จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย
ตอน: ตอนที่4 หนีไม่พ้น
สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านนะคะ เอามาฝากกันอีกตอนแล้ว ขอบคุณคุณOhLaLa และเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เป็นกำลังใจให้เรานะคะ ฝากด้วนะคะ
4 หนีไม่พ้น
อังศุมาลินเหม่อสายตามองบรรยากาศรอบตัว ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่ยอดน้ำตกในหมู่บ้านของคนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง
ถ้าย้อนไปเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนการที่เธอจะขึ้นมายอดน้ำตกนี้คือเรื่องยาก แต่ตอนนี้เธอขึ้นมาได้สบาย หลังจากที่อธิษฐานพาเธอขึ้นมาครั้งนั้น เธอก็เลิกที่จะกลัวตกไปข้างล่างอีก
มองลงไปจากตรงนี้ก็จะเห็นหมู่บ้านอยู่ไม่ใกล้ เมื่อก่อนที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปศึกษาในตัวเมืองได้กลับมาพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญขึ้น แต่คนในหมู่บ้านก็ยังคงยึดถือหลังธรรมเนียมเก่า ๆ ที่เคยสร้างกันมาอยู่
“อิ้ง”
“อ้าว รัก มีน”
อังศุมาลินหันมาทักทายเพื่อนสนิทสองคนสมัยมอปลายที่พากันเดินขึ้นน้ำตกมาหาเธอ
“แม้เดียวนี้กล้าขึ้นมาคนเดียวนะยะ ไม่กลัวหลงแล้วเหรอ”
ทานตะวันรีบพูดจิกกัน
“ก็เรารู้ไงว่าพวกแกจะต้องมา แกสองคนคงไม่ปล่อยให้เราตายที่นี่หรอก”
“พูดดีไป นี่ถ้าไอ้จักรมันลืมบอกฉันจะดูว่าเธอจะกลับลงไปยังไง มีนรู้ป่ะครั้งแรกที่อิ้งมานะเกือบจะตกเขาเลย ลื่นล้มจนกางเกงขาด”
นฤมลแฉ แล้วทั้งสามคนก็พากันหัวเราะ
“รักก็จำจังนะ ตอนนั้นเรากลัวนี่ มีนรู้ป่ะเรากลับบ้านไปเดินไม่ได้ตั้งหลายวัน นี่ถ้าเราไม่ได้อิฐนะเราก็ยังไม่กล้าขึ้นมาบนนี้หรอก”
“เอ่อพูดถึงอิฐ แล้วเขาไม่มาด้วยเหรอ”
นฤมลเอ่ยถาม อังศุมาลินส่ายหน้า ยิ้มเศร้าค่อย ๆ เดินลงมาข้างล่าง
“ทะเลาะกันเหรอ ใครมาจีบแกอีกล่ะ”
ทานตะวันถามอย่างรู้ทัน บ่อยครั้งที่เธอเห็นเพื่อนต้องทะเลาะกับคนรักเพราะความสวย
“น้ำเย็นเหมือนเดิมเลยเนอะ”
อังศุมาลินไม่สนใจคำถามลงไปเล่นน้ำตก
ปุ๋ม ทานตะวันโยนก้อนหินเล็ก ๆ ใส่คนอ้อมค้อม
“เปลี่ยนเรื่องทำไม อย่าคิดว่าฉันสองคนไม่รู้นะ กี่ครั้งแล้วที่เธอหลบคนที่มาจีบเธอมาที่นี่ ถ้าพี่อิฐไม่มารับเธอก็ไม่กลับไป”
“ก็เหมือนเดิมนั้นล่ะจะถามทำไม มาเล่นน้ำกันดีกว่า”
พูดจบก็วักน้ำใส่เพื่อน อีกสองคนก็ไม่ยอมโดดลงมาเล่นด้วยอย่างสนุกจนลืมวัย จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงทุกคนก็ต่างหมดแรง พากันปีนหาโขดหินใกล้ ๆ นั่งพัก
“ดีนะที่ไม่มีเด็ก ๆ ขึ้นมาเสียภาพลักษณ์ครูหมด”
ทานตะวันบ่น แล้วก็ต้องหยุดพูดสะกิดให้นฤมลดูเพื่อนสาวที่นั่งเหม่ออีก
“มีอะไรจะเล่าไหมอิ้ง”
นฤมลเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา อังศุมาลินหันกลับมามองเพื่อนทั้งสองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
“เรามันเลว เรา...เรากำลังจะนอกใจอิฐ...ถ้าอิฐรู้อิฐก็จะต้องเสียใจ...เรามันเลว”
ในที่สุดเธอก็พูดมันออกมา เธอยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเธอมีใจให้พัฒนากรจริง ๆ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่ามันแค่เรื่องเก่าที่ฝังใจ แต่เธอก็ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้ว่าเพียงแค่เห็นหน้าเขาเธอก็รู้สึกดีมาก จนไม่รู้จะมากยังไง
“ใคร!”
สองเพื่อนสาวถามขึ้นพร้อมกัน
“พีม”
“หา!”
