เริงราตรีสีขาว {จากนวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ. อรุณ}
เขาเกิดมาพร้อมคำทำนาย "สตรีผู้มีชะตาผูกพัน จะทำให้เขาอายุสั้นลง"
และเมื่อเธอคือสตรีผู้นั้น ระหว่างชีวิตกับหัวใจ
เขาจะเลือกสิ่งใด
Tags: รัก ลึกลับ โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ ๑๓ (ครึ่งแรก)

หญิงสาวที่หล่อนยืนสบตาอยู่หน้ากระจกเงาบนโต๊ะเครื่องแป้งยามนี้ดูอ่อนหวานและเอาจริงเอาจังไปในคราวเดียวกัน ผมยาวสลวยล้อมกรอบใบหน้า เครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มตบแต่งด้วยโทนน้ำตาลอ่อน เข้ากับแม็กซี่เดรสสีเบจตัดเย็บจากผ้าชีฟองเนื้อดีทิ้งตัวพลิ้วถึงข้อเท้า สร้อยมุกเส้นยาวทาบทับคอเสื้อปาดกว้าง แขนจั๊มอยู่ใต้ข้อศอก ผ้าสีสวยถ่วงน้อยๆเหนือช่วงเอวซึ่งใส่ยางยืดเส้นเล็กดึงเนื้อผ้ากระชับกับสรีระบอบบาง

พรไพลินเปิดรอยยิ้มพึงใจกับภาพตรงหน้า ก่อนเจ้าตัวจะหันไปหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ หนีบแฟ้มเอกสารออกจากห้องแล้วเดินไปรับปทุมทองลงมายังห้องรับประทานอาหารเหมือนทุกวัน ปรมัตถ์ลงมาถึงเป็นคนสุดท้าย ผิวหน้าขาวดูซีดเซียวผิดตา

“ไม่สบายหรือเปล่าปอนด์ หน้าตาซีดเซียวดูไม่ได้เลย” ปทุมทองเอ่ยอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

“นั่นสิคะ หรือคุณพ่อปวดหัวไมเกรนยังไม่หาย”

“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ช่วงนี้เครียดนิดหน่อย”

หญิงชรามองหน้าบุตรชายอย่างค้นคว้า ดูอาการแล้วไม่นิดหน่อยอย่างปากว่าเลย แววตาเขาเหมือนคนคิดหนักตลอดเวลา ราวกับหมกมุ่นอยู่กับปัญหาที่ยังหาทางออกไม่พบ

“คุณพ่อไปเที่ยวพักผ่อนสักหน่อยดีไหมคะ เดี๋ยวไพลินดูแลเรื่องงานแทนคุณพ่อเอง”

ปรมัตถ์สบตาที่ฉายแววห่วงใยของพรไพลินแล้วเอ่ยเสียงอ่อนลงมานิดหนึ่ง “พ่ออยากทำงานมากกว่า”

ปทุมทองเห็นหลานสาวคนเล็กหน้าเสีย จึงสอน “การไปเที่ยวไม่ได้ทำคนเราสุขสบายใจเสมอไปหรอก ดูอย่างพี่สาวเราสิ ไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่เที่ยว ถ้าถามว่าไปเที่ยวกับอยู่บ้านมันทุกข์เท่ากันไหม มันก็เท่ากันนั่นแหละ เพราะทุกข์มันอยู่ในใจ แล้วใจมันก็ติดตัวเราไปทุกที่ หนียังไงก็ไม่พ้นหรอก” ปทุมทองระบายลมหายใจยาวเหยียด ที่พูดไปใช่ว่าเข้าใจโลกหรือใกล้ชิดธรรมะจนนำมาปรับสอนใครได้ แต่นางเป็นคนหนึ่งที่เมื่อใจทุกข์แล้วไม่ว่าจะไปยังแห่งหนใด ใกล้ไกลแค่ไหน ทุกข์ร้อนก็ไม่บรรเทาเบาบางลงเลย มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ดีขึ้น คือ... “จนกว่าเราได้ในสิ่งที่ปรารถนานั่นแหละ ทุกข์ถึงจะหายไป”

