อาญาซาตาน
ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ

Tags: พระเอกโหด เศร้า รัดทด

ตอน: เหยี่อความกตัญญู

“ฉันไม่ยอมให้คุณเอาลูกไปให้ไอ้บ้านั่นทำปู้ยี้ปู้ยำเล่นเป็นอันขาด!!!”
เสาวรสตะคอกใส่สามีนับครั้งไม่ถ้วนพร้อมทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความคับแค้นหัวใจในความไม่เอาไหนยามแก่ของเขา เมื่อมีการเอ่ยถึงข้อเสนอจากคู่อริขึ้นมา
“มีเหตุผลหน่อยสิคุณ” วิโรจน์เลยต้องเตือนสติด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยุพาพรเองก็คิดเช่นเดียวกับสะใภ้รัก
“ฉันก็ไม่มีวันยอมให้หลานรักของฉันเอาตัวไปประเคนให้ไอ้ชั่วนั่นเหมือนกัน!!!”
“ถ้าไม่ยอมเราก็จะไม่เหลืออะไรเลยนะครับคุณแม่ เราควรจะคิดอย่างมีเหตุผลไม่ใช่เอาแต่อารมณ์แบบนี้” แต่วิโรจน์ไม่คิดอย่างนั้น
“มีเหตุผล แกยังมีหน้ามาอ้างถึงเหตุผลกับฉันอีกเหรอ!!! แกลืมไปแล้วเหรอว่าใครเป็นต้นเหตุเรื่องนี้ เหตุผลเดียวที่ฉันมีตอนนี้ก็คือ ฉันไม่มีวันยอมให้หลานรักต้องไปนอนให้ไอ้บ้านั้นเอาตั้งสองปีหรอก มันก็ไม่ต่างจากตกนรกดีๆ นี่เอง!!!” แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เลยด่าลูกเสียงดังคับบ้าน จนลูกเหลืออดสวนกลับด้วยความลืมตัว
“คุณแม่ทำเหมือนกับว่ายัยมิวยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนั้นล่ะ เคยถามมันหรือเปล่าว่าตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอกมันนอนกับผู้ชายมากี่สิบคนแล้ว แล้วคุณแม่ไม่คิดว่ามันอยากจะลองนอนกับไอ้สิงห์บ้างเหรอครับ หน้าตามันก็ไม่ใช่จะขี้เหร่แถมตอนนี้มันก็เป็นเศรษฐีพันล้าน ถ้าเกิดมันติดใจในรสรักของยัยมิวขึ้นมาบางทีมันอาจจะยกทุกอย่างกลับมาให้เราฟรีๆ ก็ได้นี่ครับ”
“คุณยังกล้าคิดอย่างนี้อีกเหรอ!!! คุณมองเกมมันไม่ออกเหรอว่ามันอยากจะได้ยัยมิวไปทรมานจะได้ชดใช้ชีวิตน้องสาวมันไง แล้วที่มันจะเอาคุณไปทำงานเป็นขี้ข้า ก็เพื่อจะเอาไปกดขี่เพื่อชดใช้ชีวิตพ่อมันไงคะ เรื่องแค่นี้ทำไมยังมองไม่ออก ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหูหนวกตาบอดไปได้ยังไงกันที่ยอมขายบริษัทให้มันโดยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกมันมาทวงคืนทุกอย่าง”
“ก็เพราะมันโง่ไงล่ะแม่รส!!! หรือไม่มันก็ถูกผีพนันเข้าสิงห์ ผีผู้หญิงลงคาถากามารมใส่ไง มันถึงได้เป็นแบบนี้!!!”
“คุณแม่!!! ก็มันเล่นเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แถมส่งแต่ลูกน้องมาติดต่อแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะ อย่ามัวมาว่ากันอยู่เลยนะ ผมว่ารีบๆ โทรไปหายัยมิวแล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง และถามเลยว่าตกลงจะยอมตามที่มันเสนอหรือเปล่า”
เมื่อถูกไล่บี้จนไม่ทางเลือกแล้ววิโรจน์จึงผลักภาระไปหาลูกที่อยู่อีกซีกโลกและยังไม่รู้อะไรทันที เสาวรสไม่รอช้ารีบทำตาม เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่ไม่คาดฝันให้ลูกฟังอยู่แล้ว
‘มิวไม่มีวันยอมทำตามที่มันเสนอมาเด็ดขาด มิวเกลียดมันจะตายคุณแม่ก็รู้ คุณแม่ทนๆ เอาหน่อยนะคะตอนนี้มิวกำลังจะจับลูกเศรษฐีที่นี่ได้ และถ้าสำเร็จมิวจะเอาเงินห้าสิบล้านให้แม่ไปไถ่บ้านกลับคืนเลย ส่วนอีกยี่สิบห้าล้านให้คุณพ่อไปเอาลูกเมียน้อยทั้งหลายไปแทนมิวเอาเอง ฝากบอกคุณพ่อด้วยนะคะคุณแม่ว่าถ้าไม่รักมิวและอยากจะยกมิวให้ไปบำเรอไอ้บ้านั่น มิวก็จะไม่รักคุณพ่อเหมือนกัน’
เสียงที่ผ่านลำโพงมานั้นดังและฟังชัดจนไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว แต่จากข้อความประชดประชันนี้ทำให้เสาวรสคิดอะไรดีๆ ขึ้นได้ จึงรีบยื่นข้อเสนอไปหาสามีทันที
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ทีนี้ถ้าคุณยังคิดจะเอาลูกไปประเคนให้มันอีก คุณก็มีเพียงสองทางให้เลือกเท่านั้นค่ะ หนึ่งคือฆ่าฉันให้ตายซะ กับสองคือคุณต้องไปเอาลูกๆ จากแม่เมียเก็บเมียน้องทั้งหลายที่คุณไข่ไว้มาแทนตามที่ยัยมิวบอกมาซะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาอ้าปากพูดกับฉันอีก”
“โธ่!!! คุณก็รู้ว่าผมทำหมันตั้งแต่ได้เจ้านิวแล้ว ผมจะไปไข่ไว้ที่ไหนหรือกับใครได้อีกล่ะ”
“ก็กับคนใช้ชั้นต่ำอย่างนังกันยานั่นไงล่ะแกลืมแล้วเหรอ หรือว่าผู้หญิงที่แกเอามันมีมากจนจำไม่หวาดไม่ไหว” แม่ด่าเสริมอีก
“โธ่!!! คุณแม่ก็ เรื่องมันผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้ว ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหนผมจะไปตามหาได้ยังไง”
“เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับแม่รสเอง ส่วนแกคอยไปนั่งทำหน้าเศร้าๆ น่าสงสารๆ ให้ลูกคนใช้ของแกเห็นเถอะ มันจะได้ใจอ่อนยอมมาช่วยกู้สถานะการณ์ให้”

