เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต
ตอน: ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา(...ต่อ)
“เดี๋ยว! ฉันกับวาริชไม่ได้มีอะไรกัน เขาแค่เข้าไปทำแผลให้ ก็เท่านั้นเอง”
คราวนี้ครามหันไปสบตาคนตัวเล็กที่ทำอุกอาจกับเขาเต็มตา เขาอยู่บนบันไดขั้นเตี้ยกว่า
ส่วนเธออยู่บนขั้นเหนือขึ้นไป ทำให้ระดับสายตาของทั้งคู่แทบจะพอดีกัน ชายหนุ่มเห็นความสับสน
และประหม่าในดวงตาคู่นั้น แต่ก็ไม่คิดจะช่วยเธอเลย ครามหลุบตาลงมองมือขาวบอบบางที่กุมมือเขาไว้
เอ่ยเสียงเย็น “ผมไม่ชอบให้คนไม่สนิทมาจับตัว”
เมื่อมองดวงหน้าจิ้มลิ้มนั้นแดงเรื่อก่อนที่เจ้าตัวห่อปากน้อยๆค้างอยู่อย่างนั้นแล้วเขาเกือบจะใจอ่อน
มือนุ่มนิ่มที่กอบกุมทั้งมือและข้อมือของเขาไว้ลังเลคล้ายจะปล่อย แต่กลับเป็นบีบกระชับแน่นเข้า
ทำให้ชักมือออกโดยง่ายไม่ได้ แต่มันก็แค่เกือบทำให้ใจอ่อน ครามจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้มายุ่มย่าม
อะไรกับเขาด้วยอีกคน
“วนัสสา เธอปล่อยมือผมได้แล้ว...”
ความเงียบเข้าครอบงำเขาและเธอรวมถึงทุกอณูบรรยากาศตรงบันไดไร้ผู้คนนั้น
วนัสสารู้สึกถึงสีน้ำเงินจากตัวเขาอย่างที่เธอจำได้ แต่ที่สำคัญคือสร้อยโลหะอะไรสักอย่าง
ที่ครามสวมใส่ติดข้อมือ สัมผัสเย็นๆของมันทักทายเธอในเสี้ยววินาทีและส่งสีสันแห่งความรู้สึก
ตรงเข้าสู่จิตใจ นอกจากนั้นวนัสสายังได้ยินเสียง เสียงของความรู้สึก และความทรงจำ...
‘ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน เราก็อาจจะรอดไปจากที่นี่ได้ หรืออย่างน้อยถ้าผมยังติดอยู่ วนัส เธอต้องได้ออกไป...’
วนัสสายังไม่ทันได้ฟังต่อชายหนุ่มก็ถอนใจแรงๆ ก่อนตัดสินใจชักมือออกพ้นมือเธอที่เกาะกุมมือเขา
เสียงที่ปรากฏพลันเลือนดับ กลายเป็นความเงียบสนิทเหมือนอย่างเดิม ครามก้าวลงบันไดเร็วขึ้น
คล้ายกำลังหนีจากเธอไป
“คุณ! ได้โปรด หยุดก่อน! ฉันมีเรื่องจะถาม”
เจ้าของร่างสูงที่ลงไปถึงชั้นพักกลางอันเป็นทางบรรจบของบันไดจากปีกซ้ายและขวามารวมกันหยุดเท้า
หันมองมาอีกครั้งอย่างโกรธๆ สาวน้อยจอมดื้อไม่ยอมเลิกราเสียที
“คุณใส่อะไรที่ข้อมือคะ ฉันจับโดนเมื่อตะกี้”
“เลสข้อมือ” ชายหนุ่มหายใจแรงยามตอบห้วนจัด
“ขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวรีบอาศัยจังหวะที่เขาหยุด พาตัวเองตามลงไปยืนบนชั้นพักกลางบันได
“ธุระอะไรของเธอด้วย...”
“ฉัน เหมือนเคยเห็นมันมาก่อน ที่ไหนสักแห่ง”
คำพูดนั้นทำให้ครามชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ผมใส่ติดตัวมานานหลายปีแล้ว มันคงไม่ใช่ของที่คนอื่นจะไปเคยพบเคยเห็นที่ไหนได้หรอก”
ใส่ติดตัว แปลว่าถ้าเธอเคยพบเขา ตอนนั้นเลสข้อมือนี้ก็อยู่กับเขาด้วยแน่ อาจจะเคยผ่านเหตุการณ์
สำคัญๆที่กระทบกระเทือนความรู้สึกร่วมกันกับเจ้าของเลส ไม่แปลกที่มันจะซึมซับอารมณ์เหล่านั้นเข้าไป
ครามเองก็อาจลืมอดีตสองเดือนไปไม่ต่างจากเธอ แต่วัตถุที่ติดตัวเขาจะเป็นเครื่องบันทึกชั้นดี...
“ขอฉันยืมดูสักนิดได้ไหม แล้วฉันจะคืนให้คุณ รับรองไม่ให้บุบสลายตรงไหนเลย”
“จะเสียมารยาทมากไปแล้ววนัสสา” ชายหนุ่มปรามเหมือนพูดกับเด็กมัธยมปลายสักคน
“ขอร้องนะ ฉันยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการเลย แลกกับการที่คุณจะยอมให้ฉันดูมันสักพัก”
จะบอกออกไปได้ยังไงล่ะว่าเธอต้องการสัมผัสความรู้สึกที่อาจบันทึกอยู่ในโลหะบนข้อมือเขา
ที่รู้สึกได้แม้เพียงวูบ มันเป็นบทสนทนาระหว่างเขาและเธอ ฟังดูสำคัญมากเสียด้วย
เกี่ยวกับการหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นคฤหาสน์แห่งนี้ หรือที่ไหนก็ไม่รู้ได้เลย
“ยอมทุกอย่างงั้นเชียว อย่างเธอคงจะพูดอย่างนี้กับผู้ชายจนชินแล้ว แต่ไม่ละ
ผมไม่ชอบใช้ข้อเสนอร่วมกับใคร”
ชายหนุ่มขยับจะเดินต่อ แต่เจ้าของร่างบอบบางที่เฮี้ยวไม่เบากลับยื่นมือมายุดแขนเสื้อเขาไว้อีกคำรบ
ชายหนุ่มขืนหลบ เอาอีกมือกุมปิดข้อมือเขาเองที่เธอจะพยายามจะยื้อแย่งไขว่คว้าอีกคำรบ
“เอ๊ะ พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง” เขากระซิบดุเธอ ในระยะใกล้กันขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดดังเลย
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายอยากจะยั่วเขา แต่ยั่วกันรุนแรงแบบนี้ อีกไม่ช้าเขาคงได้รุนแรงตอบไป
“ผมงานยุ่งนะ! ไม่มีเวลามาเล่นกับเธอหรอก”
ชายหนุ่มเหวี่ยงเธอพ้นตัวเขา เบาและนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อราวกับเหวี่ยงคู่เต้นรำให้หมุนพลิ้วออกไป
หรือไม่ก็เหมือนโยนแมวนุ่มนิ่มที่อ่อนแอออกพ้นตัวง่ายๆจนวนัสสานึกฉุน ได้แต่มองตามหลังเขาไป
เธอยอมแพ้ก่อนสำหรับตอนนี้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป คอยดูก็แล้วกัน!
