้เข้าใกล้ของสวยๆ งามๆ ก็มักจะแปรเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ

“จะยากแค่ไหนเราก็ต้องรอ มันต้องมีสักวันที่นังนั่นเผลอ แกคอยจับตาดูมันทุกฝีก้าว แล้วก็อย่าลืมคอยสอดส่องพวกในครัวด้วย โดยเฉพาะนังพวง มีอะไรไม่ชอบมาพากลแกรีบมาบอกฉันทันทีเข้าใจมั้ย”

สาลินีไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้ว่าหนทางที่จะทำแบบนั้นค่อนข้างจะตีบตันอยู่มาก ดวงเงยขึ้นไปมองหน้าเจ้านายแล้วส่งสายตามุ่งมั่นที่จะช่วยทำภาระกิจลับให้ประสบผลสำเร็จดังที่เคยร่วมมือกันทำมาแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อน สาลินีเองก็ก้มลงมาหาสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ ก่อนจะเอื้อมมือไปหากระเป๋าแล้วควักแบ้งค์สีเทาออกมานับจนครบสิบใบจึงยื่นให้คนที่นั่งอยู่เบื้องล่าง

“อ้าวนี่! ค่าเหนื่อย แกทำได้ดีมากที่ไม่ซัดทอดมาถึงฉัน ขอให้ทำอย่างนี้ตลอดไปแล้วฉันจะเลี้ยงแกไปจนวันตาย”

“ขอบคุณค่ะคุณหนู”

ดวงรีบยกมือไหว้แทบจะเหนือหัวกับเงินหมื่นที่เจ้านายยื่นให้ แม้จะยังเจ็บเนื้อตัวอยู่บ้าง แต่เงินก็เรียกรอยยิ้มให้ดวงได้เสมอๆ



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:55:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:55:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 952





<< สาวมั่นออกลาย   หนุ่มเข้มสาวมั่นฟาดฟันกันอีกแล้ว >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 15:01:22 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account