ลิขิตฟ้าปาฏิหาริย์รัก (สนพ.กรีนมายด์) วางแผงเร็วๆ นี้
เมื่อย่างเข้าสู่วัยเบญเพสมักจะมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นกับมนุษย์ ซึ่งอาจจะมีทั้งดีและร้าย แต่สำหรับ ’กานต์พิชชา’ การได้พบกับวิญญาณของ ‘ศิวา ศิโรรัตน์’ ดาราหนุ่มรูปหล่อขวัญใจของสาวๆ ทั้งประเทศ เธอไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ เพราะว่าเขาไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด แต่กลับน่ารักเสียจนเธอเผลอหลงรักวิญญาณเข้าเต็มเปา แล้วกานต์พิชชาควรจะจัดการกับหัวใจของตัวเองยังไงดี เพราะคุณวิญญาณรูปหล่อคอยวนเวียนตามป่วนหัวใจแถมหึงหวงเธออยู่ตลอดเวลา
“ผมหึงคุณหึงมาก ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาใกล้ชิดคุณ แล้วก็ไม่อยากให้คุณพูดถึงผู้ชายคนไหนต่อหน้าผมด้วย” พูดจบศิวาก็ก้มหน้าลงมาหาใบหน้าสวยคมของคนที่กำลังมองสบตาเขาอย่างงุนงงทันที
กานต์พิชชายืนนิ่งตะลึงงัน เมื่อริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มประทับลงมาบนกลีบปากบางของเธอ ถึงแม้ว่าร่างของเขาจะโปร่งแสงเป็นเพียงวิญญาณที่ไร้เลือดเนื้อ แต่น่าแปลกเหลือเกินที่หญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาแสนนุ่มนวล และเจือปนไปด้วยความอ่อนหวานที่ค่อยๆ แทรกซึมลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ ก่อนจะลามไปทั่วร่างระหงราวกับถูกโอบกอดเอาไว้ในอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของเจ้าของรอยจูบนั้น
แต่ความรักครั้งนี้จะสมหวังได้อย่างไร ถ้าเขายังกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้ ศิวาต้องไขปริศนาความทรงจำที่หายไป และหาวิธีกลับเข้าร่างของตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ชายหนุ่มจะทำได้หรือไม่ และความรักของทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร มาร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้คนทั้งคู่ได้ใน ‘ลิขิตฟ้าปาฏิหาริย์รัก’

***เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้ว ขอลงให้อ่านแค่ครึ่งเรื่องคือ 12 ตอนนะคะ ส่วนครึ่งเรื่องที่เหลือรบกวนติดตามอ่านต่อในเล่มค่ะ จะวางแผงสิ้นเดือนกันยายนนี้แล้วค่ะ***
Tags: กุ๊กกิ๊ก,หวานแหวว,แฟนตาซี

ตอน: ตอนที่ 11

ตอนเย็นในระหว่างที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับศิวาหลังจากที่เดินทางกลับมาจากโรงพยาบาล กานต์พิชชาก็พูดเรื่องความบังเอิญที่ปุณมนัสคือคุณหมอคนใหม่ที่จะมาดูแลศิวา ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก หญิงสาวยังเล่าให้เขาฟังต่อไปอีกว่า เมื่อสมัยที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเวลาที่เธอไม่สบายปุณมนัสก็จะมาคอยดูแลเอาใจใส่ และบังคับให้เธอกินข้าวกินยาให้ตรงตามเวลาเสมอ จึงทำให้เธอหายป่วยอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงคิดว่าศิวาโชคดีที่ได้ปุณมนัสมาดูแล เพราะว่าเขาเป็นคนที่เอาใจใส่คนไข้มาก

ศิวามองใบหน้ายิ้มแย้มอย่างขบขันและมีความสุขของกานต์พิชชาเมื่อเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตพลางทำหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์และเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นตามลำดับอย่างไม่มีเหตุผล ในที่สุดชายหนุ่มก็เลยโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงพาลเกเรเหมือนเด็กว่า

“ผมไม่เห็นจะอยากให้หมอปุณมนัสมาดูแลผมเลย”

