จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย
ตอน: 15 หัวใจที่แตกต่าง
15 หัวใจที่แตกต่าง
วันแรก ๆ ของการแต่งงานผ่านไปด้วยดี แม้ว่างานของทั้งสองคนจะรัดตัวแต่ก็ยังพอหาเวลามาเจอกันได้บาง อย่างเช่นวันนี้ที่สามีภรรยาได้มานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน
“วันนั้นน่ะ”
แต่แล้วจู่ ๆ อังศุมาลินก็พูดอะไรบางอย่างออกมา พัฒนากรที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากเลยต้องวางช้อนลง เพราะมันเป็นมารยาท
“อะไรครับ”
“ที่เราสองคนอยู่บนเวที”
พัฒนากรเริ่มจะงง อังศุมาลินวันนี้ดูเครียดกว่าปกติ เธอเองก็ไม่อยากลื้อฟื้นหรอก แต่มันก็ยังอดนึกถึงภาพวันนั้นไม่ได้สายตานั้นที่สามีเธอมองแฟนเก่ามันดูมีเยื่อใยอย่างบอกไม่ถูก
“เราเห็นแฟนเก่าเธอเอาช่อดอกไม้เดินเข้ามาในงาน”
“แล้วไงล่ะครับ”
“พี่เบบี้ดูยังรักเธออยู่ ที่เราพูดเราไม่ได้จะชวนเธอทะเลาะนะ แต่เราไม่สบายใจที่เห็นเธอต้องติดต่อกับพี่เบบี้ อีกนานไหมกว่าเรื่องนี้จะจบไปจริง ๆ สักที”
“มันก็จบไปจริง ๆ แล้วไงครับ อิ้งอย่าคิดมากสิ”พัฒนากรรีบลุกจากที่นั่งมากอดอังศุมาลินไว้ “เพื่อความสบายใจวันนี้เราว่าทั้งวันเราไปดูหนังกันไหม เรื่องไหนดี หนังตลกก็ดีนะ หรือจะหนังผีที่อิ้งชอบดี ช่วงนี้มีหนังผีเข้าหลายเรื่องเลยนะ”
อังศุมาลินหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้งพร้อมหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมา
“รู้ดีจังนะ ไปดูเรื่องอะไรมาแล้วล่ะ หนังรักใช่ไหม”อังศุมาลินพูดด้วยน้ำเสียงเน้นทุกคำ
“อิ้งพูดอะไร เราจะไปดูกับใคร”พัฒนากรยังคงยิ้มได้ แต่จะมีใครรู้ไหมว่าในใจเขาคิดอะไร
อังศุมาลินลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มาส่งให้พัฒนากรดู
“ศรินทำงานอยู่ที่ชล วันที่พีมไปดูหนังศรินก็ไปพอดี แล้วก็เลยถ่ายรูปนี้ส่งมาให้เรา หรือจะดูวีดีโอก็มีนะ คนในรูปนี้หวานกันน่าดู คุณจ้อนอะไรนั้นคงเป็นคนใจกว้างน่าดู”
ภาพที่อังศุมาลินมีก็คือพัฒนากรกับบรรณิตาเดินควงกันไปดูหนัง
“ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ เรารอฟังอยู่นะ”
“จะให้เราพูดอะไร ก็ในเมื่ออิ้งก็เห็นก็รู้หมดแล้ว”
“รู้ไหมเรารอให้เธอเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังอยู่นาน แต่มันก็เหมือนเธอไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดจะบอกเรา”
แววตาและน้ำเสียงที่อังศุมาลินใช้ พัฒนากรรู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังเจ็บปวด ก็เพราะรู้ไงว่าบอกแล้วอิ้งจะเป็นแบบนี้
“เราไม่เคยรู้ใจเธอเลยพีม เราไม่เคยรู้ใจเธอเลย ตั้งแต่ที่เราแอบชอบเธอจนถึงตอนนี้ คนที่วิ่งตามอยู่ตลอดก็ยังเป็นเรา เป็นเราเสมอ”
อังศุมาลินทรุดตัวลงร้องไห้ลงกับพื้น พัฒนากรนั่งลงไปข้าง ๆ แล้วกอดเธอไว้
“เราไม่เคยทำให้อิ้งเชื่อใจเราได้เลยเหรอ คำสัญญาของเราอิ้งไม่เคยเชื่อมันเลยเหรอ ที่ไม่เล่าก็เพราะไม่อยากให้เสียใจ จริง ๆ แล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดของเบบี้ เราเคยสัญญากับเธอไว้อย่างหนึ่งว่าจะยอมทำตามคำสั่งเธอ เธอก็เลยขอให้เราช่วยทำเป็นรักเธอหนึ่งวัน”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกกันบ้าง ไหนสัญญาว่าเราจะเป็นคนคนเดียวกัน”
อังศุมาลินเงยหน้าขึ้นมามองในตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอ เธออยากรู้นักว่าในนั้นจะมีอะไรซ้อนเธออยู่อีกไหม แต่แล้วเธอก็ต้องหลับตาเมื่อสามีที่เธอหลงรักมานานปีก้มลงมาจูบปากเธออย่างดูดดื่ม
“ของไถ่โทษเมียก่อนนะที่ทำให้ร้องไห้”
ใครหลายคนเคยบอกว่าถ้ามากับแฟนนั้น การดูหนังผีคือสิ่งที่ดีที่สุดคงจะจริง เพราะอังศุมาลินแอบมองไปรอบตัวเห็นคู่รักหลายคู่กอดกันกลมเวลาที่มีฉากน่ากลัว ส่วนถ้าใครมาคนเดียวก็เอามือปิดตาตัวเอง แต่เอ่อ...พัฒนากรตอนนี้เขากำลังปิดตาตัวเองมิดตลอดตั้งแต่หนังเริ่มฉาย โดยไม่สนใจภรรยาสุดสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลย
ผิดกับอังศุมาลินที่แค่มีตกใจนิดหน่อยเวลาผีโผล่มา ร้องดังที่สุดก็แค่
“อุ๊ย!”
