จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย
ตอน: ตอนที่ 2 เมื่อเขาเข้ามาตอกย้ำ
สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านทุกคนนะคะ เอามาฝากอีกตอนไม่รู้ว่าจะถูกใจใครรึเปล่า ฝากด้วยนะคะ
2 เมื่อเขาเข้ามาตอกย้ำ
เป็นเพราะนาน ๆ ทีอังศุมาลินจะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เธอจึงใช้โอกาสนี้มาเยี่ยมเจ้านายที่เป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ที่เธอสังกัดอยู่
“นี่เธอเมื่อกี้ฉันเห็นแล้วนะวิศวกรคนใหม่ที่มาทำงานแทนวิศวกรคนก่อน ตัวจริงหล่อมาก หล่อพอที่จะเป็นดาราได้เลยนะ”
“จริงเหรอ เดี๋ยวฉันปิดต้นฉบับเสร็จก็จะขอแอบไปดูหน้าหน่อยเหมือนกัน”
และตั้งแต่เธอเดินเข้าสำนักพิมพ์มาก็ได้ยินคนพูดถึงวิศวกรคนใหม่ที่ว่านี่ไม่หยุดตั้งแต่ชั้นหนึ่ง จนถึงชั้นห้า
“สวัสดีค่ะพี่นิด พี่จุ๋ม”
“อ้าว! น้องอิ้งมาหายบก. เหรอจ๊ะ”
“ได้งานใหม่แล้วเหรอพี่ขออ่านบ้างสิ”
“พี่ด้วยนะ”
“ยังค่ะพี่ ๆ อิ้งมาเยี่ยมบก. เฉย ๆ ค่ะ พอดีอิ้งมาทำธุระที่กรุงเทพฯ”
อังศุมาลินรีบปฏิเสธเล่นเอารุ่นพี่ทั้งสองหน้าจ๋อยไปเลย
“เหรอจ๊ะ พี่นึกว่าจะได้อ่านงานเขียนขอนักเขียนระดับหนึ่งซะอีก”
“อุ๊ย! อย่าเรียกอิ้งว่าระดับหนึ่งเลยค่ะ แต่ว่าถ้าอิ้งเขียนเสร็จอิ้งจะเอางานมาให้พี่ ๆ อ่านแน่นอน”
“ขอบใจมาก ๆ นะจ๊ะน้องรัก”
“แม้ยัยจุ๋มถือโอกาสตีสนิทอิ้งเลยนะ จริงสิอิ้งเข้าบริษัทมาเนี่ยเห็นวิศวกรคนใหม่รึยัง”
“นี่เธออิ้งเขาจะไปมีตาไว้มองใครอีกล่ะนอกจากหมออิฐน่ะ แต่อิ้งรู้ไหมวิศวกรคนนี้แหละได้ที่ได้ขึ้นปก ดิจ๊อบวินซี้ เดือนนี้”
“แสดงว่าเขาก็ต้องเก่งมากนะสิคะ”
ดิจ๊อบวินซี้ ที่ว่าคือนิตยาสารอันดับต้น ๆ เกี่ยวกับคนมีชื่อเสียงทั่วโลกที่สำนักพิมพ์สารนิยมได้ซื้อหัวหนังสือมา
“ใช่จ๊ะ เขาติดหนึ่งในยี่สิบหนุ่มหน้าตาดีเหมาะสมกับอาชีพด้วยนะ”
ยังไม่ทันที่อังศุมาลินจะฟังจบก็หันไปเห็นคนที่มีอำนาจที่สุดในแผนกนี้มายืนอยู่ข้างหลังรุ่นพี่ทั้งสองเสียก่อน
“อิ้งมองอะไรน่ะ แต่มาฟังพี่ก่อน...”
