เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา(จบบท)

วาริชประหลาดใจที่วนัสสาจู่ๆก็เงียบหาย เมื่อค่ำของวันที่ผ่านมาเขาไปเคาะห้องเธอ
เพราะเห็นหญิงสาวผิดนัดการลงไปยังคาสิโนและห้องสันทนาการทั้งหลายแหล่ตามที่พูดกันไว้
ถึงจะเป็นนัดอย่างไม่เป็นทางการนักก็เถอะ แต่ก็ต้องผิดหวัง ต้องรอจนสายของวันต่อมานั่นแหละ
เขาจึงได้พบเธอขณะที่ตนกำลังจะเดินออกพ้นลานรับประทานอาหารเช้า

ชายหนุ่มไม่คิดทวงถามถึงเรื่องเมื่อวาน ยังไงเขาและเธอก็เพิ่งรู้จัก หญิงสาวคงออกไปธุระปะปังตามประสา
เขาจะไม่เซ้าซี้กับอะไรที่ผ่านแล้วผ่านเลย แต่ว่าเรื่องที่วันนี้เธอจะไปทำ คงถามได้ ไม่เสียหายอะไร

“มีโปรแกรมจะไปไหนไหมครับ ต้องการเพื่อนเที่ยวหรือว่าคนนำเที่ยวไหม”
ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปนั่งลงเป็นเพื่อนวนัสสากินอาหารเช้า หยิบขนมพายมาเพิ่ม
ให้ตนเองเสียด้วยเลยจะได้มีกิจกรรมทำไปพลางระหว่างคุย

“น่าเสียดายจังค่ะ ไว้วันหลังก่อนแล้วกัน เพราะวันนี้ฉันมีธุระ นัดรถมารับแล้วด้วย
เดี๋ยวไม่นานก็คงมา” เธอเสียดายตามที่ว่าจริงๆ เพราะว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่เธอต้องหาทาง
จับตาสังเกตให้มากกว่านี้

“แล้วแผล ได้ทายาตามที่บอกหรือเปล่า”

“เมื่อวานตอนเที่ยงๆทาครีมที่คุณให้ไปครั้งหนึ่งค่ะ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว แปลกจริงๆ
มันเหมือนไม่มีรอยแผลเหลืออยู่เลย ว่าแต่หมอริชไม่เข้าคลินิกเหรอคะ”

“ผมเป็นเจ้าของกิจการนะครับคุณหนู เข้าอาทิตย์ละครั้งก็ถมเถ อีกอย่าง ไม่ได้หลงตัวเองนะ
แต่เด็กที่ร้านมันชอบบ่น วันไหนพี่หมอเข้าลูกค้าสาวๆงี้มาเต็ม ไม่รู้หมาแมวเกิดจะป่วยอะไร
พร้อมกันหมด หรือเจ้าของอยากมาให้หมอรักษาเสียเองก็ไม่รู้”

วนัสสาส่ายหน้า “หลงตัวเองจังคุณหมอริช ดูไม่มีใจจะรักษาสัตว์ให้สมกับอาชีพเลยนะคะ”

“ดูออกด้วยเหรอ ความรักสัตว์ของผมมันจบไปพร้อมกับตอนที่หมาตัวแรกของผมตายแล้วมั้ง
ผมเคยมีหมาชื่อบ๊อบบี้ ชื่อโหลนะครับ ก็เอามาจากหนังฝรั่งน่ะแหละ แล้ววันหนึ่งมันก็ป่วยตาย
ตอนผมอยู่ม.ปลาย ผมเศร้าใจอยู่พักใหญ่เลยมาเป็นสัตวแพทย์ ตั้งใจไว้ตั้งแต่วันที่มันตายเลย
เคยคิดว่าจะพยายามรักสัตว์ตัวอื่นให้มากเท่ามันแต่ก็ทำไม่ได้ ...ระวังติดคอนะครับนั่น
กลืนพายครึ่งชิ้นเข้าไปทั้งคำแบบนั้น” วาริชเลื่อนแก้วน้ำส้มให้ถึงมือหญิงสาว

“ฉันต้องรีบแล้วค่ะ คุยๆไปชักใกล้เวลาที่นัดรถไว้” วนัสสาโบกไม้โบกมือ

ชายหนุ่มปล่อยให้เธอกิน เขาเฝ้ามองยิ้มๆโดยไม่กวนอีก เมื่อหญิงสาวแยกไปขึ้นรถ
วาริชก็ขับรถของตัวเองตามออกมาจากคฤหาสน์ติดๆ

