หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ ยี่สิบหก : ปัญหาใหม่



อิงตะวันสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ระหว่างผู้ชายที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน และหญิงสาวที่ชอบเสนอหน้า ตั้งแต่วันที่พวกเขากลับมาพร้อมหมึกสดเข่งใหญ่เพื่อเลี้ยงคนในค่าย รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสองที่แจ่มจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ร่องรอยระริกระรี้ในแววตานั่นอีก...

อย่างกับคนรักกัน...

แต่ถึงพวกเขาจะรักกันจริงก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ การได้ทำกิจกรรมศิลปะสนุกกว่าเยอะ อยู่กับเด็กที่เรียกพี่อิงๆ ทั้งวัน ได้วาดรูปอย่างที่เธอถนัด ห้อมล้อมด้วยเสียงหัวเราะสดใส เธอก็ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นแล้ว

ถ้ามาวินจัดค่ายอีกในครั้งหน้า เธอคงขอมาโดยไม่ต้องให้ใครบังคับ



ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นกับลูกสาวโดยไม่มีใครทันสังเกต ทางฝั่งของบิดากลับยังคงเคร่งเครียดด้วยเรื่องเดิม...ข้อความประหลาดที่ส่งมาไม่หยุดหย่อน ระวังเสียของรักบ้าง ระวังกรรมตามทันบ้าง มันหมายความว่าอย่างไร และใครเป็นคนส่งมา จนป่านนี้เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้ นักสืบมือดีที่เขาจ้างมาก็ไม่ช่วยอะไร ก็คงจะมีแค่ชายหนุ่มแว่นหนาตรงหน้านี่แหละที่พอไว้ใจได้

“พรุ่งนี้หนึ่งจะกลับไปถ่ายโฆษณาที่ค่ายแล้วใช่ไหม ยังไงก็ฝ่ายยายอิงด้วยนะ” อิสระเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง มีความห่วงใยมากมายอยู่ในกระแสเสียงทรงอำนาจนั้น มาวินพยักหน้า ก่อนดันแว่นขึ้นยามเอ่ยตอบ

“ผมไม่ได้แค่จะมาบอกว่าผมจะไปหาอิงหรอกครับ แต่ผมจะมาชวนคุณลุงไปด้วยกัน”

“หือ?” ชายวัยกลางคนเลิกคิ้ว เพราะแม้อีกฝ่ายจะคุ้นเคยกัน แต่พักหลัง ระดับความสนิทสนมก็ลดลงตามระยะห่างที่ไม่ได้เจอ “คิดยังไงมาชวน”

“หลังจากวันที่ผมกลับมา อิงก็ลงมาทำกิจกรรมกับคนอื่นทุกวัน ตอนพักอิงก็จะนั่งวาดรูปกับคนอื่น อิงเข้ากับเด็กๆ ได้นะครับ อิงกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมอยากให้คุณลุงไปเห็นด้วยกัน”

“เรื่องนั้นลุงรู้แล้ว คนของลุงส่งภาพมาให้ดูแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบของนักธุรกิจใหญ่ทำให้มาวินเงียบไป ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเอ่ย

“ขอโทษนะครับคุณลุง แต่ผมขอเสนอความคิดเห็น ความจริงแล้วอิงเป็นเด็กที่ฉลาดมากนะครับ เธอไม่ได้ปิดกั้นตัวเองอย่างที่เราเข้าใจ อิงเหมือนเด็กทั่วๆ ไป เพียงแต่เธอมีอารมณ์ศิลปินที่ไวต่อความรู้สึก เธออ่อนไหวง่าย พอมีเรื่องก็สะเทือนใจเร็วมาก มันเป็นคุณสมบัติที่ดีต่อการทำงานศิลปะ แต่อาจลำบากในการใช้ชีวิต ซึ่งผมก็ผิดที่เอาแต่ทำงาน ไม่ได้สอนเธอเลย... ผมละเลยอิง จนอิงเกือบจะไม่ยอมให้ผมเป็นพี่อีกต่อไป ผมไม่อยากให้อิงรู้สึกอย่างนั้นกับคุณลุง ต่อให้คุณลุงจะจ้างคนเก่งขนาดไหนมาช่วย แต่ถ้าคุณลุงไม่เข้าหาอิงด้วยตัวเอง อิงก็จะยิ่งห่างจากคุณลุงมากขึ้น” ชายหนุ่มพยายามแล้วที่จะคัดกรองคำพูดให้เหมาะสมที่สุด แต่กระนั้นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ยังเข้มขึ้น

“เอาเป็นว่าลุงรับรู้แล้วก็แล้วกัน ลุงต้องไปประชุมแล้วนะ ลากันตรงนี้เลย” อิสระว่าก่อนลุกขึ้น ก่อนเดินนำออกจากห้องทำงานส่วนตัว ทิ้งให้ชายหนุ่มที่มาหา มองตามด้วยความหนักใจ



