เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๑๐ ความลับของดอกบัว(...ต่อ) + ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่ รีบกันหน่อยนะคะ หมดเขตสิ้นเดือน!

‘หมอวาริช คุณต้องสร้างชีวิตหนึ่งขึ้นมา เพื่อแลกกับชีวิตของตัวคุณเอง
ไม่งั้นเราคงจะไม่มีทางปล่อยคุณไป ในอันดับแรกอยากให้เลือกใช้วิธีทางธรรมชาติก่อน
หากว่าไม่สำเร็จ ค่อยมาลองวิธีต่อไป’

‘พูดบ้าๆ แล้วทำไมต้องเป็นผมกับคุณหนูวนัส พวกคุณมีเหตุผลแค่ไหนที่เลือกเรา’
เมื่อแรกที่รู้นั้นเขาทั้งตกใจ รังเกียจ แต่อีกใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ตามประสาผู้ชาย
ที่จินตนาการภาพของตนกับผู้หญิงที่พึงใจ

‘เพราะว่า...คุณสองคนมีพลังที่เข้ากันได้ดีที่สุด พลังในการรับรู้ความรู้สึกของวนัสสา
กับพลังในการรักษาของคุณหมอ ต่างก็เป็นพลังที่เกิดได้ด้วยการสัมผัส
ส่วนครามกับดาหวัน คู่นั้นก็เป็นอีกทางเลือกของเรา
ความสามารถที่เรียกว่าแยกกายทิพย์ หูทิพย์ ตาทิพย์
สันนิษฐานว่าถ้าได้พลังของอีกคนไปเสริมก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบ
เราก็เลยต้องมีการทดลอง ...นี่เป็นอีกเป้าหมายของการพาพวกคุณมารวมกันครั้งที่สอง
จากที่ครั้งแรกเราเพียงแค่สังเกตและเตรียมความพร้อมความพร้อมสำหรับประเด็นนี้
จนจุดนี้ก็ตัดสินใจแล้วว่าหากให้พวกคุณมีทายาทออกมาและเลี้ยงดูด้วยวิธีที่ถูกต้อง
จะต้องกลายเป็นเด็กที่มีพลังจิตสมบูรณ์แบบที่สุด’
กังวานเสียงของนาเดียยามนั้นบ่งบอกถึงความชื่นชม ราวกับพูดถึงผลผลิตทางเกษตร
หรือสัตว์เลี้ยงที่กำลังจะให้กำเนิดสายพันธุ์สุดยอด

มือใหญ่ซึ่งสั่นน้อยๆลูบใบหน้าของคนที่กำลังหลับใหล “น่ารักมาก รู้ตัวไหม คุณหนูวนัส”
คนพูดหายใจแรงขึ้น แรงขึ้นทุกที เขากับลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้ บางอย่างแทบคล้ายใกล้ระเบิดออก
แต่วาริชก็ยังไม่ลงมือ ...ที่สุดชายหนุ่มก็ผุดลุก เดินไปรินอีกแก้วสำหรับตัวเอง “บ้าเอ๊ย!”

นี่เขาเป็นคนหรือสัตว์ ถูกจับมาผสมพันธุ์ ลูกของเขาจะต้องเกิดมาและมีชีวิตทุเรศๆไปตราบวันตาย

วาริชกำมือแน่น ก่อนจะใส่หยดยานอนหลับลงไปในแก้วของตนเอง เขารู้ว่ามันอันตราย
ที่จะใช้ยาสองอย่างพร้อมๆกัน ยาสำหรับปลุกเร้า กับยาที่กำราบให้ทุกอย่างราบคาบลง
แต่เขาทำไม่ได้จริงๆ

ร่างใหญ่หนาซวดเซไปยังโซฟาใหญ่ที่วนัสสารทอดกายอยู่ ยังมีที่เหลือเฟือสำหรับเขา
วาริชทรุดตัวลงไม่ห่างจากเธอนัก ก่อนจะปล่อยตัวหงายหลังลงนอน ร้องตะโกนออกมา

“ยังไม่ใช่วันนี้! …ผมทำไม่ได้จริงๆ”


วาริชหลับไปทั้งที่กายรุ่มร้อนเหมือนไฟ แต่เขากลับรู้สึกถึงกลิ่นหอมเย็นๆแบบเดียวกับ
ก่อนหลับลงเมื่อคืน กลิ่นซึ่งยังติดจมูก มันมาเยือนเขาอีกครั้งในความฝัน
คล้ายจะกระตุ้นเตือนถึงบางอย่างที่ห่างไกลออกไปในกระแสของเวลา

‘วาริช อาจารย์มีบางอย่างจะตกลงกับคุณ...’

เขาจำได้แล้ว ในคืนที่มาขึ้นบรรยายในงานเลี้ยงสวมหน้ากาก วาริชหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบได้
แล้วเขาก็ตื่นมาบนเตียงนอนในห้องพักอย่างดี มีดร.กฤษณะผู้เป็นอาจารย์ยืนอยู่ไม่ห่าง
คล้ายรอคอยให้เขารู้สติ พร้อมข้อเสนอให้เขาร่วมมือกับการทดลองที่ออกจะเกินทนรับได้

‘ถ้าผมปฏิเสธล่ะ’

‘คุณน่าจะรู้นะว่าอุบัติเหตุในการท่องเที่ยวมันเกิดได้บ่อยๆ คิดงั้นไหม
พ่อแม่บุญธรรมของคุณน่ะชอบไปท่องเที่ยวหลังเกษียณกันเป็นประจำเสียด้วยสิ’

‘ไม่ยักกะรู้ว่าคนเป็นหมอเขาเอาชีวิตคนมาต่อรองแบบนี้’
วาริชจำได้แล้วว่าเขาโกรธมากขนาดไหนในยามได้ยินคำขู่
ทั้งสีหน้าและแววตาของเขาอาจบอกออกไปหมด ว่าพ่อแม่บุญธรรมที่เขาพยายาม
แสดงออกว่าไม่แคร์นั้น แท้จริงแล้วคือจุดอ่อนของเขาอย่างที่ฝ่ายตรงข้ามคาด

‘อันที่จริงอาจารย์ก็ไม่อยากจะพูดอะไรบาดหูบาดใจอย่างนี้หรอก
ถ้าเราจะคุยกันรู้เรื่องง่ายๆ รับรองคำพูดแบบนี้จะไม่มีวันออกมาให้คุณได้ยินอีก
แต่อยากให้รู้ไว้ว่าคราวนี้เวชกุลเอาจริง คุณมีแค่สองทางเลือก
คือยอมทำตามแต่โดยดี หรือถูกบีบจนกว่าจะยอม อาจารย์หวังว่าคุณคงเลือกวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัว’

