จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: 15 หัวใจที่แตกต่าง

15 หัวใจที่แตกต่าง

วันแรก ๆ ของการแต่งงานผ่านไปด้วยดี แม้ว่างานของทั้งสองคนจะรัดตัวแต่ก็ยังพอหาเวลามาเจอกันได้บาง อย่างเช่นวันนี้ที่สามีภรรยาได้มานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน

“วันนั้นน่ะ”

แต่แล้วจู่ ๆ อังศุมาลินก็พูดอะไรบางอย่างออกมา พัฒนากรที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากเลยต้องวางช้อนลง เพราะมันเป็นมารยาท

“อะไรครับ”

“ที่เราสองคนอยู่บนเวที”

พัฒนากรเริ่มจะงง อังศุมาลินวันนี้ดูเครียดกว่าปกติ เธอเองก็ไม่อยากลื้อฟื้นหรอก แต่มันก็ยังอดนึกถึงภาพวันนั้นไม่ได้สายตานั้นที่สามีเธอมองแฟนเก่ามันดูมีเยื่อใยอย่างบอกไม่ถูก

“เราเห็นแฟนเก่าเธอเอาช่อดอกไม้เดินเข้ามาในงาน”

“แล้วไงล่ะครับ”

“พี่เบบี้ดูยังรักเธออยู่ ที่เราพูดเราไม่ได้จะชวนเธอทะเลาะนะ แต่เราไม่สบายใจที่เห็นเธอต้องติดต่อกับพี่เบบี้ อีกนานไหมกว่าเรื่องนี้จะจบไปจริง ๆ สักที”

“มันก็จบไปจริง ๆ แล้วไงครับ อิ้งอย่าคิดมากสิ”พัฒนากรรีบลุกจากที่นั่งมากอดอังศุมาลินไว้ “เพื่อความสบายใจวันนี้เราว่าทั้งวันเราไปดูหนังกันไหม เรื่องไหนดี หนังตลกก็ดีนะ หรือจะหนังผีที่อิ้งชอบดี ช่วงนี้มีหนังผีเข้าหลายเรื่องเลยนะ”

อังศุมาลินหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้งพร้อมหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมา

“รู้ดีจังนะ ไปดูเรื่องอะไรมาแล้วล่ะ หนังรักใช่ไหม”อังศุมาลินพูดด้วยน้ำเสียงเน้นทุกคำ

“อิ้งพูดอะไร เราจะไปดูกับใคร”พัฒนากรยังคงยิ้มได้ แต่จะมีใครรู้ไหมว่าในใจเขาคิดอะไร

อังศุมาลินลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มาส่งให้พัฒนากรดู

“ศรินทำงานอยู่ที่ชล วันที่พีมไปดูหนังศรินก็ไปพอดี แล้วก็เลยถ่ายรูปนี้ส่งมาให้เรา หรือจะดูวีดีโอก็มีนะ คนในรูปนี้หวานกันน่าดู คุณจ้อนอะไรนั้นคงเป็นคนใจกว้างน่าดู”

ภาพที่อังศุมาลินมีก็คือพัฒนากรกับบรรณิตาเดินควงกันไปดูหนัง

“ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ เรารอฟังอยู่นะ”

“จะให้เราพูดอะไร ก็ในเมื่ออิ้งก็เห็นก็รู้หมดแล้ว”

“รู้ไหมเรารอให้เธอเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังอยู่นาน แต่มันก็เหมือนเธอไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดจะบอกเรา”

แววตาและน้ำเสียงที่อังศุมาลินใช้ พัฒนากรรู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังเจ็บปวด ก็เพราะรู้ไงว่าบอกแล้วอิ้งจะเป็นแบบนี้

“เราไม่เคยรู้ใจเธอเลยพีม เราไม่เคยรู้ใจเธอเลย ตั้งแต่ที่เราแอบชอบเธอจนถึงตอนนี้ คนที่วิ่งตามอยู่ตลอดก็ยังเป็นเรา เป็นเราเสมอ”