“แฮะแฮม เมาส์จนลืมงานกันเลยนะย่ะ”
“คุณปู จะเสร็จแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
“ขอตัวด้วยค่ะ ยัยจุ๋มรอด้วย”
พอเห็นท่าทางลุกรนของรุ่นพี่ทั้งสองอังศุมาลินก็อดขำไม่ได้จนแอบลืมเจ้านายที่ยืนอยู่ข้างหลังไปเลย
“เอ้าขำเข้าไป”
“ขอโทษค่ะคุณปู สวัสดีค่ะนี่มะม่วงที่บ้านค่ะ”
“ย่ะ ไปเข้าไปคุยกันในห้องก่อน”
“ค่ะ”
หญิงสาวรีบเดินตามเจ้านายเข้าไปไหนห้อง อังศุมาลินรักและเคารพ นันธิตา หรือ คุณปูของคนที่นี่มาก เพราะเป็นคนที่ให้โอกาสเธอได้ทำงานที่เธอรักได้อย่างเต็มตัว
นันธิตาเป็นผู้หญิงเก่งและสวย ปากร้ายใจดี คนที่รู้จักแบบผิวเผินอาจจะไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้แต่ถ้าได้รู้จักกันจริง ๆ แล้วจะรู้เลยว่านันธิตาเป็นคนที่น่ารักมากถึงมากที่สุด
“นี่เอาไปอ่านเพิ่งพิมพ์เสร็จวันนี้เอง ว่าจะส่งไปให้อ่านแต่ดีที่เธอมาก่อน”
อังศุมาลินยกมือไหว้แล้วรีบรับมาดู และสิ่งที่เธอไม่อยากเชื่อก็เกิดขึ้น จนเธอแทบจะถือหนังสือนั้นไว้ไม่อยู่
“คงรู้แล้วใช่ไหมว่าหน้าปกดิจ๊อบวินซี้เดือนนี้เป็นใคร พีม พัฒนากร พงษ์พิน เป็นวิศวกร หนุ่มที่มาแรงที่สุดตอนนี้เลย พี่เห็นว่าเธอกำลังเขียงเรื่องรักนี้กำลังออกแบบ ที่เกี่ยวกับอาชีพนี้อยู่ก็เลยเอามาให้อ่าน เขาเคยอยู่จังหวัดเดียวกับเธอด้วยนะ แต่ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ชลบุรีกับที่บ้าน”
คำพูดของเจ้านายสาวไม่ได้กระทบหูอังศุมาลินเลยสักนิด เพราะ ชายหนุ่ม ผิวขาว ร่างสูง ใบหน้าหล่อเหล่า จมูกโด่งเรียวสวย ปากสีชมพูเหมาะกับใบหน้าขาว ๆ ผมหยักโซกนิดหน่อย ท่าทางดูดี ยิ้มแบบเขิน ๆ อยู่บนปก จะผ่านไปกี่ปีเขาคนนี้ก็ยังคงยิ้มแบบนี้เหรอ
‘รายชื่อนักเรียนห้อง ม. 1/1’
เลขที่1 พัฒนากร พงษ์พิน
.
.
.
เลขที่21 อังศุมาลิน บ่ออ่อน
อังศุมาลินนึกไปถึงวันที่ได้อ่านชื่อนี้ครั้งแรก ตอนนั้นเธอไม่รู้หรอกว่าเจ้าของชื่อนั้นคือใคร แต่หลังจากที่ได้ไปเข้าแถว
‘พัฒนากร’
อังศุมาลินหันไปมองที่คุณครูที่เช็คชื่อ แล้วก็หันไปเห็นเจ้าของชื่อนั้น
‘พีม’
‘อิ้งรู้จักเขาเหรอ’
ศิรินธาเพื่อนที่เจอกันตอนอบบรมถามอังศุมาลิน
‘อืม เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน เป็นแฟนเก่าเพื่อนเราที่โรงเรียนเก่าน่ะ’
และหลังจากนั้นอีกประมาณสามเดือนอังศุมาลินก็ได้มีรูปเขาครั้งแรก รูปที่เขาใส่ชุดลูกเสือแล้วยิ้มเขิน ๆ ให้กล้อง
“อิ้ง ๆ”
“คะคุณปู”
“เป็นอะไรไป เหมือนท่าทางจะเป็นลมเลยนะเหงื่อแตกซกเลย”
“เปล่าค่ะ อิ้งไม่เป็นอะไร คุณปูมีอะไรอีกรึเปล่าค่ะ”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอ พี่ว่าจะนัดเราให้ไปสัมภาษณ์เจ้าตัวเอาเองเลยนะ พี่ได้ข่าวว่าเพิ่งโสดรับรองเลยว่าเธอไม่ถูกไล่ตบเหมือนครั้งก่อนแน่ ๆ แต่ถ้าเธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แต่พี่ว่าถ้าเธอได้สัมภาษณ์เขานะงานของเธอจะต้องออกมาได้ดีแน่”
“ได้ค่ะอิ้งว่าง”
หลังจากพูดจบหญิงสาวแทบจะเอามือตบปากตัวเอง นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย เธอคิดอยากจะเจอเขาอย่างนั้นเหรอ
ไม่ที่เธออยากเจอก็เพียงแค่เรื่องงาน และเขาก็แค่เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานก็เท่านั้นแค่นั้นจริง ๆ
ที่โรงพยาบาล MBST
สร้อยคอแสนรักของอธิฐานร่วงลงพื้นและถูกเขาเหยียบไปอีกที ชายหนุ่มรีบหยิบขึ้นมาปัดรอยเปื้อนอย่างรวดเร็ว