แล้วเขาก็ได้รู้จักวนัสสา แรกเริ่มวาริชพยายามเว้นระยะห่างจากเธอไว้
เขาถูกบังคับให้เอื้อประโยชน์ทุกอย่างกับการทดลอง เขาไม่อยากจะรู้สึกอะไรกับคนที่เพิ่งพบเจอ
จะได้ไม่เป็นภาระทางใจ หากว่ามีวันหนึ่งที่เขาต้องลงมือกับคนเหล่านี้ แต่เพราะความน่ารัก
กับดวงตากลมโตที่ซ่อนความเอาจริงอย่างแรงกล้าเกินตัวเอาไว้ ในที่สุดเขาก็ชอบเธอ

เขาชอบเธอมาก...จนแยกแยะไม่ได้ว่าความรู้สึกที่มีนั้นมันเกิดขึ้นแต่เพียงในอดีตสองเดือนที่ลืมไป
หรือเจือปนความรู้สึกปัจจุบันเข้าไปด้วย หรือจะเป็นทั้งสองอย่างรวมกัน



วนัสสารู้ว่าเธอกำลังหลับ หญิงสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะลืมตาตื่น หลายต่อหลายครั้ง
มันเป็นความพยายามอันไร้ผล แต่ในที่สุด หนังตาหนักอึ้งก็ค่อยๆลืม ปรับภาพจนแจ่มชัด
ด้วยการกะพริบตาสองสามครั้ง ใบหน้าของคนที่ฟุบนอนอยู่เคียงข้างทำให้อยากจะผวาถอยออกมา
ทว่าร่างกายมันหนักจนขยับไม่ได้เลย

“หมอริช” หญิงสาวคราง

นี่เขากับเธอมาหลับอยู่ด้วยกันบนโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่เห็น ทั้งตนเองและชายหนุ่ม
ที่ยังอยู่ในเครื่องแต่งกายครบเครื่องกันดี ดวงตาของเธอกวาดมองไปในรัศมีการมองเห็น
ทั้งที่นอนตะแคงตัวอยู่ท่าเดิม ในห้องนั้นมีนาฬิการูปทรงแปลก ข้างในประกอบด้วยน้ำใสสะอาด
มีของเหลวหนืดๆสีชมพูไหลวนลอยตัวขึ้นลงอยู่ ปุ่มเข็มพรายน้ำของมันเรืองอยู่
บอกเวลาที่กะได้ว่าคงจะเป็นทุ่มหนึ่ง นี่เธอเมามายหลับไปนานขนาดนี้ได้ยังไง...
ทั้งที่เป็นเวลาอันตราย ดีว่าพวกนั้นยังไม่ได้ลงมือกับเธอและวาริช อาจกำลังจัดการกับคนอื่นๆ
แล้วป่านนี้พ่อกับเฟย์จะเป็นยังไง ครามอีกคน...

“หมอริช ตื่นเถอะค่ะ” วนัสสากระซิบอีก แต่ดูเหมือนเขาจะหลับสนิทยิ่งกว่าเธอ

วนัสสาได้ยินเสียงประตูขยับเปิด การเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา แล้วเธอก็เห็นว่านั่นคือเบ็น!
ตอนนี้ชายชราผู้สูงสง่าไม่ได้อยู่ในชุดสูทอย่างพ่อบ้านอีกแล้ว แต่เป็นชุดกาวน์สีขาว
อีกฝ่ายเข้ามาพร้อมผู้ชายตัวใหญ่สองสามคนที่สวมชุดแบบเดียวกัน
หญิงสาวรู้ว่าเธอจะไม่มีแรงต่อต้าน ประสาทที่อ่อนล้ากระซิบบอก
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการแกล้งหลับตาลงให้พวกนั้นคิดว่ายังไม่ตื่น

ทว่าเบ็นก็ไม่นิ่งนอนใจอย่างที่คิด

“ปิดตาวนัสสากับวาริชเอาไว้ก่อน เผื่อจะตื่นขึ้นมากลางคัน”

“น่าเสียดายจังนะครับด็อกเตอร์เบ็น ถ้าผ่านช่วงวันสองนี้ไปร่างกายของวนัสสาก็จะไม่พร้อมแล้ว”

พร้อม...สำหรับอะไร พวกเขาหมายถึงอะไรกัน

“ช่างเถอะ... ยังมีเวลาอีกเป็นหลายเดือน ไม่สิ การทดลองของเราคราวนี้ยังไงก็ไม่มีกำหนดสิ้นสุดอยู่แล้ว”
อดีตพ่อบ้านกำมะลอเอ่ยกลั้วหัวเราะ คล้ายกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศที่จะเป็นวันฟ้าใสไปตลอดชาติ
“หมอริชยังมีเวลาอีกนานเลย”

พวกเธอจะมีเวลาสำหรับอะไร ยิ่งฟังก็ยิ่งขนลุก แต่มันยังไม่น่ากลัวเท่าเมื่อใครก็ไม่รู้กำลังเอาอะไร
บางอย่างมามัดปิดตาเธอ วาริชก็คงกำลังโดนเช่นกัน หญิงสาวตกใจนิดหน่อย เหมือนมือของอีกฝ่าย
จะรุนแรงกับเธอเกินจำเป็น

“นังตัวแสบเอ๊ย โดนหนักๆก็ดี”

นี่เธอเคยไปทำความเจ็บแค้นให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่กันอีกล่ะ ใครก็ได้ ช่วยบอกให้รู้ทีเถอะ

“จุๆ คุณเป็นเจ้าหน้าที่ อย่าให้อคติกับเหยื่อทดลองมามีผลกับการทำงานนะ ผมขอเตือน”
เบ็นเอ่ยเสียงขรึม

“ครับด็อกเตอร์ ต้องขอโทษจริงๆ ผมลืมตัวไปหน่อย” คนพูดเอ่ยขอลุแก่โทษ
พร้อมเบามือลงยามแตะต้องตัวเธอ แต่ก็ยังห่างจากคำว่าปรานี

วนัสสาถูกยกขึ้นพาดไหล่ราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆที่ไม่มีน้ำหนักพอจะทำให้รู้สึกลำบากลำบนอะไร
ผู้ชายอีกสองคนคงไปจัดการกับวาริช คนพวกนี้จะเอาตัวเธอไปไหน

“ที่กำลังจะเริ่มนี่เป็นบททดสอบร่วมกัน” เบ็นเปรยขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มออกเดินพ้นบาร์
และปิดประตูบานใหญ่ลงตามหลัง

“อ้อ บททดสอบใหม่ ว่าด้วยเรื่องความไว้วางใจในกันและกันใช่ไหมครับด็อกเตอร์”
คนที่แบกวนัสสาอยู่หัวเราะ

