หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ สามสิบเอ็ด : ฝนเริ่มตั้งเค้า


ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการหายตัวไปของอิงตะวัน จนกระทั่งบ่ายคล้อย ความร้อนใจจึงไม่เกิดกับผู้เป็นบิดาแค่คนเดียว แต่หัวหน้าแม่บ้านก็กระวนกระวายจนนั่งไม่ติด รวมถึงชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังงาม... มาวินพยายามติดต่อทุกคนที่คิดว่าเด็กสาวรู้จัก แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไร เขาจึงเสนอให้ออกตามหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าไม่มีใครรู้ว่านอกจากบ้านและมหาวิทยาลัย อิงตะวันมักไปที่ไหน... ถึงตรงนี้ทุกคนต่างรู้สึกสะท้อนใจ ที่ผ่านมาพวกเขาให้ความสนใจเธอแบบไหน คนเป็นพี่ที่บอกจะดูแล แต่กลับรู้เรื่องน้องสาวน้อยเหลือเกิน ส่วนแม่บ้านที่พยายามรักและเอาใจใส่ แต่เด็กสาวก็ยังไม่ไว้ใจพอจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง ขณะที่คนสำคัญที่สุด...กลับไม่รู้อะไรเลย

บรรยากาศแห่งการรอข่าวจึงเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่น่าอึดอัด จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตู

“ขอโทษนะคะที่ฉันมาช้า เจอตัวอิงหรือยังคะ”

เหนือฟ้าที่เดินนำชินชนะเข้ามาร้องถามด้วยความร้อนใจ ขณะที่อำไพขมวดคิ้วมองเหมือนจำได้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักทายเพราะไม่น่าเป็นไปได้ ยายน้อยหน่าเด็กรับใช้จะสวยเช้งขนาดนี้ได้อย่างไร

“ยัง” อิสระตอบคำถามนั้นด้วยเสียงห้วนสั้น ก่อนที่มาวินจะอธิบาย

“ผมโทรไปหาทุกคนที่คิดว่าอิงจะติดต่อด้วย แต่ก็ไม่มีใครเห็นอิงเลย เราไม่รู้ว่าอิงไปไหนได้บ้าง เลยไม่รู้จะไปตามตัวอิงจากไหน… แล้วนี่ครับ จดหมายอิง เผื่อคุณเหนือจะพอนึกอะไรออกบ้าง”

หนุ่มแว่นหนายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ เหนือฟ้าและชินชนะรับไปอ่านพร้อมกัน ใจความในนั้นคือ เด็กสาวโกรธจัดที่โดนหลอก และไม่พร้อมคุยอะไรตอนนี้

“ปกติเวลาอิงไม่สบายใจ อิงมักจะวาดรูป แต่ผมไม่รู้ว่าคราวนี้เธอไปวาดรูปที่ไหน” มาวินเสนอความคิดเห็น ชินชนะลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด พักใหญ่ เขาถึงนึกอะไรบางอย่างออก

“รุ้ง จำเรื่องที่รุ้งเคยบอกพี่ได้ไหม เรื่องที่อิงชอบพ่นกำแพงน่ะ”

“พ่นกำแพง?” ผู้เป็นพ่ออุทานเป็นคนแรก สีหน้าประหลาดใจเหมือนคนอื่น

“ไม่ใช่แบบเด็กมือบอนพ่อทุกสถาบันอย่างนั้นนะคะ แต่เป็นสตรีทอาร์ตที่ได้รับการยอมรับ อิงเคยทำร่วมกับกราฟฟิตี้ต่างประเทศ ตอนที่ฉันปลอมมาเป็นแม่บ้าน ฉันเคยเห็นอิงหนีออกจากบ้านไปทำ” เออีสาวอธิบาย ซึ่งทำให้อำไพเบิ่งตากว้างทันทีที่ได้ยิน

“คุณคิดว่าอิงหนีไปทำงานศิลปะแบบนั้นเหรอครับ” มาวินตั้งคำถาม แต่สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง

“ก็น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหมคะ คุณมาวินก็ทราบว่าอิงชอบวาดรูปเวลามีเรื่องไม่สบายใจ แล้วงานกราฟฟิตี้ก็เป็นงานที่อิงชอบ อิงอาจจะหาทางระบายออกด้วยวิธีนี้”

“แล้วรุ้งพอรู้หรือเปล่า ว่ากำแพงที่ไหนที่อิงจะไป”

เหนือฟ้าส่ายหน้าให้ชายหนุ่มข้างกาย เรื่องนี้เธอจนปัญหาจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นผมจะลองให้เพื่อนผมเช็คจากสัญญาณโทรศัพท์ เราอาจจะรู้อะไรบ้าง” หนุ่มแว่นหนาเอ่ย ก่อนยกโทรศัพท์ขึ้นมา นาทีนั้นเองที่เสียงเรียกเข้าของอิสระได้ดังขึ้น

“รู้แล้วเหรอว่าใครเป็นคนส่งข้อความข่มขู่พวกนั้นมา... ว่าไงนะ...”

