เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" ...เล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊ค วันสดท้าย!

วนัสสาถอยออกจากห้องน้ำช้าๆ แต่วาริชก็หันหลังก้าวตามออกมาพอดี
เธอรู้สึกว่ายิ้มของเขาน่ากลัวจึงหันหนีไปอีกทาง และได้เห็นว่าบนเตียงมีกุญแจมือคู่หนึ่งวางอยู่
เขาไปเอามันมาจากไหน และคิดจะใช้มันกับใคร เพราะตรงนี้ก็มีแค่เธอ!

“หมอริช สายตาสั้นเหรอคะ”

“ใช่ ก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดไม่ใส่แล้วจะเป็นจะตาย แต่ผมบอกคุณหนูแล้วไงว่าชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
ผมเกลียดแว่น มันเกะกะ อีกอย่างตาสีน้ำเงินมันก็เข้ากับรูปร่างหน้าตาผมดีอยู่ไม่ใช่หรือ”
คนฟังใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือขวดน้ำกระตุกหางเปียซึ่งม้วนขมวดเป็นเกลียวน่ารักของหญิงสาว
ผู้หันหลังให้เขาอยู่อย่างอดไม่ได้


วนัสสาหายใจเข้าแรง ดวงตานั่นมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว แต่เป็นส่วนที่เสริมเติมแต่งมา
เพื่อหลอกให้คนคิดว่าเขาเป็น ในสิ่งที่ไม่ได้เป็น... “ค่ะ ว่าแต่กุญแจมือนี่ คุณคิดจะใช้มันทำอะไรเหรอคะ”
หญิงสาวตัดสินใจหันไปมองหน้าเขาตรงๆ

“ทำไม” วาริชถามเสียงต่ำ เขาก้มลงมองเธอ เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
“คิดว่ากุญแจมือมันมีไว้ทำอะไรล่ะคุณหนู” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงระคนขัน

วนัสสาเหงื่อแตกเมื่อเขาใกล้เข้ามาอีก หากเธอก้าวถอยหลัง ก็คงจะไปจนมุมที่เตียง
แต่ถ้ากระโตกกระตากหนีตอนนี้มันก็ดูจะเป็นการยั่วยุสำหรับผู้ชายบางคน
เธอจะต้องปักหลักไว้ก่อน ให้เขาเห็นว่าไม่กลัว

“ถอยไปนะหมอริช”

“ถ้าผมไม่ถอยแล้วจะทำไม” วาริชหัวเราะ...

เขาโถมเข้าหาเธอโดยไม่สนใจว่าวนัสสาจะดิ้นรนสักแค่ไหน จุมพิตเร่าร้อนจนเจ้าของร่างบางสำลัก
สะดุ้งผวา ยิ่งทำให้อารมณ์เขาลุกโพลงตาม วาริชใช้กำลังกกกอดเธอลงกับเตียง
เกี่ยวกุญแจมือเข้าฉับ ล่ามร่างบางๆไว้กับเสาเตียงข้างหนึ่ง จากนั้นก็กระทำกับเธอตามใจชอบ
อย่างที่ใจเขาปรารถนาอยู่ในอกซึ่งดูเหมือนไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใด แต่เวลานี้มันกำลังเผาไหม้เพราะเธอ

แต่นั่นมันก็แค่ความคิด เขาทำไม่ลง...

วนัสสาหายใจแรง ตาเป็นประกายวับในแสงสีส้มสวยของโคมไฟ “ถ้าคุณคิดจะทำอะไรฉัน
เราก็ต้องสู้กันอย่างช่วยไม่ได้เลย ถึงเวลาจนตรอกขึ้นมา พลังนี่อาจจะช่วยฉันให้รอดก็ได้”
หญิงสาวพูดเสียงเฉียบ

วาริชเพียงแต่มองเธอนิ่ง แต่เมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นมีแววตัดพ้ออยู่บางเบา
“คุณหนูวนัส เรายังไม่ใช่เพื่อนกันอีกหรือไง ทั้งที่คุณทำเหมือนไว้ใจผมแล้ว รู้ไหม
คนบางคนถ้าได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น เขาก็อยากเป็นคนดีให้สมค่าความรู้สึกที่ได้รับมา
แต่ถ้าหากว่าถูกระแวงเข้าบ่อยๆแล้วละก็ เขาอาจจะอยากชั่วขึ้นมาให้สมกับที่ถูกตราหน้า
บางทีทางเลือกมันก็อยู่ในมือคุณเองนั่นแหละ แต่คุณไม่รู้ตัว...” สัตวแพทย์หนุ่มผ่อนลมหายใจ
ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวถอยห่างพอให้วนัสสาได้หายใจ