ส่วนพัฒนากรก็คือ
“อ๊ากกกกกกกก”
อังศุมาลินแอบโมโหเล็กน้อยที่ชายหนุ่มดันซื้อตั๋วแบบสามมิติที่แพงกว่าระบบธรรมดาแต่เขาแทบไม่ได้ดู
“พีมเอามือลงได้แล้วหนังจบแล้ว”อังศุมาลินกระซิบ พัฒนากรรีบเอามือลงช้า ๆ มองซ้ายมองขวา “เป็นแบบนี้ตลอดเลยแล้วจะชวนเรามาดูทำไม ไปได้แล้วค่ะคนออกไปหมดแล้ว”
อังศุมาลินบ่นยาวแล้วเดินนำออกไป พัฒนากรยิ้มแห้งพนังงานสาว ๆ สองสามคนที่ยืนอยู่พากันหัวเราะคิกคักให้กันอาการเหงื่อท่วมตัวของคนหล่อ
“พีมเราไปกินไอติมในร้านนั้นดีกว่าคนไม่เยอะดี”
อังศุมาลินชี้ให้พัฒนากรดูร้านไอศกรีมที่ดูอบอุ่นแต่กลับมีคนนั่งอยู่สองสามคน ชายหนุ่มส่ายหน้า
“คนน้อยแล้วจะอร่อยเหรอ ไปร้านตรงชั้นสองดีกว่าร้านนี้เขาดังด้วยนะ”
“พีมก็ไปเองแล้วกัน เรากินร้านนี้แหละ”
พูดจบก็เดินเข้าไปในร้านทันทีพร้อมสั่งเมนูที่เธอชอบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
“ขอโทษทีนะคะ เปลี่ยนเป็นสตรอเบอร์รีค่ะ”
“เชิญนั่งรอที่โต๊ะได้เลยค่ะ”
“อิ้งสั่งเผื่อเรารึเปล่า”พัฒนากรที่เพิ่งเดินตามเข้ามารีบวิ่งมาถาม อังศุมาลินไม่ตอบเดินเลยไปที่โต๊ะ ชายหนุ่มก็เลยเดินมาที่เคาร์เตอร์ “คุณผู้หญิงคนเมื่อกี้สั่งอะไรไปครับ”
“สตรอเบอร์รีบิ๊กเลิฟค่ะ”
“อ๋อครับ”พัฒนากรยิ้มให้กับพนักงานแล้วเดินมาหอมแก้มอังศุมาลิน “ขอบคุณครับที่รัก”
“เราเองก็ชอบเหมือนกัน ที่สั่งแก้วใหญ่เพราะเดี๋ยวเราไม่อิ่ม”
อังศุมาลินแกล้งไม่มองหน้าไม่สนใจ แต่พัฒนากรก็รู้ว่าเธอเอาใจใส่เขาทุกอย่างอยู่แล้ว เขาเลยตั้งใจจะลุกไปหอมแก้มอีกสักทีแต่แล้วด้วยความที่ไม่ได้มองก็เลยไปชนเข้ากับแขกที่เพิ่งเดินเข้าร้าน
“ขอโทษครับ”
“เดินยังไงของคุณเนี่ย อ้าว”ท่าทางฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นในตอนแรกหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานของเจ้าของใบหน้าและรูปร่างสวย ๆ นั้น “จำแนนนี่ได้ไหมคะ”
“แนนนี่เอ่อผมจำไม่ได้ครับ”
“แนนนี่เป็นลูกของคุณชัชวินยังไงล่ะคะ เมื่อต้นปีคุณไปเป็นวิศวกรให้โครงการของเราไง”
“อ๋อ...จำได้แล้วครับ วันนี้มาทำอะไรครับเนี่ย”พัฒนากรยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อจำหญิงสาวตรงหน้าได้
“นี่ร้านของแนนนี่เองคะ สวยไหมคะ”
“ครับสวยดี คุณแนนนี่นี่เก่งนะครับ”
“แหมชมกันแบบนี้แนนนี่คงต้องเลี้ยงคุณสักครั้งแล้วล่ะคะ”แนนนี่ทำท่าเขินอายแล้วตีที่ไหล่ของพัฒนากรเบา ๆ
“เชิญคุณนั่งก่อนสิคะ”อังศุมาลินลุกจากที่นั่งเพื่อแสดงตัว เธอสังเกตเห็นแม่แนนนี่อะไรนี่ตั้งแต่เธอเดินอยู่ที่หน้าร้านแล้ว หล่อนตั้งใจเดินมาชนสามีเธอชัด ๆ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ ไม่ใช่แฟนคุณที่แนนนี่เคยเห็นนี่หนา”แนนนี่ทำหน้าแปลกใจ
“คนนี้คือภรรยาผมครับ เราแต่งงงานกันมาระยะหนึ่งแล้ว”
“แนนนี่ก็นึกว่าป้าแก่ ๆ ที่ไหนเสียอีก เธอดูเฉิ่มและเชยมาก แฟนเก่าคุณสวยกว่ามากนะคะ”
เกิดอาการเหวอกับอังศุมาลินอย่างไม่ทันตั้งตัว มีแต่คนชมเธอว่าสวยน่ารักตลอดเพิ่งเคยมีคนด่าเธอแรง ๆ ตรง ๆ แบบนี้นี่แหล่ะ
อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เธอไม่ได้มีเวลาแต่งตัวก่อนจะออกจากบ้านมากนัก เธอเลยได้แต่ใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืด รองเท้าแตะ ที่ทั้งตัวรวมกันยังไม่ถึงห้าร้อย แม้แต่แว่นตาก็ดันหยิบผิดเป็นอันเก่าที่ถูกมากเหมือนได้ฟรีมาอีก ผิดกับแม่แนนนี่ที่ทั้งตัวรวมกันคงร่วมแสน
“เอ่อ...วันนี้เรามาเที่ยวกันเฉย ๆ นะครับ อิ้งเธอเลยแต่งตัวสบาย ๆ”
“ท่าทางจะสบายเกินไปหน่อยนะคะ เล่นเอาร้านของแนนนี่ด้อยราคาไปเลย”