อิสระวางสายไปแล้ว แต่ความตกใจยังค้างอยู่ที่สีหน้า ไม่มีใครกล้าถาม จนเขาเป็นฝ่ายพึมพำออกมาเอง

“กิ่งกาญจน์...ฝีมือเธอเหรอเนี่ย”



หญิงสาวหุ่นสลาตันในเดรสสั้นสีเงินมันเลื่อม ประนมมือไหว้ชายวัยกลางคนปรกๆ อย่างอ้อนวอน แม้ในตอนแรกที่เปิดประตูห้องเช่าออกไปพบเขายืนอยู่จะดีใจ แต่เมื่อเห็นชายฉกรรจ์สองนายในชุดซาฟารีตามมาด้วย ความประหลาดใจก็มาแทนที่ แล้วตอนนี้ หลังได้รู้ว่าเขามาเพราะอะไร...การหายตัวไปของลูกสาวถูกโยงเข้ากับข้อความข่มขู่ทางโทรศัพท์ ความตกใจก็ทำให้ใบหน้าที่จัดจ้านด้วยเครื่องสำอางซีดเผือด

อุตส่าห์ซื้อซิมการ์ดมาใหม่เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ทำไมถึงตามสืบได้

“กิ่งกาญจน์!!! ถ้าเธอไม่พูดความจริง ฉันจะให้ตำรวจจัดการ แต่เธอคงรู้ว่าที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ตำรวจ... ถ้าลูกสาวฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”

อิสระเอ่ยเสียงเหี้ยม ทำเอาอดีตคู่ขาขนลุกเกรียว เธอพอรู้ว่านักธุรกิจใหญ่เป็นคนอย่างไร ตั้งแต่วันที่เขารู้ว่าเธอไปราวีลูกสาวเขาที่บ้าน นอกจากจะตัดความสัมพันธ์แบบบัวไม่เหลือใย เขายังคาดโทษเด็ดขาดเอาไว้ อิทธิพลของเขามาจากเงินมหาศาลที่เขามีอยู่ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าจะช้าต่อไปไม่ได้อีก

“ท่านคะ กิ่งขอโทษนะคะ กิ่งขอโทษ กิ่งเป็นคนส่งข้อความไปจริงๆ กิ่งแค่อยากแกล้งท่าน ก็กิ่งโกรธที่ท่านทิ้งกิ่ง แต่กิ่งไม่ได้ลักพาตัวลูกสาวท่านไปจริงๆ นะคะ โถ่ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกิ่งจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง กิ่งไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ ท่านเชื่อกิ่งนะคะ” หญิงสาววิงวอน แต่ดูเหมือนชายวัยกลางคนจะไม่ใจอ่อน ดวงตาของเขาแข็งกร้าวอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ความหวาดกลัวทำให้เธอประนมมือขึ้นท่วมหัว “กิ่งสาบาน สาบานจริงๆ นะคะ กิ่งไม่ได้เอาตัวลูกสาวของท่านไป กิ่งไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ”

อิสระมองอย่างไม่ไว้ใจ แม้เธอจะพร่ำพูดเช่นนั้นด้วยใบหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แต่เขากลับไม่เชื่อแม้แต่น้อย

ปากแข็งอย่างนี้ คงต้องถึงมือตำรวจจริงๆ... เขาคิดเช่นนั้นก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่มันกรีดเสียงร้อง เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร ชายวัยกลางคนก็รีบกดรับทันที

“ว่าไงหนึ่ง... เจออิงแล้วเหรอ!?!”