“มาแล้วเหรอนิ่ม อาการยายเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลยค่ะพี่ฝน แล้วนี่ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ” ฝนทิพย์พยักหน้าเซ็งๆ ให้
“มีเรื่องอะไรบ้างคะ” กัณหาอดสงสัยไม่ได้ แม้พอจะเดาออกอยู่บ้าง
“ก็เรื่องยอดขายตกนั่นล่ะ พี่เต้เลยบอกว่าจะลงมาดูงานทุกฝ่ายให้ใกล้ชิดกว่าเดิม ไม่งั้นรายได้จะไม่พอค่าใช้จ่าย ตอนบ่ายก็ต้องประชุมอีกรอบเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขสถานะการณ์ยอดขายตกอีก” ความคิดที่จะขอยืมเงินไปเป็นค่ารักษายายจากเจ้านายเป็นอันถูกพับเก็บลงทันที เมื่อได้ยินเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เล่าให้ฟัง
“อ้อ! นิ่มจ้ะ พี่เต้บอกว่าถ้ามาแล้วให้เข้าไปหาด่วน” ร่างสมส่วนกับกางเกงเดฟสีดำเสื้อเชิ้ตขาวมีเข็มขัดคาดเอวคอดจึงเดินเชื่องช้าไปหาเจ้านายทันที
“ไม่มีอะไรมากหรอกนิ่ม พี่แค่อยากจะให้ช่วยออกแบบปกเนี๊ยบขึ้นกว่าเดิม เผื่อจะดึงยอดขายได้บ้าง แล้วเวลานักเขียนส่งรายละเอียดเรื่องปกมาก็อ่านให้ละเอียด ถ้าไม่เข้าใจยังไงพี่อนุญาตให้โทรถามนักเขียนได้ แต่อย่าคุยนานนะพี่เกรงใจ เดี๋ยวจะรบกวนเวลาทำงานนักเขียน แล้วก็...” ดวงหน้าเหงาจดตามคำเจ้านายไปเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมากนะจ้ะนิ่ม” บ.ก. หนุ่มหน้าสวยยิ้มให้ลูกน้องอย่างเคย
“อ้อ! นิ่ม” ร่างบางที่กำลังจะเปิดประตูหยุดกึกแล้วหันกลับทันที
“คะพี่เต้”
“เกือบลืมไปเลยจ้ะ นี่เป็นเงินที่เพื่อนๆลงขันช่วยค่ารักษายายนิ่มนะ ส่วนเช็คนี่ก็เป็นน้ำใจจากพี่ในนามสำนักพิมพ์ ใจจริงพี่อยากจะช่วยมากกว่านี้ แต่ก็อย่างที่นิ่มรู้ว่าสถานะการณ์ไม่ดีเท่าไหร่”
กัณหาจ้องมองเช็คหนึ่งแสนบาท กับเงินในซองสีขาวที่มีทั้งแบงค์ยี่สิบไปถึงพันด้วยความซาบซึ้งใจ จนต้องเดินอ้อมไปนั่งคุกเข่าก้มลงกราบแทบตักเจ้านายผู้ใจดีอย่างไม่ลังเลพร้อมทั้งน้ำตา ทำเอาเพื่อนร่วมงานที่มองผ่านกระจกห้องเจ้านายมาต่างน้ำตารื้นไปตามๆ กัน
“พี่ขอให้ยายหายไวๆ นะ ถ้านิ่มต้องไปเยี่ยมหรือเฝ้ายายจะเอางานไปนั่งทำที่บ้านก็ได้พี่ไม่ว่า ขอให้งานเดินและออกมาดีเท่านั้นจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่เต้ นิ่มจะไม่มีวันลืมในน้ำใจพี่เต้กับพี่ๆ ทุกคนเลยค่ะ”
ความปลาบปลื้มใจนี้ถูกถ่ายทอดให้คนรอบกายได้รับรู้ทั่วกันในเย็นวันนั้น แต่เมื่อเข้าไปถามยอดจากพยาบาลค่ารักษาก็ดีดขึ้นเป็นแปดแสนกว่าแล้ว แม้จะได้เงินจากทุกคนรวมทั้งเงินเก็บของตัวเองที่มีก็ยังได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