“อย่าพูดมากนักเลย เรายังไม่อยากให้สองคนนี้รู้ ยานอนหลับที่ผสมอยู่ในเหล้า
มันไม่ได้ออกฤทธิ์ยาวนานนักหรอก” เบ็นปราม

หญิงสาวรู้ดีว่านี่เป็นสถานการณ์บ้าๆ แต่ไม่ว่ายังไงเมื่อมาติดอยู่ที่นี่ต้องกินต้องดื่มของที่พวกเขา
เตรียมไว้ให้อยู่แล้ว และในนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเหล้า เธอเกือบจะโทษตัวเองที่เผลอไผลหลับไป
แต่นี่เพิ่งได้รู้ว่าพวกเขาใช้ยานอนหลับ ถึงไม่กินเหล้าแต่กินอย่างอื่นก็มีชะตากรรมเดียวกันอยู่ดี
เกมสกปรกนี้แทบไม่เหลือช่องให้ตัดสินใจเดินไปทิศอื่นนอกจากที่ถูกขีดไว้เลย

ทางที่เธอกำลังผ่านไปมีเสียงสะท้อนก้อง เสียงของน้ำไหลอยู่เบาๆในท่อใต้ดิน
คล้ายเบื้องบนฝนกำลังตก แม้ประสาทสัมผัสจะยังเลือนราง แต่วนัสสาก็รู้ว่าต้องใช้
ช่วงเวลาที่ร่างกายสัมผัสอยู่กับชายร่างใหญ่ที่แบกเธอไปให้เป็นประโยชน์ สีสันของเขาเป็นสีดำ...
แล้วความรู้สึกที่ติดอยู่บนสิ่งของ เสื้อผ้า อย่างเช่นชุดกาวน์สัมผัสแปลกๆที่เหมือนจะทำจากผ้ายางนี่ล่ะ
จะมีความทรงจำร่วมกันกับเธอบ้างไหม เธอแอบวางมือแนบสัมผัส
พยายามดึงความรับรู้ขึ้นมาให้แจ่มชัดที่สุด

แสงขาวสว่างวาบขึ้นมาในหัว กับภาพของตัววนัสสาเอง ไม่เพียงเท่านั้น ในมือเธอมีปืน!

‘ยะ อย่าทำอะไรผมนะคุณวนัสสา ได้โปรดเถอะ ได้โปรดอย่ายิง!’

เสียงผู้ชายคนเดียวกันกับที่แบกร่างเธออยู่ละล่ำละลักสั่นพร่า ความกร่างในน้ำเสียงยามเป็นผู้เหนือกว่าไม่มีเหลือ

‘เพิ่งเคยเห็นคุณรู้จักพูดดีกับคนอื่น แต่ขอโทษนะ ฉันในตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว’

ปังงง! ...ปังงงงง!

หญิงสาวเห็นภาพตัวเองเหนียวไกปืนผ่านสายตาเขา เป็นภาพสุดท้ายก่อนความรับรู้จะ
กลายเป็นความมืด เธอยิงคน! สองนัด หรือว่ามีใครอยู่ตรงนั้นอีก แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ตาย
แล้วตอนนี้ก็ยังดูแข็งแรงดีทุกอย่าง แต่ที่ทำให้ตกใจคือสายตาของตัวเธอเองที่ดูราวคนเสียสตินั้นมากกว่า
แม้จะหลากใจและตระหนก ทว่าพอภาพนั้นหวนมาในห้วงความคิด วนัสสารู้สึกคล้ายจะจำความรู้สึก
เกรี้ยวกราดในตอนที่ปืนอยู่ในมือได้ด้วยซ้ำ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในสองเดือนที่เธอหลงลืมไป!

สีสันดำมืดที่เห็นคล้ายจะฉุดรั้งให้วนัสสาซึ่งยังไม่สร่างจากฤทธิ์ยานอนหลับจมดิ่งลงในห้วงของความไร้สติ
เธอหลับใหลลงทั้งที่ถูกแบกไปอย่างนั้น แต่ก็คงเป็นเวลาไม่นาน เมื่อร่างบอบบางถูกโยนลงแรงๆบนเตียง
หยาบและกระด้าง มีร่างหนักๆของใครอีกคนถูกพาดตามลงมาข้างๆ เมื่อผัวเนื้อสัมผัสกัน สีน้ำเงินที่คุ้ยเคย
วาริชนั่นเอง เสียงประตูปิด คนพวกนั้นจากไปแล้ว ในขณะที่หญิงสาวเงี่ยหูฟังน้ำหยดเปาะลงมาบนหลังคา
ฝน...นี่พวกเธอถูกพาขึ้นมาจากชั้นใต้ดินแล้ว แต่ที่นี่คือที่ไหน

“อืม---” วาริชครางแหบห้าว

วนัสสาขยับมือที่อ่อนล้าขึ้นมาแกะผ้าผูกตาตนเองออก แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จ มือใหญ่หนาก็เอื้อมมาช่วย

“ขอบคุณค่ะหมอริช นี่เรา อยู่ไหนกันก็ไม่รู้”

เมื่อผ้าปิดตาถูกแกะพ้นไป วนัสสามองสบตาวาริชที่นิ่วหน้าอยู่ในแสงสลัว แต่พอเห็นเธอไม่เป็นไร
ชายหนุ่มก็คล้ายจะยิ้มออกมานิดหนึ่ง จับคางวนัสสาอย่างหยอกๆ เธอหันมองไปรอบกายที่มีเพียงแสง
จากภายนอกส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เห็นหยาดฝนเกาะพราวบนกระจกและยังรวมตัวเป็นเม็ดไหล
หยดลงอย่างช้าๆ ...ที่นี่เป็นเรือนฝาไม้เก่าๆ แม้แต่พื้นก็เป็นไม้ มีถังหมัก อุปกรณ์ทำสวน
ถุงปุ๋ยและอื่นๆ แต่ไม่มีจอบเสียมหรือของที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ และเตียงนี้ก็เหมือนจะเป็นตั่งไม้
ตัวยาวที่ถูกปูผ้าหนาๆทับไว้หลายชั้นเท่านั้น

“คุณหนูวนัส โอเคหรือเปล่า รู้สึกร่างกายปกติดีไหม” วาริชถามอย่างอาทร

หญิงสาวเกือบจะขำที่เขามีความห่วงใยเธอเหมือนหมอที่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนไข้ตรงหน้าให้ดีๆ
“ปวดหัว...ขอบคุณนะคะ คุณเป็นหมอที่ดี”

“ผมไม่ใช่หมอรักษาคน” ชายหนุ่มพึมพำ

ทว่าเมื่อมืออบอุ่นนั้นทาบลงบนศีรษะเธอครู่หนึ่ง วนัสสาก็รู้สึกว่าความปวดหัวคลายลงจนแทบจะเป็นปลิดทิ้ง

