กามเทพเจ้าเสน่ห์ (ภาค 3 ของมธุรัตน์เสน่หากับเพียงใจเสน่หา)
"หลังจากแอบรักเจ้านายมาหลายปีดีดัก ฟ้าก็ส่งกามเทพมาช่วยให้นีราภาสมหวัง เดี๋ยวนะ! กามเทพหรือซาตานร้ายกันแน่ คนอะไรปากร้ายนิสัยเสีย แถมยังหล่อล่ำกล้ามฟิต เซ็กซี่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นี่มันตัวอันตรายชัดๆ!!!"

สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากเงียบหายไปเป็นปี
ก็ได้เวลาเปิดตัวหนุ่มเพลย์บอยปากร้าย นิสัยกวนส้น
น้องชายคนสุดท้องของหนุ่มๆ ในซีรีย์แสนเสน่หาแล้วค่ะ

ใครที่จำไม่ได้เรามาทวนความจำกันสักนิดนะคะว่านอกจากพิมลตราน้องสาวคนเล็ก พี่น้องตระกูลนี้ยังมีใครบ้าง

พี่คนโต – พัลลภ จิตแพทย์หนุ่มหล่อ ฉายาเทพบุตรซาตาน พระเอกของ ณัฐมลหรือยัยแป้งรั่ว ในเรื่อง “เพียงใจเสน่หา”

http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=733032

พี่ชายคนรอง – พลวัต เจ้าของไร่นายพฤกษ์ หวานใจของแปลกอย่าง มธุรัตน์ ในเรื่อง “มธุรัตน์เสน่หา”

http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=680850

และสุดท้าย พี่ชายคนเล็ก – พศวีร์ สถาปนิกหนุ่ม มาดเพลย์บอย นิสัยปากไว หัวใจรักอิสระ ที่จะมารับบทกามเทพสุดเซ็กซี่ ดีกรีป๋า ให้กับนางเอกในเรื่องค่ะ จะหล่อแซ่บกวนประสาทแค่ไหน เชิญรับชมได้เลย

หมายเหตุ 1. เล่ม 1 เล่ม 2 วางแผงนานมากแล้วนะคะ หาซื้อตามร้านอยาจจะยากหน่อย แนะนำให้สั่งทางเว็บไซค์นี้ค่ะ ได้ลดเยอะด้วย ส่งฟรีอีกต่างหาก http://www.lightoflovebooks.com/

หมายเหตุ 2 ภาคของหมอครามกับหมอชา ที่เป็นตัวรองในเรื่อง เพียงใจเสน่หา จะเขียนหลังจากนี้ค่ะ ของปิดตัวหลักที่เป็นพี่น้องกันก่อน



ขอบคุณนักอ่านที่ท่านที่ให้การติดตามและต้อนรับกันด้วยดีเสมอมานะคะ ซีรีย์นี้มีทั้หมด 5 เล่มค่ะ จะพยายามปิดให้ได้ภายในสิ้นปีหน้านะคะ

ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วถูกใจ รบกวนกดไลค์ที่แฟนเพจให้ได้ไหมเอ่ย ขอบคุณมากค่า www.facebook.com/nomekaa


Tags: ภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หากับเพียงใจเสน่หา ซีรีย์แสนเสน่หา โรแมนติก คอมเมดี้ ฮาปนทะลึ่ง พระเอกปากร้าย กวนประสาท เพลย์บอย บริษัทก่่อสร้าง สถาปนิกหนุ่ม เลขานุการสาว หลงรักเจ้านายตัวเองข้างเดียว อ่านสบาย คล

ตอน: บทที่ 1 เรื่องกลุ้มใจของเลขานุการสาว

บทที่ 1 เรื่องกลุ้มใจของเลขานุการสาว

‘มนุษย์เงินเดือน’ คืออีกหนึ่งคำเรียกขานของบรรดาพนักงานบริษัทตาดำๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ นีราภาเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์เงินเดือนเหล่านั้น วงจรชีวิตของเธอไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ที่ต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่ไก่โห่และทำงานหนักชนิดที่แทบจะไม่คุ้มกับค่าตอบแทน

ปัญหาของมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่นั้นถ้าไม่ใช่เรื่องเงินก็มักจะเป็นเรื่องงาน แต่ปัญหาหนักอกของนีราภาในขณะนี้กลับเป็นเรื่องคน เธอมีปัญหาค้างคาใจกับผู้ร่วมงานมานานหลายปีดีดักแล้วและวันนี้คือวันที่จะต้องเปิดอกคุยกันให้รู้เรื่อง แม้ว่าผู้ร่วมงานคนนั้นจะเป็นคนที่อนุมัติจ่ายเงินเดือนให้เธอทุกเดือนก็ตาม

หญิงสาวทบทวนคำพูดที่ซักซ้อมมาอย่างดีอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเข้าไปในออฟฟิศอย่างมาดมั่น แล้วเปิดประตูห้องทำงานที่ใช้ร่วมกับเจ้านายมากว่าห้าปีอย่างไม่ลังเล

“มาเช้าจังเลยนะนีราภา” เจ้านายสุดหล่อทักทายด้วยรอยยิ้มทั้งที่ตัวเธอยังไม่ทันก้าวพ้นกรอบประตูเข้าไปด้วยซ้ำ

พอได้เห็นเสี้ยวหน้าของเขาความมั่นใจมันก็หายไปกว่าครึ่ง กระนั้นหญิงสาวก็ยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เธอก็จะต้องยื่นเรื่องลาออกให้จงได้

‘บอสคะ ดิฉันขอลาออกค่ะ ดิฉันทำงานที่นี่ไม่ได้อีกแล้วเพราะดิฉันหลงรักบอส’

ประโยคที่ท่องมาแทบตายดังก้องอยู่ในหัว แต่ปากมันกลับขยับไปเป็นคนละเรื่อง

“ถึงจะเช้าแต่ก็ยังสายกว่าบอสนะคะ”

นีราภาแอบหยิกตัวเองอย่างขัดใจขณะมองใบหน้างัวเงียของเจ้านายหนุ่ม เขายังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมอยู่แสดงว่าคงจะทำงานโต้รุ่งอีกแล้ว ระยะนี้ธนกฤตกรำงานจนดูซูบผอมลงแต่ก็ยังดูหล่อเหลาในสายตาของเธอ

หญิงสาวหลงรักเขาตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครงาน มันคือรักแรกพบที่เธอเองก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดจึงหลงเพ้อไปกับเขา รู้เพียงว่าเธอทำทุกอย่างได้เพื่อผู้ชายคนนี้ ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกในใจยิ่งหยั่งรากลึกและทวีความรุนแรงขึ้น ทว่าเจ้านายสุดประเสริฐกลับไม่เคยมองเธอเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากลูกน้องคนสนิท

หญิงสาวคอยติดตามเขาในฐานะเลขานุการผู้ซื่อสัตย์และทาสรักที่ไม่เปิดเผยตัว ตั้งแต่เป็นสาวใสวัยยี่สิบต้นๆ จนบัดนี้อายุมันชักจะขยับมาใกล้เลขสามเต็มทน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจ้านายก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ายังไม่เลิกหายใจเข้าหายใจออกเป็นเขา มีหวังเธอได้ขึ้นคานไปทั้งชีวิตแน่

นีราภาอยากจะไปให้พ้นสภาพนี้ อยากหางานใหม่ทำ มองหาความรักครั้งใหม่ ที่ไม่ต้องปิดบังความรู้สึก แต่ก่อนจะตีปีกจากไป เธอจะต้องสะสางสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ให้เรียบร้อยเสียก่อน

“บอสพอมีเวลาไหมคะ ดิฉันมีเรื่องจะพูดด้วยค่ะ” หญิงสาวรีบเปิดประเด็นก่อนที่ตัวเองจะเปลี่ยนใจ

“เอกสารที่ให้เซ็นอนุมัติเมื่อสองวันก่อนใช่ไหม ขอโทษจริงๆ เซ็นให้ช้าไปหน่อย เมื่อคืนผมอ่านเรียบร้อยแล้ว เอาไปให้แต่ละแผนกได้เลย”