แล้วก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน พากันเดินมาหาอังศุมาลิน
“นี่เธอยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ มันตั้งหลายปีมาแล้วนะ”
“จริงอย่างที่มีนบอกนะ ป่านนี้มีลูกมีเมียไปกี่คนแล้วไม่รู้ แล้วทำไมอยู่ ๆ เธอถึงกลับไปเพ้อถึงเขาอีกล่ะ”
“เมื่อวานเราไปเจอเขามา เขามีท่าทีจะจีบเราด้วยนะ ครั้งนี้เราไม่ได้คิดไปเองด้วย”
อังศุมาลินเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดูท่าทางต่างจากเมื่อครู่มาก
“อิ้งแกมีความสุขอยู่ใช่ไหม”
ทานตะวันถาม เธอไม่เคยคิดว่าเพื่อนจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
“นี่เธออย่าลืมนะว่าที่เขาชอบเธอน่ะ เพราะหน้าสวย ๆ ที่อิฐเขาทำให้เธอ ถ้าเขาเห็นเธอเป็นเหมือนเมื่อก่อนเธอคิดว่าคนอย่างเขายังจะมองเธอไหม”
“เรารู้แล้วน่า”
อังศุมาลินทำหน้างอนแล้วเดินขึ้นจากน้ำ แอบโกรธที่เพื่อน ๆ มาดับฝันเธอ
“นี่เธอคิดอะไรอยู่กันแน่”
ทานตะวันวิ่งมาดึงอังศุมาลินให้หยุดเดิน
“ถ้าเราคิดจะกลับไปหาเขาเราคงไม่เหาะมาที่นี่หรอกน่า ยังไงเราก็จำได้เสมอว่าอิฐคือคนที่ดีกับเราที่สุด”
“และก็รักแกที่สุด”
“จริงใจกับเธอที่สุดด้วย”
อังศุมาลินหลี่ตามองเพื่อนทั้งสองคนแล้วพยักหน้าช้า ๆ ให้
“เราไปข้างล่างกันเถอะหิวแล้ว”
ที่บ้านของจักรพบหนึ่งในเพื่อนสมัยมัธยมปลายของอังศุมาลิน กำลังจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ กันอยู่ โดยมีเจ้าของบ้านเป็นพ่องาน วันนี้มีเพื่อนสมัยมัธยมปลายของเขามาเที่ยวหาที่บ้านกันหลายคน
“ไม่เจอนายเสียนานเลย เป็นไงมาไงล่ะเนี่ย”
เจ้าของบ้านเอ่ยถามเพื่อนเก่าที่ไม่เคยเจอกันนาน
“ก็ดีเพื่อน ส่วนใหญ่ฉันก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ พอดีช่วงนี้ว่าง ๆ ก็เลยกลับมาเยี่ยมพวกมันเนี่ย มันก็เลยชวนฉันมาเที่ยวด้วย”
พัฒนากรหันตอบพร้อมยกแก้วของเครื่องดื่มจากชานนท์ ชานนท์ยิ้มแล้วรีบเทน้ำให้
“เมื่อกลางวันอิ้งก็เพิ่งมา”
“จริงเหรอ”
พัฒนากรหันมาถามอย่างตื่นเต้นแก้วกลับทำให้น้ำหกใส่ชานนท์ ชานนท์มองอย่างไม่พอใจ
“ไอ้แว่นนั้นน่ะเหรอ”
ทรงสิทธิ์หันมาถามอีกคน
“เรียกเธอดี ๆ หน่อยสิสิทธิ์”
พัฒนากรหันมาว่าเพื่อน คนอื่น ๆ หันมามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของพัฒนากรดูสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อิ้งที่อ้วน ๆ น่ะเหรอ ที่มันแอบชอมเธอตอนมัธยมใช่ไหมพีม”
ชานนท์ถาม คนทั่วไปอาจจะดูไม่ออกว่าเขามีใจเป็นหญิง เพราะการแต่งตัวของเขามันเหมือนผู้ชายทุกอย่าง เขาเป็นเพื่อนที่เรียนต่างห้องกับพัฒนากร
พัฒนากรพยักหน้าแล้วอมยิ้ม ชานนท์เห็นแล้วรู้สึกหมันไส้
“ชาแกไม่ชอบอิ้งเหรอ”
ธีรเทพเพื่อนที่เคยเรียนห้องเดียวกับชานนท์ถาม ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดก็มีแต่ธีรเทพนี่แหละที่รู้จักนิสัยชานนท์ดีที่สุด
“ทำไมล่ะชา หรือแกก็ชอบพีม”
ตรีพงศ์ถามจี้ใจดำชานนท์ เขาเลยโยนน้ำแข็งใส่คนปากดี
“พวกเราก็ไม่ได้เจออิ้งนานแล้วนะ ตอนนี้อิ้งอยู่ที่ไหนเหรอจักร”
