ดวงใจจ้าวรัตติกาล โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
'นางคือจันทราสว่างไสว นางคือจอมใจเมื่ออยู่เคียงขวัญ นางคือคู่แท้แห่งนิรันดร์ นางคือชีวันจ้าวรัตติกาล'
เขาไม่เคยเห็นค่าของสิ่งที่มีจวบจนวันที่เสียไป สายไปไหมหากจะวอนขอให้จันทร์จ้าวกลับมาอยู่เคียงข้าง
Tags: โรแมนติก เจ้าหญิงเจ้าชาย พระเอกขรึม นางเอกขรึมกว่า ความรัก การเมืองเล็กๆ

ตอน: บทที่ 12 สานสัมพันธ์

บทที่ 12 สานสัมพันธ์

ข่าวความเคลื่อนไหวของแดนหรดีค่อยๆ ล่วงรู้ไปถึงเหล่าขุนนางในเมืองหลวงเหมือนกับควันไฟที่กำลังลอยขึ้นสู่ที่สูง ถึงจะรู้ว่ามีการเรียกระดมพลแต่ก็มิมีผู้ใดกล้าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นกราบทูล เหตุเพราะคดีความของเจ้าปัชชุนที่ผ่านมาล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น

ท่านจ้าวทรงลงพระอาญาแก่ผู้กราบทูลความเท็จเพื่อเอาหน้าไปเสียหลายครั้งหลายครา มาคราวนี้หากไม่มีหลักฐานพยานพร้อมมูลใครเลยจะกล้า

ในขณะที่เหล่าขุนนางพากันนิ่งเฉยทำเป็นมองไม่เห็น จ้าวรัตติกาลกลับทรงเตรียมแผนการรับมือเจ้าปัชชุนในทางลับจนแทบไม่ได้พักผ่อน

เก้าวันหลังจากที่ทรงมีพระบัญชาให้โตมรไปรับปัชชุนกลับก็ทรงได้รับสารลับใจความว่าเจ้าปัชชุนยอมกลับมาเมืองหลวงโดยสมัครใจ ไม่มีการต่อสู้ขัดขืนเลย

ในเมื่อปัชชุนกล้ากลับมาพระองค์ก็กล้าที่จะให้โอกาส ทรงมีรับสั่งกับโตมรว่าหากพระอนุชายอมกลับมาแต่โดยดี ให้แจ้งกับทางกรมวังว่ามีพระบัญชาให้กลับมาร่วมพิธีบำเพ็ญราชกุศลแก่บรรพชนกับงานวันครบรอบพิธีราชาภิเษก

สองงานนี้จัดในปลายเดือนสิบสองและต้นเดือนสาม ที่ทำเช่นนั้นเป็นการบอกให้ทุกฝ่ายรู้โดยนัยว่าจะไม่เอาเหตุความไม่สงบในแดนหรดีเข้าประชุม ส่วนเหตุผลเรื่องการเรียกระดมกำลังพลจะสมเหตุสมผลหรือไม่ พระองค์ก็จะไม่ทรงลงพระอาญา แต่เจ้าปัชชุนจะต้องถูกคุมประพฤติอยู่เมืองหลวงไม่ต่ำกว่าสี่เดือน

เมื่อสถานการณ์ตึงเครียดคลายลง จ้าวรัตติกาลก็ทรงมีเวลาผ่อนคลายอิริยาบถบ้าง ได้บรรทมเต็มที่หนึ่งคืน รุ่งเช้าจึงทรงออกไปขี่ม้าที่ชายป่าด้านหลังอุทยาน

ส่วนนี้ห้ามคนนอกเข้าออกเพราะถือว่าอยู่ในเขตราชฐาน จัดเป็นสถานที่ล่าสัตว์สำหรับกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ความที่เชื้อพระวงศ์ของกาลัญญุมีน้อยและต่างก็ไม่โปรดการล่าสัตว์ สัตว์ป่าน้อยใหญ่จึงมีให้เห็นชุกชุม จะขาดก็แต่สัตว์ร้ายจำสัตว์พวกล่าเนื้อ เนื่องจากจ้าวรัตติกาลทรงมีรับสั่งให้ล่าจนสูญพันธุ์ไปจากเขตเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน

ได้ทอดพระเนตรเส้นทางประพาสที่คุ้นเคยก็ทรงนึกถึงเจ้าอรุณาขึ้นมา เจ้านางน้อยชอบชวนพระองค์ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์เสมอ จะล่าได้หรือไม่นางไม่เคยใส่ใจ ขอเพียงให้ได้เล่นสนุกแบบไม่ถูกตำหนิก็พอใจแล้ว ผิดกับพระพี่นางของนางลิบลับ นิศามณีจริงจังไปเสียทุกเรื่อง ชีวิตนางจะมีสิ่งที่เรียกว่าความบันเทิงเริงใจรึเปล่าพระองค์ก็เดาไม่ออก

ย้อนคิดถึงพระชายาขึ้นมาก็ทรงระลึกได้ว่าเมื่อสองวันก่อนพระองค์จะต้องเสวยกระยาหารเที่ยงร่วมกับนาง ปกติจะต้องมีคนมาตามไม่นางก็เป็นฝ่ายมาเอง แต่คราวนี้กลับเงียบหาย ระยะนี้คงไม่ใช่แต่พระองค์กระมังที่งานรัดตัว นิศามณีเองก็คงงานยุ่งด้วยจึงแทบไม่ได้พบหน้า

จ้าวรัตติกาลจึงทรงชักม้ากลับตั้งใจว่าจะไปหาพระชายา ชวนนางไปเที่ยวน้ำตกกลางป่าเป็นเพื่อนกันสักหน่อย ผืนป่าออกกว้างใหญ่ ธรรมชาติก็งดงาม หากมีอะไรทำให้นางพึงใจ พระองค์จะได้เห็นสีหน้าอย่างอื่นของพระชายาบ้าง

“ข้าจะกินมื้อเที่ยงที่น้ำตก จัดเครื่องเผื่อพระชายาด้วย” รับสั่งกับมหาดเล็กที่ตามเสด็จแล้วควบม้ากลับอย่างรวดเร็วจนทหารองครักษ์บนหลังม้าควบตามไปแทบไม่ทัน

จุดหมายปลายทางของจ้าวรัตติกาลก็คือตำหนักกลาง ตำหนักนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสองวังตามชื่อ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของธิดาเทพมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว มาในรัชกาลนี้แม้เจ้านิศามณีจะประทับอยู่ที่วังฝั่งซ้าย แต่เวลาทรงงานก็จะมาประทับอยู่ที่ตำหนักกลางเสมอ

วันไหนไม่ต้องเข้าร่วมในการว่าราชกิจตอนเช้า เจ้านิศามณีก็จะประทับอยู่ที่นี่เพื่อรอรับรายงานจากเหล่าขุนนาง รายงานส่วนใหญ่มาจากกรมพิธีการ กรมการทูตและกรมแพทย์ของทั้งสองวัง เนื่องจากทั้งสามกรมขึ้นตรงอยู่กับธิดาเทพ หากมีเหตุต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมจะต้องผ่านความเห็นชอบของธิดาเทพก่อน

เมื่อเสด็จไปถึงแล้วทรงทราบว่าเจ้านางทรงงานอยู่ในห้องทางปีกตะวันตก จึงทรงมีรับสั่งไม่ให้คนขานบอกว่ากำลังเสด็จมา

ระยะนี้จ้าวรัตติกาลโปรดการลอบสังเกตพระชายาเป็นพิเศษ ทรงเพลิดเพลินกับการได้ค้นพบแง่มุมแปลกใหม่ในตัวนางด้วยพระองค์เอง ทัศนคติที่ว่านางเป็นหญิงมากเล่ห์ไม่น่าคบจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย ทรงอยากเจอนางมากขึ้น แต่ก็ยังปากแข็งบอกกับตัวเองว่าทรงกำลังทำหน้าที่ของสวามีให้ดีขึ้นเท่านั้น

จ้าวรัตติกาลทรงลอบมองพระชายาอยู่ข้างประตูบานใหญ่ ไม่กี่อึดใจก็ทรงถูกกัลยาณีจับได้ จึงทรงจุปากแล้วใช้ภาษามือสั่งให้ทุกคนออกไป

ท่านหญิงค้อมศีรษะถวายความเคารพแล้วสะกิดท่านราชเลขาให้มองไปทางท่านจ้าว เห็นดังนั้นท่านราชเลขาซึ่งเป็นสตรีวัยกลางคน จึงหันไปกระซิบบอกคุณข้าหลวงทั้งสองอีกต่อ แล้วพร้อมใจกันเดินออกไปด้านนอกอย่างเงียบเชียบ

