อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 23.

23.

พะเยาเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งแห่งล้านนาไทย เดิมมีชื่อว่า “ภูกามยาว” ซึ่งแปลว่า “หมู่บ้านดอยยาว” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1638 โดยพ่อขุนศรีจอมธรรม กษัตริย์แห่งราชวงศ์ลัวะจังคราชหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเจริญรุ่งเรืองสูงสุดปกครองโดยพ่อขุนงำเมือง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองตามอิทธิพลของอาณาจักรต่าง ๆ ที่ผลัดกันมีอำนาจในดินแดนแถบนี้ จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพะเยา และวันที่ 28 ส.ค.20 จึงได้จัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย

ในเวลาราวบ่ายสองโมง รถคันที่คนบนรถเพิ่งปรับความเข้าใจกัน เริ่มแล่นเข้าสู่ตัวเมือง ขณะนั้นมีขบวนแห่ศพไปที่ป่าช้า ขวางอยู่ข้างหน้า รถทั้งขาขึ้นขาล่องต้องหยุด เพื่ออำนวยความสะดวก..

สุริยามองภาพตรงหน้าแล้วก็อดที่จะเล่าตามประสาที่ชอบใคร่รู้เห็นไม่ได้..

“ไม่เหมือนภาคกลางหรอก เขาจะมีป่าช้ากลาง..หลาย ๆ หมู่บ้านจะมาเผาที่เดียวกันไม่เผาในวัด”

“พี่ยานี่รู้ทุกอย่างเลยเนอะ” แสงทองชม..แต่รุ่งโรจน์เย้าว่า

“เขาเรียกว่าแสนรู้ใช่ป่ะ”

“นั่นมันใช้กับหมา..” สุริยาเริ่มมีอารมณ์นิด ๆ เมื่อถูกรวนด้วยคนที่เพิ่งออกฤทธิ์ออกเดชจนต้องเดินผ่าสายฝนไปตามรถ ด้วยเหตุนั้นทำให้ขณะนี้สุริยาจึงเริ่มมีน้ำมูกฟุด ๆ ฟิด ๆ

“แดดก็บ่ฮ้น ฝนก็บ่ฮัม จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด จึงได้พระนามว่า งำเมือง” แสงทองรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยคงรำคาญที่จะต้องเห็นผู้ชายสองคนงอนเง้ากัน..

“ที่ตากมีพระเจ้าตาก ลำพูนมีพระนางจามเทวี เชียงใหม่ มีอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เชียงรายมีพ่อขุนมังราย..ที่ไหนอีก..”

“เพชรบูรณ์มีพ่อขุนผาเมือง สุโขทัยมีพ่อขุนรามคำแหง พิษณุโลกมีสมเด็จพระเนรศวรมหาราช ลพบุรีมีพระนารายณ์มหาราช โคราชแม่ย่าโม อยุธยาของแท้มีเพียบเลย..สิงห์บุรีมีคนบางระจัน..ใช่แล้วพี่รุ่งเราเอาบุคคลสำคัญแต่ละจังหวัดมาเล่นทายปัญหาก็ได้นี่ แบบฝั่งหนึ่งต้องนึกให้ออกชื่อหนึ่งห้ามซ้ำกันโอเคไหม”

“คุณสองคนเก่งกันจังเนอะ รู้ไปหมด..”

“อาชีพนี่คะ..ต้องขวนขวายให้รู้ให้รอบจะได้มีเรื่องไปเล่าได้เยอะ..แต่ก็อดนึกไม่ได้นะมันสะเทือนใจหน่อย ๆ นะ เวลาเห็นประวัติราชวงศ์เก่า ๆ ที่ลบหายไป..เหลือเพียงร่องรอยให้คนสงสัย”

“ยึดไว้มันก็เป็นทุกข์ ก็มีเยอะแยะที่คนไปติดอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ติด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข พอเสื่อมแล้วทำใจไม่ได้เป็นบ้าเป็นหลัง..สมบัติผลัดกันชม บางสิ่งบางอย่างเป็นบริวาร เป็นสหชาติ เป็นเกียรติรัศมีบุญบารมีของพระมหากษัตริย์องค์นั้น เมื่อถึงคราวท่านสิ้น..สิริก็อันตรธานหายไป..เพราะคนที่มาต่อบางทีบุญก็ไม่ถึงที่จะได้ใช้..” สุริยาต่อให้อีกนิด

“พี่รุ่งนี่ก็คงบุญเยอะเนอะ”

“อ้าวทำไมมาลงที่ผมได้ล่ะ” โดยส่วนตัวนั้นรุ่งโรจน์ไม่ใช่คนชอบอวด ในความมั่งมีของตน สุริยาแทบไม่ได้ยินรุ่งโรจน์เอ่ยถึงเรื่องเมืองนอก หรือวงศ์ตระกูลหรือธุรกิจของทางบ้านให้ได้รับรู้..

