เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา

เวลาประมาณเกือบตีสอง แขกของคฤหาสน์สีน้ำเงินทั้งห้าจึงค่อยพากันกลับขึ้นมาชั้นบน
พร้อมเสียงหัวเราะร่วนและความรื่นรมย์ใจซึ่งยังไม่ยอมบอกลาไปง่ายๆ
“ผมละชอบมุกโกงไพ่หน้าตายของคุณจริงๆเลยหมอริช ไอ้ตอนที่โต๊ะมันหมุนได้นี่ยังไม่น่าประทับใจเท่า”

“คุณเชนทร์ครับ...” วาริชรับเสียงห้าว “ผมเข้าใจ คนน่าเอ็นดูทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด
แต่ชมผมมากเข้าแบบนี้ระวังคุณสายชลจะคิดว่าระหว่างเราสองคนมีอะไรพิเศษนะครับ”

สายชลหัวเราะเสียงดังอย่างขำเอามากๆ
“แหม ยกให้เลยค่ะ แต่คุณหมอริชต้องเอาสินสอดค่าตัวเชนทร์มาจ่ายที่ฉันนะ อย่างต่ำสักสิบล้านแล้วกัน”

“เมียจ๋า คุณตีค่าผมไว้แพงอย่างงั้นเชียว ระวังหมอริชจะไม่ยอมจ่ายนะจ๊ะ”

หลังจากแหย่กันพอหอมปากหอมคอ ทุกคนนัดแนะกันว่าพรุ่งนี้ตอนค่ำจะพบกันที่เก่าเวลาเดิม
เพื่อสานต่อการผจญภัยในสถานบันเทิงอันน่าตื่นใจ หลายเกมในคาสิโนยังไม่ได้ลิ้มลอง ทั้งบาร์
สระว่ายน้ำหรือซาวน่าที่รอคอยอยู่ก็มีแรงดึงดูดไม่แพ้กัน แน่นอนว่าทุกอย่างที่นี่เบ็นขอให้เก็บ
เป็นความลับไปจนกว่าทุกคนจะพ้นจากการเป็นแขก และนอกจากนั้นก็ยังห้ามพาคนนอกเข้ามา
‘เป็นสถานที่ส่วนตัว ไว้บริการแขกพิเศษของเราเท่านั้นจริงๆครับ’

สายชลและเชนทร์แยกขึ้นบันไดไปยังปีกตึกฝั่งขวา ส่วนดาหวันก้าวเฉิบๆนำวาริชและวนัสสาไปทางปีกซ้าย
“ฝันดีนะคะคุณดาหวัน” วนัสสาส่งเสียงไล่หลัง ไม่ทราบว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า เรื่องว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ค่อยชอบเธอ

“คืนพรุ่งนี้ฉันคงไม่อยู่ พวกคุณลงไปสนุกกันก็ขอให้ระวังแล้วกัน” สาวผมสั้นหันมายิ้มแกนๆ

“ระวังอะไรครับ” วาริชแกล้งถามกรุ้มกริ่ม

“ระวังเงินในกระเป๋ามังคะ ไม่งั้นจะหมดตัวเอาได้ง่ายๆ ยิ่งเจอขาไพ่อย่างคุณ”

“แหม ผมโกงเล่นๆให้ขำกันหรอก คนจะแอบทำจริงเขาไม่ให้จับได้หรอกครับคุณดา”

ดาหวันเพียงโบกมือตัดบทแค่นั้น ก่อนจะแยกไปสู่ห้องตนที่สุดระเบียงปีกตึก แต่วาริชยังไม่ได้เดินตาม
ไปห้องก่อนสุดท้ายซึ่งเป็นของเขา ยังคงหยุดรีๆรอๆอยู่ตรงหน้าห้องที่สามของวนัสสา เขาวางศอก
เท้าลงบนขอบระเบียง ชี้ชวนให้หญิงสาวมายืนเคียงและมองลงไปยังโถงกลางอันสงัดเบื้องล่างด้วยกัน

“คุณว่าคฤหาสน์นี้เหมาะจะเป็นที่ฆาตกรรมหรือกักขังใครสักคนไหม”
ชายหนุ่มชี้มือลงไปยังประตูห้องใต้บันไดกลางที่เห็นชัดเมื่อมองจากด้านข้างเช่นนี้
“ประตูแคบๆนั่นละ นอกจากทางที่เราลงไป เขาอาจมีทางอื่นซ่อนอยู่อีก
รวมทั้งสวนหลังคฤหาสน์ที่ถูกปิด อาจจะเอาไว้ฝังพวกเหยื่อ”

เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มยามกดให้ต่ำลงจนเป็นกระซิบ ฟังดูน่ากลัวและชวนขนลุกอย่างประหลาด
ถ้าเพียงแต่คนฟังจะเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่วนัสสา ตุ๊กตาต้องสาปซึ่งคุ้นเคยแต่กับเรื่องราวผ่านสัมผัสพิเศษ
ความลับอันคลี่คลายตนเองออกมาจากความมืดที่คนอื่นไม่อาจล่วงรู้

