Pai Journal (ปาย ในบันทึกถึงคุณ)
คุณที่รัก...
ผมอยากเล่าเรื่องราวหลังจากวันนั้นให้คุณได้ฟัง
มันเป็นการเดินทางระยะสั้นๆ ในช่วงเวลาชีวิตยาวนาน
ผมพบพานสิ่งต่างๆ ท่ามกลางความรู้สึกถึงคุณทุกขณะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: จุดหมายต่อไป


ไฟราตรีทำงานของมันเต็มที่ คนสารพัดความรู้สึกของคืนนี้กระจุกรวมกันในร้านดนตรี มีอาหาร เบียร์และเหล้า พร้อมปล่อยอารมณ์ให้พรั่งพรูโดยไม่หลงเหลือความรู้สึกต้องนึกคิด ผมเหลียวซ้ายแลขวา ในบรรยากาศที่ใจไม่ได้ปรารถนา แต่ผมก็พาตัวเองมาอยู่ในที่เช่นนี้

ร้านเหล้าซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของเชียงใหม่ย่อมไม่น่าแปลกใจที่มันจะเต็มไปด้วยผู้คน บนเวทีนั้นนักร้องทำหน้าที่เช่นทุกวันที่เขาเคยทำ ร้องเพลงซ้ำๆ ราวกับมันเป็นบทที่กำหนดไว้ อารมณ์คนที่นั่งฟังคงต่างไป บางคนเคลิ้มฝัน บางคนสับสน บางคนระทมทุกข์ บางคนไม่แม้แต่จะคิดอะไร มันคงเป็นไปในโลกของคนที่เพียงหมุนผ่าน มันคือความใหม่และสดของคืนนี้ ในมุมของนักดนตรีมันซ้ำซากและน่าเบื่อหน่าย ผมกล้าพูดเพราะผมผ่านอะไรบางอย่างเช่นนี้มาก่อน

น้องสาวกับเพื่อนๆ ชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม และผมก็ไม่ต่างกันเมื่อเป็นคนแปลกหน้าของพวกเขา หากไม่นับบทสนทนาที่ผมไม่มีความเกี่ยวข้องเลยทั้งในฐานะผู้ฟังและผู้คิดเห็น บทบาทในคืนนี้ของเราแต่ละคนคือใช้หูฟังเสียงที่ผ่านและใช้ใจให้ว่างเปล่าที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตกลงว่าจะไปไหน? เป็นคำถามที่เป็นการเป็นงานที่สุดที่เกี่ยวกับผมในคืนนี้ แต่ผมยังไม่มีคำตอบ อาจจะขึ้นเหนือไปอีก ไปเชียงราย หรืออาจจะย้อนกลับไปลำปาง หรืออาจจะวนเวียนอยู่ในเชียงใหม่จนกว่าจะได้งานใหม่และปักหลักปักรากที่นี่ หรือ.... ไม่รู้สิ???

คุณที่รัก...

จู่ๆ น้องหนึ่งในกลุ่มที่พบเจอคืนนี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่น่าจะไปปายดูนะ” เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจนถึงขนาดว่าสามารถตัดสินใจได้ทันที เพราะเหตุผลไหนก็ไม่รู้ แต่คิดว่าคงเกี่ยวกับการที่ใครๆ ก็ไปกัน มันช่างเป็นการตัดสินใจง่ายๆ แต่แปลกประหลาดที่ผมกลับไม่ได้ใส่ใจเสียด้วยซ้ำว่าความรู้สึกอยากไปหรือไม่นั้นเกิดขึ้นในใจจริงหรือเปล่า หรืออาจจะแค่... ที่ไหนก็ได้สักที่สำหรับตอนนี้

มันคงมีคนไม่น้อยที่ปล่อยชีวิตนั้นกำหนดจุดหมายแบบไม่มีที่มาและที่ไป

เมื่อการตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนเกิดขึ้น ชีวิตจะเตรียมการเตรียมใจอย่างไร เหมือนกันกับความรักที่จู่ๆ ก็จบ จู่ๆ ก็จาก ชีวิตไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ก็แทบทำอะไรไม่ถูก เหมือนประตูที่ปิดแต่ไม่มีกุญแจจะไข เหมือนรถเที่ยวสุดท้ายออกไปแล้วแต่ยังตกรถอยู่ที่นี่ หรือหนักกว่านั้นก็เหมือนก้อนอาเจียนที่อยากอ้วกออกแต่ก็เอามันออกมาไม่ได้

แย่หน่อยที่ผมเองก็ดันเหมือนกันที่อยู่ในสภาวะรับมืออะไรไม่ได้เลย ดังนั้นเหมือนว่าข้อเสนอนั้นเป็นทางเลือกเดียวที่มีให้ เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่กระโดดเกาะได้ทันที และบางทีก็เพราะผมไม่คิดจะคิด ขอแค่มีใครคิดแทน ผมก็จะไปในทิศทางนั้นทันที แน่ล่ะ... ถ้าแม้คุณเอ่ยเพียงคำเดียวว่ากลับมา ผมก็จะพุ่งกลับไปในทันที แต่เพราะมันไม่เคยมีทางเลือกที่จินตนาการไว้ให้มี ผมเลยต้องไปในทิศทางที่ห่างออกไปอีก

เสียงเพลงสลับฉากกับการพักเบรกของนักดนตรี ดีเจกระหน่ำบทเพลงด้วยเทคนิคเฉพาะ ผมปล่อยสมองทำงานที่เบาที่สุด นั้นคือไม่ต้องควบคุมอะไร เครื่องดื่มในมือไหลลงคอเหมือนเปิดก๊อกน้ำ แล้วมันก็พร้อมจะเต็มใหม่ราวกับเสกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

เวลานั้นผ่านรวดเร็วเสมอเมื่อเราไม่ทันสังเกตอะไรมัน แต่มันจะข้าและนานถ้าเราใส่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมันเดินไป

คุณที่รัก... ราตรีไม่ได้โหดร้าย แต่หัวใจต่างหากที่เปิดช่องว่างให้ความรู้สึกอันไม่สมควรที่ใครจะเป็นเจ้าของครอบครอง นั่นคือความเศร้าและความอ้างว้าง แล้วผมก็ดันทำตัวและทำหัวใจเช่นนั้น แล้วก็คงจะบ่นบ้าว่าเป็นเพราะคุณไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเพราะคุณบทลงโทษของการทำเช่นนั้นก็คงไม่ได้กระหน่ำลงที่ผมแน่ๆ



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 02:49:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 02:49:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 782





<< โปสการ์ดถึงตัวเอง   ถนนคดโค้งที่ชีวิตวิ่งเป็นเส้นตรง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account