navigator โอบพสุธาด้วยรัก [ชุด ต้นรักเสน่หา]
เมื่อนักสืบจำเป็นต้องเข้าไปค้นหาความจริงในไร่แสงจันทร์ ไร่ที่มีปริศนามากมายให้ต้องพบเจอ นักสืบหนุ่มจำเป็นและผู้ช่วยสาวแสนเย็นชา ด้วยปมร้ายที่ทำให้เขาและเธอต้องช่วยกันคลายให้สำเร็จ
ทีปกร ไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาเจอโดยบังเอิญถึงสองครั้งจะกลายเป็นคนที่ทนายความแนะนำให้เป็นช่วยสืบเรื่องราวในไร่แสงจันทร์ เขายินดีที่จะได้ร่วมงานกับเธอ รักแรกพบที่ไม่คิดว่ามีอยู่จริง
ปีย์วรา หญิงสาวที่ผ่านโชคชะตาชีวิตเจ็บปวดหลายครั้งจนกลายเป็นคนเย็นชา ไม่ศรัทธาในความรักและความสัมพันธ์ใดๆ เธอรับทำงานเพราะบุญคุณของอังคณา น้าของทีปกร ยิ่งเวลาผ่านไป เธอคิดว่ามันเป็น การตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ผู้ชายปากจัด ยียวน รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เธอเสมอ มันทำให้เธอหวั่นไหว
เคยมีคนบอกว่า การพบกันครั้งแรกคือความบังเอิญ ครั้งที่สองคือโชคชะตา ครั้งที่สามคือพรหมลิขิต
นี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้...แค่ปล่อยให้หัวใจนำทางไป
อัพเดทตอนใหม่ทุกวัน จันทร พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ค่ะ ^^
ทีปกร ไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาเจอโดยบังเอิญถึงสองครั้งจะกลายเป็นคนที่ทนายความแนะนำให้เป็นช่วยสืบเรื่องราวในไร่แสงจันทร์ เขายินดีที่จะได้ร่วมงานกับเธอ รักแรกพบที่ไม่คิดว่ามีอยู่จริง
ปีย์วรา หญิงสาวที่ผ่านโชคชะตาชีวิตเจ็บปวดหลายครั้งจนกลายเป็นคนเย็นชา ไม่ศรัทธาในความรักและความสัมพันธ์ใดๆ เธอรับทำงานเพราะบุญคุณของอังคณา น้าของทีปกร ยิ่งเวลาผ่านไป เธอคิดว่ามันเป็น การตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ผู้ชายปากจัด ยียวน รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เธอเสมอ มันทำให้เธอหวั่นไหว
เคยมีคนบอกว่า การพบกันครั้งแรกคือความบังเอิญ ครั้งที่สองคือโชคชะตา ครั้งที่สามคือพรหมลิขิต
นี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้...แค่ปล่อยให้หัวใจนำทางไป
อัพเดทตอนใหม่ทุกวัน จันทร พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ค่ะ ^^
Tags: navigator โอบพสุธาไว้ด้วยรัก คีตา ณิชนิตา
ตอน: บทที่ ๒.๒ ไม่แปลกถ้าคุณจะไม่ทำ(แก้ไข)
