รอยสักผู้ดี
เลือดสีน้ำเงินครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ตัวเขา
เลือดที่เขาไม่เคยต้องการ
แต่! มันก็เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ส่งผลให้เขากลายเป็นมนุษย์
และมันก็ยังเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องกลับจากบ้านเกิดมายังประเทศไทย
เพื่อรับสืบทอดมรดกในฐานะ หลานคนโตของเชื้อสายกานติยานนท์
สุริยะ เดวิด รามานอฟ หรือ สุริยะ กานติยานนท์
ผู้ชายที่มีรอยสักเกือบทั้งตัว ผู้ชายที่มีเลือดสีน้ำเงินเพียงครึ่งเดียว
จะมีใครสักกี่คนที่ยอมรับในตัวตนของเขา ชื่อเสียงและเงินตราที่เขาไม่ต้องการ
สิ่งเหล่านั้นกลับเป็นตัวแปรเปลี่ยนให้เลือดสีน้ำเงินของเขาได้แผ่ซ่านออกมาให้ทุกคนได้รับรู้
จากชายหนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี จอมกะล่อน กลับกลายเป็นคนเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
และในงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเปิดตัวเขาอย่างเป็นทางการ ทำให้เขาได้พบกับเธอ
สาวน้อยผมสีแดง!
Tags: รอยสัก ความรัก

ตอน: 2 ไปแน่นอน

ชายหนุ่มถามขึ้นมาหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วเขากับท่านลุง ไม่ค่อยจะถูกชะตากันเท่าไหร่ ไปหาแม่ทีไร มีแต่เรื่องชวนปวดหัว แต่ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะด่วนจากไปเร็วขนาดนี้
“ก็มีอยู่หรอกจ๊ะ แต่ไม่มีใครที่มีเลือดเข้มข้นเท่าชายอีกแล้ว”
“ไอ้เลือดลูกครึ่งนี่เหรอค่ะที่แม่ว่าเข้มข้น”
“โถชายอย่าพูดอย่างนั่นซิลูก เรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป จะโกรธเคืองให้ได้อะไรขึ้นมา”
“แต่แม่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอค่ะ ว่าชายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ”
ท่านหญิงเบญจมาพรได้แต่ถอนใจเพราะทราบความจริงข้อนี้ดี ทุกครั้งที่เดินทางไปหาตนที่เมืองไทย ก็ไม่เคยได้นอนหลับสบายในวังอย่างเช่นผู้สืบราชกุลทั่วไป แต่กลับต้องไปนอนตามโรงแรมชื่อดังเพื่อไม่ให้เกิดรอยบาดหมางในจิตใจมากไปกว่านี้ และส่วนหนึ่งก็เป็นความประสงค์ของเจ้าตัว ซึ่งท่านก็ไม่เคยขัดใจ แต่เมื่อวันนี้สิ่งที่ท่านร้องขอบุตรชาย กลับทำให้เหตุการณ์เก่าๆที่ผ่านมาได้ผุดตรงหน้าขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่ยอมรับในการตัดสินใจเท่านั้น
“อย่าไปพูดถึงมันเลยลูก ว่าแต่ชายจะไปไหนหรือเปล่าจ๊ะ เล่นสวมเสื้อซะมิดชิด ติดกระดุมถึงคอ แถมยังสวมถุงมืออีก”
สิ่งที่ท่านหญิงถามรอบนี้ทำเอาสุริยะหรือเดฟตามที่เพื่อนฝูงเรียกขาน เกิดอาการอึกอักขึ้นมาทันทีทันใด
“เอ่อ คะ คือว่า อาการเหมือนมันหนาวๆค่ะแม่”
“หนาวจนต้องใส่ถุงมือเลยเหรอลูก แม่ว่ามันก็อุ่นดีนะ เอาเป็นว่าช่างมันเถอะจ๊ะ ว่าแต่ชายจะเอายังไงล่ะจ๊ะ”
หายใจไม่ทันคล่องคอดี ท่านหญิงก็วกกลับมาถามเรื่องที่ยังพูดค้างคาอยู่อีกรอบ
“ชายขอเวลาคิดซักหน่อยแล้วกันค่ะแม่ คืนนี้แม่จะนอนที่นี่กับชายหรือเปล่าค่ะ”
ชายหนุ่มโอบกอดมารดาเอาไว้ด้วยความคิดถึงเมื่อถามคำถามจบ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้หน้ามุ่ยไปเลยทีเดียว
“คงไม่ได้หรอกจ๊ะชาย แม่จองตั๋วไว้แล้วว่าจะกลับเมืองไทย ที่จริงแม่มาถึงที่นี่หลายวันแล้ว แต่ไม่อยากรบกวนชาย เลยมาหาเอาวันสุดท้ายนี่แหละจ๊ะ นี่ก็ถึงเวลาเครื่องจะออกแล้ว ชายต้องรักษาตัวดีๆนะลูก จะทำอะไรก็ไตร่ตรองให้ดี เอาความใจเย็นเข้าช่วย จำที่แม่สอนได้ไหมจ๊ะ”
เมื่อเห็นชายหนุ่มพยักหน้า ท่านหญิงจึงพูดต่อไป
“แม่คิดว่าชายคงตอบรับทุกการกระทำของท่านลุง แม่จึงมาหาชายวันนี้ แล้วแม่ก็จะรอชายอยู่ที่เมืองไทยนะลูก เคลียร์เรื่องที่นี่ให้เรียบร้อย แล้วค่อยไปก็ได้จ๊ะ”
“โธ่ แม่ค่ะ จะไม่ให้ชายไปส่งแม่เลยหรือไง มาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็จะจากไปอีกแล้ว”
“อย่างอแงเหมือนเด็กซิจ๊ะ ชายก็ใกล้จะสามสิบแล้ว หาคู่ครองได้แล้วนะ แล้วแม่จะรอจ๊ะ”
พูดจบก็กอดชายหนุ่มเอาไว้ แล้วถือกระเป๋าเดินออกมาหน้าบ้านทันที
“ไอ้แมนโว้ย ไปส่งแม่หน่อย ท่านจะไปสนามบิน”
“ครับนายน้อย”

