ในทิวากาล>The Morning Light
ไท หนุ่มเจ้าของบาร์ที่เชียงรายผู้เลิกศรัทธาในความรัก กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อเขาได้มาเจอกับนุช หญิงสาวรุ่นพี่ที่เคยพบกันในงานมินิแฟชั่นโชว์ เขาชอบเธอและเก็บเธอไว้ในใจมานาน ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าเธอนั้นมีคนอื่นอยู่แล้ว เธอมีคู่หมั้นคู่หมายที่รักกันมาก จนวันหนึ่งไทได้รู้ว่านุชถอนหมั้นและหนีมาเชียงราย เขาจึงเข้าไปช่วยเยียวยาหัวใจโดยไม่ได้บอกกล่าวทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ศรัทธาและไม่เชื่อมั่นเลยว่ารักนั้นจะสมหวัง เมื่อหัวใจสองดวงโคจรมาเจอกันในสภาพที่อ่อนแอ สองหัวใจต่างเยียวยากันและกัน เส้นทางความรักของทั้งสองเริ่มขึ้น ในแสงแห่งทิวากาล
Tags: หนุ่มเซอร์ สาวสวย ความเศร้า

ตอน: ในทิวากาล>1

แสงไฟสีส้มสว่างไสวเรียกชีวิตชีวาของบาร์และรูปวาดบนผ้าใบกับไม้อัดมี่แขวนเรียงรายบนผนังออกมา ทุกอย่างดูมีมนต์เสน่ห์ เสน่ห์อันลึกลับ ของทุกชิ้นที่วางบนชั้นไม้เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ข้างในตัวของมันเอง บ่อยครั้งที่ผมนั่งมองมันครั้งละนานๆในยามที่บาร์ปราศจากลูกค้า
ในช่วงที่ผมรับช่วงต่อ ทุกอย่างดูยาก แม้ผมจะอยู่และทำมาแทบทุกอย่างเหมือนลูกจ้างคนหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็ยังยากอยู่ดี เพราะตอนนี้ผมต้องทำทุกอย่าง และทำมากกว่าที่เคยทำ ยิ่งบาร์ของผมอยู่ห่างจากย่านที่ผู้คนท่องเที่ยวกัน ผมยิ่งต้องมีความอดทนสูง
ยังดีอยู่บ้างที่ผมมีเพื่อนที่ดีอยู่หลายคน ดีของผมในที่นี้คือทุกคนมีน้ำใจและคุยกันได้และเข้าใจสิ่งที่เราทุกคนกำลังนั่งถกเถียงกัน

”มีคนบอกฉันว่าพรุ่งนี้จะมีฝนดาวตก”
“เราคงได้ดู แต่ดาวตกคงมีมากเป็น 2 เท่า”ผมเงยหน้าขึ้นตอบนุที่นั่งจิบเบียร์อยู่ตรงบาร์ เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่มานั่งดื่มที่ร้านของผมอยู่บ่อยๆ วันนี้เป็นวันแรกที่เพื่อนของผมคนนี้ตัดสินใจมานั่งตรงบาร์ ซึ่งจะมีคนมานั่งนานๆครั้ง ผมคิดทึกทักเอาเองว่า คงเป็นเพราะมันนั่งไม่สบายเท่าไหร่นัก
บาร์ที่ผมกับนุกำลังนั่งคุยกันอยู่นี้ ผมกับพ่อแล้วก็เพื่อนของผมอีกคนซึ่งตอนนี้ไปทำงานกับพ่อของผมแล้ว ช่วยกันทำขึ้นมาจากบานประตูไม้และเศษซากเสาไม้สั้นๆที่กองอยู่ในโรงรถเก่าข้างบ้านเจ้าของตึกที่ผมเช่าอยู่
บานประตูที่มีแก้วและขวดเบียร์วางอยู่นั้นเปียกโชกด้วยน้ำที่ละลายจากถังอลูมิเนียมใบเล็กสำหรับใส่น้ำแข็งให้ลูกค้า
“ทำไมนายถึงบอกว่าเราจะเห็นฝนดาวตกเยอะขึ้นเป็นสองเท่า”
“เพราะเราเมาไงล่ะ”ผมตอบโดยไม่เงยหน้า
นุหัวเราะ “โธ่ไอ้ไท ไอ้บ้า!!!”
นั่นเป็นการเริ่มบทสนทนาอันยาวเหยียดบทใหม่ของผมและเพื่อน ยิ่งถ้าแก๊งของเรามาสมทบกันจนครบ เรายิ่งจะมีเรื่องที่หยิบยกมาพูดคุยกันมากมายและยาวนานตลอดทั้งคืน