“คงต้องรบกวนญาติให้ชำระบางส่วนก่อนนะคะ” เช็คหนึ่งแสนกับเงินสดอีกสองแสนจึงถูกไปกดมา
“หมอไม่แนะนำให้ย้ายคนไข้ตอนนี้นะครับ รอให้ฟื้นก่อนดีกว่าจะได้มั่นใจว่าพ้นขีดอันตราย ถ้าถึงเวลานั้นหมอจะสั่งย้ายไปอยู่โรงพยาบาลรัฐบาลที่หมอประจำอยู่ให้เองครับ”
แพทย์เจ้าของไข้ให้ความกระจ่างเมื่อทุกคนอยากจะย้ายยายจำปาไปโรงพยาบาลรัฐ เพราะรู้ดีว่าจะไม่มีทางหาเงินมาจ่ายได้อีกเป็นแน่ กระนั้นก่อนจะย้ายยายไปก็ต้องดิ้นรนหามาจ่ายส่วนที่เหลือก่อนอยู่ดี
“ทำใจดีๆ ไว้นะนิ่ม เราต้องมีทางออก งั้นวันนี้กลับไปพักก่อนนะ นิ่มเครียดมากไปแล้ว เอาเป็นว่าเราแยกกันตรงนี้เพราะเราต้องกลับไปประชุมต่อ”
เพราะธีระนัยกับชลธิชาทำงานที่เดียวกัน จึงแยกกับกัณหาตรงป้ายรถเมล์ เจ้าของสายตาคู่เศร้าที่กำลังนั่งเบียดกับคนอื่นในสองแถวนั้นเฝ้าแต่ครุ่นคิดหาหนทางที่จะให้ได้เงินมาเป็นค่ารักษายายเพียงเท่านั้น และเมื่อไม่แน่ใจจึงหันไปขอความเห็นจากน้อง
“หนุ่มว่าพี่ควรจะไปหาบ้านโน้นหรือเปล่า เพราะมันเป็นความหวังเดียวของเรา”
“ไม่รู้สิพี่นิ่ม แต่ถ้าไม่มีทางเลือกมันก็คงจะต้องลองล่ะนะ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
สองพี่น้องเดินลัดเลาะตามซอยไปพลางก็ปรึกษากันไปตลอดทางกระทั่งถึงบ้านที่มีคนไม่คุ้นเคยนั่งรออยู่ตรงระเบียงด้วยใบหน้าไม่ใคร่จะชอบใจนัก มือก็ตบยุงเปาะแปะๆ ควบคู่ไปด้วย
“มากันแล้วเหรอ ฉันคิดว่าจะต้องนั่งรอเธอถึงเช้าแล้วซะอีก”
ยุพาพรที่นั่งหน้านิ่วทักทายด้วยน้ำเสียงห้วนๆ โดยมีสะใภ้นั่งใช้พัดโบกไปมาเพื่อไล่ยุงให้อย่างมีความอดทน วิโรจน์ที่เบื่อกับการรอไม่แพ้กันพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะรู้ดีว่าหน้าที่ของตัวเองคือจะต้องพาลูกที่เขาไม่เคยได้เห็นหน้าเลยไปช่วยกู้สถานะการณ์ให้จงได้ แต่ก่อนอื่นต้องเปิดโอกาสให้แม่ออกโรงไปก่อน เพราะถูกสั่งมาแบบนี้
“จะยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่อีกนานไหม แล้วเมื่อไหร่จะเข้ามาไหว้ฉันซึ่งเป็นย่าของเธอ แล้วนั่นก็พ่อของเธอไงล่ะ”
กัณหาหันไปมองน้องด้วยความแปลกใจที่เห็นครอบครัวพ่อมาหาถึงที่ แม้จะไม่เคยเจอหน้ากันจังๆ แต่เธอก็รู้ดีว่าทั้งสองเป็นย่ากับพ่อส่วนอีกคนคือสะใภ้ผู้สูงส่งของย่า เพราะยายไม่ได้ปิดบังอะไรเรื่องผู้ให้กำเนิดของหลานรัก จึงบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แถมยังบอกด้วยว่าบ้านอยู่ที่ไหน
