ลูกผู้ชายหัวใจสีน้ำเงิน
เมื่อชีวิตของผู้ชายเจ้าสำราญของบูรพาต้องจบลงด้วยการ มีภาระดูแลหลานกำพร้าผู้ชายสามคนต่างวัย เขาต้องเผชิญกับสิ่งที่อ่อนไหวอย่างที่ลูกผู้ชายต้องฝ่าคลื่นนาวาชีวิตไปให้ได้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: สังคม หรือคน ที่วุ่นวาย

“นี่มีเรื่องถึงตำรวจเชียวหรือแล้วทำไมไปมีเรื่องกันล่ะ”
“ไม่ให้กี่ทำข่าวได้อย่างไรคะ นี่เป็นอาชีพกี่นี่คะ เดี๋ยวจะตามไปโรงพักค่ะ”
กล่าวจบก็จากไปอย่างเร็วไวพร้อมกระเป๋าสะพายใส่สัมภาระที่สะพายติดตัวขับรถเก๋งปุโรทั่งของตัวเองจากไป
กานดาโคลงศีรษะอ่อนใจ คุณยายถาม
“มีอะไรหรือโกรธเป็นไฟไปอีกแล้ว เดี๋ยวได้ไปมีเรื่องต่ออีก แม่คนนี้ใจร้อน”
“ทั้งดื้อทั้งรั้นค่ะคุณยาย เขาขอร้องไม่ให้ทำข่าว ไม่ยอมฟังเสียงเลยทะเลาะกัน ตำรวจคนนั้นก็ไม่ยอม คนของเราก็แสนดื้อต่างคนต่างแรง”
“ตำรวจที่ไหนมาจับล่ะ”
“ตำรวจนอกเครื่องแบบค่ะไม่ทราบว่าใครแต่ไม่ใช่เพื่อนของกี่”
“เอาเถอะปลอดภัยก็ดีแล้ว เฮ้อเมื่อไหร่จะเลิกก็ไม่รู้อาชีพที่ต้องวิ่งไปอยู่ที่ร้อนๆ แบบนี้”
“กี่เขาไม่ยอมท่าเดียวเลย...กานไม่ทราบจะพูดอย่างไรดี คุณยายจะไปพักผ่อนข้างบนมั้ยคะ”
“ไปสิ...ลุ้นจนใจหายใจคว่ำไปเทียว”
คุณยายมีแก่ใจหัวเราะแถมท้าย กานดาประคองท่านพาเดินขึ้นไป...
ส่วนกิริยาไปทำข่าวให้กระจ่างตามหน้าที่และตามความคิดไม่ชอบหน้าบูรพา!!
……………….
โรงพักประจำท้องถิ่น
บูรพานำพวกคนเร่ร่อนไปบนโรงพักด้วยตัวเอง แจ้งข้อหากับร้อยเวร ซึ่งคือ ร.ต.ต.พงศธร นายตำรวจรุ่นน้องทำความเคารพอีกฝ่ายตามคุณวุฒิและวัยวุฒิ แม้จะไม่ได้อยู่ท้องที่เดียวกันก็ตาม
พงศธรเชิญบูรพาลงนั่งเมื่อสั่งคุมขังชายหญิง พลางเอ่ยอย่างเกรงใจว่า
“พี่น่าจะบอกผมจัดการ ไม่เห็นต้องเหนื่อยเองเลย”
“พี่แค่เอามาสั่งสอนไม่ได้คิดฟ้องศาลหรอกน้อง...เมื่อคืนก็ไปพูดดีๆ ให้ขนย้ายออกจากบ้าน เสือกเอามีดไล่ฟันพี่เสียอีก เช้านี้ขนพวกมากินเหล้าเอะอะมะเทิ่งเลยอดไม่ไหว”
“น่าขังลืม”
บูรพาส่ายหน้าเพราะเห็นกับเด็กตาดำๆ สามคนที่เป็นลูก ของคนบุกรุก และเพื่อน
“ถ้าไม่มีเด็ก พี่เห็นจะต้องทำอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่งั้นอาจจะเคยตัว แต่นี่…”
“เราก็ส่งเด็กเข้าบ้านสงเคราะห์ หรือถ้าติดยาก็เอาเข้าบ้านเมตตาไปเลยก็ได้นี่พี่”
บูรพามีท่าทีอ่อนลง แววตาอ่อนแสงเมื่อคิดเห็นเด็ก ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ เขาเคยเป็นเด็กมาก่อน และเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่ต้องให้โอกาสอยู่บ่อยครั้ง