ป้ายไร่แสงจันทร์ติดอยู่ปากทางเข้า ชายหนุ่มชะลอรถ มองออกไปยังบริเวณพื้นที่กว้างนั้นทันที บ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินถัดลงมาคืออาคารสำนักงานของไร่ ซึ่งด้านหน้ามีดอกไม้ปลูกประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ถัดจากป้ายของไร่คือป้ายรีสอร์ตที่มีพื้นที่ติดกัน หากไม่เห็นรั้วลวดหนามกั้น เขาก็คงคิดว่ามันเป็นผืนเดียวกันแน่ๆ
เขาตัดสินใจขับเข้าไปในส่วนของรีสอร์ต เพื่อทำตามที่ปีย์วราบอกไว้ เมื่อมาถึงด้านหน้าของอาคารต้อนรับ เขาก้าวลงจากรถ หนุ่มน้อยพนักงานของรีสอร์ตเข้ามาไหว้ก่อนจะสอบถามอย่างคล่องแคล่ว
“ผมมาหาป้าแจ่ม”
“อ๋อ ครับ หลานชายคุณอังคณาใช่ไหมครับ ป้าแจ่มรออยู่ในตึกแล้วครับ” เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับรับกระเป๋าของเขาไปถือไว้ ทีปกรก้าวเข้าไปในตึก ด้านหน้านั้นเป็นเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อสอบถาม ถัดไปเป็นโซฟาชุดใหญ่หนึ่งชุด หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะยกมือไหว้ ซึ่งชายหนุ่มไหว้รับแทบไม่ทัน
“อย่าไหว้ผมเลยครับ” เขารีบบอกเสียงหลงแม้จะคุ้นเคยว่าพนักงานที่บริษัทส่งออกของพ่ออายุมากกว่ายังยกมือไหว้เขาเช่นกัน แต่เขาไม่ค่อยชอบธรรมเนียมแบบนี้เท่าไหร่
“ป้าเป็นแม่บ้านนะคะ หลานชายคุณอังก็คือเจ้านายของเราเหมือนกัน”
ทีปกรยิ้มจืดๆ เพราะรู้ดีว่าพูดไปคนแก่ก็จะยิ่งถ่อมตัวและยกมือไหว้เขาอยู่ดี แจ่มพาเขาไปพักในห้องพักของรีสอร์ตอย่างที่ปีย์วราบอกไว้ ชายหนุ่มมองบ้านไม้หลังไม่ใหญ่มากนักนั้นด้วยความชื่อชมว่ามันสวยสมกับที่น้าเขาเคยเปรยๆ ให้ฟังเสมอ
“คุณทิมแค่มาเที่ยวหรือคะ” แจ่มถามพร้อมกับวางกุญแจห้องไว้บนโต๊ะ เอี้ยงเด็กหนุ่มยกกระเป๋าเข้ามาไว้ให้ยังยืนรอรับคำสั่งต่อ
“ก็ไม่เชิงครับ ผมมาหาข้อมูลที่จะทำงาน ผมเป็นครีเอทีฟบริษัทโฆษณา พอดีมีคนจ้างให้ทำโฆษณาท่องเที่ยวเลยจะมาเก็บข้อมูลนิดหน่อยครับ กับข้าวตอนเย็นนี้ ผมของ่ายๆ ละกัน เอามาให้ผมที่นี่เลย ผมว่าจะนั่งคิดงานสักหน่อย”
“ค่ะ” แจ่มรับคำก่อนจะพาเอี้ยงออกไปด้วยกัน ปล่อยให้หลานชายเจ้าของรีสอร์ตอยู่ตามลำพัง
ทีปกรเดินออกไปยังระเบียงห้อง ซึ่งยื่นหน้าออกไปยังฝั่งไร่แสงจันทร์ ทิวทัศน์ในนี้สวยงามกว่าที่เขาเห็นด้านนอกมาก ฝั่งไร่นั้นมีสวนผลไม้บังบ้านใหญ่ แต่ส่วนของสำนักงานนั้นพอเห็นได้ในระยะไกล
ชายหนุ่มมองเลยไปยังด้านหลังที่เป็นป่าไม้ดูร่มรื่น เห็นภูเขาสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศดีเกินที่เขาจินตนาการไว้เลยทีเดียว
เขาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอดอีกครั้ง ลึก ๆ และนานขึ้น เขาคงอยู่ที่นี่อีกนาน จนกว่าจะได้เรื่อง หาตัวการที่วางยาทำร้ายน้าของเขาได้สำเร็จ!