“คุณก็รักษาฉันอยู่นี่ไง ไซคิคฮีลลิ่ง การรักษานี่คือพลังของคุณเหรอ หมอริช”

“ฮื่อ... แล้วคุณหนูล่ะ ทำอะไรได้บ้าง รู้อะไรบ้าง เผื่อว่าเราจะได้ช่วยกันเอาตัวรอดจากที่นี่ไป”

“ฉัน ก็แค่สัมผัสความรู้สึกของคนหรือสิ่งของได้ ไม่รู้จะเอามาใช้ยังไง บางทีก็คล้ายๆ
ว่ามีพลังอะไรบางอย่างที่เหมือนจะดิ้นรนอยู่ข้างใน ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาพ่อ
แต่ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะจับเฟย์ไปอีกคนทำไม แค่พ่อคนเดียวก็เหลือจะพอแล้ว!”
หญิงสาวน้ำตาคลออย่างเจ็บใจ ข่มเสียงลงอย่างพยายามไม่แสดงความอ่อนแอ
“นอกจากนั้น...ฉันก็ยังมีใครอีกคน ที่อยากพบให้ได้”

“ใครล่ะ” วาริชถามเสียงต่ำ สบตาคู่สวยที่เห็นวาววามอยู่ในแสงสลัว

ดูเหมือนเสียงคุยกันที่ไม่ดังนักของทั้งคู่จะเป็นเหตุให้เกิดการถีบประตูตึงๆ เสียงดังทึบๆ
มาจากมุมด้านในของห้องที่มืดสนิท วาริชลุกไปคลำหาสวิตช์ไฟ ดวงไฟแขวนสีส้มเหนือขึ้นไป
บนเพดานเตี้ยๆติดขึ้น มันเหมือนหลอดไส้แรงต่ำ ดูริบหรี่จนคล้ายพร้อมดับลงได้ทุกนาที

วาริชทำท่าจุปากให้วนัสสานิ่งไว้ เมื่อเสียงถีบประตูนั้นดังอีก มีห้องเก็บของห้องเล็กๆ
อยู่ส่วนในสุดของเรือนไม้ เสียงดังมาจากที่นั่น และนอกจากเสียงถีบประตูก็ยังมีเสียงอู้ๆในคอ
คล้ายใครกำลังถูกมัดไว้ในนั้น ร่างสูงใหญ่ของวาริชอยู่ในท่าระวังพร้อม ขณะที่เปิดประตูนั้นอ้าออกสุดล้า
ตัวเขาก็ถอยออกมาตั้งหลักในระยะปลอดภัย

“นี่เธอ...เด็กคนสวนคนที่เราเห็นบ่อยๆน่ะคุณหนูวนัส!” วาริชก้าวเขาไปอุ้มร่างที่ถูกมัดเท้า
มัดมือไพล่หลัง ยังไม่รวมถึงอุดปากเสียแน่นออกมาจากห้องเก็บของ ตัวหนักกว่าวนัสสา
แต่ก็นับว่าไม่สะเทือนแรงคนกล้ามใหญ่อย่างเขาเลย

“เอเดน!” วนัสสาจำอีกฝ่ายได้ทันที

มีหมวกครอบอยู่บนศีรษะเขา มันกลิ้งหลุดไปเมื่อวาริชวางร่างเด็กหนุ่มลงบนเตียง
เผยผมทองสลวยตัดสั้นที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด ในขณะที่ชายหนุ่มแก้พันธนาการขาและแขนที่ถูกมัด
วนัสสาก็รีบร้อนแกะผ้าซึ่งผูกปากและอุดปากเขาอยู่แน่นหนา เห็นได้ชัดว่าเอเดนร้องไห้
คราบน้ำตาไหลลงเป็นทาง โธ่ ก็ดูท่าว่าเขาคงยังอายุไม่เกินสิบหกด้วยซ้ำ
ต้องมาติดร่างแหเรื่องโหดร้ายแบบนี้เข้าอย่างไม่พอที่เลย

“ช่วย...ด้วย ช่วยผมด้วยครับ” เอเดนร้องคำแรกเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นไทย
ในคำหลัง สำเนียงแปร่งๆของเขายิ่งแปร่งกว่าเคย อาจเพราะตกใจจนตั้งสติแทบไม่ได้

“ใจเย็นๆก่อนนะ พวกเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันหมดนี่แหละ”

“มันเกิดอะไรขึ้นครับ จะ จู่ๆเขาก็กั้นลวดหนาม ไม่ให้เข้าใกล้รั้วเลย ทางออกถูกปิดหมด
ทางเข้าบ้านก็เข้าไม่ได้ ที่นี่มันเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา” เอเดนสำลัก น้ำตาคลอ
พูดไทยคำปนเทศคำอย่างน่าสงสาร

“เราถูกขัง” วาริชเอ่ยเครียดๆ “คุณหนูวนัส นี่ถ้าเราสองคนไม่มาเจอสงสัยว่าเด็กคนนี้
จะต้องถูกขังลืมอยู่ในบ้านนี่แหละ พวกมันเลวจริงๆ”

เอเดนไอโขลก “นะ น้ำ ขอน้ำผมหน่อยครับ... มีกระติกเขียวๆ อยู่ใต้เตียง”

วนัสสาหยิบให้ตามที่เขาบอก นี่เป็นเรือนพักคนสวนเด็กหนุ่มก็ย่อมรู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน
ไม่ใช่สิ มันเป็นแค่เรือนเก็บอุปกรณ์ เพราะคนทำงานในคฤหาสน์นี้มีที่อยู่เป็นสัดส่วนดูดีทีเดียว
ในตึกซึ่งแยกออกไปจากคฤหาสน์

“ไม่รู้ว่าเราอยู่กันตรงไหน” วาริชลองขยับประตูซึ่งล็อกขังพวกเขาไว้จากข้างนอก
พลางเหลียวหาอุปกรณ์รอบตัวที่พอจะมีประโยชน์ “หน้าต่างกระจกน่าจะพังออกไม่ยาก
ผมจะลองหาทางดู”

เอเดนที่เพิ่งดื่มน้ำเสร็จจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่พอจะระงับสติได้บ้างแล้ว “เรา อยู่กัน สวนหลังครับ”

“ก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะไม่เคยเห็นเรือนไม้นี่เลย” วนัสสาลุกขึ้นสำรวจไปรอบๆบ้าง
“เพราะคนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาฝั่งสวนด้านหลังนี่นะ ออกไปจากนี่ได้เราก็ยังไม่รู้จะเจออะไร”

“ผมรู้ครับ” เด็กหนุ่มเผยยิ้มที่เริ่มจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง

วนัสสายิ้มตาม “ดีจังที่เจอเธอ คงจะช่วยได้มากเลย อย่างน้อยก็รู้ทางหนีทีไล่ในบ้านนี้”
หญิงสาวเดินไปวางมือลงบนไหล่ของเอเดน

“ครับ ให้ผมช่วย ผมจะนำทางพวกคุณเอง” คนตอบพรายยิ้มพร่างในดวงตา
มือเอื้อมลงไปลอบสัมผัสมีดชำแหละที่ซ่อนไว้แนบกับต้นขาแผ่วเบา

...เกมเอาชีวิตรอดของคนพวกนี้ ก็คือเกมของเขาด้วยเหมือนกัน


ไม่แปลกที่คนมุทะลุและกำลังกายเหลือเฟืออย่างวาริชจะเลือกใช้วิธีทำลายกระจกหน้าต่าง
จนเหี้ยนด้วยขาเก้าอี้ตัวหนาหนัก ก่อนจะพังโครงไม้บางๆลง เกิดเป็นช่องที่พวกเขาจะผ่านออกไปได้
หน้าต่างของเรือนไม้อยู่สูงกว่าพื้นสักสองเมตรเห็นจะได้ ชายหนุ่มโดดนำลงไปก่อน แล้วจึงหันมาคว้า
วนัสสาที่โดดตามลงไปด้วยด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาเอง

“อุ๊ย หมอริช” วนัสสาอุทานอย่างไม่คาดคิด “ฉันบอกว่าโดดเองได้ไง”

“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มที่ยังอุ้มเธอไว้สูงเหนือบ่าก้าวยาวๆไปวางวนัสสาลงห่างพื้นที่มีกระจก
ก่อนเข้าไปดูว่าเอเดนตามออกมาเรียบร้อยหรือยัง

วนัสสาลงถึงพื้นได้ก็เหล่มอง คนอะไรตัวยังกับยักษ์ อุ้มเธอเหมือนอุ้มเด็ก

เอเดนที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากวาริชหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงผมครับ คลุกดินคลุกทรายมาจนชินแล้ว
แค่นี้สบายมาก” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยภาษาไทยสำเนียงไม่ชัดแต่เนื้อความระดับคนไทยแท้ๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย
สำหรับเขา สองคนตรงหน้านี้ไม่มีวันรู้ คนสมองดีอย่างเอเดนที่ควรจะเป็นนักเรียนทุนแพทย์ข้ามชาติอยู่จีน
ตั้งแต่อายุเพียงสิบหก แต่ด้วยความหลงใหลในพันธุ์พืชต่างๆส่งให้เขามาอยู่ที่นี่ แถมยังมีการทำปุ๋ยชีวะ
แบบพิเศษซึ่งเป็นงานอดิเรกส่วนตัวของเอเดนนั่นอีก มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่ยินยอมให้เขาทดลอง

ถ้อยคำย้ำของดร.เบ็นผู้เป็นอาจารย์ เอเดนยังระลึกถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกอันแสนกระเหี้ยนกระหือรือ
‘หลังจากพวกเขาเจอเธอ อย่าลืมนะเอเดน มันมีอยู่มีสองทางเลือก
เธอต้องบอกทางที่ถูกให้วาริชกับวนัสสา ถ้าพวกเขาเชื่อเธอไปตามที่เธอบอก
เธอไม่มีสิทธิ์ลงมือ ให้ปล่อยเขาไป... แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เชื่อ เธออยากจะทำอะไรเขาก็ทำเลย
แบบนี้ก็แฟร์ๆดี ว่าไหม’

หยาดฝนยังคงตกพรำ เสียงน้ำหยดลงหลังคาสังกะสีของเรือนไม้เก่าผุเกินจะอยู่ในรอบรั้วคฤหาสน์สวยงาม
ว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากความจริงเน่าเหม็นที่ถูกกลบฝังไว้มากมายที่นี่

“สวนหลังนี่รกเหมือนป่า” วาริชเท้าสะเอวเปรยขณะใช้สายตาสำรวจไปรอบๆ

วนัสสาถือท่อนไฟฉายโลหะเก่าๆที่ค้นเจอและหยิบมาด้วย เธอฉายมันกราดดูทั่วๆ
“นั่นสิคะ มีพุ่มอะไรรกๆเต็มไปหมดเลย ต้นไม้ก็ขึ้นสูงมาก มองจากดาดฟ้าลงมายิ่งไม่เห็นอะไร”

เอเดนซ่อนยิ้มไว้ใต้หมวกคนสวนที่สวมไว้กันละอองฝน แน่ละ ต้องขุดดูใต้พื้นดินเท่านั้นแหละ
ถึงจะรู้ว่ามันมีอะไรหมกไว้ต่างจากสวนหน้ายังไง ทั้งปุ๋ยที่เกิดจากเคมีและชีวภาพเหลือๆ
ไม่น่าเชื่อว่าพวกมันจะเติมเต็มชีวิตของไม้ดอกไม้ใบได้ดีเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ

“คุณรู้สึกไหมครับ ว่าต้นไม้พวกนี้มีชีวิต ผมหมายถึง มีวิญญาณ ลองเงี่ยหูฟังดีๆ
มันกำลังโหยหวนอยู่รอบๆตัวเรา...” เด็กหนุ่มผมทองเปรยขึ้นเสียงต่ำ

วนัสสาสบตาวาริช เห็นอีกฝ่ายยักไหล่ก่อนจะพึมพำ “ใช้คำแปลกๆ สงสัยภาษาไทยจะยังไม่แตก”

หญิงสาวถอนใจและเอ่ยออกไป “ว่าแต่ยังไม่ได้ถามเลย เธอมาทำงานที่นี่ได้ยังไงกันเอเดน เล่าให้ฟังได้ไหม”

“บ้านผมรับจ้างทำไร่อยู่แถวควีนสแลนด์ แต่ก่อนผมเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาที่ไทย
นานแล้วละครับ ทีนี้มีเพื่อนคนไทยที่คุยกันทางเน็ท เมื่อสองสามเดือนก่อนพอดีเพื่อนชวนผมมาเที่ยว
พอวันจะกลับ ผมอยู่สุวรรณภูมิ จู่ๆก็มีคนชวนมาถ่ายแบบ ไปๆมาๆชวนมารับงานพิเศษที่นี่
เงินเดือนดีอย่างเหลือเชื่อ เขาบอกว่าจะให้ดูแลพืชอย่างที่แถวบ้านผมปลูกกัน เขาขี้เกียจสอนคนไทย
ไปๆมาๆผมก็รู้สึก ว่าที่นี่มีอะไรแปลก แต่เพราะเงินดีก็เลยอยู่มา”