“ทำไมล่ะคะ?” กานต์พิชชาถามอย่างงุนงง

“ก็เพราะว่าคุณหมอปุณมนัสไม่สามารถทำให้ผมฟื้นขึ้นมาได้น่ะสิครับ” ศิวาตอบเสียงห้วน

“อืม...ก็จริงอย่างที่คุณพูดนะคะ ทางเดียวที่คุณจะฟื้นได้ก็คือวิญญาณของคุณจะต้องกลับเข้าร่างเท่านั้น แต่อย่างน้อยถ้าคุณได้คุณหมอที่เอาใจใส่คนไข้อย่างพี่ปุ่นมาดูแลฉันคิดว่า...” กานต์พิชชายังพูดไม่จบประโยคดีก็ถูกศิวาพูดแทรกขึ้นเสียก่อน

“ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องหมอปุณมนัสดีกว่านะตอง ผมขอตัวออกไปเดินเล่นหน้าบ้านนะ” พูดจบร่างของศิวาก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาหญิงสาวทันที ท่ามกลางความงุนงงของกานต์พิชชาซึ่งพึมพำตามหลังชายหนุ่มว่า

“อ้าว!!! เป็นอะไรของเค้าอีกล่ะเนี่ย?”

ศิวาถอนหายใจเบาๆ เมื่อออกมาเดินเล่นอยู่ที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มก็รู้สึกตัวอยู่หรอกว่าเขาไม่มีเหตุผลเลยที่ไปหงุดหงิดใส่กานต์พิชชา แต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ยิ่งฟังหญิงสาวพูดถึงคุณหมอหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบนั้นเขาก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเรื่อยๆ ศิวาไม่อยากได้ยินกานต์พิชชาพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขาเลย ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่าทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดแบบนี้

“ท่าจะบ้าแล้วนายศิวา เค้าจะพูดถึงใครยังไงนายก็ไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเค้าซะหน่อย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำต่อว่าตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อีกรอบ



ตอนสายวันต่อมาปราณปรียาก็ต้องขมวดคิ้วโก่งเรียวด้วยความประหลาดใจเมื่อพิมพิไลผู้จัดการร้านเข้ามาบอกกับเธอว่าวิปัศย์มาขอพบ หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าพลางบอกให้อีกฝ่ายไปเชิญชายหนุ่มเข้ามาพบในห้อง พิมพิไลพยักหน้าพลางรับคำเบาๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปเชิญชายหนุ่มผู้เป็นแขกเข้ามาพบเจ้าของร้านสาวสวย

“นายวิบัติมาทำไมล่ะเนี่ย หมอนี่ตามจองเวรไม่เลิกเลยแฮะ” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

ครู่หนึ่งวิปัศย์ก็ก้าวเข้ามาในห้อง หลังจากที่เชิญให้เขานั่งเรียบร้อยและพิมพิไลออกไปจากห้องแล้วปราณปรียาก็ถามชายหนุ่มว่า

“คุณมาขอพบฉันมีธุระอะไรเหรอคะ?”

“ผมมาเพราะเรื่องที่เราคุยกันเมื่อวานที่โรงพยาบาล” วิปัศย์ตอบ

“ฉันว่าฉันพูดชัดเจนแล้วนะ คุณยังมีอะไรสงสัยอีกเหรอคะ?”

“ก็เรื่องที่คุณบอกว่าวิญญาณนายศิวาหลุดออกมาจากร่างแล้วยังกลับเข้าร่างไม่ได้...”

“ค่ะ...ทำไมเหรอคะ?” ปราณปรียาถามชายหนุ่มด้วยความงุนงง วิปัศย์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นว่า

“ถ้าเรื่องที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง ก็แสดงว่าตอนนี้นายศิวากำลังลำบากอยู่ใช่มั้ย?”