และนั่นทำให้เธอชวนชาลีไปยืนเมียงมองคฤหาสน์หลังใหญ่ของพ่อมาหลายปีดีดัก หากไม่เคยเข้าไปแสดงตัวใดๆ ด้วยรู้ดีว่าครอบครัวพ่อไม่ปรารถนาจะมีลูกหลานที่เกิดจากคนรับใช้อย่างแม่ ความทุกข์ยากในการดำเนินชีวิตทำให้เธอเก็บความเสียใจน้อยใจเกี่ยวกับครอบครัวพ่อเอาไว้เงียบๆ คนเดียวมาตั้งแต่จำความได้แล้ว
“สวัสดีค่ะ”
สองพี่น้องยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม กัณหาทรุดตัวลงนั่งอยู่ไกลสุดของระเบียงเพื่อรอฟังว่าธุระของพ่อกับย่าคืออะไร ส่วนชาลีนั้นเลี่ยงเดินไปไขกุญแจบ้านไม่นานก็ได้น้ำกับยากันยุงเป็นขดที่จุดแล้วออกมา ตามด้วยยกพัดลมเก่าๆ ออกมาเปิดไล่ร้อนให้แล้วเขาถึงได้นั่งลงข้างๆ พี่ มองยุพาพรที่เอาแต่จ้องมองพี่สาวไม่วางตา
“ยายเธออาการเป็นยังไงบ้าง”
ยุพาพรเลือกที่จะยกเอาเรื่องนี้มาคุยก่อน เพราะเพิ่งจะรู้จากปากเพื่อนบ้านตอนมานั่งรอหลานที่ตัวเองไม่เคยคิดจะยกฐานะหลานให้แม้จนนิดเดียว เพราะรังเกียจเลือดคนใช้ที่มีในตัวคนเป็นแม่เข้ากระดูกดำ
“ยังไม่ฟื้นค่ะต้องรอดูอาการวันต่อวัน”
กัณหาก็เลือกที่จะตอบสั้นๆ ยุพาพรส่งสัญญาณให้ลูกชายเริ่มต้นบอกเรื่องที่ตั้งใจมาได้ เพราะเห็นแล้วว่าหลานสาวคนแรกมีหน้าตาและหุ่นละม้ายคล้ายคลึงกับหลานสาวคนที่สองไม่น้อย คงจะพบตบตาไอ้บ้าเงินที่บังอาจตามมาแก้แค้นในเรื่องเก่าๆ ที่จบไปนานแล้วได้ แต่ลูกกลับทำอ้ำอึ้งด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงจนผู้แม่ต้องออกโรงเองด้วยความรำคาญ
“งั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ จะเข้าธุระสำคัญเลย ฉันรู้ว่าเธอต้องการเงินไปเป็นค่ารักษายาย ส่วนฉันก็ต้องการให้เธอไปทำงานให้ เอาเป็นว่าฉันจะรับผิดชอบค่ารักษาเองทั้งหมดไม่ว่ายายเธอจะฟื้นมาวันไหนก็ตาม และฉันจะให้เงินเดือนเธอสามหมื่นในระหว่างไปทำงานให้ฉัน พร้อมกับบ้านและที่ดินซึ่งดีกว่าสลัมนี่แน่นอน”
“งานอะไรคะ แล้วต้องทำนานแค่ไหน”



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2556, 19:47:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2556, 19:47:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1266





<< อยู่คนละฟากฟ้า   จำเลยบริสุทธิ์ >>
คิมหันตุ์ 27 ก.ย. 2556, 09:23:50 น.
โอ่...ตระกูลนี้ก็ร้ายพอกัน


กันเกราธัญญรัตน์วรนัน 27 ก.ย. 2556, 19:59:04 น.
ใช่ค่ะ หาดียาก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account