ดิษชัยหันไปถามจักรพบบ้าง เขาเป็นอีกคนที่เกือบจะสนิทกับอังศุมาลิน เคยทำงานกลุ่มกับอังศุมาลิน ด้วยกันหลายครั้งตอนสมัยเรียน
“ก็คงอยู่กับมีนและก็รักมั่ง เห็นมาทีไรก็ไปคลุกอยู่กับสองคนนั้น แต่พวกนายยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเดียวนี้อิ้งเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ทำไมทุเรศกว่าเก่าเหรอ”
ชานนท์ว่า เพื่อน ๆ ที่เหลือหันมามองเป็นตาเดียว เจ้าตัวก็เลยสงบปากลงรู้ตัวว่าออกอาการมากไป
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทานอาหารที่บ้านนฤมลทำไว้ให้จนอิ่ม ทั้งสามสาวก็มานั่งเล่นอยู่ที่ชายน้ำ น้ำตรงนี้ไหลมาจากน้ำตกด้านบน มองไปจากตรงนี้จะเห็นบ้านพักต่างอากาศของดาราคนหนึ่งที่มาปลูกไว้ฝั่งตรงกันข้ามของแม่น้ำนี้ด้วย
“เขามาบ้างไหม”
อังศุมาลินหันไปถามเพื่อน ๆ ทั้งสองคน
“นาน ๆ ทีถึงจะเห็นนะ พาลูกเมียมาด้วย”
ทานตะวันเป็นคนตอบ อังศุมาลินหันมาทำหน้าตกใจ
“เดียวนะ เขายังไม่มีเมียนะเท่าที่จำได้”
“ที่เธอรู้นะไม่มี ที่เขามีนะเธอไม่รู้”
นฤมลว่า
“ครูครับ ๆ ครูจักรให้มาเชิญไปที่บ้านครับ”
เด็กนักเรียนตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหานฤมล
“ครูคนเดียวเหรอ”
“เพื่อนครูด้วยครับ”
“หนูจ๊ะรู้ไหมครูจักรเรียกพวกน้าไปทำไม”
อังศุมาลินเดินมาถามเด็กชายตัวน้อย เด็กชายตัวน้อยเอามือปิดปากทันที แล้ววิ่งหนีออกไป
“ไปถึงเดียวก็รู้อิ้ง”
ทานตะวันเดินมาแตะไหล่เพื่อนสาว อังศุมาลินหันไปมองหน้าแล้วพยักหน้าให้ ในใจรู้สึกว่ามีอะไรที่น่าแปลกอยู่แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเดินตามเพื่อนทั้งสองคนไปบ้านจักรพบ
“ทำไมวันนี้บ้านไอ้จักรสว่างจังล่ะ”
นฤมลตั้งของสังเกต
“สงสัยพวกไอ้ทรงสิทธิ์จะมา นั้นไงรถจอดอยู่นั้นฉันจำได้”
ทานตะวันชี้ให้เพื่อนดู อังศุมาลินเห็นแล้วต้องหยุดเดิน สองสาวที่เดินนำอยู่หันมามองก็เห็นอังศุมาลินกำลังจะเดินกลับ
“อิ้ง”ทานตะวันวิ่งกลับมา “เป็นอะไรไป”
“มีนพีมต้องมาด้วยแน่ ๆ เลย วันนี้เขามาเมืองกาจน์ด้วย เราไม่ไปแล้วพวกเธอไปกันเถอะ”
“อะไรนะ เขาตามเธอมาถึงนี่เลยเหรอ”
นฤมลวิ่งกลับมาอีกคน
อังศุมาลินส่ายหน้า “คงบังเอิญน่ะ เขาจะมาหาพวกนายสิทธิ์พอดีล่ะมั่ง เราว่าเรากลับไปรอพวกเธอที่บ้านรักดีกว่า”
“ไม่แกต้องไปกับพวกฉัน ป่านเนี่ยมันรู้แล้วว่าแกอยู่ที่นี่ถ้าแกยิ่งหนีหน้ามันก็จะรู้ว่าแกยังชอบมันอยู่”
ทานตะวันรีบลากอังศุมาลินให้เดิน โดยมีนฤมลคอยดันหลังอังศุมาลินไว้อีกคน หญิงสาวพยายามจะฝืนแต่ก็สู้แรงเพื่อนไม่ไหว
“มากันแล้ว”
ดิษชัยชี้ให้เพื่อน ๆ ที่นั่งคุยกันให้ดูสามสาวที่กำลังกระชากลากถูกันมา พออังศุมาลินหันไปเห็นเข้าก็เลยหยุดดิ้นเดินเข้ามาด้วยดี
“นางอิ้งไม่มาด้วยเหรอ หรือว่าอายสารร่างตัวเอง”
กึก! อังศุมาลินหยุดเดินทันทีหันไปหาคนพูด ต่อให้ไม่เจอเขาคนนี้อีกสิบชาติอังศุมาลินก็แน่ใจว่าเธอต้องจำเขาได้ โดยเฉพาะคำพูดบาดใจคนเนี่ยเธอจำได้แม่นเลย
ในวันนั้นเป็นวันที่โรงเรียนจัดให้นักเรียนมอสี่ห้องหนึ่งและห้องสองมาช่วงงานที่วันฝั่งตรงข้ามโรงเรียน อังศุมาลินกำลังนั่งคุยเล่นกับสุจิตาอยู่
‘เอ่อ...ใช่วันนี้เลิกเรียนกี่โมงไปร้านหนังสือป่ะ’