ครามเป็นอย่างนี้เสมอ จริงจัง ถึงเวลาเล่นก็เล่นจริงๆ เวลาทำงานก็เอาจริงอีกเหมือนกัน
คราวนี้เขาหัวหมุนตั้งแต่เช้าเรื่องที่ตัวแทนของฝ่ายต่างๆที่ร่วมจัดงานมาประชุมกันรอบสุดท้าย
ก่อนถึงวันงานจริงพรุ่งนี้... แล้วไหนจะปัญหาเรื่องนางแบบคนสำคัญซึ่งหนีไปนั่นอีก
อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่จนจะเป็นจะตายในสายตาคนอื่น
แต่สำหรับเขา มันเป็นเรื่องผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย
ตกบ่าย ชายหนุ่มพาตัวเองมาดูการเดินแบบบนเวทีซึ่งจำลองมาจากของจริง
นางแบบสาวสองสามคนถูกเรียกตัวมาให้เขาเลือกไว้แทนที่คนเดิม
เพราะทางผู้ประสานงานรู้ว่าหามาคนเดียวนั้นยากที่จะทำให้ครามพอใจได้
“ไม่ได้เรื่อง ผมดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่านางแบบพวกนี้ใส่ชุดไฮไลท์ของงานไม่พอดี”
ชายหนุ่มพึมพำกับเจ๊ผู้ช่วยอีกคนหนึ่งของเขา เพราะตั้งแต่ย้ายกลับมาไทยเมื่อหลายเดือนก่อน
เมื่อแรกนั้นครามยังไม่ได้เรียกตัวผู้ช่วยคนเดิมให้ติดตามมา
“แต่เจ๊ก็เห็นว่าพอดีนะครับคุณคราม” คนเป็นผู้ช่วยซึ่งจับอารมณ์ดีไซเนอร์หนุ่มได้ถึงกับหลุดคำลงท้าย
ที่แสดงถึงเพศเก่าของตนเองออกมาในยามเคร่งเครียด ต่างจากคะขาซึ่งใช้อย่างคล่องปากเวลา
สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายลงไปจนถึงขีดสุดอย่างตอนนี้
“ไม่พอดีของผม แปลว่าใส่ได้ แต่ไม่ใช่ใส่แล้วสวย ใส่แล้วเวิร์ค... แค่คำว่าพอได้น่ะ ผมไม่ต้องการ”
“โอเคครับ เอ่อค่ะ...เจ๊จะรีบหาคนมาแทนให้เร็วที่สุด แต่เจ้าภาพเขาบอกว่าต้องยืนยันตัวนางแบบให้ได้วันนี้
เพื่อความเซฟของผู้จัดงานเขาเอง”
“วันนี้ แปลว่ายังมีเวลาถึงเที่ยงคืน เรายังต้องทำงานกันต่อไป”
ครามเดินไปยังโครงลวดหุ่นที่ขึ้นไว้เป็นพิเศษ มองชุดที่ประกอบจากผ้าสีเขม่าควันระยิบระยับ
ซ้อนซับกันหลายชั้น แต่ก็ยังโปร่งพอจะเห็นทรวดทรงและการเคลื่อนไหวของนางแบบได้โดยตลอด
ยิ่งเมื่อมีแสงไฟสาดทะลุทะลวงมาจากเบื้องหลังตามลำดับการเล่าเรื่องราวบนเวทีที่ได้วางเอาไว้แล้ว
เป็นอย่างดี การเคลื่อนไหว มันสำคัญมากยิ่งกว่าความสวยของคนที่จะมาสวมใส่เสียอีก
แต่อย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เหมือนกัน
ปลายนิ้วเรียวประดับด้วยเล็บที่ตัดไว้สะอาดเรียบร้อยของชายหนุ่มลากสัมผัสเนื้อผ้า
เขาเป็นพวกจุกจิกในเรื่องบางเรื่อง นี่ยิ่งมองก็ยิ่งเห็น เสื้อตัวนี้เข้ากับรูปร่างนางแบบคนเดิมที่สุดแล้ว
ทุกกระเบียดนิ้วเขาลงมือทำขึ้นเองกับมือ ด้านคาแรคเตอร์ก็หาใครมาแทนไม่ได้ เธอไม่ใช่แค่
เดินได้เหมือนนางแบบปกติธรรมดา แต่ถูกเลือกมาอย่างดีสำหรับธีมแอร์หรืออากาศ ที่ทุกอย่างเบา พลิ้ว
คงไม่มีใครที่เดินเหินเหมือนจะลอยล่องได้อย่างนั้นอีก
ชายหนุ่มหลับตาลง แล้วเขาก็เห็นภาพใครอีกคนซ้อนทับเข้ามา เอ หรือว่า...จะมี
รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดจอดสนิทลงในรอบรั้วของคฤหาสน์สีน้ำเงิน ครามไม่อยากเรื่องมากกับรถ
อันที่จริงยานพาหนะส่วนตัวก็เป็นส่วนหนึ่งของคนประกอบอาชีพอย่างเขาที่มักถูกจับตา
แต่แค่ต้องกลับมาสะสางภาระคาใจเรื่องแม่ที่ไทย การงานของเขาซึ่งกำลังจะก้าวหน้าก็มีอัน
ชะงักค้างไปหมด ตอนนี้ทำได้แค่ประคองไว้ไม่ให้ทุกอย่างที่เคยเพียรสร้างมามลายหาย
เท่านั้นก็ดีที่สุดแล้ว ถึงเขาจะรักงานมาก แต่ครามเองไม่ใช่คนยึดติดในลาภยศชื่อเสียง
วันนี้ยังทำ แต่วันหน้าเขาอาจบอกลามันไปเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าถึงจุดอิ่มตัว
ทว่าในเมื่อยังพูดว่าจะทำ เขาก็ต้องรับผิดชอบเต็มที่
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสอง เขาไม่ได้หยุดตรงห้องชุดห้องที่สี่ซึ่งเป็นของตน
...ถ้านับจากห้องแรกสุดระเบียงเป็นของดาหวัน ถัดมาคือห้องหมอหมา และห้องที่สาม
ห้องของเด็กสาวผู้ซึ่งมายื้อยุดกวนใจเขาตั้งแต่เช้ามืดก่อนเขาจะออกไปทำงาน
คาดเดาไม่ได้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไม ทั้งที่น่าจะไปอยู่เสียแถวหอพักนักศึกษา
หรือไม่เรียนก็ควรจะทำงาน ชะรอยคงเป็นเด็กเที่ยว พ่อแม่ตามใจให้ใช้ชีวิตลอยไปลอยมาจนเคยตัว
ชายหนุ่มหยุดยืนขมวดคิ้ว สงสัยว่าเจ้าของห้องจะอยู่หรือไม่
เขาไม่คิดติดต่อผ่านเบ็นให้ชักช้า เวลาเตรียมงานเหลือแค่วันนี้เท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรชายหนุ่มก็ตัดสินใจเคาะประตูแล้วยืนรอ มีเสียงของการเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง
ไม่กี่อึดใจถัดมาประตูก็เปิด
“คุณ...”
เจ้าของห้องที่อยู่ในชุดคลุมทับเสื้อนอนทักงงๆปนงัวเงียเมื่อเห็นครามที่ยืนกอดรออยู่
“ฉันเพิ่งตื่นน่ะค่ะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน” พูดไปแล้ววนัสสาก็เกือบจะกัดปากตัวเอง
เขายิ่งคิดว่าเธอพาวาริชเข้าห้อง จะยิ่งฟังดูเลยเถิดกันไปใหญ่ แต่เมื่อมองตาเขาแล้ว
วนัสสาก็รู้ว่าครามไม่ได้ชะงักไปกับคำพูดที่เธอเลือกใช้แต่อย่างใด
ชายหนุ่มเอียงคอน้อยๆ พิจารณานางแบบผู้เป็นทางเลือกใหม่ของเขา เขารู้ว่าเธอต้องทำได้
แล้วก็เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมากเสียด้วย การต่อรองผลประโยชน์เป็นทางเลือกแรก
ของคนที่โตมาปากกัดตีนถีบมากกว่าใช้มารยาทไมตรีหรือแม้แต่ลดตัวไปขอร้องใคร
ครามยกมือข้างที่มีเลสข้อมือเจ้าปัญหาขึ้นมา จ้องวนัสสา ปรือตาท้าทายก่อนจะพูดชัดๆ
ให้คนตรงหน้าได้ยิน “บอกอีกทีซิ ว่าเธอจะยอมทำอะไรก็ได้ แลกกับการได้สำรวจเลสข้อมือเส้นนี้”
วันนั้นทั้งวันที่เหลือดำเนินไปอย่างฉุกละหุก เมื่อวนัสสาถูกดีไซเนอร์ที่แทบจะเป็นพ่องานอย่างอินดิโก้ ชาง
หรือครามพาตัวไปเสนอให้เดินแบบแทนนางแบบที่ทางคณะผู้จัดพยายามสรรหามาสวมชุดฟินาเล่
“เจ๊ว่าไม่ง่ายนะคะคุณคราม ถึงหนูคนนี้จะสวยมาก เหมาะกับชุดมาก
แต่คนไม่เคยเป็นนางแบบอาชีพ ยังไงก็ต้องตื่นเวที”
“เด็กนี่บอกผมตอนนั่งรถมาด้วยกัน เขาเคยเดินแบบให้งานแสดงแบบเสื้อของเพื่อน สมัยยังเรียนอยู่มหา’ลัย”
วนัสสาเลิกคิ้ว หลังจากคุยกันแล้วเขายังจะมาเรียกเธอเด็กได้อีก
เธอเองไม่ใช่เด็กไร้สาระสักคนที่ผู้ปกครองปล่อยปละ แต่ทั้งครามหรือวาริชก็ไม่คิดจะ
พยายามหาเหตุผลอื่นในการเข้ามาพักอยู่ใต้ชายคาเดียวกันให้เธอเลยสักนิด
“เอาเถอะ เธอไปเตรียมตัวนะครับวนัส เดี๋ยวลองเดินให้ผมดูสักรอบสองรอบก่อน
แล้วจะบอกว่าต้องแก้ไขตรงไหนยังไง”
ดูเขาก็พยายามจะสุภาพกับเธอมากขึ้นอยู่หรอก แต่ยังไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกขานเป็นอื่น
อาจกลัวเสียฟอร์ม อีกฝ่ายเกริ่นเรื่องตัวเองมาบ้างแล้วในรถ แต่ไม่ได้พูดเฉียดไปถึงเหตุการณ์
ในห้องคาราโอเกะเมื่อหลายปีก่อนเลยจนนิดเดียว นึกแล้วก็ขำ คนรักษามาดอย่างนี้
เคยออกลายเต้นสะบัดช่อแข่งกับเธอมาแล้วแบบหน้าตายเสียด้วย บอกใครๆ
ที่รายล้อมเขาอยู่ตอนนี้ก็คงไม่เชื่อ
ครามเรียกทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาว่า ‘คุณ’ แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบทำหน้าตายหน้ามึนกับเธอนัก...