อังศุมาลินทรุดตัวลงร้องไห้ลงกับพื้น พัฒนากรนั่งลงไปข้าง ๆ แล้วกอดเธอไว้

“เราไม่เคยทำให้อิ้งเชื่อใจเราได้เลยเหรอ คำสัญญาของเราอิ้งไม่เคยเชื่อมันเลยเหรอ ที่ไม่เล่าก็เพราะไม่อยากให้เสียใจ จริง ๆ แล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดของเบบี้ เราเคยสัญญากับเธอไว้อย่างหนึ่งว่าจะยอมทำตามคำสั่งเธอ เธอก็เลยขอให้เราช่วยทำเป็นรักเธอหนึ่งวัน”

“แล้วทำไมถึงไม่บอกกันบ้าง ไหนสัญญาว่าเราจะเป็นคนคนเดียวกัน”

อังศุมาลินเงยหน้าขึ้นมามองในตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอ เธออยากรู้นักว่าในนั้นจะมีอะไรซ้อนเธออยู่อีกไหม แต่แล้วเธอก็ต้องหลับตาเมื่อสามีที่เธอหลงรักมานานปีก้มลงมาจูบปากเธออย่างดูดดื่ม

“ของไถ่โทษเมียก่อนนะที่ทำให้ร้องไห้”



ใครหลายคนเคยบอกว่าถ้ามากับแฟนนั้น การดูหนังผีคือสิ่งที่ดีที่สุดคงจะจริง เพราะอังศุมาลินแอบมองไปรอบตัวเห็นคู่รักหลายคู่กอดกันกลมเวลาที่มีฉากน่ากลัว ส่วนถ้าใครมาคนเดียวก็เอามือปิดตาตัวเอง แต่เอ่อ...พัฒนากรตอนนี้เขากำลังปิดตาตัวเองมิดตลอดตั้งแต่หนังเริ่มฉาย โดยไม่สนใจภรรยาสุดสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลย

ผิดกับอังศุมาลินที่แค่มีตกใจนิดหน่อยเวลาผีโผล่มา ร้องดังที่สุดก็แค่

“อุ๊ย!”

ส่วนพัฒนากรก็คือ

“อ๊ากกกกกกกก”

อังศุมาลินแอบโมโหเล็กน้อยที่ชายหนุ่มดันซื้อตั๋วแบบสามมิติที่แพงกว่าระบบธรรมดาแต่เขาแทบไม่ได้ดู

“พีมเอามือลงได้แล้วหนังจบแล้ว”อังศุมาลินกระซิบ พัฒนากรรีบเอามือลงช้า ๆ มองซ้ายมองขวา “เป็นแบบนี้ตลอดเลยแล้วจะชวนเรามาดูทำไม ไปได้แล้วค่ะคนออกไปหมดแล้ว”

อังศุมาลินบ่นยาวแล้วเดินนำออกไป พัฒนากรยิ้มแห้งพนังงานสาว ๆ สองสามคนที่ยืนอยู่พากันหัวเราะคิกคักให้กันอาการเหงื่อท่วมตัวของคนหล่อ

“พีมเราไปกินไอติมในร้านนั้นดีกว่าคนไม่เยอะดี”

อังศุมาลินชี้ให้พัฒนากรดูร้านไอศกรีมที่ดูอบอุ่นแต่กลับมีคนนั่งอยู่สองสามคน ชายหนุ่มส่ายหน้า

“คนน้อยแล้วจะอร่อยเหรอ ไปร้านตรงชั้นสองดีกว่าร้านนี้เขาดังด้วยนะ”

“พีมก็ไปเองแล้วกัน เรากินร้านนี้แหละ”

พูดจบก็เดินเข้าไปในร้านทันทีพร้อมสั่งเมนูที่เธอชอบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง

“ขอโทษทีนะคะ เปลี่ยนเป็นสตรอเบอร์รีค่ะ”

“เชิญนั่งรอที่โต๊ะได้เลยค่ะ”