เมื่อไม่มีบุคคลอื่นอยู่แล้วจ้าวรัตติกาลจึงทรงสาวพระบาทเข้าไปในห้องอย่างเงียบกริบ แล้วนั่งทอดพระเนตรคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่ตรัสสิ่งใด ทรงรอให้นางจับได้เองเผื่อว่าจะได้เห็นสีหน้าตกใจของพระชายาบ้าง ทว่ารอจนเริ่มเบื่อพระชายาก็ยังไม่เคยหน้าขึ้นมาสักที ทั้งยังตรัสใช้ให้ไปหยิบของให้เสียอีก

“หยิบรายนามผู้เข้าร่วมพิธีบุญบวงสรวงดวงพระวิญญาณบรรพชนให้เราที ม้วนกระดาษข้างตะกร้าที่มีสายสีฟ้ารัด” เจ้านางทรงบอกตำแหน่งให้อย่างชัดเจน

รายงานจากกรมต่างๆ มักมาในรูปแบบม้วนกระดาษ เพื่อให้ง่ายแก่การแยกแยะแต่ละกรมจะมีสีประจำกรมและใช้เชือกถักสีนั้นมัดม้วนกระดาษเอาไว้ก่อนนำมาถวาย

จ้าวรัตติกาลจึงทรงไปหยิบมาให้ จากนั้นก็ถูกพระชายาใช้งานสารพัดตั้งแต่ค้นหาเอกสาร นั่งคัดลอกแผนงาน ตลอดจนเหลาดินสอ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเสียที ผู้ช่วยกิตติมศักดิ์จึงต้องกระแอมออกมาดังๆ

“มีอะไรหรือเพคะฝ่าบาท” เจ้านางคนงามช้อนพระเนตรขึ้นมองทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอม

สีพระพักตร์ของเจ้านางไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว เรื่องจึงกลายเป็นว่าทรงรู้อยู่แล้วว่าจ้าวรัตติกาลเสด็จเข้ามาแต่ว่าแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งยังแกล้งกลับด้วยการใช้ท่านจ้าวทำงานอีกต่างหาก สังเกตให้ดีจะรู้ว่าเอกสารที่ใช้ให้หยิบพระนางไม่ได้คลี่ออกอ่าน ดินสอที่ท่านจ้าวเหลาให้จนแหลมก็ไม่ได้ใช้ เพราะของเก่านั้นท่านหญิงกัลยาณีเพิ่งจะเหลาถวายก่อนออกไปนี่เอง

จ้าวรัตติกาลทรงรู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่ถูกย้อนรอย กระนั้นก็ยังไม่กริ้ว ด้วยเริ่มจะเข้าใจธรรมชาติของพระชายาขึ้นมาบ้าง นางก็เป็นของนางแบบนี้ จะให้วี้ดว้ายตกใจที่เห็นพระองค์มาเงียบๆ อย่างคนอื่นเห็นทีจะเป็นไปไม่ได้

“จะยอมแกล้งทำเป็นตกใจหน่อยไม่ได้รึไร แข็งไปอย่างเจ้าชายใดเล่าจะโปรดปราน” ทรงบ่นไปตามเรื่อง

นิศามณีฉลาดทันคนเกินไป ทั้งยังไม่ยอมลงให้ใครโดยง่าย ทรงว่านางจองหองก็ด้วยเหตุนี้

“แล้วหม่อมฉันต้องทำสิ่งใดเพื่อให้โปรดเล่าเพคะ หากเป็นพระประสงค์หม่อมฉันก็ยินดี”

“หากข้าสั่งเจ้าจะยอมเปลี่ยนนิสัยรึไง” ทรงหรี่พระเนตรมองพระชายาอย่างสนพระทัย นางเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นเสมอ พูดแล้วทำไม่ได้คงไม่พูด

“ให้เปลี่ยนนิสัยเลยทีเดียวคงไม่ได้เพคะ แต่หากอยู่ต่อหน้าพระพักตร์แล้วต้องการให้หม่อมฉันทำตัวเช่นไร หม่อมฉันก็ยินดีปฏิบัติตาม”

คำพูดของพระชายาทำให้ทรงนึกสนุกขึ้นมา จึงทรงสั่งนางว่าให้หัดทำอย่างหญิงทั่วไป อ้อนบ้าง อ่อนหวานบ้าง จะวี้ดว้ายก็เอาแต่ขอแบบพองาม

“โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานๆ เย็นๆ ของเจ้า อย่าได้ยิ้มให้ข้าเห็นเชียว”