กึก อะไรกันนี่อังศุมาลินโดนด่าสองครั้งพร้อมกันในเวลาที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนาที
“ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ ถึงว่าร้านคุณเหมาะกับลูกค้าไฮโซ ลูกค้าผู้ดีนี่เอง ถึงมีคนมารับประทานกันไม่กี่คน เพราะคนทั่ว ๆ ไปคงจะกลัวท้องเสีย...ฉันหมายถึงท้องพวกเขาจะกลายเป็นท้องวิเศษนะค่ะ ฉันคงจะต้องขอตัวออกจากร้านคุณก่อนนะคะ เพราะฉันละอายใจจริง ๆ นี่คะค่าไอศกรีมหนึ่งพันบาทคงจะพอนะคะ”
อังศุมาลินวางเงินแรง ๆ ไว้ที่โต๊ะก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกมาเธอไม่คิดจะรอพ่อผู้ลากมากดีที่มีคนรู้จักเป็นคนวิเศษนั้นหรอก
“ขอตัวนะครับ”
พัฒนากรรีบวิ่งตามออกมา เพราะกลัวจะเดินตามอังศุมาลินไม่ทัน รู้ดีว่าเธอเดินเร็วแค่ไหน
“อิ้งรอเราด้วย”
“ตามมาทำไม”อังศุมาลินไม่คิดจะหยุด เดินริ้ว ๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงแสนรักหาย
“ก็เมียหนีก็ต้องตามเมียสิ อิ้งอย่าไปสนใจคุณแนนนี่เลยนะ เธอเรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กก็เลยพูดจาไม่ค่อยคิดน่ะ”
“แต่เราว่าเธอก็พูดถูกนะ”อังศุมาลินหยุดทันที พัฒนากรที่หยุดไม่ทันก็เลยต้องเดินถอยหลังกลับมา “ดูอิ้งสิ วันนี้อิ้งดูไม่ได้เลย แล้วดูพีมสิ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้านี่มันเทพบุตรชัด ๆ”
“สามีหล่อไม่ชอบเหรอ”
“เธอมันหล่อเกินไป”พูดแล้วก็ออกเดิน “เราก็เลยกลายเป็นยัยป้าแก่ ๆ”
“แก่ที่ไหน น่ารักดีออก”
พัฒนากรต้องออกแรงวิ่งตามอีกรอบ พร้อมกับยิ้มหวาน
“แต่ยังไงเราก็แก่กว่าเธอ”
อังศุมาลินหยุดเดินอีกครั้งพัฒนากรเลยต้องเดินถอยหลังมาอีก
“อิ้งแก่กว่าเรากี่เดือนเอง อีกไม่ถึงครึ่งเดือนเราก็อายุเท่าอิ้งแล้ว จริงสิปีใหม่ปีนี้บริษัทเราเขามีจัดเลี้ยงด้วย เราไปหาซื้อของขวัญกันนะ แล้วเราก็จะได้ไปด้วยกันเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มางานแต่งเรา เขาอยากเห็นอิ้งมากเลยนะ”
อังศุมาลินแอบถอนหายใจไอ้เรื่องเปลี่ยนเรื่องนี่มันจะถนัดไปถึงไหน
“วันที่เท่าไหร่ล่ะ”
“ยี่สิบแปด”
“ยี่สิบแปด”อังศุมาลินย้ำเสียงดัง พัฒนากรรีบจุ๊ปาก “วันนั้นที่สำนักพิมพ์ก็จัดเลี้ยงพวกเขายังให้เราชวนเธอเลย”
“เราไปไม่ได้หรอก แต่อิ้งก็น่าจะไปกับเราได้นะ”
“เราก็ไปกับเธอไม่ได้ เอาแบบนี้แล้วกันพวกเราก็แยกกันไป เธอก็ไปงานของเธอ เราก็ไปงานของเรา”
“อืมเอาแบบนั้นก็ได้”
ในที่สุดเขาและเธอก็ต้องแยกกันไปงานร่วมถึงต้องแยกกันไปซื้อของขวัญด้วย เพราะแน่นอนว่าสไตล์ของงานทั้งสองงานนั้นช่างต่างกันริบลับ จะให้ไปเลือกซื้อทีละคนเวลาก็ไม่มีแล้ว
แล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงปีใหม่ พัฒนากรแต่งตัวหรูหราอลังการขับรถมาส่งอังศุมาลินที่แต่งตัวเป็นคุณยายแก่มาที่สำนักพิมพ์
“แน่ใจนะว่าไม่ได้ประชดเรา”พัฒนากรถามเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน
“ก็ธีมงานคือนิทานอีสป แต่ละฝ่ายเขาก็ต้องแต่งเป็นตัวละครในนิทานหนึ่งเรื่อง ฝ่ายคุณปูจับได้เรื่องหนูน้อยหมวกแดง เราก็เลยต้องแต่งเป็นคุณยายของหนูน้อยหมวกแดง”
“แล้วพี่ปูล่ะ”
“บก.ของแต่ล่ะฝ่ายก็ต้องแต่งเป็นตัวเอกของนิทานเรื่องนั้นด้วย”
“หนูน้อยหมวกแดง”
“ช่าย เธอไปได้แล้วบ้ายบายจ๊ะ”พูดแล้วก็โน้มตัวไปหอมแก้ม ทำให้ลิปสติกสีน้ำหมากไปติดที่แก้มของพัฒนากร “ตอนมารับต้องเห็นนะ ถ้าลบล่ะก็อย่ามาคุยกันอีก”
อังศุมาลินทำเสียงขู่แล้วเดินลงจากรถมาจริง ๆ พร้อมกล่องของขวัญกล่องหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่ามันจะบังเอิญไปไหมที่ขนาดกล่องและกระดาษที่ห่อมันเหมือนกันมาก