แจ่มก้าวเข้าไปในครัวซึ่งตั้งอยู่อีกหลังหนึ่ง เป็นความคิดของอังคณาที่ไม่อยากให้กลิ่นของอาหารคลุ้งอยู่ในอาคารสำนักงานรีสอร์ต พิมพ์พลอยบุตรสาวที่นอนเล่นอยู่ตรงเก้าอี้พลาสติกตัวยาวสีขาวขุ่น เหลือบเห็นผู้เป็นแม่เดินเข้ามาก็รีบยืดตัวนั่งหลังตรง
“แม่มาแล้วเหรอ ได้ยินจากคนงานบอกว่าไปต้อนรับหลานชายคุณอังคณา จริงเหรอแม่”
“จริงสิ แกนี่หายหัวไปไหนตอนที่จะเรียกใช้ แกเองก็ไปสวัสดีคุณทิมเขาด้วยละ” แจ่มตอบบุตรสาว หันไปเลือกผักไว้สำหรับทำกับข้าวเย็นนี้
“แก่หรือยังละแม่ ท่าทางเป็นไง” น้ำเสียงกระตือรือร้นจนดูน่าหมั่นไส้ คนเป็นแม่ได้แต่จ้องตาเข้ม ด้วยความไม่พอใจกับกิริยาความอยากรู้เกินงามของบุตรสาว
“ยังหรอก ไม่แก่อายุสักสามสิบได้ ท่าทางดี หน้าตาผิวพรรณดี เหมือนคุณอังคณานั่นแหละ” เล่าไปเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าพิมพ์พลอยสนใจถาม พลางจัดการงานตรงหน้าไปด้วย
“หน้าตาดี? แสดงว่าหล่อ แต่หล่อของแม่ ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักหรอก” หญิงสาวปรามาสรสนิยมของผู้เป็นแม่
“ทำไม...นังพลอย แกคิดว่าหล่อในแบบที่แม่ชอบมันเป็นยังไง” แจ่มทำน้ำเสียงขุ่น
พิมพ์พลอยยักไหล่ เธอลุกขึ้นเดินหนีออกไปปล่อยให้แม่บ่นตามหลังต่อไป ส่วนแจ่มเองก็ง่วนอยู่กับงานตรงหน้า เพราะต้องทำกับข้าวเผื่อสองที่ ทั้งฝั่งไร่และรีสอร์ต
หลังอาหารมื้อค่ำ ทีปกรยังคงอ่านรายละเอียดที่ทนายความจัดการรวบรวมส่งมาให้ทางอีเมล์ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับไร่แสงจันทร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหลานชายอีกคนของน้าซึ่งเป็นทายาทคนสำคัญของไร่แสงจันทร์ รวมไปถึงพื้นที่โดยรอบผลผลิตของไร่ และกิจการของรีสอร์ต สุดท้ายก็คือ ผู้ช่วยของอังคณา ชายหนุ่มกำลังเลื่อนหน้าจอลงไปเรื่อยๆ จวนจะถึง รูปของปีย์วราเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เขาลุกขึ้นสาวเท้ายาวไปถึงประตูก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ใคร”
“ฉัน...ปีย์วราค่ะ” เสียงตอบกลับนั้นเรียบนิ่งเหมือนอย่างที่เขาได้ยินจากโทรศัพท์ ทีปกรนึกขันว่าหญิงสาวคนนี้แปลกเสียจริง น้ำเสียงเธอไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้น ดีใจหรือสอดแทรกความรู้สึกอะไรเลยจริงๆ แต่ที่เขาไม่ชอบใจมากที่สุดก็คือปล่อยให้เขาไปหาแล้วตัวเองไม่อยู่...
พอเปิดประตูออกเท่านั้นเอง ร่างเพรียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้น สบตาเขาพอดี หญิงสาวจ้องหน้าเขาสีหน้าเรียบเฉย เธอยกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาท ชายหนุ่มยืนนิ่งเพียงไม่กี่อึดใจเหมือนเขากำลังตกใจกับภาพตรงหน้า
ทีปกรเบี่ยงตัวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้ามาในห้อง ดวงตาคมสังเกตกิริยาท่าทางของปีย์วราอย่างละเอียด รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคมทีละน้อย
“นั่งลงสิครับ” เขาบอกพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวเดิม ส่วนเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามเขา
“คุณมีเรื่องอะไรที่อยากจะคุยกับฉันงั้นเหรอคะ”
“คุณคงรู้จากทนายชาครแล้วบางส่วน”
“ค่ะ ทราบแล้วแต่เป็นบางส่วนเท่านั้น คุณชาครบอกให้มาฟังจากคุณเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง แล้วจะให้ช่วยอะไรละคะ”
“ผมอยากได้ข้อมูลเชิงลึกของคนทั้งในรีสอร์ตและไร่แสงจันทร์”
หญิงสาวนั่งนิ่ง เงียบไปพักหนึ่งโดยไม่มีคำถามอะไรต่ออีก ทีปกรลอบสังเกตใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางนั้นเงียบๆ เธอยังเหมือนเดิม...ดูนิ่งและเงียบขรึม เขาเชื่อว่าเธอต้องบอกว่ารอก่อนอย่างแน่นอน
“ขอเวลาคิดดูก่อนค่ะ” หญิงสาวตอบกลับมา
เห็นไหมละ...ทายผิดเสียที่ไหน...ทีปกรนึกขัน เธอดูเป็นคนตรงเอาการ นี่เขาเป็นหลานชายของเจ้านายเธอนะ?