คำสั่งประหลาดของพระสวามีทำให้เจ้านิศามณีทรงหัวเราะขันในใจ มนุษย์นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดเสียจริง ล้วนชอบคำหวานกับคำลวงมากกว่าความจริงเสมอ

พระนางอยู่ใกล้ชิดเสด็จพ่อตลอดเวลามีหรือจะไม่รู้วิธีเอาใจชาย มารยาหญิงกี่เล่มเกวียนพระนางรู้พระนางเห็นจนชินตา แต่นั่นมิใช่ตัวตนของพระนางจึงไม่เคยแสดงออกในด้านนั้น พระนางอภิเษกสมรสกับท่านจ้าวโดยปราศจากความรัก สิ่งที่มีให้พระสวามีได้คือความซื่อสัตย์และจริงใจ ทว่าจ้าวรัตติกาลกลับไม่พอพระทัยเสียอีก ในเมื่อทรงอยากให้พระนางเป็นหญิงมากมารยา พระนางก็จะทำให้

“หม่อมฉันจะพยายามเพคะฝ่าบาท” เจ้านิศามณีย่อกายน้อมรับพระบัญชา

แล้วสีพระพักตร์ราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนหวาน ทรงพอพระทัยที่ได้เห็นรอยยิ้มของพระชายา จึงทรงมีรับสั่งให้ยิ้มแบบนี้บ่อยๆ โดยหารู้ไม่ว่ากำลังจะแพ้ภัยคำสั่งของตัวเองในไม่ช้า

“ข้ามาชวนเจ้าไปเที่ยวป่าหลังวังกัน ข้าสั่งคนเตรียมอาหารไว้แล้ว ไปช้าจะเย็นชืดเสียหมด”

ที่ด้านหน้าตำหนักทรงสั่งมหาดเล็กให้จัดรถม้าสำหรับพระชายาเอาไว้ เส้นทางไปน้ำตกได้รับการแผ่วถางให้กว้างพอที่รถม้าจะแล่นไปได้ นางจะได้นั่งอย่างสบายไม่ต้องตากแดด ทว่านางกลับไม่ยอมนั่ง

“หม่อมฉันอยากขี่ม้าไปเพคะ”

“งั้นก็ได้ ไปเปลี่ยนชุดเสียสิ ข้าจะให้คนเตรียมม้าเอาไว้รอ”

เจ้านิศามณีทรงพระภูษาเป็นกระโปรงกรอมเท้าให้ขี่ม้าคงไม่สะดวกนัก

“ให้หม่อมฉันขี่ม้าตัวเดียวกับฝ่าบาทได้ไหมเพคะ ขอหม่อมฉันนั่งไปด้วยคน…นะเพคะ”

หางเสียงออดอ้อนทำพระทัยจ้าวรัตติกาลสั่นไหว ทรงรู้สึกในทันทีว่ากำลังแพ้ทางพระชายาอย่างที่ไม่เคยเป็น

จ้าวรัตติกาลทรงให้เจ้านิศามณีขึ้นหลังม้าไปด้วยอย่างเต็มใจ ร่างระหงเซมาพิงซบพระอุระขณะที่ม้ากำลังห่อตะบึงไป นางจับพระอังสาของพระองค์ไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋ ดูน่าเอ็นดูแล้วก็น่าถนอมอย่างประหลาด

จะน่ารักก็ทำได้ ทำไมหนอนางถึงไม่รู้จักทำตั้งแต่แรก นางงดงามเป็นทุนอยู่แล้ว ยอมอ่อนให้สักหน่อยพระองค์คงหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น

นึกหาเหตุผลไปถึงธารน้ำตกก็หาคำตอบไม่ได้จึงทรงเลิกคิดแล้วหันมาดูแลพระชายาแทน ทรงช่วยประคองนางจากหลังม้า จูงมือเดินไปยังโต๊ะเสวยริมน้ำ

“กินก่อนแล้วค่อยเดินเล่น”

พระชายาคนงามของพระองค์ยิ้มรับอย่างว่าง่าย ทั้งยังตักอาหารในจานมาป้อนให้ถึงปาก นางเอาอกเอาใจพระองค์เป็นอย่างดีตลอดเวลาเสวย พอได้เดินเล่นเคียงคู่กันในบรรยากาศร่มรื่นที่มีแสงแดดอ่อนๆ ของฤดูหนาวมาช่วยชูโรง พระหทัยของจ้าวรัตติกาลก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