“มันก็จริงค่ะ” พรไพลินยอมรับอย่างจำนน

การสนทนายุติลงเมื่ออาหารเช้าเริ่มขึ้น ยังไม่ทันมีใครอิ่ม ก็ได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงแหลมสูงของพิมพ์ประภาบงการให้เด็กรับใช้ช่วยยกกระเป๋าเจื้อยแจ้วอยู่ด้านนอก ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเจ้าตัวก็นวยนาดเข้ามาในห้องอาหาร นั่งลงตรงที่นั่งประจำข้างปรมัตถ์

หายไปไม่กี่วันพิมพ์ประภาดูอิ่มเอิบผ่องใสดุจหัวใจเอิบอาบด้วยความสุข ช่างขัดกับสีหน้าของชายหญิงต่างวัยที่เหลืออยู่บนโต๊ะอาหารเหลือเกิน

“คุณแม่ มาไฟลท์ไหนคะเนี่ย ทำไมถึงกรุงเทพฯเช้าจัง”

คำถามของพรไพลินตรงใจปทุมทองเหลือเกิน เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมง แถมระยะเวลาบินยังอีกตั้งสองชั่วโมง ถ้าจะมาถึงเช้าขนาดนี้ต้องขึ้นเครื่องตั้งแต่กี่โมงกันหนอ

“แม่มาถึงตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว” พิมพ์ประภาอุบอิบ “แต่พักอยู่บ้านเพื่อนที่ไปด้วยกัน”

ปรมัตถ์เหลือบตามอง ก่อนกระตุกมุมปากยิ้มหยันโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

“แล้วทำไมไม่โทร.เรียกไพลินไปรับคะ” พรไพลินถาม คิ้วเรียวบางขมวดเข้าหากัน

“โอ๊ย ไม่ต้องหรอก” เสียงแปร๋นๆของพิมพ์ประภาทำให้บรรยากาศเงียบงันขรึมเครียดบนโต๊ะอาหารกลับมามีสีสัน...แต่เป็นสีสันชวนรำคาญมากกว่าช่วยให้สบายใจ “แม่ไปเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ช็อปปิ้งเลย ไม่มีข้าวของหอบรุงรัง นั่งแท็กซี่มาแบบนี้สบายดีออก”

“สงสัยน้ำจะท่วมโลกคราวนี้กระมัง แม่พิมพ์ไปฮ่องกงแล้วไม่ช็อปปิ้งเนี่ย” ปทุมทองเหน็บอย่างอดไม่อยู่ เพราะรู้ว่าลูกสะใภ้คลั่งไคล้การช็อปปิ้งขนาดไหน

“เมืองไทยมีของดีๆเยอะแยะ ทำไมต้องไปซื้อถึงโน่นหิ้วกลับมาให้หนักด้วยคะ” คนถูกเหน็บเถียง

ปทุมทองขี้เกียจต่อความยาวจึงเฉยเสีย ทั้งที่ในใจนึกสงสัย ไปฮ่องกงจริงหรือเปล่าเถอะ...

“แม่ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กๆที่ต้องคอยรับคอยส่ง ไพลินอยู่ดูแลคุณย่าดีแล้ว ท่านจะได้เอ็นดูมากๆไงล่ะ จริงไหมคะคุณแม่” ท้ายประโยคหล่อนหันมาเอ่ยกับแม่สามีพลางยิ้มหวาน

“ฉันก็เอ็นดูหลานเหมือนกันทุกคนนั่นแหละ” หญิงชราเอ่ยเสียงเรียบ

“จริงหรือคะ” พิมพ์ประภาย้อนถามเสียงสูง เสียงหัวเราะตบท้ายประโยคบ่งชัดว่าหล่อนไม่เชื่อถือ

“ถ้าคุณไม่กินอาหารเช้าก็ขึ้นไปนอนเถอะ” ปรมัตถ์เอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน ประชดตามด้วยเสียงเรียบขรึม “เดี๋ยวไม่มีแรงออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตอนค่ำ”

“แหม ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พอกลับมาเจอหน้ากันไม่กี่นาทีก็ไล่กันซะแล้ว” หล่อนค้อนสามีวงใหญ่อย่างมีจริตจะก้าน เห็นทีความสุขที่ตักตวงจากการพักผ่อนหลายวันจะทำให้พิมพ์ประภาอารมณ์ดีจนไม่อยากต่อปากต่อคำกับสามี สาวใหญ่จึงวกมาหาปทุมทองอีกครั้ง “แล้วนี่หลานสาวคนโปรดของคุณแม่ไปไหนเสียล่ะคะ ตั้งแต่วันนั้นยังไม่กลับมาอีกหรือ หรือว่ากลับมาแล้ว แต่ไปนอนค้างอ้างแรมบ้านเพื่อนอีก ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนก็แบบนี้แหละน้า ทำอะไรไม่คิดถึงคนข้างหลัง ไม่ใส่ใจชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล”