“แล้วที่บ้านไม่ว่าหรือ บอกจะกลับแล้วไม่กลับไป”

“ผมอาจจะอายุมากกว่าที่หน้าตาบ่งบอกนะครับ อีกอย่างที่บ้านก็ปล่อยอยู่แล้ว ใครจะใช้ชีวิตยังไง”
เอเดนเอ่ยอย่างไม่เห็นสำคัญและด้วยน้ำเสียงอยากตัดบท คำตอบพวกนี้เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว
แต่เด็กหนุ่มก็เห็นว่าสัตวแพทย์ร่างใหญ่ยังมองมายังตนอย่างคลางแคลง กับคนตรงหน้า
หากเขาทำอะไรก็คงต้องรอทีเผลอ รูปร่างต่างกันขนาดนั้นแถมดูแรงเยอะอย่างน่ากลัว
ไหนจะพลังจิตบ้าๆนั่นอีก

“เราคงไม่หลงทางในที่แบบนี้ใช่ไหม” วนัสสากระซิบขำๆ

“คิดว่าคงไม่นะ ถึงหลงพวกนั้นก็คงจัดการเอาเราเก็บเข้าที่เองแหละ แต่ลงเอาเราขึ้นมาปล่อยข้างบนแบบนี้
คงมีจุดประสงค์ บางทีมันอาจจะเป็น...การทดสอบ ลองมองขึ้นไปสิ คุณหนูวนัส ตึกพวกนั้นอยู่ห่างออกไปมาก
แต่ถ้าเราจะลองส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ คุณคิดว่าไง”

“คงไม่มีใครเห็นเรา แต่ถ้าเข้าไปใกล้ๆลวดหนามที่ล้อมไว้ก่อนถึงรั้วนั่นให้มากที่สุดแล้วลองตะโกนล่ะ”

“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ผมลองแล้ว ได้ยินมาว่าพวกเขากว้านซื้อที่ดินรอบๆนี่ไว้หมด”

“กันไว้อีกชั้นสินะ สงสัยมีทางเดียวคือต้องเผาที่นี่ให้วอด ไม่ง่ายเลย เพราะพวกนั้นก็คงระวังไว้อยู่แล้ว
ทางเดียวคือเราต้องหาทางติดต่อกับโลกภายนอกให้ได้ หรือไม่ก็ล้วงข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์สักอย่าง”

“เรื่องนั้นอาจมีหวังครับ” เอเดนเรียกความสนใจให้หนุ่มสาวทั้งสองหันไปมอง
“ในตึกที่พักของคนดูแลที่นี่ ในห้องพักของคุณเบ็นหรือไม่ก็อีกริต น่าจะมีข้อมูลอะไรบางอย่าง
แต่มันอยู่ฝั่งสวนด้านหน้า ผมพอจะมีทางพาพวกคุณออกไป”

“แต่ก่อนอื่น เราน่าจะสำรวจดูในสวนข้างหลังนี่ก่อนว่ามีอะไรซ่อนไว้”

เอเดนตาเป็นประกาย นี่ถือว่าคนพวกนี้ปฏิเสธทางเลือกที่เขาเสนอให้แล้วใช่ไหมนะ
น่าจะใช่ ชักเริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสิ...

วนัสสากับวาริชเห็นพ้องต้องกัน เจ้าของร่างสูงใหญ่ฉวยไฟฉายจากมือเธอไปถือ
อีกมือจูงหญิงสาวไปด้วย พยายามกันให้เธออยู่คนละข้างกับเอเดนที่เดินตามติด
วาริชเดินตัวเปล่าแต่วนัสสามีผ้าห่มผืนบางซึ่งชายหนุ่มฉวยติดมือมาให้เธอด้วย

อากาศเย็นลงเพราะฝนตก บ่งบอกว่ามรสุมชุดใหญ่ยังไม่ผ่านพ้นไปง่ายๆ
นึกภาพออกว่าคนจะต้องบ่นกันขนาดไหน ว่านี่มันหน้าร้อนหรือหน้าฝนกันแน่
อากาศเมืองไทยเดี๋ยวนี้ก็วิปริตไปหมดจนไม่รู้ฤดูไหนเป็นฤดูไหน ไม่สิ
อาจจะวิปริตทั้งโลกด้วยซ้ำตั้งแต่สิ่งแวดล้อมถูกทำจนรวนไปหมด

สวนนั้นกว้างใหญ่ ทั้งฝนก็ตกพรำ ต้นไม้และพุ่มไม้รกเรื้อไม่เป็นที่เป็นทางทำให้เดินไปทางไหน
ก็ดูคล้ายกัน แม้ไม่หลงก็เสมือนว่าไร้จุดหมายปลายทางจนวาริชเริ่มชะงัก ลังเลที่จะไปต่อ

“ผมว่าให้ผมช่วยนำดีกว่าไหมครับ” เอเดนเสนอตัว “ที่สวนนี่ไม่มีอะไรให้คุณเจอหรอก
นอกจากความรก สาบานได้ จะหาทางเข้าเรือนกระจกก็คงไม่ได้ เพราะเขาคุมเข้มมาก
แถมกระจกนั่นทุบไม่แตกหรอกครับ”

“นั่นสินะ” วนัสสารำพึง

“หืม คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือคุณหนูวนัส” วาริชฉงนใจ

“มะ ไม่รู้สิคะ เหมือนฉันจะเคยรู้ ว่ามันไม่ใช่กระจกที่ทำลายได้ง่ายๆ แต่รู้ตอนไหน
ก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย เธอช่วยนำเราไปทางสวนหน้าทีเถอะเอเดน”

เด็กหนุ่มพยักยิ้ม เริ่มรู้สึกสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าเบ็นจะสั่งอย่างไร แต่พวกนั้นติดค้างค่าจ้างพิเศษ
ของเขาไว้นานเหลือเกินแล้ว เรื่องวัตถุดิบที่เป็นซากชีวิตสำหรับทำปุ๋ย เอเดนชอบศึกษาร่างกายคนที่สุด
คืนนี้เขาควรได้สนุกให้เต็มที่ อย่างน้อยก็เพราะคนพวกนี้ไม่เชื่อฟังเขาแต่แรก มัวทำให้เสียเวลา

ร่างผอมเพรียวเดินผิวปากเป็นทำนองแหลมเยือกเย็น อย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว
จริงๆหรือเพียงแต่เรียกขวัญให้ตัวเอง เอเดนนำทางแขกหรือเหยื่อของเขาไปจนถึงสวนด้านที่เป็นผาหิน
และเบื้องหลังน้ำตกสูง พาเดินลอดเข้าไปข้างซอกหิน วนัสสาถึงกับห่อปากเมื่อแสงไฟฉาย
ส่องให้เห็นว่ามีทางเดินเหมือนถ้ำเตี้ยๆลอดใต้ภูเขาหินจำลองลูกโตอย่างน่าอัศจรรย์
ไม่นานไฟสลัวก็ติดขึ้นในช่วงทางเข้า แต่ทางไปต่อข้างหน้ามืดสนิท