ทว่าสุขอยู่ได้ไม่นานนักก็ทรงเริ่มคิดได้ พระองค์จับผิดคนเก่งแต่กลับไม่รู้สึกเลยว่าการเอาอกเอาใจของนางเป็นการเสแสร้ง รอยยิ้มอ่อนโยนนั่นก็เหมือนกันหากไม่รู้มาก่อนก็คงคิดว่านางยิ้มเช่นนั้นอยู่เป็นนิจ นึกแล้วก็ทรงรู้สึกหวั่นเกรงกับความสามารถในการเปลี่ยนบุคลิกของพระชายาขึ้นมา

ระแวงอยู่ได้ชั่วอึดใจพระชายาก็โผเข้ามากอด นางกรีดร้องเพราะว่ามีหนอนหัวหนึ่งตกลงมาใส่ชายกระโปรง

ร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นที่อยู่อ้อมพระกรทำพระหทัยของจ้าวรัตติกาลเต้นโครม ลืมความแคลงใจไปสิ้น ทรงเอ่ยปลอบนางแล้วลูบไหล่เรียกขวัญให้กลับมา

“ข้าหยิบออกให้แล้ว ไม่เป็นไรนะนิศามณี”

“ขอบพระทัยเพคะ ไม่ได้ฝ่าบาทหม่อมฉันคงแย่”

ทั้งที่ควรจะหายตกใจแล้วแต่เจ้านิศามณีก็ยังคงพิงซบอยู่กับพระอุระกว้าง ทรงเอียงคอขึ้นมามองพระสวามี เผยให้เห็นพวงแก้มน่าหอมที่ล่อใจเหลือประมาณ

รู้ทั้งที่รู้อยู่ว่านางแสร้งทำ แต่จ้าวรัตติกาลก็ยังติดกับน้ำผึ้งเคลือบยาพิษอย่างนางเข้าจนได้ ทรงโอบตัวนางเอาไว้แล้วโน้มพระพักตร์ลงมาอย่างเผลอไผล ก่อนที่พระนาสิกจะได้สัมผัสแก้มเนียนเสียงสวบสาบของพุ่มไม้ก็ทำให้ทรงชะงัก

“ใครน่ะ!” ทรงตวาดถาม

ได้ยินรับสั่งคนในพุ่มไม้ก็ค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น ปรากฏว่าเป็นจรี องครักษ์เงาคนซื่อนั่นเอง

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ข้าพระองค์แค่แอบดูแต่ไม่ได้ตั้งใจทำเสียงดังจริงๆ นะพระเจ้าค่ะ” อารามตกใจราชองครักษ์เลยสารภาพแบบหมดเปลือก

ท่านจ้าวสั่งว่าห้ามรบกวน แต่ด้วยหน้าที่แล้วจะทิ้งให้ทรงอยู่ลำพังไกลตาก็ไม่ถูกไม่ควร จรีจึงย่องตามมาอารักษ์ขาอย่างเงียบๆ บังเอิญลุ้นมากไปนิดเลยเผลอทำกิ่งไม้ที่ใช้กำบังตัวหัก

“กลับไปเอาผ้าคลุมไหล่ให้พระชายา ห้ามใช้ม้าให้วิ่งไปเท่านั้น”

“จรีรับพระบัญชาพระเจ้าค่ะ”

รับพระบัญชาแล้วราชองครักษ์หนุ่มก็โกยแนบ บุญเท่าไรแล้วที่ไม่ถูกท่านจ้าวถีบกลางยอดอกเอา

จ้าวรัตติกาลทรงมีสีพระพักตร์เคร่งครึมอยู่ได้อึดใจก็คลายความหงุดหงิดลงเพราะเสียงหัวเราะสดใสของพระชายา ไม่รู้ว่านางแกล้งทำหรือหัวเราะออกมาจากใจ ทรงสับสนเสียแล้วว่าอย่างไหนคือความจริงหรือกลลวง ไม่รู้ว่าทรงคิดผิดไปหรือเปล่าที่สั่งให้นางเปลี่ยนนิสัย

ยิ่งนางดีเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกไม่คุ้นชินเท่านั้น ทรงชอบใจในทีแรกที่มีอำนาจควบคุมนางได้ดั่งใจ แต่เอาเข้าจริงกลับกลายเป็นว่าถูกนางปั่นหัวเสียนี่

“จ้องหม่อมฉันไม่วางตาเชียว มีอะไรหรือเพคะ”