“มะ หมอริชนั่นแหละ อยากทำท่าน่ากลัวก่อน” อีกอย่างเธอกำลังช็อคกับเรื่องที่ตาเขาไม่ใช่สีน้ำเงิน
เรื่องนี้มันอาจไม่ได้สำคัญ แต่สีสันคือสัญลักษณ์ที่เธอยึดเหนี่ยวมาตลอด ตั้งแต่เข้ามาตามหาความจริง
ยังคฤหาสน์หลังนี้...ซึ่งอาจไม่มีความจริงอยู่เลยก็เป็นได้

“กุญแจมือนี่ผมเจอเมื่อกี้ ก็แค่จะเอาไว้เป็นอาวุธอีกอย่าง เผื่อเจอใครตามทาง จะได้ไม่ต้องทำร้ายรุนแรง
หาที่ล็อกตัวไว้ ไม่ต้องทุบหัวให้น็อคไปเหมือนอย่างไอ้เด็กคนสวนโรคจิตนั่น”

“ขอโทษก็ได้ที่ฉันระแวงมากไป” วนัสสาพูดเสียงอ่อน ใจมาที่ได้ยินเสียงเขาหัวเราะห้าวๆในคอ
“นี่ฉันหยิบพารามาให้ กินซะสิคะ”

วาริชเปิดขวดน้ำที่เขาถือติดออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะยื่นมือไปรับยามากิน
“ดูสิ กำไว้ซะจนชื้นเหงื่อหมดแล้ว นี่กลัวผมจริงๆใช่ไหม ไม่รู้จะสงสารหรือโมโหดี”

“นั่นสิ ลำบากมาด้วยกันแท้ๆ ไม่น่าจะระแวงคุณเลย”

วนัสสารู้สึกเก้อๆ เธอนั่งแปะลงอย่างหมดแรง พอนึกได้ว่านั่งลงไปบนเตียงที่เขาจะนอน
หญิงสาวก็เลยไถลตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้นเสียอย่างนั้น สายตาของเธอเหลือบไปเห็นลิ้นชักโต๊ะเตี้ย
ข้างเตียงนอนแง้มไว้อยู่ตรงระดับสายตาพอดีจึงค่อยๆขยับเปิดมันออกดู

บนหนังสือเล่มขาวๆ ขับให้เห็นที่คั่นหนังสือสองสามอันทำจากดอกไม้แห้งสีน้ำเงิน
มันถูกอบร่ำและรีดให้แบนอยู่ในถุงโปร่ง ดามไว้ไม่ให้หักงอด้วยแผ่นบางๆใสๆ
ที่ก้นถุงมีเกล็ดสีน้ำเงินระยิบระยับจำนวนน้อยนิดโรยตัวอยู่นอนก้น กลิ่นกรุ่นกำจาย
แล้วหญิงสาวก็เกิดความเข้าใจได้ในทันที

“ดอกไม้นี่ มันจะทำให้นึกเรื่องที่ลืมไปออก มีใครบางคนบอกฉัน...”

“จริงหรือ” วาริชย่อตัวลงมองด้วยอย่างสนอกสนใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นเวชกุลก็คงซ่อนความลับ
เรื่องดอกไม้ชนิดนี้ไว้จากเขาอย่างมิดชิดเอามากๆ เขาไม่เคยได้รับรู้ว่ามีอะไรอยู่ใต้คฤหาสน์หลังนี้
แล้วก็ไม่เคยเห็นดอกไม้ตรงหน้าที่อื่น นอกจาก... “มันเหมือนดอกในเรือนกระจกพวกนั้นใช่ไหม”

“อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้นึกได้บางส่วนนะคะ”

สัตวแพทย์หนุ่มรวบพวกมันไปพิจารณาพลางหรี่ตา นี่ต่างกับที่คั่นของดาหวันแค่นิดหน่อยเท่านั้น
เธอต้องรู้ความลับอะไรแน่ๆ มิน่า เขาเพิ่งฝันแปลกๆถึงอดีตตอนหลับไปในบาร์ จิตใต้สำนึกของเขา
กำลังถูกปลุกให้ตื่นตัวขึ้นมาทีละน้อย จำเป็นจะต้องกระตุ้นมันอย่างต่อเนื่อง

“เอาเถอะ คืนนี้ผมจะนอนดมจนหลับไปเลย ยังไงเราก็มีสถานะเป็นหนูทดลองอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่ตาย!”