รถยนต์ของชินชนะปราดเข้ามาต่อท้ายรถแวนของมาวินที่จอดติดริมรั้วด้วยความเร็วสูง ก่อนที่เขาและหญิงสาวจะก้าวลงมาและตรงไปผลักประตูเหล็กสนิมเขรอะอย่างเร่งร้อน ทั้งคู่สาวเท้ายาวๆ เข้าไปด้านใน ผ่านสวนที่เคยสวยแต่บัดนี้กลับรกชัฏด้วยวัชพืชและกิ่งไม้ที่ไม่ได้รับการตัดแต่ง มุ่งสู่ตัวอาคารสองชั้นที่แทบมองไม่เห็นจากภายนอก พื้นปูนที่ถูกเลาะกระเบื้องออกไป เกลื่อนกลาดด้วยเศษขยะและซากไม้ ไร้ร่องรอยว่าที่นี่เคยมีคนอาศัย...อิงตะวันมาทำอะไรที่บ้านร้างแถบชานเมืองอย่างนี้

ทั้งสองเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยแว่วมาจากชั้นสอง เสียงผู้ชาย... จำได้ว่าเป็นเสียงมาวิน

“อิง ฟังพี่ก่อนนะ พี่มีเหตุผล”

“พี่หนึ่งรู้เรื่องนี้เหมือนกันเหรอ... เห็นว่าอิงโง่ใช่ไหม เลยหลอกอิงกันหมด”

“ไม่ใช่นะคะน้องอิง แต่คุณหนึ่ง...”

“หุบปากไปเลยยายอ้วน ใครถามความเห็นเธอ เธอเองก็เหมือนกัน ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น”

“อิง!!!” เสียงของมาวินทวีความดังขึ้น น่ากลัวจะทะเลาะกันเหมือนคราวก่อน ชินชนะที่ช่วงขายาวกว่าจึงรีบก้าวเข้าไปในห้อง แต่ทันทีที่ก้าวพ้นประตูที่ไร้กรอบ กลิ่นทินเนอร์ฉุนจมูกทำให้เขาต้องย่นหน้า ยังดีที่มีช่องกว้างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหน้าต่างช่วยระบายอากาศ

เด็กสาวที่เขาตามหายืนหันหน้าให้สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่ปรากฏในสมุดสเกตซ์ แต่ตอนนี้กำลังแยกเขี้ยวดุร้ายอยู่บนกำแพงด้านหนึ่ง ส่วนมาวินและมุกมาลา ยืนหน้าเครียดอยู่ไม่ไกล

“น้องอิง...” สิ้นเสียงที่เขาเรียก เหนือฟ้าก็ตามมาติดๆ อิงตะวันมองสองคนที่มาใหม่ ใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่แล้ว ยิ่งถมึงตึงกว่าเก่า

“มากันทำไม”

“คุณหนู ฟังฉันก่อนนะคะ เรื่องนี้ฉันมีคำอธิบาย”

“ยังจะเรียกว่าคุณหนูอีกเหรอ คนขี้โกหกก็พูดแต่เรื่องโกหก คำอธิบายก็คือคำโกหก ฉันไม่ฟัง... เธอมาเพราะเงินของพ่อฉัน ไม่ได้จริงใจกับฉัน แค่นั้นแหละที่ฉันรู้”

ตอนแรกเหนือฟ้าขยับจะเถียง แต่เมื่อเห็นสายตาตัดพ้อของเด็กสาว เธอก็ชะงัก พูดอะไรไม่ออก เหตุผลสวยหรูที่ซักซ้อมไว้กลับไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ เพราะความจริงก็คือความจริง เธอทำเพื่อเงินจริงๆ

“ฉันขอโทษ...” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด แต่อิงตะวันกลับเหยียดมุมปากอย่างเยาะหยัน

“นี่ก็คงเชื่อไม่ได้เหมือนกัน”

มันเป็นจริงอย่างที่เพื่อนรักเธอว่า เด็กเลี้ยงแกะ ยังไงก็ต้องเสียลูกแกะไปในตอนจบ

หญิงสาวที่เคยมั่นใจก้มหน้าลงด้วยความเสียใจ ก่อนที่ชายหนุ่มข้างกายจะเอ่ยขึ้น

“จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ได้โปรดฟัง มันไม่มีอะไรเลยนอกจากความอยากเอาชนะและเห็นแก่เงินของพวกเรา พวกเราทำเพราะข้อเสนอที่น้องอิงคงรู้แล้วว่ามันคืออะไร เราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ห่วงความรู้สึกใคร นอกจากตัวเอง...”