‘เราก็เลิกพร้อมกันนะอิ้ง เพราะวันนี้เราไม่ต้องเรียนไม่ใช่เหรอ’
‘จริง’
‘กบ’
เสียงของดอลลาร์ลอยมาแต่ไกล อังสุมาลินกับสุจิตาหันไปมองอย่างหมันไส้
‘อ้าว...ชา’
อังศุมาลินหันไปทักทายเพื่อนอีกคนที่เดินมาพร้อมดอลลาร์ ชานนท์คือคนที่อังศุมาลินนับเป็นเพื่อนอีกคนเพราะตอนมอต้นชานนท์กับอังศุมาลินสนิทกับอาจารย์ที่ห้องสมุดเหมือนกัน และได้เป็นบรรณารักษ์อยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ถือว่าดี
แต่วันนี้อังศุมาลินกลับรู้สึกถึงเงาสีดำที่ห่อหุ้มตัวชานนท์อยู่
‘นี่ที่บ้านเธอมีกระจกไหม ถึงคิดมาชอบพีมน่ะ’
นั้นไง อังศุมาลินคิดในใจ หญิงสาวอึ้งไปไม่ถูกไม่คิดว่าชานนท์จะแสดงพฤติกรรมแบบนี้กับเธอ สุจิตาที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ จับมืออังศุมาลินไว้ หญิงสาวหันไปพยักหน้าให้ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก เธอเองก็อยากลองดูว่าปากเธอจะพอสู้ไหวไหม
‘มีสิ เราส่องกระจกทุกวันเลย ว่าแต่เธอถามทำไม’
อังศุมาลินตีหน้าซื่อถามกลับ
‘บ้า’
ชานนท์พูดจบแล้วก็เดินออกไป ตามด้วยดอลลาร์ อังศุมาลินมองจนพวกเขาเดินไปไกล
‘อิ้งไม่น่าเลย’
‘ดีมาดีไป ร้ายมาร้ายกลับ เราไม่ทำใครก่อนแต่ถ้าใครทำเราเดี๋ยวคงได้เจอกัน’
อังศุมาลินพูดอย่างแค้นใจ เธอจะรักจะชอบใครทำไมคนพวกนี้ขอบมายุ่งกับเธอนะ
‘แต่ชามันตัวใหญ่มากเลยนะ อิ้งจะสู้มันไหวเหรอ’
‘นั้นสิ’แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ อังศุมาลินเริ่มรู้ตัว ‘เราจะพยายามไม่เข้าใกล้มันแล้วกัน’
แต่เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่อังศุมาลินคิด เพราะห้องหนึ่งห้องสองจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเธอจึงเลี่ยงที่จะไม่เจอชานนท์ไม่ได้ และเลี่ยงที่จะถูกชานนท์แอบแกล้งไม่ได้ แต่เธอมีสิ่งที่ทำได้คือ นิ่งสงบสยบมาร ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะหลังจากนั้นไม่นานชานนท์ก็เลิกแกล้วเธอไปเอง
“สงสัยจะอายไอ้พีมว่ะ ฮา ๆๆ”
ทรงสิทธิ์หัวเราะร่วน
“อิ้งเราเจอกันอีกแล้วนะ”
พัฒนากรที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำกลับมาทักทาย
ชานนท์กับทรงสิทธิ์รู้สึกหน้าแตกขึ้นมาทันที แต่ที่หนัก ๆ คงจะเป็นชานนท์ที่ทำหน้าไม่ถูก เพื่อนที่เหลือหันมามองอังศุมาลินอย่างไม่เชื่อสายตา ต่างคนต่างพูดไม่ออก
“พีมฉันกับรักก็มานะ”
ทานตะวันรีบท้วงอย่างหมันไส้ ไม่รู้ว่านิสัยเงียบของพัฒนากรสมัยก่อนหายไปไหนแล้ว
“มีนใช่ไหม”พัฒนากรรีบถามตามมารยาท ทานตะวันพยักหน้ามองเขาด้วยสายตาจิกกัดซึ่งพัฒนากรก็พอจะเข้าใจ “สบายดีนะ”
“ย่ะ”
ทานตะวันตอบแล้วเดินไปหาจักรพบ
“เธอก็คงจะเป็นรัก สบายดีนะ”
“อืม สบายดี...ดิษเป็นไงบ้างสบายดีนะ”
นฤมลตอบอย่างจำใจ แล้วหันไปทักทายดิษชัยเสียงใสและทำเป็นไม่สนใจพัฒนากรอีก ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ใสใจอยู่แล้ว เลยถือโอกาสได้อยู่กับอังศุมาลินทันที
“ว่าแล้วเราต้องได้เจอกัน”
“แต่เราโคตรผิดหวังเลย”
อังศุมาลินทำหน้ายักษ์ใสแล้วเดินไปเข้ากลุ่มทานตะวัน
4 หนีไม่พ้น