คำพูดที่ไม่ผ่านการครวญคิดหลุดจากปากพิมพ์ประภาเหมือนระเบิดที่หย่อนลงกลางวง ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ปรมัตถ์มองหน้าภรรยาอย่างไม่ค่อยพอใจ พรไพลินสบตาบิดาด้วยแววตาขอลุแก่โทษแทนความปากไวของมารดา ปทุมทองระงับอารมณ์โกรธอันพลุ่งพล่านได้ก่อนใคร และเอ่ยว่า

“แม่ไนท์ไปเที่ยว ยังไม่กลับ ปกติก็เป็นแบบนี้ ฉันรู้จักหลานฉันดี แม่ไนท์ไม่มีทางทำเรื่องเสื่อมเสีย”

“มั่นใจได้ยังไงกันคะคุณแม่ ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว แม่รัตติกาลทำอะไรไว้ ลูกไม้จะหล่นไกลต้นเชียวหรือ”

“ไม่จริงเสมอไปหรอกมั้ง ดูอย่างไพลินก็ไม่เห็นเหมือนเธอเลยนี่” หญิงสูงวัยปรายตามองสะใภ้พลางย้อนนิ่มๆ
พิมพ์ประภาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทำท่าจะโต้กลับ

“แม่คะ พอเถอะค่ะ” พรไพลินปราม ดวงตาที่เหลือบมองผู้เป็นย่าทั้งกลัวทั้งเกรงใจ

“เอ๊ะ ไพลิน แม่แค่พูดเรื่องจริง” พิมพ์ประภาขึงตาและต่อว่าลูกสาวแบบไม่ออมเสียง

พรไพลินเม้มปากแน่นเหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ แต่ปรมัตถ์ไม่ทน เขาวางช้อนและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม หน้าตาเคร่งเครียดกว่าเดิมสักสิบเท่ากระมัง

กริยาของสามี ทำให้พิมพ์ประภาไม่พอใจ พูดถึงภรรยาเก่าครั้งใดเขาก็มีท่าทีโกรธเคืองแบบนี้ทุกครั้ง ทั้งที่รัตติกาลคบชู้สู่ชายสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ตระกูลธนาธิป แถมลูกที่เกิดด้วยกันและมีหน้าตาเหมือนแม่ราวกับถอดแบบกันมาก็ไม่รู้ว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของปรมัตถ์หรือเปล่า คนที่สมควรโกรธน่ะรัตติกาลโน่น ไม่ใช่หล่อน

หลังแต่งงานไม่นาน ปรมัตถ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เขาห่างเหิน เย็นชาจนหล่อนเริ่มรู้สึกไม่มั่นคง พิมพ์ประภาสรุปเอาเองว่าสามียังไม่ลืมผู้หญิงคนเก่าที่เสียชีวิตไปแล้ว หล่อนจึงพยายามหาทางรั้งใจเขาไว้ โดยหวังใจว่าว่าหากมีลูก ปรมัตถ์อาจกลับมารักหล่อนดังเดิม แต่เปล่าเลย ตั้งแต่หล่อนเริ่มตั้งท้องพรไพลิน เศษความความรักเล็กน้อยที่เขาเคยหยิบยื่นให้ ก็กลับเหือดหายไปจนแทบไม่หลงเหลืออยู่อีกเลย ความสัมพันธ์ซึ่งห่างเหินสั่นคลอนอยู่แล้วยิ่งลอยห่างไปไกลจนไม่อาจจับต้องได้ ปรมัตถ์คงสถานะสามีไว้ตามนิตินัย ส่วนพฤตินัยนั้น เหมือนเขาหย่าขาดจากหล่อนอย่างสิ้นเชิงไปยี่สิบกว่าปีแล้ว...

ยี่สิบกว่าปี นี่หล่อนทนมาได้นานขนาดนั้นเชียวหรือ...