ไม่เชิงกังวล แต่ก็ไม่โล่งนัก

ในเมื่อวันนี้เป็นวันแห่งการเผชิญหน้า ทั้งจากมาวิน และทีม Production ของบริษัทปั้นคิดที่เดินทางมาถ่ายทำโฆษณา เขาก็เป็นห่วงว่ารุ้งของเขาจะเอาตัวรอดอย่างไร ตัวเขาน่ะไม่เท่าไร เพราะบุริศคงบอกพนักงานทุกคนแล้วว่าเขาคือน้องชายฝาแฝดของชินชนะ แต่หญิงสาวเล่า ต้องมาประสานงานกับเจ้าของครุอุดมในฐานะ AE แล้วจะทำอย่างไรกับสาวใช้น้อยหน่าที่ตัวติดกับคุณหนูอิงตลอดเวลา

เลี่ยงการเจอกันไม่ได้แน่ๆ

ถึงจะรู้ว่าเธอคงเตรียมการรับมือเอาไว้อย่างดีแล้ว แต่เขาก็ยังห่วง เธอไม่ยอมกระซิบบอกเขาเลยว่าวางแผนอะไรไว้ แล้วถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นมา เขาจะหาแผนสองแผนสามไปช่วยเธอทันได้อย่างไร คิดแล้วก็หันไป

แต่ปรากฏว่าคนที่เขากำลังห่วงได้หายไปแล้ว



เหนือฟ้าไม่ได้หนี เพราะไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้น ขณะที่เขาแวบออกมาคุยกับซีอีโอหนุ่มแห่งปั้นคิด ผู้ที่อ้างว่าตามมาคุมงาน แต่ความจริงคืออยากมาเยี่ยมทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ หญิงสาวที่เขามองหาอยู่เมื่อครู่ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ด้วยภาพลักษณ์ที่ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ

ร่างบางที่ก้าวฉับๆ ลงจากรถญี่ปุ่นซึ่งจอดอยู่ ณ ลานกว้างหน้าเสาธง ทำเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หันมองกันตาค้าง เดรสลายเสือเข้ารูปยังไม่เท่าไร แต่เกาะอกคล้องคอที่เผยเนินเนื้ออวบอิ่ม และท่อนล่างสั้นกุดอวดผิดเนียนขาวนั่นต่างหาก ที่ทำให้ชินชนะอยากหาผ้ามาห่อร่างเธอไว้เสียเดี๋ยวนี้ ทำไม... เป็นนางสาวน้อยหน่า แต่งตัวบ้านๆ เชยๆ อยู่ไม่กี่วันแล้วมันเก็บกดหรือไง ถึงได้... ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะเห็นสายตาของเพื่อนรักที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ ที่จะยื่นหน้าเข้าไปขวางทันทีทันใด

“ห้ามมอง ฉันหวง” สั้นๆ แค่นั้น บุริศที่กำลังเคลิ้มไปกับของขาวๆ งามๆ ก็ชะงัก ก่อนเหล่มองเพื่อนแล้วตอบเสียงเบาพอกัน

“ไอ้นี่ แค่มองก็ไม่ได้?”

“ไม่ได้” เสียงห้วนอย่างหงุดหงิดของเพื่อน ทำให้หนุ่มลูกครึ่งแกล้งถอนหายใจอย่างหมั่นไส้ปนระอา แต่เมื่อเขาเห็นว่าเออีสาวคนเก่งของเขากำลังเดินตรงไปหาใคร ก็รีบพยักเพยิกบอกคนที่กำลังหัวเสียทันที

“ดูเหมือนว่านายจะเตือนผิดคนแล้ว”



มากกว่าตาค้าง... แต่ทุกส่วนในร่าง ถึงกับแข็งทื่ออยู่กับที่

เพียงแค่ได้เห็น วงหน้ารูปหัวใจจัดจ้านด้วยเครื่องสำอาง ปากสีแดงฉ่ำ ล้อมกรอบด้วยผมสีดำยาวสยาย ซ่อนดวงตาไว้ใต้แว่นกันแดด และเสื้อลายเสือที่เผยเนื้อหนังเกือบทุกสัดส่วน ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ตกใจ แต่มุกมาลาที่ยืนใกล้ๆ ก็แทบไม่เชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้า คือเหนือฟ้าคนเดียวกับที่ตนรู้จัก

“เอิ่ม เออ... คุณเหนือ ไปงานแฟนซีที่ไหนมาเหรอคะ” เลขาฯ สาวเอ่ยถาม หวังว่าคำตอบจะเป็นอย่างที่เธอคิด

“เปล่านี่คะ เหนือก็ตรงมาจากบ้าน ปกติเหนือก็แต่งตัวแบบนี้ คล่องตัวดี” เหนือฟ้าว่า ทำเหมือนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร และเมื่อเห็นสายตาของมาวิน เธอก็ยิ่งพอใจ “เดี๋ยวเหนือจะพาไปรู้จักกับทีมงานเลยนะคะ” เธอว่า ก่อนเดินนำไปหากลุ่มชายฉกรรจ์ที่หน้าตาคล้ายมหาโจร...