ธนกฤตว่าพลางหอบเอกสารทั้งหมดไปไว้ที่โต๊ะสำหรับเอกสารขาออก

“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะบอส” นีราภาแย้งอย่างอ่อนใจ

นอกจากเรื่องงานแล้วเจ้านายของเธอแทบไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลยจริงๆ

“สัญญากับบริษัทเคทีมีปัญหาเหรอ ช่างเถอะ…เดี๋ยวค่อยคุยกัน ผมอยากได้สรุปประชุมของอาทิตย์นี้ทั้งหมด ขอด่วนที่สุดเลยนะ แล้วช่วยทวนตารางงานวันนี้ให้ผมที เออใช่! ผมหาปากกาด้ามโปรดไม่เจอ คุณเห็นบ้างหรือเปล่า”

ฟังแล้วนีราภาก็ฉุนกึก ถึงสีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปจนนิดเดียวแต่ในใจนั้นเริ่มเดือดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

‘เจอหน้าก็เอาแต่สั่งเลยนะ อีตาบ้า! เคยคิดถึงความรู้สึกกันบ้างไหม’

นีราภาใช้เวลาสะกดอารมณ์อยู่ราวห้าวินาที ก่อนจะตอบคำถามเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างที่เคยเป็นอยู่เสมอ

“สัญญาไม่มีปัญหาค่ะ ดิฉันเอาเข้าแฟ้มเตรียมมาให้บอสดูแล้ว สรุปประชุมอยู่บนโต๊ะทางขวามือบอสแล้วนั่นไงคะ ตารางงานวันนี้ ดิฉันพรินต์ออกมาให้แล้ว บอสเอาแฟ้มทับไว้อยู่ค่ะ จะให้อ่านให้ฟังตอนนี้เลยก็ได้นะคะ ส่วนปากกาก็อยู่ในกระเป๋าเสื้อไม่ใช่หรือคะ”

ได้ฟังการตอบคำถามยาวเหยียด ธนกฤตก็ตบมือให้อย่างชื่นชม

“เพอร์เฟกต์ สุดๆ ไปเลยนีราภา ขอบใจนะ”

เจ้านายสุดหล่อไม่พูดเปล่าแต่ยังส่งยิ้มราวเทพบุตรมาให้ เจอยิ้มแบบนี้มาตลอดห้าปี แต่นีราภาก็ยังไม่มีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นเลยสักนิดเดียว เห็นทีไรเป็นต้องใจเต้นโครมครามทุกทีไป

เธออยากจะบอกเจ้านายเหลือเกินว่าที่เตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม ก็เพราะว่าวันนี้เธอจะลาออก แต่พอหญิงสาวจะอ้าปากพูดเรื่องในใจ เขาก็ชิงพูดเรื่องอื่นตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน

“หิวจัง สั่งอะไรมาให้ผมหน่อยสิ” ชายหนุ่มลูบท้องป้อยๆ เขาทำงานเพลินเลยลืมเรื่องกินไปเสียสนิท

“ดิฉันสั่งให้ก่อนขึ้นมาแล้วค่ะ เห็นรถจอดอยู่ เลยเดาว่าบอสคงทำงานโต้รุ่ง”

“คุณนี่แสนดีที่สุดเลยนีราภา ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกคุณ”

ได้ยินแล้วคนหวั่นไหวง่ายก็ยิ่งเสียศูนย์หนัก คำพูดนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเขาเลือกเธอมาเป็นคู่ชีวิตอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวก็เลยเกิดอาการอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก

“แล้วเมื่อครู่คุณจะบอกอะไรผม อย่าบอกนะว่าจะลาออก ผมแย่แน่ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าชีวิตผมจะวุ่นวายแค่ไหนถ้าไม่มีคุณ”

ฟังก็รู้ว่าเจ้านายต้องการเธอในฐานะลูกน้องที่มีความสามารถเท่านั้น ยิ่งฟังหญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกเศร้า ก็เลยกัดฟันพูดไป

“ถ้าดิฉันจะลาออกจริงๆ ละคะ”

“หายนะของบริษัทเชียวล่ะ จะมีใครดีแล้วเก่งได้เท่าคุณอีก”