วนัสสาคงสงสัยเรื่องอุดมการณ์ในอาชีพของเขา แต่บอกตรงๆว่าตอนนี้การเป็นสัตวแพทย์
สำหรับเขาน่ะ มันก็แค่อาชีพบังหน้า และที่พวกเวชกุลเลือกเขาซึ่งไม่ใช่หมอรักษาคน
อาจเพราะเขามีอาชีพนี้เสียด้วยซ้ำไป เพราะวาริชเข้าใจเรื่องสัตว์ทดลองดี
แถมพ่วงที่ศึกษาเองจนแตกฉานเรื่องร่างกายมนุษย์ ไหนจะเรื่องทางยาของเวชกุล
ที่เขาพาตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรอายุวัฒนะที่เคยทำแต่ก่อน
จนมาถึงยาสร้างจุดความทรงจำ ได้ยินว่าต่อไปจะมียาสำหรับรื้อฟื้นความทรงจำ
ที่ได้ผลจริงเต็มร้อยตามมาด้วย

เหลือเชื่อจริงๆที่คนพวกนั้นพยายามสร้างกล่องเก็บความทรงจำของมนุษย์โดยไม่ให้
เจ้าของความทรงจำรู้ตัว เช่นอาจจะผสมยาที่ทำให้ลืมเข้าไปในยาฉีดรักษาโรคอื่นๆ
ของมหาเศรษฐีสักคน สองครั้ง...เพื่อสร้างและปิดกล่องความทรงจำ
คนโดนอาจถูกหลอกให้หลงคิดว่าตนเป็นอัลไซเมอร์หรือโรคหลงๆลืมๆ
เพื่อที่สายของเวชกุลจะได้ขายยาซึ่งเป็นความหวังสำหรับทำให้ความทรงจำกลับมาอีกที
ในราคาแพงกระเป๋าฉีก เรียกว่ามันคือการขายความทรงจำที่ขโมยมากลับคืนให้ชาวบ้าน
อย่างแกมโกงและไร้จรรยาบรรณอย่างที่สุด วาริชไม่ได้สนใจตรงนั้นมากไปกว่าความก้าวหน้า
ทางวิชาการที่ตนจะได้สัมผัส มันชวนตื่นเต้นกว่าเป็นไหนๆ
อาการนี้คงติดมาจากอาจารย์หมอกฤษณะนั่นเองไม่ใช่อื่นไกล

เขาเคยเป็นผู้ช่วยที่ทรงคุณค่ารอบด้าน แถมมาตอนนี้พวกนั้นยังพยายามใช้ร่างกายวาริชเอง
เป็นหนูทดลองเสียด้วย จะมีอะไรครบเครื่องไปกว่าตัวเขา คงไม่มีอีกแล้ว


วาริชยิ้มทักทายผู้ช่วยสาวประจำคลินิก ยีหัวเจ้าโดร่าที่อีกฝ่ายอุ้มไว้จนมันหัวหูยับยุ่งไปหมด
ทั้งส่งเสียงร้องประท้วงเหมียวๆ แต่ก็ยังทำท่าอยากจะตามเขามา ชายหนุ่มส่ายนิ้วปฏิเสธกับแมว
ยังไม่ใช่ตอนนี้... เขาพาร่างสูงของตนเองเข้าไปยังห้องหลังคลินิก ส่วนของสัตว์ป่วยใกล้ตาย
ปิดล็อกประตูแน่นหนา

ถึงจะทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ใจหนึ่งก็อดรู้สึกผิดเล็กๆไม่ได้ทุกที “อาจารย์หมอกฤษณะ...
อาจารย์เคยบอกผมเองนะครับ มือที่มีอำนาจในการรักษา ก็ย่อมมีอำนาจในการทำลาย
คงไม่แปลกใช่ไหม ที่ศิษย์จะเชื่อฟังครู”

อาจารย์อาจหมายความอีกอย่าง แต่เขาจะตีความเข้าข้างตัวเองอย่างนี้ละ

ชายหนุ่มเปิดกรงสุนัขเทอเรียที่นอนหายใจแซ่วอย่างอ่อนล้า วางมือลงบนศีรษะของมันแผ่วเบา
มันปรือตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหลับตาพริ้ม แล้วลมหายใจบางเบานั้นก็ค่อยๆช้า ค่อยๆล้า
ก่อนจะหยุดสนิทลง



ก่อนงานจะเริ่มมีความรีบร้อนอยู่รอบตัววนัสสาเหมือนพายุหมุน คนนั้นวิ่งไปทางนี้ คนนี้วิ่งไปทางนั้น
ไม่มีใครสนใจอะไรอื่นเกินหน้าที่ แต่แล้วคนที่พาเธอมาก็ยังอุตส่าห์หาจังหวะแวบเข้ามาคล้ายจะ
สอดส่องความเรียบร้อย