นี่จึงเป็นอีกเหตุที่ทำให้สุริยารู้สึกว่าได้เจอะกับคนดีมีคุณค่าแก่การฝากหัวใจไว้

“ข้อดีของพี่รุ่ง คือรู้ทุกอย่างแต่ไม่ชอบอวดว่ารู้” แสงทองชมเหมือนรู้ใจสุริยา

“ว่าคุณสุริยาหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังชวนคุยพาดพิงถึงคนที่เพิ่งคืนดีกัน..สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์ต้องการได้ทั้งตัวและหัวใจ...

“พี่ยาเขาแสดงความรู้ในแบบวิทยาทาน ไม่ได้พูดในลักษณะยกตนข่มท่าน มันชวนฟัง” แสงทองเองก็ปัญญาดีใช่ย่อย..

คุยกันได้สักพักรถก็แล่นไปถึงวัดอนาลโย ดอยบุษราคัม พอจอดรถ ทั้งสามคนก็ตรงรี่ไปที่หอพระแก้วซึ่งประดิษฐานพระแก้วมรกต พระบุษราคัม พระเงิน พระทอง และพระนาค..สำรวมใจให้สงบระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยกราบสักการะพระองค์สำคัญในสถานที่ระลึกนึกถึงบุญคุณของผู้ที่ทำการก่อสร้างไว้..แล้วก็เดินไปจุดชมวิว ดูเมืองพะเยาในมุมสูง..เห็นกว๊านพะเยาและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นไกล ๆ ลงจากดอย คนขับก็พาเข้าเมืองไปสักการะพ่อขุนงำเมือง แล้วเลยไปหาร้านหนังสือ แล้วรุ่งโรจน์คนน่ารักคนเดิมก็กลับมา ชายหนุ่มให้สุริยาและแสงทองเลือกหนังสือที่ถูกใจแล้วเขาก็เป็นคนจ่ายให้..

“มากไปมั้ง”

“เหอะ..มันมีประโยชน์ต่อพวกคุณกับผมด้วย คุณอ่านแล้วก็มาเล่า ผมก็ได้ความรู้โดยไม่ต้องอ่านไม่ดีรึ..” สุริยาคว้าหนังสือนวนิยายเวียงกุมกาม เขียนโดยคุณทมยันตีมาหนึ่งเล่ม..อยากรู้ว่าข้างในจะบอกเล่าอย่างไร..ออกจากร้านหนังสือรถคันโก้ก็มุ่งตรงไปที่วัดศรีโคมคำ ตั้งใจไปสักการะพระเจ้าตนหลวงพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตามธรรมเนียมของตน คือถ้าถึงจังหวัดนั้น ต้องถึงศูนย์รวมใจคนในจังหวัดด้วย..

“ตกลงคืนนี้เราจะนอนกันที่ไหน” รุ่งโรจน์ถามขึ้นเมื่อรถแล่นออกจากวัดจอมทอง มุ่งไปวัดศรีอุโมงค์คำสักการะพระเจ้าล้านตื้อ พระเจ้าแสนแซ่ หรือหลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์..

“พี่อยากไปนอนที่เชียงของใช่ไหม” แสงทองอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“แต่หนูอยากไปภูชี้ฟ้า..แต่มันก็เสียเวลา”

“ขึ้นตอนเย็นก็ได้นี่ พวกเราแค่ไปเห็นลู่ทางก็พอแล้วตอนจัดทัวร์มาค่อยว่ากันอีกที” เป็นความเห็นของสุริยา..รุ่งโรจน์หันมามองหน้า..ประมาณว่านี่กะเอาให้คุ้มทั้งวันเลยรึ..

“อย่างงั้นก็ได้ ออกจากวัดจอมทอง แล้วก็ขับรถไปทางดูน้ำในกว๊านหาอะไรอร่อย ๆ ปลา ๆ กิน แล้วมุ่งไปอำเภอเชียงคำ พระนั่งดิน วัดนันตาราม..น้ำพุร้อนภูซาง แล้วก็ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง เชียงของ..กว่าจะถึงก็ค่ำพอดีซะละมั้ง..”