“ฉันไม่ได้เป็นลูกน้องของคุณอังคณาอย่างเป็นทางการ ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉันค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว อย่างกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่? เธอตอบเองโดยอัตโนมัติ
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงแปลกใจที่ฉันพูดอย่างนั้น แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเสี่ยงและฉันแนะนำให้คุณแจ้งความซะ”
“ผมทำไปแล้ว ที่มาก็เพราะอยากรู้เหตุผลและเรื่องราวทั้งหมด คุณเคยทำงานกับน้าอังก็น่าจะรู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่จะตัดสินใครง่ายๆ แถมยังใจดี อาจจะไม่อยากเอาความด้วยซ้ำ” ทีปกรตอบในทันที เขาถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะกล่าวอะไรต่อ “ช่างเถอะ คุณไม่อยากช่วยผมก็ไม่ว่า ก็จะได้รู้กันไปว่าใครที่เป็นมิตรแท้ของน้าผมบ้าง”
ดวงตาสวยนั้นตวัดจ้องหน้าคนว่ากระทบทันที “ฉันขอตัวนะคะ” เธอเอ่ยขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้น ทีปกรได้แต่ส่ายหน้า ผู้หญิงอะไรแปลกจริงๆ
“น้าผมมีบุญคุณกับคุณไม่ใช่เหรอ ช่วยท่านสักครั้งไม่ได้หรือไง” ดวงตาสวยตวัดมองเขาอีกครั้ง มันแข็งกร้าวเปล่งประกายไปด้วยแรงอารมณ์บางอย่าง
“มันก็เป็นเรื่องระหว่างฉันกับน้าของคุณ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวก็ผมเป็นหลานน้าอัง แล้วผมก็ทำเพื่อท่าน ถ้าคนร้ายยังอยู่ ผมก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ท่านอยู่ที่นี่ หรือคุณกลัว...มันมีอิทธิพลมืด หรือ มีคนที่คุณกลัวจนไม่อยากช่วยผมแบบนั้นหรือเปล่า”
จนได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายทีปกรจึงสบตาหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้ดูมีประกายแรงกล้าที่ทำให้เขาเดาไม่ออกว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ใดกันแน่ โกรธ...ไม่พอใจ หรือ เกลียด
“เคยมีคนบอกคุณไหมว่าพูดมากเกินไป” เธอเค้นเสียงออกมาเพื่อให้มันฟังดูไม่เจืออารมณ์ใดให้สะดุดใจ แต่คนฟังเดาว่าคงโกรธมากกว่าอารมณ์อื่นๆ ที่เขาคาดไว้ด้วยมือเล็กที่กำหมัดแน่นข้างลำตัว
“ไม่นี่ ไม่เคยได้ยินเข้าหูมาก่อน มีแต่คนบอกว่าผมด่าเจ็บ ช่างเถอะ ผมได้คำตอบแล้ว” เขากล่าวเหมือนจะหัวเราะไปด้วยความขบขันกับท่าทางของหญิงสาว ที่เริ่มแสดงความโกรธออกมาบ้าง ดีกว่านั่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ มือหนาล้วงกระเป๋าเป็นฝ่ายยืนนิ่งๆ ไม่พูดอะไรบ้าง
ทีปกรไม่สนใจแล้วว่าเธอจะตอบตกลงช่วยหรือไม่...เขาจะให้เธอช่วย...นั่นคือคำตอบสุดท้าย!!