อังศุมาลินเหม่อสายตามองบรรยากาศรอบตัว ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่ยอดน้ำตกในหมู่บ้านของคนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง
ถ้าย้อนไปเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนการที่เธอจะขึ้นมายอดน้ำตกนี้คือเรื่องยาก แต่ตอนนี้เธอขึ้นมาได้สบาย หลังจากที่อธิษฐานพาเธอขึ้นมาครั้งนั้น เธอก็เลิกที่จะกลัวตกไปข้างล่างอีก
มองลงไปจากตรงนี้ก็จะเห็นหมู่บ้านอยู่ไม่ใกล้ เมื่อก่อนที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปศึกษาในตัวเมืองได้กลับมาพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญขึ้น แต่คนในหมู่บ้านก็ยังคงยึดถือหลังธรรมเนียมเก่า ๆ ที่เคยสร้างกันมาอยู่
“อิ้ง”
“อ้าว รัก มีน”
อังศุมาลินหันมาทักทายเพื่อนสนิทสองคนสมัยมอปลายที่พากันเดินขึ้นน้ำตกมาหาเธอ
“แม้เดียวนี้กล้าขึ้นมาคนเดียวนะยะ ไม่กลัวหลงแล้วเหรอ”
ทานตะวันรีบพูดจิกกัน
“ก็เรารู้ไงว่าพวกแกจะต้องมา แกสองคนคงไม่ปล่อยให้เราตายที่นี่หรอก”
“พูดดีไป นี่ถ้าไอ้จักรมันลืมบอกฉันจะดูว่าเธอจะกลับลงไปยังไง มีนรู้ป่ะครั้งแรกที่อิ้งมานะเกือบจะตกเขาเลย ลื่นล้มจนกางเกงขาด”
นฤมลแฉ แล้วทั้งสามคนก็พากันหัวเราะ
“รักก็จำจังนะ ตอนนั้นเรากลัวนี่ มีนรู้ป่ะเรากลับบ้านไปเดินไม่ได้ตั้งหลายวัน นี่ถ้าเราไม่ได้อิฐนะเราก็ยังไม่กล้าขึ้นมาบนนี้หรอก”
“เอ่อพูดถึงอิฐ แล้วเขาไม่มาด้วยเหรอ”
นฤมลเอ่ยถาม อังศุมาลินส่ายหน้า ยิ้มเศร้าค่อย ๆ เดินลงมาข้างล่าง
“ทะเลาะกันเหรอ ใครมาจีบแกอีกล่ะ”
ทานตะวันถามอย่างรู้ทัน บ่อยครั้งที่เธอเห็นเพื่อนต้องทะเลาะกับคนรักเพราะความสวย
“น้ำเย็นเหมือนเดิมเลยเนอะ”
อังศุมาลินไม่สนใจคำถามลงไปเล่นน้ำตก
ปุ๋ม ทานตะวันโยนก้อนหินเล็ก ๆ ใส่คนอ้อมค้อม
“เปลี่ยนเรื่องทำไม อย่าคิดว่าฉันสองคนไม่รู้นะ กี่ครั้งแล้วที่เธอหลบคนที่มาจีบเธอมาที่นี่ ถ้าพี่อิฐไม่มารับเธอก็ไม่กลับไป”
“ก็เหมือนเดิมนั้นล่ะจะถามทำไม มาเล่นน้ำกันดีกว่า”
พูดจบก็วักน้ำใส่เพื่อน อีกสองคนก็ไม่ยอมโดดลงมาเล่นด้วยอย่างสนุกจนลืมวัย จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงทุกคนก็ต่างหมดแรง พากันปีนหาโขดหินใกล้ ๆ นั่งพัก
“ดีนะที่ไม่มีเด็ก ๆ ขึ้นมาเสียภาพลักษณ์ครูหมด”
ทานตะวันบ่น แล้วก็ต้องหยุดพูดสะกิดให้นฤมลดูเพื่อนสาวที่นั่งเหม่ออีก
“มีอะไรจะเล่าไหมอิ้ง”
นฤมลเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา อังศุมาลินหันกลับมามองเพื่อนทั้งสองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
“เรามันเลว เรา...เรากำลังจะนอกใจอิฐ...ถ้าอิฐรู้อิฐก็จะต้องเสียใจ...เรามันเลว”
ในที่สุดเธอก็พูดมันออกมา เธอยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเธอมีใจให้พัฒนากรจริง ๆ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่ามันแค่เรื่องเก่าที่ฝังใจ แต่เธอก็ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้ว่าเพียงแค่เห็นหน้าเขาเธอก็รู้สึกดีมาก จนไม่รู้จะมากยังไง
“ใคร!”
สองเพื่อนสาวถามขึ้นพร้อมกัน
“พีม”
“หา!”