สายพระเนตรของจ้าวรัตติกาลที่ทอดมองมายังพระองค์ราวกับว่ากำลังมองคนแปลกหน้าอยู่ พระนางสู้อุตส่าห์ทำตัวเลียนแบบพระสนมนัชชาที่เสด็จพ่อโปรดปรานแล้วเชียว เห็นทีจะทำได้ไม่ดีท่านจ้าวเลยไม่พอพระทัย

“เฮ้อ! เจ้ากำลังทำให้ข้าสับสนรู้ไหมนิศามณี ข้างงไปหมดว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนเจ้าแกล้ง ข้ายอมแพ้เจ้าแล้ว ไม่ต้องฝืนทำอ่อนโยนหรอก เป็นเจ้าอย่างที่เจ้าเป็นจะดีกว่า อยากทำสีหน้าแบบไหนก็ทำไปเถิด”

ท่าทีของพระสวามีทำให้เจ้านางทรงยิ้มออกมา ครั้งนี้ไม่ใช่ยิ้มหวานเย็นหรือยิ้มอ่อนโยนที่พยายามแสร้งทำ แต่เป็นยิ้มจากใจจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้ม

“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันเองก็ยิ้มจนเมื่อยแก้มเหมือนกันเพคะ เห็นทีสีหน้าเรียบเฉยจะเหมาะกับหม่อมฉันที่สุด”

จ้าวรัตติกาลไม่เห็นด้วยกับคำพูดของพระชายาเสียทีเดียว ทรงอยากแย้งว่ายิ้มเมื่อครู่ต่างหากที่เหมาะที่สุด แต่ขืนเอ่ยไปนางอาจจะทึกทักว่าเป็นคำสั่งอีก ต่อไปก็จะยิ้มแต่แบบนี้แล้วมันจะต่างกับยิ้มหวานๆ เย็นๆ ตามปกติตรงไหน สู้เก็บคำชมเอาไว้ในพระทัยดีกว่า

“ไปหาที่นั่งพักกันเถอะ”

ทรงยื่นพระหัตถ์มาให้พระชายา ไม่ได้ดึงมือไปกุมไว้เหมือนอย่างก่อนหน้า สายพระเนตรบอกชัดว่าถ้าเต็มใจให้จับมือก็ยื่นมือมา หากไม่เต็มใจก็ไม่ต้องก็ได้ แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์มีหมายเหตุเล็กๆ เอาไว้ที่หางตาว่าถ้าไม่ยื่นมือมาจะงอนจริงๆ ด้วย

เจ้านิศามณีเห็นดังนั้นก็ยื่นพระหัตถ์ไปวางไว้บนฝ่ามือกว้างอย่างเต็มใจ

จ้าวรัตติกาลจูงมือพระชายาคนงามกลับมาที่ริมน้ำซึ่งมหาดเล็กปูผ้าเตรียมเอาไว้ให้ ทรงตั้งใจว่าจะชวนนางพูดคุยเรื่องเบาสมอง แต่กลับกลายมาเป็นนั่งถกปัญหาเรื่องเหตุบ้านการเมืองกันอย่างออกรส

บุรุษมักไม่ชอบให้สตรีก้าวก่ายเรื่องงานเมือง พระองค์เองก็ทรงเป็นเช่นนั้น ทรงไม่ชอบถูกสตรีข่มโดยเฉพาะกับพระชายาของพระองค์ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกันให้นางอยู่ห่างราชกิจให้มากที่สุด แต่วันนี้บรรยากาศกลับเปลี่ยนไป ยิ่งได้คุยได้เห็นความฉลาดเฉลียวของนางมากเท่าไรกลับทรงนึกเอ็นดูนางขึ้นมากเท่านั้น ถึงจะมีความเห็นขัดกันบ้างบางประเด็นแต่ก็พูดจาถกกันอย่างมีเหตุผล เมื่อตัดอคติในพระทัยออกไป พระองค์ก็ต้องยอมรับว่าสามารถพูดคุยกับนางได้อย่างไม่รู้เบื่อเลย

“เจ้าเป็นคนคุยสนุกรู้ไหม เราน่าจะคุยกันแบบนี้นานแล้ว”

สุรเสียงของจ้าวรัตติกาลเจือกระแสอ่อนโยน ทำให้เจ้านิศามณีทรงรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาในพระทัย

“ขอบพระทัยเพคะ”

เจ้านางทรงขอบคุณที่ตรัสชมและขอบคุณที่ทรงเมตตา คนอย่างจ้าวรัตติกาลกับพระนางนั้นคล้ายกันตรงที่มักจะสร้างเกราะป้องกันตัวปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ นานวันก็เคยชินจนแทบจะหลงลืมว่าเนื้อแท้ของตนเป็นเช่นไร การที่ทรงแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเอ็นดูพระนางจึงถือว่าได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างเหลือล้น