“คนเก่งมีออกถมไปคะ ถ้าดิฉันลาออกวันนี้ ไม่กี่วันบอสก็ได้เลขาฯ ใหม่ เผลอๆ สวยกว่า สาวกว่า แถมยังเก่งกว่าดิฉันด้วยนะคะ”

น้ำเสียงของนีราภาเริ่มออกไปในแนวประชดจนสังเกตได้ การแสดงออกของหญิงสาวมากพอจะทำธนกฤตหันมาสบตาด้วย ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินมาหาหญิงสาวที่หน้าโต๊ะทำงาน แล้ววางมือลงบนไหล่บอบบางของเลขานุการสาว

“น้อยใจอะไรมาหรือเปล่า อย่าไปฟังคำคนเลย ยังไงคุณก็สวยและเก่งที่สุดในสายตาผมอยู่ดี ขาดคุณผมคงแย่ อย่าทิ้งผมไปเลยนะนีราภา” ธนกฤตอ้อนวอน

เขาให้ความสำคัญกับหญิงสาวมากกว่าลูกน้องทุกคน เพราะนอกจากเธอจะทำงานเก่งและทุ่มเทกับบริษัทแล้ว นีราภายังอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจกันทุกอย่าง สนิทสนมกันยิ่งกว่าญาติพี่น้อง เขาจึงอยากให้เธออยู่เคียงข้าง คอยเป็นมือขวาของเขาแบบนี้ตลอดไป

คำพูดของธนกฤตทำให้คนใจอ่อนสุดแสนจะอ่อนใจ สุดท้ายแล้วเธอก็แพ้ใจตัวเองอีกครั้ง เจ้านายของเธอไม่ใช่คนปากหวาน ลองยอมพูดเสียขนาดนี้ใครจะใจร้ายลาออกได้ลง

หญิงสาวซุกจดหมายลาออกเก็บเอาไว้ในซอกลึกของกระเป๋า เช่นเดียวกับความรู้สึกที่ต้องเก็บงำเอาไว้ในหัวใจ

“พอเถอะค่ะ หยุดชมดิฉันได้แล้ว ดิฉันยังไม่ลาออกหรอกค่ะ แค่จะถามบอสว่าวันเกิดของคุณย่าบอสสัปดาห์หน้า จะให้ดิฉันเตรียมอะไรเอาไว้ให้เป็นของขวัญดีคะ”

“จริงสิ! ผมลืมไปเลย ถ้าคุณไม่เตือนคุณย่าคงน้อยใจแย่”

เจ้านายสุดหล่อหันมาส่งยิ้มหวานให้อีกรอบ ทำเอาเลขานุการสาวแอบเพ้อในใจไปหลายนาที

และแล้วนีราภาผู้น่าสงสารก็คว้าน้ำเหลวทั้งในการลาออกและสารภาพรัก ชีวิตของเลขานุการที่ต้องแอบรักเจ้านายอยู่ข้างเดียว จึงต้องดำเนินต่อไปอย่างหวานปนขมด้วยประการฉะนี้



อาการง่วงงุนที่เกิดจากการไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน ทำให้ธนกฤตคิดจะเอนหลังสักงีบหลังอาหารเช้า ชายหนุ่มบอกเลขานุการส่วนตัวว่าจะไปอาบน้ำแล้วนอนพักสักชั่วโมง จากนั้นจึงหายเข้าไปในห้องด้านหลัง

ห้องนี้จัดสรรพื้นที่เป็นสี่ส่วน ด้านหน้าเป็นห้องทำงาน ด้านหลังฝั่งซ้ายมีห้องน้ำกับมุมครัวเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหาร ส่วนทางขวาคือห้องรับแขก ซึ่งบัดนี้แปรสภาพเป็นห้องนอนไปเสียแล้ว แม้จะไม่มีเตียงแต่ก็มีโซฟาตัวใหญ่นุ่มสบายกับข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของธนกฤตอยู่ครบครัน