“ดูนั่น” วาริชชี้ลงไปยังออร์แกนตัวขนาดมหึมาที่ตระหง่านอยู่มุมหนึ่งของโถงกลาง
“ให้ความรู้สึกเหมือนที่นี่คือโบสถ์เก่าแก่ วันดีคืนดีเสียงออร์แกนอาจดังขึ้น...แล้วคุณรู้อะไรไหม
มีแต่เจ้าของบ้านคนเก่าที่ตายไปแล้วคนเดียวที่เล่นมันได้”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าเจ้าของบ้านคนเก่าเล่นได้ แล้วรู้ได้ไงว่าเขาตายไปแล้ว” วนัสสาเอียงคอ

“ผมก็แค่เดา แต่ไม่แน่นะ บางคืนมันอาจดังขึ้นมาจริงๆ แล้วพอคุณออกมาดูก็จะไม่เจอใครหรอก คุณหนูวนัส”

“ฉันอาจจะอินนะคะ เวลาคุณทำตลกอย่างตอนที่เล่นไพ่กันวันนี้ แต่เรื่องสยองหลอนประสาท
นี่ขอทีอย่าพยายาม ยากค่ะ...”

“คุณกลัวละสิ” วาริชหันมาสบตาหญิงสาวตรงๆ

“ไม่มีทาง ฉันไม่ใช่คนขวัญอ่อน”

“แต่ผมแน่ใจว่าเห็นความกลัว ในแววตา ในท่าทีของคุณ”

ครามกอดอกมองวาริชที่ยังอ้อยอิ่งอยู่หน้าห้องวนัสสา ไม่มีใครเห็นเขา แต่เขาเห็นและได้ยินทุกอย่าง
ตั้งแต่คนพวกนี้ลงไปยังสถานที่ซึ่งซุกซ่อนอยู่ชั้นล่าง ตอนนี้ก็หมดธุระ แต่เขาก็แค่อยากจะรู้
ว่าสองคนนี้จะคุยอะไรกัน บางทีวาริชอาจไม่ใช่แค่คู่กรณีเรื่องรถไร้สาระ แต่เป็นคนที่เขาควรระวังยิ่งกว่านั้น
สำหรับวนัสสา เขาเคยปรากฏตัวให้เธอเห็น ที่งานหมั้นของลูกชายเพื่อนศศิราศี
เธอเห็นเขาได้ตอนนั้นเพราะครามเองจงใจปล่อยให้เห็น แม้คนอื่นจะยังไม่เห็น นั่นก็เพราะหญิงสาว
รับรู้ถึงคลื่นพลังได้ละเอียดอ่อนกว่าใครอย่างน่ากลัวว่าเธอจะไม่ธรรมดา ทว่าวันนี้เขาไม่อยาก
แสดงตัวไม่ว่ากับใครหน้าไหน
แต่พอได้เห็นบทอำลาอาลัยเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นปี ครามชักก็เกิดอยากขัดจังหวะนิดๆ

วนัสสาหันมองนั่นนี่ไปพลางขณะยืนฟังบทสนทนาของวาริช แต่แล้วก็ต้องตกใจที่จู่ๆหันไปพบร่างของ
อินดิโก้หรือครามคนนั้นยืนซ้อนหลังร่างสูงของสัตวแพทย์หนุ่มอยู่ เธอทำตาโต อ้าปากค้างจนวาริชเอะใจ
ขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวยิ่งขึ้น

“หนูวนัส เป็นอะไร วนัสสา...” เขาเรียกให้เธอได้สติ

“เอ่อ” หญิงสาวเอียงตัวมาให้พ้นร่างสูงใหญ่ที่บังอยู่ แต่พอมองอีกทีเธอก็ไม่เห็นเขาแล้ว ยังกับว่า
ภาพของครามนั้นเป็นภาพที่สัมผัสของเธอสร้างขึ้นมาเอง แต่ดูสมจริงเหลือเกิน จะว่าเป็นอดีตก็คงไม่ใช่
เพราะเธอเห็นเขาในชุดเดียวกับที่อีกฝ่ายใส่ตอนมื้อค่ำวันนี้ แถมเขายังมองหน้าเธอยังกับว่าไม่พอใจอยู่กลายๆ

วาริชหันตาม เขาพบเพียงความว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับมาเห็นว่าวนัสสายิ้มให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ดึกแล้ว แยกย้ายกันเข้านอนเสียทีดีกว่าค่ะ”

วนัสสากลับเข้าห้อง ถอนใจกับตัวเอง นึกถึงที่วาริชเปรยขำๆกับดาหวัน เธอเห็นด้วยทีเดียวว่า
ลงคนซ่อนไพ่เป็นน่ะ ไม่ทำให้ถูกจับได้แบบเขาหรอก หญิงสาวล้วงเข้าไปใต้เสื้อ หยิบไพ่ใบหนึ่งออกมา
วางแปะลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ยิ้มมุมปาก... แจ็คข้าวหลามตัด แน่นอนว่าเธอต้องได้อะไรบางอย่างกลับขึ้นมา
ที่เลือกไพ่ก็เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับมือของผู้ที่เคยผ่านมันมาแล้วโดยตรง
ถ้าตลอดเวลาสองเดือนนั้นเธออยู่ที่นี่ หรือมีใครบางคนเคยลงไปยังคาสิโนข้างล่างนั่นมาแล้ว
ความรู้สึกก็อาจจะติดอยู่ในไพ่ แต่สำหรับสิ่งที่ต้องผ่านหลายมือเช่นนี้ บางทีคงจะมีความทรงจำ
และอารมณ์มากมายที่ผ่านมาแล้วผ่านไป การที่วนัสสาจะค้นเจอสิ่งที่ต้องการอาจเป็นแค่โอกาส
หนึ่งในร้อยด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยเธอก็ต้องลอง

