Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ผืนทรายสีแดง

ตัวอักษรดิจิตอลบนจอมอนิเตอร์ที่สนามบินคิงส์ฟอร์ดสมิธบอกเวลา 08.12 am ของเดือนตุลาคม เวลาของท้องถิ่น เวลาของซิดนี่ย์
อุณภูมิบอกอยู่ที่ระดับ 8 องศาเซลเซียส นับว่าหนาวสำหรับกะเหรี่ยงจากเมืองไทยแบบพีรพงษ์ ทั้งที่ชายหนุ่มอุตส่าห์เช็คข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วว่ามันควรจะเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิมาสักสัปดาห์กว่าๆ แล้ว แต่เดี๋ยวนี้ธรรมชาติก็เป็นอย่างนี้แหละ ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่น่าจะเป็น

พีรพงษ์เดินตามกลุ่มผู้โดยสารเที่ยวเดียวกันไปยังช่องตรวจคนเข้าเมือง พิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่คิงส์ฟอร์ดสมิธระบุว่าต้องเตรียมเอกสาร B465 และพาสปอร์ตให้พร้อม และตอบคำถามเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน

ชายหนุ่มรู้สึกสั่นๆ กลัวจะผ่านขั้นตอนไปไม่ได้

เจ้าหน้าที่ด่านเป็นฝรั่งตัวอ้วนในชุดเครื่องแบบที่ฟิตจนล้น แก้มแดงเหมือนเด็กอนุบาลตัวอ้วนๆ แต่แววตาขึงขังจนน่ากลัว เขามองดูรูปถ่ายบนพาสปอร์ตสลับกับเงยหน้ามองดูพีรพงษ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนพับพาสปอร์ตถือไว้

“จะไปไหน?” คำถามภาษาอังกฤษสำเนียงออสเตรเลียหลุดมาเป็นประโยคแรก แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ในสถานการณ์จริงกลับคิดอะไรไม่ทัน
“อ่า... อ่า...” พีรพงษ์อ้ำอึ้ง จนอีกฝ่ายหยีตามอง หน้านิ่วด้วยความไม่ยินดี
“พูดอังกฤษได้ใช่มั้ย?” คำถามถูกเปลี่ยนใหม่
“ได้ครับ... นิดหน่อย...” ชายหนุ่มออกตัว
“จะไปไหน?” น้ำเสียงแข็งกร้าวนั้นเบาลง และเนิบช้ากว่าเดิม ท่าทางเจ้าหน้าที่คงเคยชินกับการปรับระดับความเร็วของการถามคำถามกับพวกด้อยทักษะทางภาษา
“อูยูรู ผมจะไปอูยูรู” พีรพงษ์ตอบ
“อูยูรู? นายบอกว่าอูยูรู?” ฝ่ายนั้นคงงงที่ได้คำตอบแบบนี้ ก็คนไทยส่วนใหญ่ถ้ามาประเทศนี้ ไม่มาเรียนต่อก็มาเที่ยวเมืองใหญ่ๆ อย่างซิดนี่ย์ เพิร์ธ เมลเบิร์นเป็นหลัก จะมีสักกี่คนที่หมายหมั่นว่าจะมาสถานที่ไกลผู้ไกลคนอย่างนั้น
“ใช่ ผมจะไปอูยูรู” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น
“ไปกี่วัน? ไปถูกเหรอ?” ตามมาด้วยคำถามราวกับจะลองภูมิ
“สี่วัน ผมมีตั๋วภายในประเทศของแควนตัสนะ ผมต้องขึ้นเครื่องในอีกชั่วโมงข้างหน้านี่ บินไปลงที่สนามบินคอนแนลแลน” คำตอบถูกพูดออกไปอย่างกระฉับกระเฉง เพราะเตรียมตัวตอบคำถามเอาไว้ตั้งแต่ที่เมืองไทยแล้ว

เจ้าหน้าที่หน้าอูมบวมมองหน้าเขาครั้งหนึ่ง แล้วพยักหน้าเป็นเชิงพอใจกับคำตอบ ยื่นพาสปอร์ตแล้วก็เอกสารกลับมาให้

“อย่าลืมเก็บเอกสารไว้ดีๆ ยินดีต้อนรับสู่ออสเตรเลีย แล้วเจอกันตอนกลับพ่อหนุ่ม” คำทักทายพร้อมรอยยิ้มทำให้พีรพงษ์ยิ้มออก

กระเป๋าเดินทางใบใหญ่แต่ไม่ค่อยมีอะไรของชายหนุ่มถูกแบกขึ้นบ่า ชายหนุ่มเปิดรายการที่ลิสต์ไว้ในสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ มันบอกว่าเขาต้องหารถบัสที่วิ่งระหว่างอาคารผู้โดยสารขาเข้านี้กับอาคารภายในประเทศ พอมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจแล้ว เขาก็ลากฝีเท้าไปยังทางออก

