รอยสักผู้ดี
เลือดสีน้ำเงินครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ตัวเขา
เลือดที่เขาไม่เคยต้องการ
แต่! มันก็เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ส่งผลให้เขากลายเป็นมนุษย์
และมันก็ยังเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องกลับจากบ้านเกิดมายังประเทศไทย
เพื่อรับสืบทอดมรดกในฐานะ หลานคนโตของเชื้อสายกานติยานนท์
สุริยะ เดวิด รามานอฟ หรือ สุริยะ กานติยานนท์
ผู้ชายที่มีรอยสักเกือบทั้งตัว ผู้ชายที่มีเลือดสีน้ำเงินเพียงครึ่งเดียว
จะมีใครสักกี่คนที่ยอมรับในตัวตนของเขา ชื่อเสียงและเงินตราที่เขาไม่ต้องการ
สิ่งเหล่านั้นกลับเป็นตัวแปรเปลี่ยนให้เลือดสีน้ำเงินของเขาได้แผ่ซ่านออกมาให้ทุกคนได้รับรู้
จากชายหนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี จอมกะล่อน กลับกลายเป็นคนเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
และในงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเปิดตัวเขาอย่างเป็นทางการ ทำให้เขาได้พบกับเธอ
สาวน้อยผมสีแดง!
Tags: รอยสัก ความรัก

ตอน: 1 ทำไม

บทที่ ๑
ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา
เวลา 11.30 น.
“นายน้อย ตื่นได้แล้วครับ”
เสียงเรียกที่แฝงไปด้วยความยำเกรงนั้น หาได้ทำให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาได้เลย ในทางกลับกันกลับพยายามยกหมอนอีกใบมาปิดหู
“นายน้อยครับ สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วนะครับ ตื่นเถอะครับ”
รอบที่สองไม่ได้มาแต่เสียง แต่มีการลากผ้าห่มออกไปอีกด้วย สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ หมอนใบโตที่ถูกขว้างมายังผู้ก่อความไม่สงบ
“ปลุกอีกครั้ง เจอดีแน่ไอ้แมน”
“กระผมก็ไม่อยากจะปลุกหรอกครับ เพียงแต่ว่าท่านแม่ของนายน้อยรออยู่ด่านล่างคฤหาสน์แค่นั้นเองครับ งั้นผมไม่กวนแล้ว หลับฝันดีครับนายน้อย”
พูดจบก็พาตัวเองออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงเบิกตาโพลง ดั่งว่ากำลังเจอเหตุการณ์ไม่สู้ดีอยู่เบื้องหน้า
“ไอ้แมน ไอ้เฮงซวย ไอ้คนไม่ได้เรื่อง เดี๋ยวพ่อจับส่งเมืองไทยซะเลยนี่”
ก่อนจะลุกพรวดพราดกระชากประตูห้องน้ำเสียงดังเพื่อไม่ให้ผู้มีพระคุณรอนาน
“อาบลวกๆเอาก็ได้ว่ะ หม่อมแม่คงอยู่ไม่นานเท่าไหร่ ค่อยกลับมาอาบใหม่อีกรอบ”
เสียงน้ำกระทบพื้นห้องแผ่วเสียงไป ก่อนที่ชายหนุ่มร่างกำยำจะเดินออกมา ภาพที่สะท้อนในกระจกเงา คือใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาที่เป็นสีเดียวกับผม แต่ในบางครั้งอาจดูเหมือนมีเสี้ยวสีทองเปล่งประกายเป็นครั้งคราวยามที่เจ้าตัวโมโห หรือกำลังเปรมปรีดิ์ ทุกอย่างมันช่างดูลงตัวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือรูปร่าง ยกเว้นก็เพียงแต่ว่า รอยสัก จากคอ หน้าอก ลามไปถึงแขนขวาทั้งหมด รอยสักที่แม้แต่มารดายังไม่เคยได้เห็น
“หนวดเคราเยอะอีกแล้ว ไปอย่างนี้มีหวังแม่ด่าเละแน่”
ว่าแล้วก็จัดการมันซะ พร้อมกับรีบแต่งตัว ใส่เสื้อแขนยาวเพื่อปกปิดรอยสัก และลบตัวตนอันเหลวแหลกออกไปเพียงชั่วครู่ ตัวตนของผู้ชายที่ชื่อว่า สุริยะ เดวิด รามานอฟ