หญิงสาวอาบน้ำสวมชุดนอนเสร็จสรรพก็เอนลงบนเตียง เธอวางไพ่แจ็คไว้บนมือ สีสันมากมายเหลือเกิน
วิ่งผ่านมา ความรู้สึกของคนหลายคนที่ไม่อาจแยกแยะ แต่ในที่สุดความง่วงก็หลั่งไหลเข้าครอบงำ
เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้าของร่างบางจึงค่อยๆเคลิ้มดิ่งสู่นิทรา
...เมื่อนั้นความรับรู้แปลกประหลาดก็เริ่มขึ้นในห้วงฝัน

‘ไพใบนี้คือร่องรอย ไพ่ใบแทนตัวผม ผมเองยังไงล่ะวนัส’

สีน้ำเงินที่เย็นเยือกรายล้อมอยู่รอบตัว กับเสียงพูดสะท้อนก้องกลับไปกลับมาในหัว
เธอเห็นเค้าหน้าคนพูด เขาเป็นคนผิวขาว หน้าเรียว แต่ภาพยังพร่าเลือนจนบอกไม่ได้ว่า
หน้าตาเป็นเช่นไรแน่ ขณะที่เสียงนั้นยังคงพูดต่อ

‘การดึงความทรงจำที่ลืมไปแล้วกลับคืนมา มันมีวิธีของมันอยู่ ที่ผมจะเลือก
คือการดึงความรู้สึกที่เกิดร่วมกับสถานการณ์นั้นๆขึ้นมา อย่างเช่น...ความเจ็บปวด
จะเตือนให้คุณระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในตอนนั้นได้ เช่นคำพูดของผม
ในชั่วขณะที่ผมกำลังสักปีกผีเสื้อสวยๆลงบนหลังคุณ วนัสสา’

ทันทีที่เขาพูดจบ เธอเองก็เริ่มจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ว่า มันเริ่มขึ้นตรงกลางหลัง
ไล่ไปที่ขอบปีกผีเสื้อ เจ็บจี๊ดเหมือนมีอะไรมาแทงเปิดเนื้อหนัง เหมือนเข็มทิ่มย้ำๆลงมา
เริ่มจากซ้ายแล้วย้ายไปขวา วนมาซ้ายอีกครั้ง แต่งเติมลวดลายก่อนจะเป็นปีกผีเสื้อแสนงดงาม

‘ไง รู้สึกแล้วใช่ไหม ประสบการณ์ของความเจ็บปวด จะดึงความคิดและอารมณ์ตอนนั้นกลับมา
สิ่งที่คุณรับรู้ไปพร้อมกับความเจ็บนี่ ก็คือคำพูดของผม ผมขอสั่งให้คุณนึกให้ออก เย็นไว้วนัส...
ทีนี้คุณจำผมได้หรือยัง คนที่คุณรัก ดอกไม้ของคุณไง’

วนัสสาอยากตอบ แต่คล้ายเธอพูดไม่ออก เจ็บมากจนสั่นระริกไปทั้งกาย เกินกว่าที่จะขืนให้ตัวเอง
ทรงอยู่ในภวังค์ของการหลับใหลนั้นต่อไป

‘ชื่อของผม ขอให้คุณจำไว้ให้ดี...’

ก่อนจะทันได้ยินนามนั้น ร่างบางกระตุกเฮือก สะบัดตัวแรงด้วยความเจ็บปวดที่กรีดลงกลางหลัง
“โอ๊ย---” วนัสสาเกือบไถลตกเตียงถ้าไม่คว้าผ้าปูที่นอนขยุ้มเหนี่ยวตัวไว้
เหมือนยังตื่นไม่เต็มตา หญิงสาวยังคงเจ็บและหวาดผวา “เจ็บ! ใครก็ได้ช่วยที
จะทำอะไรฉัน เอามันออกไปให้พ้น เอาปีกผีเสื้อนี่ออกไป!”
หญิงสาวร้องดังขณะหอบฮัก เธอลืมตา หายใจถี่แรง พบว่าตนเองลงมานั่งแปะอยู่บนพื้นข้างเตียง
ในขณะที่หลังยังปวดแสบปวดร้อนจนชาไปหมด เขาทำอะไรกับเธอ คนที่ให้รอยสักนี้มาคือคนรักของเธอ
อย่างนั้นหรือ แล้วทำไมมันถึงได้เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดรวดร้าวถึงเพียงนี้ ถึงเธอจะยังไม่เคยสัก
แต่เชื่อว่าตนไม่ใช่คนที่จะกรีดร้องออกมากับความเจ็บปวดในการสักอย่างแน่นอน วนัสสาใจเด็ดกว่านั้น
กับเรื่องข่มกลั้นความเจ็บปวด แต่รอยสักที่หลังซึ่งเป็นรูปปีกผีเสื้อคู่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างธรรมดาเลย

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของวาริช “คุณหนูวนัส เป็นอะไรไหม ผมได้ยินเสียงคุณ”