อากาศหนาวเย็นของฤดูหนาวที่ยังหลงเล็ดลอดมาฉาบไปทั่ว พีรพงษ์ห่อตัวเองในสภาพเตรียมตัวมาไม่ดีพอ สะพายกระเป๋าเดินทางและก้าวเท้าตามป้ายจนถึงจุดรอรถ มีคิวยาวพอประมาณอยู่ตรงนั้น

“สวัสดี” ชายผิวขาว ตัวใหญ่ หน้าตาสุภาพคนหนึ่งซึ่งมายืนรอคิวก่อนเขาทัก
“ครับ สวัสดีครับ” พีรพงษ์ตอบ
“ผมจำคุณได้ คุณมาจากมาเลเซียใช่ไหม?” ชายผู้นั้นเอ่ยถาม
“ผมมาต่อเครื่องที่มาเลเซีย แต่ผมเป็นคนไทย” เขาตอบ การสนทนาด้วยภาษาอังกฤษประโยคสั้นๆ ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่--พีรพงษ์คิด
“โอ้ว... สวัสดีครับ” ฝ่ายนั้นอุทานและทักทายด้วยคำแบบไทย
“ครับ” พีรพงษ์ยิ้ม
“คุณจะไปไหนเนี่ย?” อีกฝ่ายกลับมาถามด้วยภาษาอังกฤษ
“ขึ้นเครื่องแควนตัสไปเอเยอร์ร็อค ไปสนามบินคอนแนลแลน”
“คนเดียว? คุณไปคนเดียวนี่นะ?” ฝ่ายนั้นหัวเราะประหลาดใจ จนพีรพงษ์ชักจะคิดว่าการมาเที่ยวอูยูรูคนเดียวคงเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากสำหรับชาวประเทศนี้
“คุณจะไปอูยูรูงั้นเหรอ?” ชายอีกคนที่ยืนอยู่ถัดไปได้ยินคำตอบก็ขอร่วมสนทนาด้วย เขายื่นมือมาทักทายพร้อมแนะนำตัวเองว่าเขาก็กำลังจะไปที่นั่น ตัวเขากับเพื่อนสาวและเพื่อนของเธออีกสองคน
“ผมก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน ผมชื่อทากะ นี่แฟนผม--ยูมิ นั่นนิชิเอะกับซง-ควู” ผู้ชายคนนั้นไล่เรียงเพื่อนไปทีละคน

ทากะเป็นคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่สูง เขาสูงกว่าพีรพงษ์เป็นคืบสองคืบ ผิวกร้านแดดเหมือนพวกอยู่กลางแจ้งตลอดเวลา ผมหยักศกของเขาแห้งกรังเหมือนไม่ค่อยได้ดูแล แววตาเป็นประกายด้วยความมีอัธยาศัยดี ยูมินั้นหน้าตาและรูปร่างทอดแบบสาวญี่ปุ่นแบบที่พีรพงษ์เคยเห็น หน้ากลม ตาโต ตัวเล็กๆ ออกเจ้าเนื้อหน่อยๆ ชอบหัวเราะโชว์ฟันเขี้ยว ผิวแทนแบบเดียวกันกับคนเป็นแฟน ท่าทางสองคนนี้จะชอบพออะไรคล้ายๆ กัน

นิชิเอะสูงไม่ต่างจากยูมิเท่าไหร่เพียงแต่จะอ้วนกว่านิดหน่อย หน้าอูมกลม ไว้ผมสั้นเสมอไหล่ ผิวขาวออกซีดๆ เหมือนคนสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยพูดค่อยจา ส่วนซง-ควูนั้นยิ่งไม่พูดมากขึ้นไปอีก ถึงจะไม่ได้แสดงออกว่าไม่เป็นมิตรแต่ความไม่พูดของเด็กหนุ่มร่างสูงผอมคนนี้ก็ทำให้บรรยากาศแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

ระหว่างเดินทางด้วยรถบัสที่เชื่อมระหว่างอาคาร พีรพงษ์จับใจความจากที่ทากะเล่าได้ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแมคกัวรี่แถบตอนเหนือของซิดนี่ย์ ทุกคนมาจากญี่ปุ่น รวมถึงซง-ควูที่เป็นเชื้อสายเกาหลีเหนือแต่เกิดที่ญี่ปุ่นด้วย โปรแกรมไปปีนอูยูลูเป็นนิชิเอะที่ชวนเพื่อนมา

“พีรพงษ์ซังคิดยังไงมาคนเดียว?” ทากะซึ่งดูจะเปิดเผยกว่าคนอื่นถาม
“ผม...เอ่อ...” ชายหนุ่มคิดว่าคำตอบนั้นท่าทางอธิบายยาก เขาเลยหยิบหนังสือในกระเป๋าออกมาแทน ทากะทำหน้างงๆ เพราะหนังสือนั้นมีหน้าปกในเวอร์ชั่นภาษาไทย พีรพงษ์เลยเอาโปสการ์ดของซีรี่ย์ที่สร้างจากนิยายนี้ออกมา