ส่วนหนึ่งเขารู้จักตั้งแต่ตอน Pre-Production หรือการประชุมใหญ่ก่อนถ่ายทำจริง ไดเรกเตอร์หรือผู้กำกับ ผมหยิกยาว หน้ารกหนวดเครา ส่วนโปรดิวเซอร์ดูสะอาดสะอ้านขึ้นมาหน่อย แต่กางเกงยีนส์ที่ใส่ก็ขาดแล้วขาดอีก ครีเอทีฟไม่ต้องแนะนำ เพราะเป็นทำนุทัพที่ขอตามมาด้วย ส่วนช่างไฟ ช่างกล้อง ตัวใหญ่ หน้าดุ รวมๆ แล้วตั้งเป็นแก๊งอันธพาลทวงหนี้ได้สบาย แต่กระนั้น เออีสาวก็ยังพูดจากระเซ้าอย่างสนิทสนม หรือบรรยายตรงๆ คือหยอดเล่นด้วยคำหวาน บริหารเสน่ห์แพรวพราวอย่างไม่กลัวว่าใครจะเข้าใจผิด มาวินอึ้งแล้วอึ้งอีก ขณะที่มุกมาลาก็คิดว่าเหนือฟ้าคงกินอะไรผิดสำแดงเข้าไป โดยไม่รู้ว่าใครอีกคนที่ลอบมองอยู่ ก็แปลกใจไม่แพ้กัน

ผู้หญิงที่แต่งตัวล่อแหลมแบบนั้น ออดอ้อนออเซาะผู้ชายแบบนั้น นั่นนะเหรอ สเปกของพี่หนึ่ง



การถ่ายทำไม่ได้เริ่มต้นในทันที เพราะผู้กำกับเห็นว่าหากใช้สถานการณ์จริง การควบคุม Extra หรือตัวประกอบที่ไม่ได้ซักซ้อมมาก่อนจะทำให้งานล่าช้า เขาเห็นแล้วว่าเด็กบางคนก็ตื่นกล้องมากเกินไป จึงปรึกษาผ่านเออี เพื่อไปประสานงานกับเจ้าของสินค้า จากนั้นจึงสรุปว่า จากจำนวน 80 คน เขาจะเลือกคนที่หน่วยก้านใช้ได้ไม่ถึงครึ่ง มานั่งประดับอยู่ในโรงอาหาร ส่วนตัว Main หรือนักแสดงหลักนั้น เขาจัดให้นั่งตรงกลาง โดยข้างๆ ฝ่ายพร็อบได้เซตโต๊ะวางอุปกรณ์เอาไว้ ส่วนเด็กคนอื่นถูกย้ายเข้าไปในอาคาร ทางทีมงานก็ได้จัดกิจกรรมสันทนาการโดยมีตัวมาสคอตของครุอุดม ซึ่งเป็นตุ๊กตารูปดินสอ มีแขนมีขายื่นออกมา คอยทำหน้าที่สร้างสีสันและความสนุกสนานให้เด็กๆ... โดยที่ทุกคนรู้ว่าในนั้นคือคนรับใช้ของอิงตะวัน

เวลาผ่านไปจนย่ำค่ำ ฉากของวันนี้ก็เสร็จสิ้น ทีมงานจากปั้นเดินทางไปพักผ่อนที่โรงแรม มาวินอยู่ดูแลความเรียบร้อย และคุยกับน้องสาวต่อ ขณะที่ชินชนะในมาดของนายชัย ยังไขปริศนาไม่ได้

เหนือฟ้าไปจ้างใครมาใส่ชุดนั้น



ไม่จำเป็นต้องจ้าง เพราะคนที่ลางานสองวันเพื่อมาสวมชุดมาสคอตอันแสนอึดอัด ยอมทำเพราะคำขอร้องแกมบังคับจากเพื่อนรัก ชนิดที่ถ้าไม่ ‘ใจ’ จริงๆ คงทำไม่ได้

หมายถึง... ถ้าไม่ ‘อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นจนใจจะขาดจริงๆ’ ไม่มีทางทำได้แน่

“แกกับพี่หนึ่งไปถึงไหนกันแล้ว ดีกันแล้วใช่ไหม แล้วทำไมน้องคนนั้นถึงรู้จักพี่หนึ่ง ตอนที่ฉันสวมหัวดินสอนั่น น้องเค้ามาคุยกับฉัน มาบ่นว่าพี่หนึ่งชอบผู้หญิงแบบนั้นไปได้ยังไง น้องเค้าหมายถึงใคร แล้วทำไม...”