“อิฐนั้นมันสร้อยคอแฟนนายไม่ใช่เหรอ”
อัครพลที่เดินมาด้วยกันเอ่ยถาม
“อืม ไม่รู้ว่ามันขาดได้ยังไงว่ะ”
“เอาแล้วเพื่อนแบบนี้มันลางร้ายนะเว้ย แฟนนายอยู่ต่างจังหวัดด้วยป่านนี้ไปเจอหนุ่ม ๆ ใหม่แล้วมั่ง”
“ไอ้บ้า ตอนนี้อิ้งอยู่ที่กรุงเทพโว้ย และเขาก็ไม่มีวันนอกใจฉันด้วย”
“ปกป้องกันดีจริง ๆ นะ ขอถามอะไรหน่อยสิ นายรักแฟนนายมาก หวงมากแล้วนายจะทำให้เธอสวยทำไมว่ะ นายก็รู้ว่าคนสวยน่ะเจ้าชู้”
“ก็เพราะว่ารักไง ความฝันของอิ้งน่ะคืออยากสวย ฉันดีใจที่เธอสวย และที่สำคัญฉันเชื่อใจอิ้งที่สุด”
ใช่เขาเชื่อใจแฟนสาวของเขาที่สุด เพราะที่เขาเคยเห็นไม่ว่าใครที่ไหนจะมาจีบอังศุมาลินก็ไม่เคยสนใจ ร่วมไปถึงไอ้คนที่ยืนข้าง ๆ เขาด้วย
ร้านอาหารข้างสำนักพิมพ์
ตอนนี้อังศุมาลินได้มานั่งอยู่ตรงหน้าพัฒนากรแล้ว ผู้ชายคนนี้ที่ตลอดตั้งแต่เมื่อวานหัวใจเธอเรียกร้องอยากจะเจอ แต่อีกใจก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกเหมือนครั้งนั้น
‘พีมมันจะไปเรียนต่อที่อื่น’
สุนิสาเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับอังศุมาลินบอก ตอนนั้นเธอทั้งเสียใจ และดีใจ เสียใจที่อาจจะไม่ได้เจอเขาอีก ส่วนที่ดีใจคือจะไม่ต้องเจ็บอีก
‘ก็ดีงั้นเราจะเรียนที่นี่ต่อ’
อังศุมาลินยิ้มกริ่ม
‘ถึงต่อให้พีมเรียนต่อที่นี่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่ห้องเดียวกัน เพราะพีมเขาชอบกีฬา แถมไอ้บิ๊กกับไอ้ปุ๋ยเพื่อนสนิทมันยังจะเรียนต่อกีฬาด้วย’
สุจิตาเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนเสริม
‘เนอะเราคงไม่ต้องเจ็บอีกแล้ว แต่เราสองคนต้องได้อยู่ห้องเดียวกันแน่ ๆ เลยทิพ’
วันประกาศห้องเรียน
ม.4/1
เลขที่1 พัฒนากร พงษ์พิน
แค่เพียงเห็นแค่นั้นอังศุมาลินก็เลื่อนสายตาไปมองรายชื่อห้องอื่นต่อ
‘อิ้งเราอยู่ห้องสองล่ะ’
สุจิตาพูดอย่างเสียดาย
‘เห็นชื่อเราไหมทิพ’
‘เห็น’
‘จริงสิ ห้องไหนห้องเดียวกันรึเปล่า’
เพื่อนสาวส่ายหน้า ชี้ไปที่ใบรายชื่อแรกที่อังศุมาลินดู ‘ไม่จริง’
“คนนี้ไงที่พี่อยากให้เธอพบ”
นันธิตาแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“ค่ะ”
“สวัสดีครับคุณเอ่อ...”
พัฒนากรลืมชื่อที่จะถามชื่อของอังศุมาลิน พอจะถามก็หญิงสาวก็ไม่ตอบเอาแต่มองหน้าเขาอย่างเลื่อนลอย จนชายหนุ่มต้องหันมาหานันธิตา
“อิ้ง พีมเขาถามชื่อเธอ”
“ค่ะ”
“อิ้งเธอเป็นอะไรรึเปล่าหรือว่าเธอนัดกับแฟนไว้”
พัฒนากรหยุบยิ้มทันทีที่ได้ยินว่าหญิงสาวที่เอาแต่จ้องหน้าเขาคนนี้มีแฟนเสียแล้ว และเขาก็แอบรู่สึกคุ้น ๆ กับชื่อเล่นของเธอ เขารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน แล้วก็ดวงตากลมโตสีน้ำตาลนี้ด้วย
“เปล่าค่ะคุณปู อิ้งคงหิวมั่งคะรู้สึกตาลาย”
อังศุมาลินแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับคนตรงหน้าดี
“เราเคยเจอกันรึเปล่าครับ”
พัฒนากรตัดสินใจถาม เพราะรู้สึกแน่ใจว่าต้องเคยรู้จักเธอคนนี้แน่ ๆ ส่วนอังศุมาลินพอได้ยินคำถามหัวใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ บอกไม่ถูกว่าควรจะดีใจกับคำถามที่เหมือนกับมุกจีบสาวนี่รึเปล่า
“พีมมุกจีบสาวของเธอนี่ไม่เก่าไปเหรอ”
อังศุมาลินแทบอยากจะกราบนันธิตาที่พูดได้ตรงใจเธอ
“มันไม่ใช่มุกจีบครับพี่ ถึงผมอยากจะจีบก็เถอะแต่ผมก็ไม่ชอบคนมีแฟนแล้ว แต่ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ นะครับ ผมรู้สึกคุ้น...คุ้นเอ่อ...”