“อิ้งสั่งเผื่อเรารึเปล่า”พัฒนากรที่เพิ่งเดินตามเข้ามารีบวิ่งมาถาม อังศุมาลินไม่ตอบเดินเลยไปที่โต๊ะ ชายหนุ่มก็เลยเดินมาที่เคาร์เตอร์ “คุณผู้หญิงคนเมื่อกี้สั่งอะไรไปครับ”

“สตรอเบอร์รีบิ๊กเลิฟค่ะ”

“อ๋อครับ”พัฒนากรยิ้มให้กับพนักงานแล้วเดินมาหอมแก้มอังศุมาลิน “ขอบคุณครับที่รัก”

“เราเองก็ชอบเหมือนกัน ที่สั่งแก้วใหญ่เพราะเดี๋ยวเราไม่อิ่ม”

อังศุมาลินแกล้งไม่มองหน้าไม่สนใจ แต่พัฒนากรก็รู้ว่าเธอเอาใจใส่เขาทุกอย่างอยู่แล้ว เขาเลยตั้งใจจะลุกไปหอมแก้มอีกสักทีแต่แล้วด้วยความที่ไม่ได้มองก็เลยไปชนเข้ากับแขกที่เพิ่งเดินเข้าร้าน

“ขอโทษครับ”

“เดินยังไงของคุณเนี่ย อ้าว”ท่าทางฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นในตอนแรกหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานของเจ้าของใบหน้าและรูปร่างสวย ๆ นั้น “จำแนนนี่ได้ไหมคะ”

“แนนนี่เอ่อผมจำไม่ได้ครับ”

“แนนนี่เป็นลูกของคุณชัชวินยังไงล่ะคะ เมื่อต้นปีคุณไปเป็นวิศวกรให้โครงการของเราไง”

“อ๋อ...จำได้แล้วครับ วันนี้มาทำอะไรครับเนี่ย”พัฒนากรยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อจำหญิงสาวตรงหน้าได้

“นี่ร้านของแนนนี่เองคะ สวยไหมคะ”

“ครับสวยดี คุณแนนนี่นี่เก่งนะครับ”

“แหมชมกันแบบนี้แนนนี่คงต้องเลี้ยงคุณสักครั้งแล้วล่ะคะ”แนนนี่ทำท่าเขินอายแล้วตีที่ไหล่ของพัฒนากรเบา ๆ

“เชิญคุณนั่งก่อนสิคะ”อังศุมาลินลุกจากที่นั่งเพื่อแสดงตัว เธอสังเกตเห็นแม่แนนนี่อะไรนี่ตั้งแต่เธอเดินอยู่ที่หน้าร้านแล้ว หล่อนตั้งใจเดินมาชนสามีเธอชัด ๆ

“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ ไม่ใช่แฟนคุณที่แนนนี่เคยเห็นนี่หนา”แนนนี่ทำหน้าแปลกใจ

“คนนี้คือภรรยาผมครับ เราแต่งงงานกันมาระยะหนึ่งแล้ว”

“แนนนี่ก็นึกว่าป้าแก่ ๆ ที่ไหนเสียอีก เธอดูเฉิ่มและเชยมาก แฟนเก่าคุณสวยกว่ามากนะคะ”

เกิดอาการเหวอกับอังศุมาลินอย่างไม่ทันตั้งตัว มีแต่คนชมเธอว่าสวยน่ารักตลอดเพิ่งเคยมีคนด่าเธอแรง ๆ ตรง ๆ แบบนี้นี่แหล่ะ

อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เธอไม่ได้มีเวลาแต่งตัวก่อนจะออกจากบ้านมากนัก เธอเลยได้แต่ใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืด รองเท้าแตะ ที่ทั้งตัวรวมกันยังไม่ถึงห้าร้อย แม้แต่แว่นตาก็ดันหยิบผิดเป็นอันเก่าที่ถูกมากเหมือนได้ฟรีมาอีก ผิดกับแม่แนนนี่ที่ทั้งตัวรวมกันคงร่วมแสน

