Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: คำสารภาพกับคำอวยพร

อากาศพิลึกพิลั่นเพราะฝนตกลงมาตอนเช้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่มันเริ่มเตรียมเข้าฤดูใหม่แล้ว พีรพงษ์ตื่นมาตั้งแต่ตอนฟ้ายังไม่สว่าง ความคิดสุดท้ายก่อนที่จะล้มตัวนอนเมื่อคืนยังสะท้อนอยู่ในสมองและในใจด้วย มันเป็นความคิดที่ชัดเจนและมั่นคงที่สุดเรื่องหนึ่งที่เขาคิดทำในรอบหลายปีนี้

พีรพงษ์ตัดสินใจแล้วที่จะไปหาเกมที่ออสเตรเลีย

แทนที่จะวิ่งฝ่าฝนที่ลงเม็ดไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้า ชายหนุ่มเรียกรถแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาตรงปากซอย มุดตัวเองเข้าไปและบอกจุดหมายเรียบร้อย เขาก็เริ่มทำในสิ่งแรกที่คิด นั่นคือหาคนที่จะช่วยเขาพาตัวเองไปให้ถึงออสเตรเลีย

พีรพงษ์เปิดสมุดรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์มือถือ แล้วเลื่อนนิ้วไล่หาเบอร์โทรศัพท์ ชายหนุ่มรู้ดีว่าถ้าจะให้ใครสักคนช่วยเหลือเรื่องตั๋วเดินทางไปออสเตรเลียก็คงเป็นเพื่อนคนนี้

“ฮัลโหล”

พีรพงษ์รอไม่นาน เพื่อนผู้ทำงานให้บริษัททัวร์แห่งหนึ่งรับสาย ถ้าไม่นับเวลาส่วนใหญ่ที่เจอกันยามเพื่อนคนนี้กลับจากพาลูกทัวร์ไปนอกเกือบตลอดปี ช่วงพักระหว่างทริปส่วนใหญ่ก็มักได้เจอกันเสมอ

“ฮัลโหลจิ๊บ กูไนท์นะ” พีรพงษ์บอก
“เออ ว่าไงวะ?” ฝ่ายโน้นทักด้วยความแปลกใจนิดหน่อย
“กูอยากได้ตั๋วไปออสเตรเลียว่ะ ฝากดูให้ทีสิ”
“ออสเตรเลีย? ไปเที่ยวเหรอ? ไปกับใครวะ?” จิ๊บยิงคำถามรัวตามนิสัย
“ไปคนเดียว” เขาตอบเรียบๆ
“คนเดียว??” อีกฝ่ายทำเสียงตกใจ
“งั้นคืนนี้มึงเจอกูเลย เลยคืนนี้ไปกูต้องพาลูกทัวร์ไปบาหลี ที่เก่า ร้านเดิมตรงสีลมนะ” คนจะถูกไหว้วานรีบนัด
“อืม ได้ๆ”

เอ็มวีบทเพลงฮิตของศิลปินหญิงรุ่นเก่า โอลิเวีย นิวตัน-จอห์น อย่างเพลง If not for you กับ Summer night ถูกเปิดบนทีวีจอแบนที่แขวนอยู่ตรงมุมต่างๆ ในร้าน มุมด้านล่างของจอบอกว่าเป็นคอนเสิร์ตที่จัดที่เมืองไทยนี่เอง แฟนเพลงที่กล้องจับไปล้วนแต่คนมีอายุอานามที่จะรุ่นๆ หน่อยก็น้อย

พีรพงษ์ไม่ได้รู้จักนักร้องสาวคนนี้มากไปกว่าชื่อเคยผ่านหู แต่อารมณ์ในเพลงทำคนในร้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝรั่งต่างชาติเคลิ้มตามก็ชวนให้ใจสนุกและผ่อนคลายไปด้วย