แล้วก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน พากันเดินมาหาอังศุมาลิน
“นี่เธอยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ มันตั้งหลายปีมาแล้วนะ”
“จริงอย่างที่มีนบอกนะ ป่านนี้มีลูกมีเมียไปกี่คนแล้วไม่รู้ แล้วทำไมอยู่ ๆ เธอถึงกลับไปเพ้อถึงเขาอีกล่ะ”
“เมื่อวานเราไปเจอเขามา เขามีท่าทีจะจีบเราด้วยนะ ครั้งนี้เราไม่ได้คิดไปเองด้วย”
อังศุมาลินเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดูท่าทางต่างจากเมื่อครู่มาก
“อิ้งแกมีความสุขอยู่ใช่ไหม”
ทานตะวันถาม เธอไม่เคยคิดว่าเพื่อนจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
“นี่เธออย่าลืมนะว่าที่เขาชอบเธอน่ะ เพราะหน้าสวย ๆ ที่อิฐเขาทำให้เธอ ถ้าเขาเห็นเธอเป็นเหมือนเมื่อก่อนเธอคิดว่าคนอย่างเขายังจะมองเธอไหม”
“เรารู้แล้วน่า”
อังศุมาลินทำหน้างอนแล้วเดินขึ้นจากน้ำ แอบโกรธที่เพื่อน ๆ มาดับฝันเธอ
“นี่เธอคิดอะไรอยู่กันแน่”
ทานตะวันวิ่งมาดึงอังศุมาลินให้หยุดเดิน
“ถ้าเราคิดจะกลับไปหาเขาเราคงไม่เหาะมาที่นี่หรอกน่า ยังไงเราก็จำได้เสมอว่าอิฐคือคนที่ดีกับเราที่สุด”
“และก็รักแกที่สุด”
“จริงใจกับเธอที่สุดด้วย”
อังศุมาลินหลี่ตามองเพื่อนทั้งสองคนแล้วพยักหน้าช้า ๆ ให้
“เราไปข้างล่างกันเถอะหิวแล้ว”
ที่บ้านของจักรพบหนึ่งในเพื่อนสมัยมัธยมปลายของอังศุมาลิน กำลังจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ กันอยู่ โดยมีเจ้าของบ้านเป็นพ่องาน วันนี้มีเพื่อนสมัยมัธยมปลายของเขามาเที่ยวหาที่บ้านกันหลายคน
“ไม่เจอนายเสียนานเลย เป็นไงมาไงล่ะเนี่ย”
เจ้าของบ้านเอ่ยถามเพื่อนเก่าที่ไม่เคยเจอกันนาน
“ก็ดีเพื่อน ส่วนใหญ่ฉันก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ พอดีช่วงนี้ว่าง ๆ ก็เลยกลับมาเยี่ยมพวกมันเนี่ย มันก็เลยชวนฉันมาเที่ยวด้วย”
พัฒนากรหันตอบพร้อมยกแก้วของเครื่องดื่มจากชานนท์ ชานนท์ยิ้มแล้วรีบเทน้ำให้
“เมื่อกลางวันอิ้งก็เพิ่งมา”
“จริงเหรอ”
พัฒนากรหันมาถามอย่างตื่นเต้นแก้วกลับทำให้น้ำหกใส่ชานนท์ ชานนท์มองอย่างไม่พอใจ
“ไอ้แว่นนั้นน่ะเหรอ”
ทรงสิทธิ์หันมาถามอีกคน
“เรียกเธอดี ๆ หน่อยสิสิทธิ์”
พัฒนากรหันมาว่าเพื่อน คนอื่น ๆ หันมามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของพัฒนากรดูสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อิ้งที่อ้วน ๆ น่ะเหรอ ที่มันแอบชอมเธอตอนมัธยมใช่ไหมพีม”
ชานนท์ถาม คนทั่วไปอาจจะดูไม่ออกว่าเขามีใจเป็นหญิง เพราะการแต่งตัวของเขามันเหมือนผู้ชายทุกอย่าง เขาเป็นเพื่อนที่เรียนต่างห้องกับพัฒนากร
พัฒนากรพยักหน้าแล้วอมยิ้ม ชานนท์เห็นแล้วรู้สึกหมันไส้
“ชาแกไม่ชอบอิ้งเหรอ”
ธีรเทพเพื่อนที่เคยเรียนห้องเดียวกับชานนท์ถาม ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดก็มีแต่ธีรเทพนี่แหละที่รู้จักนิสัยชานนท์ดีที่สุด
“ทำไมล่ะชา หรือแกก็ชอบพีม”
ตรีพงศ์ถามจี้ใจดำชานนท์ เขาเลยโยนน้ำแข็งใส่คนปากดี
“พวกเราก็ไม่ได้เจออิ้งนานแล้วนะ ตอนนี้อิ้งอยู่ที่ไหนเหรอจักร”
ดิษชัยหันไปถามจักรพบบ้าง เขาเป็นอีกคนที่เกือบจะสนิทกับอังศุมาลิน เคยทำงานกลุ่มกับอังศุมาลิน ด้วยกันหลายครั้งตอนสมัยเรียน