ทำไมจะไม่ได้เล่า ในเมื่อปรมัตถ์มีเงินให้หล่อนใช้จ่ายเต็มที่ ไม่เหมือนสามีเก่าซึ่งเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์จนๆ หล่อนหรือสู้วาดฝันว่าจะเป็นคุณนายของนายแพทย์หนุ่มไฟแรง กะว่าเขาทำงานใช้ทุนสักพัก เก็บเงินไว้เปิดคลินิกส่วนตัว ให้หล่อนนั่งนับเงินอย่างเดียว ใครจะไปคาดคิดว่าเกรียงไกรจะกินอุดมการณ์แทนข้าว ยืนกรานว่าหลังเรียนจบจะออกไปเป็นแพทย์อาสาที่ต่างจังหวัด และถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่กลับเข้ากรุงเทพฯด้วย ชีวิตคู่ที่วาดวิมานไว้สวยงามพังทลายตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้น แถมโหมดพระนางกัดก้อนเกลือกินก็ไม่หวานชื่นเหมือนในนิยาย หลังคลอดพรนางฟ้า ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลได้ หล่อนก็ทิ้งบุตรสาวคนแรกไว้กับสามีเก่า จากนั้นก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย

หล่อนทิ้งอดีตมาเพื่ออนาคตที่ดี อาจไม่งดงามดังหวัง แต่จะเป็นไรไป แค่มีเงินใช้สบายๆโดยไม่ต้องทำงานก็พอแล้ว ความสุขทางใจนั้นไปหาที่อื่นก็ได้ และหากพรไพลินได้ครอบครองมรดกของตระกูลธนาธิปก็ยิ่งดี หล่อนจะได้มีเงินใช้จ่ายสบายมือไปจนตาย ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะต้องตกระกำลำบากถ้าวันหนึ่งไม่มีบารมีของปรมัตถ์คุ้มครอง

เมื่อสามีลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเป็นคนแรกพร้อมสายตาที่มองหล่อนอย่างชิงชังรังเกียจ พิมพ์ประภารู้สึกเหมือนถูกตบจนหน้าชา อารมณ์ดีๆที่หอบกลับมาบูดสนิท ทำให้ยั้งปากไว้ไม่อยู่ ลอยหน้าลอยตาพูด “เอ...จะว่าไปการที่ยายไนท์หายเงียบเชียบไปแบบนี้ก็น่าเป็นห่วงนะ อาจไม่ได้หนีตามผู้ชาย แต่เป็นอะไรตายไปแล้วก็ไม่รู้”

เมื่อเห็นปรมัตถ์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวจากไปหันกลับมามองด้วยหน้าตาขรึมเครียด หล่อนก็ยิ้มเยาะและสะใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นแม่สามีหน้าซีดปากสั่น พอๆกับหมั่นไส้ลูกสาวตัวเองซึ่งเอื้อมมือไปกุมมือปทุมทองดุจให้กำลังใจ

“พิมพ์ ถ้าคุณพูดไม่คิดอีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน” ปรมัตถ์ขู่เสียงเข้ม

พรไพลินรีบสำทับทันที “นั่นสิคะ คุณแม่พูดแบบนี้ คุณย่าใจเสียหมด” หล่อนติงอย่างเกรงใจ แล้วจึงหันไปปลอบปทุมทองด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “พี่ไนท์ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณย่า คงยังปลอดภัยดี ที่เรายังติดต่อพี่ไนท์ไม่ได้ คงเป็นเพราะพี่ไนท์ต้องการความเป็นส่วนตัว และอยากอยู่สงบๆมากกว่า พี่ไนท์เป็นแบบนี้มานานแล้วนี่คะ ไม่เห็นน่าห่วงเลย พี่ไนท์เอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว”

สีหน้าปทุมทองไม่ได้บ่งบอกสักนิดว่านางสบายใจขึ้น ทว่านางก็ยังอุตส่าห์ฝืนยิ้มให้พรไพลินซึ่งพยายามพูดแก้ไขสถานการณ์ ปรมัตถ์เองเสียอีกที่มีสีหน้าดีขึ้น มีพิมพ์ประภาคนเดียวเท่านั้นละได้แต่นั่งกำมือแน่น ครั้นทุกคนแยกย้ายกันไปทิ้งให้หล่อนนั่งเคว้งอยู่คนเดียว หล่อนจึงพึมพำลอดไรฟันอย่างเหลืออด