ชายหนุ่มอยากจะตอบว่าคุ้นตาหญิงสาวแต่ก็ไม่กล้าพูด และเขาเองก็คิดอยากจะจีบอังศุมาลินจริง ๆ เพราะเขาชอบผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ มาก
“คุ้นอะไรเหรอ”
นันธิตาถามแทรกขึ้น อังศุมาลินก็แอบปรบมือในใจอีกครั้ง ‘ใช่เธอคุ้นอะไรฉัน’
“อาจจะดูแปลก ๆ นะ แต่ผมรู้สึกคุ้นกับดวงตาของคุณ คุณใส่คอนแทคเลนส์รึเปล่า”
พูดจบเขาก็รู้สึกตาขัด ๆ ขึ้นมา จนต้องขยิบตาแล้วขนเขาก็ลุก
อังศุมาลินยิ้มขำนึกถึงวันแรกที่เธอใส่คอนแทคเลนส์ไปโรงเรียนครั้งแรกหลังจากที่เธอใส่แว่นมาเกือบสี่ปี วันนั้นเป็นวันที่เธอเชื่อว่าคนที่ถามคำถามนี้กับเธอต้องมองเธอมากที่สุด อาจจะมากเท่ากับหกปีที่เคยเรียนด้วยกันมารวมกันเสียอีก
‘อิ้งพีมมีเรื่องจะถาม’
เพิ่มตระกูล เพื่อที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอหนึ่งถามนำให้ อังศุมาลินแทบจะกรี๊ดให้ลั่นห้องเรียน ‘พีมมีเรื่องอยากจะพูดกับเรา ๆ’
‘มีอะไร’
หญิงสาวเก็บความตื่นเต้นไว้สุดกำลัง พัฒนากรที่ไปที่ตาของหญิงสาว อังศุมาลินรู้ในทันทีว่าที่รู้สึกเหมือนมีใครมองตั้งแต่เช้าคนคนนั้นคือ...กรี๊ด
‘รู้สึกยังไง’
‘รู้สึกดี’
หญิงสาวตอบไปในทันที แต่รู้สึกว่ามันจะตอบไม่ตรงคำถาม จนเพื่อน ๆ ห้องหันมองเป็นแถว
‘เราหมายความมันรู้สึกดีกว่าใส่แว่น’
ทุกคนพยักหน้ารับรู้รวมทั้งพัฒนากร แถมชายหนุ่มยังทำท่าว่าจะแขยงกับคอนแทคเลนส์อย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะพอดีเราสายตาสั้นอยู่ข้างนอกบ้านไม่อยากใส่แว่น”
“แหม ๆ ใช้คำว่าเราเลยเหรออิ้ง”
นันธิตาแปลกใจที่นาน ๆ ทีจะเห็นรุ่นน้องใช้คำว่าเรากับคนอื่น
“มันชินค่ะคุณปู คือจริง ๆ แล้วอิ้งเคยเรียนมัธยมกับพีมน่ะคะ เรียนด้วยกันมาหกปี”
“แครก ๆ”
พัฒนากรถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม แทบไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน เพื่อนสมัยเรียนมัธยมเขาจำได้ดีว่ามีชื่ออิ้ง เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ อิ้ง คนที่ว่าน่ะ เอ่อ...ทั้งอ้วนเตี้ยและดำ
“ใจเย็น ๆ พ่อคุณเช็ดปากก่อน”
นันธิตารีบส่งกระดาษให้รุ่นน้อง
“เธอดูเปลี่ยนไปนะ”
หลังจากเช็ดปากเสร็จชายหนุ่มก็พูดในสิ่งที่คิดทันที
“จ๊ะ ก็นี่มันยุคสามจีกว่า ๆ แล้วนี่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้”
“รู้จักกันแล้วก็ดีพี่ขอตัวก่อนนะ ยัยพวกข้างบนชอบอู้ด้วยวันนี้ต้องปิดต้นฉบับด้วย”
พูดจบนันธิตาก็รีบลุกไปทันที ทิ้งให้อังศุมาลินมองตามตาปริบ ๆ
“เราไม่เจอกันนานเลยนะ”
พัฒนากรเปิดประเด็นพูดก่อน
“อืม แม้เราจะพยายามติดต่อเธอแต่เธอก็ไม่เปิดโอกาสให้เรา”
และที่อังศุมาลินกล้าพูดแบบตรง ๆ แบบนี้ก็เพราะเธอเคยสารภาพรักกับพัฒนาไปแล้วสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็ทำให้หญิงสาวเจ็บปวดด้วยเช่นกัน และหลาย ๆ ครั้งเธอก็พยายามส่งข้อความไปหาเขาทางอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่เคยได้ข้อความตอบกลับมาเลย