ด้วยความที่ยังไม่หายตระหนกกับประสบการณ์แปลกประหลาด หญิงสาวเร่งร้อนไปเปิดไฟเพดาน
เปิดประตูให้เขามือไม้สั่น ก่อนจะนึกได้ว่าตนเองสวมชุดนอนดูไม่เรียบร้อย เมื่อเปิดเสร็จเธอจึงเร่งหันหลัง
จะไปคว้าเสื้อคลุมมาสวม

“รอเดี๋ยวนะคะ ฉันกำลังหัวหมุน”

“ผมยังไม่ทันหลับ นอนคิดอะไรเพลินอยู่ก็ได้ยินเสียงคุณร้อง ฝันร้ายหรือไง”
วาริชถามพึมพำมาจากในคอ “แล้วนั่นหลังคุณไปโดนอะไรมาวนัส ทำไมมีเลือด!”

วาริชถลันเข้าถึงตัวเธอ เขาถือวิสาสะตรึงร่างบางไม่ให้หันหนีหรือคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับได้
ขยับเสื้อนอนซึ่งเปียกกระหย่อมสีแดงเป็นรอยทางที่หลังบอบบางนั้นดูให้ชัด เพื่อมองว่า
มันคือเลือดจริงหรือไม่ หญิงสาวเองก็เลยพลอยรู้สึกถึงความชื้นน้อยๆกลางหลังซึ่งยังแสบ
แต่เริ่มจะหายชาแล้ว เธอตวัดสายตาไปยังเตียง พบว่าไร้ร่องรอยเปื้อนเปรอะ
เลือดคงไม่ได้มากมาย มันอาจเพิ่งซึมจนเปื้อนเสื้อเอาตอนเธอกลิ้งพ้นเตียงมาแล้วนี่เอง
“คุณหนูวนัส เป็นอะไรถึงได้เลือดออกอย่างนี้”

“แผลเก่ามากกว่าค่ะ มันคงจะเปิด”

“ควรจะทำแผลสักหน่อย หรือไม่ก็ใส่ยา เดี๋ยวผมไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลที่ห้องมาจัดการเอง”

วนัสสาเดินไปนั่งนิ่งค้างอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ไม่มีพนักพิง คิดทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น
เรื่องแค่นี้ยังไม่ถึงกับทำให้ขวัญหนีแต่เธอก็งงงันไปหมด ความรู้สึกสัมผัสรับรู้เรื่องจากอดีตไม่เคยทำร้ายเธอได้
ทั้งทำให้เจ็บปวดจนถึงเลือดตกยางออก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นโดยน้ำมือของคนที่มีพลังล่ะ อาจใช้การสะกดจิต
ควบคุมร่างกายของเธอให้มีปฏิกิริยาไปตามนั้นโดยผ่านวัตถุเป็นสื่อ ไพ่แจ็คใบที่เธอหยิบติดมือมานั้น
อันตราย แทนที่จะได้อะไรจากมันกลับจะตกเป็นเบี้ยล่างมันเสียอีก
ทางที่ดีควรจะเก็บมันไว้ก่อนแล้วลองหาทางอื่นดู

วาริชกลับมาพร้อมกล่องพยาบาลแบนๆพกพาง่าย พบว่าคนไข้จำเป็นไม่ดื้ออย่างที่คิดเมื่อเขาขอทำแผล
ชายหนุ่มทำความสะอาดรอยเลือด เช็ดแผลให้เบามือ อันที่จริงเขาตั้งใจจะทำให้แผลทุเลาลงด้วยพลัง
ที่ซ่อนเร้นอยู่ของตนเอง แต่ก็กลับต้องประหลาดใจ
“แปลก เหมือนไม่มีแผล อย่างมากก็เป็นแค่รอยข่วนเท่านั้น แต่รอยของมันซ้อนทับไปบนรอยสักของคุณ
ปีกผีเสื้อนี่สวยมาก แต่ลายของมันดูเหนือจริงแล้วก็ลวงตาชอบกล”

“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดเป็นแผลแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวหลับตา
มือวาริชเบามากยามที่เขาเช็ดแผลและทายา สัมผัสผ่านสำลีละมุนนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงสีน้ำเงินหนักแน่น
ที่ห่วงใย ใส่ใจ และปนเปด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ไม่ว่าอย่างไรความรู้สึกทั้งหมด
ก็เป็นอารมณ์ทางบวกที่ไม่ได้เสแสร้งแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนี้ห่วงเธอจริงๆ แม้จะเพิ่งพบกัน
แต่ความรู้สึกที่เขาส่งผ่านมานั้นบอก ว่าเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี

“นี่มันแปลกมากเลย ทำให้ผมนึกถึงสติกมาตา”

“รอยแผลศักดิ์สิทธิ์หรือคะ ที่มักจะเกิดกับผู้มีศรัทธา จู่ๆก็เป็นแผลเหมือนตะปูตอกมืออย่างตอน
พระคริสต์ถูกตรึงกางเขน บางรายเป็นซ้ำเป็นซากอยู่ตรงที่เดิมอย่างนั้น” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ
“บังเอิญว่าฉันไม่ค่อยได้เชื่ออะไรอื่นนอกจากเชื่อในตัวเองเสียด้วยสิ”