พัฒนากรมองคนรอบข้างอังศุมาลินที่กำลังเดินเข้างานไปก็ล้วนแต่เหมือนหลุดมาจากนิทาน แต่เขาแอบแปลกใจอยู่นิดหนึ่งว่าอีสปแต่งเรื่องสังข์ทองด้วยรึเปล่า แล้วคุณยายของหนูน้อยหมวกแดงกินหมากด้วยหรือ
ที่งานเลี้ยงบริษัท MBST of Project’s ทุกคนในงานล้วนแต่งตัวหรูหราไม่ต่างจากพัฒนากร สาว ๆ ทั้งหลายก็จัดเต็มมากันแบบไม่ยั้ง
“ที่หน้านายมีอะไรติดอยู่น่ะ”เพื่อนร่วมงานของพัฒนากรเอ่ยถาม “สีอย่างกับน้ำหมาก”
“ลิปสติกเมียฉันเอง”เขากัดฟันตอบ
“เมียนายแก่ขนาดนั้นเชียว ฉันนึกว่าจะเป็นสาวรุ่นเสียอีก ฮา ๆ”
เพื่อนร่วมงานหัวเราะชอบใจ นาน ๆ ทีจะได้เหนือกว่าพ่อหนุ่มเพอร์เฟค
แล้วก็มาถึงเวลาจับของขวัญ ของขวัญทุกชินที่จับสลากกันล้วนแต่เป็นของที่มีราคาเหมาะกับงานนี้เหลือเกิน
“สวัสดีครับ”
แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทักพัฒนากร ชายหนุ่มรีบหันไปดูแล้วก็ต้องยกมือไหว้ รู้สึกเป็นบุญหัวแค่ไหนที่เขาคนนี้เดินเข้ามาทัก
“สวัสดีครับคุณปรเมตร คุณเนวดี เอ่อสุขสันต์วันปีใหม่นะครับ”
เขาสองคนก็คือลูกชายและลูกสะใภ้ของเจ้าของบริษัทที่กำลังจะขึ้นมารับตำแหน่งในอีกไม่ช้า
“เช่นกันคะคุณพีม พี่เพิ่งเห็นว่าที่หน้าคุณพีมมีรอยแปลก ๆ ใช่จากเธอคนนี้รึเปล่าคะ”
เนวดีบอกพร้อมส่งโทรศัพท์ให้พัฒนากรดู ซึ่งคนในรูปก็คืออังศุมาลินที่ใส่ชุดยายแก่ทำหน้าประหลาด ชี้ไปที่ปากที่เหมือนกินหมาก
“ครับ”พัฒนากรรับหน้าเจื่อน ก่อนจะต้องหันไปสนใจพิธีกรที่ประกาศชื่อเจ้าของกล่องของขวัญ ซึ่งก็คือเขา “ผมขอตัวนะครับ”
“เนวน่ะไปแหล่เขาทำไม เนวรู้ไหมพีมเนี่ยได้ชื่อว่าจอมเนี๊ยบของบริษัทเราเลยนะ”ปรเมตรแอบดุภรรยา
“เอ่อ...เนว่าคงไม่แล้วล่ะค่ะ ดูนั้นสิคะ”
เมื่อภรรยาชี้ให้ดูบนเวทีเขาก็เลยหันไปมอง ของขวัญที่พัฒนากรเอามาก็คือขวานเงิน ขวานทอง แล้วก็ขวานเก่า ๆ
“คุณพัฒนากรครับผมไม่ใช่คนหาฝืนนะครับ”
ลูกค้ารายใหญ่ที่จับของขวัญของพัฒนากรได้เอ่ยแซว ชายหนุ่มไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ภรรยาคนดีหยิบของขวัญผิดกล่องไปเสียแล้ว ไวน์องุ่นห้าสิบปีที่แพงริบจะต้องตกไปอยู่กับใครก็ไม่รู้
“เอ่อ...”ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ หรือเรียกว่าพูดไม่ออกนั้นเอง “ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร ๆ ผมชอบ ฮา ๆ”
แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าคนนี้จะชอบเสียด้วยสิ โดยเฉพาะเมื่อได้อ่านโน้ตที่ติดมา
‘ขวานชนะอุปสรรค’
ส่วนอังศุมาลินนั้นก็ได้หน้าไม่แพ้กันเมื่อคนที่จับของขวัญของเธอได้ก็คือคุณอัตฐากรเจ้าของสำนักพิมพ์ ที่ได้ชื่อว่าชื่นชอบไวน์เป็นที่สุด
“ได้หน้าเต็ม ๆ เลยสิเรา”นันธิตายิ้มหน้าบาน “พี่ก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยขอบใจมากนะน้องรัก แต่ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ก็ไวน์ห้าสิบปีอะไรนั้นมันเป็นของพีมนะสิคะ ส่วนของขวัญของอิ้งคือขวานเงิน ขวานทอง แล้วก็ขวานไม้ แบบในเรื่องคนตัดฝืน ไม่รู้ว่าป่านนี้พีมจะเป็นยังไงบ้าง กลับไปคงได้ทะเลาะกันแน่ ๆ รายนั้นเขายิ่งไม่มีที่ติดอยู่ด้วย”อังศุมาลินทำหน้าเหมือนโลกใกล้แตก
นันธิตาหัวเราะร่วนอย่างช่วยไม่ได้ เพิ่งจะเคยเห็นลูกน้องคนเก่งจะเป็นจะตายก็งานนี้ ไม่สิเธอต้องบอกว่า นับตั้งแต่ที่พัฒนากรเข้ามาในชีวิตอังศุมาลินเธอก็จะเป็นจะตายแบบนี้ให้เห็นบ่อย ๆ
วันแรก ๆ ของการแต่งงานผ่านไปด้วยดี แม้ว่างานของทั้งสองคนจะรัดตัวแต่ก็ยังพอหาเวลามาเจอกันได้บาง อย่างเช่นวันนี้ที่สามีภรรยาได้มานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน
“วันนั้นน่ะ”