ปราณปรียามองหน้าชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามว่าเขาเชื่อในสิ่งที่เธอพูดแล้วเหรอ วิปัศย์เลยถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่าเมื่อคืนเขาลองไปนอนคิดทบทวนถึงเรื่องที่ปราณปรียาบอกความลับของเขาได้ถูกต้อง ทั้งๆ ที่เรื่องพวกนั้นมีเพียงเขากับศิวาที่รู้กันอยู่แค่สองคนเท่านั้น จึงทำให้เขาเริ่มเชื่อว่าเธออาจจะมองเห็นวิญญาณของศิวาจริงๆ ก็ได้

ปราณปรียารู้สึกดีขึ้นบ้างที่วิปัศย์มีทีท่าเปลี่ยนไปและเริ่มเชื่อในสิ่งที่เธอพูดแล้ว วิปัศย์บอกกับหญิงสาวว่าเขารู้สึกเป็นห่วงศิวามากและอยากรู้ว่าเพื่อนรักของเขากำลังลำบากมากหรือเปล่า แล้วเมื่อไหร่วิญญาณของศิวาจึงจะสามารถกลับเข้าร่างได้

หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอควรจะบอกกับวิปัศย์ยังไงดี เพราะเธอไม่อยากจะบอกชายหนุ่มตามตรงว่าขณะนี้ศิวาไปอยู่ที่บ้านของกานต์พิชชา เนื่องจากไม่อยากจะอธิบายอะไรกับเขายืดยาวนัก ดังนั้นปราณปรียาจึงตัดสินใจบอกกับเขาว่า

“ตอนนี้คุณศิวาไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะ ขอแค่กลับเข้าร่างได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าคุณศิวาจะกลับเข้าร่างได้เมื่อไหร่ ฉันคงไม่สามารถตอบคุณได้ ก็อย่างที่แม่ฉันบอกนั่นแหละค่ะ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณศิวาเป็นเพราะเคราะห์กรรมของเค้า แต่ดวงชะตาคุณศิวายังไม่ถึงฆาตถ้าหมดเคราะห์กรรมเมื่อไหร่เค้าก็คงจะกลับเข้าร่างได้เองค่ะ”

“มิน่าล่ะคุณปานดาวถึงได้บอกให้คุณแม่ไปทำบุญแล้วก็นั่งวิปัสสนาอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของนายศิวา...” วิปัศย์รำพึงกับตัวเองเบาๆ

หญิงสาวลองเลียบเคียงถามวิปัศย์ว่าเขารู้หรือไม่ว่าในวันที่เกิดอุบัติเหตุศิวากำลังจะขับรถไปไหน ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่รู้เพราะวันนั้นไม่ได้ติดต่อกับศิวาเลยทั้งวัน เขามารู้ข่าวเพื่อนรักก็หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว หญิงสาวมีสีหน้าผิดหวังจนวิปัศย์ต้องถามว่าเธอสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับศิวาหรือเปล่า

ปราณปรียาปฏิเสธว่าไม่มีอะไรพร้อมทั้งกำชับกับชายหนุ่มว่าไม่ให้บอกเรื่องที่วิญญาณของศิวาหลุดออกจากร่างให้บิดามารดาของเขารู้ เพราะศิวาไม่ต้องการให้ท่านทั้งสองเป็นห่วง ซึ่งวิปัศย์ก็รับคำอย่างเข้าใจในเหตุผลก่อนจะขอตัวกลับไป

“เวลาที่ไม่พูดจากวนประสาท นิสัยคุณก็พอใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ยนายหน้าหวาน” ปราณปรียาพึมพำตามหลังชายหนุ่ม ก่อนจะนั่งลงทำงานของตัวเองต่อ


ในตอนเย็นที่ร้านเบเกอรี่ของกานต์พิชชา ปุณมนัสผลักประตูร้านก้าวเข้ามาโดยในมือหิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาด้วยพลางส่งเสียงทักทายทั้งสี่สาวอย่างร่าเริง ซึ่งกานต์พิชชาและคนอื่นๆ ต่างก็พากันทักทายตอบเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน ก่อนที่มนตราจะแซวคุณหมอหนุ่มอย่างล้อเลียนว่า

“แหม...พักนี้เห็นคุณหมอบ่อยจังเลยนะคะ”