อาจเป็นได้ว่าเขาเรียกเพื่อนหญิงคนไทยว่า‘เธอ’อย่างนี้ วนัสสาก็รู้สึกดีที่เขามีตำแหน่งพิเศษ
ที่แสดงความเป็นเพื่อนให้ แถมเรื่องที่ไปลากเอาตัวเธอมา
ถ้าเขายังพอจะเห็นความสำคัญในการมีอยู่ของเธอ เมื่อนั้นก็คงคุยกันง่ายขึ้น
อยากเรียกยังไงก็เรียกเถอะ ขอแค่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เรื่องเลสข้อมือ
แค่นั้นก็ถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งกว่าที่คาดหวังแล้ว
แม้วนัสสาจะผ่านงานเดินแบบมาบ้าง แต่งานของมือสมัครเล่นอย่างสมัยช่วยงานเพื่อนนักศึกษานั้น
ก็ไม่ใกล้เคียงกับงานของมืออาชีพ ทุกการเคลื่อนไหวจะต้องเฉียบคม เสียสมาธิไม่ได้เลย
“ดีค่า เชิดหน้ามากไปนิดนะ อยากให้มีความนุ่มนวลอีกหน่อย แต่ก็ต้องทำท่าให้เหมือนว่าเวทีนี้
เป็นของคุณ ทำได้หรือเปล่า”
ผู้ช่วยคนขยันของครามเองก็ทำงานหนักไม่แพ้เจ้านายซึ่งตอนนี้เวียนไปดูความพร้อมสถานที่จริง
ด้วยความจู้จี้ส่วนตัวที่ออกจะเกินหน้าที่ ก่อนจะย้อนกลับมาคุมวนัสสาไปซ้อมกับเวทีจริงด้วยตัวเอง
เธอถูกจัดแจงให้ซ้อมรวมกับนางแบบคนอื่นๆเพราะไม่มีเวลาจะโอ้เอ้อีกแล้ว
ชายหนุ่มยืนมองคนที่ตนเองพามาจากด้านล่างหน้าเวทีด้วยความโล่งใจ
ฟังเสียงถอนหายใจของเจ๊ที่ยืนอยู่ข้างๆ บ่งบอกว่าโล่งใจไม่แพ้กัน
“ดีนะคะคุณคราม ที่ผู้ใหญ่เขามาดูซ้อมแล้วเกิดถูกใจหนูวนัสเข้าเหมือนคุณ
ไม่งั้นพี่แย่เลย เละทั้งสองทาง”
“ทำงานกับผมจะกลัวอะไรครับ ผมไม่ปล่อยให้คุณแย่หรอก คุณเป็นกันชนให้ผม
ผมก็จะเป็นกันชนให้คุณเมื่อถึงเวลา ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมเป็นตัวตั้งตัวตีจัดแจงเอาเองอย่างนี้”
“ขอบคุณค่ะ น่ารักจริงเจ้านายเรา” เจ๊อ้อนเสียงหวาน
“เมคอัพเก่งนะ ปิดรอยสักที่หลังเธอซะมิดเลย แล้วก็ดีที่ความสนใจของชุดเรา
ไม่ได้พุ่งไปตรงแผ่นหลังอยู่แล้ว” ครามเปรย
“หนูวนัสสาเนี่ยดูหน้าตายังเด็กๆนะคะ แต่อายุก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นแล้วนี่เนอะ
เจ๊ดูๆนางแบบมือใหม่เราก็ยังมีอะไรต่างจากนางแบบมือโปรนะคะ ใช่ว่าจะคล่องเวที
แต่ไม่รู้ทำไม ดูไปกันได้ดีเชียวกับโชว์ของเรา ตอนที่เธอลอยล่องออกมา หน้านิ่ง แต่สายตา...”
“เหมือนนางฟ้าที่ลอยลงมายังโลกไงครับ ตื่นตากับการสำรวจโลกใหม่
พลอยทำให้สิ่งที่ดูธรรมดารอบตัวกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา”
“นั่นละค่ะ คุณครามพูดตรงประเด็นเลย เหมือนนางฟ้าที่มั่นใจในพลังบริสุทธิ์ของตัวเอง
แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความไม่เดียงสาอยู่ในตัว”
ครามไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มในสีหน้า ...แต่วันนั้นทั้งวันก็ไม่ง่ายจริงๆ เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
วนัสสาเพิ่งได้ถอดชุดสวยของเธอออก ในขณะที่นางแบบคนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว
ก็ยังเหลือเพียงเธอ กับสายตาเรียวคมที่เป็นทั้งคำปลอบและคำขู่ซึ่งจับจ้องมา
คล้ายไม่ยอมให้ล้ม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“หิวหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเมื่อเดินเคียงร่างบอบบางที่ดูอ่อนเปลี้ยไม่น้อยมายังรถเขาเอง
ซึ่งจอดไว้ยังที่จอดรถของตึกหรูย่านกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจุดที่สร้างเป็นโดมชั่วคราวและเวทีเดินแบบ
อลังการเพื่อเรียกความสนใจจากผู้คนผ่านไปมา
“เจ๊ก็คอยหาขนมใส่ปากให้อยู่เรื่อยค่ะ ทีละจุบทีละจิบ กลัวฉันหมดแรงตายเพราะเจ้านายเขาละมั้ง”
“หึๆ พูดเหมือนแม่นกเอาเหยื่อมาป้อนลูกนกเลย” ชายหนุ่มว่าพลางหันไปยิ้มเป็นมิตรให้หญิงสาว
ทำหน้าน่ารักก็เป็นนี่นา วนัสสาอุทานในใจ เธอเชื่ออยู่แล้วว่าเขาก็แค่วางมาดไปอย่างนั้น
ไม่มีผู้ชายเย็นชาคนไหนหรอกที่จะมาเต้นประชันเป็นบ้าเป็นหลังกับคนแปลกหน้าได้อย่างที่เขาเคยทำ
เมื่อทั้งคู่นั่งอยู่ในรถด้วยกันเรียบร้อย หญิงสาวจึงสานต่อบทสนทนา “ถึงหิว ตอนนี้จะมีอะไรให้กินคะ
หรือแวะร้านเซเว่นฯ ฉันไม่เห็นคุณจะกินอะไรบ้างเลย หิวไหมล่ะคะ มิสเตอร์อินดิโก้”
“เธอเห็นด้วยเหรอว่าผมไม่ได้กินอะไรเลย ก็จริงนะ น้ำสักอึกยังไม่หยดถึงท้อง” ครามพูดขำๆ
“ตอนเห็นคุณครั้งแรก ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นปิศาจบ้างาน”
“มีหลายอย่างเลยเกี่ยวกับผมที่เธอยังไม่รู้ ซึ่งนั่นอาจจะดีแล้วก็ได้” ท้ายคำชายหนุ่มพูดเสียงเบาลง
ก่อนปล่อยให้มันผ่านไปด้วยการเอ่ยถึงของกินต่อ “แถวนี้จะมีอะไรอร่อยๆให้กินได้
เดี๋ยวผมพาไปร้านข้าวต้มโต้รุ่งแล้วกัน บังเอิญรู้จักอยู่ร้านนึง”
ดังนั้นกว่าวนัสสาจะได้เข้านอนก็ตกเอาจวนตีสามเข้าแล้ว เธอมีเวลานอนได้ถึงสิบโมงเช้า
แต่คงตื่นก่อนนั้นเพื่อเตรียมพร้อม หญิงสาวต้องไปทวนคิวอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อย
ก่อนขึ้นเวทีจริงเอาตอนห้าโมงเย็น ดีไซเนอร์คนเก่งบอกไว้ว่าเขาจะส่งคนมารับ
ส่วนตัวเขาเองโน่นน่ะ ไม่รู้เลยว่าพ่อเจ้าประคุณจะได้นอนสักกี่ชั่วโมงกัน
หวังว่าคงไม่หมดหล่อกลายร่างเป็นหมีแพนด้าไปในวันพรุ่งนี้หรอกนะ
“แต่ถ้าเป็นก็น่าจะเป็นตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วละมั้ง” วนัสสาบ่นกับตัวเอง
“หน้าขาวใสกิ๊กจนผู้หญิงยังอาย” นั่นสินะ เขาดูแลตัวเองหรือเกิดมาโชคดี หรือว่า...