เหนือฟ้าหันขวับมองเขาทันที ขณะที่อิงตะวันยิ้มเยาะ

“ยอมรับแล้วเหรอ”

“เพราะมันเป็นความจริง พี่ต้องยอมรับ เราคงเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงินไปจนจบภารกิจ ถ้าหากว่าไม่มีค่ายอาสาที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน”

“จะบอกว่าเปลี่ยนใจ ไม่อยากทำเพื่อเงินแล้วงั้นสิ”

“ไม่ เรา...อย่างน้อยก็คนหนึ่ง ยังคิดถึงเงินอยู่เสมอ แต่เราทั้งสองคน... เริ่มคิดถึงน้องอิงด้วย เราเริ่มทำ โดยไม่คิดว่ามันเป็นงาน เราชอบเวลาน้องอิงยิ้ม เรามีความสุขเวลาน้องอิงคุยกับคนอื่น การได้ฟังน้องอิงพูดจาดีขึ้น เห็นน้องอิงใจเย็นลง เราภูมิใจ ภูมิใจเมื่อเห็น ‘น้อง’ ของเรามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ความรู้สึกนี้ แค่เงิน สร้างให้เราไม่ได้”

อิงตะวันนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะตอบกลับ “ถ้าทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด พูดโกหกหรือความจริงก็แยกไม่ออก โลกคงน่ากลัวพิลึก”

ถ้อยคำตรงไปตรงมาของเด็กสาวทำให้เหนือฟ้าพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง ขนาดชินชนะเองก็ยังสะอึกกับคำย้อนนั้น การโกหกที่พวกเขาคิดว่าไม่เป็นอะไร ยังไงก็รับมือได้ แต่ผลสุดท้ายยังไงก็คือความเจ็บปวด ทั้งคนที่ถูกหลอก และคนที่หลอกคนอื่น

ทั้งหมดนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ มาวินที่ฟังมานานขยับจะพูดขึ้นบ้าง แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจของใครอีกคนก็ดังขึ้น “ถ้าพ่อพูดบ้าง พูดแต่ความจริง อิงจะฟังพ่อไหม”

ทุกคนหันไปมองคนมาใหม่เป็นตาเดียว ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามา ขณะที่เด็กสาวขยับถอยทันที

“พ่อ!?! มาทำไม”

“มาคุยกับอิงไง เราต้องคุยกัน”

“คุยอีกแล้ว คุยอะไรนักหนา เอาเป็นว่าอิงรู้แล้ว รู้ว่าพ่อจ้างสองคนนี้มาหลอกอิง หลอกก็คือจบ ไม่ต้องคุยอีก”

“แต่ที่พ่อทำไปเพราะหวังดีกับอิง พ่ออยากให้อิงเป็นเหมือนเด็กคนอื่น อิงจะมีโลกส่วนตัวแบบนี้ไม่ได้ จะหนีมาวาดรูปกับกำแพงคนเดียวอย่างนี้ไม่ได้ อิงต้องมีสังคม ต้องมีเพื่อน”

“อิงไม่อยากมีเพื่อน อิงอยู่คนเดียวได้”

“อยู่คนเดียวไม่ได้ อยู่คนเดียวก็ต้องไปอยู่เกาะ อยู่ป่า ถ้าอยู่ในสังคมเมืองอย่างนี้ ไม่มีทางอยู่คนเดียวได้ อิงไม่เข้าใจหรือไง แล้วเรื่องที่สองนี้ปลอมตัว มันเป็นไอเดียของพวกเขา เป็นวิธีการของพวกเขา พ่อไม่ได้เป็นคนโกหกอิง อิงหัดแยกแยะหน่อย”

“ตกลงว่าไม่ใช่ความผิดพ่อ”

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”

คำตอบของพ่อทำให้อิงตะวันส่ายหน้า ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“เราจะเริ่มกันใหม่ได้ยังไง ในพ่อไม่เคยยอมรับอะไรเลย”

“อิงหมายความว่ายังไง” อิสระถามด้วยความแปลกใจ และเมื่อเห็นว่าลูกสาวยัดกระป๋องสเปรย์ใส่กระเป๋าเป้ ทำท่าจะเดินหนี เขาก็รีบรั้งแขนไว้ “นี่อิงจะไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง ที่พ่อทำทุกอย่างก็เพื่ออิง ถ้าพ่อไม่หวังดีพ่อจะทำอย่างนี้เหรอ จะยอมลงทุนขนาดนี้เหรอ อิงคิดบ้างสิ อย่าเอาแต่อารมณ์ อิงต้องเข้าใจพ่อ พ่อทำเพื่ออิง อิงจะมาโกรธพ่ออย่างนี้ไม่ได้ โกรธไม่ได้!!!”