“จริงด้วยค่ะ มาหาคุณตองทุกเย็นเลยทำคะแนนน่าดูเลยนะคะ” ปรางทิพย์ผสมโรงอีกคน ในขณะที่พราวตาส่ายหน้าอย่างระอาใจกับความปากกล้าของสองสาว ส่วนกานต์พิชชากำลังทำหน้าไม่ถูกและศิวากำลังออกอาการหงุดหงิดทันทีที่เห็นหน้าคุณหมอหนุ่ม ปุณมนัสหัวเราะด้วยสีหน้าเก้อๆ ก่อนจะพูดว่า

“เอ่อ...พอดีว่าช่วงนี้ผมออกเวรเร็วครับ ก็เลยมีเวลามาหาตองได้ทุกวัน วันนี้ผมซื้อขนมเบื้องญวนเจ้าอร่อยมาฝากพี่พราว มนแล้วก็ปรางด้วยนะครับ...”

“อู๊ยยย!!! ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ ถ้าอย่างงั้นคุณหมอมาทุกวันก็ดีค่ะ เพราะจะทำให้พวกเราได้กินของอร่อยๆ ทุกวันด้วย” มนตราพูดอย่างร่าเริง พลางรับกล่องขนมเบื้องญวนสามกล่องไปจากมือของปุณมนัส ก่อนจะถูกพราวตาเหน็บขึ้นว่า

“พูดจาน่าเกลียดจริงๆ เลยมน อายคุณหมอบ้างสิ”

“ไม่เป็นไรครับพี่พราว คนกันเองทั้งนั้น” ปุณมนัสบอกกับพราวตาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน

“ชิ!!! คนกันเองทั้งนั้น ตีซี้เลยนะคุณหมอ น่าเบื่อจริงๆ มาได้ทุกวัน” ศิวาบ่นพึมพำอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหายตัวไปจากหน้าเคาเตอร์ทันที ในขณะที่กานต์พิชชาแอบถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวสังเกตเห็นมาหลายวันแล้วว่าศิวามีท่าทางไม่ค่อยชอบคุณหมอหนุ่มนัก เพราะเธอเห็นเขามักจะหายตัวไปทุกครั้งที่อีกฝ่ายมา ซึ่งกานต์พิชชาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรศิวาถึงได้ไม่ชอบปุณมนัส

ปุณมนัสหันมาบอกกับกานต์พิชชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่าวันนี้เขาซื้อกับข้าวมาหลายอย่าง และจะขออนุญาตไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านกับเธอด้วย กานต์พิชชาเริ่มรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจทันทีเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มรุ่นพี่กำลังพยายามหาทางใกล้ชิดกับเพื่อให้เธอใจอ่อนยอมเป็นแฟนกับเขา และอีกเรื่องที่กานต์พิชชากำลังหนักใจก็คือศิวาจะต้องไม่พอใจมากแน่ๆ ถ้าหากว่าปุณมนัสไปรับประทานข้าวเย็นกับเธอที่บ้าน แต่หญิงสาวก็ไม่รู้จะปฏิเสธชายหนุ่มรุ่นพี่ยังไงดี ดังนั้นเธอจึงได้แต่ฝืนยิ้มพลางพยักหน้าแล้วรับคำเขาเบาๆ


ขณะนี้ศิวากำลังนั่งกอดอกทำหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขก พลางปรายตามองกานต์พิชชานั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกับปุณมนัสด้วยอารมณ์หงุดหงิดและรำคาญใจเวลาที่ได้ยินคุณหมอหนุ่มพูดจาหวานๆ กับหญิงสาว

ส่วนกานต์พิชชาเองก็รับประทานอาหารไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไหร่ เพราะเห็นสายตาของศิวาซึ่งนั่งจ้องเธอกับชายหนุ่มรุ่นพี่เขม็งอยู่ ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ปุณมนัสจึงทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวรวบช้อนส้อม

“อ้าว!!! ตองอิ่มแล้วเหรอครับ เพิ่งจะกินไปนิดเดียวเองนะ”

“พอดีตองไม่ค่อยหิวค่ะ” กานต์พิชชาตอบ พลางคิดอยู่ในใจว่าใครจะไปกินลงล่ะ ในเมื่อใครอีกคนกำลังนั่งจ้องมองเธอด้วยสีหน้าบึ้งตึงแบบนั้น