“ร้อนเป็นบ้าเลยโว้ย”
เข้าห้องได้ก็ถอดถุงมือถอดเสื้อออกแล้วเขวี้ยงไปยังตะกร้าทันที แต่ก็ใช่ว่ามันจะลง ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซส์ภายในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ มันอะไรกันหนักหนาว่ะเนี่ย ตื่นมาก็เจอหม่อมแม่ คุยได้ไม่นานท่านก็จะขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยซะงั้น แถมยังพ่วงปัญหาใหญ่เข้ามาในชีวิตเค้าอีก ผู้สืบราชกุลเหรอ หึหึ อยากจะเห็นหน้าคนในวงศ์ตระกูลจังเลยว่าพวกเขาจะทำหน้ายังไง ถ้าเกิดชายหนุ่มผู้มีรอยสักคนนี้จะตอบรับคำขอของหม่อมแม่กลับไปอยู่ที่นั่น มันคงจะสนุกดีพิลึก
“แมน”
“ครับนายน้อย”
“เอางานที่ค้างจากเมื่อวานมาที่ห้องเดะ จะทำงานหน่อย รู้สึกวันนี้จะมีเรื่องที่ต้องจัดการเยอะว่ะ”
“รอสักครู่ครับ”
แล้วพ่อบ้านที่พ่วงตำแหน่งมือขวาและน้องชายก็หอบแฟ้มงานมากว่าครึ่งโหล ก่อนที่บ่นไปด้วยว่าไม่น่าทิ้งงานไปหาผู้หญิงเลย ผลที่ได้เป็นไงล่ะ ผู้หญิงคืนเดียวมันคงจะสนุกมาก
“อย่าบ่นเลยน่า อย่างน้อยก็มาทำงานแล้วนะ รีบเอามาจะได้ลงชื่อให้เรียบร้อย”
“ครับ ทั้งหมดมีเจ็ดแฟ้มงาน นายน้อยจะต้องลงชื่อทุกหน้า ซึ่งแต่ล่ะแฟ้มจะมีอยู่ราวๆสิบถึงสิบห้าหน้า”
โอ้ย ผมล่ะอยากตาย สงสัยไม่ต้องทำอะไรกันแล้ววันนี้
“สิ่งแรกที่สมควรทำให้คือไปชงกาแฟแล้วยื่นแฟ้มงานมา จะทำงานแล้ว ใครโทรมาหาเอ็งบอกไปเลยข้าไม่ว่างจะพูดกับใครทั้งนั้น”
“ครับนายน้อย”
ผมมองหน้าคนพูดอีกครั้ง เนื่องจากเคยบอกกันไว้แล้วว่านอกเหนือเวลางานเราเป็นพี่น้องกัน”
“เออครับพี่เดฟ”
ฮ่าๆ พูดประชดผมเล็กน้อยก่อนจะออกไปซะด้วย ผมนั่งตรวจดูแฟ้มงานไปเรื่อยๆก็เห็นสิ่งผิดปกติขึ้นเล็กน้อยในบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัท
“แมน”
“ครับ”
“ใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้ว่ะ”
พูดจบผมก็โยนแฟ้มไปให้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพลางๆเอมี่ห้าสาย สเตฟานี่สามสาย เฮ้อ ยัยพวกผู้หญิงสมองกลวงเอ้ย ผมคิดในใจก่อนจะปิดเครื่อง และพอดีกับที่คำตอบจากแมนดังขึ้น
“เฮนรี่ครับ”
“ไอ้หนุ่มตาเขียวที่อยู่ชั้นสิบเอ็ดนั่นน่ะเหรอ”
“ครับคนนั้น”
ผมครุ่นคิดอยู่ซักพักก่อนออกคำสั่งอย่างลับๆกับพี่แมน
“ถ้าเรื่องที่สั่งถึงมือเอ็งไหร่เรียกตัวเข้าพบข้าได้ทันที ตอนนี้ขี้เกียจแล้ว เหลือกี่แฟ้ม”
“สามครับ”
“ยกยอดไปพรุ่งนี้นะ ข้าจะออกไปหาอดัมหน่อย มีเรื่องต้องคุยกันยาวงานนี้”
“ครับ ว่าแต่ผมถามอะไรซักนิดได้ไหม”
“อ่าหะ”
“นายน้อยจะไปเมืองไทยเหรอครับ”
คำถามนี้มาพร้อมกับดวงตาที่จ้องมองมาอย่างกังวล ผมเดินไปหยิบเสื้อกล้ามมาใส่แทนชุดเดิมที่พบกับหม่อมแม่ แล้วหยิบกุญแจรถก่อนจะหันไปพูดกับแมนอย่างจริงจัง
“อื้ม ข้าจะไปที่นั่นทันที หลังจากที่เคลียร์เรื่องทางนี้เสร็จทุกอย่าง”



สายลมเดือนห้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2556, 17:51:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ย. 2556, 17:51:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 686





<< 1 ทำไม   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account