และอีกสารพัดความสงสัย ที่ทำให้ตั้งแต่ออกจากโรงเรียนจนมาถึงโรงแรมซึ่งทางปั้นคิดจองไว้ให้ทีมงานได้พักผ่อน สาวร่างสูงโปร่งในเสื้อผ้าทะมัดทะแมงยังไม่หยุดตั้งคำถาม เหนือฟ้าที่นั่งเช็ดเครื่องสำอางอยู่หน้ากระจกตอบบ้าง ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าขีโรชาจะยังไม่พอใจ

“ปกติฉันก็ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของใครหรอกนะ แต่ฉันลางาน ขับรถแกมาหาแก แล้วก็ยอมใส่ไอ้หัวดินสอเหม็นๆ ร้อนๆ นั่นทั้งวัน แกต้องเล่าให้ฉันฟังอย่างละเอียด ไม่อย่างนั้น มีเรื่องแน่” สาวห้าวว่าเสียงเข้ม เออีสาวมองเงาสะท้อนของเพื่อนที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนถอนหายใจ ความจริงเธอก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรต่อไปแล้ว

เหนือฟ้าเล่าไปเช็คเครื่องสำอางไป พอหน้าหมดจดเรื่องก็จบพอดี

“นั่นแหละ ทุกอย่างเคลียร์แล้ว ฉัน...คืนดีกับพี่หนึ่งแล้ว”

“มนต์รักเรือประมงนี่มันเอาอยู่จริงๆ แล้วแกตอบเขาไปว่าอะไรวะตอนที่เขาขอแกแต่งงาน” ขีโรชาถามด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่เมื่อครู่อุทานเสียงดังยิ่งกว่าตอนเชียร์บอลไปแล้วหลายรอบ

“แกคิดว่าฉันจะตอบว่าอะไร สวยๆ อย่างฉันก็ต้องเล่นตัวอยู่แล้ว จะโอเคเซย์เยสเลยได้ไง เสียชั้นเชิงหมด”

“จะถือชั้นถือเชิงอะไรนักหนา แกดูหน้าตัวเองตอนไม่มีเครื่องสำอางบ้างนะ หน้าโล้นอย่างกับผีญี่ปุ่น คิ้วก็แหว่งอีก ผู้ชายที่รับแกสภาพนี้ได้มีไม่กี่คนหรอก รีบๆ เยสไปเหอะว่ะ ส่วนเรื่องเมื่อ 4 ปีที่แล้วนะ มันก็น่าโกรธจริงๆ แต่ถ้าแกยังเก็บมาฝังใจไม่เลิก มันก็โง่น่าดู”

“โห ต้องพูดแรงขนาดนี้เลยเหรอยะ คนเจ็บแล้วจำก็หาว่าโง่ ต้องยอมง่าย ลืมง่ายใช่ไหม ถึงจะฉลาด”

“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง คนที่ให้ความเจ็บในอดีต มาทำให้ตัวเองเจ็บในปัจจุบัน นั่นต่างหากที่โง่ เออๆ แต่ฉันรู้ว่าแกไม่โง่หรอก ไม่งั้นจะยอมให้เขาจูบ... ตั้งสี่ห้าครั้งได้ยังไง” พอพูดจบก็ต้องหลบลูกกระสุนซึ่งเป็นสำลีใช้แล้วที่ถูกปาเข้าใส่ ก่อนหัวเราะร่าเมื่อเพื่อนแยกเขี้ยว

“ฉันไม่น่าเล่าให้แกฟังเลย... ฉันจะกลับแล้ว บอกอิงว่าจะเอาชุดมาสคอตมาคืน หายมานานเดี๋ยวสงสัย”

“กลับไปหาอิง หรือว่ากลับไปหาใคร” ขีโรชายังแซวไม่เลิก เหนือฟ้าจึงรีบผุดลุกขึ้นเพื่อซ่อนหน้าแดงระเรื่อของตัวเอง ก้มหน้าก้มตาเก็บของเตรียมจะออกจากห้อง แต่แล้วเพื่อนที่นั่งขำก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อน