“เอ่อ...วันนี้เรามาเที่ยวกันเฉย ๆ นะครับ อิ้งเธอเลยแต่งตัวสบาย ๆ”

“ท่าทางจะสบายเกินไปหน่อยนะคะ เล่นเอาร้านของแนนนี่ด้อยราคาไปเลย”

กึก อะไรกันนี่อังศุมาลินโดนด่าสองครั้งพร้อมกันในเวลาที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนาที

“ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ ถึงว่าร้านคุณเหมาะกับลูกค้าไฮโซ ลูกค้าผู้ดีนี่เอง ถึงมีคนมารับประทานกันไม่กี่คน เพราะคนทั่ว ๆ ไปคงจะกลัวท้องเสีย...ฉันหมายถึงท้องพวกเขาจะกลายเป็นท้องวิเศษนะค่ะ ฉันคงจะต้องขอตัวออกจากร้านคุณก่อนนะคะ เพราะฉันละอายใจจริง ๆ นี่คะค่าไอศกรีมหนึ่งพันบาทคงจะพอนะคะ”

อังศุมาลินวางเงินแรง ๆ ไว้ที่โต๊ะก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกมาเธอไม่คิดจะรอพ่อผู้ลากมากดีที่มีคนรู้จักเป็นคนวิเศษนั้นหรอก

“ขอตัวนะครับ”

พัฒนากรรีบวิ่งตามออกมา เพราะกลัวจะเดินตามอังศุมาลินไม่ทัน รู้ดีว่าเธอเดินเร็วแค่ไหน

“อิ้งรอเราด้วย”

“ตามมาทำไม”อังศุมาลินไม่คิดจะหยุด เดินริ้ว ๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงแสนรักหาย

“ก็เมียหนีก็ต้องตามเมียสิ อิ้งอย่าไปสนใจคุณแนนนี่เลยนะ เธอเรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กก็เลยพูดจาไม่ค่อยคิดน่ะ”

“แต่เราว่าเธอก็พูดถูกนะ”อังศุมาลินหยุดทันที พัฒนากรที่หยุดไม่ทันก็เลยต้องเดินถอยหลังกลับมา “ดูอิ้งสิ วันนี้อิ้งดูไม่ได้เลย แล้วดูพีมสิ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้านี่มันเทพบุตรชัด ๆ”

“สามีหล่อไม่ชอบเหรอ”

“เธอมันหล่อเกินไป”พูดแล้วก็ออกเดิน “เราก็เลยกลายเป็นยัยป้าแก่ ๆ”

“แก่ที่ไหน น่ารักดีออก”

พัฒนากรต้องออกแรงวิ่งตามอีกรอบ พร้อมกับยิ้มหวาน

“แต่ยังไงเราก็แก่กว่าเธอ”

อังศุมาลินหยุดเดินอีกครั้งพัฒนากรเลยต้องเดินถอยหลังมาอีก

“อิ้งแก่กว่าเรากี่เดือนเอง อีกไม่ถึงครึ่งเดือนเราก็อายุเท่าอิ้งแล้ว จริงสิปีใหม่ปีนี้บริษัทเราเขามีจัดเลี้ยงด้วย เราไปหาซื้อของขวัญกันนะ แล้วเราก็จะได้ไปด้วยกันเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มางานแต่งเรา เขาอยากเห็นอิ้งมากเลยนะ”

อังศุมาลินแอบถอนหายใจไอ้เรื่องเปลี่ยนเรื่องนี่มันจะถนัดไปถึงไหน

“วันที่เท่าไหร่ล่ะ”

“ยี่สิบแปด”

“ยี่สิบแปด”อังศุมาลินย้ำเสียงดัง พัฒนากรรีบจุ๊ปาก “วันนั้นที่สำนักพิมพ์ก็จัดเลี้ยงพวกเขายังให้เราชวนเธอเลย”

“เราไปไม่ได้หรอก แต่อิ้งก็น่าจะไปกับเราได้นะ”