“นังลูกโง่ จะเหลือแต่ตัวอยู่แล้วยังไม่สำนึก”




คำพูดของพรไพลินไม่อาจช่วยให้ปทุมทองสบายใจขึ้นเลย นางยังหมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องของณราตรีไม่รู้จบสิ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่เวลาอาหารเช้าเรื่อยมาจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายคล้อย นางก็ยังนั่งทอดถอนใจอยู่ในสวนหลังบ้าน เรื่องหน่วงหนักในอกทำให้นางอ่านหนังสือเล่มโปรดไม่รู้เรื่องเอาเลย

เด็กรับใช้ยอบกายเข้ามาอย่างนอบน้อม “มีคนมาหาคุณท่านค่ะ”

“ใครกัน” หญิงชราขมวดคิ้ว “สอบถามชื่อแซ่มาหรือเปล่า”

“ถามแล้วค่ะ แต่เขาไม่ยอมบอก บอกแค่ว่าเอาของมาให้คุณท่าน เสร็จแล้วก็จะกลับ”

“งั้นก็รับแต่ของมาสิ” นางสะบัดเสียงด้วยความหงุดหงิดที่เรื่องเล็กแค่นี้คนรับใช้กลับต้องมารายงานให้ทราบ

“เขายืนยันว่าจะต้องมอบให้กับมือคุณท่านน่ะค่ะ” เด็กสาวก้มหน้าอธิบายเสียงสั่นด้วยความเกรงกลัว

“ทำไมต้องมีลับลมคมในอย่างนี้ด้วยนะ” ปทุมทองลุกจากศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นด้วยท่าทางไม่เต็มใจ ก่อนเดินตรงไปยังประตูรั้วสูงโปร่งซึ่งปกติเคยทำแบบนี้เสียที่ไหน ติดตรงความอยากรู้นั่นละชักนำมาจนได้ เห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งจอดอยู่ คนขับสวมหมวกกันน็อกมิดชิดทำให้นางไม่ไว้ใจ ไม่กล้าเข้าใกล้ “มาหาฉัน มีธุระอะไรเหรอ” นางยืนถามห่างๆ

“มีคนฝากของมาให้คุณปทุมทองครับ”

“ฉันนี่แหละปทุมทอง แต่ว่าของอะไร แล้วใครฝากมาให้ล่ะ”

“คุณท่านดูเอาเองแล้วกัน” เขาปลดสายคาดกล่องลังสีน้ำตาลบนเบาะออก และยกอย่างระมัดระวังมายืนรอปทุมทองตรงหน้าประตูเล็กด้านข้าง

“กล่องระเบิดหรือเปล่าคะคุณท่าน” เด็กรับใช้สะกิดถาม

“เหลวไหลน่า” เอ็ดเด็กรับใช้เช่นนั้น ทั้งที่ตนเองก็ไม่ไว้ใจ

“วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันให้เด็กออกไปยกเข้ามาเอง”

ชายหนุ่มไม่อิดออด เขาวางกล่องลงหน้าประตูทันที “งั้นผมไปก่อนนะครับ” เขาไหว้ลาแล้วบิดมอเตอร์ไซค์จากไป

ปทุมทองและเด็กรับใช้เลียบเคียงเข้าไปดูกล่องปริศนา พบว่ามันมีรูระบายอากาศเจาะเรียงอย่างเป็นระเบียบ เด็กสาวที่ด้อมๆมองๆอยู่ข้างกายขมวดคิ้วครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายใจขึ้นมานิดหนึ่ง “ไม่ใช่ระเบิดหรอกค่ะคุณท่าน หนูว่าเป็นต้นไม้นะคะ”

“เหรอ” น้ำเสียงคนเป็นนายกระตือรือร้น “งั้นไปยกเข้ามาในร่มทีซิ ตรงนี้แดดแรง ฉันจะหน้ามืดอยู่แล้ว อุตส่าห์เดินฝ่าแดดมาตั้งไกล ถ้าใครส่งของไม่เข้าท่ามานะ...” นางบ่นแถมท้าย

อีกฝ่ายกุลีกุจอทำตาม เมื่อมาเปิดกล่องดูพบว่าเป็นต้นไม้จริงๆ และมีซองจดหมายแนบมาในกล่องด้วย ปทุมทองหยิบมาเปิดอ่านจึงทราบว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากเด็กกำพร้าที่นางเคยอุปการะ รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าเป็นครั้งแรกในรอบวัน