“เดี๋ยวๆ รุ้ง อย่าเพิ่งไป ฉันมีอะไรจะให้ดู” สาวห้าวว่าพลางหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เปิดหารูปที่ถ่ายเก็บไว้ แล้วส่งให้อีกฝ่าย “ไอ้งานพ่นกำแพงที่คุณหนูอิงนั่นไปทำ ไม่ใช่งานเล็กๆ เลยนะ ฉันเพิ่งเห็นข่าว เพราะน้องที่ออฟฟิศฉันก็ไปร่วมแจมด้วย เป็นเทศกาลสตรีทอาร์ตระหว่างไทยกับยุโรป รุ่นน้องฉันบอกว่าคุณหนูอิงมีชื่อในวงการว่า ซันบอมบ์ คนอื่นๆ น่ะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในแวววงกราฟฟิก ฉันว่าคุณหนูนี่ก็เจ๋งไม่เบา ถึงไปทำงานร่วมกับเขาได้ บางทีสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัญหา อาจคือความสามารถของน้องเขาก็ได้”

เหนือฟ้าที่กำลังพิจารณาภาพหมู่ของเหล่าไรเตอร์ ขมวดคิ้วที่บางจนแทบมองไม่เห็นของตนอย่างใช้ความคิด ก่อนจะกดส่งภาพนั้นไปยังโทรศัพท์ของตน “ฉันจะเอาไปให้พี่หนึ่งดู เผื่อจะมีความคิดเห็นอะไรบ้าง”

“เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่หนึ่ง ไม่แข่งแล้วใช่ไหม ภารกิจอะไรนั่น”

“แข่งสิ... ฉันจะหลอกถามความเห็นจากเขาเพื่อชัยชนะของฉันต่างหาก สำหรับฉัน ความรักไว้ก่อน ตังค์ทอนสำคัญกว่า ไป ขับรถไปส่งฉันที่โรงเรียนได้แล้ว” เหนือฟ้าว่าพลางคว้ากระเป๋าสะพายใบเก่า ก้าวฉับๆ ไปที่ประตู เปิดออกแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่

“พี่หนึ่ง!!!”



แม้จะมีความประดักประเดิกอยู่บ้าง เมื่อได้เจอผู้ชายที่ห่างหายไปหลายปี แต่เมื่อเขาส่งลักยิ้มพิมพ์ใจมาให้พร้อมทักทายอย่างสนิทสนม ความอึดอัดก็ค่อยๆ จางลง ความคุ้นเคยกลับคืนอย่างง่ายดาย

“กำลังพูดถึงพี่หนึ่งอยู่พอดี ตามมาได้ถูกเวลาจริงๆ สบายดีใช่ไหมคะ ฟังจากที่รุ้งเล่าน่าจะสบาย”

“ไม่สบายหรอก โดนรุ้งทำร้ายจิตใจตลอด”

“รุ้งไปทำตอนไหน” เหนือฟ้ารีบท้วง สรรพนามที่เปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่กลับจากเรือไดหมึกถูกเอ่ยอย่างคล่องปาก ราวกับว่าเธอเองก็อยากกลับไปเรียกเขาเรียกตัวเองเช่นนี้อยู่นานแล้ว “รุ้งไม่เคยทำร้ายพี่หนึ่งเลย มีแต่พี่หนึ่งที่ชอบรังแกรุ้ง”

หญิงสาวเอ่ยเหมือนลืมไปว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ด้วย ขีโรชาต้องกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ เมื่อได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยแบบใส่จริตจะก้านเต็มที่ของเพื่อน

“แล้วเมื่อกี้ใครบอกว่าความรักไว้ก่อน ตังค์ทอนสำคัญกว่า ถ้ามีคนยื่นแบงค์ยี่สิบมา รุ้งก็จะทิ้งพี่ไปใช่ไหม” ชินชนะก็ตอบด้วยเสียงกระเง้ากระงอดพอกัน คนนอกที่นั่งฟังรู้สึกคันคอขึ้นมาทันใด

“รุ้งก็ต้องดูก่อนนะคะว่าพี่หนึ่งทำตัวดีแค่ไหน ถ้าทำให้รุ้งเสียใจ สองสลึงรุ้งก็ไป แต่ถ้าดี...แบบนี้ไปเรื่อยๆ รุ้งก็คงต้องคิดหนัก... คิดไปทั้งชีวิต ก็แปลว่าอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตนะคะ”

แหวะ... ขีโรชาทำหน้าเหมือนจะอาเจียน ไอ้เพื่อนคนนี้นี่มัน...ตอนโกรธก็ตั้งแง่สารพัด แต่ตอนรักก็ตาบอด มองไม่เห็นเลยว่ามีคนนอกกำลังนั่งฟังบทรักหวานเลี่ยนอยู่ด้วย ให้ตายสิ แล้วเธอจะนั่งอยู่ทำไม อยากขย้อนออกมาเป็นน้ำตาลหรือไง

“ฉันว่า ฉันออกไปรอข้างนอกดีกว่า ไม่ไหวแล้ว แล้วก็ จะทำอะไรกันน่ะ อย่าให้เตียงมัน...เละมากนะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวัน อยากนอนบนเตียงสะอาดๆ”