แต่แล้วจู่ ๆ อังศุมาลินก็พูดอะไรบางอย่างออกมา พัฒนากรที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากเลยต้องวางช้อนลง เพราะมันเป็นมารยาท
“อะไรครับ”
“ที่เราสองคนอยู่บนเวที”
พัฒนากรเริ่มจะงง อังศุมาลินวันนี้ดูเครียดกว่าปกติ เธอเองก็ไม่อยากลื้อฟื้นหรอก แต่มันก็ยังอดนึกถึงภาพวันนั้นไม่ได้สายตานั้นที่สามีเธอมองแฟนเก่ามันดูมีเยื่อใยอย่างบอกไม่ถูก
“เราเห็นแฟนเก่าเธอเอาช่อดอกไม้เดินเข้ามาในงาน”
“แล้วไงล่ะครับ”
“พี่เบบี้ดูยังรักเธออยู่ ที่เราพูดเราไม่ได้จะชวนเธอทะเลาะนะ แต่เราไม่สบายใจที่เห็นเธอต้องติดต่อกับพี่เบบี้ อีกนานไหมกว่าเรื่องนี้จะจบไปจริง ๆ สักที”
“มันก็จบไปจริง ๆ แล้วไงครับ อิ้งอย่าคิดมากสิ”พัฒนากรรีบลุกจากที่นั่งมากอดอังศุมาลินไว้ “เพื่อความสบายใจวันนี้เราว่าทั้งวันเราไปดูหนังกันไหม เรื่องไหนดี หนังตลกก็ดีนะ หรือจะหนังผีที่อิ้งชอบดี ช่วงนี้มีหนังผีเข้าหลายเรื่องเลยนะ”
อังศุมาลินหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้งพร้อมหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมา
“รู้ดีจังนะ ไปดูเรื่องอะไรมาแล้วล่ะ หนังรักใช่ไหม”อังศุมาลินพูดด้วยน้ำเสียงเน้นทุกคำ
“อิ้งพูดอะไร เราจะไปดูกับใคร”พัฒนากรยังคงยิ้มได้ แต่จะมีใครรู้ไหมว่าในใจเขาคิดอะไร
อังศุมาลินลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มาส่งให้พัฒนากรดู
“ศรินทำงานอยู่ที่ชล วันที่พีมไปดูหนังศรินก็ไปพอดี แล้วก็เลยถ่ายรูปนี้ส่งมาให้เรา หรือจะดูวีดีโอก็มีนะ คนในรูปนี้หวานกันน่าดู คุณจ้อนอะไรนั้นคงเป็นคนใจกว้างน่าดู”
ภาพที่อังศุมาลินมีก็คือพัฒนากรกับบรรณิตาเดินควงกันไปดูหนัง
“ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ เรารอฟังอยู่นะ”
“จะให้เราพูดอะไร ก็ในเมื่ออิ้งก็เห็นก็รู้หมดแล้ว”
“รู้ไหมเรารอให้เธอเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังอยู่นาน แต่มันก็เหมือนเธอไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดจะบอกเรา”
แววตาและน้ำเสียงที่อังศุมาลินใช้ พัฒนากรรู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังเจ็บปวด ก็เพราะรู้ไงว่าบอกแล้วอิ้งจะเป็นแบบนี้
“เราไม่เคยรู้ใจเธอเลยพีม เราไม่เคยรู้ใจเธอเลย ตั้งแต่ที่เราแอบชอบเธอจนถึงตอนนี้ คนที่วิ่งตามอยู่ตลอดก็ยังเป็นเรา เป็นเราเสมอ”
อังศุมาลินทรุดตัวลงร้องไห้ลงกับพื้น พัฒนากรนั่งลงไปข้าง ๆ แล้วกอดเธอไว้
“เราไม่เคยทำให้อิ้งเชื่อใจเราได้เลยเหรอ คำสัญญาของเราอิ้งไม่เคยเชื่อมันเลยเหรอ ที่ไม่เล่าก็เพราะไม่อยากให้เสียใจ จริง ๆ แล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดของเบบี้ เราเคยสัญญากับเธอไว้อย่างหนึ่งว่าจะยอมทำตามคำสั่งเธอ เธอก็เลยขอให้เราช่วยทำเป็นรักเธอหนึ่งวัน”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกกันบ้าง ไหนสัญญาว่าเราจะเป็นคนคนเดียวกัน”
อังศุมาลินเงยหน้าขึ้นมามองในตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอ เธออยากรู้นักว่าในนั้นจะมีอะไรซ้อนเธออยู่อีกไหม แต่แล้วเธอก็ต้องหลับตาเมื่อสามีที่เธอหลงรักมานานปีก้มลงมาจูบปากเธออย่างดูดดื่ม
“ของไถ่โทษเมียก่อนนะที่ทำให้ร้องไห้”
ใครหลายคนเคยบอกว่าถ้ามากับแฟนนั้น การดูหนังผีคือสิ่งที่ดีที่สุดคงจะจริง เพราะอังศุมาลินแอบมองไปรอบตัวเห็นคู่รักหลายคู่กอดกันกลมเวลาที่มีฉากน่ากลัว ส่วนถ้าใครมาคนเดียวก็เอามือปิดตาตัวเอง แต่เอ่อ...พัฒนากรตอนนี้เขากำลังปิดตาตัวเองมิดตลอดตั้งแต่หนังเริ่มฉาย โดยไม่สนใจภรรยาสุดสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลย
ผิดกับอังศุมาลินที่แค่มีตกใจนิดหน่อยเวลาผีโผล่มา ร้องดังที่สุดก็แค่
“อุ๊ย!”