“ไว้แดดอ่อนแสงลงอีกหน่อย เราค่อยกลับกันนะ ข้าว่า…”

ตรัสได้ถึงตรงนี้ก็ทรงชะงักไป เอื้อมพระหัตถ์ไปหัวไหล่ของพระชายาแล้วหยิบบางสิ่งที่ติดอยู่ออก แล้วผายพระหัตถ์ออกเผยให้เห็นหนอนตัวอวบอ้วนบนนั้น“

“เจ้าคงเป็นที่รักของพวกหนอนนะนิศามณี มันถึงได้ชอบมาเกาะตามตัวเจ้าเสียจริง”

จ้าวรัตติกาลตั้งใจจะแหย่ให้พระชายาร้องกรี๊ดเล่นดูสักครั้ง ทว่าพระชายาคนงามกลับไม่หวีดร้อง

“อ้าว! ไม่กลัวหนอนแล้วรึ ลืมไป…ก่อนหน้าเราสั่งให้เจ้าแกล้งกลัวนี่ คนเก่งอย่างเจ้าคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับหนอน จะว่าไปเจ้าตัวนี้มันก็น่ารักดี เจ้าว่าไหม”

จ้าวรัตติกาลทรงส่งหนอนไปให้พระชายา แต่เจ้านางกลับกระเถิบหนีไปไกลจนแทบจะตกขอบชายผ้าที่ปูเอาไว้ จ้าวรัตกาลจึงได้รู้ว่านางกลัวสัตว์ชนิดนี้จริงๆ เพียงแต่ไม่แสดงออกว่ากลัวจนออกนอกหน้าเท่านั้น พระองค์จึงตั้งท่าจะโยนมันทิ้งลงน้ำ

“อย่าเพคะ!” เจ้านิศามณีทรงร้องห้าม

“ทำไมเล่า เจ้าไม่ชอบมันไม่ใช่หรือ”

หากเป็นคนอื่นคงบอกให้พระองค์โยนทิ้งไปนานแล้ว ยิ่งเป็นอรุณายิ่งแล้วใหญ่ นางต้องนึกพิเรนทร์จับหนอนใส่บนใบไม้แล้วเอาไปลอยน้ำเล่นแน่

“หม่อมฉันเกลียดหนอนจริงอย่างที่ทรงเข้าใจเพคะ แล้วก็ไม่อยากให้โลกนี้มีหนอนอยู่ด้วย แต่พอนึกถึงว่ากาลต่อไปมันจะกลายเป็นผีเสื้อแสนสวยมาประดับอุทยาน หม่อมฉันก็ทำร้ายมันไม่ลง”

ความเมตตาที่พระชายาแสดงออกมาทำให้จ้าวรัตติกาลนึกชื่นชมในใจ ทรงนำเจ้าหนอนตัวอ้วนไปไว้ที่พุ่มไม้ซึ่งอุดมไปด้วยใบไม้อ่อนให้มันกัดกิน จากนั้นก็ทรงลงไปล้างพระหัตถ์ที่ธารน้ำตก กลับขึ้นมาพระชายาก็เตรียมผ้าสำหรับเช็ดมือเอาไว้ให้แล้ว

“เช็ดให้หน่อย” ทรงยืนพระหัตถ์ไปให้ แล้วรอรับสัมผัสนุ่มจากเนื้อผ้าและไออุ่นจากมือคู่น้อย เห็นนางขะมักเขม้นเช็ดมือให้ก็รู้สึกพอพระทัยเป็นอันมาก

“รู้ตัวไหมว่าเจ้าน่ารัก”

จ้าวรัตติกาลทรงเชยคางมนของพระชายาขึ้นมามองแล้วโน้มพระพักตร์เข้าไปใกล้ ครานี้สิ่งที่ทรงเล็งไว้คือริมฝีปากนุ่มสีกลีบบัว

เจ้านางไม่ถอยหนีเมื่อพระสวามีขยับเข้ามาแนบชิด แพขนตาหนาหลุบลงรอรับสัมผัสอ่อนหวานที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าริมฝีปากร้อนทาบลงมาเพียงแผ่วทุกอย่างก็ยุติลงเพราะองครักษ์เงาที่เข้ามาขัดได้อย่างผิดจังหวะ