“ดึกเลยละมั้ง”

และเป็นก็จริงอย่างที่คนขับรถว่าไว้ พอรถวน ๆ เวียนขึ้นเขาทางกิ่งอำเภอภูซางถึงท่าจอดรถที่ภูชี้ฟ้า พระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะลับขอบฟ้าพอดี และโอกาสเช่นนี้ก็ถูกอกถูกใจแสงทองยิ่งนัก..ระยะทาง700 กว่าเมตรเดินขึ้นบนภูชี้ฟ้า หญิงสาวเดินนำหน้าเร็วรี่ แล้วก็รีบหันกลับมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ดวงสีแดงฉ่ำด้วยต้องการทำเวลาแข่งกับพระอาทิตย์ลับฟ้า..จนกระทั่งมาสะดุดหกล้มไม่เป็นท่า..สุริยารีบส่งมือมาคว้าพยุงให้ลุกขึ้น..

“ดีนะ กล้องไม่เป็นไร” รุ่งโรจน์แกล้งเย้า..

“มันต้องดีนะ ที่หนูไม่เป็นไร..โกรธนะ..” โกรธแล้วก็รีบเดินหนีขึ้นยอดภู โดยไม่เหลียวหลังดั่งเก่า..

“ถ้ามาตอนเช้าคงจะดีกว่าตอนเย็น..คงหนาวเย็นและก็มีทะเลหมอก..” สุริยาชวนคุย

“รึอยากนอนที่นี่” รุ่งโรจน์ดูจะตามใจ..พูดถึงเรื่องนอน สุริยาจึงเร่งฝีท้าวหนีนิดหนึ่งด้วยยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการกระทำของรุ่งโรจน์เมื่อคืนวาน

เมื่อเดินไปทันกันรุ่งโรจน์ก็คว้าหมับที่หัวไหล่โอบบ่าแล้วเดินไป ถ้าคนอื่นมองไกล ๆ คงเป็นลักษณะเพื่อนชายสนิทสนมกัน..

“ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ”..น้ำเสียงรุ่งโรจน์ออดอ้อน..

“โกรธอะไร?” สุริยาเดินตัวแข็งทื่อทำไม่รู้ไม่ชี้..

“เรื่องเมื่อคืน”

“ไม่โกรธ ...แต่ไม่ชอบ” น้ำเสียงของสุริยาจริงจังเพื่อปิดกั้น ขัดขวางใจรุ่งโรจน์ไม่ให้เริงรื่น แต่รุ่งโรจน์เองก็ดูเหมือนจะยอมแพ้กับหมากแห่งรักที่เดินไปแล้วไม่ได้เช่นกัน

“ผมจะทำให้คุณชอบสักวัน และวันนั้นคุณนั่นแหละจะเป็นคนเริ่มต้นเสียเอง..” พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ปล่อยให้สุริยาเดินนำออกหน้าแล้วก็ร้องเพลง คนไม่มีแฟน ของพี่เบิร์ดให้ฟังเพลิน ๆ ไปด้วย..

เมื่อได้ยินเสียงเพลง ที่ตนก็ชอบทำให้สลดใจวูบทันที..แต่สุริยาก็ไม่ได้เดินรอให้รุ่งโรจน์เดินมาทันบอกเล่าความในใจใด ๆ อีก..สุริยาคิดแต่ว่าต่อไปต้องระวังดูระยะห่างให้เหมาะสม..

บนยอดภู มองออกไปทางทิศตะวันออกเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา เบื้องลึกลงไปเห็นความเขียวขจีของผืนป่าที่ยังดูอุดมสมบูรณ์ผิดกับอีกฝั่งในประเทศไทย

พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สายลมเย็น ๆ จึงรำเพยกลิ่นฝนจากที่ไกล ๆ ให้ได้ชื่นฉ่ำใจจนกระทั่งต้องจามจนกระทั่งน้ำตาน้ำมูกไหล..แสงทองเห็นดังนั้นจึงหยิบกระดาษทิชชู่จากกระเป๋ามาให้

“ไม่สบายแน่ ๆ ลงไปกินยาแก้แพ้อากาศป้องกันไว้สักเม็ดนะคะ..” หญิงสาวดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้

“ลงเถอะพี่ยา เดี๋ยวจะหนักกว่านี้..” ว่าแล้วแสงทองก็เดินตามสุริยา..พอถึงจุดที่รุ่งโรจน์ไต่หน้าผาหินลงไป ..แสงทองก็รีบตะโกนบอก

“มันอันตรายนะนั่น กลับมาเร็ว ๆ นะคะ” รุ่งโรจน์ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ..สุริยารู้สึกเสียวปลายมือปลายเท้าเมื่อเห็นภาพนั้น..แต่ครั้นจะห้ามปรามก็คงไม่ได้..

“ดูซิดื้อจริง ๆ” ว่าแล้วแสงทองก็ยกกล้องกดชัตเตอร์ไปที่ลิงค่างที่ป่ายปีนอยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นออกทางหุบเหว..