ค่ำคืนมักจะยาวนานสำหรับผม แต่กลางวันแสนสั้น ตราบใดที่แสงสีส้มของบาร์ยังเปิด ผมจะยังอยู่ที่บาร์กับลูกค้าหรือเพื่อนฝูง บางครั้งผมก็เบื่อที่จะต้องมานั่งคุยกับลูกค้าเสียงอ้อแอ้เพราะเมาอยู่เหมือนกัน แต่หน้าที่ของผมคือทำให้พวกเขามีรอยยิ้ม มีเรื่องสนทนาคลายทุกข์ นั่นคือวิธีการของผม และลูกค้าขาประจำมักจะเลี้ยงเหล้าเบียร์ผมเสมอเพราะเหตุนี้
น่าแปลกอีกอย่าง ผมไมใช่คนที่เล่นดนตรีเก่งหรือรอบรู้เรื่องดนตรี แต่ที่นั่งด้านนอกของบาร์มักมีนักดนตรีแวะเวียนมานั่งกัน พูดคุยและฟังเพลงที่ผมฟังอยู่แล้วเป็นประจำ พวกเขาจะชวนผมคุยเกี่ยวกับดนตรีและถามคำถาม ผมเกลียดการถามคำถามของลูกค้า แต่สุดท้ายผมจะขอบคุณพวกเขา พวกเขาจะให้ความรู้ใหม่กับผมเสมอ พวกเขาหรือพวกเราจะคุยกันจนใกล้เช้า ผมจะทยอยปิดไฟจนเหลือดวงสุดท้ายตรงที่มีคนนั่งและปิดดวงสุดท้ายเมื่อพวกเขาออกไป ผมทำอยู่เป็นประจำเพราะผมไม่มีลูกจ้างกะดึกที่จะอดตาหลับขับตานอนรอปิดร้านหรือเฝ้าร้านแทน แน่นอนว่าเวลาในช่วงกลางวันของผมมันจะสั้นลงกว่าเดิมอย่างปฏิเสธไม่ได้
แต่ช่วงเวลาที่กำลังจะคืบคลานจากนาทีที่ผมปิดไฟและประตู เวลาอันสงัดเงียบที่อยู่ตรงกลางระหว่างกลางคืนและกลางวันนี่ล่ะ ที่ผมใช้ชีวิตผ่านมันไปอย่างยากลำบากที่สุด
ช่วงเวลาไม่เกิน2ชั่วโมงก่อนฟ้าสาง สำหรับบางคนมันผ่านไปเร็วเหมือนกระพริบตา แต่สำหรับผมมันดูยาวนานเมื่อชั่วชีวิตหนึ่ง การนอนก่ายหน้าผากแล้วคิดสารพัดจะคิด เรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง จนสุดท้ายผมต้องออกมาเดินหรือนั่งเล่นกับเจ้าสีลายอยู่นอกบาร์ มองผู้คนขับรถผ่านไปมา มองดูเด็กมัธยมจอดรถมอเตอร์ไซค์คุยกันอยู่ข้างถนนแล้วย้อนคิดกลับไปยังวันคืนเก่าก่อนที่ตัวเองเคยเป็นและเคยทำสมัยอายุเท่าเด็กพวกนี้
ผมกับนุมักชอบคุยเรื่องคืนวันเก่าๆ แบ่งปันเรื่องราวกัน ครั้งหนึ่งเราเคยนั่งคุยกันเรื่องการทำอาหาร เราคุยกันจนฟ้าสว่างคาตาพร้อมกับเหล้าขวดหนึ่งซึ่งเราเริ่มจนปัญญาที่จะพิชิตมัน เราสองคนนั่งเฝ้าบาร์กันยันเช้าแล้วแยกย้าย เป็นอย่างนี้อยู่สามวัน คุยเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง จากเรื่องทำอาหาร ไปเรื่องฟุตบอล ยาวไปจนถึงเรื่องผีสาง เรื่องนี้เพื่อนผมโดนมาเองกับตัวเลยทีเดียว พร้อมด้วยผู้ร่วมเหตุการณ์อีกคนซึ่งก็คือเพื่อนผมอีกคน เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่นุเล่าอย่างไม่มีเบื่อ