“น่าจะเหมาะ เอาเป็นว่าขอฉันด้วยสักอัน...”


ศศิราศียืนเคียงข้างดร.เบ็น หนึ่งในผู้ร่วมงานคนสำคัญของโครงการทดลอง
หญิงสาวมองภาพที่ขึ้นบนจออย่างไม่ใคร่สบอารมณ์นัก “แย่...วาริชไม่ยอมทำจริงๆด้วยสินะคะ”

“ช่างเถอะครับ เราก็คาดเดาได้อยู่แล้วนี่ เรายังมีแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเยอะ อย่างที่ผมเคยบอก
แรงดึงดูดโดยธรรมชาติ บางทีมันก็สำคัญกว่าเหตุผลที่ผู้ใหญ่สรรหามาจับคู่ให้เด็กๆ”

“พูดอย่างคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนหรือคะ” ศศิราศีเย้า

“ใช้สำนวนไทยก็ได้นี่ครับคุณศศิราศี อาบน้ำร้อนมาก่อนน่ะ” ชายชราเอ่ยยิ้มย่อง

“ค่ะ ฉันน่าจะรู้ว่าด็อกเตอร์น่ะเป็นเลิศเรื่องภาษาไทย”

เบ็นผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะเข้าเรื่องการทดลองต่อ “อันที่จริง การจะจำอดีตได้หรือเปล่า
แม้จะไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเรา แต่อีกใจผมก็ลุ้นนะ เพราะถ้าจำได้ขึ้นมาจริงๆ มันก็หมายถึง
พวกเขารู้จักใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

“ค่ะ แต่อาจเกิดความยุ่งยากขึ้นมา แบบคนแรกที่จำได้นี่ไงคะ ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาของฉันเลยเชียว”

“ยังไงก็เป็นปัญหาที่คุณศศิราศีเอ็นดูไม่ใช่หรือครับ ฝากเกลี้ยกล่อมนวาระดีๆด้วยล่ะ”

“นี่ก็ทั้งปลอบทั้งขู่จนชักจะเพลีย แต่เขาเคยรับปาก ว่าจะช่วยงานทางเราเพื่อแลกกับการมีที่ยืน
ฉันยังไม่คิดว่าเขาจะลืมเรื่องนั้นเสียทีเดียว แม้จะมีอะไรผิดใจบ้างก็คงแก้ได้ไม่ยาก”

ศศิราศีขอตัวไปยังห้องพักซึ่งมีคนรอคอยเธออยู่ ห้องอย่างดีพอๆกับที่ดาหวันอยู่
บางทีศศิราศีก็รู้สึกว่าเด็กพวกนี้ได้รับสิ่งดีๆเสียจนเคยตัว และไม่ได้ทำตัวดีให้สมกับความเมตตา
ที่ได้รับสักเท่าไหร่ ดูอย่างดาหวันนั่นปะไร เอามีดปาดหน้าดร.กฤษณะสามีเธอแท้ๆ
กลับไม่ได้รับบทเรียนอะไรเลย

เมื่อหญิงสาวเปิดประตูเข้าไป เจ้าของร่างสูงโปรงซึ่งคล้ายรอคอยการมาของเธออยู่ก็ผุดลุกขึ้นในทันที
เธอแย้มยิ้มหวานให้เขา

นวาระกอดอก เขายังมีรอยยิ้มยามเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “จะให้ผมอยู่อย่างนี้ถึงเมื่อไหร่
ถ้าไว้ใจจะให้ทำงานให้ ก็รีบๆมอบหมายมาเสียที ผมบอกแล้วนะว่าอยากอยู่ในฐานะผู้ร่วมงาน
ไม่ใช่เหยื่อทดลอง”

“ใจเย็นๆก่อนสิ การควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับคงที่มีผลต่อการใช้พลังของเธอนะ”
ศศิราศีเอ่ยยามเมื่อเข้าไปยืนประจันหน้าเขาจนเกือบชิด