“กินน้อยแบบนี้ถึงได้ตัวเล็กนิดเดียว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ตองยิ่งอยู่บ้านคนเดียวด้วย พี่เป็นห่วงนะครับ” ปุณมนัสพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพอๆ กับดวงตาาของเขาที่ฉายแววห่วงใยหญิงสาวอย่างเปิดเผย

“ตองไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ปุ่น สบายมาก” กานต์พิชชาบอกชายหนุ่มรุ่นพี่พลางยิ้มให้เขาอย่างสดใส เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเธอด้วยความจริงใจ ปุณมนัสหัวเราะแล้วยกมือขึ้นโยกศีรษะหญิงสาวเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

“สมัยเรียนตองก็พูดแบบนี้ แล้วตองก็ไม่สบาย เดือดร้อนพี่ต้องมาคอยดูแลบังคับให้กินข้าวกินยาทุกที จำได้รึเปล่าครับเด็กดื้อ”
กานต์พิชชาเบี่ยงศีรษะตัวเองออกจากมือของชายหนุ่มรุ่นพี่อย่างนุ่มนวล เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดใจกับความสนิทสนมที่ปุณมนัสแสดงออกมากขึ้นทุกวัน และรู้สึกอายกับสายตาของศิวาที่กำลังจ้องมองมาด้วย

“เดี๋ยวนี้ตองแข็งแรงแล้วล่ะค่ะ ไม่ป่วยง่ายๆ หรอก ขอบคุณที่พี่ปุ่นเป็นห่วงนะคะ”

“จะไม่ให้พี่เป็นห่วงตองได้ยังไง ตองก็รู้นี่ครับว่าพี่รู้สึกยังไงกับตอง แล้วความรู้สึกของพี่ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย...” ปุณมนัสพูดพลางเอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวเอาไว้ พร้อมทั้งพูดต่อไปอีก

“พี่เคยรักตองยังไง พี่ก็ยังรักตองเหมือนเดิม เมื่อไหร่ตองจะให้โอกาสพี่ได้ดูแลตองในฐานะแฟนซะ...”

โครมมมมมมมม!!!

เสียงอะไรบางอย่างกระแทกกับพื้นบ้านอย่างแรง ก่อนที่ปุณมนัสจะพูดจบประโยค ทำให้คุณหมอหนุ่มชะงักและหันมามองดูที่ต้นเสียงพร้อมๆ กับหญิงสาว แล้วก็พบว่าขณะนี้ตุ๊กตาไม้แกะสลักรูปหนุ่มอินเดียนแดงที่กานต์พิชชาตั้งโชว์เอาไว้ข้างบันไดได้ล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นแล้ว

“เอ๊ะ!!! อยู่ดีๆ ทำไมตุ๊กตาถึงล้มได้ล่ะครับ?” ปุณมนัสถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะว่าตุ๊กตาไม้ตัวนั้นมีขนาดที่ใหญ่และน่าจะมีน้ำหนักมากพอควร ถ้าไม่ถูกชนหรือถูกกระแทกอย่างแรงก็ไม่มีทางที่จะล้มลงมานอนกลิ้งอยู่ที่พื้นได้แน่นอน

กานต์พิชชาหันไปมองหน้าศิวาทันที แล้วก็พบว่าเขากำลังเอนตัวพิงพนักโซฟาอยู่อย่างสบายอารมณ์ ด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งสิ้นแต่เธอรู้ดีว่าต้องเป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะแกล้งตอบชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยประโยคที่จงใจกระทบใครบางคน

“สงสัยผีผลักมั้งคะ”

“ฮะ! ผีผลัก ตองกำลังอำพี่อยู่รึเปล่าครับเนี่ย” ปุณมนัสพูดด้วยน้ำเสียงขบขันเพราะคิดว่าหญิงสาวพูดเล่นมากกว่า