“คุณลุงครับ พอเถอะ” มาวินเข้าห้าม เมื่อเห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างโกรธจัด

“ไม่ต้องห้ามพี่หนึ่ง อิงก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพ่อจะทำยังไง โกรธอิงมากใช่ไหม ตบอิงเลยสิ เหมือนที่พ่อทำกับแม่น่ะ”

“อิง!!!”

“อิงอยากรู้จริงๆ ถ้าพ่อไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ไม่เคยยอมให้ใคร แล้วพ่อมามีครอบครัวทำไม พ่อยอมให้คนในครอบครัวไม่ได้ ก็อยู่คนเดียวไปสิ อยู่คนเดียวไปเลย อิงไม่เสียใจหรอกนะถ้าไม่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ”

“อิงตะวัน!!!”

อิสระแผดเสียงลั่น ง้างมือขึ้นเตรียมจะฟาดใส่หน้าลูกสาวที่พยายามยั่วโมโหเขา มาวินและชินชนะถลันจะเข้าไปห้าม แต่คนที่หยุดฝ่ามือไว้ กลับเป็นเจ้าของมือนั้นเอง

ชายวัยกลางคนค้างอยู่ท่าเดิมโดยไม่มีใครรั้ง เพราะว่าเขาเห็น...

“อิง...” น้ำเสียงอ่อนลงทันที เพราะสายตาของลูกสาวมันเต็มไปด้วยความผิดหวัง เธอมองเขาอย่างหมดศรัทธา มันเจ็บปวดยิ่งกว่าคำพูดเผ็ดร้อนมากมายเหลือเกิน

“อิงจะบอกอะไรให้นะ ทั้งหมดนี่อิงเป็นคนวางแผนไว้เอง อิงได้ยินที่พ่อคุยกับสองคนนั้น” เธอบุ้ยใบ้ไปยังเหนือฟ้าและชินชนะ ไม่รู้เพราะจำชื่อไม่ได้ ไม่รู้จะเรียกชื่อไหน หรือไม่อยากเอ่ยนามกันแน่ “อิงโกรธ...มาก อยากจะทำที่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เจอพี่หนึ่งก่อน พี่หนึ่งก็รู้เรื่อง รวมหัวหลอกอิงด้วย แต่ช่างเถอะ ยังไงพี่หนึ่งก็เป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมา เป็นยังไงกันบ้าง โดนหลอก สนุกดีไหม”

“อิง!!! นี่อิงหลอกพ่อ หนึ่งก็หลอกลุงด้วยเหรอ” อิสระถามด้วยความตกใจ ขณะที่เหนือฟ้าและชินชนะได้แต่หันมองตากันพริบๆ อึ้งจนพูดไม่ออก

“โกรธเหรอ เจ็บใจเหรอ ทำไมล่ะ พ่อหลอกอิงได้ แต่โดนหลอกบ้างไม่ได้เหรอ พ่อทำได้ทุกอย่าง แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ทำเหรอ พ่อไม่เคยผิด แต่คนอื่นผิดตลอดเลยเหรอ นี่แหละพ่อ นิสัยของพ่อ ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยอะไรกันอีก พ่อยังเป็นอย่างที่พ่อเป็น อิงก็เหมือนกัน พอแล้วนะ ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว อิงเหนื่อย”

“อิง...”

พ่อครางออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า ตอนนี้สมองมันตีบตันเหลือเกิน เขารู้ว่าลูกกำลังจะจากไป เป็นการจากไปทั้งที่ตัวยังอยู่ใกล้ จากไปเพราะหมดใจหมดศรัทธา มันทรมานมากกว่าการพรากจากด้วยความตายหลายเท่านัก เขาทนเห็นสายตาที่ไร้ความรักของลูกไม่ได้... เขาทนไม่ได้

“พ่อขอโทษ”

เสียงเบาหวิวที่แทบไม่ได้ยินกลับทำให้สรรพเสียงรอบกายคล้ายเงียบงันชั่วขณะ อิงตะวันมองหน้าบิดาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู

“พ่อว่าอะไรนะ”

อิสระเงียบไปอีกครั้ง เพื่อรวบรวมความกล้าและกำลังใจทั้งหมด เพื่อจะเอ่ยต่อ

“พ่อ...เพราะพ่อเอง เพราะว่าพ่อไม่รู้จะเข้าหาอิงได้ยังไง ระหว่างเรามันไกลจนน่ากลัว เป็นเรื่องเดียวที่พ่อกลัว ใจของอิง พ่อต้องใช้คนอื่น เพราะคิดว่ามันจะเสี่ยงน้อยกว่า”