เขาตัดสินใจขับเข้าไปในส่วนของรีสอร์ต เพื่อทำตามที่ปีย์วราบอกไว้ เมื่อมาถึงด้านหน้าของอาคารต้อนรับ เขาก้าวลงจากรถ หนุ่มน้อยพนักงานของรีสอร์ตเข้ามาไหว้ก่อนจะสอบถามอย่างคล่องแคล่ว
“ผมมาหาป้าแจ่ม”
“อ๋อ ครับ หลานชายคุณอังคณาใช่ไหมครับ ป้าแจ่มรออยู่ในตึกแล้วครับ” เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับรับกระเป๋าของเขาไปถือไว้ ทีปกรก้าวเข้าไปในตึก ด้านหน้านั้นเป็นเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อสอบถาม ถัดไปเป็นโซฟาชุดใหญ่หนึ่งชุด หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะยกมือไหว้ ซึ่งชายหนุ่มไหว้รับแทบไม่ทัน
“อย่าไหว้ผมเลยครับ” เขารีบบอกเสียงหลงแม้จะคุ้นเคยว่าพนักงานที่บริษัทส่งออกของพ่ออายุมากกว่ายังยกมือไหว้เขาเช่นกัน แต่เขาไม่ค่อยชอบธรรมเนียมแบบนี้เท่าไหร่
“ป้าเป็นแม่บ้านนะคะ หลานชายคุณอังก็คือเจ้านายของเราเหมือนกัน”
ทีปกรยิ้มจืดๆ เพราะรู้ดีว่าพูดไปคนแก่ก็จะยิ่งถ่อมตัวและยกมือไหว้เขาอยู่ดี แจ่มพาเขาไปพักในห้องพักของรีสอร์ตอย่างที่ปีย์วราบอกไว้ ชายหนุ่มมองบ้านไม้หลังไม่ใหญ่มากนักนั้นด้วยความชื่อชมว่ามันสวยสมกับที่น้าเขาเคยเปรยๆ ให้ฟังเสมอ
“คุณทิมแค่มาเที่ยวหรือคะ” แจ่มถามพร้อมกับวางกุญแจห้องไว้บนโต๊ะ เอี้ยงเด็กหนุ่มยกกระเป๋าเข้ามาไว้ให้ยังยืนรอรับคำสั่งต่อ
“ก็ไม่เชิงครับ ผมมาหาข้อมูลที่จะทำงาน ผมเป็นครีเอทีฟบริษัทโฆษณา พอดีมีคนจ้างให้ทำโฆษณาท่องเที่ยวเลยจะมาเก็บข้อมูลนิดหน่อยครับ กับข้าวตอนเย็นนี้ ผมของ่ายๆ ละกัน เอามาให้ผมที่นี่เลย ผมว่าจะนั่งคิดงานสักหน่อย”
“ค่ะ” แจ่มรับคำก่อนจะพาเอี้ยงออกไปด้วยกัน ปล่อยให้หลานชายเจ้าของรีสอร์ตอยู่ตามลำพัง
ทีปกรเดินออกไปยังระเบียงห้อง ซึ่งยื่นหน้าออกไปยังฝั่งไร่แสงจันทร์ ทิวทัศน์ในนี้สวยงามกว่าที่เขาเห็นด้านนอกมาก ฝั่งไร่นั้นมีสวนผลไม้บังบ้านใหญ่ แต่ส่วนของสำนักงานนั้นพอเห็นได้ในระยะไกล
ชายหนุ่มมองเลยไปยังด้านหลังที่เป็นป่าไม้ดูร่มรื่น เห็นภูเขาสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศดีเกินที่เขาจินตนาการไว้เลยทีเดียว
เขาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอดอีกครั้ง ลึก ๆ และนานขึ้น เขาคงอยู่ที่นี่อีกนาน จนกว่าจะได้เรื่อง หาตัวการที่วางยาทำร้ายน้าของเขาได้สำเร็จ!