เขาจะไม่ใช่ชายแท้ตามเทรนด์ดีไซเนอร์ทั้งหลายซึ่งมักเป็นเพศอื่นกัน วนัสสาส่ายหน้ายิ้มๆ
เธอเริ่มจะคิดอะไรมากไปแล้ว ทั้งที่ควรนอนให้หลับเสียที
ถ้ามีฝันร้ายรอคอยอยู่ในความมืดของราตรีนี้ อย่างน้อยจิตที่เข้มแข็งของเธอจะต้องสกัดกั้นเอาไว้
ไม่ให้มันเยี่ยมกรายเข้ามา เพราะพรุ่งนี้ยังมีภารกิจเฉพาะหน้าที่จะพาเธอไปสู่กุญแจ...
โลหะสีเงินที่ข้อมือเขา ซึ่งตอนนี้เจ้าของดูจะดีใจเหลือเกินที่ได้ใช้มันเป็นเครื่องต่อรอง!
...................
ง้าก
ทำไม Like หายไปพร้อมวันหยุดยาว ถ้าใครอ่านแล้วเลิฟๆกันก็อย่าลืมกดให้หน่อยนะคะ
คนเขียนจะได้รู้ว่ายังอยู่กันครบ ไม่ได้หายไปไหน เมี้ยวๆๆ ^.”.^
คราวนี้ครามหันไปสบตาคนตัวเล็กที่ทำอุกอาจกับเขาเต็มตา เขาอยู่บนบันไดขั้นเตี้ยกว่า
ส่วนเธออยู่บนขั้นเหนือขึ้นไป ทำให้ระดับสายตาของทั้งคู่แทบจะพอดีกัน ชายหนุ่มเห็นความสับสน
และประหม่าในดวงตาคู่นั้น แต่ก็ไม่คิดจะช่วยเธอเลย ครามหลุบตาลงมองมือขาวบอบบางที่กุมมือเขาไว้
เอ่ยเสียงเย็น “ผมไม่ชอบให้คนไม่สนิทมาจับตัว”
เมื่อมองดวงหน้าจิ้มลิ้มนั้นแดงเรื่อก่อนที่เจ้าตัวห่อปากน้อยๆค้างอยู่อย่างนั้นแล้วเขาเกือบจะใจอ่อน
มือนุ่มนิ่มที่กอบกุมทั้งมือและข้อมือของเขาไว้ลังเลคล้ายจะปล่อย แต่กลับเป็นบีบกระชับแน่นเข้า
ทำให้ชักมือออกโดยง่ายไม่ได้ แต่มันก็แค่เกือบทำให้ใจอ่อน ครามจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้มายุ่มย่าม
อะไรกับเขาด้วยอีกคน
“วนัสสา เธอปล่อยมือผมได้แล้ว...”
ความเงียบเข้าครอบงำเขาและเธอรวมถึงทุกอณูบรรยากาศตรงบันไดไร้ผู้คนนั้น
วนัสสารู้สึกถึงสีน้ำเงินจากตัวเขาอย่างที่เธอจำได้ แต่ที่สำคัญคือสร้อยโลหะอะไรสักอย่าง
ที่ครามสวมใส่ติดข้อมือ สัมผัสเย็นๆของมันทักทายเธอในเสี้ยววินาทีและส่งสีสันแห่งความรู้สึก
ตรงเข้าสู่จิตใจ นอกจากนั้นวนัสสายังได้ยินเสียง เสียงของความรู้สึก และความทรงจำ...
‘ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน เราก็อาจจะรอดไปจากที่นี่ได้ หรืออย่างน้อยถ้าผมยังติดอยู่ วนัส เธอต้องได้ออกไป...’
วนัสสายังไม่ทันได้ฟังต่อชายหนุ่มก็ถอนใจแรงๆ ก่อนตัดสินใจชักมือออกพ้นมือเธอที่เกาะกุมมือเขา
เสียงที่ปรากฏพลันเลือนดับ กลายเป็นความเงียบสนิทเหมือนอย่างเดิม ครามก้าวลงบันไดเร็วขึ้น
คล้ายกำลังหนีจากเธอไป
“คุณ! ได้โปรด หยุดก่อน! ฉันมีเรื่องจะถาม”
เจ้าของร่างสูงที่ลงไปถึงชั้นพักกลางอันเป็นทางบรรจบของบันไดจากปีกซ้ายและขวามารวมกันหยุดเท้า
หันมองมาอีกครั้งอย่างโกรธๆ สาวน้อยจอมดื้อไม่ยอมเลิกราเสียที
“คุณใส่อะไรที่ข้อมือคะ ฉันจับโดนเมื่อตะกี้”
“เลสข้อมือ” ชายหนุ่มหายใจแรงยามตอบห้วนจัด
“ขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวรีบอาศัยจังหวะที่เขาหยุด พาตัวเองตามลงไปยืนบนชั้นพักกลางบันได
“ธุระอะไรของเธอด้วย...”
“ฉัน เหมือนเคยเห็นมันมาก่อน ที่ไหนสักแห่ง”
คำพูดนั้นทำให้ครามชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ผมใส่ติดตัวมานานหลายปีแล้ว มันคงไม่ใช่ของที่คนอื่นจะไปเคยพบเคยเห็นที่ไหนได้หรอก”
ใส่ติดตัว แปลว่าถ้าเธอเคยพบเขา ตอนนั้นเลสข้อมือนี้ก็อยู่กับเขาด้วยแน่ อาจจะเคยผ่านเหตุการณ์
สำคัญๆที่กระทบกระเทือนความรู้สึกร่วมกันกับเจ้าของเลส ไม่แปลกที่มันจะซึมซับอารมณ์เหล่านั้นเข้าไป
ครามเองก็อาจลืมอดีตสองเดือนไปไม่ต่างจากเธอ แต่วัตถุที่ติดตัวเขาจะเป็นเครื่องบันทึกชั้นดี...