เรื่องของเรื่องคือ สองสหายนุและบิน ปกติสองคนนี้มานั่งที่บาร์บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยของพ่อของผมเลยทีเดียว วันหนึ่งทั้งสองคนอยากเปลี่ยนบรรยากาศการร่ำสุรา เลยขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปยังสวนของบินซึ่งยายกับตาเฝ้าอยู่ ทั้งสองเลือกห้างกลางสวนเป็นที่ร่ำสุรา เหล้าเถื่อนสองขวดพร้อมกระติกน้ำและแข็ง ทั้งสองนั่งดื่มและนั่งคุยกันมากมาย เรื่องสัพเพเหระ ตลกขำขัน หรือมากกว่านั้นหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบได้ อีกอย่างนุเป็นคนที่สามารถพูดได้ทุกเรื่องและเป็นคนปากไว ในขณะที่บินเป็นคนไม่ค่อยพูดมากเท่าไหร่ ผมนึกภาพสองคนนั้นร่ำสุราด้วยกันออกได้อย่างไม่ยากเย็นเลย
ขณะที่กำลังนั่งร่ำสุรากันอยู่นั้น นุได้ยินเสียงคนเดินมาใต้ห้าง ด้วยความปากไวจึงชักชวนคนใต้ห้างขึ้นมากินด้วยกัน และคนที่อยู่ใต้ห้างก็ขึ้นมาตามคำชวน คนแล้ว คนเล่าที่เข้ามาร่วมวงบนห้าง แก้วพลาสติกถูกเอามาแจกจ่าย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ในละแวกนั้นไร้ซึ่งบ้านคน เป็นป่าเขาห่างจากหมู่บ้านไปหลายสิบกิโลเมตร ทั้งยังมีวัดเก่าน่ากลัวอยู่ จึงเป็นไปได้ยาก ที่จะมีคนนับสิบมาร่วมวงสนทนาและเมาหัวราน้ำกับคนทั้งสองบนห้างกลางสวนนั้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองพิชิตเหล้าเถื่อนสองขวดนั้นได้และเดินทางลงจากสวนเพื่อกลับไปนอนบ้านของบินที่อยู่ในหมู่บ้านอีกฝั่งของแม่น้ำลาว ก่อนถึงสะพานข้ามฝั่ง สองสหายที่เมาแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเอารถมอเตอร์ไซค์ไปล้มที่นั่น แต่สุดท้ายก็กลับถึงบ้านจนได้ แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผลถลอกปอกเปิกและคราบดินโคลนเต็มตัว จากคำให้การของเพื่อนทั้งสองในวันที่เล่าให้ผมฟัง พวกเขากลับไปที่ห้างอีกครั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เห็นเมื่อคืนที่ผ่านมา บนห้างเต็มไปด้วยแก้วพลาสติกกระจัดกระจาย พร้อมด้วยขวดเปล่าและกระติกน้ำแข็ง นุยืนยันว่าเขาเห็นคนเยอะแยะนั่งด้วยกันที่ห้าง แต่ด้วยสภาพตัวเองที่เมาแบบไม่เคยมาก่อน เขาตื่นมาเลยจำไม่ได้ว่าแต่ละคนหน้าตาเป็นอย่างไรและคุยอะไรกันไปบ้าง แสงยามเช้าเฉลยปริศนาให้ทั้งสองเพียงแค่นั้น