“แม่มานานแล้วเหรอค่ะ”
“นานพอที่จะรู้ว่าเมื่อคืนชายไปเที่ยวไหนมาแหละจ๊ะ”
สองแม่ลูกกอดกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะพาหญิงสาวในดวงใจไปนั่งบนเก้าอี้บุหนังชั้นดี มรดกสืบทอดจากตระกูลรามานอฟ
“ไอ้แมนฟ้องแม่อีกแล้วเหรอค่ะ ใช้ไม่ได้จริงๆ”
“ชายพูดไม่เพราะเลยลูก แม่ว่าแมนเค้าก็ทำดีแล้วนี่นา แม่ก็ไม่อยากได้สาวๆพวกนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหรอกจ๊ะ ว่าแต่วันนี้ชายไม่ไปทำงานเหรอลูก”
“แมนมันทำงานดีจริงดั่งที่แม่ว่าแหละค่ะ แต่ชายว่ามันออกจะเกินไปหน่อยนะค่ะ เล่นรายงานความประพฤติชายตลอด ชายก็คงรำคาญแย่ วันนี้ชายหยุดค่ะแม่ บริษัทนั้นไม่มีชายมันก็ยังเติบโตไปได้แหละค่ะชายแค่เซ็นชื่อไปวันๆ เบื่อจะตาย”
“หน้าที่ของเราต้องทำให้ดีที่สุดนะลูก เข้าใจไหมชาย”
“ชายรู้ค่ะแม่ ว่าแต่แม่มาหาชายที่นี่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
ชายหนุ่มถามมารดาด้วยความสงสัย ร้อยวันพันปีท่านหญิงเบญจมาพรไม่เคยเหยียบย่างกลับมาแอลเอ หลังจากที่กลับไปอยู่เมืองไทยอย่างถาวร เมื่อจับได้ว่าผู้ชายที่เป็นสามีแอบนอกใจ ซึ่งในตอนนั้นลูกชายอายุได้เพียงสิบเอ็ดขวบ เมื่อเห็นว่ารู้ความแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก และทุกครั้งที่คิดถึง ลูกชายจะต้องบินไปหาที่เมืองไทยตลอด
“ถามแปลกนะชาย แม่คิดถึงชายไงจ๊ะเลยมาหา”
“แม่บอกชายมาตรงๆเถอะค่ะ ชายขอความจริง”
มารดามองหน้าชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอึกอักถามขึ้นมา
“แล้วพ่อของชายไปไหนล่ะจ๊ะ”
“อย่าไปพูดถึงคนๆนั้นเลยค่ะ ชายก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยกกนังหนูอยู่มั้งค่ะ ชายเบื่อเหลือเกินค่ะแม่ อยากอยู่กับแม่เหลือเกิน”
“โถลูกแม่”
ท่านหญิงเบญจมาพรได้แต่ร้องคราง เมื่อลูกชายสุดที่รักพูดออกมา หัวอกคนเป็นแม่ได้แต่ส่งเสียงร่ำไห้ นึกโทษตัวเองว่าไม่น่าทิ้งลูกไว้ที่นี่เลย
“แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ ถ้าแม่จะมาบอกชายว่าท่านลุงของลูกสิ้นแล้ว ชายจะกลับไปกับแม่หรือเปล่าจ๊ะ”
เสียงของหม่อมปานจะร่ำไห้เมื่อพูดจบประโยค
“ท่านลุงน่ะเหรอค่ะ”
ท่านหญิงได้แต่พยักหน้าเบาๆเมื่อชายหนุ่มถามคำถามนั้น ก่อนจะบอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างออกไป ท่านชายธีรเทพ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของท่านหญิงถึงแก่อสัญกรรม แต่เนื่องจากไม่มีทายาท จึงได้ทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้เป็นของลูกชายของน้องสาว นั่นก็คือ สุริยะ เดวิด รามานอฟ สายเลือดคนเดียวที่มีเลือดสีน้ำเงินเข้มข้นที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นเพียงครึ่งเดียว แต่เขาก็คือ กานติยานนท์ ที่ไว้ใจได้ว่าจะนำพาทุกอย่างไปสู่ความเจริญ หลังจากที่เห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละจ๊ะชาย”
ท่านหญิงเล่าเรื่องจบ พร้อมกับซับน้ำที่หางตา ก่อนมองหน้าลูกชายนิ่ง
“ชายว่าไงล่ะจ๊ะ จะกลับไปพร้อมกับแม่เลยไหม ตอนนี้ทุกอย่างตกเป็นของชายทั้งวังกานติยานนท์ ที่ดิน บริษัทและเงินในธนาคาร”
“เรื่องนี้มันใหญ่มากค่ะแม่ ชายต้องขอคิดดูก่อน ว่าแต่ท่านลุงไม่มีญาติคนไหนอีกแล้วเหรอค่ะ ทำไมต้องเป็นชาย”



สายลมเดือนห้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2556, 17:51:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ย. 2556, 17:51:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 701





   2 ไปแน่นอน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account