ดังนั้นวันนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะทำเป็นลืมน้ำใจที่เคยได้รับได้หรือ เขาจะไม่มีวันนี้ ถ้าผู้ใหญ่ทุกคนคิดอย่างที่พงศธรแนะนำ เขาเอ่ยกับนายตำรวจรุ่นน้องว่า
“พี่ขาดพ่อแม่มาก่อน พี่รู้ดีว่ามันเหงาแค่ไหน ความเหงานี่ล่ะที่ทำให้ไปเกาะเพื่อน เพื่อนดีก็ดีไป เพื่อนเลว ชีวิตเรากลับลำยากนะถ้าผู้ใหญ่มาทับถมอีก ยังไงงานนี้พี่ก็ฝากด้วยนะขังสัก 3 วันแล้วค่อยปล่อย”
“ครับอย่างนั้นก็ได้ครับไม่ต้องลงบันทึกนะครับ”
“ขอบใจมากเลย...พี่ขอตัวนะ ต้องไปหาคนทำความสะอาดบ้านซะที เฮ้อ...โดนบุกเข้าไปทำโรงขยะเสียได้”
“บ้านพี่อยู่แถวไหนครับ”
“สวน ติดคลองสามวา อยู่ใกล้ๆ นี่ละ พี่ไปนะหมวด”
“หวัดดีครับ”
บูรพารับไหว้ จากนั้นเขากับลูกน้องลงจากสถานีตำรวจ
ชายหนุ่มเดินสวนทางกับกิริยา ทั้งสองหยุดกลางบันไดขั้นเดียวกัน บูรพาปลายหางตามองเช่นเดียวกับกิริยากระทำตอบโต้ เขาถอนฉุน ระงับอารมณ์หมั่นเขี้ยวไม่ไหวจึงได้คว้าแขนเรียวของหญิงสาวบีบแน่นอย่างไม่พอใจ หญิงสาวสะบัดด้วยความโกรธ แต่ไม่หลุดได้ บูรพาตะคอกใส่กิริยาว่า
“มองอย่างนี้หมายความว่าไง”
“หมายความเดียวกับที่คุณมองฉันนั่นแหละ...ปล่อยนะ”
เขาทิ้งแขนอีกฝ่ายโดยแรง ก่อนสำทับอย่างดูแคลนว่า
“ระวังเหอะ...จะหาคนมาเป็นผะ...คู่ไม่ได้”
“อย่ามาว่าฉันเลย ปาก หมะ...ปากอย่างนี้สักวันจะได้อีอ้า มาเป็นแม่...บ้าน”หญิงสาวจงใจพูดเว้นระยะเพื่อให้เกิดความหมายที่แตกต่าง
บูรพาสูดปากลืมตัว ด้วยความรู้สึกว่าหญิงสาวปากจัดจ้าน ไม่ควรเข้าใกล้ ดังนั้นเขาจึงผละจาก ก่อนที่จะเผลอซัดอีกฝ่ายสักตุ้บ ส่วนกิริยาเดินกึ่งวิ่งจากไปเช่นกันด้วยกลัวตัวเองจะยั้งมือไม่อยู่จะเผลอฟาดหน้าอีกฝ่ายด้วยกระเป๋าถือ ไม่รู้เป็นอย่างไรจึงหมั่นไส้อีกฝ่ายเต็มที
จ่าอดิศร ก้าวเท้ามาทันทันนาย เขาเอ่ยถึงกิริยาด้วยน้ำเสียงจงใจให้หญิงสาวได้ยินว่า
“สวยดีนะครับผู้กอง”
“ความสวยแค่พอใช้ แต่ปากเสียยังกับส้วมเต็ม” เขาจงใจเอ่ยดังให้หญิงผู้ที่จากไปได้ยิน กิริยาได้ยินแว่วๆ วิ่งย้อนกลับลงมาจะถาม หากเธอรีบเบรกตัวเอง เมื่อคิดว่า ที่เขาพูดก็เพื่อหาเรื่อง เธอจะตกเป็นลูกไล่เขาทำไมให้เสียเวลางาน ดังนั้นจึงถอดใจกลับ
จ่าอดิศรหัวเราะในลำคอพร้อมกันกับนาย
“ถ้าลงมาเอาเรื่องนายจะว่าไงครับ”
“จูบซะให้หลงผู้กองบูไปเลยน่ะสิ”
ตอบแล้วบูรพาหัวเราะเอิ๊ก มีความสุขเข้ามาแทนความขุ่นใจเกินกว่าเหตุ
บูรพา ขึ้นรถปิดประตูปังใหญ่ หญิงสาวเดินถึงบันไดขั้นสูงพอดี หันมากระทืบเท้าเร่า ด้วยคิดเสียดายที่ไม่ตามไปตบปากคนหล่อปากเสียสักสองฉาด แต่เมื่อพลาดแล้ว เธอจึงทำหน้าหน้าบูดขึ้นไปทำข่าวบนโรงพัก