แจ่มก้าวเข้าไปในครัวซึ่งตั้งอยู่อีกหลังหนึ่ง เป็นความคิดของอังคณาที่ไม่อยากให้กลิ่นของอาหารคลุ้งอยู่ในอาคารสำนักงานรีสอร์ต พิมพ์พลอยบุตรสาวที่นอนเล่นอยู่ตรงเก้าอี้พลาสติกตัวยาวสีขาวขุ่น เหลือบเห็นผู้เป็นแม่เดินเข้ามาก็รีบยืดตัวนั่งหลังตรง
“แม่มาแล้วเหรอ ได้ยินจากคนงานบอกว่าไปต้อนรับหลานชายคุณอังคณา จริงเหรอแม่”
“จริงสิ แกนี่หายหัวไปไหนตอนที่จะเรียกใช้ แกเองก็ไปสวัสดีคุณทิมเขาด้วยละ” แจ่มตอบบุตรสาว หันไปเลือกผักไว้สำหรับทำกับข้าวเย็นนี้
“แก่หรือยังละแม่ ท่าทางเป็นไง” น้ำเสียงกระตือรือร้นจนดูน่าหมั่นไส้ คนเป็นแม่ได้แต่จ้องตาเข้ม ด้วยความไม่พอใจกับกิริยาความอยากรู้เกินงามของบุตรสาว
“ยังหรอก ไม่แก่อายุสักสามสิบได้ ท่าทางดี หน้าตาผิวพรรณดี เหมือนคุณอังคณานั่นแหละ” เล่าไปเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าพิมพ์พลอยสนใจถาม พลางจัดการงานตรงหน้าไปด้วย
“หน้าตาดี? แสดงว่าหล่อ แต่หล่อของแม่ ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักหรอก” หญิงสาวปรามาสรสนิยมของผู้เป็นแม่
“ทำไม...นังพลอย แกคิดว่าหล่อในแบบที่แม่ชอบมันเป็นยังไง” แจ่มทำน้ำเสียงขุ่น
พิมพ์พลอยยักไหล่ เธอลุกขึ้นเดินหนีออกไปปล่อยให้แม่บ่นตามหลังต่อไป ส่วนแจ่มเองก็ง่วนอยู่กับงานตรงหน้า เพราะต้องทำกับข้าวเผื่อสองที่ ทั้งฝั่งไร่และรีสอร์ต
หลังอาหารมื้อค่ำ ทีปกรยังคงอ่านรายละเอียดที่ทนายความจัดการรวบรวมส่งมาให้ทางอีเมล์ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับไร่แสงจันทร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหลานชายอีกคนของน้าซึ่งเป็นทายาทคนสำคัญของไร่แสงจันทร์ รวมไปถึงพื้นที่โดยรอบผลผลิตของไร่ และกิจการของรีสอร์ต สุดท้ายก็คือ ผู้ช่วยของอังคณา ชายหนุ่มกำลังเลื่อนหน้าจอลงไปเรื่อยๆ จวนจะถึง รูปของปีย์วราเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เขาลุกขึ้นสาวเท้ายาวไปถึงประตูก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ใคร”
“ฉัน...ปีย์วราค่ะ” เสียงตอบกลับนั้นเรียบนิ่งเหมือนอย่างที่เขาได้ยินจากโทรศัพท์ ทีปกรนึกขันว่าหญิงสาวคนนี้แปลกเสียจริง น้ำเสียงเธอไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้น ดีใจหรือสอดแทรกความรู้สึกอะไรเลยจริงๆ แต่ที่เขาไม่ชอบใจมากที่สุดก็คือปล่อยให้เขาไปหาแล้วตัวเองไม่อยู่...
พอเปิดประตูออกเท่านั้นเอง ร่างเพรียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้น สบตาเขาพอดี หญิงสาวจ้องหน้าเขาสีหน้าเรียบเฉย เธอยกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาท ชายหนุ่มยืนนิ่งเพียงไม่กี่อึดใจเหมือนเขากำลังตกใจกับภาพตรงหน้า
ทีปกรเบี่ยงตัวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้ามาในห้อง ดวงตาคมสังเกตกิริยาท่าทางของปีย์วราอย่างละเอียด รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคมทีละน้อย
“นั่งลงสิครับ” เขาบอกพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวเดิม ส่วนเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามเขา
“คุณมีเรื่องอะไรที่อยากจะคุยกับฉันงั้นเหรอคะ”
“คุณคงรู้จากทนายชาครแล้วบางส่วน”
“ค่ะ ทราบแล้วแต่เป็นบางส่วนเท่านั้น คุณชาครบอกให้มาฟังจากคุณเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง แล้วจะให้ช่วยอะไรละคะ”
“ผมอยากได้ข้อมูลเชิงลึกของคนทั้งในรีสอร์ตและไร่แสงจันทร์”
หญิงสาวนั่งนิ่ง เงียบไปพักหนึ่งโดยไม่มีคำถามอะไรต่ออีก ทีปกรลอบสังเกตใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางนั้นเงียบๆ เธอยังเหมือนเดิม...ดูนิ่งและเงียบขรึม เขาเชื่อว่าเธอต้องบอกว่ารอก่อนอย่างแน่นอน
“ขอเวลาคิดดูก่อนค่ะ” หญิงสาวตอบกลับมา
เห็นไหมละ...ทายผิดเสียที่ไหน...ทีปกรนึกขัน เธอดูเป็นคนตรงเอาการ นี่เขาเป็นหลานชายของเจ้านายเธอนะ?