“เราก็ไปกับเธอไม่ได้ เอาแบบนี้แล้วกันพวกเราก็แยกกันไป เธอก็ไปงานของเธอ เราก็ไปงานของเรา”

“อืมเอาแบบนั้นก็ได้”

ในที่สุดเขาและเธอก็ต้องแยกกันไปงานร่วมถึงต้องแยกกันไปซื้อของขวัญด้วย เพราะแน่นอนว่าสไตล์ของงานทั้งสองงานนั้นช่างต่างกันริบลับ จะให้ไปเลือกซื้อทีละคนเวลาก็ไม่มีแล้ว



แล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงปีใหม่ พัฒนากรแต่งตัวหรูหราอลังการขับรถมาส่งอังศุมาลินที่แต่งตัวเป็นคุณยายแก่มาที่สำนักพิมพ์

“แน่ใจนะว่าไม่ได้ประชดเรา”พัฒนากรถามเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน

“ก็ธีมงานคือนิทานอีสป แต่ละฝ่ายเขาก็ต้องแต่งเป็นตัวละครในนิทานหนึ่งเรื่อง ฝ่ายคุณปูจับได้เรื่องหนูน้อยหมวกแดง เราก็เลยต้องแต่งเป็นคุณยายของหนูน้อยหมวกแดง”

“แล้วพี่ปูล่ะ”

“บก.ของแต่ล่ะฝ่ายก็ต้องแต่งเป็นตัวเอกของนิทานเรื่องนั้นด้วย”

“หนูน้อยหมวกแดง”

“ช่าย เธอไปได้แล้วบ้ายบายจ๊ะ”พูดแล้วก็โน้มตัวไปหอมแก้ม ทำให้ลิปสติกสีน้ำหมากไปติดที่แก้มของพัฒนากร “ตอนมารับต้องเห็นนะ ถ้าลบล่ะก็อย่ามาคุยกันอีก”

อังศุมาลินทำเสียงขู่แล้วเดินลงจากรถมาจริง ๆ พร้อมกล่องของขวัญกล่องหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่ามันจะบังเอิญไปไหมที่ขนาดกล่องและกระดาษที่ห่อมันเหมือนกันมาก

พัฒนากรมองคนรอบข้างอังศุมาลินที่กำลังเดินเข้างานไปก็ล้วนแต่เหมือนหลุดมาจากนิทาน แต่เขาแอบแปลกใจอยู่นิดหนึ่งว่าอีสปแต่งเรื่องสังข์ทองด้วยรึเปล่า แล้วคุณยายของหนูน้อยหมวกแดงกินหมากด้วยหรือ



ที่งานเลี้ยงบริษัท MBST of Project’s ทุกคนในงานล้วนแต่งตัวหรูหราไม่ต่างจากพัฒนากร สาว ๆ ทั้งหลายก็จัดเต็มมากันแบบไม่ยั้ง

“ที่หน้านายมีอะไรติดอยู่น่ะ”เพื่อนร่วมงานของพัฒนากรเอ่ยถาม “สีอย่างกับน้ำหมาก”

“ลิปสติกเมียฉันเอง”เขากัดฟันตอบ

“เมียนายแก่ขนาดนั้นเชียว ฉันนึกว่าจะเป็นสาวรุ่นเสียอีก ฮา ๆ”

เพื่อนร่วมงานหัวเราะชอบใจ นาน ๆ ทีจะได้เหนือกว่าพ่อหนุ่มเพอร์เฟค

แล้วก็มาถึงเวลาจับของขวัญ ของขวัญทุกชินที่จับสลากกันล้วนแต่เป็นของที่มีราคาเหมาะกับงานนี้เหลือเกิน

“สวัสดีครับ”

แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทักพัฒนากร ชายหนุ่มรีบหันไปดูแล้วก็ต้องยกมือไหว้ รู้สึกเป็นบุญหัวแค่ไหนที่เขาคนนี้เดินเข้ามาทัก

“สวัสดีครับคุณปรเมตร คุณเนวดี เอ่อสุขสันต์วันปีใหม่นะครับ”