“ไม่ได้ลบหลู่นะ แต่หมอก็คือหมอ ผมว่าแผลพวกนั้นเกิดขึ้นเพราะคนเราสะกดจิตตัวเองในระดับลึก
จากไม่เจ็บไม่ไข้ เราก็ทำให้ตัวเองเจ็บได้ หรือจากเจ็บก็ทำให้หายเจ็บเหมือนไม่เป็นไร
อย่างคนทรงที่เอาเหล็กแหลมแทงทะลุลิ้นนั่นไง”

“ค่ะ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ร่างกายเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้ตามสภาพจิต ตามความคิดของเรา”
วนัสสาถอนใจ หรือมันอาจจะเกิดจากความคิด ความรู้สึกที่มีคนป้อนให้ และเธอก็เป็นแค่ตัวรับชั้นดี
นี่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เป็นความสามารถพิเศษและจุดอ่อน ต่อไปนี้เห็นทีจะต้องระวังตัวยิ่งกว่าเดิม

วนัสสายังไม่อยากให้วาริชรู้ถึงขั้นว่าตนไปเก็บเอาไพ่มาและเห็นชายคนหนึ่งในฝันพูดกับเธอ
ขณะที่วาริชหันไปเก็บข้าวของลงกล่องแบนๆใบเล็กเกินตัวเขาไปมาก หญิงสาวเอื้อมไปสัมผัสแผ่นหลัง
พบว่าเขาแปะผ้าก็อชบางๆให้เรียบร้อย จึงติดกระดุมเสื้อให้ตนเองจนถึงเม็ดสุดท้าย
ก่อนหมุนตัวกลับไปมอง ชายหนุ่มหันมาเห็นคนน่ารักท่าทางดื้อดึงกำลังทำตากลมโต
เหมือนลูกสุนัขเล็กๆที่รู้สึกสับสน ภาพนั้นทำให้เขาหัวเราะห้าวๆในคอ
ก่อนจะวางมือใหญ่ลงบนศีรษะของเธออย่างปลอบประโลม

“บางทีฉันก็ไม่รู้ ว่าตัวเองคิดถูกไหมที่มาที่นี่” วนัสสาเล็งเห็นในดวงตานั้น
ว่าเขาเข้าใจความหมายแห่งคำพูดของเธอ เขาเข้าใจดีว่าที่นี่มีอันตราย

หญิงสาวหลับตาแน่น ยอมให้วาริชวางมืออบอุ่นบนศีรษะต่อไป ก่อนหน้านี้
ในช่วงเวลาสองเดือนที่หลงลืมไป เธอมั่นใจว่าเคยรู้จักเขามาก่อน แต่จะคบกันในฐานะอะไร
“ฉันดีใจนะ ที่มีหมอริชอยู่ด้วย...”

“คุณหนูวนัส ผมก็ดีใจที่มีคุณ ทำให้บ้านหม่นๆนี่สดใสขึ้นเยอะเลย ว่าแต่คุณช่วย...แทนตัวเองว่าวนัสได้ไหม
ฉันมันดูไม่สนิทยังไงไม่รู้”

“ไม่ตกลงค่ะ แบบนี้นี่แหละเป็นกันเองสุดแล้ว” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นชายหนุ่มแกล้งเบ้ปากอย่างขัดใจ
“...คุณอาจว่าฉันเหมือนตุ๊กตา แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ชักไปทางไหนก็ไปหรอกนะ เอาไว้ถ้าฉันเป็นแฟนคุณ
เมื่อนั้นค่อยมาเรียกร้องใหม่แล้วกัน”

“พูดอย่างนี้ท้าผมหรือไง” วาริชคำรามเบาๆในคอ

“ไม่ใช่ค่ะ พูดอย่างนี้คือพูดเล่นต่างหาก”
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน



นี่มันยังเพิ่งเช้ามืดด้วยซ้ำ แต่ครามหัวเสียที่เขากลับต้องลุกจากเตียงนอนทั้งที่เมื่อคืนนอนดึก
เพราะดันมีโทรศัพท์ด่วนเข้ามา แล้วเขาก็ต้องออกไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ถึงรีบร้อนอย่างไร
ชายหนุ่มก็ยังไม่ลืมใช้เวลากับเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดีตลอดตามประสาเคยชินของคนเป็นดีไซเนอร์
ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปอย่างขุ่นมัวเพราะนอนไม่เต็มตื่น แต่พวกถวายชีวิตจิตใจให้งานอย่างเขา
ปล่อยให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเป็นไปโดยไม่ยื่นมือไปจัดการด้วยตนเองไม่ได้แน่

‘ว่าไงนะ...นางแบบที่เราติดต่อไว้ชิ่งหนีงานไปละหรือ’

‘ค่ะคุณคราม เจ๊เองก็อยากตายเหมือนกัน ข่าววงในบอกว่าชีท้องกะทันหัน แต่กะทันหันที่ว่านี่
อาจจะสี่ซ้าห้าเดือนเข้าไปแล้วนะคะ อู๊ย-- แปลว่าตอนรับงานก็ต้องรู้ตัว แต่ดูเหมือนตอนนี้สามีลับๆเขา
เกิดจะรับผิดชอบขึ้นมา เลยสั่งงดงานทุกสิ่งค่า--- ใครจะเดือดร้อนจะเป็นจะตายก็ช่างหัวละ
รวยเสียอย่าง คิดว่าใช้เงินเคลียร์ได้หมด’