“บางครั้งอารมณ์พุ่งปรี๊ดก็ทำให้ใช้พลังได้ดีขึ้น บางทีอาจจะดีเกินไปจนทำให้อะไรๆมันพินาศ...
พวกคุณก็น่าจะมีบทเรียนกันไปแล้วจากคราวก่อน” ชายหนุ่มยิ้มเย็น

“แต่บางทีคราวนี้เราอาจจะเตรียมพร้อมรองรับอารมณ์ร้ายๆของพวกเธอไว้แล้วก็ได้”
ศศิราศีเชิดหน้า กอดอกยิ้มๆบ้างอย่างท้าทาย “มีเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องบอกเธอนะนิว
ท่านอนุมัติแล้วว่าวนัสสาจะต้องให้กำเนิดทายาทจากการทดลองนี้”

ตาของนวาระเป็นประกายวาบขึ้น แววแห่งความสาสมใจ เพราะเขารอให้เรื่องนี้เป็นจริงอยู่ตลอดเวลา
เขาเองเป็นคนเอาความคิดแรกเริ่มใส่หัวคนพวกนี้ด้วยซ้ำ เพราะคนที่ระดับพลังทัดเทียมเหมาะสมกับวนัสสา
ก็เห็นจะมีนวาระอยู่คนเดียวเท่านั้น

“แต่ต้องเสียใจกับเธอด้วย”

“หมายความว่ายังไง...”

“คู่ของผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ แต่เป็นวาริช ที่เราหมายตาไว้ ตามความเหมาะสมของสายพลังจิต
ในพันธุกรรม รวมกับเรื่องยีนส์ด้อยที่บกพร่องแล้วก็อื่นๆ ยังไงก็ไม่ควรเป็นเธอ”

นวาระนิ่งอั้น ขนกรามเครียดจนคนมองอยู่เห็นหน้าสวยๆของเขาเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
ศศิราศีไม่กลัว เธอเป็นคนเดียวที่เขาทำอะไรไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ใช่แค่นวาระ คนอื่นๆในการทดลอง
ก็คงทำร้ายเธอไม่ได้เช่นกัน แต่อย่างว่าแหละ ยังไม่เคยมีใครคิดจะทำอย่างนั้นเลยสักคน ดังนั้นหญิงสาว
จึงใกล้ชิดเข้าไปเพื่อโอบกอดร่างสูงที่กำลังสั่นเทาด้วยความโกรธไว้อย่างปลอบประโลม

“เถอะน่า เพื่อความก้าวหน้า เวชกุลก็จะได้กลับมาเป็นของเวชกุลจริงๆเสียที”

“แต่นั่นเป็นผู้หญิงที่ผมรัก...ได้ยินไหม” นวาระหลับตา กระซิบออกมาอย่างยากเย็น

“แล้วทำไม เธอจะทนรักผู้หญิงที่มีลูกกับคนอื่นต่อไปเหมือนเดิมไม่ได้หรือยังไง ทำใจซะเถอะ”
ศศิราศีลูบหลังลูบไหล่เขาปลอบโยน “ยิ้มหน่อยเถอะนิว เธอยิ้มสวยนะ” มือเรียวงามเอื้อมขึ้น
แตะต้องตรงรอยลักยิ้มที่ขึ้นมาให้เห็นชัดแม้เจ้าตัวจะทำหน้าบึ้ง เพราะแบบนี้ดวงหน้าสวย
ของเขาจึงดูมีเสน่ห์อยู่เสมอ แต่พักหลังนิวไม่ค่อยจะยิ้มสวยๆให้เธอดูสักที

นวาระปัดมือนั้นออก ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวคล้ายรังเกียจที่จะให้หญิงสาวมาสัมผัสตัว

“เคยคิดถึงความรู้สึกของผมบ้างไหม ไม่ใช่คนพวกนั้นนะ... ผมถามคุณนั่นแหละ
เรื่องนี้จะทำร้ายผมแค่ไหนคุณน่าจะรู้ดี แต่ก็ยังไม่โต้แย้ง เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์มาก่อนทุกอย่าง!”
ชายหนุ่มตะโกน

ศศิราศีทำใจดีสู้เสือ ก้าวไปหาเขาก้าวหนึ่ง หยิบของที่ซ่อนไว้ในสาบเสื้อแฟชั่นตัวเก๋สวยสมวัย
ออกมาอวดด้วยการยื่นมันไปต่อหน้านวาระ ลูกแก้วใสขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ภายในบรรจุด้วย
น้ำใสหล่อเลี้ยงกุหลาบดอกสวยสีน้ำเงินเอาไว้