“ก็คงอยู่กับมีนและก็รักมั่ง เห็นมาทีไรก็ไปคลุกอยู่กับสองคนนั้น แต่พวกนายยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเดียวนี้อิ้งเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ทำไมทุเรศกว่าเก่าเหรอ”
ชานนท์ว่า เพื่อน ๆ ที่เหลือหันมามองเป็นตาเดียว เจ้าตัวก็เลยสงบปากลงรู้ตัวว่าออกอาการมากไป
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทานอาหารที่บ้านนฤมลทำไว้ให้จนอิ่ม ทั้งสามสาวก็มานั่งเล่นอยู่ที่ชายน้ำ น้ำตรงนี้ไหลมาจากน้ำตกด้านบน มองไปจากตรงนี้จะเห็นบ้านพักต่างอากาศของดาราคนหนึ่งที่มาปลูกไว้ฝั่งตรงกันข้ามของแม่น้ำนี้ด้วย
“เขามาบ้างไหม”
อังศุมาลินหันไปถามเพื่อน ๆ ทั้งสองคน
“นาน ๆ ทีถึงจะเห็นนะ พาลูกเมียมาด้วย”
ทานตะวันเป็นคนตอบ อังศุมาลินหันมาทำหน้าตกใจ
“เดียวนะ เขายังไม่มีเมียนะเท่าที่จำได้”
“ที่เธอรู้นะไม่มี ที่เขามีนะเธอไม่รู้”
นฤมลว่า
“ครูครับ ๆ ครูจักรให้มาเชิญไปที่บ้านครับ”
เด็กนักเรียนตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหานฤมล
“ครูคนเดียวเหรอ”
“เพื่อนครูด้วยครับ”
“หนูจ๊ะรู้ไหมครูจักรเรียกพวกน้าไปทำไม”
อังศุมาลินเดินมาถามเด็กชายตัวน้อย เด็กชายตัวน้อยเอามือปิดปากทันที แล้ววิ่งหนีออกไป
“ไปถึงเดียวก็รู้อิ้ง”
ทานตะวันเดินมาแตะไหล่เพื่อนสาว อังศุมาลินหันไปมองหน้าแล้วพยักหน้าให้ ในใจรู้สึกว่ามีอะไรที่น่าแปลกอยู่แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเดินตามเพื่อนทั้งสองคนไปบ้านจักรพบ
“ทำไมวันนี้บ้านไอ้จักรสว่างจังล่ะ”
นฤมลตั้งของสังเกต
“สงสัยพวกไอ้ทรงสิทธิ์จะมา นั้นไงรถจอดอยู่นั้นฉันจำได้”
ทานตะวันชี้ให้เพื่อนดู อังศุมาลินเห็นแล้วต้องหยุดเดิน สองสาวที่เดินนำอยู่หันมามองก็เห็นอังศุมาลินกำลังจะเดินกลับ
“อิ้ง”ทานตะวันวิ่งกลับมา “เป็นอะไรไป”
“มีนพีมต้องมาด้วยแน่ ๆ เลย วันนี้เขามาเมืองกาจน์ด้วย เราไม่ไปแล้วพวกเธอไปกันเถอะ”
“อะไรนะ เขาตามเธอมาถึงนี่เลยเหรอ”
นฤมลวิ่งกลับมาอีกคน
อังศุมาลินส่ายหน้า “คงบังเอิญน่ะ เขาจะมาหาพวกนายสิทธิ์พอดีล่ะมั่ง เราว่าเรากลับไปรอพวกเธอที่บ้านรักดีกว่า”
“ไม่แกต้องไปกับพวกฉัน ป่านเนี่ยมันรู้แล้วว่าแกอยู่ที่นี่ถ้าแกยิ่งหนีหน้ามันก็จะรู้ว่าแกยังชอบมันอยู่”
ทานตะวันรีบลากอังศุมาลินให้เดิน โดยมีนฤมลคอยดันหลังอังศุมาลินไว้อีกคน หญิงสาวพยายามจะฝืนแต่ก็สู้แรงเพื่อนไม่ไหว
“มากันแล้ว”
ดิษชัยชี้ให้เพื่อน ๆ ที่นั่งคุยกันให้ดูสามสาวที่กำลังกระชากลากถูกันมา พออังศุมาลินหันไปเห็นเข้าก็เลยหยุดดิ้นเดินเข้ามาด้วยดี
“นางอิ้งไม่มาด้วยเหรอ หรือว่าอายสารร่างตัวเอง”
กึก! อังศุมาลินหยุดเดินทันทีหันไปหาคนพูด ต่อให้ไม่เจอเขาคนนี้อีกสิบชาติอังศุมาลินก็แน่ใจว่าเธอต้องจำเขาได้ โดยเฉพาะคำพูดบาดใจคนเนี่ยเธอจำได้แม่นเลย
ในวันนั้นเป็นวันที่โรงเรียนจัดให้นักเรียนมอสี่ห้องหนึ่งและห้องสองมาช่วงงานที่วันฝั่งตรงข้ามโรงเรียน อังศุมาลินกำลังนั่งคุยเล่นกับสุจิตาอยู่
‘เอ่อ...ใช่วันนี้เลิกเรียนกี่โมงไปร้านหนังสือป่ะ’
‘เราก็เลิกพร้อมกันนะอิ้ง เพราะวันนี้เราไม่ต้องเรียนไม่ใช่เหรอ’
‘จริง’
‘กบ’
เสียงของดอลลาร์ลอยมาแต่ไกล อังสุมาลินกับสุจิตาหันไปมองอย่างหมันไส้
‘อ้าว...ชา’