ก็จะมีงานใหญ่พรุ่งนี้อยู่แล้ว จะหาใครมาแทนได้ถูกใจทัน สำหรับชุดฟินาเล่ ชุดเด่นชุดสุดท้าย
ที่เตรียมไว้เป็นทีเด็ด ตัวชูโรงของคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่อุตส่าห์สร้างสรรค์ขึ้นมา


ชายหนุ่มปิดประตูห้องเรียบร้อย แล้วก็พลันเห็นประตูห้องชุดถัดไปที่อยู่ติดกันเปิดออก
ครามแน่ใจว่านั่นคือห้องของผู้หญิงที่เหมือนตุ๊กตาคนนั้น...วนัสสา แต่คนที่ออกมากลับเป็นหมอหมาผู้มีวาจา
ชวนเขม่น เขาส่ายหน้ากับตัวเอง ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ อารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่แล้วกลับพลุ่งแรง
อย่างไร้สาเหตุ ในขณะที่วาริชก็หันมาเห็นเช่นกัน เขารู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังจะแสดงสีหน้าหรือกิริยากวนโทโส
อย่างใดอย่างหนึ่งถ้าวนัสสาไม่ตามออกมาอีกคน หึ คงจะออกมาส่งกันพิรี้พิไรอีกรอบ... ครามถอนใจฉุนๆ
ขบกรามหันจากไปเสียเพราะไม่อยากจะเห็นภาพอย่างว่า

เด็กอะไร นึกว่าน่ารัก ดูก็รู้ว่าเพิ่งรู้จักหมอนั่นก่อนรู้จักเขาไม่กี่วัน...
นี่คงพากันเข้าห้องไปตั้งแต่ขึ้นมาจากชั้นใต้ดินโน่นแล้ว
ตอนนั้นที่เขายืนมองอยู่ ปรากฏตัวให้เธอเห็นแวบหนึ่งด้วยซ้ำ แต่คร้านจะอยู่รอดูผล
จึงเป็นฝ่ายกลับเข้าห้องก่อน หรือเรียกง่ายๆว่าสลายร่างจิตของตนลงเสีย ถ้าลงสองคนนั้น
อยากจะสนิทสนมกันขนาดนี้ ไม่พักห้องเดียวกันไปเลยหมดเรื่องหมดราวล่ะ แต่ว่าไม่ได้เหมือนกัน
ต่อไปอาจยุบรวมเหลือห้องเดียว

ครามก้าวยาวๆเลี้ยวจากปีกซ้ายไปตามทางที่จะพาสู่บันได ตอนเขากำลังจะไปถึงบันไดขั้นแรกอยู่แล้ว
พลันมีเสียงคนวิ่งตามมาถึงพอดี

“คุณคราม... มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะ”

เสียงนั้นเรียกให้ชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะผินหน้ากลับไปแบบครึ่งๆแล้วเอ่ยตอบ
“หมายถึงอย่างไหนล่ะ ผมเห็นผู้ชายคนนั้นออกมาจากห้อง แล้วเธอก็ตามออกมาส่ง
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น หรือไม่ใช่” ครามคิดว่าหากจะเรียกเด็กสาวคนนี้ว่าคุณ ดูออกจะเป็นการ
ให้เกียรติมากไปสักหน่อย เธอมันก็แค่เด็กใจแตก ตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
ก็เจอในที่เที่ยวกลางคืนอย่างว่า เขาไม่น่าจะลืมคิดไปเลย

วนัสสากระตุกคิ้วขมวด ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเมื่อวาริชเดินเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วเธอจะต้องทนไม่ได้
ผลุนผลันวิ่งตามผู้ชายอีกคนหนึ่งมาเพื่ออธิบายว่าตนไม่ได้มีอะไรกับอีกคนอย่างที่เขาเข้าใจ
ทั้งที่คนอื่นจะคิดยังไงเธอก็ไม่เห็นต้องแคร์จนออกอาการร้อนรนอย่างนี้ ยิ่งเมื่อฝ่ายนั้นถอนหายใจ
อย่างระอาและหันกลับ เริ่มก้าวลงบันได ร่างกายที่ขยับไปเองของวนัสสาก็ก้าวตามไปถึงที่
ยึดข้อมือของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองของเธอ

“เดี๋ยว! ฉันกับวาริชไม่ได้มีอะไรกัน เขาแค่เข้าไปทำแผลให้ ก็เท่านั้นเอง”

คราวนี้ครามหันไปสบตาคนตัวเล็กที่ทำอุกอาจกับเขาเต็มตา เขาอยู่บนบันไดขั้นเตี้ยกว่า
ส่วนเธออยู่บนขั้นเหนือขึ้นไป ทำให้ระดับสายตาของทั้งคู่แทบจะพอดีกัน ชายหนุ่มเห็นความสับสน
และประหม่าในดวงตาคู่นั้น แต่ก็ไม่คิดจะช่วยเธอเลย ครามหลุบตาลงมองมือขาวบอบบางที่กุมมือเขาไว้
เอ่ยเสียงเย็น “ผมไม่ชอบให้คนไม่สนิทมาจับตัว”
เมื่อมองดวงหน้าจิ้มลิ้มนั้นแดงเรื่อก่อนที่เจ้าตัวห่อปากน้อยๆค้างอยู่อย่างนั้นแล้วเขาเกือบจะใจอ่อน
มือนุ่มนิ่มที่กอบกุมทั้งมือและข้อมือของเขาไว้ลังเลคล้ายจะปล่อย แต่กลับเป็นบีบกระชับแน่นเข้า
ทำให้ชักมือออกโดยง่ายไม่ได้ แต่มันก็แค่เกือบทำให้ใจอ่อน ครามจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้มายุ่มย่าม
อะไรกับเขาด้วยอีกคน