“ขิม!! พูดอะไรน่ะ น่าเกลียด” เหนือฟ้าต่อว่าทำหน้าเอียงอาย สาวห้าวเลยแสยะยิ้มให้... ทำเป็นไร้เดียงสา เจ้ามารยาจริงนะแก

และด้วยความหมั่นไส้นี้เอง ที่ทำให้ก่อนเดินจากขีโรชาก็นึกบางอย่างออก เธอปราดเข้าไปใกล้เพื่อน แต่พูดเสียงดังหวังให้ผู้ชายอีกคนได้ยิน “คืนดีกับพี่หนึ่งแล้ว ก็อย่าลืมคุณคิมนะ เขารอแกอยู่”

ทิ้งระเบิดลูกใหญ่แล้วก็เดินยิ้มจากไป เหนือฟ้าได้แต่พึมพำในใจว่าไอ้เพื่อนตัวแสบ



“พี่จะถามเป็นครั้งสุดท้าย ใคร คือ คุณ คิม”

เสียงต่ำที่เอ่ยถามอย่างคาดคั้น ทำให้เหนือฟ้าต้องกลั้นยิ้มสุดความสามารถ ตอนแรกเธอก็คิดจะเก็บกู้ลูกระเบิดที่เพื่อนทิ้งไว้เหมือนกัน แต่ดูหน้าขาวๆ ที่ทำเป็นดุดันตอนนี้สิ

“พี่หนึ่งยิ่งหึง รุ้งก็ยิ่งไม่อยากบอก” เธอลอยหน้าลอยตาตอบ ทำเป็นผละหนี เพราะรู้ดีว่าเขาจะรั้งไว้ ด้วยการคว้าแขนแล้วดึงเข้าไปใกล้

“จะแกล้งยั่วพี่อีกแล้วใช่ไหม”

“ไม่ได้แกล้งนะคะ... แต่ยั่วจริงๆ” เธอเอ่ยช้าๆ ทิ้งสายตายวนเย้าอย่างที่ไม่เคยทำกับเขามาก่อน ความจริงเธอก็อยากเป็นกระต่ายน้อยผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ต่อไปเหมือนกัน แต่สัญชาตญาณเสือสาวพราวเสน่ห์ในตัวมันก็สั่งให้เธอเล่นหูเล่นตาอย่างช่วยไม่ได้ ได้เป็นผู้นำเกมบ้างหลังถูกบังคับให้เป็นผู้ตามมาตั้งนานมันก็สนุกดี เห็นตาตี่ๆ ฉายแววหงุดหงิด ก็ยิ่งพอใจ แต่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะตรงข้ามกับที่คิดไว้ ชินชนะที่กำลังโกรธ ถึงกับชะงักไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“พี่ว่ารุ้งเขียนคิ้วสักหน่อย ติดขนตาสักนิด แล้วค่อยมายั่วพี่ดีไหม ไม่ใช่ยั่วไม่ขึ้นนะ แต่เห็นหน้ารุ้งตอนนี้แล้วนึกถึงตอนที่รุ้งแอบเอามีดโกนหนวดของพี่ไปกันคิ้ว”

แค่นั้น นางแมวป่าที่กำลังตั้งท่าก็หมดอารมณ์กะทันหัน เธอเบ้หน้า ก่อนกระแทกกระทั้นไปยืนกอดอกริมกระจกที่ติดระเบียง “รักคนที่เปลือกนอก... อย่าคิดนะว่ารุ้งจะทำอย่างนี้อีก” เธอว่าเสียงห้วน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อคนที่หัวเราะเธออยู่เมื่อครู่ เดินมาสวมกอดจากด้านหลัง

“งั้นพี่ก็ควรปอกให้หมดเปลือก จะได้สำรวจเนื้อในของรุ้งได้ทุกซอกทุกมุม” เสียงต่ำของเขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ก่อนปลายจมูกโด่งจะซุกซนซอนไซ้ไปทั่วซอกคอขาวเนียน เป็นความซ่านเสียวที่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนที่เขาจะถามต่อ ทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง “เมื่อเช้า ที่เห็นรุ้งแต่งตัวแบบนั้น พี่แทบเป็นบ้า ตอนนี้ยังมีเรื่องคุณคิมอีก บอกมา อยากให้พี่ลงโทษเรื่องไหนก่อน”

“ลงโทษไม่ได้สักเรื่อง รุ้งไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ เรื่องเมื่อเช้า เพราะรุ้งรู้หรอกว่าคุณมาวินไม่ชอบผู้หญิงแต่งตัวแบบนั้น เขาชอบคนเรียบร้อย ใสๆ รุ้งก็เลยจัดที่เขาไม่ชอบให้ เผื่อเขามีใจให้รุ้ง จะได้ตัดใจได้เลยไง”