“นี่เบอร์เรา ต่อไปนี้เธอจะติดต่อกับเราได้ทุกเวลา”
2 เมื่อเขาเข้ามาตอกย้ำ
เป็นเพราะนาน ๆ ทีอังศุมาลินจะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เธอจึงใช้โอกาสนี้มาเยี่ยมเจ้านายที่เป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ที่เธอสังกัดอยู่
“นี่เธอเมื่อกี้ฉันเห็นแล้วนะวิศวกรคนใหม่ที่มาทำงานแทนวิศวกรคนก่อน ตัวจริงหล่อมาก หล่อพอที่จะเป็นดาราได้เลยนะ”
“จริงเหรอ เดี๋ยวฉันปิดต้นฉบับเสร็จก็จะขอแอบไปดูหน้าหน่อยเหมือนกัน”
และตั้งแต่เธอเดินเข้าสำนักพิมพ์มาก็ได้ยินคนพูดถึงวิศวกรคนใหม่ที่ว่านี่ไม่หยุดตั้งแต่ชั้นหนึ่ง จนถึงชั้นห้า
“สวัสดีค่ะพี่นิด พี่จุ๋ม”
“อ้าว! น้องอิ้งมาหายบก. เหรอจ๊ะ”
“ได้งานใหม่แล้วเหรอพี่ขออ่านบ้างสิ”
“พี่ด้วยนะ”
“ยังค่ะพี่ ๆ อิ้งมาเยี่ยมบก. เฉย ๆ ค่ะ พอดีอิ้งมาทำธุระที่กรุงเทพฯ”
อังศุมาลินรีบปฏิเสธเล่นเอารุ่นพี่ทั้งสองหน้าจ๋อยไปเลย
“เหรอจ๊ะ พี่นึกว่าจะได้อ่านงานเขียนขอนักเขียนระดับหนึ่งซะอีก”
“อุ๊ย! อย่าเรียกอิ้งว่าระดับหนึ่งเลยค่ะ แต่ว่าถ้าอิ้งเขียนเสร็จอิ้งจะเอางานมาให้พี่ ๆ อ่านแน่นอน”
“ขอบใจมาก ๆ นะจ๊ะน้องรัก”
“แม้ยัยจุ๋มถือโอกาสตีสนิทอิ้งเลยนะ จริงสิอิ้งเข้าบริษัทมาเนี่ยเห็นวิศวกรคนใหม่รึยัง”
“นี่เธออิ้งเขาจะไปมีตาไว้มองใครอีกล่ะนอกจากหมออิฐน่ะ แต่อิ้งรู้ไหมวิศวกรคนนี้แหละได้ที่ได้ขึ้นปก ดิจ๊อบวินซี้ เดือนนี้”
“แสดงว่าเขาก็ต้องเก่งมากนะสิคะ”
ดิจ๊อบวินซี้ ที่ว่าคือนิตยาสารอันดับต้น ๆ เกี่ยวกับคนมีชื่อเสียงทั่วโลกที่สำนักพิมพ์สารนิยมได้ซื้อหัวหนังสือมา
“ใช่จ๊ะ เขาติดหนึ่งในยี่สิบหนุ่มหน้าตาดีเหมาะสมกับอาชีพด้วยนะ”
ยังไม่ทันที่อังศุมาลินจะฟังจบก็หันไปเห็นคนที่มีอำนาจที่สุดในแผนกนี้มายืนอยู่ข้างหลังรุ่นพี่ทั้งสองเสียก่อน
“อิ้งมองอะไรน่ะ แต่มาฟังพี่ก่อน...”
“แฮะแฮม เมาส์จนลืมงานกันเลยนะย่ะ”
“คุณปู จะเสร็จแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
“ขอตัวด้วยค่ะ ยัยจุ๋มรอด้วย”
พอเห็นท่าทางลุกรนของรุ่นพี่ทั้งสองอังศุมาลินก็อดขำไม่ได้จนแอบลืมเจ้านายที่ยืนอยู่ข้างหลังไปเลย
“เอ้าขำเข้าไป”
“ขอโทษค่ะคุณปู สวัสดีค่ะนี่มะม่วงที่บ้านค่ะ”
“ย่ะ ไปเข้าไปคุยกันในห้องก่อน”
“ค่ะ”
หญิงสาวรีบเดินตามเจ้านายเข้าไปไหนห้อง อังศุมาลินรักและเคารพ นันธิตา หรือ คุณปูของคนที่นี่มาก เพราะเป็นคนที่ให้โอกาสเธอได้ทำงานที่เธอรักได้อย่างเต็มตัว
นันธิตาเป็นผู้หญิงเก่งและสวย ปากร้ายใจดี คนที่รู้จักแบบผิวเผินอาจจะไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้แต่ถ้าได้รู้จักกันจริง ๆ แล้วจะรู้เลยว่านันธิตาเป็นคนที่น่ารักมากถึงมากที่สุด
“นี่เอาไปอ่านเพิ่งพิมพ์เสร็จวันนี้เอง ว่าจะส่งไปให้อ่านแต่ดีที่เธอมาก่อน”
อังศุมาลินยกมือไหว้แล้วรีบรับมาดู และสิ่งที่เธอไม่อยากเชื่อก็เกิดขึ้น จนเธอแทบจะถือหนังสือนั้นไว้ไม่อยู่