“วนัสสา เธอปล่อยมือผมได้แล้ว...”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2556, 08:03:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2556, 08:03:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1372





<< ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู (จบบท)   ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา(...ต่อ) >>
อสิตา 9 ส.ค. 2556, 08:06:57 น.
คุณสุขุมวิท66 – เรื่องความทรงจำหาย...ก็คล้ายๆอย่างนั้นมั้งคะ เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้
เดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่อง ^3^

คุณพันธุ์แตงกวา – ไปเยี่ยมหมอหมาที่อีกเรื่องนึงมาเป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้สถานะหัวใจรักคนไหน
หนุ่มคนที่เหลืออีกคนว่าจะทิ้งช่วงหน่อย ไม่อยากให้เรียงออกมาแบบแคทวอล์คมากไป อิอิ

คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – ครามทะลุกำแพงไปดูลาดเลาโยไม่มีใครเห็นไงคะ ส่วนเบ็น...ละไว้ในฐาน
ที่ยังลึกลับต่อไป หมอริชก็ทำตัวน่ารักเรื่อยๆ ระวังหัวใจไว้ให้ดีๆ ^0^

คุณภาวิน – ขอบคุณที่มาให้กำลังใจ ส่งข้าวส่งน้ำให้หมอหมา(แมว)วาริช

คุณเลิฟหมวย – จำไม่ได้เลยค่ะว่าในแฮรี่มีตัวละครชื่อนี้ น่าจะเล่มท้ายๆ มีที่อ่านข้ามไป
หล่อเท่าครามไหมคะ อันนี้เลือกมาเพราะ “อินดิโก้” เป็นเฉดหนึ่งของสีน้ำเงินค่ะ แล้วก็เป็นชื่อพันธุ์ไม้
อันที่จริงดอกไม่น้ำเงินเสียทีเดียว แต่เอาไปสกัดทำสารย้อมน้ำเงินแบบที่เรียกว่าผ้าย้อมครามได้
ของไทยก็มี (วันนี้คนเขียนมาเล็คเชอร์)

คุณซันซี๊ดดดด – ครามก็ยังคมเฉี่ยวและหน้ามึนต่อไป คนเขียนก็ชอบแบบนี้นะ แต่อย่าทิ้งขว้างหมอริชเลยน่า
เก็บไว้ข้างใจอีกคน -..-

คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางนิ่มเป็นพวง – ไม่ชอบหนุ่มYเหรอคะ คนเขียนได้หมด...เอ๊ยไม่ใช่ จริงๆก็ชอบคู่หนุ่มกะสาว
มากกว่าแต่รักไม่มีพรหมแดนนี่น้า ตอนจบวาริชแต่งกับครามแน่นอน

คุณโกลเด้นซันอาทิตย์ผ่องอำไพ – คนชอบแมวเต็มเลยนะคะ คนเขียนก็บ้าแมว(ในจินตนาการ) เพราะเป็นภูมิแพ้
เลยต้องเลี้ยงไว้ในหนังสือแบบนี้ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว อีกสองคนที่เสริมเข้ามาก็ได้ใช้แน่ค่ะ ปกติไม่มีตัวละครที่
ออกมาทิ้งเปล่า ส่วนดาหวันนับว่ามีบทเด่นทีเดียวต้องจับตาเธอไว้ดีๆ

คุณบุลินทร – มีการแวะมากดไลค์ ไม่มีเวลาอ่านสินะ เจ๊เข้าใจ ตั้งหน้าเขียนกันต่อไปปปปป

คุณเฟอร์หางกระเดิด – มะม้าชอบๆๆๆ เวลาเฟอร์ตอบยาวๆ คลั่งๆๆ เป็นไงล่า...ออร่าพี่ครามไม่เบานะ
ขนาดยังไม่สำแดงกระไรมาก อีกคนยังหวงไว้ก่อน สองคนนี้จะรักใครก็รักไปเลยสักคน อีกคนออก
ค่อยรักเพิ่มนะ มะม้าตอบไว้ข้างบน ยกลงมาอีกทีก็ได้ {“อินดิโก้” เป็นเฉดหนึ่งของสีน้ำเงิน แล้วก็เป็นชื่อ
พันธุ์ไม้ อันที่จริงดอกไม่น้ำเงินเสียทีเดียว แต่เอาไปสกัดทำสารย้อมน้ำเงินแบบที่เรียกว่า
ผ้าย้อมครามได้ของไทยก็มี (วันนี้คนเขียนมาเล็คเชอร์)} หนังอีเวนท์โฮไรซอนอะไรมะม้าเกิดไม่ทันหรอก
แต่ๆๆๆมะม้าก็เคยดู อะ อันนั้นมันอะหยังมีชีวิตนะ? ยานรึเปล่า ...บ้านมีชีวิต นึกถึงแต่โดเรม่อน
มะม้าเป็นแฟนพี่โดร่าคุง