“แสงทอง คนเราไม่ชอบให้ใครขัดใจหรอก เราเองก็เหมือนกัน อะไรที่เราอยากทำแล้วเราถูกขัดใจ เราก็จะยิ่งอยากทำ หรือว่าใครมาบังคับเราให้ทำอะไร เราก็จะต่อต้าน เป็นธรรมดา แต่สุดท้ายคนเราก็เลือกในสิ่งที่หยุดใคร่ครวญแล้วว่าดีว่าเหมาะสมอยู่นั่นเอง..แม้บางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่เราเคยต่อต้านก็เหอะ”

“อารมณ์ไหน” แสงทองยังงง

“พี่ก็เป็นอย่างงี้แหละ รำคาญตัวเองเหมือนกัน บางทีก็ชอบคิดในสิ่งที่เห็นเป็นเสียอีกทาง..ใกล้ถึงปางจันทร์แล้วนะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างหรือยัง..”

“ยัง” แสงทองยังเกาะแขนสุริยาขณะเดินลงมาจากยอดภู พอรุ่งโรจน์หลุดจากชะง่อนหินได้ ก็รีบวิ่งตามมาด้วยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปหลายนาทีแล้ว แถมเมฆฝนทางทิศตะวันตกก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับลมที่พัดโชยมาแรงกว่าปกติ..

“คิดไว้บ้างก็ดี เผื่อบางทีมันไม่เป็นดั่งใจเรา เราจะได้ไม่ทุกข์มาก..แต่ก็อีกนั่นแหละ กังวลใจไปเสียเปล่า ๆ สู้อยู่กับปัจจุบันทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นใช้ได้..”

พูดไปก็เช็ดน้ำมูกที่ไหลย้อยไปด้วย จนกระทั่งมาถึงท่ารถ แสงทองรีบหายาแก้แพ้อากาศพร้อมกับน้ำดื่มส่งให้..

“กินแล้วก็พักผ่อน ตกลงดอยผาตั้งอะไรตัดออกไปเลยนะคะ มุ่งไปเชียงของเลยแล้วกัน”


ที่บ้านพักริมโขง...รุ่งโรจน์ยังง่วนอยู่กับการเซ็นชื่อและร่วมถ่ายรูปกับสาวน้อยสาวใหญ่ที่ดีใจได้ปลื้มบอกต่อ ๆ กันมา โดยมีแสงทองเป็นผู้ช่วยคอยจัดระเบียบและป้องกันรุ่งโรจน์มิให้ถูกลุกล้ำอธิปไตยในร่างกาย

“เข้าแถวซิคะ ไม่ต้องแย่งกัน ได้ถ่ายรูป ได้ลายเซ็นจากคุณรุ่งโรจน์ทุกคนค่ะ..ไม่ต้องแย่งกัน”

สุริยายืนแอบมองภาพผู้จัดการส่วนตัวผู้จำเป็นต้องเจ้ากี้เจ้าการจากหน้าต่างห้องพักด้วยความรู้สึก พลอยยินดี ..ดีใจที่เห็นดาวจรัสแสงให้คนอื่นได้สดใส เมื่อไม่คิดไปก้าวก่ายให้วุ่นวายจึงหันหลังคว้าผ้าห่มไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเตี้ยที่ระเบียงด้านหลังซึ่งหันเข้าหาแม่น้ำโขง ..แม่น้ำแห่งชีวิตและวัฒนธรรมของคนหลายเชื้อชาติ..กลิ่นดอกเล็บมือนางที่เป็นพวงระย้ารอบระเบียงและกลิ่นดินคลุกฝนซึ่งเพิ่งทิ้งเม็ด ชวนให้รู้สึกเวิ้งว้างเดียวดาย..นึกถึงวันเวลาที่ล่วงเลยไป..กับกาลข้างหน้าจะทำอย่างไร หากต้องอยู่เพียงลำพัง..

..คิดมุมนี้กันกระมังถึงไขว่คว้าหาคนมาแนบกาย..

“คิดอะไรอยู่รึ” รุ่งโรจน์เปิดประตูก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ไปกันหมดแล้วรึ” สุริยามองหน้าแล้วก็เบนสายตาไปทางแม่น้ำโขงสีขุ่นตัวใหญ่ไหลเอื่อยทอดยาวไปสุดลูกตา

รุ่งโรจน์ไม่ตอบ กลับถือวิสาสะเดินมานั่งที่พื้นตรงหว่างขาของสุริยาโดยหลังพิงพื้นเก้าอี้พร้อมกับดึงชายผ้าห่มสองข้างมาคลุมกายตัวเองด้วย..