“คงรู้แล้วใช่ไหมว่าหน้าปกดิจ๊อบวินซี้เดือนนี้เป็นใคร พีม พัฒนากร พงษ์พิน เป็นวิศวกร หนุ่มที่มาแรงที่สุดตอนนี้เลย พี่เห็นว่าเธอกำลังเขียงเรื่องรักนี้กำลังออกแบบ ที่เกี่ยวกับอาชีพนี้อยู่ก็เลยเอามาให้อ่าน เขาเคยอยู่จังหวัดเดียวกับเธอด้วยนะ แต่ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ชลบุรีกับที่บ้าน”
คำพูดของเจ้านายสาวไม่ได้กระทบหูอังศุมาลินเลยสักนิด เพราะ ชายหนุ่ม ผิวขาว ร่างสูง ใบหน้าหล่อเหล่า จมูกโด่งเรียวสวย ปากสีชมพูเหมาะกับใบหน้าขาว ๆ ผมหยักโซกนิดหน่อย ท่าทางดูดี ยิ้มแบบเขิน ๆ อยู่บนปก จะผ่านไปกี่ปีเขาคนนี้ก็ยังคงยิ้มแบบนี้เหรอ
‘รายชื่อนักเรียนห้อง ม. 1/1’
เลขที่1 พัฒนากร พงษ์พิน
.
.
.
เลขที่21 อังศุมาลิน บ่ออ่อน
อังศุมาลินนึกไปถึงวันที่ได้อ่านชื่อนี้ครั้งแรก ตอนนั้นเธอไม่รู้หรอกว่าเจ้าของชื่อนั้นคือใคร แต่หลังจากที่ได้ไปเข้าแถว
‘พัฒนากร’
อังศุมาลินหันไปมองที่คุณครูที่เช็คชื่อ แล้วก็หันไปเห็นเจ้าของชื่อนั้น
‘พีม’
‘อิ้งรู้จักเขาเหรอ’
ศิรินธาเพื่อนที่เจอกันตอนอบบรมถามอังศุมาลิน
‘อืม เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน เป็นแฟนเก่าเพื่อนเราที่โรงเรียนเก่าน่ะ’
และหลังจากนั้นอีกประมาณสามเดือนอังศุมาลินก็ได้มีรูปเขาครั้งแรก รูปที่เขาใส่ชุดลูกเสือแล้วยิ้มเขิน ๆ ให้กล้อง
“อิ้ง ๆ”
“คะคุณปู”
“เป็นอะไรไป เหมือนท่าทางจะเป็นลมเลยนะเหงื่อแตกซกเลย”
“เปล่าค่ะ อิ้งไม่เป็นอะไร คุณปูมีอะไรอีกรึเปล่าค่ะ”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอ พี่ว่าจะนัดเราให้ไปสัมภาษณ์เจ้าตัวเอาเองเลยนะ พี่ได้ข่าวว่าเพิ่งโสดรับรองเลยว่าเธอไม่ถูกไล่ตบเหมือนครั้งก่อนแน่ ๆ แต่ถ้าเธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แต่พี่ว่าถ้าเธอได้สัมภาษณ์เขานะงานของเธอจะต้องออกมาได้ดีแน่”
“ได้ค่ะอิ้งว่าง”
หลังจากพูดจบหญิงสาวแทบจะเอามือตบปากตัวเอง นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย เธอคิดอยากจะเจอเขาอย่างนั้นเหรอ
ไม่ที่เธออยากเจอก็เพียงแค่เรื่องงาน และเขาก็แค่เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานก็เท่านั้นแค่นั้นจริง ๆ
ที่โรงพยาบาล MBST
สร้อยคอแสนรักของอธิฐานร่วงลงพื้นและถูกเขาเหยียบไปอีกที ชายหนุ่มรีบหยิบขึ้นมาปัดรอยเปื้อนอย่างรวดเร็ว
“อิฐนั้นมันสร้อยคอแฟนนายไม่ใช่เหรอ”
อัครพลที่เดินมาด้วยกันเอ่ยถาม
“อืม ไม่รู้ว่ามันขาดได้ยังไงว่ะ”
“เอาแล้วเพื่อนแบบนี้มันลางร้ายนะเว้ย แฟนนายอยู่ต่างจังหวัดด้วยป่านนี้ไปเจอหนุ่ม ๆ ใหม่แล้วมั่ง”
“ไอ้บ้า ตอนนี้อิ้งอยู่ที่กรุงเทพโว้ย และเขาก็ไม่มีวันนอกใจฉันด้วย”
“ปกป้องกันดีจริง ๆ นะ ขอถามอะไรหน่อยสิ นายรักแฟนนายมาก หวงมากแล้วนายจะทำให้เธอสวยทำไมว่ะ นายก็รู้ว่าคนสวยน่ะเจ้าชู้”