ส่วนพัฒนากรก็คือ
“อ๊ากกกกกกกก”
อังศุมาลินแอบโมโหเล็กน้อยที่ชายหนุ่มดันซื้อตั๋วแบบสามมิติที่แพงกว่าระบบธรรมดาแต่เขาแทบไม่ได้ดู
“พีมเอามือลงได้แล้วหนังจบแล้ว”อังศุมาลินกระซิบ พัฒนากรรีบเอามือลงช้า ๆ มองซ้ายมองขวา “เป็นแบบนี้ตลอดเลยแล้วจะชวนเรามาดูทำไม ไปได้แล้วค่ะคนออกไปหมดแล้ว”
อังศุมาลินบ่นยาวแล้วเดินนำออกไป พัฒนากรยิ้มแห้งพนังงานสาว ๆ สองสามคนที่ยืนอยู่พากันหัวเราะคิกคักให้กันอาการเหงื่อท่วมตัวของคนหล่อ
“พีมเราไปกินไอติมในร้านนั้นดีกว่าคนไม่เยอะดี”
อังศุมาลินชี้ให้พัฒนากรดูร้านไอศกรีมที่ดูอบอุ่นแต่กลับมีคนนั่งอยู่สองสามคน ชายหนุ่มส่ายหน้า
“คนน้อยแล้วจะอร่อยเหรอ ไปร้านตรงชั้นสองดีกว่าร้านนี้เขาดังด้วยนะ”
“พีมก็ไปเองแล้วกัน เรากินร้านนี้แหละ”
พูดจบก็เดินเข้าไปในร้านทันทีพร้อมสั่งเมนูที่เธอชอบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
“ขอโทษทีนะคะ เปลี่ยนเป็นสตรอเบอร์รีค่ะ”
“เชิญนั่งรอที่โต๊ะได้เลยค่ะ”
“อิ้งสั่งเผื่อเรารึเปล่า”พัฒนากรที่เพิ่งเดินตามเข้ามารีบวิ่งมาถาม อังศุมาลินไม่ตอบเดินเลยไปที่โต๊ะ ชายหนุ่มก็เลยเดินมาที่เคาร์เตอร์ “คุณผู้หญิงคนเมื่อกี้สั่งอะไรไปครับ”
“สตรอเบอร์รีบิ๊กเลิฟค่ะ”
“อ๋อครับ”พัฒนากรยิ้มให้กับพนักงานแล้วเดินมาหอมแก้มอังศุมาลิน “ขอบคุณครับที่รัก”
“เราเองก็ชอบเหมือนกัน ที่สั่งแก้วใหญ่เพราะเดี๋ยวเราไม่อิ่ม”
อังศุมาลินแกล้งไม่มองหน้าไม่สนใจ แต่พัฒนากรก็รู้ว่าเธอเอาใจใส่เขาทุกอย่างอยู่แล้ว เขาเลยตั้งใจจะลุกไปหอมแก้มอีกสักทีแต่แล้วด้วยความที่ไม่ได้มองก็เลยไปชนเข้ากับแขกที่เพิ่งเดินเข้าร้าน
“ขอโทษครับ”
“เดินยังไงของคุณเนี่ย อ้าว”ท่าทางฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นในตอนแรกหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานของเจ้าของใบหน้าและรูปร่างสวย ๆ นั้น “จำแนนนี่ได้ไหมคะ”
“แนนนี่เอ่อผมจำไม่ได้ครับ”
“แนนนี่เป็นลูกของคุณชัชวินยังไงล่ะคะ เมื่อต้นปีคุณไปเป็นวิศวกรให้โครงการของเราไง”
“อ๋อ...จำได้แล้วครับ วันนี้มาทำอะไรครับเนี่ย”พัฒนากรยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อจำหญิงสาวตรงหน้าได้
“นี่ร้านของแนนนี่เองคะ สวยไหมคะ”
“ครับสวยดี คุณแนนนี่นี่เก่งนะครับ”
“แหมชมกันแบบนี้แนนนี่คงต้องเลี้ยงคุณสักครั้งแล้วล่ะคะ”แนนนี่ทำท่าเขินอายแล้วตีที่ไหล่ของพัฒนากรเบา ๆ
“เชิญคุณนั่งก่อนสิคะ”อังศุมาลินลุกจากที่นั่งเพื่อแสดงตัว เธอสังเกตเห็นแม่แนนนี่อะไรนี่ตั้งแต่เธอเดินอยู่ที่หน้าร้านแล้ว หล่อนตั้งใจเดินมาชนสามีเธอชัด ๆ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ ไม่ใช่แฟนคุณที่แนนนี่เคยเห็นนี่หนา”แนนนี่ทำหน้าแปลกใจ
“คนนี้คือภรรยาผมครับ เราแต่งงงานกันมาระยะหนึ่งแล้ว”
“แนนนี่ก็นึกว่าป้าแก่ ๆ ที่ไหนเสียอีก เธอดูเฉิ่มและเชยมาก แฟนเก่าคุณสวยกว่ามากนะคะ”
เกิดอาการเหวอกับอังศุมาลินอย่างไม่ทันตั้งตัว มีแต่คนชมเธอว่าสวยน่ารักตลอดเพิ่งเคยมีคนด่าเธอแรง ๆ ตรง ๆ แบบนี้นี่แหล่ะ
อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เธอไม่ได้มีเวลาแต่งตัวก่อนจะออกจากบ้านมากนัก เธอเลยได้แต่ใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืด รองเท้าแตะ ที่ทั้งตัวรวมกันยังไม่ถึงห้าร้อย แม้แต่แว่นตาก็ดันหยิบผิดเป็นอันเก่าที่ถูกมากเหมือนได้ฟรีมาอีก ผิดกับแม่แนนนี่ที่ทั้งตัวรวมกันคงร่วมแสน
“เอ่อ...วันนี้เรามาเที่ยวกันเฉย ๆ นะครับ อิ้งเธอเลยแต่งตัวสบาย ๆ”
“ท่าทางจะสบายเกินไปหน่อยนะคะ เล่นเอาร้านของแนนนี่ด้อยราคาไปเลย”