“เดี๋ยวติดหวัดจากผมนะ”

“ถ้าเป็นโรคที่มาจากคุณ ผมพร้อมที่จะติด”

สุริยาค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา..นี่ถ้าแสงทองไม่แยกตัวไปนอนตามลำพังเหมือนเคย นายรุ่งโรจน์คงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้

“นวดหัวให้ผมบ้าง” ว่าแล้วก็ใช้ศีรษะดันไปทางหน้าท้อง สุริยาจำต้องกางนิ้วมือทั้งสิบขยุ้มไปอย่างเคย แต่ด้วยความรู้สึกที่สับสนยิ่งขึ้น

“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับผมบ้าง” รุ่งโรจน์เสียงผะแผ่ว

“แสงทองคือแขนซ้ายแขนขวา”

“แล้วผม”

“คุณคือหัวใจ” น้ำเสียงสุริยาเนือย ๆ สงบ เยือกเย็น เข้ากับบรรยากาศเสียงกบเสียงเขียด จิ้งหรีดกรีดก้อง

“คุณรักผมไหม”

“ทำไมคุณต้องให้ผมพูดด้วย..อย่าผูกมัดกันด้วยคำว่ารักเลยคุณรุ่ง คุณก็รู้ว่า วันหนึ่งข้างหน้า สุดท้ายคุณก็ต้องเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดในสายตาคุณพ่อคุณแม่คุณ บอกตามตรงนะครับ ทุกวันนี้ผมไม่ได้คิดถึงวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมกำลังคิดถึงวันที่ไม่มีคุณ ผมจะเป็นอยู่อย่างไร”

“ทำไมคุณคิดอย่างนั้น ทั้งที่วันนี้ผมอยู่กับคุณทั้งตัวและหัวใจ”

“คุณเอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความเป็นจริง แต่สุดท้าย คุณก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี..เราคบกันฉันท์เพื่อนก็ดีอยู่แล้วคุณรุ่ง อย่าให้มากกว่านี้เลย..คุณสงสารผมเถอะ”

“ผมสัญญาว่า..” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์จริงจัง..

“อย่า” สุริยารีบห้าม “คุณอย่าคิดแค่วันนี้ แต่ให้มองไปให้ไกลถึงวันหน้าปีหน้าและชาติหน้า ชาติ ต่อ ๆ ไป อย่าสัญญาหรือว่าสาบานให้เปลืองตัวดีกว่า หากวันหนึ่งคุณรักษาสัจจะไว้ไม่ได้คุณจะทุกข์ตรมเพราะปากของคุณเอง” สุริยาว่าพลางบีบไปที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง กดขมับ หัวคิ้วและหางตาด้วยความนุ่มนวล พยายามถ่ายทอดทุกความรู้สึกจากหัวใจสู่ปลายนิ้วให้อีกคนรับรู้

รู้ว่า..รักที่มีให้มันมากแค่ไหน..มากเท่าไหร่ก็เจ็บเท่านั้น

“แล้วคนเก่า ๆ ของคุณ คุณเลิกกับเขามาอย่างไร” สุริยาถามในเรื่องที่อยากรู้เป็นที่สุด..รุ่งโรจน์อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ในทันที..

“ใด ๆ ทุกสิ่งในโลก ล้วนเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็ดับไป..สภาวะอารมณ์ของคนก็เช่นกัน ช่วงที่มันตั้งอยู่ความสุขอาจจะอยู่กับคุณประเดี๋ยวประด๋าว แต่ถ้าเป็นความทุกข์อาจจะอยู่กับคุณนานหน่อย..แต่สุดท้ายทั้งสุขทุกข์ทั้งในเรื่องเก่า ๆ ก็จะจางหายไป แล้วสุข ๆ ทุกข์ ๆ ใหม่ ๆ ก็เข้ามา ชีวิตคนมันก็เป็นอย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น”

รุ่งโรจน์นิ่งฟัง

“คุณก็ได้เรียนรู้แล้วซิ มันยากที่คนจะมีรักเดียวใจเดียวตลอดไป…ใช่ไหม”

น้ำเสียงสุริยาสงบนิ่งชวนให้ใจหาย

“ถ้าถามผมว่าผมรักคุณไหม ผมไม่ขอตอบ แต่ผมขอบคุณที่คุณทำให้ผมมีโอกาสเห็นโลกใบนี้เป็นสีชมพูขึ้นมาบ้าง ขอบคุณที่คุณทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก รู้จักรักแบบบริสุทธิ์ รักที่จะรัก ขอแค่รัก ให้ได้รัก ขอบคุณที่คุณทำให้ผมก้าวมามีวันนี้โดยง่าย วันหนึ่งถึงคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป ให้รู้ไว้ ว่าผมจะไม่มีวันโกรธและเกลียดคุณ..”