“เหรอ... ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเปลี่ยนเป็นให้รางวัลสินะ” เขาว่า แล้วยื่นหน้าจากด้านหลังมาหอมเธอฟอดใหญ่เหนือฟ้าทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แต่มุมปากก็กระดกยิ้มพอใจ ก่อนที่เขาถามต่อ “แล้วเรื่องคุณคิมล่ะคะ จะว่ายังไง”

“ยังไม่บอกหรอก เก็บไว้ให้หึงเล่น”

“ก็ดี พี่จะได้มีเรื่องไว้ลงโทษรุ้งเล่นๆ เหมือนกัน” พูดจบ ก็กดริมฝีปากลงที่แก้มของเธออีกข้าง... เหนือฟ้ากระหยิ่มยิ้มด้วยความสุขใจ ก่อนรอยยิ้มจะค่อยๆ จางหาย เมื่ออยู่ๆ ก็คิดถึงวันข้างหน้า

“ถ้างานสำเร็จ เราจะวัดกันยังไงคะว่าใครชนะ”

“ทำไมอยู่ๆ รุ้งถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา”

“ตอนนี้รุ้งมีความสุขมาก รุ้งไม่อยากเหลิง รุ้งไม่อยากลืมว่ารุ้งมาที่นี่ทำไม ถึงเราจะเข้าใจกันแล้ว แต่รุ้งก็ยังอยากชนะ แค่คิดว่าจะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น มันก็หดหู่... รุ้งอยากซื้อบ้านใหม่ให้แม่จริงๆ แล้วเรื่องของอิง เราก็รู้สึกเหมือนกันว่าเธอดีขึ้น แต่เราไม่รู้ว่าเธอดีขึ้นเพราะใคร ถ้าคุณอิสระให้รางวัลมา ใครจะเป็นคนได้ไป พี่หนึ่งจะว่ารุ้งเห็นแก่เงินก็ได้ แต่รุ้งก็อยากได้เงินจริงๆ” เหนือฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลอยทำให้วงแขนที่รัดเธออยู่เมื่อครู่คลายออก ก่อนที่เขาจะพลิกตัวเธอกลับไปเผชิญหน้า จ้องตา และเอ่ยอย่างเคร่งเครียด

“แล้วถ้าพี่บอกว่า พี่ไม่มีวันยอมให้รุ้งไป รุ้งจะโกรธพี่หรือเปล่า...”

“ไม่โกรธ แต่ยังไงรุ้งก็จะไป”

ชินชนะฟังแล้วก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าเธอหมายความตามที่พูด ไม่เช่นนั้นตอนที่เขาขอเธอแต่งงาน เธอคงไม่แบ่งรับแบ่งสู้ว่าขอคิดดูก่อน “พี่รู้ว่าพี่คงเปลี่ยนใจรุ้งไม่ได้ พี่ก็เลยหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน ถ้ารุ้งจะไปจริงๆ พี่จะเป็นคนพารุ้งไปเอง พี่จะหาที่อยู่ใหม่ให้รุ้งกับแม่ เรื่องรางวัลจากคุณอิสระ แล้วก็โบนัสจากไอ้บอส รุ้งไม่ต้องไปสนมันแล้ว พี่เลี้ยงรุ้งกับแม่ได้นะ เราจะสร้างบ้านของเราด้วยกัน...บ้านของเรา” คำหลัง เขาเน้นชัด ราวกับจะตอกย้ำให้เธอรู้ว่า ถ้ารากฐานมันหนักแน่นขนาดนี้ บ้านของเธอกับเขาจะมั่นคงขนาดไหน

“พี่หนึ่งมั่นใจแล้วเหรอคะ”

“ถ้าไม่มั่นใจ พี่คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ประโยคคล้ายกับที่เขาเคยเอ่ย แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกหมั่นไส้เหมือนเคย มีแค่ความลังเลในตอนแรก แต่เมื่อได้สบตาเขา ความเชื่อมั่นที่ส่งมาทำให้เธอรู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร

เหนือฟ้ายิ้มหวานเป็นการรับคำ ก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้าไปกอดอีกครั้ง เนิ่นนานที่ทั้งสองใกล้ชิดกันผ่านความนิ่งเงียบ ก่อนที่ประตูห้องพักจะเปิดผ่างออก ทำเอาทั้งสองสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจอย่างพร้อมเพรียง

“โทษทีที่เข้ามาขัดจังหวะ แต่ว่ามันจะสามทุ่มแล้วนะ พี่หนึ่งกับรุ้งจะกอดกันถึงเช้าเลยเหรอ”

ขีโรชาที่ยืนจังก้าหน้าประตูร้องทักทั้งที่ยังไม่เข้ามา เหนือฟ้าเงยมองชินชนะ ก่อนหันไปตอบเพื่อน