“แปลว่าพ่อกลัวตัวเองเจ็บ แต่ไม่กลัวอิงจะเจ็บ”

“ใช่... พ่อไม่อยากเสียใจเพราะพ่อเห็นแก่ตัว พ่อลืมไป ว่าอิงก็รู้สึกได้เหมือนกัน พ่อ... ขอโทษ”

อีกครั้งที่พ่อเอ่ย คราวนี้เสียงทอดยาวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อิงตะวันรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกที่คอ ซึ่งสำหรับพ่อ พอได้เริ่มต้น ความในใจทั้งหลายก็ไหลลื่นอย่างง่ายดาย

“พ่อเคยบอกอิงไปแล้ว มันยากเหลือเกินกับการเป็นพ่อที่ดีของใครสักคน แต่เพราะอิง พ่อเลยอยากทำให้ได้ จะยากยังไงพ่อก็ต้องทำให้ได้ พ่อมีอิงแค่คนเดียว อิงเป็นครอบครัวของพ่อ เพราะทิฐิของพ่อเอง ทำให้พ่อเสียแม่ไป แต่พ่อจะไม่ยอมเสียอิงไปอีก”

พ่อเอ่ยเสียงสั่นแต่กลับมั่นคงเหลือเกินในความรู้สึก ถึงตอนนี้ คนที่เชื่อว่าตัวเองไม่ใช่เด็กขี้แย กลับรู้สึกหยาดน้ำใสที่ร้อนผ่าวอยู่ตรงขอบตา

“พ่อแน่ใจเหรอ อิงไม่ใช่ลูกอย่างที่พ่อต้องการ พ่อรับได้เหรอ”

“พ่อก็ไม่ใช่พ่ออย่างที่อิงต้องการเหมือนกันไม่ใช่เหรอ อิงรับได้หรือเปล่า” พ่อย้อนถาม แต่ลูกสาวกลับไม่ตอบ “พ่อรู้... ว่าพ่อไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า สักวัน... พ่อก็ต้องไปจากอิง พ่อถึงอยากให้อิงมีเพื่อน มีสังคม เพราะถ้าถึงวันที่พ่อไม่อยู่แล้ว อิงจะได้อยู่ได้”

“พ่อ...”

เด็กสาวเอ่ยเรียกพ่อด้วยเสียงที่ขาดหาย น้ำตารินไหล ปาดทิ้งเท่าไรไม่มีวันหมด

“พ่ออาจจะเป็นพ่อที่ไม่ดีนัก แต่สิ่งเดียวที่พ่อมั่นใจ คือพ่อรักลูกสาวคนนี้ของพ่อมาก รักมาก...ยิ่งกว่าชีวิต”

อิสระมองหน้าลูกสาวด้วยความรักที่เปี่ยมล้นหัวใจ ก่อนดึงร่างบอบบางมากอดไว้ ในอ้อมแขนที่จำไม่ได้ว่าสัมผัสร่างกายครั้งสุดท้ายเมื่อไร ทำให้อิงตะวันที่พยายามจะไม่ร้องไห้ กลับสะอื้นหนักขึ้น

นี่หรือเปล่าสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอดชีวิต สิ่งที่เรียกว่าความสุข สิ่งที่เรียกว่าครอบครัว... ไม่รู้สิ เธอไม่รู้เหมือนกัน มันเร็วไป เธอยังตอบไม่ได้ แต่เธอชอบมันนะ ชอบเหลือเกินที่ตรงนี้ ตรงที่ได้ยินเสียงหัวใจของพ่อ.. มันอุ่นดีเหลือเกิน

“แล้วอิงล่ะ รักพ่อบ้างไหม รัก...พอจะเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม”

เด็กสาวซบหน้าลงกับอกกว้างของบิดา ตอบเสียงอู้อี้ที่มีเพียงคนเดียวทีได้ยิน

รักสิ อิงรักพ่อมากที่สุด



‘ในที่สุดก็จบลงด้วยดี’ คงพูดคำนี้ได้จริงๆ เสียทีสำหรับเรื่องของอิสระและอิงตะวัน เพราะก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายจากกัน เด็กสาวที่ตาบวมตุ่ยก็หันมาเอ่ยกับอดีตพี่เลี้ยงและรุ่นพี่กำมะลอสั้นๆ ว่า ‘ขอบใจ’…

คนอย่างคุณหนูอิงตะวันพูดคำว่าขอบใจ ไม่คนฟังหูฝาด คนพูดก็ต้องมีบางอย่างผิดปกติ แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องดี คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว เพราะดูเหมือนพ่อลูกจะเข้าใจกันมากว่าตอนถูกจัดฉากให้คุยกันที่ทะเลเสียอีก