คุณนณกร – ตามเหมียวน้อยมาอ่านจนได้ ดีใจจังเลย ถ้าว่างแวะมาอีกนะคะ จะส่งหนูอัคไปเยี่ยม
จะเอาอัคนิ หรืออัครา เลือกมาเลย เสือขาวตัวน้อยๆ

คุณแพทแมวมาปิดท้าย – มาช้ายังดีกว่าไม่มา ...ลึกลับ ซับซ้อนสไตล์อสิตาค่ะ
เรื่องนี้ตั้งใจวางพล็อตมากมาย ใช้พลังงานไปมาก ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะเคอะ


ภาวิน 9 ส.ค. 2556, 08:51:21 น.
พ่อคราม ดอกไม้สีน้ำเงินที่ออกจะสำอางค์และไว้ตัว ระวังจะเสียหนุ่มในคฤหาสน์หลังนี้นะ หึ หึ


lovemuay 9 ส.ค. 2556, 14:48:33 น.
+55 อินดิก้ในแฮร์รี่ไม่หล่อเลยค่ะ เป็นหนุ่มวัยกลางคน ผอมสูง ใส่แว่น มีเคราแพะ ผิดกะพี่ครามของเราหล่อและบุคคลิกพระเอกได้อีก


ดังปัณณ์ 9 ส.ค. 2556, 14:54:33 น.
ง่าเอาแล้วไง #หมอหมา เอ๊ย หมอริช ต๊ายคนน่าเอ็นดูทำอะไรก็น่ารัก 555+ ยอตัวเองก็เป็นนะหมอริชนะ #วนัสสา อ๊ะ! ไหมล่ะ เอียงๆมาทางอิตาครามแล้วๆๆๆๆๆๆ #อินดิโก้ พ่อครามจ๋า น่ารักอ่ะ ออกแนวขี้งอนนะเรา ว่าแต่ คุณแป้ง สามเส้าใช่มะเนี่ย ไม่น้า ไม่รู้จะเลือกใคร เอ่อ....อิน ฟินจัดคร้าาาาาาาาาาาา ฮิ้วววววววววว


พันธุ์แตงกวา 9 ส.ค. 2556, 18:29:04 น.
วันนี้หมอริชน่ารัก แต่ตอนท้ายคุณครามก็มีเสน่ห์น่าติดตาม ว่าแต่เรื่องนางแบบขาดงานนี่มันอินเทรนเหมือนกันนะ555+


goldensun 9 ส.ค. 2556, 20:00:11 น.
หมอริชตอนนี้ นอกจากขี้เล่น ชอบแกล้ง ยังใส่ใจ ดูแลอีก แต่หนูวนัสท่าทางจะรับแค่ความปรารถนาดี แค่หนุ่มครามมองแบบเข้าใจผิด รีบตามอธิบายเลย แต่อย่างว่า หมอริชก็เหมือนแค่ลองเชิง ส่วนครามนี่ดูไม่ใส่ใจเลย จะว่าใครทำคะแนนกับวนัส ก็เลยว่าไม่ถูก แต่ฝันที่ได้เลือดจริงๆ นี่ ดูหนุ่มในฝันชักจะน่ากลัว


Zephyr 10 ส.ค. 2556, 09:14:05 น.
มะม้า เริ่มจะชี้นำความไม่เท่าเทียมละนะ
ต่ครามมีไรดี ทำไมวนัสจะต้องตามไปอธิบายด้วยล่าาาา รึจะมีซัมธิงๆๆๆๆ
แล้ว ดอกไม้ของเธอ นวาระ แปลว่ากุหลาบ ตั้งใจขิมิเนี่ย ประมาณว่าบอกแล้วไม่สนใจเอง รึป่าว
เอ หรือแค่เปรียบเปรยให้มึนเล่นๆ มะม้ายังชอบแกล้งเหมือนเดิมน้า แต่ ตอนอัคน้อย
พระเอกก็มิได้ออกคนแรก
ฮ่าๆๆๆ งั้นหมอวาริช ตัดทิ้ง อ่าวววววว ให้ตกแคนดิเดทเลย ชิชิชิชิ
ใครทำวนัสเป็นแผล น่ากลัวน้าาาาา นอนๆอยู่เลือดออกเต็มหลังเนี่ย อึ้ยยยยยย


Sukhumvit66 10 ส.ค. 2556, 11:50:05 น.
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วคิดถึง นวาระ ซะงั้น
"ดอกไม้ของคุณ"


Pat 10 ส.ค. 2556, 12:52:57 น.
จากอ่านความรู้สึกของหนูวนัส คิดว่าตัดหมอริชล่ะ ครามกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังไม่ออกน่าลุ้นกว่า(หรือเปล่า)


sai 10 ส.ค. 2556, 13:36:48 น.
ปริศนาในใจช้านนนน เออ ปมมาเรื่อยๆเลยนะคะ แกะน้อยเริ่มมึน รักคนไหนดีเนี่ยยยยย


ree 13 ส.ค. 2556, 17:37:06 น.
ใช้สรรพนามเรียกผู้หญิงว่าเธอนี่ ให้รู้สึกว่าคนพูดสาวยังไงก็ไม่รู้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account