“ขอฉันยืมดูสักนิดได้ไหม แล้วฉันจะคืนให้คุณ รับรองไม่ให้บุบสลายตรงไหนเลย”
“จะเสียมารยาทมากไปแล้ววนัสสา” ชายหนุ่มปรามเหมือนพูดกับเด็กมัธยมปลายสักคน
“ขอร้องนะ ฉันยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการเลย แลกกับการที่คุณจะยอมให้ฉันดูมันสักพัก”
จะบอกออกไปได้ยังไงล่ะว่าเธอต้องการสัมผัสความรู้สึกที่อาจบันทึกอยู่ในโลหะบนข้อมือเขา
ที่รู้สึกได้แม้เพียงวูบ มันเป็นบทสนทนาระหว่างเขาและเธอ ฟังดูสำคัญมากเสียด้วย
เกี่ยวกับการหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นคฤหาสน์แห่งนี้ หรือที่ไหนก็ไม่รู้ได้เลย
“ยอมทุกอย่างงั้นเชียว อย่างเธอคงจะพูดอย่างนี้กับผู้ชายจนชินแล้ว แต่ไม่ละ
ผมไม่ชอบใช้ข้อเสนอร่วมกับใคร”
ชายหนุ่มขยับจะเดินต่อ แต่เจ้าของร่างบอบบางที่เฮี้ยวไม่เบากลับยื่นมือมายุดแขนเสื้อเขาไว้อีกคำรบ
ชายหนุ่มขืนหลบ เอาอีกมือกุมปิดข้อมือเขาเองที่เธอจะพยายามจะยื้อแย่งไขว่คว้าอีกคำรบ
“เอ๊ะ พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง” เขากระซิบดุเธอ ในระยะใกล้กันขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดดังเลย
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายอยากจะยั่วเขา แต่ยั่วกันรุนแรงแบบนี้ อีกไม่ช้าเขาคงได้รุนแรงตอบไป
“ผมงานยุ่งนะ! ไม่มีเวลามาเล่นกับเธอหรอก”
ชายหนุ่มเหวี่ยงเธอพ้นตัวเขา เบาและนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อราวกับเหวี่ยงคู่เต้นรำให้หมุนพลิ้วออกไป
หรือไม่ก็เหมือนโยนแมวนุ่มนิ่มที่อ่อนแอออกพ้นตัวง่ายๆจนวนัสสานึกฉุน ได้แต่มองตามหลังเขาไป
เธอยอมแพ้ก่อนสำหรับตอนนี้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป คอยดูก็แล้วกัน!
ครามเป็นอย่างนี้เสมอ จริงจัง ถึงเวลาเล่นก็เล่นจริงๆ เวลาทำงานก็เอาจริงอีกเหมือนกัน
คราวนี้เขาหัวหมุนตั้งแต่เช้าเรื่องที่ตัวแทนของฝ่ายต่างๆที่ร่วมจัดงานมาประชุมกันรอบสุดท้าย
ก่อนถึงวันงานจริงพรุ่งนี้... แล้วไหนจะปัญหาเรื่องนางแบบคนสำคัญซึ่งหนีไปนั่นอีก
อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่จนจะเป็นจะตายในสายตาคนอื่น
แต่สำหรับเขา มันเป็นเรื่องผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย
ตกบ่าย ชายหนุ่มพาตัวเองมาดูการเดินแบบบนเวทีซึ่งจำลองมาจากของจริง
นางแบบสาวสองสามคนถูกเรียกตัวมาให้เขาเลือกไว้แทนที่คนเดิม
เพราะทางผู้ประสานงานรู้ว่าหามาคนเดียวนั้นยากที่จะทำให้ครามพอใจได้
“ไม่ได้เรื่อง ผมดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่านางแบบพวกนี้ใส่ชุดไฮไลท์ของงานไม่พอดี”
ชายหนุ่มพึมพำกับเจ๊ผู้ช่วยอีกคนหนึ่งของเขา เพราะตั้งแต่ย้ายกลับมาไทยเมื่อหลายเดือนก่อน
เมื่อแรกนั้นครามยังไม่ได้เรียกตัวผู้ช่วยคนเดิมให้ติดตามมา
“แต่เจ๊ก็เห็นว่าพอดีนะครับคุณคราม” คนเป็นผู้ช่วยซึ่งจับอารมณ์ดีไซเนอร์หนุ่มได้ถึงกับหลุดคำลงท้าย
ที่แสดงถึงเพศเก่าของตนเองออกมาในยามเคร่งเครียด ต่างจากคะขาซึ่งใช้อย่างคล่องปากเวลา
สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายลงไปจนถึงขีดสุดอย่างตอนนี้
“ไม่พอดีของผม แปลว่าใส่ได้ แต่ไม่ใช่ใส่แล้วสวย ใส่แล้วเวิร์ค... แค่คำว่าพอได้น่ะ ผมไม่ต้องการ”
“โอเคครับ เอ่อค่ะ...เจ๊จะรีบหาคนมาแทนให้เร็วที่สุด แต่เจ้าภาพเขาบอกว่าต้องยืนยันตัวนางแบบให้ได้วันนี้
เพื่อความเซฟของผู้จัดงานเขาเอง”
“วันนี้ แปลว่ายังมีเวลาถึงเที่ยงคืน เรายังต้องทำงานกันต่อไป”
ครามเดินไปยังโครงลวดหุ่นที่ขึ้นไว้เป็นพิเศษ มองชุดที่ประกอบจากผ้าสีเขม่าควันระยิบระยับ
ซ้อนซับกันหลายชั้น แต่ก็ยังโปร่งพอจะเห็นทรวดทรงและการเคลื่อนไหวของนางแบบได้โดยตลอด
ยิ่งเมื่อมีแสงไฟสาดทะลุทะลวงมาจากเบื้องหลังตามลำดับการเล่าเรื่องราวบนเวทีที่ได้วางเอาไว้แล้ว
เป็นอย่างดี การเคลื่อนไหว มันสำคัญมากยิ่งกว่าความสวยของคนที่จะมาสวมใส่เสียอีก
แต่อย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เหมือนกัน
ปลายนิ้วเรียวประดับด้วยเล็บที่ตัดไว้สะอาดเรียบร้อยของชายหนุ่มลากสัมผัสเนื้อผ้า
เขาเป็นพวกจุกจิกในเรื่องบางเรื่อง นี่ยิ่งมองก็ยิ่งเห็น เสื้อตัวนี้เข้ากับรูปร่างนางแบบคนเดิมที่สุดแล้ว
ทุกกระเบียดนิ้วเขาลงมือทำขึ้นเองกับมือ ด้านคาแรคเตอร์ก็หาใครมาแทนไม่ได้ เธอไม่ใช่แค่
เดินได้เหมือนนางแบบปกติธรรมดา แต่ถูกเลือกมาอย่างดีสำหรับธีมแอร์หรืออากาศ ที่ทุกอย่างเบา พลิ้ว
คงไม่มีใครที่เดินเหินเหมือนจะลอยล่องได้อย่างนั้นอีก
ชายหนุ่มหลับตาลง แล้วเขาก็เห็นภาพใครอีกคนซ้อนทับเข้ามา เอ หรือว่า...จะมี
รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดจอดสนิทลงในรอบรั้วของคฤหาสน์สีน้ำเงิน ครามไม่อยากเรื่องมากกับรถ
อันที่จริงยานพาหนะส่วนตัวก็เป็นส่วนหนึ่งของคนประกอบอาชีพอย่างเขาที่มักถูกจับตา
แต่แค่ต้องกลับมาสะสางภาระคาใจเรื่องแม่ที่ไทย การงานของเขาซึ่งกำลังจะก้าวหน้าก็มีอัน
ชะงักค้างไปหมด ตอนนี้ทำได้แค่ประคองไว้ไม่ให้ทุกอย่างที่เคยเพียรสร้างมามลายหาย
เท่านั้นก็ดีที่สุดแล้ว ถึงเขาจะรักงานมาก แต่ครามเองไม่ใช่คนยึดติดในลาภยศชื่อเสียง
วันนี้ยังทำ แต่วันหน้าเขาอาจบอกลามันไปเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าถึงจุดอิ่มตัว
ทว่าในเมื่อยังพูดว่าจะทำ เขาก็ต้องรับผิดชอบเต็มที่
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสอง เขาไม่ได้หยุดตรงห้องชุดห้องที่สี่ซึ่งเป็นของตน
...ถ้านับจากห้องแรกสุดระเบียงเป็นของดาหวัน ถัดมาคือห้องหมอหมา และห้องที่สาม
ห้องของเด็กสาวผู้ซึ่งมายื้อยุดกวนใจเขาตั้งแต่เช้ามืดก่อนเขาจะออกไปทำงาน
คาดเดาไม่ได้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไม ทั้งที่น่าจะไปอยู่เสียแถวหอพักนักศึกษา
หรือไม่เรียนก็ควรจะทำงาน ชะรอยคงเป็นเด็กเที่ยว พ่อแม่ตามใจให้ใช้ชีวิตลอยไปลอยมาจนเคยตัว
ชายหนุ่มหยุดยืนขมวดคิ้ว สงสัยว่าเจ้าของห้องจะอยู่หรือไม่
เขาไม่คิดติดต่อผ่านเบ็นให้ชักช้า เวลาเตรียมงานเหลือแค่วันนี้เท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรชายหนุ่มก็ตัดสินใจเคาะประตูแล้วยืนรอ มีเสียงของการเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง
ไม่กี่อึดใจถัดมาประตูก็เปิด
“คุณ...”