กระดาษอาร์ตมันสีเขียวรูปเดียวกันกับใบปิดซีรี่ย์ พีรพงษ์ซื้อจากร้านเกี่ยวกับหนังและซีรี่ย์ญี่ปุ่นในร้านแถวสยามสแควร์ ตัวอักษรสีขาวบนนั้นน่าจะทำให้ทากะเข้าใจมากกว่า

“เซคคาชู!! นั่นมันเริ่องเซไคโน-ชูชิน เดะ, ไอ โว ซาเกบู!!!” นิชิเอะรีบร้อนพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น เธอรีบยื่นมือมาคว้ากระดาษแผ่นนั้นไปจากมือของเพื่อนชาย แล้วก็เรียกยูมิดูและคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ผมตั้งใจมาอูยูรูเพราะนิยายเรื่องนี้” พีรพงษ์บอก

ทากะหันไปคุยกับสองสาว ยูมิทำตาโตสะกิดนิชิเอะเป็นการใหญ่ แล้วก็คุยภาษาบ้านเกิดกันไปมา พีรพงษ์ได้แต่ทำหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจ

จนทากะหันกลับมาเล่าให้ฟังว่านิยายเรื่องนี้ดังมากที่ญี่ปุ่น— พีรพงษ์พยักหน้ารับทราบ แล้วนิชิเอะก็เคยเล่นละครเรื่องนี้ด้วยล่ะ แต่เธอก็ไม่เคยมาอูยูรูจริงๆ พอมาเรียนที่นี่ก็เลยตั้งใจจะมาเห็นของจริงซักวัน

พีรพงษ์รู้สึกเซอร์ไพรซ์กับเรื่องที่ได้ฟังจริงๆ
....................

เครื่องบินโดยสารในประเทศของแควนตัสเป็นเครื่องขนาดกลางๆ ตอนที่ทะยานขึ้นจากสนามบินมันสั่นหน่อยๆ จนรู้สึกไม่ค่อยน่าไว้วางใจ พีรพงษ์รู้สึกว่าการเดินทางของเขาลุล่วงด้วยดีก็ตอนที่ได้เอากระเป๋าเก็บในช่องสัมภาระนี่เอง

เมืองซิดนี่ย์และรัฐนิวเซาท์เวลส์เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างลงไปใหญ่โตมากนัก ความกลัวในใจของชายหนุ่มแล่นวูบเมื่อคิดว่า ถ้าเขาติดต่อหาเกมไม่ได้ เขาจะสามารถตามหาเกมในเมืองใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร โชคชะตาจะเข้าข้างหรือจะเว้นช่องว่างระหว่างคนสองคนเหมือนที่เป็นมาตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือเปล่า?

ในเมืองใหญ่ข้างล่างนี้ อีกห้าวันที่เขาจะกลับมาอีกครั้ง ตามหาคนที่อยากเจอที่สุดในชีวิต แต่พีรพงษ์รู้ดีว่าเขามีโอกาสน้อยมากที่จะได้เจอเกม แม้จะมีลู่ทางแต่มันก็แค่เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่าจะมีสัญญาณตอบรับหรือไม่เป็นเข็มทิศเพียงอย่างเดียว

โทรศัพท์เปลี่ยนซิมเป็นระบบที่ใช้งานในออสเตรเลียไว้แล้ว แต่พีรพงษ์ยังไม่มีโอกาสโทรหาหญิงสาวที่เขาหวังจะได้เจอ แต่นั่นจะเป็นสิ่งแรกที่เขาจะทำหลังจากลงเครื่องที่คอนแนลแลน

“ขอต้อนรับสู่ทะเลทรายแห่งรัฐนอร์ทเทอรี่ธอรี่ อุทยานอูยูรูและคาตาจูตาและดินแดนแห่งอะบอริจิ้น” เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง

สายลมแรกของดินแดนที่ตั้งใจจะมาพัดกลิ่นดินมาแต่ไกล พีรพงษ์ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่า มันเป็นกลิ่นดินกลิ่นหญ้าจากทุ่งหญ้าผลัดใบใหม่ด้านนอกสนามบินซึ่งบัดนี้กำลังอวดยอดสีเขียวสวย หรือว่าเป็นกลิ่นดินจากภูเขาลูกนั้นหรือ—ภูเขาหินทรายสีแดงสด ภูเขาลูกที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทิวทัศน์ราบเรียบเหมือนผุดขึ้นมาอย่างกับเจตนาขัดขวางความเชื่อมโยงของเส้นขอบฟ้า

“มาถึงที่นี่จนได้สินะ” พีรพงษ์บอกตัวเองในใจเบาๆ



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2556, 13:22:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2556, 13:22:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 947





<< ข้อความและการเดินทาง   ชีวิตที่เคลื่อนไหวไป >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account