ชายหนุ่มผล็อยหลับไปทันทีที่ทิ้งตัวลงบนโซฟาหนัง ในขณะที่กำลังฝันหวานเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังสนั่นรบกวนการพักผ่อน เสียงเรียกเข้าบ่งบอกว่าเป็นคนในครอบครัว ธนกฤตเลยฝืนตื่นขึ้นมารับสาย พอได้ยินเสียงของคู่สนทนา เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นในทันที

“ว่าไงไอ้เสือ ตกลงมาช่วยงานแล้วใช่ไหม”

“เฮียคิดว่าไงล่ะ” คู่สนทนาถามยวนๆ ตามนิสัย

“ต้องโอเคอยู่แล้ว แกไม่ทิ้งพี่ชายปล่อยให้โดนงานทับตายหรอกจริงไหม”

บริษัทที่ธนกฤตถือครองตำแหน่งประธานบริษัทอยู่นี้เป็นบริษัทก่อสร้างที่รับงานตกแต่งภายในด้วย ชายหนุ่มรับหน้าที่ดูแลงานในแผนกก่อสร้างทั้งหมด ส่วนงานตกแต่งภายในคุณปองคุณ ลูกน้องคนสนิทของบิดา เป็นผู้รับผิดชอบ

สองสัปดาห์ก่อนคุณปองคุณต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ เมื่อขาดผู้บริหารคนสำคัญ งานเกือบทั้งหมดจึงถูกโอนมาที่เขา บริษัทนี้เพิ่งจะก่อตั้งได้หกปี พนักงานส่วนใหญ่ยังมีศักยภาพไม่พอที่จะขึ้นมาทำงานในส่วนนี้ และเขาก็ตั้งใจจะเก็บตำแหน่งเอาไว้ให้คนเก่า จึงขอร้องให้ญาติมาช่วยงาน

“บอกไว้ก่อนนะเฮียว่าแค่ชั่วคราว ไม่ได้ช่วยตลอด”

พศวีร์มีบริษัทของตัวเอง ที่ยอมมาช่วยเพราะเห็นว่าตอนนี้งานที่ทำอยู่ตัวและมีหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้ดูแล เขาเลยลาพักร้อนมาระยะหนึ่ง

“รู้แล้วน่า แต่อย่างน้อยๆ ก็ต้องสักสองสามเดือนนะโว้ย ไม่ใช่มาสามวันแล้วเผ่น”

ชายหนุ่มขู่เอาไว้ก่อนเพราะรู้ดีว่าญาติคนนี้มีนิสัยอย่างไร พศวีร์เป็นคนเก่งเข้าขั้นอัจฉริยะแต่มีข้อเสียอย่างร้ายกาจตรงที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ลองบอกว่าไม่แล้วหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนก็รั้งไม่อยู่

“เดือนแรกน่ะได้อยู่ แต่หลังจากนั้นคงต้องควบสองที่”

“ก็ยังดี แล้วจะเข้ามาเมื่อไร”

“หลังวันเกิดคุณย่าก็แล้วกันเฮีย ห้องยังแต่งไม่เสร็จเลย”

ตอนนี้พศวีร์พักอยู่ที่บ้านพี่ชายคนโตซึ่งอยู่ไกลจากที่ทำงานใหม่มาก เลยกะจะย้ายไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมใกล้ๆ กับที่นี่

“มาเร็วหน่อยไม่ได้หรือไง ตอนนี้พี่แกใกล้ตายแล้วนะโว้ย” ธนกฤตต่อรอง

“ถ้าไปทำงานสายแล้วห้ามบ่นนะ”

“แกจะมาเที่ยงเลยก็ได้ ขออย่างเดียวช่วยแบ่งงานไปบ้างเท่านั้นพอ”

ธนกฤตไม่คิดกะเกณฑ์ให้พศวีร์ทำตามระเบียบบริษัทอยู่แล้ว

“อีกสามวันจะเข้าออฟฟิศแล้วกัน ขอทำธุระก่อน แล้วก็จะไปหาแม่น้าด้วย”

‘แม่น้า’ ที่เอ่ยถึงคือ จริยา น้าสาวแท้ๆ ของพศวีร์ หญิงสาวแต่งงานกับบิดาของธนกฤตก็เลยมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของเขา

พศวีร์และธนกฤตสูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งคู่ต่างก็ได้จริยาเลี้ยงดูมาเหมือนลูกในไส้ ก็เลยสนิทกันเหมือนพี่น้อง

“ฝากความคิดถึงไปด้วยก็แล้วกัน บอกว่าเจอกันที่งานเลย”

คำพูดนี้สื่อความนัยว่าเขาจะไม่กลับบ้านอีกนาน ตั้งแต่แยกตัวมาเปิดบริษัทเองธนกฤตก็งานยุ่งจนห่างเหินกับครอบครัว กระนั้นที่บ้านก็ไม่ตำหนิเพราะมองเห็นความมุ่งมั่นที่จะก่อร่างสร้างตัว นานๆ ทีก็จะมีการถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงสักครั้ง

“อ๋อ! เฮียควงสาวไปงานวันเกิดคุณย่าด้วยล่ะถ้าไม่อยากซวย”

ธนกฤตเงียบไปเพราะไม่เข้าใจความหมาย ทุกปีเขาก็ไปลำพังเสมอไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร

“พี่โจ้แต่งงานแล้ว เหยื่อรายต่อไปจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่เฮีย” คนเป็นน้องช่วยขยายความ

ธนกฤตกุมขมับทันทีที่ได้ยิน เป็นที่รู้กันในหมู่ญาติมิตรว่าคุณย่าเป็นขาป่วนประจำครอบครัว ยิ่งตอนนี้ท่านเกษียณมาครึ่งตัวแล้ว เลยมีเวลาเหลือเฟือมาเล่นบทกามเทพถือฉมวก คอยไล่แทงหลานๆ ลงจากคาน

ก่อนหน้านี้พวกลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเขาต่างก็ทยอยแต่งงานกันไปหมดเพราะฝีมือคุณย่า บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าท่านเป็นสุดยอดกามเทพหรือเพราะพวกพี่ๆ ทนรำคาญคุณย่าไม่ไหวกันแน่ ที่รู้ชัดคือถ้านับกันตามลำดับอายุแล้ว เขาเป็นเป้าหมายต่อไปจริงๆ

“ขอบใจที่เตือนว่ะ เกือบไปแล้วไหมล่ะ”

ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเผด็จการแต่คุณย่าก็ยังมีส่วนที่น่ารัก ท่านจะไม่เข้าไปก้าวก่ายหากลูกหลานมีคนที่คบหาอยู่ แต่อย่าให้รู้ว่าโสดเชียว ท่านจับดูตัวเป็นว่าเล่นราวกับเอาใส่ตะกร้าไปเร่ขาย

“อย่าให้พลาดนะเฮีย คุณย่าฉลาดจะตาย หาคนควงไปก็ต้องเอาให้เนียนนะ ถึงเวลาหาใครไม่ได้ก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวแนะนำเพื่อนสวยๆ แอคติ้งดีๆ ให้”

ธนกฤตพึมพำขอบคุณน้องชายอีกครั้งก่อนจะวางสาย ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างใช้ความคิด เขาเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้เองว่าร้างราการคบหากับเพศตรงข้ามมานานปี แฟนคนสุดท้ายเลิกกันไปเมื่อราวห้าหกปีก่อน สาเหตุเพราะเจ้าหล่อนรับไม่ได้ที่เขาเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ ตอนนั้นเขาจำได้ว่าไม่เสียใจเท่าไร รู้สึกดีด้วยซ้ำที่จะได้มีเวลาให้บริษัทได้เต็มที่ รู้ตัวอีกทีอายุก็ปาเข้าไปสามสิบสามแล้ว

ธนกฤตเริ่มรู้สึกตัวว่าถึงแก่เวลาแล้วที่จะต้องหาใครสักคนมาเคียงข้าง แต่เขาอยากหาคนรักเองไม่อยากตกเป็นของเล่นของคุณย่า ทางเดียวที่จะรอดพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปได้คือแสร้งว่ากำลังดูใจกับใครสักคนหนึ่ง แล้วฉวยโอกาสช่วงที่คุณย่ายังไม่เข้ามาวุ่นวายมองหาคนรักจริงๆ