คิดแล้วก็เหลือเชื่อ ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วันนี้คือมาวิน แต่ก็อย่างที่ชินชนะเคยบอก ‘ไอ้แว่นมันร้ายกว่าที่คิดไว้’ มีมุกมาลาคอยเป็นกุนซือคอยช่วยวางแผนให้ งานนี้เด็กเลี้ยงแกะตัวพ่อตัวแม่เลยโดนตลบหลัง ทำเอาเหนือฟ้าบ่นพึมพำว่าคงไม่กล้าหลอกใครไปอีกนาน

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม งานนี้ต้องขอบคุณกิ่งกาญจน์ที่มีบทบาทได้ถูกเวลาอีกครั้ง เรื่องที่น่าจะเป็นปัญหา เลยกลายเป็นหนึ่งตัวแปรที่ทำให้พ่อลูกเข้าใจกันง่ายขึ้น ความหวาดหวั่นว่าจะเสียลูกไป คงทำให้อิสระคิดอะไรได้บ้าง อย่างน้อย.. เขาก็ไม่เกรี้ยวกราดอย่างที่เคย แถมยังเปิดใจรับฟังความในใจของลูกสาว ขณะที่อิงตะวันเอง ก็คงเข้าใจแล้วว่าพ่อรู้สึกยังไง

นี่แหละ... ความละเอียดอ่อนของปัญหาครอบครัว คนที่จะแก้ปมได้ก็คือคนในครอบครัว ส่วนคนนอกนะหรือ นอกจากพยายามสร้างสถานการณ์แทบเป็นแทบตาย ก็ไม่เห็นช่วยอะไรได้เลยนอกจากคอยลุ้นคอยเชียร์

“งานคุณอิสระถือว่าปิดจ็อบแล้วนะ ต่อไปก็เป็นเวลาสำหรับเรื่องของเราเสียที”

เสียงนุ่มข้างกายปลุกเหนือฟ้าตื่นจากภวังค์ ก่อนเธอจะสังเกตเห็นว่ารถที่นั่งอยู่แล่นเข้ามาจอดเทียบบ้านหลังใหญ่ของเขาเป็นที่เรียบร้อย

“เมื่อวานพี่บอกแม่พี่ไปแล้วเรื่องของเรา ต่อไปเราก็จะไปบอกแม่ของรุ้งกันบ้าง”

“พี่หนึ่งแน่ใจเหรอคะ” เหนือฟ้าถามทันควันทำให้เขาหันขวับมามองทันที เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งข้อสงสัยเช่นนั้นออกไปได้อย่างไร บางที... มันอาจเป็นเพราะส่วนลึกที่ไม่มั่นใจ ทำให้ตัวเองต้องการให้เขาย้ำอีกครั้ง “รุ้งแค่ถามเอง พี่หนึ่งอย่ามองรุ้งอย่างนั้นสิ” เธอว่า แต่เขาไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้ ยื่นมือมาให้เธอจับไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน ไม่รู้ถูกหรือเปล่า แต่เหนือฟ้าคิดว่าตัวเองพอรู้ความหมายของการกระทำนี้

เขาไม่ต้องการพร่ำพูดอีกต่อไปแล้ว แต่อยากแสดงให้เธอเห็นว่าเขาแน่ใจที่จะอยู่ตรงนี้...ตรงที่มีเธอเคียงข้าง

นี่คือเขา... รักก็แสดงออกว่ารัก ทุ่มเททุกทาง พยายามทุกอย่างเพื่อความรัก แล้วเธอล่ะเหนือฟ้า จะขังตัวเองหรือว่าจะเดินหน้า การผ่านครอบครัวที่แตกร้าวมา ใช่ว่าเธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไม่ได้ อย่างที่ขีโรชาเคยบอกไว้ คนที่ให้ความเจ็บปวดในอดีตมาทำให้ตัวเองเจ็บในปัจจุบัน คือคนโง่... เธอทั้งสวยทั้งฉลาด จะยอมดักดานอยู่กับความทรงจำที่แก้ไม่ได้หรือไร

“เดี๋ยวรุ้งโทรถามแม่ก่อนดีกว่าแม่ว่านอนหรือยัง บางทีแม่อาจจะอยากเสริมสวยสักหน่อย เพราะไม่ได้มีผู้ชายมาขอลูกสาวกันบ่อยๆ” เหนือฟ้าเอ่ยขึ้นขณะเดินใกล้ถึงบ้าน ชินชนะหันมองอย่างประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง

“พี่ว่ายังไม่นอนหรอก ไฟยังเปิดอยู่เลย”

เขาว่า ซึ่งเสียงพูดคุยของเธอและเขา ก็ทำให้แม่ที่รออยู่แล้ว เปิดประตูออกมาดู

“รุ้ง... กลับมาแล้วเหรอลูก”

“แม่...”