วันนี้ครามดูดีกว่าเคยจนวนัสสาเผลอมองเขาค้างไปหลายวินาที ชายหนุ่มเซ็ทผมเปิดหน้าผาก
และพองสูงขึ้นไปอย่างแฟชั่นเฉียบ อวดช่วงหน้าเรียวได้รูปคล้ายคนตะวันตก กับไรเคราจาง
ที่โกนแต่งไว้เป็นแนวขอบเรียบกริบ เป็นโครงจากจอนหูมาถึงปลายคางไม่มีเหลือรกขึ้นไปบนแก้ม
แม้แต่น้อย ดวงตาสดใสเจิดจ้าทั้งที่อดนอน แต่แววตาของเขาออกจะจับจ้องมาเป็นพิเศษอยู่เหมือนกัน
ก่อนร่างสูงจะเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย สำรวจดูวนัสสาจากด้านหน้า ด้านข้าง
วกไปถึงด้านหลัง หญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจรดผะแผ่วเมื่อเขาก้าวเข้ามาติดเบื้องหลังของตน
ใกล้ชิด...มากเกินไปจนใจเต้นรัว

“เมคอัพเนียนดี ผมไม่เห็นผีเสื้อตัวนั้นแล้ว...ทั้งที่มันซ่อนตัวอยู่ข้างใต้นี้เอง”

แม้ว่ามือของเขาจะไม่ได้เฉียด นิ้วของเขาจะไม่ได้เคลื่อนขึ้นมาใกล้
แต่ทั้งคำพูดและลมหายใจบางเบาที่สัมผัส เหมือนว่าเขาแตะต้องเธอด้วยนิ้วทั้งสิบที่มี
ก่อนผละจากไปโดยทิ้งรอยร้อนวูบไหว ทำให้วนัสสาต้องเหลียวตาม อีกฝ่ายมองกลับมาแวบหนึ่ง
ตาเขาพรายยิ้ม ช่วยให้เธอมั่นใจว่าวันนี้ตนจะบินได้สวย

สิ่งที่เกิดขึ้นในนาทีจากนั้น แสง สี และเสียง ดูพร่างพรายมาจากทุกทิศทาง
วนัสสาเองก็กลัวไม่ใช่น้อยว่าจะทำให้สิ่งที่คนอื่นทำไว้ดีต้องเสียหาย
แต่สายตาเรียวคมคู่นั้นที่จับจ้องมาจากเบื้องล่างของเวทีบอกให้เธอเชื่อมั่น

สองข้างของรันเวย์แคบยาว ขนาบไปด้วยที่นั่งทั้งฝั่งซ้ายและขวาซึ่งเรียงความสูงขึ้นไป
ในลักษณะเดียวกับอัฒจันทร์ แม้ไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดนั้น ผู้จะเข้ามาในงานได้ต้องมีบัตร
มีเส้นสาย หรืออีกทีก็คือได้จากการเล่นเกมชิงบัตรตามหน้านิตยสารแฟชั่นชั้นนำ
หรือเป็นคนในวงการ อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กิจกรรมนอกโดมก็เป็นตัวกระตุ้น
ให้คนแตกตื่นอยากจะรู้ว่าในนี้เขามีอะไรกัน

นางแบบจะเดินมาตามลู่ที่กั้นไว้ภายนอกเพื่อให้คนเห็นได้ จนเข้ามาถึงในโดม
และปรากฏกายเฉิดฉายบนเวที เบื้องหลังเป็นฉากพร่างพรายด้วยแสง
วนัสสาเห็นครามนั่งอยู่เบื้องหน้าไกลออกไปสุดรันเวย์ไม่ต่างจากตอนซ้อม
เขามองตรงมายังเธอ เพียงยิ้มมุมปากแต่แววตาเจิดจ้าท้าทาย
เสมือนหนึ่งบอกว่ารอเธออยู่ ขอให้อย่าได้กลัว

‘มีความหวังรออยู่ข้างหน้า เธอก็แค่บินไปให้ถึงมัน บินไปเรื่อยๆ
ไม่มีอุปสรรคอะไรขวางเธอได้ เพราะสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นอากาศ...แอร์’
ย้อนนึกถึงคำที่เขาใช้เขาปลอบวนัสสาก็ยังเป็นหัวใจของเรื่องราวบนเวทีนี้เสียด้วย

ในวินาทีนั้น เสียงรอบกายสับสนวุ่นวาย มีเพียงดวงตาของเขาที่แน่วนิ่งและเรียกหาเธอ
ความกลัวไม่มีเหลืออยู่เมื่อหญิงสาวโบยบินโดยไม่มีปีกไปตามรันเวย์จนหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม
แสงแฟลชมากมายวูบเข้าตา แล้วอึดใจแห่งความฝันนั้นก็ผ่านพ้นไป