ปทุมทองพับจดหมายเก็บลงซองเหมือนเดิม จากนั้นเรียกหาถุงมือจากคนสวนมาสวม ทรุดนั่งยองๆข้างลังกระดาษ หยิบต้นไม้แต่ละชนิดขึ้นมาพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ระมัดระวังไม่ให้ถูกขนหรือหนามเนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะมีพิษหรือเปล่า

“ต้นอะไรคะคุณท่าน เยอะแยะไปหมด ไม่เห็นเหมือนกันสักต้นเลย” เด็กสาวถามอย่างสนใจ

“ตัวอย่างพืชสมุนไพรน่ะ จะลองเอามาเพาะดู ยกไปสวนหลังบ้านไปที เอ...ยกไปที่เรือนเพาะพันธุ์พืชเลยดีกว่า” นางเปลี่ยนใจในตอนท้าย เนื่องจากข้อความในจดหมายชี้ให้นางเห็น ‘คุณค่า’ ต้นไม้เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าจะนำมาปลูกปะปนกับต้นไม้อื่นในสวนตามมีตามเกิดได้

คนถูกสั่งทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นาน ต้นไม้ในลังทั้งหมดก็เข้ามาอยู่ในเรือนเพาะชำควบคุมอุณหภูมิซึ่งอยู่เลยสวนหลังบ้านออกไปอีก มองจากด้านนอกเห็นเพียงรำไรเนื่องจากถูกต้นไม้ในสวนบดบัง เรือนขนาดเล็กนี้สร้างเลียนแบบเรือนเพาะชำของเนเชอรัลเฮลท์ ซึ่งปทุมทองสั่งให้สร้างขึ้นหลังส่งต่อหน้าที่ผู้บริหารให้แก่บุตรชาย ตอนนั้น นางกลัวว่าจะเหงาจึงอยากหาอะไรทำ

ตลอดหลายปีที่ปทุมทองดำรงตำแหน่งผู้บริหารเนเชอรัลเฮลท์ นางมีโอกาสได้คลุกคลีอยู่กับเจ้าหน้าที่วิจัยพันธุ์พืชและได้รับความรู้ต่างๆติดตัวมาด้วย ครั้นเกษียณตัวเองมาอยู่บ้าน จึงลองปลูกพืชแปลกๆดูบ้าง พืชสมุนไพรบางชนิดถูกนำมาเพาะพันธุ์ที่นี่ก่อนขยับขยายไปสู่ห้องทดลองของเนเชอรัลเฮลท์อีกที

ปทุมทองไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากเอิกเกริก จึงลงมือเตรียมดินด้วยตนเองโดยมีเด็กรับใช้คอยช่วยเป็นลูกมือหยิบข้าวของมาบริการ
หญิงชรามัวง่วนอยู่กับ ‘ของขวัญวันเกิด’ จนลืมเรื่องณราตรีไปชั่วคราว นางขลุกอยู่ในเรือนกระจกตั้งแต่บ่ายจนเย็น แม้เด็กรับใช้จะถูกไล่ไปทำงานอื่นต่อแล้วนางก็ยังเฝ้าดูต้นไม้ซึ่งเพิ่งนำลงกระถางอย่างไม่รู้เบื่อ

“คุณย่ามาอยู่นี่เอง ไพลินตามหาเสียทั่วบ้านเลย” เสียงใสๆของพรไพลินดังขึ้นจากเบื้องหลัง ปทุมทองซึ่งก้มๆเงยๆอยู่ข้างกระถางต้นไม้ยืดกายขึ้นตรง หันกลับไปหาเจ้าของเสียง

ดูพรไพลินไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นปทุมทองกำลังง่วนกับต้นไม้แปลกๆในกระถางเหล่านี้

“มาตามหาย่ามีอะไรหรือเปล่า แล้วทำไมวันนี้กลับมาเร็วนักล่ะ” ปทุมทองแปลกใจ เพราะตะวันเพิ่งลับฟ้าเท่านั้นเอง ปกติกว่าพรไพลินกับปรมัตถ์จะกลับจากทำงานก็เป็นเวลามืดค่ำ

“คุณพ่อบ่นว่าเหนื่อย เพลีย อยากนอนค่ะ”