ผมได้ฟังเรื่องนี้อีกสามหรือสี่ครั้งในวงเหล้าของพวกเราที่มักจะเริ่มต้นกันที่บาร์ของผม เพื่อนทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง หากไม่เล่าเรื่องราวชีวิตช่วงที่ห่างหายกันไป ก็จะอำและแกล้งกันเล่นสนุกสนาน แม้บางครั้งการแกล้งอำจะแรงจนน่าตกใจ แต่สุดท้ายที่ได้มาก็คือเสียงหัวเราะและได้ใจของกันและกันหากคุณไม่โกรธเคืองใดๆ มีบ้างบางครั้งซึ่งคนถูกอำจะเป็นสาวๆที่หลงเข้ามานั่งด้วย และผมมักจะตกเป็นเครื่องมือและเหยื่อรายแรกๆในกรณีนี้ ปกติผมก็ไม่ใช่คนที่แกล้งอำคนเก่งอยู่แล้วล่ะ ผมเลยเป็นฝ่ายโดนอยู่บ่อยๆ
“น้องเชื่อไหม พี่คนนี้ลูกห้าขวบแล้ว”
สาวๆมักจะมองมาที่ผมเมื่อเพื่อนทั้งหลายเปิดฉาก ผมแก้ไขเอาตัวรอดด้วยการตอบรับหน้าตาเฉยก่อนจะโยนไปให้คนที่อยู่ใกล้เคียงหรือไม่ก็เลี่ยงออกไปทำงานสักพัก
“กำลังอยากมีคนที่สองเหมือนกันนะ แต่ยังหาแม่ของลูกยังไม่ได้”
ผมมักจะตอบกลับสาวๆไปแบบนั้น ซึ่งก็น่าขำดี เพราะสุดท้าย ผมก็ไม่ได้มีความต้องการอย่างที่ตัวเองพูดออกไป งานที่ผมทำและหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบมันหนักหนาเกินกว่าสาวๆที่อายุเท่ากันหรืออ่อนกว่าส่วนใหญ่จะยอมเข้ามาแบกรับด้วย ถึงกระนั้นผมก็ยังยิ้มให้ตัวเองได้เสมอ เพราะสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนั้น ผมมีความสุขที่ได้ทำ

ก่อนหน้านี้ ผมเคยนั่งคุยกับพี่นาถ เธอเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผม เราสองคนสนิทกันเหมือนเป็นพี่เป็นน้องครอบครัวเดียวกัน วันนั้นเราคุยกันด้วยหัวข้อสนทนาที่ว่า “ถ้าเราได้หยุดพัก เราจะทำอะไร” ตอนนั้นเราทำงานหามรุ่งหามค่ำในสตูดิโอออกแบบเสื้อผ้าที่เธอเป็นหุ้นส่วนและเป็นดีไซน์เนอร์อยู่ มีช่วงหนึ่งที่เรามีงานเยอะมาก บ่อยครั้งที่ผมนั้นเป็นได้เพียงลูกมือถือผ้าและวิ่งซื้อของ งานที่ทำจะไม่หนักเลย แต่ใช้เวลาในการทำงานนานมาก บางวันเราทำงานกันถึงตี 4 แล้วต้องตื่นอีกครั้งตอน 9 โมงเช้า มันไม่ง่ายเลยที่จะถ่างตาอยู่ได้ทั้งวัน เช้าวันหนึ่ง ผมกับพี่นาถตื่นพร้อมกัน หลังจากจัดการธุระส่วนตัวกันเสร็จสิ้น เรามีเวลาไม่กี่นาทีก่อนเข้าประชุมกับผู้ร่วมงานคนอื่นๆในสตูดิโอ
“ถ้าหมดงานนี้เราจะทำอะไรกันดี”พี่นาถขยับแว่นก่อนจะถาม เราสองคนนั่งอยู่ตรงมุมนั่งเล่นหลังสตูดิโอ ตอนนั้นผมกำลังนั่งอ่าน นิยายคาวบอยของหลุยซ์ ลามูร์ อยู่เงยหน้าขึ้นมองพี่นาถที่นั่งห่างออกไป
“อยากจะนอนนานๆแล้วตื่นมาตอนเช้า มีกาแฟร้อนๆสักแก้วพร้อมหนังสือสักเล่ม อยากนั่งอ่านหนังสือไปด้วยจิบกาแฟไปด้วย”
“เฮ้ยน่าสน กูเอาด้วย”
“นะ หมดงานนี้ต้องมีสักวัน”
เราสองคนคล้ายจะทำสัญญากันว่าจะทำอย่างที่พูด แต่จนแล้วจนรอดเราสองคนก็ยังไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ พี่นาถถอนหุ้นออกจากสตูดิโอที่เราทำงานหลังจากนั้นไม่นาน ผมเองก็ออกตามมาด้วย เพื่อกลับมาทำร้านกับพ่อ ทุกวันนี้เราสองคนยังคงเป็นนกฮูกนกเค้าแมวที่นอนดึกและพยายามตื่นให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ใช้ชีวิตกลางวันให้นานขึ้น มีพักหลังมานี้เองพี่นาถทำได้บ่อยครั้ง ในขณะที่ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะได้ทำอย่างที่พูดเอาไว้