เขาสองคนก็คือลูกชายและลูกสะใภ้ของเจ้าของบริษัทที่กำลังจะขึ้นมารับตำแหน่งในอีกไม่ช้า

“เช่นกันคะคุณพีม พี่เพิ่งเห็นว่าที่หน้าคุณพีมมีรอยแปลก ๆ ใช่จากเธอคนนี้รึเปล่าคะ”

เนวดีบอกพร้อมส่งโทรศัพท์ให้พัฒนากรดู ซึ่งคนในรูปก็คืออังศุมาลินที่ใส่ชุดยายแก่ทำหน้าประหลาด ชี้ไปที่ปากที่เหมือนกินหมาก

“ครับ”พัฒนากรรับหน้าเจื่อน ก่อนจะต้องหันไปสนใจพิธีกรที่ประกาศชื่อเจ้าของกล่องของขวัญ ซึ่งก็คือเขา “ผมขอตัวนะครับ”

“เนวน่ะไปแหล่เขาทำไม เนวรู้ไหมพีมเนี่ยได้ชื่อว่าจอมเนี๊ยบของบริษัทเราเลยนะ”ปรเมตรแอบดุภรรยา

“เอ่อ...เนว่าคงไม่แล้วล่ะค่ะ ดูนั้นสิคะ”

เมื่อภรรยาชี้ให้ดูบนเวทีเขาก็เลยหันไปมอง ของขวัญที่พัฒนากรเอามาก็คือขวานเงิน ขวานทอง แล้วก็ขวานเก่า ๆ

“คุณพัฒนากรครับผมไม่ใช่คนหาฝืนนะครับ”

ลูกค้ารายใหญ่ที่จับของขวัญของพัฒนากรได้เอ่ยแซว ชายหนุ่มไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ภรรยาคนดีหยิบของขวัญผิดกล่องไปเสียแล้ว ไวน์องุ่นห้าสิบปีที่แพงริบจะต้องตกไปอยู่กับใครก็ไม่รู้

“เอ่อ...”ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ หรือเรียกว่าพูดไม่ออกนั้นเอง “ผมขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร ๆ ผมชอบ ฮา ๆ”

แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าคนนี้จะชอบเสียด้วยสิ โดยเฉพาะเมื่อได้อ่านโน้ตที่ติดมา

‘ขวานชนะอุปสรรค’


ส่วนอังศุมาลินนั้นก็ได้หน้าไม่แพ้กันเมื่อคนที่จับของขวัญของเธอได้ก็คือคุณอัตฐากรเจ้าของสำนักพิมพ์ ที่ได้ชื่อว่าชื่นชอบไวน์เป็นที่สุด

“ได้หน้าเต็ม ๆ เลยสิเรา”นันธิตายิ้มหน้าบาน “พี่ก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยขอบใจมากนะน้องรัก แต่ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

“ก็ไวน์ห้าสิบปีอะไรนั้นมันเป็นของพีมนะสิคะ ส่วนของขวัญของอิ้งคือขวานเงิน ขวานทอง แล้วก็ขวานไม้ แบบในเรื่องคนตัดฝืน ไม่รู้ว่าป่านนี้พีมจะเป็นยังไงบ้าง กลับไปคงได้ทะเลาะกันแน่ ๆ รายนั้นเขายิ่งไม่มีที่ติดอยู่ด้วย”อังศุมาลินทำหน้าเหมือนโลกใกล้แตก

นันธิตาหัวเราะร่วนอย่างช่วยไม่ได้ เพิ่งจะเคยเห็นลูกน้องคนเก่งจะเป็นจะตายก็งานนี้ ไม่สิเธอต้องบอกว่า นับตั้งแต่ที่พัฒนากรเข้ามาในชีวิตอังศุมาลินเธอก็จะเป็นจะตายแบบนี้ให้เห็นบ่อย ๆ



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2556, 08:25:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2556, 08:25:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1142





<< 14 แต่งงาน   16 มันเกิดอะไรกับความสัมพันธ์ของเรา (วะ) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account