“เปล่าค่ะ ตองพูดจริงๆ ก็อยู่ดีๆ ข้าวของล้มโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้จะให้ตองโทษใครล่ะคะ นอกจากผี” กานต์พิชชาแกล้งพูดกระทบศิวาอีกครั้ง แล้วหญิงสาวก็แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้เมื่อเห็นคนถูกพูดกระทบออกอาการฉุนอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหายตัวไปจากตรงนั้นในทันทีทันใด

“หึๆ ตองนี่ยังชอบพูดเล่นเหมือนเดิมเลยนะครับ” ปุณมนัสซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรยังคงพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน ส่วนกานต์พิชชาได้แต่แอบส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับคนขี้โมโหที่หายตัวไป



หลังจากที่ปุณมนัสขอตัวกลับไปแล้วกานต์พิชชาก็ส่งเสียงเรียกหาคนขี้งอนที่หายตัวไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากศิวาแล้วเขาก็ไม่ยอมปรากฏร่างออกมาให้เธอเห็นด้วย หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ อย่างอ่อนใจ ก่อนจะพูดขู่ชายหนุ่มเสียงเข้ม

“ตกลงคุณจะไม่ออกมาใช่มั้ยศิวา ถ้างั้นก็ตามใจฉันจะขึ้นไปอาบน้ำนอนแล้ว เบื่อผีขี้โมโห” พูดจบหญิงสาวก็เตรียมจะเดินขึ้นบันไดไปทันที

“ผมยังไม่ตาย เพราะฉะนั้นคุณห้ามเรียกผมว่าผีนะ ผมไม่ชอบ” ศิวาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหญิงสาวทันทีพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ กานต์พิชชามองหน้าชายหนุ่มก่อนจะถามว่า

“ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้คุณก็คงจะไม่ยอมออกมาคุยกับฉันหรอก ใช่มั้ยล่ะ?”

“คุณยังอยากจะคุยกับผมอีกเหรอ ผมเห็นคุณนั่งคุยสวีทหวานแหววกับคุณหมอรูปหล่อคนนั้นอยู่ตั้งนานสองนานแล้วนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันใบหน้าหล่อเหลางอง้ำ

“ฉันไม่ได้นั่งคุยสวีทหวานแหววกับพี่ปุ่นนะ” หญิงสาวปฏิเสธ แต่ศิวาก็เถียงกลับมาอีก

“ก็ผมเห็นอยู่ว่าเค้าจับมือคุณ บอกรักคุณ แล้วก็กำลังจะขอเป็นแฟนกับคุณ...”

“แล้วคุณก็เลยแกล้งทำตุ๊กตาอินเดียนแดงล้มงั้นสิ” กานต์พิชชาต่อว่าชายหนุ่ม

“ทำไมล่ะ คุณเสียดายรึไงที่ไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับหมอนั่น?” ศิวาถามด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ

“จะบ้าเหรอ!!! ถึงคุณไม่ทำตุ๊กตาตัวนั้นล้ม ฉันก็ไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่ปุ่นหรอกน่า เพราะว่าฉันไม่ได้ชอบเค้า ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกคุณไปแล้วนะ...” กานต์พิชชาพูดอย่างอ่อนใจ

“ถ้างั้นคุณก็ไม่ต้องมาโกรธผมสิ เพราะว่าผมอุตส่าห์ช่วยคุณ” ศิวาพูดหน้าตาเฉย

“ฉันไม่ได้โกรธคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงได้ไม่ชอบพี่ปุ่น”

“แล้วทำไมผมต้องชอบเค้าด้วยล่ะ” ศิวาเถียงข้างๆ คูๆ เหมือนเด็ก

กานต์พิชชายกมือขึ้นกอดอกแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจพลางบ่นว่าศิวาทำตัวไม่มีเหตุผล ทั้งที่ปุณมนัสก็นิสัยดีและเป็นหมอที่คอยดูแลเขาด้วย พร้อมทั้งพูดว่าเธอไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรเขาถึงหงุดเหงิดอารมณ์เสียทุกครั้งที่เห็นปุณมนัสมาที่ร้านของเธอ ศิวาพูดอย่างเอาแต่ใจว่าเขารำคาญปุณมนัสและให้หญิงสาวบอกกับคุณหมอหนุ่มว่าไม่ต้องมาหาเธอทุกวัน แต่กานต์พิชชาปฏิเสธว่าเธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะว่าปุณมนัสเป็นรุ่นพี่ของเธอ