เจ้าของห้องที่อยู่ในชุดคลุมทับเสื้อนอนทักงงๆปนงัวเงียเมื่อเห็นครามที่ยืนกอดรออยู่
“ฉันเพิ่งตื่นน่ะค่ะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน” พูดไปแล้ววนัสสาก็เกือบจะกัดปากตัวเอง
เขายิ่งคิดว่าเธอพาวาริชเข้าห้อง จะยิ่งฟังดูเลยเถิดกันไปใหญ่ แต่เมื่อมองตาเขาแล้ว
วนัสสาก็รู้ว่าครามไม่ได้ชะงักไปกับคำพูดที่เธอเลือกใช้แต่อย่างใด
ชายหนุ่มเอียงคอน้อยๆ พิจารณานางแบบผู้เป็นทางเลือกใหม่ของเขา เขารู้ว่าเธอต้องทำได้
แล้วก็เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมากเสียด้วย การต่อรองผลประโยชน์เป็นทางเลือกแรก
ของคนที่โตมาปากกัดตีนถีบมากกว่าใช้มารยาทไมตรีหรือแม้แต่ลดตัวไปขอร้องใคร
ครามยกมือข้างที่มีเลสข้อมือเจ้าปัญหาขึ้นมา จ้องวนัสสา ปรือตาท้าทายก่อนจะพูดชัดๆ
ให้คนตรงหน้าได้ยิน “บอกอีกทีซิ ว่าเธอจะยอมทำอะไรก็ได้ แลกกับการได้สำรวจเลสข้อมือเส้นนี้”
วันนั้นทั้งวันที่เหลือดำเนินไปอย่างฉุกละหุก เมื่อวนัสสาถูกดีไซเนอร์ที่แทบจะเป็นพ่องานอย่างอินดิโก้ ชาง
หรือครามพาตัวไปเสนอให้เดินแบบแทนนางแบบที่ทางคณะผู้จัดพยายามสรรหามาสวมชุดฟินาเล่
“เจ๊ว่าไม่ง่ายนะคะคุณคราม ถึงหนูคนนี้จะสวยมาก เหมาะกับชุดมาก
แต่คนไม่เคยเป็นนางแบบอาชีพ ยังไงก็ต้องตื่นเวที”
“เด็กนี่บอกผมตอนนั่งรถมาด้วยกัน เขาเคยเดินแบบให้งานแสดงแบบเสื้อของเพื่อน สมัยยังเรียนอยู่มหา’ลัย”
วนัสสาเลิกคิ้ว หลังจากคุยกันแล้วเขายังจะมาเรียกเธอเด็กได้อีก
เธอเองไม่ใช่เด็กไร้สาระสักคนที่ผู้ปกครองปล่อยปละ แต่ทั้งครามหรือวาริชก็ไม่คิดจะ
พยายามหาเหตุผลอื่นในการเข้ามาพักอยู่ใต้ชายคาเดียวกันให้เธอเลยสักนิด
“เอาเถอะ เธอไปเตรียมตัวนะครับวนัส เดี๋ยวลองเดินให้ผมดูสักรอบสองรอบก่อน
แล้วจะบอกว่าต้องแก้ไขตรงไหนยังไง”
ดูเขาก็พยายามจะสุภาพกับเธอมากขึ้นอยู่หรอก แต่ยังไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกขานเป็นอื่น
อาจกลัวเสียฟอร์ม อีกฝ่ายเกริ่นเรื่องตัวเองมาบ้างแล้วในรถ แต่ไม่ได้พูดเฉียดไปถึงเหตุการณ์
ในห้องคาราโอเกะเมื่อหลายปีก่อนเลยจนนิดเดียว นึกแล้วก็ขำ คนรักษามาดอย่างนี้
เคยออกลายเต้นสะบัดช่อแข่งกับเธอมาแล้วแบบหน้าตายเสียด้วย บอกใครๆ
ที่รายล้อมเขาอยู่ตอนนี้ก็คงไม่เชื่อ
ครามเรียกทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาว่า ‘คุณ’ แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบทำหน้าตายหน้ามึนกับเธอนัก...
อาจเป็นได้ว่าเขาเรียกเพื่อนหญิงคนไทยว่า‘เธอ’อย่างนี้ วนัสสาก็รู้สึกดีที่เขามีตำแหน่งพิเศษ
ที่แสดงความเป็นเพื่อนให้ แถมเรื่องที่ไปลากเอาตัวเธอมา
ถ้าเขายังพอจะเห็นความสำคัญในการมีอยู่ของเธอ เมื่อนั้นก็คงคุยกันง่ายขึ้น
อยากเรียกยังไงก็เรียกเถอะ ขอแค่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เรื่องเลสข้อมือ
แค่นั้นก็ถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งกว่าที่คาดหวังแล้ว
แม้วนัสสาจะผ่านงานเดินแบบมาบ้าง แต่งานของมือสมัครเล่นอย่างสมัยช่วยงานเพื่อนนักศึกษานั้น
ก็ไม่ใกล้เคียงกับงานของมืออาชีพ ทุกการเคลื่อนไหวจะต้องเฉียบคม เสียสมาธิไม่ได้เลย
“ดีค่า เชิดหน้ามากไปนิดนะ อยากให้มีความนุ่มนวลอีกหน่อย แต่ก็ต้องทำท่าให้เหมือนว่าเวทีนี้
เป็นของคุณ ทำได้หรือเปล่า”
ผู้ช่วยคนขยันของครามเองก็ทำงานหนักไม่แพ้เจ้านายซึ่งตอนนี้เวียนไปดูความพร้อมสถานที่จริง
ด้วยความจู้จี้ส่วนตัวที่ออกจะเกินหน้าที่ ก่อนจะย้อนกลับมาคุมวนัสสาไปซ้อมกับเวทีจริงด้วยตัวเอง
เธอถูกจัดแจงให้ซ้อมรวมกับนางแบบคนอื่นๆเพราะไม่มีเวลาจะโอ้เอ้อีกแล้ว
ชายหนุ่มยืนมองคนที่ตนเองพามาจากด้านล่างหน้าเวทีด้วยความโล่งใจ
ฟังเสียงถอนหายใจของเจ๊ที่ยืนอยู่ข้างๆ บ่งบอกว่าโล่งใจไม่แพ้กัน
“ดีนะคะคุณคราม ที่ผู้ใหญ่เขามาดูซ้อมแล้วเกิดถูกใจหนูวนัสเข้าเหมือนคุณ
ไม่งั้นพี่แย่เลย เละทั้งสองทาง”
“ทำงานกับผมจะกลัวอะไรครับ ผมไม่ปล่อยให้คุณแย่หรอก คุณเป็นกันชนให้ผม
ผมก็จะเป็นกันชนให้คุณเมื่อถึงเวลา ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมเป็นตัวตั้งตัวตีจัดแจงเอาเองอย่างนี้”
“ขอบคุณค่ะ น่ารักจริงเจ้านายเรา” เจ๊อ้อนเสียงหวาน
“เมคอัพเก่งนะ ปิดรอยสักที่หลังเธอซะมิดเลย แล้วก็ดีที่ความสนใจของชุดเรา
ไม่ได้พุ่งไปตรงแผ่นหลังอยู่แล้ว” ครามเปรย
“หนูวนัสสาเนี่ยดูหน้าตายังเด็กๆนะคะ แต่อายุก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นแล้วนี่เนอะ
เจ๊ดูๆนางแบบมือใหม่เราก็ยังมีอะไรต่างจากนางแบบมือโปรนะคะ ใช่ว่าจะคล่องเวที
แต่ไม่รู้ทำไม ดูไปกันได้ดีเชียวกับโชว์ของเรา ตอนที่เธอลอยล่องออกมา หน้านิ่ง แต่สายตา...”