หลังจบงานเดินแบบ งานของดีไซเนอร์ยังไม่ได้จบตามไปด้วย วนัสสาไม่รู้ว่าควรจะ
ขอตัวกลับก่อนหรือเปล่า เธอลืมถาม เพราะไม่คิดว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงก่อนค่ำเสียอีก
แต่ครามก็ยังรั้งเธอที่ถอดชุดฟินาเล่ออกแล้วไว้ข้างตัวเขา

เธอสบตาอีกฝ่ายเป็นคำถาม ชายหนุ่มก้มมองดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ
และพร้อมจะทำตามเพื่อช่วยให้งานของเขาราบรื่น

ก็ไม่ได้ดื้อมากอย่างที่คิดนี่นา เป็นตัวของตัวเอง แต่มีเหตุผล จนดูออกจะ...น่ารัก

“ไว้รอกลับพร้อมกันนะ” เขาพูดแค่นั้นและเธอก็พยักหน้าตอบ ดูเหมือนคนอื่นจะ
คิดว่าเขาพาวนัสสามาในฐานะคนพิเศษ แต่ทุกคนก็ยินดีต้อนรับเธออย่างยิ่ง

งานวันนี้หญิงสาวทำได้ดีเยี่ยมจนได้รับการทามทามจากแมวมองในวงการหลายราย
เธอก็เพียงเก็บนามบัตรเหล่านั้นไว้ นึกตำหนิตัวเองที่ดีใจกับโอกาสแต่ก็คงจะไม่ได้ใช้มัน
บางทีวนัสสาก็อยากเกิดมาเป็นคนที่มีแต่ตัว ได้พยายามและภูมิใจกับสิ่งที่ริเริ่มด้วยตนเอง
ไม่ใช่ต้องตามล้างตามเช็ดเรื่องมรดกที่ไม่แน่ใจว่าจะชอบมันหรือเปล่า

ทว่าสิ่งสำคัญตอนนี้มีเพียงเรื่องพ่อกับความลับของเวชกุล รวมไปถึงชีวิตของเธอเองที่เรียกง่ายๆ
ก็ยังตกอยู่ในอันตราย เพียงแต่เป็นอันตรายที่กบดานเงียบงัน ยังไม่เผยตัวตนน่าสะพรึงออกมาก็เท่านั้น

ตลอดเวลาที่เคียงข้างกันในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่ามกลางผู้คนหรือที่โต๊ะเลี้ยงฉลองมื้อค่ำกับความสำเร็จ
ของงาน วนัสสาเกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้า ว่าเธอจะต้องพูดกับเขาถึงคืนที่ผ่านมานานมากแล้ว
แต่ยังติดตรึงในความทรงจำ เธอกลับไปโดยไม่ได้ย้อนไปลาเขาเพราะเรื่องพ่อ แล้วครามเองล่ะ
จะสงสัยบ้างหรือเปล่าว่าเธอหายตัวไปไหน หรือมัวแต่สนุกอยู่กับเพื่อนๆที่เหลือในห้องคาราโอเกะนั้น

ทว่าเมื่อทั้งคู่กลับมาอยู่บนรถที่กำลังมุ่งสู่คฤหาสน์สีน้ำเงินด้วยกัน บรรยากาศเย็นสบาย
และความรู้สึกดีๆที่ไม่ต้องมีคำพูดก็ทำให้หญิงสาวอยากจะเงียบไว้ เธอยังมีเวลาคุยกับเขา
อีกนานไม่ใช่หรือ จะวันนี้หรือวันไหน ตอนนี้ขอแค่สูดกลิ่นอายของปัจจุบันให้เต็มอิ่มก่อน

ประสบการณ์วันนี้คล้ายจะเติมเต็มความรู้สึกหลากหลายที่หลงลืมไปแล้วว่าเคยมี
วนัสสาได้ลดเพดานบินลง จากที่เคยถอยห่างขึ้นมาบินอยู่เหนือผู้คน เธอได้กลับลงไปสัมผัส
ว่าอากาศที่อยู่ใกล้ความจริงซึ่งจับต้องได้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดอารมณ์นั้นลงฉับ เพลงแด๊นซ์กระจายแบบนี้ตั้งไว้สำหรับยายเฟย์
เพื่อนจอมเซี้ยวเท่านั้น หมดกัน เดี๋ยวคนข้างตัวก็ว่าเธอใจแตกอีกพอดี
“โทรมาดึกเชียวนะ” หญิงสาวรับโทรศัพท์จากเพื่อนด้วยเสียงยานคาง

“แค่นี้ไม่น่าเรียกว่าดึกสำหรับเธอ ยังไม่ทันจะเที่ยงคืนเลย แล้วก็ไม่ได้คุยกันหลายวันแล้วด้วย
ไหนบอกจะคอยรายงานผลไม่ใช่เหรอ ฉันอยากอัพเดทสถานการณ์ในบ้านผีสิงหน่อยว่าเป็นยังไง”
เฟย์หัวเราะมาในสาย