“ผมไม่ชอบนี่ พอเค้ามาคุณก็ต้องไปนั่งคุยกับเค้า ไม่มีเวลามาคุยกับผม ทั้งๆ ที่มีคุณคนเดียวที่คุยกับผมได้” ศิวายังคงบ่นกระปอดกระแปดต่อไปพลางทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ

“นี่คุณโมโหที่ฉันไม่ได้มานั่งคุยกับคุณหรอกเหรอ ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้” กานต์พิชชาพูดอย่างขบขัน แต่ศิวาไม่ขำด้วย เขามองสบตาหญิงสาวนิ่งพลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ผมไม่ชอบที่เค้ามานั่งคุยกับคุณ มานั่งจีบคุณ มาทำตาหวานใส่คุณ มาใกล้ชิดคุณ แล้วก็มาจับมือคุณต่างหาก”

“ฮะ!!!” กานต์พิชชาอุทานพลางมองจ้องหน้าชายหนุ่มแล้วถามเขาด้วยความงุนงง “คุณ...หมายความว่ายังไง ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

ศิวามองใบหน้าสวยคมของหญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า

“ผมคิดมาหลายวันแล้วว่าทำไมผมต้องหงุดหงิดไม่พอใจ แล้วก็โมโหทุกครั้งเวลาที่เห็นคุณหมอคนนั้นมาใกล้ชิดคุณ ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเพราะผมหวงคุณ เพราะว่าคุณเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมมีในตอนนี้...” ศิวาเว้นช่วงนิดหนึ่งพลางก้าวเข้ามาใกล้หญิงสาว ในขณะที่กานต์พิชชาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจและรอฟังว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดอะไรต่อไป ศิวาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะพูดต่อไปอีกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่วันนี้ พอผมเห็นหมอนั่นจับมือคุณ บอกรักคุณ แล้วก็ขอคุณเป็นแฟน ผมก็รู้แล้วล่ะว่าผมไม่ได้แค่หวงคุณ แต่ผมกำลังหึงคุณต่างหากตอง...”

“หึง...คุณบอกว่าคุณหึงฉัน...งั้นเหรอ?” กานต์พิชชาทวนถามอย่างไม่แน่ใจว่าเธอหูฝาดไปเองรึเปล่าที่ได้ยิน ศิวา ศิโรรัตน์ ดาราหนุ่มชื่อดังบอกว่าเขาหึงเธอ ในขณะที่หัวใจของหญิงสาวเริ่มเต้นแรงตามลำดับ อีกทั้งใบหน้าก็ร้อนวูบวาบไปหมด ศิวาพยักหน้าพลางมองสบตาหญิงสาวนิ่งแล้วทวนคำพูดของตัวเองอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ใช่...ผมหึงคุณ”

“มัน...จะเป็นไปได้...ยังไง ที่คุณหึงฉัน” กานต์พิชชาพึมพำพูดด้วยความมึนงง ศิวายกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นจับไหล่ของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะทวนคำพูดของตัวเองอีกครั้งว่า

“ผมหึงคุณ หึงมาก ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาใกล้ชิดคุณ แล้วก็ไม่อยากให้คุณพูดถึงผู้ชายคนไหนต่อหน้าผมด้วย...” พูดจบศิวาก็ก้มหน้าลงมาหาใบหน้าสวยคมของคนที่กำลังมองสบตาเขาอยู่ด้วยความงุนงงทันที

กานต์พิชชายืนนิ่งตะลึงงัน เมื่อริมฝีปากสวยได้รูปของชายหนุ่มประทับลงมาบนกลีบบางของเธอ ถึงแม้ว่าร่างของเขาจะโปร่งแสงเป็นเพียงวิญญาณที่ไร้เลือดเนื้อ แต่น่าแปลกเหลือเกินที่หญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาแสนนุ่มนวล อ่อนโยน อบอุ่นและเจือปนไปด้วยความอ่อนหวานที่ค่อยๆ แทรกซึมลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ ก่อนจะลามไปทั่วร่างระหงราวกับถูกโอบกอดเอาไว้ในอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของเจ้าของรอยจูบนั้น