“จะกลับเดี๋ยวนี้แหละ”

เอ่ยจบก็นำลิ่วไปที่ประตู แต่เมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครตามมาจึงหันกลับ พบชายหนุ่มกระซิบกระซาบกับเพื่อนรัก จึงร้องถามเสียงหลง “คุยอะไรกันน่ะ”

“ไม่บอก” ชินชนะทำลอยหน้าลอยตาตอบก่อนเดินมาสมทบ “ไปกันเถอะ”

“มีลับลมคมในนะ” เธอว่า แต่เขาแค่ยักไหล่แล้วนำออกไป ด้วยความอยากรู้เหนือฟ้าจึงรีบตามโดยไม่หันมาล่ำลาเพื่อน ขีโรชามองแล้วก็พยักหน้า... คงต้องเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาวตามที่พี่หนึ่งกระซิบบอกเมื่อครู่จริงๆ... คิดแล้วก็ยิ้ม ก่อนล้มตัวลงนอนและหลับเป็นตาย

โดยไม่มีใครรู้แม้แต่คนที่เพิ่งออกไป ว่าตอนที่ประตูเปิดอยู่ มีบางคนที่เดินผ่าน มองเข้ามาเห็นเหตุการณ์ข้างในอย่างชัดเจน









---------------------------

ตอบคอมเม้นท์นะคะ ^^

คุณ ChaCha : ยังเคลียร์ปัญหาไม่หมด ยังไม่จบค้า เหลืออีกประมาณ 10 ตอนแหน่ะค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า

คุณพันธุ์แตงกวา : ลงทุนครั้งนี้ได้ปลาหมึกเป็นของแถมด้วยค้าา เอาแบบคุ้มสุดๆ

คุณภาวิน : ช่างเป็นการขอแต่งงานที่โรแมนติกมากเลยใช่ไหมคะ 5555

คุณเดิมเดิม : พี่หนึ่งวางแผนไว้แล้วค่ะ ไม่เมาเหล้าก็เมาเรือแทนละกัน ^^

คุณ Sukhumvitt66 : อิอิ ใจอ่อนเพราะพี่หนึ่งหรือเพราะเรือไดหมึกค้า

คุณ ดังปัณณ์ : งั้นให้คุณปรียาใจอ่อนเร็วๆ บ้างนะคะ คนอ่านสงสารคุณปาใน TT

ต่อจากนี้ไปก็คงเครียดขึ้นเรื่อยๆ (หรือเปล่า) ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายกันนะคะ มันจำเป็นจริงๆ ค่ะ ขอให้สนุกกับการอ่านค้า




ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2556, 23:22:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2556, 23:22:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1515





<< บทที่ ยี่สิบห้า : ได้คืน    บทที่ ยี่สิบเจ็ด : ความแตก >>
พันธุ์แตงกวา 20 ส.ค. 2556, 23:59:51 น.
อุ๊ต๊ะ ใครมาแอบดู
ตอนนี้หวานมากกก เคลิ้มๆ
คุณมาวิลลลพูดถูกท่านประธานต้องเข้ามาใกล้ชิดหนูอิงบ้าง สงสารหนูอิง


Sukhumvit66 21 ส.ค. 2556, 00:07:27 น.
แล้วใครกันที่มาเห็น โอ๊ยอยากรู้ง่ะ!


เดิมเดิม 21 ส.ค. 2556, 08:13:35 น.
ใครหน่ะ


ดังปัณณ์ 21 ส.ค. 2556, 10:44:57 น.
อุต๊ะ! ชอบแบงค์ยี่สิบ ฮ่าๆๆๆ ความรักไว้ก่อน ตังค์ทอนสำคัญกว่า อ๊ากกกกกกกกกก ฮาได้อีก ฮิ้ววววววววววววว (ง่ะ...คุณปรียากับปาในคงอีกนานค้า อะคริๆ)


ภาวิน 21 ส.ค. 2556, 18:58:18 น.
ต๊ายตาย มากกว่าตาค้าง แต่ทุกส่วนในร่างแข็งทื่ออยู่กับที่ เค้าคิดไกลไปถึงไหนต่อไหนแย้ววว


lovereason 23 ส.ค. 2556, 08:22:50 น.
นุ่นยังคลานอ่านต้วมเตี้ยมอยู่ที่บล็อคอยู่เลยค่ะ อิอิ


cherryfirm 26 ส.ค. 2556, 15:34:50 น.
มีคำสะดุดอยู่หลายหน้าจนถึงหน้านี้เลยคะ..แต่ที่ไม่คอมเม้นท์เพราะอ่านเพลินจนต้องพลิกหน้าต่อไปอ่ะคะ....แหะแหะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account