“นึกไงจะไปออสเตรเลียวะ?” จิ๊บถามพร้อมกับเอาแก้วเบียร์ของตัวเองเคาะเบาๆ กับแก้วที่อยู่ตรงหน้าเขา
“ว่าจะไปหาเกมว่ะ” ชายหนุ่มพูดและยกแก้วเบียร์ตัวเองขึ้น
“อะไรนะ?” จิ๊บอุทานแบบแทบสำลักเบียร์ที่เพิ่งจิบลงไป
“มึงจะไปหาเกมนี่นะ!” ฝ่ายแปลกใจขึ้นเสียงดัง
“เออ... กูว่าจะไปหาเกม” พีรพงษ์พูด เขาหยุดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ
“อาทิตย์ก่อนกูเจอเพื่อนที่ทำงานเก่าเกมว่ะ มันแวะมาบอกว่ามันบังเอิญไปเจอเกมที่ออสเตรเลียตอนไปประชุมดูงาน” เขาเล่า
“มึงรู้แค่ว่าเกมอยู่ออสเตรเลียแค่เนี้ย แล้วมึงคิดว่าจะหาเกมเจอเหรอ?” จิ๊บถาม
“ออสเตรเลียนะเว้ย ไม่ใช่หมู่บ้านแถวนี้ที่มึงจะได้เที่ยวเดินถามใครต่อใครว่ารู้จักคนนี้ป่าวคนนั้นป่าว” มันออกความเห็น
“มึงจำไอ้กอล์ฟเพื่อนรุ่นเราได้เปล่า แฟนมันบอกว่าเพื่อนมันมีคนรู้จักที่น่าจะใช่เกมอยู่ที่ซิดนี่ย์” เขาบอกโดยไม่รอให้จิ๊บนึกถึงคนที่เอ่ยถึง
“ซิดนี่ย์???” จิ๊บทวนคำ
“ใช่” พีรพงษ์ตอบ
“ซิดนี่ย์ก็ไม่เล็กนะเว้ย แล้วมึงจะหาเจอเหรอวะไนท์?” เหมือนจะเพิ่งนึกได้เลยแย้งถาม
“ไม่รู้สิ แต่กูส่งอีเมล์บอกเกมไปแล้วว่ากูจะไปนะ”
“แล้วเกมตอบกลับมาหรือยัง?” เห็นอาการไม่ตอบของพีรพงษ์ อีกฝ่ายก็เดาได้ว่ายัง
“ยังไม่มีข้อความตอบกลับมา มึงก็จะไปตามหาเค้าที่นู่นนี่นะ” จิ๊บพูดจบก็ยกเบียร์ขึ้นซด
“อืม”
“โอ้... แม่ง อารมณ์ไหนของมึงวะเนี่ย?” อีกฝ่ายบ่นพึมพำ
“เออน่ะ กูก็แค่จะให้มึงช่วยจองตั๋วให้เท่านั้นเอง มึงจองตั๋วทำทัวร์บ่อยๆ น่าจะหาที่ถูกๆ ได้”
“ทำไมไม่บินรวดเดียวเลยวะ?”
“กูมีแพลนจะไปอีกทีนึงก่อนว่ะ” ชายหนุ่มตอบพร้อมเลื่อนสายตาไปบนจอทีวี
“ไปไหนวะ?” ผู้เป็นเพื่อนหันมามองหน้า
“อลิซสปริงส์” คำตอบนั้นลอยออกมาราวกลับว่าเป็นที่ที่แสนไกล
....................

จดหมายลาออกในมือของพีรพงษ์ถูกยื่นต่อพี่เดชา หัวหน้าฝ่ายบุคคลทำเอาอีกฝ่ายตกใจจนสบถ “เฮ้ย!” ออกมาสุดแรง ในบ่ายวันนั้นเขาต้องขึ้นไปคุยกับคุณชุมชาติ กรรมการใหญ่พร้อมด้วยพี่หนึ่งที่เป็นหัวหน้าแผนกของชายหนุ่มด้วย

เมื่อโดนซักถามถึงเหตุผล เขาก็ตอบไปตามจริงเรื่องที่เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แม้จะถูกรั้งไว้ว่าจะระงับเรื่องจดหมายลาออกไว้ก่อน โดยให้เขาพักเท่ากับเวลาลาพักร้อนที่เหลืออีกเกือบสิบวันกับอีกวันหยุดอีกซักครึ่งเดือนค่อยกลับมาทำงานใหม่ ชายหนุ่มก็ได้แค่ขอบคุณและบอกว่าเขาคงทำไม่ได้เพราะเขากำลังจะเดินทางไปออสเตรเลียเร็วๆ นี้

ผู้ใหญ่ในบริษัทจึงได้แต่ต้องยินยอมตามคำขอของเขา และอนุมัติลาออกตามที่เขาลงไว้ในจดหมายให้ทันที
....................

สี่วันก่อนจะสิ้นเดือนกันยายน พีรพงษ์จับรถทัวร์ขึ้นเชียงใหม่ด้วยความตั้งใจเดียวคือ ไปเจอจูน ผ่านมาเกือบสามสัปดาห์แล้วตั้งแต่เขากับหญิงสาวขาดการติดต่อซึ่งกันและกัน แม้จะเคยรับปากพ่อกับแม่ของหญิงสาวไว้ แต่ชายหนุ่มก็อยากเล่าความจริงทั้งหมดให้หญิงสาวฟังด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องของเกม เรื่องที่เขาป่วย เรื่องความรู้สึกที่มีต่อเธอ เรื่องที่เขาจะไปออสเตรเลีย