“เอ พักนี้พ่อเราแปลกไปนะ” ปทุมทองครุ่นคิดถึงความผิดปกติของลูกชายด้วยสีหน้าไม่ใคร่สบายใจนัก

“หรือว่าคุณพ่อจะทะเลาะกับพี่ไนท์จริงๆคะ” พรไพลินเริ่มสงสัยอย่างที่ปทุมทองเคยสงสัยมาก่อน “ปกติพี่ไนท์ไม่อยู่ ไพลินก็ไม่เคยเห็นคุณพ่อจะเครียดหนักแบบนี้เลย”

“จะทำยังไงล่ะ ย่าติดต่อพี่สาวเราไม่ได้เลย โทร.ไปก็ไม่มีสัญญาณตอบรับมาเป็นอาทิตย์แล้ว” หญิงสูงวัยอ่อนอกอ่อนใจ

“ไพลินละอยากรู้จริงๆว่าพี่ไนท์อยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง เงียบเชียบแบบนี้ ไม่สบายใจเลย” พรไพลินบ่น สีหน้าวิตกกังวลอย่างที่น้อยครั้งนักจะมีใครได้เห็น

การสนทนาถูกยุติลงเพียงเท่านั้นเพราะโทรศัพท์มือถือซึ่งวางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะตั้งแต่บ่ายดังขึ้น ปทุมทองมองหน้าจอแล้วขมวดคิ้วมุ่น ปากก็พึมพำ “ทนายประเสริฐ โทร.มารายงานตัวได้แล้วสินะ”

พรไพลินมองตามร่างผอมบางซึ่งเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์เบาๆ หล่อนเหลือบมองย่าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตัดใจผละจากเรือนเพาะชำแห่งนั้นมาเงียบๆ ใจครุ่นคิดถึงแต่พี่สาวต่างมารดาด้วยความกังวล



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2556, 07:04:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2556, 07:04:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1327





<< ตอนที่ ๑๒   ตอนที่ ๑๓ (จบตอน) >>
ภาวิน 18 ก.ย. 2556, 07:19:55 น.
เอาละ ใครที่รอพิมพ์ประภาอยู่ เธอมาแล้วจ้า มาถึงก็กวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวกันเลยทีเดียว

พี่แตงกวา กลับมาคราวหน้าอย่าลืมหาช็อกโกแลตมาฝากคุณศาศนะคะ อิ อิ วันนี้พาคุณพิมพ์ขวัญใจที่แตงกวามาส่งแล้วค่ะ ไม่พลาดเหมือนคราวก่อน ฮ่าๆ

หนูอวบอสิตา เรื่องนี้นางเอกเขาถูกจับมือไปหลายรอบแล้ว พระเอกเลยทำตามคำที่ว่าจับมือเสียแหวน ถ้าจับแขนเมื่อไหร่ละเสียผีแน่เลย

คุณวรรษา อีกไม่นานเกินรอ สิ่งที่หลายๆคนคาดเดาไว้จะเปิดเผยแล้ว รอหน่อยจ้า

คุณดังปัณณ์ ก่อนเป็นผีเสื้อ ก็ต้องเป็นหนอนมาก่อนเหมือนกันน้า หนูไนท์ไม่กินผีเสื้อ หนูไนท์จะกินคุณศาศ ง่ำๆ

หนูบาร์บี้ที่รัก คุณแม่รอดมาได้ยังไง แกรกๆ คนเขียนเกาปาก (เสียงเหมือนเกาหนังหัว) คันปากยุบยิบอยากบอกแย่แล้ว แต่รอลุ้นดีกว่านะ ^_^

คุณปลายสี ไหนๆอยุ่กันสองคนแล้ว จะชักช้าอยู่ไยใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าเด็ก ม ๔ คนนั้นจะเป็นใคร คนอ่านก็เทใจให้คุณศาศไปหมดแล้วใช่ม้า

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ มาลงต่อให้แล้วค่ะ ตอนนี้หนูไนท์กับคุณศาศยังไม่มีบทบาทอะไร ปล่อยให้แม่เลี้ยงอย่างพิมพืประภาวาดลวดลายไปก่อน เบรกความหวานก่อนที่น้ำตาลจะพุ่งปรี๊ดกันถ้วนหน้า