ผู้กำกับมาสำทับกับร.ต.ต.พงศธร ให้ดูผู้ต้องหาที่นำมาขังนอกบัญชี ก่อนท่านจะไปราชการข้างนอก ท่านเอ่ยว่า
“ผู้กองบูรพา เป็นผู้กองมือปราบน้ำดีทีเดียว ดูแลงานนี้ให้เขาหน่อยนะหมวด”
“ครับผม”...เขารับคำ รอนายไปแล้วเขาจึงเข้าไปสั่งสอนพวกคนเร่รอน ซึ่งพวกเขาสงบลงมากแล้วเมื่อมาเจอของแข็ง…
บุกรุกบ้านนายตำรวจและทำร้ายเจ้าพนักงาน แค่คิดอย่างคนที่ไม่มีสมองก็ยังคิดได้ว่าน่าจะโดนขังลืม เพราะพวกเขาไม่มีญาติมาดูดำดูดีวิ่งเต้นให้ และถึงวิ่งเต้นร้องเรียนก็ใช่ว่าจะรอด เพราะข้อหาที่ทำไว้อุกฉกรรจ์ไม่น้อย
กิริยาขึ้นมาถึงบนโรงพัก พอดีหมวดพงศ์เผ่ามานั่งประจำที่ เห็นหน้าคว่ำของเพื่อนสาวผู้ที่ผู้หมวดหนุ่มชอบจึงถามกลั้วหัวเราะ
“ตกอ่างกะปิ มาหรือทำหน้าเหม็นมาเชียว” กิริยาค้อนขวับ หล่อนไม่ทานกะปิเขารู้
“แค้นคน”
“ผมเหรอ”
“กี่จะแค้นนะถ้าพงศ์ไม่ให้ข่าว....”
“ข่าว....อะไร” เขาพูดวรรคช่วง
“พวกที่ถูกจับมาเมื่อกี้ใครจับแล้วถูกข้อหาอะไร”
“บุกรุก แต่ไม่ได้ลงบันทึกหรอก ผู้กองแค่สั่งสอนเท่านั้น ไปบุกรุกบ้านแกแค่นี้ก็ผิดแล้ว ยังทะลึ่งเอามีดฟันตำรวจอีก ทั้งที่เป็นคดีอาญานะคุณ...แกไม่เอาเรื่องผมว่าใจพระมากแล้ว แกว่า ถ้าจับพ่อแม่เข้าคุกหมด พวกเด็กๆจะอยู่ยังไง แกสงสารเด็กเลยไม่เอาเรื่องนี่ผู้กองต้องทำขวัญลูกน้องตัวเองด้วยซ้ำ”
นี่หรือข่าวที่ถ่อสังขารมาทำ...กิริยาคิดอย่างรุ่มร้อนในอก
จะให้รายงานหรือว่า…ผู้กองใจพระไม่เอาเรื่องคนเร่ร่อนที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่
...เหอะ!ได้ขั้นเพิ่มนะสิ…ฉันไม่มีรายงานข่าวนี้อย่างเด็ดขาด..
หญิงสาวขมวดคิ้วไม่คลายพงศธรเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาลูบรอยย่นบนคิ้วของหญิงสาวก่อนว่า
“แก่หมด”
“ไม่มีข่าวอะไรแล้วใช่มั้ยจะได้ไปโรงพักอื่น”
“ทำไมถึงทำข่าวอาชญากรรมล่ะกี่”
เป็นคำถามที่กิยาได้ยินเป็นประจำ เพราะหญิงสาวมีความสวยใสชนิดนางเอกหนังดังระดับหนึ่งที่ไม่แต่งหน้าแล้วโทรมสุดขีดยังอาย เพราะกิริยาไม่ต้องแต่งหน้าทาปากก็สวยมาก
ทำข่าวแรงอย่างนี้เพราะเป็นอุดมการณ์...กิริยาฝังใจต่อคดีข่มขืนฆ่าในหมู่บ้านของตนเอง สุดท้ายฆาตกรติดคุกไม่กี่ปีออกมาลอยหน้าอยู่ในสังคมราวกับไม่ได้ทำชั่ว เพราะข่าวนั้นโดนปิดเงียบ
กิริยาจึงคิดเสมอ ถ้าเป็นเธอจะเปิดเผยความชั่วนี้ให้สังคมได้รับรู้ว่า แม้คนสังคมระดับใดก็แล้วแต่ กฎหมายต้องมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอภาคกัน...!
หน้าที่ขุดคุ้ยการปกปิดข้อมูลทุกเรื่องเป็นหน้าที่สื่อมวลชน แม้บางเรื่องเป็นเรื่องน่าเสร้าที่ไม่ควรเปิดเผย แต่สื่อต้องทำ และได้รับการประณามว่าไม่ควร หากว่าหน้าที่คือ หน้าที่ตามที่ได้เรียนกันมาอย่างหนัก ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงเส้นผมสักก้อนของหลักฐานที่โดนฝัง หน้าที่คุ้ยยังคงมีอยู่เสมอ!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2554, 11:10:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2554, 11:10:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1878





<< ใครผิด    >>
ปูสีน้ำเงิน 8 มิ.ย. 2554, 14:56:01 น.
ดูท่าว่าถึงยัยกี่รู้ความจริงก็ไม่เห็นความดีของนายบูอยู่ดีนะ


Zephyr 8 มิ.ย. 2554, 17:06:06 น.
กี่อคตินี่นา บูไม่ได้ทำไรผิดซะหน่อย แถมมีน้ำใจอีก แต่นะหน้าแตกหลายเสี้ยวเลย หึหึ


nutcha 8 มิ.ย. 2554, 19:51:20 น.
กี่มีอคติกับบูซะแล้ว...ทำยังไงบูก็ไม่ดีในสายตาของกี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account