“ผ้าคลุมไหล่พระเจ้าค่ะ” จรีส่งยิ้มแห้งๆ กลับมาให้ เมื่อถูกจ้องด้วยพระเนตรสีนิลคมกริบ

วันนี้ราชองครักษ์หนุ่มวิ่งไปกลับอย่างรวดเร็วทำลายสถิติของวังหลวงยังไม่พอ แต่ยังทำลายสถิติเป็นก้างสองครั้งซ้อนในวันเดียวด้วย ดูจากสายพระเนตรถมึงของท่านจ้าวแล้ว งานนี้ท่าทางจรีจะรอดยาก

“มาเร็วทันใจดีนะจรี ยังไม่เหนื่อยใช่ไหม”

“ข้าพระองค์ยังไหวฝ่าบาท ทรงอยากได้สิ่งใดอีกหรือไม่ ข้าพระองค์จะรีบไปนำมาให้” องครักษ์เงาเอ่ยอย่างรู้ความผิด

“ไม่ต้อง…ข้าจะกลับแล้ว หากไม่เหนื่อยก็วิ่งกลับไปก็แล้วกัน ถ้าถึงช้ากว่าข้าเจ้าเจอโทษหนักแน่” รับสั่งเสร็จก็ตรัสเรียกมหาดเล็กให้เอาม้ามาให้

จรีก็เลยต้องวิ่งหน้าตั้งตาเหลือกกลับวังแบบไม่คิดชีวิต

ระหว่างที่ทรงรอม้าจ้าวรัตติกาลก็ทรงเอาผ้าคลุมไหล่มาหลุมให้พระชายา แล้วกระซิบข้างหูดังพอได้ยินกันสองคนว่า ‘คืนนี้ข้าจะไปหา’

********************
ขอลงตัวอย่างให้ได้อ่านเพียงเท่านี้นะคะ
นิยายเรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ ใช้นามปากกาว่า ภคพร
เป็นเล่มแรกในชุด จอมนางกลางหทัย
ส่วนเล่มสองจะเริ่มเขียนตอนเมษาค่ะ
เซตนี้มี 6 เล่มค่ะ เรียงกันดังนึ้ :
ดวงใจจ้าวรัตติกาล ดวงมานจ้าวทิวา (เจ้าทิวา+กัลยาณี)
แก้วตาขมังเวท (กรวินท์จอมขมังเวทของเจ้านิศามณี นางเอกอุบไว้ก่อน)
ดวงเนตรเมฆา (ภาคเจ้าปัชชุนที่ทิ้งปมไว้ในภาคแรกค่ะ)
ยอดชีวาองครักษ์ (เรื่องของหนุ่มๆ องครักษ์แสงกับเงาค่ะ ที่แน่ๆ มีจรีคนนึงแล้ว)
หทัยภักดิ์จอมนาง (เป็นของเจ้านางน้อยกวินทราค่ะ ลูกสาวสุดแสบของพระนางภาคแรก)
ใครที่สนใจเรื่องนี้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปหรือ สั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บสำนักพิมพ์นะคะ
http://www.lightoflovebook.com/



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2554, 10:25:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2555, 14:54:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2966





<< บทที่ 11 ท้าทาย   
nary 8 มิ.ย. 2554, 11:14:36 น.
เฮ้อ...จรี


saralun 8 มิ.ย. 2554, 11:47:54 น.
ตื่นเต้นอยากให้ถึงคืนนี้ไว ๆ ฮ๋า ๆ ๆ...


หมูอ้วน 8 มิ.ย. 2554, 13:29:27 น.
องค์รักษ์จรี โดนอีกแย้ววว
รอคืนนี้ค่ะ ฮิ...


ratchaneedee 8 มิ.ย. 2554, 20:49:21 น.
5555 จรี หนอ จรี


kaze 10 มิ.ย. 2554, 10:04:17 น.
อยากจะร้องว่า "จรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรี!!!"
แกเข้ามาทำม้ายยย...


แว่นใส 10 มิ.ย. 2554, 23:15:56 น.
ไปทำไมหล่ะจ๊ะ เล่านิทานหรือไง


cherryfirm 12 มิ.ย. 2554, 17:47:02 น.
555+++ จรีคนซื่อ...งานเข้าซะแล้วววววว >.<...


Auuuu 11 มี.ค. 2555, 02:43:09 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ขอกรี๊ดดังๆหนึ่งที อ่านรวดเดียวจบ ชอบอ่ะะะะะ ไอ๊หย่ะะะะะะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account