แล้วเจอกันวันศุกร์นะคะ ขอบคุณทุกสายตา ทุกกำลังใจ ทุกไลค์ และทุกคอมเม้นท์ค่ะ วันที่ลงครั้งสุดท้ายคือ ๓๐ กันยายนนี้ เราจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่คอมเม้นท์ไว้ เราจะส่งหนูไนท์กับคุณศาศให้ไปอ่านต่อจนจบ รอลุ้นกันค่ะว่าใครจะได้เริงราตรีสีขาวฉบับรูปเล่มสมบูรณ์สวยงามไปครอบครอง




พันธุ์แตงกวา 18 ก.ย. 2556, 07:26:13 น.
มันน่าเอาสากขว้างปายายพิมพ์ประไพจริงๆด้วย ตกลงไปจริงเปล่าเหอะฮ่องกงน่ะ แถมยังทอดทิ้งพรนางฟ้าอีก
ส่วนต้นไม้นั่นอย่าบอกนะว่าษมาเป็นไส้ศึก อยากจะพลิกไปอ่านตอนจบจริงๆเบย


อสิตา 18 ก.ย. 2556, 07:37:59 น.
นางแม่เลี้ยงใจร้ายนี่น่าเบื่อจริงๆ เหอๆ เห็นภาวินลงยาวแล้วอสิตาหนาวๆในความสั้นของตัวเอง


ดังปัณณ์ 18 ก.ย. 2556, 09:02:14 น.
กรี๊ดดดดดดดดด แปะอีกแย้ววววววว เดี๋ยวตอนเย็นมาอีกรอบค่ะ คุณศาศกะหนูไนท์อ่ะ แอบไปสวีทวิ้ดวิ้ว ตอนนี้เลยปล่อยให้นางแม่เลี้ยงใจร้าย โผล่ออกมาชิมิชิมิ


ปลายสี 18 ก.ย. 2556, 09:23:48 น.
จริงๆ เดาไม่ออกเลย ทั้งษมา ทั้งพรไพลิน อยากเชียร์ให้ลงเอยกัน แต่บรรยากาศยังไม่ชัดเจน. ตามลุ้นต่อไปค่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 18 ก.ย. 2556, 09:40:42 น.
มันคืออัลไล
ทำไมอ่านภาษาไทยแล้วไม่เข้าใจ
อ่านไปขมวดคิ้วไป
ไหนๆ ขอลองอ่านแบบภาษาอังกฤษซิ๊ เผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้น 555 เค้าล้อเล่นนนะจ้ะ ไรเตอร์
แต่นั่งหน้ายุ่ง ผักบุ้งกินเต่า อยู่จริงๆ น้าา
ตาทนาย กะ ยัยพิมพ์ประภานะ โอเคพอมองออก
แต่คนอื่นๆ ที่เหลือนี่สิ ดูยังไง๊ก็ดูไม่ออก


วรรษา 18 ก.ย. 2556, 12:37:43 น.
ต้นไม้ที่มีคนส่งมา อย่าบอกนะว่า! คึๆ เดาพลาดตาหลอด ก็เลยไม่กล้าเดาอีก เดวจะเป็นการใส่ร้ายตัวละคร^__^


ดังปัณณ์ 18 ก.ย. 2556, 18:06:35 น.
เอิ่มมมมมมมม หลังจากอ่านจนจุใจ พ่อหนูไนท์โดนวางยาป่ะนะ พี่ปุ๊กคร้าาาาาาาาาาาา ขอน้ำตาลโดยด่วน แอร๊ยยยยยยยยยยยย

ว่าแต่...พรไพลินนี่ก็ดีนะคะ แต่กลัวดีแตกทีหลังนี่ดิ ฮ่าๆๆๆ แต่แม่เลี้ยงหนูไนท์นี่ม่ายหวายยยยยยยยยยยยย อั้ยย่ะ! น่ากัวเจ้จะมีชุ้ป่ะค่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย แหมๆๆๆๆ ทิ้งลูกได้ลงคอ


Sukhumvit66 18 ก.ย. 2556, 18:52:44 น.
เอ๊ะ ๆ มีพรนางฟ้าด้วย จากเรื่องโน้นหรือเปล่าค่ะ แล้วมีบทบาทในเรื่องนี้ด้วยไหมค่ะ


Barby 19 ก.ย. 2556, 17:49:08 น.
เอ นักเขียนทำเราฉงนงงงวย ใครดีใครร้ายไม่รู้เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account