เหนือฟ้าร้องทักแล้วก้าวไปหา แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา เมื่อร่างบอบบางของคนที่กำลังสาวเท้าออกมา หงายหลังและลื่นไถลตกลงจากบันได

ต่อหน้าต่อตาของลูกสาวที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้าปากค้าง

“แม่!!!”





-----------

มาลงช้าสักหน่อยนะคะ ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ ไม่ได้กลับบ้านเลยค่ะ

จบปมนั้น เปิดปมนี้ อีกนิดเดียวก็จบแล้ว ช่วยลุ้นช่วยเชียร์กันด้วยนะคะ

ขอให้สนุกกับการอ่านค้า



ตอบคอมเม้นท์นะคะ

คุณแตงกวา : เฉลยแล้วนะคะว่าใครแอบฟัง งานนี้มีรวมหัวกันเอาคืนด้วยค่ะ 555 โกหกกันทั้งเรื่อง ปล. ขอเรื่องต่อจากหมวดมะนาวไวๆ นะคะ ^^
คุณ kealek : ตอนหน้าจะเปิดปมคุณแม่แล้วค่ะ อีกตอนนะคะ

คุณ sukhumvitt66 : คลายไปแล้วหนึ่งปม ตอนหน้าจะมาเปิดอีกปมค่ะ

คุณ ภาวิน : 555 อีกนิดก็คลายแล้วค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ

คุณ ดังปัณณ์ : อีกนิดก็จบแล้วค่ะ ช่วยอยู่เป็นหน้าม้ากันอีกนิดนะคะ ^^

คุณ ree : ไปไม่ไกลหรอกค่ะ หนูอิงเค้ามีแผนค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านค้า




ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2556, 14:22:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2556, 14:35:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1349





<< บทที่ สามสิบ : เข้าใจแต่ไม่เข้าใจ    บทที่ สามสิบสอง : พายุ >>
ภาวิน 12 ก.ย. 2556, 14:49:21 น.
เรื่องพ่อๆลูกๆจบลงไปได้ด้วยดี ก็มีเรื่องแม่ๆลูกๆมาให้ตื่นเต้นอีกแล้ววว


ree 12 ก.ย. 2556, 15:28:12 น.
เห็นทีคราวนี้บ้านใหญ่บ้านเล็กจะแตกหักกันจริงจังซะแล้ว พี่หนึ่งคนกลางจะทำยังไง


Sukhumvit66 12 ก.ย. 2556, 15:29:13 น.
อึ้ย เกิดไรขึ้นนะ แผนการณ์ของใครอีกหรือเปล่า


ดังปัณณ์ 12 ก.ย. 2556, 15:47:13 น.
แง้วววววววววววววววว แหมะล่ะ เอาจนได้สักวัน ตรงราดน้ำหน้าบ้านเนี่ย แอร๊ยยยยยยยยย มีหวังหนูรุ่งฟิวส์ขาดแหงๆก็งานนี้ คุณป้าแกน่ากลัวมว๊ากกกกกกก (ถ้าม่ายช่ายคุณป้า แปลว่าเค้าปรักปรำชิมิเนี่ย ฮ่าๆๆๆ)


พันธุ์แตงกวา 12 ก.ย. 2556, 20:14:12 น.
วิ่งมาแปะไว้ก่อนเดี๋ยวจะกลับไปอ่านที่บ้านเงียบๆ


kaelek 12 ก.ย. 2556, 21:37:47 น.
โอ้!!! ภาวนาขออย่าให้คุณแม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นหนูรุ้งลำบากแน่


Pat 12 ก.ย. 2556, 21:57:35 น.
ตอนก่อนมาทิ้งปมอารมณ์แม่หนึ่งไว้ งานนี้สงสัยแม่หนึ่งลงมือเองแหงๆ


พันธุ์แตงกวา 13 ก.ย. 2556, 06:28:04 น.
ดีใจกับคุณอิสระที่อิงตะวันคิดได้
แต่มาลุ้นกับเหนือฟ้าต่อ ขออย่าให้คุณแม่เป็นอะไรมากน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account