กึก อะไรกันนี่อังศุมาลินโดนด่าสองครั้งพร้อมกันในเวลาที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนาที
“ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ ถึงว่าร้านคุณเหมาะกับลูกค้าไฮโซ ลูกค้าผู้ดีนี่เอง ถึงมีคนมารับประทานกันไม่กี่คน เพราะคนทั่ว ๆ ไปคงจะกลัวท้องเสีย...ฉันหมายถึงท้องพวกเขาจะกลายเป็นท้องวิเศษนะค่ะ ฉันคงจะต้องขอตัวออกจากร้านคุณก่อนนะคะ เพราะฉันละอายใจจริง ๆ นี่คะค่าไอศกรีมหนึ่งพันบาทคงจะพอนะคะ”
อังศุมาลินวางเงินแรง ๆ ไว้ที่โต๊ะก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกมาเธอไม่คิดจะรอพ่อผู้ลากมากดีที่มีคนรู้จักเป็นคนวิเศษนั้นหรอก
“ขอตัวนะครับ”
พัฒนากรรีบวิ่งตามออกมา เพราะกลัวจะเดินตามอังศุมาลินไม่ทัน รู้ดีว่าเธอเดินเร็วแค่ไหน
“อิ้งรอเราด้วย”
“ตามมาทำไม”อังศุมาลินไม่คิดจะหยุด เดินริ้ว ๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงแสนรักหาย
“ก็เมียหนีก็ต้องตามเมียสิ อิ้งอย่าไปสนใจคุณแนนนี่เลยนะ เธอเรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กก็เลยพูดจาไม่ค่อยคิดน่ะ”
“แต่เราว่าเธอก็พูดถูกนะ”อังศุมาลินหยุดทันที พัฒนากรที่หยุดไม่ทันก็เลยต้องเดินถอยหลังกลับมา “ดูอิ้งสิ วันนี้อิ้งดูไม่ได้เลย แล้วดูพีมสิ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้านี่มันเทพบุตรชัด ๆ”
“สามีหล่อไม่ชอบเหรอ”
“เธอมันหล่อเกินไป”พูดแล้วก็ออกเดิน “เราก็เลยกลายเป็นยัยป้าแก่ ๆ”
“แก่ที่ไหน น่ารักดีออก”
พัฒนากรต้องออกแรงวิ่งตามอีกรอบ พร้อมกับยิ้มหวาน
“แต่ยังไงเราก็แก่กว่าเธอ”
อังศุมาลินหยุดเดินอีกครั้งพัฒนากรเลยต้องเดินถอยหลังมาอีก
“อิ้งแก่กว่าเรากี่เดือนเอง อีกไม่ถึงครึ่งเดือนเราก็อายุเท่าอิ้งแล้ว จริงสิปีใหม่ปีนี้บริษัทเราเขามีจัดเลี้ยงด้วย เราไปหาซื้อของขวัญกันนะ แล้วเราก็จะได้ไปด้วยกันเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มางานแต่งเรา เขาอยากเห็นอิ้งมากเลยนะ”
อังศุมาลินแอบถอนหายใจไอ้เรื่องเปลี่ยนเรื่องนี่มันจะถนัดไปถึงไหน
“วันที่เท่าไหร่ล่ะ”
“ยี่สิบแปด”
“ยี่สิบแปด”อังศุมาลินย้ำเสียงดัง พัฒนากรรีบจุ๊ปาก “วันนั้นที่สำนักพิมพ์ก็จัดเลี้ยงพวกเขายังให้เราชวนเธอเลย”
“เราไปไม่ได้หรอก แต่อิ้งก็น่าจะไปกับเราได้นะ”
“เราก็ไปกับเธอไม่ได้ เอาแบบนี้แล้วกันพวกเราก็แยกกันไป เธอก็ไปงานของเธอ เราก็ไปงานของเรา”
“อืมเอาแบบนั้นก็ได้”
ในที่สุดเขาและเธอก็ต้องแยกกันไปงานร่วมถึงต้องแยกกันไปซื้อของขวัญด้วย เพราะแน่นอนว่าสไตล์ของงานทั้งสองงานนั้นช่างต่างกันริบลับ จะให้ไปเลือกซื้อทีละคนเวลาก็ไม่มีแล้ว
แล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงปีใหม่ พัฒนากรแต่งตัวหรูหราอลังการขับรถมาส่งอังศุมาลินที่แต่งตัวเป็นคุณยายแก่มาที่สำนักพิมพ์
“แน่ใจนะว่าไม่ได้ประชดเรา”พัฒนากรถามเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน
“ก็ธีมงานคือนิทานอีสป แต่ละฝ่ายเขาก็ต้องแต่งเป็นตัวละครในนิทานหนึ่งเรื่อง ฝ่ายคุณปูจับได้เรื่องหนูน้อยหมวกแดง เราก็เลยต้องแต่งเป็นคุณยายของหนูน้อยหมวกแดง”
“แล้วพี่ปูล่ะ”
“บก.ของแต่ล่ะฝ่ายก็ต้องแต่งเป็นตัวเอกของนิทานเรื่องนั้นด้วย”
“หนูน้อยหมวกแดง”
“ช่าย เธอไปได้แล้วบ้ายบายจ๊ะ”พูดแล้วก็โน้มตัวไปหอมแก้ม ทำให้ลิปสติกสีน้ำหมากไปติดที่แก้มของพัฒนากร “ตอนมารับต้องเห็นนะ ถ้าลบล่ะก็อย่ามาคุยกันอีก”
อังศุมาลินทำเสียงขู่แล้วเดินลงจากรถมาจริง ๆ พร้อมกล่องของขวัญกล่องหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่ามันจะบังเอิญไปไหมที่ขนาดกล่องและกระดาษที่ห่อมันเหมือนกันมาก