“ผมใจหาย”

สุริยาคลายมือจากการบีบนวดกอดรัดอยู่ที่ต้นคอและซบหน้าลงกับศีรษะ..พร้อมกับจูบไปที่เรือนผมดำขลับราวกับการสั่งลา

“คุณต้องหัดนึกถึงความจริงที่มันต้องเกิดขึ้นจริง ๆ ในภายหน้า คุณต้องไม่หลอกตัวเอง ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีทางเป็นไปได้..ผมอยากเห็นคุณอยู่ในโลกของความจริง ผมอยากเห็นคุณใช้สมบัติที่คุณมีทั้งหมดเพื่อเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายมากกว่าที่จะเห็นแต่ตัวเอง”

“ผมจะทำอย่างไร”

“คุณมองดาวบนท้องฟ้านั่นซิ คุณเคยคิดจะเอื้อมดาวมาไว้ในกำมือไหม ผมเคยคิดเช่นนั้น แต่สุดท้ายเมื่อดาวมาอยู่ในกำมือเราได้จริง ๆ ผมจึงได้รู้ว่า ดาวควรอยู่บนฟ้ามากกว่า..หรือบางครั้งผมอาจจะได้จับเพียงดาวในเงาน้ำ ดาวบางดวงก็เป็นเพียงดาวประดับฟ้า มีเพื่อให้คนรู้เพียงว่าคืนนี้ฟ้าไม่ไร้ดาว ดาวบางดวงเป็นดาวที่ผู้คนเงยหน้าแล้วต้องมองหา อยากจะเห็นเป็นประโยชน์ ผมอยากเห็นคุณเป็นดาวเช่นนั้น”

คนทั้งคู่นิ่งซบกันท่ามกลางกลิ่นดอกราตรีเคล้ากลิ่นดินชุ่มฝนอยู่พักใหญ่..ลูกโป่งที่พองใหญ่แล้วแตกกระจายเป็นเช่นไร ใจของคนทั้งคู่ก็เป็นเช่นนั้น

สุขและทุกข์ตรมในคราวเดียวกัน

“ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด แต่ขอให้ผมได้หลอกตัวเองอีกสักพักได้ไหม คุณยะคนดี”


เช้าในคืนฟ้าฉ่ำฝน แม้เมฆครึ้มยังไม่จางหายไปทั้งหมด แต่สุริยาก็เริ่มเห็นทิศทางของความพ้นทุกข์และสุขทุกฝ่ายตามที่ตนตริตรองไว้

ให้เขาและเรารู้และทำใจที่จะไม่มีกันดั่งที่คิดฝัน

“ลุกไปใส่บาตรกัน” รุ่งโรจน์เป็นฝ่ายปลุกให้ตื่นนอน สุริยางัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

“เผื่อวันพรุ่งนี้ผมไม่มีคุณ อย่างน้อยผมจะได้มีเรื่องจดจำไว้มากมาย ว่าผมเคยรัก และมอบความรักให้คุณมากมายขนาดไหน”

“แล้วคนต่อไปควรจะได้จากคุณมากแค่ไหนถึงจะดี”

พูดจบสุริยาก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำร้องไห้ ร้องไห้ให้กับความไม่เด็ดขาดแห่งตน..ทุกครั้งที่เห็นสีหน้า แววตา ความสงสารก็ก่อตัวเริ่มถักทอสายใยร้อยรัดพันใจขึ้นอีกครั้ง

“สายแล้วนะ เดี๋ยวพระออกบิณฑบาตหมด”

“แสงทองตื่นหรือยังคุณเดินไปดูหน่อยเถอะ” สุริยาตะโกนออกมาจากห้องน้ำ พอออกมาใส่เสื้อผ้า รุ่งโรจน์เดินหน้าตาตื่นกลับมา

“แสงทองตัวร้อนจี๋เลย สงสัยพิษฝนเมื่อวาน” สุริยารีบเดินตามรุ่งโรจน์ไปที่เรือนพักหลังเล็กเคียงกัน เมื่อไปถึงพบแสงทองนอนปากแดงหน้าซีดตัวสั่นเทา ชายหนุ่มรีบเข้าไปนั่งบนเตียงแล้วใช้หลังมืออังไปที่หน้าผากซอกคอ

“คงต้องพาไปหาหมอ เช้า ๆ อย่างนี้คลินิกเปิดหรือยังก็ไม่รู้”

“งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปดู คุณอยู่ทางนี้เช็ดตัวให้แล้วกัน”

ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็รีบไปที่รถแล้วสตาร์ทเครื่องออกไปสำรวจหาร้านหมอ..สุริยาอยู่ทางนี้ก็รีบปรี่ไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กในกระเป๋าแสงทอง แต่สิ่งที่พบเห็นสะดุดตาสะดุดใจ เป็นสมุดบันทึกเล่มใหญ่ ในนั้นมีเรื่องราวมากมายที่เขาคิดว่าต้องอ่าน ขณะที่เขากำลังพลิก ๆ ไปก็ได้เจอะกับรูปถ่ายที่มีเพียงเขาและเธอ..ใต้ภาพที่แปะติดกับสมุด เขียนไว้ว่า..