“สองวันนี้ไม่ได้อยู่ติดบ้านเลย เธอก็ทิ้งแมสเสจไว้สิ”

“ไหนว่ามีงานใหญ่คือเข้าไปสืบหาความจริง”

“ก็นี่แหละเป็นส่วนหนึ่งของงาน” วนัสสาตอบอย่างประหยัดถ้อยคำ “วันนี้คงยังเล่าไม่หมด
ง่วงแล้วด้วย แต่รับรองว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังเยอะเลย”

เฟย์ยอมวางไปด้วยน้ำเสียงคาดโทษที่วนัสสาทำให้อยากรู้อยากเห็น หญิงสาวเก็บโทรศัพท์
เข้าในกระเป๋าถือ ตอนที่คนข้างตัวเอ่ยถามขึ้นมา

“เพื่อนของเธอ คนที่ผมเคยเจอวันนั้นใช่ไหม”

“เพื่อน...คนไหนคะ แล้ววันนั้นน่ะ วันไหน” หญิงสาวแหย่เพื่อยั่วให้เขาแสดงความอยากรู้
ขึ้นมาอีกสักนิดก็ยังดี

“เอาวันไหนดีล่ะ” ใจของคนตอบพลันนึกไปถึงวันที่เขาพบเธอครั้งแรก และอีกวันในงานเลี้ยงหมั้น
ที่ตึกบลูไดมอนด์ ซึ่งวันนั้นเขาก็เห็นว่าคนที่มากับเธอคือเพื่อนคนเดียวกับเมื่อหลายปีก่อน
ท่าทางคู่นี้จะซี้ปึ้กกันจริงๆ

คนฟังกลับเข้าใจว่าครามแกล้งทำหน้าตายเพราะไม่ได้สนใจจะถามถึงอดีตที่เคยพบกันมาก่อนจริงจัง
ร่างบางพลิกตะแคงหันหลังให้เขา “ช่างเถอะ ฉันง่วงแล้ว”

“จะถึงอยู่แล้วนี่ไง” ครามหันมองหลังของคนงอนที่หันไปซุกติดประตูรถ ทำคู้ตัวหลับบนเบาะข้างเขา
นึกอยากเอื้อมมือไปสัมผัสเธออย่างประหลาด คล้ายกับว่าเขาคิดถึงเธอ...มากกว่าที่เคยคิด
ยามย้อนนึกถึงผู้หญิงคนที่เจอเมื่อหลายปีก่อน ความรู้สึกนี้มันเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

วนัสสาเดินนำลิ่วเข้าไปในคฤหาสน์ ไม่ใช่เพราะกระบึงกระบอนอะไรกับเขาหรอก แต่เธอง่วงเต็มแก่
ทว่าทั้งคู่ก็ปะหน้ากันพอดีกับสายชลและเชนทร์ที่แช่มชื่นออกมาจากเงาประตูเชื่อมสู่ส่วนหลังของคฤหาสน์

“วันนี้ลงไปสนุกกันมาอีกแล้วเหรอคะ” วนัสสาทักตามมารยาท

“ใช่ครับ น่าเสียดาย เล่นกันแค่สองคน ผมกินเงินสายชลหมดตัวเลย”

“ถึงหมดฉันก็หยิบเอาจากกระเป๋าคุณนั่นแหละ” สายชลยิ้มดุๆปนขำ พาให้วนัสสาหัวเราะตาม

“คุณวนัสกับคุณครามไปข้างนอกมาด้วยกันหรือครับ” เชนทร์ชวนคุยไปพลางระหว่างทั้งหมดเดินขึ้นบันได

“เธอไปช่วยงานผมนิดหน่อย” ครามเป็นคนตอบแทนหญิงสาวที่หันมามองสบตาเขา

“วันนี้หมอริชก็ไม่อยู่นะคะ หวังว่าคืนต่อไปจะมาสนุกกับพวกเรา คุณสองคนด้วย
ใต้ดินนั่นยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะเลย เสียดายจริงๆที่พาเพื่อนเข้ามาไม่ได้”

“แต่เห็นเบ็นว่าเดี๋ยวห้องที่เหลือก็จะมีคนที่จองไว้เข้ามาพักแล้วนี่จ๊ะ ใช่ไหมที่รัก”

ชั้นสองนั้นมีห้องชุดอยู่รวมสิบห้องตลอดระเบียงยาวเป็นรูปตัว U คว่ำ
แยกเป็นห้องฝั่งปีกซ้ายและขวาของแขนตัวยูนั้น ฝั่งละห้า เมื่อขึ้นบันไดไปถึงครึ่งชั้น
ซึ่งนับว่าสูงเอาเรื่องก็ถึงทางแยก สายชลกับสามีขึ้นไปทางฝั่งขวา ส่วนครามและวนัสสา
ขึ้นบันไดต่อมายังทิศห้าห้องแรกบนปีกซ้าย