พัฒนากรมองคนรอบข้างอังศุมาลินที่กำลังเดินเข้างานไปก็ล้วนแต่เหมือนหลุดมาจากนิทาน แต่เขาแอบแปลกใจอยู่นิดหนึ่งว่าอีสปแต่งเรื่องสังข์ทองด้วยรึเปล่า แล้วคุณยายของหนูน้อยหมวกแดงกินหมากด้วยหรือ
ที่งานเลี้ยงบริษัท MBST of Project’s ทุกคนในงานล้วนแต่งตัวหรูหราไม่ต่างจากพัฒนากร สาว ๆ ทั้งหลายก็จัดเต็มมากันแบบไม่ยั้ง
“ที่หน้านายมีอะไรติดอยู่น่ะ”เพื่อนร่วมงานของพัฒนากรเอ่ยถาม “สีอย่างกับน้ำหมาก”
“ลิปสติกเมียฉันเอง”เขากัดฟันตอบ
“เมียนายแก่ขนาดนั้นเชียว ฉันนึกว่าจะเป็นสาวรุ่นเสียอีก ฮา ๆ”
เพื่อนร่วมงานหัวเราะชอบใจ นาน ๆ ทีจะได้เหนือกว่าพ่อหนุ่มเพอร์เฟค
แล้วก็มาถึงเวลาจับของขวัญ ของขวัญทุกชินที่จับสลากกันล้วนแต่เป็นของที่มีราคาเหมาะกับงานนี้เหลือเกิน
“สวัสดีครับ”
แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทักพัฒนากร ชายหนุ่มรีบหันไปดูแล้วก็ต้องยกมือไหว้ รู้สึกเป็นบุญหัวแค่ไหนที่เขาคนนี้เดินเข้ามาทัก
“สวัสดีครับคุณปรเมตร คุณเนวดี เอ่อสุขสันต์วันปีใหม่นะครับ”
เขาสองคนก็คือลูกชายและลูกสะใภ้ของเจ้าของบริษัทที่กำลังจะขึ้นมารับตำแหน่งในอีกไม่ช้า
“เช่นกันคะคุณพีม พี่เพิ่งเห็นว่าที่หน้าคุณพีมมีรอยแปลก ๆ ใช่จากเธอคนนี้รึเปล่าคะ”
เนวดีบอกพร้อมส่งโทรศัพท์ให้พัฒนากรดู ซึ่งคนในรูปก็คืออังศุมาลินที่ใส่ชุดยายแก่ทำหน้าประหลาด ชี้ไปที่ปากที่เหมือนกินหมาก
“ครับ”พัฒนากรรับหน้าเจื่อน ก่อนจะต้องหันไปสนใจพิธีกรที่ประกาศชื่อเจ้าของกล่องของขวัญ ซึ่งก็คือเขา “ผมขอตัวนะครับ”
“เนวน่ะไปแหล่เขาทำไม เนวรู้ไหมพีมเนี่ยได้ชื่อว่าจอมเนี๊ยบของบริษัทเราเลยนะ”ปรเมตรแอบดุภรรยา
“เอ่อ...เนว่าคงไม่แล้วล่ะค่ะ ดูนั้นสิคะ”
เมื่อภรรยาชี้ให้ดูบนเวทีเขาก็เลยหันไปมอง ของขวัญที่พัฒนากรเอามาก็คือขวานเงิน ขวานทอง แล้วก็ขวานเก่า ๆ
“คุณพัฒนากรครับผมไม่ใช่คนหาฝืนนะครับ”
ลูกค้ารายใหญ่ที่จับของขวัญของพัฒนากรได้เอ่ยแซว ชายหนุ่มไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ภรรยาคนดีหยิบของขวัญผิดกล่องไปเสียแล้ว ไวน์องุ่นห้าสิบปีที่แพงริบจะต้องตกไปอยู่กับใครก็ไม่รู้
“เอ่อ...”ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ หรือเรียกว่าพูดไม่ออกนั้นเอง “ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร ๆ ผมชอบ ฮา ๆ”
แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าคนนี้จะชอบเสียด้วยสิ โดยเฉพาะเมื่อได้อ่านโน้ตที่ติดมา
‘ขวานชนะอุปสรรค’
ส่วนอังศุมาลินนั้นก็ได้หน้าไม่แพ้กันเมื่อคนที่จับของขวัญของเธอได้ก็คือคุณอัตฐากรเจ้าของสำนักพิมพ์ ที่ได้ชื่อว่าชื่นชอบไวน์เป็นที่สุด
“ได้หน้าเต็ม ๆ เลยสิเรา”นันธิตายิ้มหน้าบาน “พี่ก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยขอบใจมากนะน้องรัก แต่ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ก็ไวน์ห้าสิบปีอะไรนั้นมันเป็นของพีมนะสิคะ ส่วนของขวัญของอิ้งคือขวานเงิน ขวานทอง แล้วก็ขวานไม้ แบบในเรื่องคนตัดฝืน ไม่รู้ว่าป่านนี้พีมจะเป็นยังไงบ้าง กลับไปคงได้ทะเลาะกันแน่ ๆ รายนั้นเขายิ่งไม่มีที่ติดอยู่ด้วย”อังศุมาลินทำหน้าเหมือนโลกใกล้แตก
นันธิตาหัวเราะร่วนอย่างช่วยไม่ได้ เพิ่งจะเคยเห็นลูกน้องคนเก่งจะเป็นจะตายก็งานนี้ ไม่สิเธอต้องบอกว่า นับตั้งแต่ที่พัฒนากรเข้ามาในชีวิตอังศุมาลินเธอก็จะเป็นจะตายแบบนี้ให้เห็นบ่อย ๆ
เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2556, 08:25:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2556, 08:25:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1142
<< 14 แต่งงาน | 16 มันเกิดอะไรกับความสัมพันธ์ของเรา (วะ) >> |