“ฉันไม่ได้เป็นลูกน้องของคุณอังคณาอย่างเป็นทางการ ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉันค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว อย่างกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่? เธอตอบเองโดยอัตโนมัติ
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงแปลกใจที่ฉันพูดอย่างนั้น แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเสี่ยงและฉันแนะนำให้คุณแจ้งความซะ”
“ผมทำไปแล้ว ที่มาก็เพราะอยากรู้เหตุผลและเรื่องราวทั้งหมด คุณเคยทำงานกับน้าอังก็น่าจะรู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่จะตัดสินใครง่ายๆ แถมยังใจดี อาจจะไม่อยากเอาความด้วยซ้ำ” ทีปกรตอบในทันที เขาถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะกล่าวอะไรต่อ “ช่างเถอะ คุณไม่อยากช่วยผมก็ไม่ว่า ก็จะได้รู้กันไปว่าใครที่เป็นมิตรแท้ของน้าผมบ้าง”
ดวงตาสวยนั้นตวัดจ้องหน้าคนว่ากระทบทันที “ฉันขอตัวนะคะ” เธอเอ่ยขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้น ทีปกรได้แต่ส่ายหน้า ผู้หญิงอะไรแปลกจริงๆ
“น้าผมมีบุญคุณกับคุณไม่ใช่เหรอ ช่วยท่านสักครั้งไม่ได้หรือไง” ดวงตาสวยตวัดมองเขาอีกครั้ง มันแข็งกร้าวเปล่งประกายไปด้วยแรงอารมณ์บางอย่าง
“มันก็เป็นเรื่องระหว่างฉันกับน้าของคุณ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวก็ผมเป็นหลานน้าอัง แล้วผมก็ทำเพื่อท่าน ถ้าคนร้ายยังอยู่ ผมก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ท่านอยู่ที่นี่ หรือคุณกลัว...มันมีอิทธิพลมืด หรือ มีคนที่คุณกลัวจนไม่อยากช่วยผมแบบนั้นหรือเปล่า”
จนได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายทีปกรจึงสบตาหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้ดูมีประกายแรงกล้าที่ทำให้เขาเดาไม่ออกว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ใดกันแน่ โกรธ...ไม่พอใจ หรือ เกลียด
“เคยมีคนบอกคุณไหมว่าพูดมากเกินไป” เธอเค้นเสียงออกมาเพื่อให้มันฟังดูไม่เจืออารมณ์ใดให้สะดุดใจ แต่คนฟังเดาว่าคงโกรธมากกว่าอารมณ์อื่นๆ ที่เขาคาดไว้ด้วยมือเล็กที่กำหมัดแน่นข้างลำตัว
“ไม่นี่ ไม่เคยได้ยินเข้าหูมาก่อน มีแต่คนบอกว่าผมด่าเจ็บ ช่างเถอะ ผมได้คำตอบแล้ว” เขากล่าวเหมือนจะหัวเราะไปด้วยความขบขันกับท่าทางของหญิงสาว ที่เริ่มแสดงความโกรธออกมาบ้าง ดีกว่านั่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ มือหนาล้วงกระเป๋าเป็นฝ่ายยืนนิ่งๆ ไม่พูดอะไรบ้าง
ทีปกรไม่สนใจแล้วว่าเธอจะตอบตกลงช่วยหรือไม่...เขาจะให้เธอช่วย...นั่นคือคำตอบสุดท้าย!!
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 09:53:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2556, 18:00:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 1352
<< บทที่ ๒.๑ ไม่แปลกถ้าคุณจะไม่ทำ(แก้ไข) | บทที่ ๓.๑ คดีซ้อน(แก้ไข) >> |
Auuuu 4 ส.ค. 2556, 16:06:08 น.
พระเอกแร๊งงงง 5555
พระเอกแร๊งงงง 5555
ดังปัณณ์ 4 ส.ค. 2556, 22:09:36 น.
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ด่าเจ็บ! คุณทิมขาไม่น้าาาาาาาาาาา รูปนี้ถ้ามีพระรองเค้าอาจจะเอนเอียงได้นะตัว
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ด่าเจ็บ! คุณทิมขาไม่น้าาาาาาาาาาา รูปนี้ถ้ามีพระรองเค้าอาจจะเอนเอียงได้นะตัว