“เราจะต้อง ดำน้ำออกไป” เอเดนเปรยยิ้มๆ เมื่อเห็นวาริชและวนัสสาชะงักและสบตากัน
เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจ “ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ปกติเราไม่ใช้ทางนี้หรอกครับ ต้องใช้รั้วอีกฟาก
นี่มันเป็นแค่ทางน้ำไหล ไว้ใช้ตอนเปลี่ยนน้ำทำความสะอาด แต่ก็มีช่องกว้างพอที่คนจะลอดออกไปได้สบาย”

“คุณรออยู่ฝั่งนี้นะวนัส ผมขอไปดูลาดเลาก่อนแล้วจะกลับมาบอก ไปไม่นานหรอก”
วาริชตัดสินใจส่งไฟฉายเก่าที่เอาลงน้ำไม่ได้ให้หญิงสาวพลางถอดเสื้อออกให้เธอถือไว้เสียด้วย

เอเดนไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อนำไปถึงจุดที่มีตาข่ายกรอง ตัวสูบน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดประดามี
แถวนั้นมีบ่อน้ำปริ่มอยู่ เสียงน้ำตกเบาๆไหลรินอยู่อีกฟาก เด็กหนุ่มหย่อนกายนำลงไปในน้ำทันที
โดยไม่แม้แต่จะถอดเสื้อ วาริชก้าวตาม เมื่อมองทั้งสองจมหายลงน้ำไปด้วยกันแล้วนัสสาก็ยัง
ขบริมฝีปากที่อยากจะเรียกรั้งวาริชเอาไว้ แยกกันแบบนี้มันไม่ดีเลย เธอไม่ไว้ใจเอเดน
แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกมากนัก พื้นที่ตรงนี้มีซอกเล็กซอกน้อย
ดูเหมือนจะเป็นทางแยกไปห้องควบคุมน้ำ กับซอกที่ใช้เก็บของ

แสงสลัวน้อยนิดของดวงไฟทำให้คิดสงสัย ส่องดูด้วยไฟฉายก็พบว่าข้างบนมีหลอดไฟที่ไม่ได้เปิดอยู่อีก
ในนี้มืดมาก จะทำงานได้ยังไง เอเดนต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าจุดเปิดไฟอยู่ตรงไหน แต่เขากลับจงใจมองข้าม
คิดได้อย่างนั้นแล้ววนัสสาก็ตัดสินใจย้ายตัวเองไปซ่อนอยู่ในซอกหลืบมุมอับข้างทาง ดับไฟฉายลง...

ไม่นาน เสียงน้ำกระเพื่อมไหวแหวกออกที่แอ่งน้ำเบาๆก็เพียงพอจะทำให้รู้ มีคนกำลังกลับขึ้นมาแล้ว
วนัสสาใจเต้นแรงขึ้นอีก รู้ดีว่าถ้าเป็นคนอย่างวาริช เขาจะต้องส่งเสียงเอะอะนำมาก่อน บอกเธอว่า
ทางสะดวก หรือไม่ก็บ่นพึมว่ากว่าจะมุดลงไปโผล่ได้ช่างลำบากยากเย็น แต่นี่ไม่มีเสียงอะไรนำมาเลย...



----------
ในต้นฉบับที่พิมพ์ สายชล-เชนทร์
เปลี่ยนเป็น สายชล-ทรงวุฒิ
เพื่อไม่ให้ชื่อคล้ายตัวละครของอีกเรื่องในชุดเดียวกัน

อย่าลืมไปเล่นเกมชิงหนังสือชุดความลับของผีเสื้อได้ในเฟซบุค อสิตา และ ภาวิน
ใกล้หมดเขตแล้วนะคะ



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2556, 12:31:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2556, 13:18:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1487





<< ความทรงจำที่ ๑๐ ความลับของดอกบัว(...ต่อ) + ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่ รีบกันหน่อยนะคะ ใกล้หมดเขตแล้ว   ความวามลับของดอกบัว(จบ) - ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" ...ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่ รีบกันหน่อยนะคะ อีก 3 วันหมดเขต >>
อสิตา 25 ก.ย. 2556, 12:43:12 น.
คุณผักชีดี๊ด๊า – อย่าเพิ่งเอะอะทำร้ายตัวละครค่า เดี๋ยวพี่ครามก็ออกมาแล้ว พี่ครามต้องมาทันเวลาสิ
คุณโกลเด้นซัน – งวดนี้มาเร็วนะคะ แหม ไม่ชอบหมอริชเหรอ เฮียแกเป็นคนดีนะ... คนเขียนเขียนแก้ตัวไว้ให้นางเอกล่วงหน้าแล้วค่ะ เพราะอยู่ในที่ศัตรูแบบนี้ ถึงไม่กินเหล้าก็ต้องกินข้าว-น้ำ มีสิทธิ์โดนยาได้ตลอด ยังไงก็ต้องกิน
คุณเลิฟหมวย – เดี๋ยวพี่ครามก็มาน่า ตอนนี้พี่ครามติดทู่ระยังมาไม่ล่ายหนา ใกล้แล้วๆๆ
คุณภาวิน – มาเชียร์หมอริชที่รักรึนี่ เดี๋ยวให้เป็นตัวละครที่มีบทบาทอีกในเรื่องต่อไปนะ แขกรับเชิญ หุหุ

คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – หนอนตัวเล็กแต่กรีดร้องดังมากหลาย ฮ่วย โล่งใจได้ไปเปลาะ แต่เรื่องทำเบบี๋ยังไม่จบแค่นี้นะ
คุณสุขุมวิท66 – รอคอยครามอยู่เหมือนกันหรือคะ เดี๋ยวได้เจอ ตอนนี้ห่วงใยนางเอกไปพลางๆก่อนค่ะ
คุณเรือใบ – หมอริชอย่าทำให้ผิดหวังนี่หมายถึงเชียร์ให้ปล้ำ หรือเชียร์ให้คุณธรรมในใจหมอเพิ่มขีดสูงขึ้นคะ เหอๆ
คุณพันธุ์แตงกวา – อย่าๆๆถอดหัวถอดไส้ ชอบนาเดียแล้วสิ หุหุ ตัวละครแบบนี้ต้องเลี้ยงไว้ใช้นานๆ เรื่องหฤโหดในการทดลองครั้งก่อนก็จะมีกล่าวถึงนะเออ โหดกว่าตอนปัจจุบันอีก