ในกลางคืนอันยาวนานและร้านที่มีลูกค้าเหลืออยู่ไม่กี่โต๊ะ ผมเดินเข้ามาเปลี่ยนเพลงตามที่ลูกค้าขอ ผมนั่งลงตรงหน้าแล๊ปท๊อปเก่าแก่ของผม หลังจากนั้นไม่ถึงนาที เสียงดนตรีที่คุ้นเคยของเพลงสวีท ชายด์ โอ มายน์ ของกันส์ แอนด์ โรสเสส อันเป็นเพลงที่เรียกได้ว่าเป็นเพลงประจำบาร์ของผมนั้นดังขึ้นทันทีตามคำขอของลูกค้า ผมยังเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่เดิมอีกพักหนึ่ง ไล่ตามองบนจอที่มีรายการเล่นเพลงและหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กอันเงียบเชียบของตัวเอง ผมนั่งมองมันอย่างเรื่อยเปื่อย บนหน้าอัพเดตมีหลายคนที่เคยร่วมงานด้วยกันเมื่อครั้งที่ผมยังทำงานที่สตูดิโอ ผมนั่งมองรูปภาพของพวกเขาเหล่านั้นพลางนึกย้อนไปยังวันเก่าๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดึงผมกลับมาจากช่วงเวลาชั่วขณะอันเรื่อยเปื่อย ผมหยิบมันขึ้นมาดูและรับสาย
“ว่าไงพี่นาถ”
“ไทแกว่างบ้างไหม ช่วงนี้”เสียงพี่นาถดูกระตือรือร้น
“ก็พอจะว่างบ้างนะพี่”
“เออ พอดีพี่นาถจะทำแฟชั่นโชว์”
“อีกแล้ว”
พี่นาถหัวเราะ “อือ อีกแล้ว แต่เปลี่ยนธีมใหม่”
“แล้วจะให้ไทช่วยอะไร”
“คืองี้!!”น้ำเสียงของพี่นาถจริงจังขึ้น “ตอนนี้ฉันหานายแบบไม่ได้ นายแบบเบี้ยวไปคนนึง ฉันเลยอยากจะให้แกมาเดินแทน เหมือนครั้งก่อน”
“นางแบบล่ะ”
“เรื่องนางแบบไม่ต้องห่วง ฉันมีครบแล้ว”
“พี่ส่งตารางซ้อมเดินกับตารางงานคร่าวๆมาให้ผมก่อนละกัน แล้วผมจะโทรกลับไป”
“ได้ๆ แกจะยกบาร์ ชวนเพื่อนแกมาเลยก็ได้ จะได้โปรโมตบาร์แกไปด้วยในช่วงปาร์ตี้หลังโชว์”
“โอเค ไว้ว่ากันอีกที ว่าแต่นางแบบจากครั้งก่อนมีมาบ้างไหม”
“มีอยู่”
“โอเค ไว้ได้ตารางแล้วจะโทรไปบอกนะว่าได้ไม่ได้”
หลังจากถามสัพเพเหระกันอีกเล็กน้อย ผมก็วางสายและกลับมาสู่โลกตรงหน้า แต่ในหัวยังคงคิดถึงเรื่องที่พึ่งคุยกับพี่นาถเมื่อครู่
“เดินแบบ…”ผมพึมพำกับตัวเอง ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่ผมถูกพี่นาถและเพื่อนๆของเธอจับมาเป็นนายแบบหลังจากเกิดการเบี้ยวของนายแบบ (เช่นเดียวกันกับครั้งนี้) ทุกอย่างเหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เราทุกคนเป็นนายแบบและนางแบบที่ถูกชักชวนมาโดยไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ ทุกคนมาทำด้วยใจ (จึงไม่แปลกที่จะมีคนเบี้ยวอยู่บ้าง)
บางคนที่ทางสตูดิโอจ่ายค่าเดินทางให้ สุดท้ายเรามาพักอยู่ที่เดียวกัน กินข้าวด้วยกัน ฝึกเดินด้วยกัน เราทุกคนเหมือนมาเริ่มต้นหัดการเดินแบบด้วยกัน และผมยังจำได้ทุกอย่างในช่วงเวลานั้นได้ จำเพลงประกอบ จำชุดได้ทุกชุด จำนายแบบ นางแบบได้ทุกคน โดยเฉพาะเธอ…คนนั้น



สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2556, 18:36:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2556, 17:53:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 853





<< บทนำ   ในทิวากาล>2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account