“ผมรักคุณนะก้านตอง...” ศิวากระซิบบอกหญิงสาวด้วยแววตาหวานซึ้งอ่อนโยน เมื่อเขาถอนริมฝีปากได้รูปสวยออกไป กานต์พิชชาก้มหน้าลงด้วยความเขินทันทีเมื่อตั้งสติได้ ศิวาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นอาการเขินของหญิงสาว

“แล้วคุณรู้สึกยังไงกับผม รักผมบ้างรึเปล่า บอกผมหน่อยสิครับ”

“คือ...ฉัน...คือว่า...”

“คือว่าอะไรครับ?” ศิวาถามเสียงนุ่มพลางพยายามจะสบตาหญิงสาว แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่หลบไปเลี่ยงมา ชายหนุ่มจึงสรุปดื้อๆ

“คือว่า...คุณก็รักผมเหมือนกันใช่มั้ย?”

กานต์พิชชาอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไงดี เธอไม่เคยรู้สึกเขินอาย ใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเหมือนเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับศิวาเลย แล้วอย่างนี้ใช่เธอรักเขารึเปล่า หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของชายหนุ่ม แล้วภาพเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับเขาก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของหญิงสาวตามลำดับ ความใกล้ชิด ความรู้สึกผูกพันราวกับเขาคือคนในครอบครัว และความห่วงใยที่เธอมีให้ชายหนุ่มเพิ่มมากขึ้นทุกวัน คงจะเป็นคำตอบได้แล้วกระมังว่าเธอหลงรักผู้ชายคนนี้จนหมดหัวใจแล้ว

“ไม่ปฏิเสธแสดงว่ายอมรับนะครับ” ศิวาสรุปเสร็จสรรพด้วยดวงตามเป็นประกายพราวระยับ

“อ๊ายยย!!! ทำไมคุณโมเมแบบนี้ล่ะ?” หญิงสาวโวยวายใบหน้าตาแดงก่ำ

“ถ้าคุณไม่รักผมคงไม่ยอมให้ผมจูบหรอกจริงมั้ยครับ เพราะฉะนั้นเมื่อกี๊คือจูบมัดจำถือว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว ต่อไปนี้ห้ามคุณให้ผู้ชายคนไหนมานั่งจีบ จับมือถือแขนคุณอีกนะ ไม่งั้นผมอาละวาดแน่ๆ” ศิวาขู่ในตอนท้ายประโยค

กานต์พิชชามองค้อนอย่างหมั่นไส้พลางบ่นว่าศิวาขี้หึงไม่เข้าเรื่อง ชายหนุ่มเลยยิ้มกว้างก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้พลางพูดอย่างมีความสุข

“ผมรักคุณจริงๆ นะ ถ้าผมกลับเข้าร่างได้เมื่อไหร่ ผมจะรีบมาขอคุณเป็นแฟนทันทีเลย”

“ให้มันจริงเถอะค่ะคุณผี” กานต์พิชชาพูดจบก็หัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นศิวาทำหน้างอนที่ถูกเธอเรียกเขาว่าผี


***ขอแจ้งว่าคืนพรุ่งนี้ไรเตอร์จะไม่ได้อัพนิยายตอนต่อไปให้อ่านนะคะ เนื่องจากต้องเดินทางไปต่างจังหวัดสองวัน กลับมาวันอังคารจะรีบมาอัพตอน 12 ซึ่งจะอัพเป็นตอนสุดท้ายให้อ่านต่ออีกหนึ่งตอน ส่วนตอนที่เหลือรบกวนติดตามอ่านในเล่มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ***



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2556, 21:55:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2556, 21:55:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1074





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
phugan 28 ก.ย. 2556, 23:10:11 น.
รับทราบค่ะ....


OhLaLa 29 ก.ย. 2556, 01:17:27 น.
จะรอนะคะ Bon Voyage


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account