อสิตา 25 ก.ย. 2556, 12:43:39 น.
คุณเฟอร์หางอ้วนฉ่ำ – อุทานซะยาวเชียว ผสมแบบนั้นกลัวมันจะออกมาจับฉ่ายงาย ไม่ดีก็ห่วยไปเลย แต่อยากได้แบบผู้สันทัดในแต่ละสายชัดเจนง่า ตามใจเค้าหน่อยละกันนะ อิอิ เค้าว่ามันขึ้นกะวิธีเลี้ยงด้วย เหมือนอยากได้ลูกผิวขาว จะเอาคนขาวไปผสมคนดำทำไม ก็ต้องขาวกะขาวสิ
คุณซาอิ แกะน้อยหางบี้แบน – ทำไมๆๆๆ หลอกง่ายอย่างเน้ สมกับเป็นแกะตัวน้อยๆ อาหารเสือที่น่ารับประทาน
คุณsonakshi ชื่ออ่านว่าอะไรคะเนี่ย ช่วยบอกหน่อย กลัวเดาผิด – แหม อย่าเพิ่งใจร้อนค่ะ ไปกันทีละขั้น แต่เรื่องทำลูกอาจยังไม่จบเท่านี้
คุณบาร์บี้ – มาช้ายังดีกว่าไม่มา *0* ในที่สุดก็มีคนคิดถึงนวาระ รอหน่อยน้า กลับมาทีเด่นเลย


ภาวิน 25 ก.ย. 2556, 13:06:20 น.
ตอนนี้หมอริชโดดเด่นมาก แต่เอเดนทำิอะไรวาริชของชั้น จบตอนแบบนี้แฟนๆนักอ่านจะคลั่งนะอสิตา ชอบบีบหัวใจกันเหลือเกิน


ดังปัณณ์ 25 ก.ย. 2556, 13:13:29 น.
แง่ะ! ยังไม่จบอีกหรอ กระซิก ขอให้หมอริชไปทำกะหนูอีกคนล่ะกันนะ ลูกเสี่ยตัวร้ายอ่ะ หรือไม่เปลี่ยนตัวหมอริชเป็นครามแทน เขาก็โอนะ 555+ ตอนนี้หนอนกระดึ๊บไปป้วนเปี้ยนแถวปากบ่อ อี๊ย์ เอเดน เหมือนโรคจิตเลยอ่ะ น่าจัวชะมัดเลย

ว่าแต่ หมอริชพอๆเหอะ ตะเองไม่ได้เปนพระเอกอ่ะ อยากเจอคราม ที่สำคัญ พ่อดอกกุหลาบของหนอนนนนนนนน หายไปหนายยยยยยยยยคุณแป้ง นานแล้วง่า คิดถึงพ่อดอกกุหลาบฝุดๆ


sai 25 ก.ย. 2556, 14:52:56 น.
เค้าเปนแกะน้อย โดนหลอกง่ายก้าบบบ เอเดนหลอนได้อีกกกก หนูวนัสฉลาดอ่ะ หมอริชสู้ๆนะคะ แอบได้ใจแกะอีกแล้ว


พันธุ์แตงกวา 25 ก.ย. 2556, 17:06:42 น.
อยากรู้เหมือนกันว่าคราวก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หมอริชหายไปหรือเนี่ย ตาอีเดนนี่ยังไงนะ


Sukhumvit66 25 ก.ย. 2556, 18:42:23 น.
ระทึกขวัญจริง ๆ เลยค่ะ เรียลลิตี้ ตามติดชีวิตหนูทดลอง อิอิ


goldensun 25 ก.ย. 2556, 18:55:42 น.
ดีจัง ที่หมอริชเปลี่ยนใจ ถึงจะนาทีสุดท้ายก็เถอะ ค่อยมีคะแนนตีตื้นมาหน่อย
ตอนวนัสจับบ่าเอเดน ไม่รับรู้ว่าเอเดนคิดอะไรอยู่หรือคะ โผล่มาเป็นตัวหลอกอย่างนี้
ไม่รู้จะเป็นเหยื่อแทนล่าเหยื่อรึเปล่า เอเดน


เรือใบ 25 ก.ย. 2556, 21:04:34 น.
เจ้าเด็กเอเดนดูซาดิสส์มาก สรุปว่าพนักงานทุกคนดูโรคจิตสุดๆกันไปเลยยยยยย หมอริชอย่าเป็นไรน๊าาา

ปล. เชียร์ให้ปล้ำค่ะ เอ๊ย ไม่ช่าาาย เชียร์ให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีต่างหาก ><


นักอ่านเหนียวหนึบ 25 ก.ย. 2556, 21:16:30 น.
งือๆๆๆ ตอนนี้ทำเค้าหลอนยิ่งกว่าเทรลเลอร์ ซาดาโกะ2 อีกแนะ
อิตาเอเดนนี่ น่าจะไปโผล่ในนิยายฆาตกรรมต่อเนื่องนะ
หมอริซซี่ แมนๆ อ่ะ ลูกที่เกิดมาจะปล่อยให้เป็นหนูทดลองไปตลอดชีวิตได้ยังงายยย
ว่าแต่พี่ครามหายไปนานจนเค้าจิจำไม่ได้แล้นน้าาาาา เอามาสนองนิ้ดดด ด่วนนน


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 25 ก.ย. 2556, 21:29:13 น.
นาวี่อ่า นาวี่เค้าหายไปหนายยยยย งอแงๆดิ้นๆๆ


Chii 25 ก.ย. 2556, 22:24:13 น.
ไหนพี่ครามคะ!!
อสิคะ เอาพี่ครามมาเด๋วนี้ค่ะ อย่าเก็บไว้กกคนเดียว


auraiw 26 ก.ย. 2556, 16:28:37 น.
สวัสดีค่ะ เพิ่งได้มีโอกาศเข้ามาอ่านดู ขอบอกเลยว่าตอนแรก ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องแนวนี้ค่ะ
แต่พอได้มาอ่าน เริงราตรีสีขาว และทราบว่าเป็นชุดเดียวกันเลยลองเข้ามาอ่านดูค่ะ เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ
ลุ้นและน่าติดตามมาก ค่ะ เรื่มจะหลงรักเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณค่ะ


Barby 27 ก.ย. 2556, 13:24:43 น.
ฮื้อๆนวาระของเค้าก้อยังไม่มา จบตอนแบบนี้คอยแย่เลยง่ะ


Zephyr 28 ก.ย. 2556, 23:46:02 น.
ลุ้นฝุดๆ
อ่านไปๆ ชักจะเหมือนนิยายโรคจิตมากกว่าพลังจิตละนะ มะม้า
ฝั่งผู้ทดลอง แต่ละคนดูจิตไม่ปกติทั้งนั้นเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account