ร้านจำหน่ายผ้าไหมและสินค้าหัตถกรรมร้านใหญ่ใกล้ประตูท่าแพคือบ้านของจูน พ่อแม่ของหญิงสาวค่อนข้างตกใจและประหลาดใจที่จู่ๆ พีรพงษ์ปรากฏตัวที่หน้าบ้าน เมื่อรับไหว้ชายหนุ่มแล้วอาผู้ชายก็พยักหน้าบอกผู้เป็นภรรยาให้ไปตามลูกสาว แม้จะมีท่าทีอิดออดแต่เธอก็ทำตาม

“ไนท์ผอมลงไปนะ” เธอเอ่ยขึ้น หลังจากเดินตามกันมานั่งที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากบ้าน
“อืม” ชายหนุ่มรับคำง่ายๆ
“จูนก็ดูซูบลง” เขาเอ่ย
“ก็แค่กินไม่ได้นอนไม่หลับ” น้ำเสียงตอบขุ่นๆ
“ว่าแต่ไนท์มาหาจูนทำไม?”
“ผมจะมาขอโทษ” คำตอบนั้นหลุดออกจากปาก
“ขอโทษ??? ขอโทษทำไม?? ไนท์จะต้องขอโทษทำไมในเมื่อคนที่หลอกมาตลอดคือจูน” หญิงสาวเสียงแข็ง
“จูน” พีรพงษ์เรียกหญิงสาวเพื่อดึงอารมณ์เธอให้คุมสติก่อน พอเห็นหญิงสาวใจเย็นลงเขาจึงพูดต่อ
“ผมก็มีเรื่องที่ปิดไว้โดยไม่ได้บอกจูนเหมือนกัน”

พีรพงษ์เริ่มต้นเล่าเรื่องของตัวเองกับคนรักเก่า ที่มาที่ไปของการที่เขาปฏิเสธการใช้ชีวิตร่วมกับหญิงสาวทั้งที่ระดับความสัมพันธ์นั้นลึกซึ้งไปแล้ว เขาเล่าเรื่องอาการป่วยที่กำลังอยู่ในระหว่างรักษาตัวกับคุณหมอ จนถึงเรื่องที่เขากำลังจะไปออสเตรเลียเพื่อตามหาเกม และค้นหาคำตอบที่ชัดเจนให้ตัวเอง

สรัญญานั่งฟังเรื่องราวของเขา น้ำตาที่ไหลลงมาอาบสองข้างแก้มเหมือนการให้อภัย เขาจับมือเธอมากุมเบาๆ เอ่ยคำขอโทษอย่างเป็นจริงเป็นจังอีกครั้งสำหรับการที่เขายังไม่สามารถตัดสินใจเลือกเธอได้ในตอนนี้

หญิงสาวไม่ว่าอะไร เธอเล่าเรื่องที่เธอตัดสินใจหย่ากับอดีตสามี ขอโทษสำหรับเวลาก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยเล่าเรื่องที่เธอแต่งงานแล้วให้เขาฟัง จากนั้นเธอก็สอบถามเรื่องไปออสเตรเลียของพีรพงษ์ พร้อมทั้งอวยพรให้การเดินทางของเขาเป็นไปด้วยดี และจะรอวันที่เขากลับมาไม่ว่าจะในฐานะไหนก็ตาม

พีรพงษ์เอ่ยขอบคุณที่หญิงสาวเข้าใจสิ่งที่เขาเป็น เขามองเข้าไปในสายตาเธอ เห็นในความรู้สึกที่อยู่ข้างในนั้นซึ่งมันทำให้เขาเจ็บปวดเสียจนต้องรีบหลบสายตาตัวเองออกไป

ชายหนุ่มเอ่ยลาหญิงสาวก่อนกลับลงมาในคืนนั้น หญิงสาวโผเข้ากอดเขาแน่นและร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนแผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขา สุดท้ายเธอก็มาส่งเขาที่สนามบินและรออยู่จนเขาขึ้นเครื่องถึงได้กลับไป

รอยสัมผัสจูบยังติดอยู่บนริมฝีปาก พีรพงษ์คิดว่านี่อาจจะเป็นจูบสุดท้ายระหว่างเขากับเธอ เพราะจากนี้ไปอีกไม่นาน เขาจะเดินทางไปคว้าคำตอบที่เขาอยากรู้มาตลอด
....................

(ผู้แต่งวุ่นวายกับการเช็คข้อมูลสำหรับเนื้อหาช่วงครึ่งหลังมาก เพราะถ้าข้อมูลผิดนิดเดียวต้องกลับมาแก้ใหม่เยอะ... เลยยังไม่ได้ลงให้อ่านต่อเนื่อง ต้องขออภัยมาตรงนี้ครับ)



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2556, 12:47:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2556, 12:47:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 938





<< คำตอบในใจกับการแยกจาก   ข้อความและการเดินทาง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account