ชายหนุ่มเดินเลยห้องของตัวเองที่ถึงก่อนไปส่งสาวน้อยในความดูแลที่ห้องถัดไป

“ต้องขอบคุณเธอนะ ที่มาช่วยจนงานใหญ่ของผมสำเร็จด้วยดี” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งๆ
แต่พอเห็นดวงตากลมโตที่คล้ายจะทวงถามถึงรอยยิ้ม ครามก็ขบฟันจนเห็นสันกรามขึ้นชัด
แล้วเขาก็อดไม่ได้ หลุดยิ้มและหัวเราะออกมานิดหนึ่ง ทำให้หน้าขาวๆมีแนวเคราเขียวจาง
อ่อนโยนขึ้นอีกโขในสายตาคนมอง

“แล้วไหนล่ะคุณดีไซเนอร์รูปหล่อ รางวัลของฉัน”

ชายหนุ่มที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงถอนหายใจบางเบา
“นึกว่าจะขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ผมละไม่เข้าใจเธอเลยว่าจะอยากดูไปทำไม ให้ตายเถอะ”
แต่เขาก็ยกมือขึ้นมาแกะเลสจากข้อมือซ้ายให้เธอตามสัญญา “นี่มันของสำคัญ
ผมไม่ได้ให้เธอนะ แค่ให้ยืม รู้ไว้ด้วย”

วนัสสาไหวไหล่ ค่าแรงเธอก็ได้แล้ว ประสบการณ์ก็ได้คุ้ม และขอแค่ได้ความทรงจำสำคัญ
ที่บันทึกอยู่ในเลสข้อมือโลหะนั่นอีกอย่าง เสร็จแล้วเธอก็พร้อมจะคืนเขาไป

“ฉันไม่ปล้นของคุณหรอกน่า แต่ขอไว้ดูสักวันสองวันนะคะ คืออยากจะร่างแบบของมันเก็บเอาไว้”
หญิงสาวหาข้ออ้างที่ฟังดูอยู่บนพื้นฐานสากลของความเป็นจริงมาบอกกับเขา

“มันก็ดูปกติ ไม่ได้ต่างจากของคนอื่นเขาใส่กัน”

“คุณไม่เข้าใจอารมณ์คนวาดรูปหรอกค่ะ ของแต่ละชิ้นไม่มีอะไรเหมือนกันแน่”

“ผมเองก็วาดรูปได้ ถึงจะไม่เก่งเท่าศิลปินอย่างเธอ...เอาเถอะ ตามสัญญา”
ครามส่ายหน้าก่อนจะหย่อนมันลงบนมือที่ยื่นมาแบรอตรงหน้าเขา

และก่อนประตูจะปิดลงวนัสสาก็ทำทะเล้นอย่างที่ไม่ค่อยจะทำบ่อยนัก
ด้วยการส่งจูบใส่มือตัวเองแล้วเป่าให้ล่องลอยไปหาเขาหนึ่งที

ครามถึงกับต้องส่ายหน้าอีกรอบ พาตัวเองถอยไปยืนพิงเสาหินอ่อนขนาดใหญ่
ซึ่งเชื่อมเป็นส่วนเดียวกับขอบระเบียงหินหน้าห้องพัก เขาหลับตาลง
แล้วร่างของชายหนุ่มก็เสมือนแยกออกเป็นสอง ในขณะที่ตัวจริงของเขายังยืนนิ่งอยู่
ร่างใหม่ซึ่งค่อนข้างโปร่งใสก็ก้าวทะลุประตู ตามเข้าไปในห้องของหญิงสาวทันที!

เขาเข้าไปจนใกล้เธอที่ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
แม้วนัสสาจะไม่เห็นเขา แต่เธอก็เหลียวหันมานิดหนึ่ง หน้าจิ้มลิ้มนั้นเกือบจะจ่อติด
กับหน้าของเขาที่ก้มลงไปดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร เมื่อมองหน้าสวยน่ารักของเธอแล้ว
ชายหนุ่มก็ต้องแอบส่ายหน้าอีกครั้ง ทำเป็นส่งจูบให้งั้นหรือ จะท้าทายกันมากไปหน่อยแล้ว

วนัสสาหันกลับไปสนใจสิ่งในมือ หญิงสาวหลับตา สัมผัสเลสข้อมือที่ดูแล้วว่าเป็นโลหะผสมเงิน
นั้นอย่างช้าๆ ใช้ปลายนิ้วแตะต้องทุกส่วนของมัน ความอบอุ่นของผู้เป็นเจ้าของยังติดตรึง
สีน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำตัวของเขา...แต่นอกเหนือจากนั้น เธอยังไม่เห็นเรื่องราวอื่นใดเลย
ที่สุด เจ้าของร่างบางตัดสินวางเลสข้อมือลงข้างๆหนังสือผีเสื้อที่ตนทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างอ่อนใจ