“ก็เพราะว่ารักไง ความฝันของอิ้งน่ะคืออยากสวย ฉันดีใจที่เธอสวย และที่สำคัญฉันเชื่อใจอิ้งที่สุด”
ใช่เขาเชื่อใจแฟนสาวของเขาที่สุด เพราะที่เขาเคยเห็นไม่ว่าใครที่ไหนจะมาจีบอังศุมาลินก็ไม่เคยสนใจ ร่วมไปถึงไอ้คนที่ยืนข้าง ๆ เขาด้วย
ร้านอาหารข้างสำนักพิมพ์
ตอนนี้อังศุมาลินได้มานั่งอยู่ตรงหน้าพัฒนากรแล้ว ผู้ชายคนนี้ที่ตลอดตั้งแต่เมื่อวานหัวใจเธอเรียกร้องอยากจะเจอ แต่อีกใจก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกเหมือนครั้งนั้น
‘พีมมันจะไปเรียนต่อที่อื่น’
สุนิสาเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับอังศุมาลินบอก ตอนนั้นเธอทั้งเสียใจ และดีใจ เสียใจที่อาจจะไม่ได้เจอเขาอีก ส่วนที่ดีใจคือจะไม่ต้องเจ็บอีก
‘ก็ดีงั้นเราจะเรียนที่นี่ต่อ’
อังศุมาลินยิ้มกริ่ม
‘ถึงต่อให้พีมเรียนต่อที่นี่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่ห้องเดียวกัน เพราะพีมเขาชอบกีฬา แถมไอ้บิ๊กกับไอ้ปุ๋ยเพื่อนสนิทมันยังจะเรียนต่อกีฬาด้วย’
สุจิตาเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนเสริม
‘เนอะเราคงไม่ต้องเจ็บอีกแล้ว แต่เราสองคนต้องได้อยู่ห้องเดียวกันแน่ ๆ เลยทิพ’
วันประกาศห้องเรียน
ม.4/1
เลขที่1 พัฒนากร พงษ์พิน
แค่เพียงเห็นแค่นั้นอังศุมาลินก็เลื่อนสายตาไปมองรายชื่อห้องอื่นต่อ
‘อิ้งเราอยู่ห้องสองล่ะ’
สุจิตาพูดอย่างเสียดาย
‘เห็นชื่อเราไหมทิพ’
‘เห็น’
‘จริงสิ ห้องไหนห้องเดียวกันรึเปล่า’
เพื่อนสาวส่ายหน้า ชี้ไปที่ใบรายชื่อแรกที่อังศุมาลินดู ‘ไม่จริง’
“คนนี้ไงที่พี่อยากให้เธอพบ”
นันธิตาแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“ค่ะ”
“สวัสดีครับคุณเอ่อ...”
พัฒนากรลืมชื่อที่จะถามชื่อของอังศุมาลิน พอจะถามก็หญิงสาวก็ไม่ตอบเอาแต่มองหน้าเขาอย่างเลื่อนลอย จนชายหนุ่มต้องหันมาหานันธิตา
“อิ้ง พีมเขาถามชื่อเธอ”
“ค่ะ”
“อิ้งเธอเป็นอะไรรึเปล่าหรือว่าเธอนัดกับแฟนไว้”
พัฒนากรหยุบยิ้มทันทีที่ได้ยินว่าหญิงสาวที่เอาแต่จ้องหน้าเขาคนนี้มีแฟนเสียแล้ว และเขาก็แอบรู่สึกคุ้น ๆ กับชื่อเล่นของเธอ เขารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน แล้วก็ดวงตากลมโตสีน้ำตาลนี้ด้วย
“เปล่าค่ะคุณปู อิ้งคงหิวมั่งคะรู้สึกตาลาย”
อังศุมาลินแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับคนตรงหน้าดี
“เราเคยเจอกันรึเปล่าครับ”
พัฒนากรตัดสินใจถาม เพราะรู้สึกแน่ใจว่าต้องเคยรู้จักเธอคนนี้แน่ ๆ ส่วนอังศุมาลินพอได้ยินคำถามหัวใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ บอกไม่ถูกว่าควรจะดีใจกับคำถามที่เหมือนกับมุกจีบสาวนี่รึเปล่า
“พีมมุกจีบสาวของเธอนี่ไม่เก่าไปเหรอ”
อังศุมาลินแทบอยากจะกราบนันธิตาที่พูดได้ตรงใจเธอ
“มันไม่ใช่มุกจีบครับพี่ ถึงผมอยากจะจีบก็เถอะแต่ผมก็ไม่ชอบคนมีแฟนแล้ว แต่ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ นะครับ ผมรู้สึกคุ้น...คุ้นเอ่อ...”