..เธอคือดวงตา เธอคือหัวใจ
เธอคือความฝัน..เธอทำให้ฉันอบอุ่นใจ
รักนะจะรักเธอตลอดไปคนดี..(เด็กโง่)...

“เด็กโง่เอ๋ย..” สุริยาสบถด้วยความสะเทือนใจเหลือกำลัง

สุริยาตัดสินใจไม่สนใจกับบันทึก ความลับควรจะเป็นความลับ บางเรื่องรู้แล้วเศร้าหมอง อย่าไปรู้เลย คิดได้แล้วก็มาสนใจที่ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบจนหมาดเช็ดตามใบหน้าซอกคอ แขน ขาเพื่อดับพิษไข้..

“พี่ยา..” น้ำเสียงของแสงทองแตกพร่า..

“หนูไม่มีใครจริง ๆ นะ พี่ยาอย่าทิ้งหนูนะ..หนูหนาว..หนูคิดถึงแม่” คำพูดของแสงทองเหมือนเพ้อ

“พี่จะไม่ทิ้งหนูไปไหนทั้งนั้น ...แสงทอง หนูลืมตาดูพี่”

“พี่ยา..พี่ยา” แสงทองค่อย ๆ ลืมตา แต่ยังเพ้ออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งรุ่งโรจน์ขับรถยนต์กลับมา.. เมื่อรู้ว่ามีคลินิก สุริยาจึงรีบอุ้มแสงทองลงจากบ้านพักไปที่รถยนต์


ในเวลาเกือบเที่ยง สุริยาค่อย ๆ ป้อนข้าวต้มเครื่องร้อน ๆ ให้แสงทอง หญิงสาวค่อย ๆ อ้าปากกินข้าวอย่างทุลักทุเล

“ไข้สูงมากเลยรู้ไหม เมื่อวานตากลมตากฝน เมื่อคืนนอนดึกด้วย ร่างกายอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วย มันเลยทรุด”

“วันนี้เราเลยไม่ได้ไปเชียงแสน แม่สาย เชียงรายอย่างที่ตั้งใจไว้” คนเจ็บมีสีหน้ากังวล

“ที่เหล่านั้นไม่หนีเราไปไหนหรอกแสงทอง เราไปช้าไปเร็ว สถานที่ก็รอเรา สุขภาพสำคัญกว่า..” พูดจบ สุริยาก็จัดยาแก้ไข้ส่งใส่มือให้

“กินข้าวแล้วก็กินยา จะได้พักผ่อน นอนให้เต็มอิ่ม” สุริยาพูดจบ แสงทองกรอกยาใส่ปากดื่มน้ำตาม สักพักหญิงสาวก็หลับตาพริ้ม

สุริยายืนมองหญิงสาวที่จัดว่าสวยน่ารักคนหนึ่ง..แต่ก็มีคำถามขึ้นมาว่า แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้นึกรัก....รักตอบอย่างที่เธอรักเขา..

สุริยาครุ่นคิด กรรมสลับซับซ้อน ยากเกินจะคาดเดา ลิขิตให้คนเป็นเช่นนี้เช่นนั้นแตกต่างกันทั้งที่เป็นคนมีเลือดเนื้อจิตใจเหมือนกัน..หนีกรรม เขาจะไม่สานไม่สืบสร้างกรรมแบบเดิมให้ชีวิตในสังสารวัฏต้องเป็นอย่างนี้อีก..ซ้าย ขวา ไม่ไป..ชีวิตไม่สมบูรณ์ ไร้รู้สึกรู้รสเสน่หาอย่างถูกทำนองคลองธรรม

ไม่ผิดทางโลกก็จริงสังคมยอมรับ แต่ทางธรรมไม่ได้..ไม่ใช่..

นั่งดูแม่น้ำโขงที่ไหลเอื่อยแล้วเลี้ยวลับหายไป..

มองแม่น้ำมองฝั่งลาวแล้วคิดได้หลายแง่มุม

เกิดเพียงคนละฝั่งน้ำ ชีวิตมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน

กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางทะเล หรือนิพพาน ชีวิตจะผ่านพบอะไรบ้าง..

มารไม่มีบารมีไม่แก่กล้า..

“กลับมาแล้วครับ” ในมือรุ่งโรจน์มีถุงพลาสติกใส่ของพะรุงพะรัง..