อังศุมาลินหันไปทักทายเพื่อนอีกคนที่เดินมาพร้อมดอลลาร์ ชานนท์คือคนที่อังศุมาลินนับเป็นเพื่อนอีกคนเพราะตอนมอต้นชานนท์กับอังศุมาลินสนิทกับอาจารย์ที่ห้องสมุดเหมือนกัน และได้เป็นบรรณารักษ์อยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ถือว่าดี
แต่วันนี้อังศุมาลินกลับรู้สึกถึงเงาสีดำที่ห่อหุ้มตัวชานนท์อยู่
‘นี่ที่บ้านเธอมีกระจกไหม ถึงคิดมาชอบพีมน่ะ’
นั้นไง อังศุมาลินคิดในใจ หญิงสาวอึ้งไปไม่ถูกไม่คิดว่าชานนท์จะแสดงพฤติกรรมแบบนี้กับเธอ สุจิตาที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ จับมืออังศุมาลินไว้ หญิงสาวหันไปพยักหน้าให้ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก เธอเองก็อยากลองดูว่าปากเธอจะพอสู้ไหวไหม
‘มีสิ เราส่องกระจกทุกวันเลย ว่าแต่เธอถามทำไม’
อังศุมาลินตีหน้าซื่อถามกลับ
‘บ้า’
ชานนท์พูดจบแล้วก็เดินออกไป ตามด้วยดอลลาร์ อังศุมาลินมองจนพวกเขาเดินไปไกล
‘อิ้งไม่น่าเลย’
‘ดีมาดีไป ร้ายมาร้ายกลับ เราไม่ทำใครก่อนแต่ถ้าใครทำเราเดี๋ยวคงได้เจอกัน’
อังศุมาลินพูดอย่างแค้นใจ เธอจะรักจะชอบใครทำไมคนพวกนี้ขอบมายุ่งกับเธอนะ
‘แต่ชามันตัวใหญ่มากเลยนะ อิ้งจะสู้มันไหวเหรอ’
‘นั้นสิ’แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ อังศุมาลินเริ่มรู้ตัว ‘เราจะพยายามไม่เข้าใกล้มันแล้วกัน’
แต่เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่อังศุมาลินคิด เพราะห้องหนึ่งห้องสองจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเธอจึงเลี่ยงที่จะไม่เจอชานนท์ไม่ได้ และเลี่ยงที่จะถูกชานนท์แอบแกล้งไม่ได้ แต่เธอมีสิ่งที่ทำได้คือ นิ่งสงบสยบมาร ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะหลังจากนั้นไม่นานชานนท์ก็เลิกแกล้วเธอไปเอง
“สงสัยจะอายไอ้พีมว่ะ ฮา ๆๆ”
ทรงสิทธิ์หัวเราะร่วน
“อิ้งเราเจอกันอีกแล้วนะ”
พัฒนากรที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำกลับมาทักทาย
ชานนท์กับทรงสิทธิ์รู้สึกหน้าแตกขึ้นมาทันที แต่ที่หนัก ๆ คงจะเป็นชานนท์ที่ทำหน้าไม่ถูก เพื่อนที่เหลือหันมามองอังศุมาลินอย่างไม่เชื่อสายตา ต่างคนต่างพูดไม่ออก
“พีมฉันกับรักก็มานะ”
ทานตะวันรีบท้วงอย่างหมันไส้ ไม่รู้ว่านิสัยเงียบของพัฒนากรสมัยก่อนหายไปไหนแล้ว
“มีนใช่ไหม”พัฒนากรรีบถามตามมารยาท ทานตะวันพยักหน้ามองเขาด้วยสายตาจิกกัดซึ่งพัฒนากรก็พอจะเข้าใจ “สบายดีนะ”
“ย่ะ”
ทานตะวันตอบแล้วเดินไปหาจักรพบ
“เธอก็คงจะเป็นรัก สบายดีนะ”
“อืม สบายดี...ดิษเป็นไงบ้างสบายดีนะ”
นฤมลตอบอย่างจำใจ แล้วหันไปทักทายดิษชัยเสียงใสและทำเป็นไม่สนใจพัฒนากรอีก ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ใสใจอยู่แล้ว เลยถือโอกาสได้อยู่กับอังศุมาลินทันที
“ว่าแล้วเราต้องได้เจอกัน”
“แต่เราโคตรผิดหวังเลย”
อังศุมาลินทำหน้ายักษ์ใสแล้วเดินไปเข้ากลุ่มทานตะวัน
เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2556, 16:00:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2556, 16:00:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 1162
<< ตอนที่ 3 ซ้อนสิ่งในใจไว้ไม่อยู่ | ตอนที่ 5 ตามตื้อ (แม้ใจจะเจ็บกลับมาคิด ๆ อดีตยังงานล้ำล้น) >> |