ชายหนุ่มอยากจะตอบว่าคุ้นตาหญิงสาวแต่ก็ไม่กล้าพูด และเขาเองก็คิดอยากจะจีบอังศุมาลินจริง ๆ เพราะเขาชอบผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ มาก
“คุ้นอะไรเหรอ”
นันธิตาถามแทรกขึ้น อังศุมาลินก็แอบปรบมือในใจอีกครั้ง ‘ใช่เธอคุ้นอะไรฉัน’
“อาจจะดูแปลก ๆ นะ แต่ผมรู้สึกคุ้นกับดวงตาของคุณ คุณใส่คอนแทคเลนส์รึเปล่า”
พูดจบเขาก็รู้สึกตาขัด ๆ ขึ้นมา จนต้องขยิบตาแล้วขนเขาก็ลุก
อังศุมาลินยิ้มขำนึกถึงวันแรกที่เธอใส่คอนแทคเลนส์ไปโรงเรียนครั้งแรกหลังจากที่เธอใส่แว่นมาเกือบสี่ปี วันนั้นเป็นวันที่เธอเชื่อว่าคนที่ถามคำถามนี้กับเธอต้องมองเธอมากที่สุด อาจจะมากเท่ากับหกปีที่เคยเรียนด้วยกันมารวมกันเสียอีก
‘อิ้งพีมมีเรื่องจะถาม’
เพิ่มตระกูล เพื่อที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอหนึ่งถามนำให้ อังศุมาลินแทบจะกรี๊ดให้ลั่นห้องเรียน ‘พีมมีเรื่องอยากจะพูดกับเรา ๆ’
‘มีอะไร’
หญิงสาวเก็บความตื่นเต้นไว้สุดกำลัง พัฒนากรที่ไปที่ตาของหญิงสาว อังศุมาลินรู้ในทันทีว่าที่รู้สึกเหมือนมีใครมองตั้งแต่เช้าคนคนนั้นคือ...กรี๊ด
‘รู้สึกยังไง’
‘รู้สึกดี’
หญิงสาวตอบไปในทันที แต่รู้สึกว่ามันจะตอบไม่ตรงคำถาม จนเพื่อน ๆ ห้องหันมองเป็นแถว
‘เราหมายความมันรู้สึกดีกว่าใส่แว่น’
ทุกคนพยักหน้ารับรู้รวมทั้งพัฒนากร แถมชายหนุ่มยังทำท่าว่าจะแขยงกับคอนแทคเลนส์อย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะพอดีเราสายตาสั้นอยู่ข้างนอกบ้านไม่อยากใส่แว่น”
“แหม ๆ ใช้คำว่าเราเลยเหรออิ้ง”
นันธิตาแปลกใจที่นาน ๆ ทีจะเห็นรุ่นน้องใช้คำว่าเรากับคนอื่น
“มันชินค่ะคุณปู คือจริง ๆ แล้วอิ้งเคยเรียนมัธยมกับพีมน่ะคะ เรียนด้วยกันมาหกปี”
“แครก ๆ”
พัฒนากรถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม แทบไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน เพื่อนสมัยเรียนมัธยมเขาจำได้ดีว่ามีชื่ออิ้ง เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ อิ้ง คนที่ว่าน่ะ เอ่อ...ทั้งอ้วนเตี้ยและดำ
“ใจเย็น ๆ พ่อคุณเช็ดปากก่อน”
นันธิตารีบส่งกระดาษให้รุ่นน้อง
“เธอดูเปลี่ยนไปนะ”
หลังจากเช็ดปากเสร็จชายหนุ่มก็พูดในสิ่งที่คิดทันที
“จ๊ะ ก็นี่มันยุคสามจีกว่า ๆ แล้วนี่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้”
“รู้จักกันแล้วก็ดีพี่ขอตัวก่อนนะ ยัยพวกข้างบนชอบอู้ด้วยวันนี้ต้องปิดต้นฉบับด้วย”
พูดจบนันธิตาก็รีบลุกไปทันที ทิ้งให้อังศุมาลินมองตามตาปริบ ๆ
“เราไม่เจอกันนานเลยนะ”
พัฒนากรเปิดประเด็นพูดก่อน
“อืม แม้เราจะพยายามติดต่อเธอแต่เธอก็ไม่เปิดโอกาสให้เรา”
และที่อังศุมาลินกล้าพูดแบบตรง ๆ แบบนี้ก็เพราะเธอเคยสารภาพรักกับพัฒนาไปแล้วสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็ทำให้หญิงสาวเจ็บปวดด้วยเช่นกัน และหลาย ๆ ครั้งเธอก็พยายามส่งข้อความไปหาเขาทางอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่เคยได้ข้อความตอบกลับมาเลย
“นี่เบอร์เรา ต่อไปนี้เธอจะติดต่อกับเราได้ทุกเวลา”
เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 21:17:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 21:17:49 น.
จำนวนการเข้าชม : 1220
<< ตอนที่ 1 ฟื้นความทรงจำ | ตอนที่ 3 ซ้อนสิ่งในใจไว้ไม่อยู่ >> |