“สงสัยวันนี้จะเหนื่อยมาก นอนก่อนก็แล้วกัน”

หญิงสาวค่อยๆปลดตะขอชุดออกทั้งที่ยังยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทำให้ครามต้องส่ายหน้า
เป็นคำรบที่สาม นี่เธอจะล่อนจ้อนแล้วหรือ โอเค เป็นเขาเองที่ผิด เขาแอบเข้ามา
แต่ลองเล่นไม้นี้คนบุกรุกก็ต้องจากไปเหมือนกัน เพราะเขาก็ไม่แย่ขนาดแอบดูสาวๆได้ลงคอหรอก
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองเธออย่างอยากจะจัดการอะไรลงไปสักอย่าง แต่แล้วก็หันหลัง ก่อนร่างจิตจะมลายหายไป

วันอันหนักหนาแต่แสนสนุกวันหนึ่งจบลง ทว่าคืนที่มรสุมกระหน่ำกำลังเริ่มต้น...

พายุมา...พาให้ฟ้ารั่ว เริ่มจากเสียงคำรนครืนคราง ก่อนจะเป็นฝนตกหนักราวกับหน้ามรสุม
วนัสสากำลังดิ่งลงในความฝัน คราวนี้ฝันนั้นไม่มีภาพอื่นใดนอกจากสายฝน

เบื้องนอกนั้นฟ้ายิ่งแรง สายฟ้าฟาดลงมา เห็นเมฆที่บิดผันแหวกออกเป็นช่อง เสมือนเปิดออก
เป็นรอยแยก และแรงพิโรธนั้นได้นำพาบางอย่างมา แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึก
หญิงสาวรู้สึกถึงสีน้ำเงินที่เข้มลึก รุนแรง กราดเกรี้ยวพุ่งจู่โจมมาใกล้ จนมาเคาะรัวๆอยู่หน้าประตูนี่แล้ว!


โปรดติดตาม ...ชายหนุ่มคนสุดท้าย
{ความทรงจำที่ ๖ กุหลาบในพายุฝน}

แม้แต่แรงคำรามของฟ้าฝนที่กระหน่ำลงมาก็ยังไม่อาจกลบเสียงเคาะซึ่งรัวดังอยู่หน้าประตู
มันอยู่ไม่ไกลนี้เองในความรู้สึก แต่ประตูที่ว่าไม่ใช่ประตูห้องของวนัสสา

...เจ้าของร่างบางสะดุ้งตื่น หันมองผ่านม่านเบาพลิ้วไปยังหน้าต่าง สายฝนยังปะทะกระจกไม่ขาดเม็ด
ความรู้สึกที่พลุ่งแรงนั้นอยู่ตรงชั้นล่าง สีน้ำเงินเข้มข้นราวกับวังวนของหลุมดำ! วนัสสารีบร้อนลุกจากเตียง
เปิดประตูออกไปยืนเกาะขอบระเบียงหินอ่อนเย็นเยียบ แอบแฝงตัวอยู่หลังเงาบังของเสาขนาดมหึมา
ทันได้ยินเสียงประตูบานใหญ่ ณ โถงกลางเบื้องล่างปิดกึงลงพอดิบพอดี

แล้วเธอก็เห็น! เงาร่างหนึ่งเดินลิ่วมา ตามด้วยเบ็น อีกริต และนาเดียที่อยู่กันครบกุลีกุจอตาม



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2556, 15:52:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2556, 15:53:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1388





<< ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา(...ต่อ)   ความทรงจำที่ ๖ กุหลาบในพายุฝน >>
อสิตา 19 ส.ค. 2556, 15:55:46 น.
คุณภาวิน - อย่าเพิ่งปันใจจากหมอริชไปหาครามอีกคนสิ สงสารตาหมอ เดี๋ยวก็กลับมาง้อหมอใหม่อยู่ดีแหละ
คุณดังปัณณ์ – ครามก็น่ารักแบบนี้แหละ คราวนี้เค้ามาลงช้าไปหน่อย ยังรออ่านอยู่ใช่ไหมตัวเอง
คุณสุขุมวิทย์66 – หนุ่มอีกคนกำลังจะออกมาเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ
คุณเลิฟหมวย – กุญแจในที่นี้ หมายถึงเลสข้อมือโลหะของครามนะคะ ยังไงของสิ่งนี้ก็ต้องมีความหมายอะไรบางอย่างแน่