“เหมือนนางฟ้าที่ลอยลงมายังโลกไงครับ ตื่นตากับการสำรวจโลกใหม่
พลอยทำให้สิ่งที่ดูธรรมดารอบตัวกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา”
“นั่นละค่ะ คุณครามพูดตรงประเด็นเลย เหมือนนางฟ้าที่มั่นใจในพลังบริสุทธิ์ของตัวเอง
แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความไม่เดียงสาอยู่ในตัว”
ครามไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มในสีหน้า ...แต่วันนั้นทั้งวันก็ไม่ง่ายจริงๆ เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
วนัสสาเพิ่งได้ถอดชุดสวยของเธอออก ในขณะที่นางแบบคนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว
ก็ยังเหลือเพียงเธอ กับสายตาเรียวคมที่เป็นทั้งคำปลอบและคำขู่ซึ่งจับจ้องมา
คล้ายไม่ยอมให้ล้ม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“หิวหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเมื่อเดินเคียงร่างบอบบางที่ดูอ่อนเปลี้ยไม่น้อยมายังรถเขาเอง
ซึ่งจอดไว้ยังที่จอดรถของตึกหรูย่านกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจุดที่สร้างเป็นโดมชั่วคราวและเวทีเดินแบบ
อลังการเพื่อเรียกความสนใจจากผู้คนผ่านไปมา
“เจ๊ก็คอยหาขนมใส่ปากให้อยู่เรื่อยค่ะ ทีละจุบทีละจิบ กลัวฉันหมดแรงตายเพราะเจ้านายเขาละมั้ง”
“หึๆ พูดเหมือนแม่นกเอาเหยื่อมาป้อนลูกนกเลย” ชายหนุ่มว่าพลางหันไปยิ้มเป็นมิตรให้หญิงสาว
ทำหน้าน่ารักก็เป็นนี่นา วนัสสาอุทานในใจ เธอเชื่ออยู่แล้วว่าเขาก็แค่วางมาดไปอย่างนั้น
ไม่มีผู้ชายเย็นชาคนไหนหรอกที่จะมาเต้นประชันเป็นบ้าเป็นหลังกับคนแปลกหน้าได้อย่างที่เขาเคยทำ
เมื่อทั้งคู่นั่งอยู่ในรถด้วยกันเรียบร้อย หญิงสาวจึงสานต่อบทสนทนา “ถึงหิว ตอนนี้จะมีอะไรให้กินคะ
หรือแวะร้านเซเว่นฯ ฉันไม่เห็นคุณจะกินอะไรบ้างเลย หิวไหมล่ะคะ มิสเตอร์อินดิโก้”
“เธอเห็นด้วยเหรอว่าผมไม่ได้กินอะไรเลย ก็จริงนะ น้ำสักอึกยังไม่หยดถึงท้อง” ครามพูดขำๆ
“ตอนเห็นคุณครั้งแรก ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นปิศาจบ้างาน”
“มีหลายอย่างเลยเกี่ยวกับผมที่เธอยังไม่รู้ ซึ่งนั่นอาจจะดีแล้วก็ได้” ท้ายคำชายหนุ่มพูดเสียงเบาลง
ก่อนปล่อยให้มันผ่านไปด้วยการเอ่ยถึงของกินต่อ “แถวนี้จะมีอะไรอร่อยๆให้กินได้
เดี๋ยวผมพาไปร้านข้าวต้มโต้รุ่งแล้วกัน บังเอิญรู้จักอยู่ร้านนึง”
ดังนั้นกว่าวนัสสาจะได้เข้านอนก็ตกเอาจวนตีสามเข้าแล้ว เธอมีเวลานอนได้ถึงสิบโมงเช้า
แต่คงตื่นก่อนนั้นเพื่อเตรียมพร้อม หญิงสาวต้องไปทวนคิวอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อย
ก่อนขึ้นเวทีจริงเอาตอนห้าโมงเย็น ดีไซเนอร์คนเก่งบอกไว้ว่าเขาจะส่งคนมารับ
ส่วนตัวเขาเองโน่นน่ะ ไม่รู้เลยว่าพ่อเจ้าประคุณจะได้นอนสักกี่ชั่วโมงกัน
หวังว่าคงไม่หมดหล่อกลายร่างเป็นหมีแพนด้าไปในวันพรุ่งนี้หรอกนะ
“แต่ถ้าเป็นก็น่าจะเป็นตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วละมั้ง” วนัสสาบ่นกับตัวเอง
“หน้าขาวใสกิ๊กจนผู้หญิงยังอาย” นั่นสินะ เขาดูแลตัวเองหรือเกิดมาโชคดี หรือว่า...
เขาจะไม่ใช่ชายแท้ตามเทรนด์ดีไซเนอร์ทั้งหลายซึ่งมักเป็นเพศอื่นกัน วนัสสาส่ายหน้ายิ้มๆ
เธอเริ่มจะคิดอะไรมากไปแล้ว ทั้งที่ควรนอนให้หลับเสียที
ถ้ามีฝันร้ายรอคอยอยู่ในความมืดของราตรีนี้ อย่างน้อยจิตที่เข้มแข็งของเธอจะต้องสกัดกั้นเอาไว้
ไม่ให้มันเยี่ยมกรายเข้ามา เพราะพรุ่งนี้ยังมีภารกิจเฉพาะหน้าที่จะพาเธอไปสู่กุญแจ...
โลหะสีเงินที่ข้อมือเขา ซึ่งตอนนี้เจ้าของดูจะดีใจเหลือเกินที่ได้ใช้มันเป็นเครื่องต่อรอง!
...................
ง้าก
ทำไม Like หายไปพร้อมวันหยุดยาว ถ้าใครอ่านแล้วเลิฟๆกันก็อย่าลืมกดให้หน่อยนะคะ
คนเขียนจะได้รู้ว่ายังอยู่กันครบ ไม่ได้หายไปไหน เมี้ยวๆๆ ^.”.^
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ส.ค. 2556, 09:21:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ส.ค. 2556, 09:22:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1384
<< ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา | ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา(จบบท) >> |
อสิตา 13 ส.ค. 2556, 09:22:12 น.
คุณภาวิน ผีเสื้อสีขาว – พ่อครามเขาไม่มีความหนุ่มเหลือให้เสียแล้วนะคะ แหม่ โตมาที่เมกาทั้งที
ดูเหมือนจะเสียไปตั้งแต่วัยทีนละ...
คุณเลิฟหมวย – นั่นสิน้า บุคลิกเฮียเป็นพระเอกจริงๆด้วย แต่ว่าคนอื่นล่ะๆๆๆ อย่าคลาดสายตาน้า
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – ดีใจที่ยังไม่ลืมหมอริช แม้จะปันใจให้คราม อย่าลืมเผื่อใจไว้รอนวาระอีกคนด้วยนะคะ
เพราะมันไม่ใช่สามเส้า แต่เป็นสี่เส้า หรืออาจจะห้าถ้ารวมดาหวันด้วย เหอๆๆๆๆ อะไรกันๆ
คุณพี่พันธุ์แตงกวา – เอิ่ม เรื่องนางแบบขาดงานนี่หนูไม่ได้ตั้งใจนะ เพราะอันนี้เขียนไว้ตั้งนานละ
โอเค งั้นเดี๋ยวเติมชื่อนางลงไปละกัน(หาเรื่องให้สนพ.กุดหัวละ)
คุณพระอาทิตย์สีทองผ่องพิสุทธิ์ – หมอริช ยิ่งเขียนไปไกลกว่านี้ยิ่งชอบแกขึ้นเรื่อยๆค่ะ ปิ๊งเลย
ส่วนหนุ่มครามก็หน้านิ่งแต่ทำเลยเวลาอยากทำอะไร ทุกคนดีกับวนัส แต่ในสามคน(รวมนวาระ)
ก็คงจะมีคนที่อยู่ในฝันน่ากลัวๆของนางเอกอยู่แน่นอน
คุณเฟอร์ก้นนุ่ม – วันแม่...ทำไมทิ้งมะม้า T^T
ดอกไม้ของเธอก็เป็นได้ทั้งสามคนนะ บอกความหมายไปแล้วนี่นาๆๆๆๆวาริชดอกบัว ครามก็ดอก นวาระก็กุหลาบ
ตอนอัคน้อยพระเอกไม่ได้ออกคนแรก แล้วๆๆๆๆทำมายมะม้าต้องเขียนสองเรื่องเหมือนกันด้วยล่าาา
คุณสุขุมวิท66 – ขอบคุณที่ตามมาเม้นให้ชื่นใจอย่างต่อเนื่องนะคะ นั่นสิ ทำไมชายในฝันหลอนๆนึกถึงนวาระกัน
เพราะฮียังเป็นชายที่ซ่อนหน้าอยู่ในความมืดด้วยหรือเปล่า แต่คนเขียนก็จงใจให้นึกอยู่ค่ะ อุอุ
คุณแพทแมว – ตัดหมอริชออกแล้วเหรอคะ เลี้ยงไว้ดูเล่นในอ้อมใจด้วยล่ะ เผื่อวันนึงจะเอากลับมาลุ้นต่อ หุหุ
คุณแกะน้อยงุงิ – หุหุ ปมในเรื่อง ขมวดแน่นและยุ่งเหยิงเหมือนขนแกะ แต่เราจะค่อยๆย้ำให้จำได้
และคลายปมจนครบแน่ๆไม่ต้องกลัวนะค้า //จูบขนแกะ
คุณภาวิน ผีเสื้อสีขาว – พ่อครามเขาไม่มีความหนุ่มเหลือให้เสียแล้วนะคะ แหม่ โตมาที่เมกาทั้งที
ดูเหมือนจะเสียไปตั้งแต่วัยทีนละ...