‘มีใครพอจะแกล้งเป็นแฟนแก้ขัดให้ได้บ้างนะ’

คิดไปคิดมาก็ต้องปวดหัวอีกรอบ เพราะนึกชื่อตัวช่วยไม่ออกแล้วจริงๆ ถ้าไม่นับญาติพี่น้อง ผู้หญิงคนเดียวที่วนเวียนอยู่ในชีวิตเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็มีแต่เลขานุการกับคนที่ทำงานด้วยกันเท่านั้น

ฉับพลันความคิดดีๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะของเลขานุการสาวทันที

“สีหน้าบอสยังดูเพลียอยู่เลยนะคะ น่าจะนอนต่ออีกหน่อย” นีราภาแนะนำอย่างเป็นห่วง

เธอได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ดังมาแว่วๆ เลยเดาได้ว่าเขาคงไม่ได้พักผ่อน

“เรื่องนอนช่างมันก่อนเถอะ ช่วยตอบคำถามผมตามตรงได้ไหม”

ธนกฤตลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ แล้วสบสายตากับหญิงสาวอย่างมีความหวัง

แววตาเป็นประกายของนายจ้างทำให้ประหม่าจนเกือบคุมสีหน้าเอาไว้ไม่ได้ กระนั้นนีราภาก็ยังรับคำได้อย่างไม่มีพิรุธ

“คุณมีแฟนหรือคนที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่หรือเปล่านีราภา”

“ไม่มีค่ะบอส” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ต่อให้ไม่หลงรักเขา เธอก็คงไม่มีเวลาไปคบหากับใครเพราะวันๆ เอาแต่ทำงานอย่างเดียว

“ดี…ดีมาก ถ้าอย่างนั้นมาเป็นแฟนผมนะนีราภา”

“ค...คะ อะไรนะคะบอส”

นีราภาถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน กับคำขอเป็นแฟนแบบปัจจุบันทันด่วน

‘นี่มันฝัน ภาพหลอน หรือบอสอดนอนจนเพี้ยน’

แม้ในใจจะตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะดีใจผสมตกใจสุดขีด นีราภาก็เลยเงียบไป ความรู้สึกของเธอตอนนี้ เหมือนกับว่าวิญญาณกำลังลอยออกจากร่าง ขึ้นไปจุดพลุฉลองบนสรวงสวรรค์ อย่างไรอย่างนั้น

“ผมบอกว่ามาเป็นแฟนผมนะ ขอร้องล่ะ ผมมีค่าจ้างให้ด้วย”

ประโยคสุดท้ายฉุดวิญญาณที่กำลังเฉลิมฉลองของหญิงสาวให้กลับเข้ามาในร่างอีกครั้ง นีราภาย่นหัวคิ้วอย่างสงสัย ว่าทำไมเป็นแฟนกันถึงจะต้องมีค่าจ้างด้วย

พอเห็นสีหน้าของหญิงสาว ธนกฤตก็เลยอธิบายเพิ่มเติมให้ละเอียดมากขึ้น โดยเล่าถึงความเจ้ากี้เจ้าการของคุณย่า ถ้าเขาไปงานวันเกิดท่านคนเดียวจะต้องโดนลากไปดูตัวทุกอาทิตย์แน่

“ช่วยแกล้งเป็นแฟนให้ผมทีเถอะนะ ได้โปรด”

“...”

นีราภาอึ้งไปเพราะพูดอะไรไม่ออก คราวนี้หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่า ถูกฉุดให้ดำดิ่งลงไปในหลุมดำที่สุดแสนจะมืดมิด

‘ฉันมันบ้าเข้าใจผิดไปเองใช่ไหม ฮือ...ไอ้บอสบ้า ฉันเกลียดแก มาให้ความหวังแล้วทำให้ช้ำใจทำไม’

แม้ในใจจะร่ำไห้คร่ำครวญเช่นไร แต่ใบหน้าของหญิงสาวกลับนิ่งสนิท จนดูไม่ออกว่าขณะนี้รู้สึกอย่างไร