คุณเฟอร์ – อย่ามาใจร้อนนะ มะม้าไม่เว้นช่วงออกเท่าๆกันเหมือนนิยายเด็กอ่อนหรอก มันก็ต้องมีจังหวะเดินเรื่องมั่ง
แหม่ เนี่ยก็จะออกมาแล้วนวาระ อย่างอแง ...ครามฝากบอกว่าตอนเต้นก็เต้นหน้านิ่งๆไง แบบพวกชอบหาเรื่องง่ะ
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิร่างเหมือนไส้กรอก – เดี๋ยวครามก็น่ารักเยอะๆเองแหละน่า รอชมแล้วกานนนน
คุณรี – นั่นสินะคะ สงสัยอินดิโก้จะเป็นพระเอก หัวเราะมีเลศนัย จริงหรือหลอกกันน้า
คุณนณกร – เหมียวๆๆ วันนี้แมวโดร่าออกนิดนึงง่ะ อยากได้ตัวนุ่มฟูใช่ไหมคะ
คุณพันธุ์แตงกวา – หุหุ นั่นสิ ครามดึงดูดวนัสตั้งแต่แรกเห็นจริงๆ ดูซิว่าต่อไปจะดีกันไปได้นานไหม
คุณเมล็ดทานตะวัน – ครามก็น่ารัก แต่เดาว่านวาระหนูก็น่าจะชอบนะคะ สไตล์หนูเลย แสยะ...
คุนโกลเด้นซันนนนนนน ของเค้า หายปายยยยยยยย งอแง.........................


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 19 ส.ค. 2556, 15:58:02 น.
เฝ้ารอผู้ชายอีกคน...


ภาวิน 19 ส.ค. 2556, 17:58:37 น.
ฮั่นแน่ มีหย่อนไว้อีก อยากเจอพ่อดอกกุหลาบแล้ว รีบมาต่อไวๆนะ อยากรู้ว่าแม่ผีเสื้อจะโฉบไปเกาะดอกไหน หรือเก็บไว้ทั้งสามดอกเลย


ดังปัณณ์ 19 ส.ค. 2556, 18:19:20 น.
อั้ยยยยยยยยยยยยยยยยมาแล้วคร้าาาาาาาาาาาาาาา อยากอ่านตอนต่อปายคร้าาาาาาาาาาาาาาาา คุณแป้งงงงงงงงง ดีดดิ้น (555+ แอบขอ พระเอกเป็นคราม แม้จะเสียดายหมอริช ก็เหอะ ค่อยหาคู่ใหม่นะหมอนะ)


ปูลม. แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย หมอริชหลงตัวเอ๊ง อิๆ ว่าแต่ แอบง้องแง้ง ตอนหมอฆ่าหมา ฆ่าหมาทำไมหมอออออออออออ


พันธุ์แตงกวา 19 ส.ค. 2556, 18:33:51 น.
พ่อครามนี่เสน่ห์จัดจ้านขึ้นทุกวัน รอเจอนายกุหลาบด้วยคน^^


sai 19 ส.ค. 2556, 18:49:38 น.
กรี้ดๆๆๆอยากอ่านตอนต่อไป


Sukhumvit66 19 ส.ค. 2556, 19:24:50 น.
แอบเชียร์ครามเบาๆ ฮิ้วว


goldensun 19 ส.ค. 2556, 21:11:44 น.
ไม่หายค่ะ ตอนที่แล้วอ่านแล้ว งานยุ่งๆ เลยลืมเมนต์ไปเลย นึกว่าเมนต์ไปแล้ว
ตอนนี้ หมอริชดูโหดรึเปล่า ฝึกมือ หรือว่าฆ่าด้วยความเมตตา รักษาไม่ได้แล้ว ยังไงกัน
หนูนัสเกือบโป๊โชว์ซะแล้ว รู้สึกว่า ครามจะหนุนอารมณ์ของหนูนัสได้นะคะ เลยยังไม่รู้สารลับจากเลสข้อมือเลย
รอพบหนุ่มคนที่สามค่ะ


Pat 19 ส.ค. 2556, 23:21:42 น.
ลุ้นหนุ่มคนที่สาม ท่าจะแรงกว่าใคร


lovemuay 20 ส.ค. 2556, 00:04:30 น.
หมอริชแอบดูน่ากลัวนะเนี่ย? มีเบื้องลึกเบื้องหลังอารัยรึป่าวเนี่ย?


ree 20 ส.ค. 2556, 03:01:55 น.
หรือจะมีพระเอกกันหลายคน...ได้ไงหว่า oO


Zephyr 20 ส.ค. 2556, 22:59:10 น.
อ้ะ ออกมาละนี่ พระเอกอีกคน กำลังมา
เหม่ มาพร้อมพายุ ท่าจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวนมิใช่เล่น
ไรอ่า แค่ทนรอมะไหวตะหาก มะม้าก็อย่าหมกนานสิ
ปล. เต้นยังไงเต้นหน้านิ่ง ??!!! งง นึกมะออก ตลกตายเลยอ่า เต้นหน้านิ่ง 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account