คุณเลิฟหมวย – นั่นสิน้า บุคลิกเฮียเป็นพระเอกจริงๆด้วย แต่ว่าคนอื่นล่ะๆๆๆ อย่าคลาดสายตาน้า
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – ดีใจที่ยังไม่ลืมหมอริช แม้จะปันใจให้คราม อย่าลืมเผื่อใจไว้รอนวาระอีกคนด้วยนะคะ
เพราะมันไม่ใช่สามเส้า แต่เป็นสี่เส้า หรืออาจจะห้าถ้ารวมดาหวันด้วย เหอๆๆๆๆ อะไรกันๆ
คุณพี่พันธุ์แตงกวา – เอิ่ม เรื่องนางแบบขาดงานนี่หนูไม่ได้ตั้งใจนะ เพราะอันนี้เขียนไว้ตั้งนานละ
โอเค งั้นเดี๋ยวเติมชื่อนางลงไปละกัน(หาเรื่องให้สนพ.กุดหัวละ)
คุณพระอาทิตย์สีทองผ่องพิสุทธิ์ – หมอริช ยิ่งเขียนไปไกลกว่านี้ยิ่งชอบแกขึ้นเรื่อยๆค่ะ ปิ๊งเลย
ส่วนหนุ่มครามก็หน้านิ่งแต่ทำเลยเวลาอยากทำอะไร ทุกคนดีกับวนัส แต่ในสามคน(รวมนวาระ)
ก็คงจะมีคนที่อยู่ในฝันน่ากลัวๆของนางเอกอยู่แน่นอน
คุณเฟอร์ก้นนุ่ม – วันแม่...ทำไมทิ้งมะม้า T^T
ดอกไม้ของเธอก็เป็นได้ทั้งสามคนนะ บอกความหมายไปแล้วนี่นาๆๆๆๆวาริชดอกบัว ครามก็ดอก นวาระก็กุหลาบ
ตอนอัคน้อยพระเอกไม่ได้ออกคนแรก แล้วๆๆๆๆทำมายมะม้าต้องเขียนสองเรื่องเหมือนกันด้วยล่าาา
คุณสุขุมวิท66 – ขอบคุณที่ตามมาเม้นให้ชื่นใจอย่างต่อเนื่องนะคะ นั่นสิ ทำไมชายในฝันหลอนๆนึกถึงนวาระกัน
เพราะฮียังเป็นชายที่ซ่อนหน้าอยู่ในความมืดด้วยหรือเปล่า แต่คนเขียนก็จงใจให้นึกอยู่ค่ะ อุอุ
คุณแพทแมว – ตัดหมอริชออกแล้วเหรอคะ เลี้ยงไว้ดูเล่นในอ้อมใจด้วยล่ะ เผื่อวันนึงจะเอากลับมาลุ้นต่อ หุหุ
คุณแกะน้อยงุงิ – หุหุ ปมในเรื่อง ขมวดแน่นและยุ่งเหยิงเหมือนขนแกะ แต่เราจะค่อยๆย้ำให้จำได้
และคลายปมจนครบแน่ๆไม่ต้องกลัวนะค้า //จูบขนแกะ
ภาวิน 13 ส.ค. 2556, 09:38:37 น.
นึกถึงตอนครามเต้นสะบัดแล้ว อยากลูบคลำบั้นท้ายผู้ชายเล่นตัวจริงๆเลย ตอนนี้ดูเหมือนครามจะทำคะแนนแซงหมอริชของอิฉันไปแล้วนะ
นึกถึงตอนครามเต้นสะบัดแล้ว อยากลูบคลำบั้นท้ายผู้ชายเล่นตัวจริงๆเลย ตอนนี้ดูเหมือนครามจะทำคะแนนแซงหมอริชของอิฉันไปแล้วนะ
ดังปัณณ์ 13 ส.ค. 2556, 10:46:52 น.
เหอ...ครามอ่ะ สุดท้ายก็หนีเขาไม่พ้น 555+ แหมตอนแรกใจแข็งจริง ว่าแต่ครามพระเอกใช่มั้ยคะ อิๆ (ลักไก่)
เหอ...ครามอ่ะ สุดท้ายก็หนีเขาไม่พ้น 555+ แหมตอนแรกใจแข็งจริง ว่าแต่ครามพระเอกใช่มั้ยคะ อิๆ (ลักไก่)
Sukhumvit66 13 ส.ค. 2556, 11:40:21 น.
แอบเชียร์คราม แต่เอ๊ะ ถ้าหนุ่มอีกคนโผล่มา จะเอียงไหมหนอ
แอบเชียร์คราม แต่เอ๊ะ ถ้าหนุ่มอีกคนโผล่มา จะเอียงไหมหนอ
lovemuay 13 ส.ค. 2556, 15:32:58 น.
ถ้านางเอกได้สัมผัสกุญแจ จะนึกอารัยออกน้า? รออ่านต่อดีก่า อิอิ
ถ้านางเอกได้สัมผัสกุญแจ จะนึกอารัยออกน้า? รออ่านต่อดีก่า อิอิ
Zephyr 13 ส.ค. 2556, 16:09:16 น.
อีกคนละ อีกคนละ อีกคนละ อีกคนไปหนายยยยยย
เมื่อไรจะออก เมื่อไรจะมา เมื่อไรจะถึงเวลา เมื่อไรจะเปิดตัว
ฮึๆๆๆๆๆๆๆ เอาเค้ามาเดินแบบ มีไรตอบแทนอ๊ะ ป่าว
นิ่งยังงี้ ตอนเต้นสะบัดมันเป็นยังไงนะ ยังไงนี่ ยังไงเนี่ย
อีกคนละ อีกคนละ อีกคนละ อีกคนไปหนายยยยยย
เมื่อไรจะออก เมื่อไรจะมา เมื่อไรจะถึงเวลา เมื่อไรจะเปิดตัว
ฮึๆๆๆๆๆๆๆ เอาเค้ามาเดินแบบ มีไรตอบแทนอ๊ะ ป่าว
นิ่งยังงี้ ตอนเต้นสะบัดมันเป็นยังไงนะ ยังไงนี่ ยังไงเนี่ย
sai 13 ส.ค. 2556, 16:35:18 น.
ตอนนี้อินดิโก้เริ่มน่ารักนึดนึง ย้ำว่านิดเดียวจิงๆ
ตอนนี้อินดิโก้เริ่มน่ารักนึดนึง ย้ำว่านิดเดียวจิงๆ
ree 13 ส.ค. 2556, 17:44:18 น.
สงสัยตาอินดิโก้นี่จะเป็นพระเอกซะละมั้ง
สงสัยตาอินดิโก้นี่จะเป็นพระเอกซะละมั้ง
นณกร 14 ส.ค. 2556, 00:18:03 น.
มาแล้วเหมียวๆ
มาแล้วเหมียวๆ
พันธุ์แตงกวา 14 ส.ค. 2556, 05:46:58 น.
555 จะใส่ชื่อนางหรือ น่ากั๊ว
พ่อครามนี่ท่าทางจะยังไงๆแล้วสิ ดูหนูวนัสจะแคร์มากกว่าหมอวาริชนะ
555 จะใส่ชื่อนางหรือ น่ากั๊ว
พ่อครามนี่ท่าทางจะยังไงๆแล้วสิ ดูหนูวนัสจะแคร์มากกว่าหมอวาริชนะ
SunSeed 18 ส.ค. 2556, 11:49:39 น.
ผู้ชาย ผู้ชายล้อมรอบตัวนางเอกเต็มไปหมดเบยยยยยย พี่แป้งหนุ่มครามน่ารักจัง เป็นหนูวนัสจะเกาะไว้ไม่ปล่อยเลย อิอิ
ผู้ชาย ผู้ชายล้อมรอบตัวนางเอกเต็มไปหมดเบยยยยยย พี่แป้งหนุ่มครามน่ารักจัง เป็นหนูวนัสจะเกาะไว้ไม่ปล่อยเลย อิอิ