สีหน้าของหญิงสาวทำให้ธนกฤตใจแป้ว นีราภาคงลำบากใจที่จะต้องโกหก เขาเองก็เห็นแก่ตัวเอง ที่มาขอร้องเธอด้วยเรื่องส่วนตัวแบบนี้

“เฮ้อ! คงไม่ได้สินะ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างผิดหวัง “ผมขอโทษนะ ที่มาพูดอะไรแปลกๆ กับคุณ นอกจากคุณแล้วผมนึกชื่อคนที่พอจะพึ่งพาได้ไม่ออกแล้วจริงๆ”

น้ำเสียงหดหู่ของเจ้านายที่รักช่วยเรียกสติของหญิงสาวให้กลับคืนมา การที่เขาพูดในทำนองว่าเธอเป็นคนแรกที่นึกถึง ทำให้หัวใจที่เหมือนโดนทำร้ายรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“ดิฉันอยากช่วยนะคะ แต่เราไม่ได้คบกันจริงๆ คงจะหลอกคุณย่าของบอสไม่ได้หรอกค่ะ”

เท่าที่ได้สัมผัสมา คุณพิณทอง คุณย่าของธนกฤตไม่ใช่คนแก่ขี้หลงขี้ลืม ท่านยังกระฉับกระเฉง ทั้งยังมีสายตาที่แหลมคม มีหรือที่คนผ่านร้อนหนาวมาไม่รู้เท่าไรอย่างท่าน จะมองไม่ออกว่าแกล้งเป็นคนรักกัน

“ถูกของคุณ ผมคิดตื้นไปหน่อย ขอบคุณที่เตือนนะ” ธนกฤตยอมแพ้โดยง่ายเพราะคล้อยตามเหตุผล

“แล้วบอสจะทำยังไงต่อคะ”

“ยังไงเหรอ? อืม...ไม่รู้สิ ตอนนี้คุณย่ายังไม่มาวุ่นวาย ผมคงไม่พูดอะไร แต่ถ้าทนแรงตื๊อไม่ไหวคงต้องหาแฟน ไม่ก็ลองไปดูตัวสักครั้ง” ชายหนุ่มยักไหล่ให้กับชะตากรรมของตัวเอง

งานที่รุมเร้าทำให้ธนกฤตลืมความกังวลนี้ไปในที่สุด ผิดกับนีราภาที่รู้สึกเหมือนวันโลกแตกกำลังใกล้มาถึง สิ่งที่เธอหวาดกลัวที่สุดในโลกไม่ใช่การถูกปฏิเสธแต่เป็นการต้องทนเห็นคนที่รักกลายเป็นของคนอื่น





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 12:30:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 12:30:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 14831





<< บทนำ   บทที่ 2 ขอมาก็จัดให้ >>
sugar 12 ส.ค. 2556, 12:44:48 น.
สนุกค่าาา


ใบบัวน่ารัก 12 ส.ค. 2556, 12:57:25 น.
สมัครเป็นแฟนแทนเลขาได้ปะ


ribbin 12 ส.ค. 2556, 16:26:32 น.
บอกไปเลยสิ ว่าโอเค ถ้าได้เป็นแฟนตัวจริง อิอิ


mhengjhy 12 ส.ค. 2556, 16:51:35 น.
ปัญหาโลกแตกนะคะ รักเจ้านายตัวเอง หาทาวออกยากจริงๆ


ChaCha 12 ส.ค. 2556, 22:37:54 น.
ชอบค่ะ เขียนกี่เรื่องก็สนุก ภาคแรกหาซื้อไม่ทัน ภาคสองตามหามาไว้ในครอบครองจนได้ ภาคสามแค่เปิดฉากก็สนุกแล้วค่ะ ^^


Zephyr 13 ส.ค. 2556, 19:36:00 น.
ชิ ก็เป็นไปซะจริงๆนั่นละ เฮีย ซื่อบื้อจริง
เดี๋ยวเค้าหายไป ตะเองจะรู้สึกขาดนะเฮียยยยย
อีกคนละ คู่ยังไม่ออกเรอะจ้ะ


goldensun 14 ส.ค. 2556, 11:14:09 น.
ทำไมบอสไม่คิดมองคุณเลขาในแง่อื่นบ้างเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account