“ส้มสีทอง..แอปเปิ้ล สาลี่ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว แล้วก็ขนมหวาน ข้าวผัด น้ำผลไม้รวม หมากฝรั่ง แล้วก็หนังสือพิมพ์”

“ทำไมขนซื้อมาเยอะแยะ” สุริยารับของมาเปิดดู รุ่งโรจน์ไม่ตอบแต่กลับเดินไปที่เตียงคนป่วย พบว่าแสงทองนอนหลับตาพริ้ม..เขาถอนหายใจออกมา แล้วหันมามองหน้าสุริยา..

“ป้าเขาจะว่าอย่างไรบ้างนะ ถ้ารู้หลานสาวมานอนป่วยอยู่กับสองหนุ่ม”

สุริยาสั่นหัวเป็นคำตอบ และคนที่บ่นถึงก็อายุยืนเหลือเกิน..เสียงโทรศัพท์ของแสงทองดังขึ้น ด้วยเกรงว่าแสงทองจะสะดุ้งตื่นสุริยาจึงรีบคว้าและกดรับสายทันที แต่เมื่อได้ยินเสียง สุริยาต้องสะดุ้งโหยง..

“ฉันป้าแสงทอง แล้วนายเป็นใครมารับโทรศัพท์หลานสาวฉัน..”

สุริยาอึกอัก..มองหน้ารุ่งโรจน์ขอความช่วยเหลือ เพียงเห็นสีหน้าลำบากใจของสุริยารุ่งโรจน์ก็รีบเดินมาแนบหูฟังด้วยใกล้ ๆ ..

“คือแสงทอง ..หล..” จะพูดว่าหลับ..แต่รุ่งโรจน์รีบปิดปากไว้..แล้วกระซิบบอกว่า ออกไปข้างนอก

“คือแสงทองออกไปข้างนอกครับทิ้งโทรศัพท์ไว้บนรถ..”

“นายสองคนทำอะไรหลานสาวฉันหรือเปล่า ฉันขอบอกไว้เลยนะ หากมีอะไรผิดพลาดกับแสงทอง หนึ่งในสองคนจะต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญอย่าให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเป็นดี เพราะฉันกำลังจะหาผู้ชายดี ๆ มีฐานะเหมาะสมให้กับหลานของฉัน และบอกแสงทองด้วยว่า ให้รีบกลับมาด่วนไม่ต้องไปสำรวจ ไปไหนแล้วทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไร หลังจากแต่งลูกสาวฉันแล้ว แสงทองต้องแต่งงานกับคนที่ฉันหาไว้อยู่ดี นายได้ยินหรือเปล่า..”

“ดะ.. ดะ.. ได้ ..ยินครับ..ครับ ๆ สวัสดีครับ”

กดปิดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าลำบากใจ ..

“เอาไงดีหว่าคุณรุ่ง คุณป้าแสงทองสั่งให้เอาหลานสาวเขากลับโดยเร็วที่สุด..จะให้ออกจากงานของเราแล้วก็จะให้แต่งงานด้วย..”

“ทั้งหมดมันน่าจะขึ้นอยู่กับแสงทองและ..คุณ” รุ่งโรจน์พูดจบก็ออกไปยืนมองฟ้ามองน้ำมองหาดทรายของลำน้ำโขงที่ระเบียง

สุริยาถือถุงส้มเดินตามมา พร้อมกับแกะเปลือกส้มส่งเนื้อในให้รุ่งโรจน์..รุ่งโรจน์ไม่รับแต่กลับอ้าปากกว้างเพื่อให้ สุริยาป้อน..

“ถ้าแสงทองค้านป้าไม่ได้”

“ได้ แต่ต้องมีคนสมอ้าง..ว่าจะเป็นเจ้าบ่าวตัวจริงของแสงทอง”

“หมายความว่า”

“ใช่ คุณนั่นแหละ คุณต้องรับปากหรือเล่นละครกับคุณป้าของแสงทองว่าคุณรักอยู่กับเธอ และจะแต่งงานกันในเร็ววัน”

“ผมคนมีแต่ตัว”

“คุณจะได้ทุกอย่างถ้าคุณเลือกเธอ เพราะเธอรักคุณ” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์จริงจัง..สุริยาเบือนหน้าหนี..รู้ว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

“คุณรุ่ง ถ้าต้องเลือกระหว่างอยู่กับคนที่เรารักเขาข้างเดียว กับ อยู่กับคนที่รักเราข้างเดียวคุณจะเลือกแบบไหน”

“ป้อนส้มผมอีกลูกแล้วผมจะตอบ” รุ่งโรจน์ถ่วงเวลา เมื่อสุริยาปฏิบัติตาม เขาก็บอกหน้าตาเฉย ๆ ว่า

“ผมจะทำทุกทางให้รักเราเท่ากัน คุณเข้าใจไหม?”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2554, 00:50:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2554, 00:50:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1743





<< 22   24. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account