“สโนว์โกล้บของเธอไงนิว ที่บอกว่าอยากจะได้คืน” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจ

“...ตอนที่พวกคุณเอามันไป ผมก็ไม่ได้เต็มใจอยู่แล้ว”

ชายหนุ่มกระชากมันไปจากมือศศิราศี กำมันขึ้นต่อหน้าเธอ ก่อนจะบีบโผละจนแก้วแตกคามือ
น้ำข้างในกระจายจนเปื้อนหน้าศศิราศี หญิงสาวไม่ถอยหลบ ทว่าแววตาที่มองตอบนิ่งๆ
ก็ฉายแสงกระด้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“ตอนนี้แค่ระดับพลังที่เพิ่มมาก็ไม่ต้องง้อของพรรค์นี้แล้ว อีกอย่าง...สันดานชอบตบหัว
แล้วลูบหลัง มันเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลแค่กับคนโง่ๆหรือกับวัวกับควาย ไม่ใช่คนอย่างผม!
จำใส่สมองไว้ให้ดี ผมไม่ยอมให้ทำแบบนั้นกับวนัสสา ถ้าคุณทำ เราจะเห็นดีกัน!”

ศศิราศีไม่รอให้ชายผู้อ่อนวัยกว่าพูดต่อ เสียงฝ่ามือกระทบซีกหน้าของเขาดังชัดเจนในห้อง
นวาระหน้าสะบัดไปตามแรง เมื่อหันกลับมาจ้องอย่างขึ้งแค้นระคนโกรธจัด ถ้าคนมองไม่ได้คิดไปเอง
ในแววตาเขามีทั้งความผิดหวังและเสียใจรุนแรงเจืออยู่กว่าร้อยส่วน

“ออกไป...” นวาระคำรามต่ำ เสียงห้วนจัด ...จากเคยคิดว่าผูกพัน เคยคิดว่าเข้าใจกันมากที่สุดในโลก
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาเยียวยารอยร้าวนั้นได้ มีแต่จะยิ่งแตกมากขึ้น มากขึ้นทุกวัน

หญิงสาวทำลงไปแล้วก็ตัวสั่นเพราะพลังกดดันมหาศาลจากเขา ศศิราศีเพิ่งได้สำนึก
เขาฆ่าเธอได้ด้วยพลังนั้น แต่นวาระก็ไม่ได้ทำ เจ้าของร่างระหงจำต้องถอยห่างจากร่างสูงโปร่ง
เพราะอีกฝ่ายไม่พร้อมจะรับฟังสิ่งใดจากเธออีกต่อไป

เมื่อผู้หญิงคนนั้นไปพ้นห้อง นวาระก้มมองซากสโนว์โกล้บที่ตนทำมันแตกสลายร่วงเป็นเศษอยู่บนพื้น
มือมีรอยถูกบาดแต่เขาไม่สนใจ ลูกแก้วทำนาย เขาเคยมีมันไว้สะกดจิตคนอื่น ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน
ที่วนเป็นเกลียวซับซ้อนหลอกตา

ชายหนุ่มเองศึกษาเรื่องพวกนี้มา การสะกดจิต บวกกับความสามารถของเขา...
คือพลังจิตด้านการบังคับใจคน แล้วเขาก็ถ่ายทอดพลังลงในสิ่งของ แต่มันก็อยู่ไม่ถาวร
หากไม่มีเขาคอยควบคุมใกล้ชิด พวกนั้นพรากเอาสิ่งสำคัญของเขาไป แล้วคืนให้มาเมื่อสาย
เมื่อความรู้สึกของเขาถูกทำลายไปหมดแล้ว จะมีความหมายอะไร

เขาเองไม่ต้องการลูกแก้ว แต่วนัสสาจะยังมีค่าเสมอไป เขารู้สึก...เหมือนตัวเองเป็นเศษสวะ
ที่หยิบยื่นชะตากรรมทุเรศๆไปให้เธอ เมื่อผู้ชายคนที่ว่าไม่ใช่เขา ชายหนุ่มจึงเพิ่งเข้าใจว่า
มันน่าขยะแขยงเพียงไร เหมือนได้ถอยมามองในมุมใหม่ เขามันช่างเลวสิ้นดี

นวาระทิ้งตัวลงก่ายหน้าผาก หันหัวไปทางปลายเตียง ส่วนเท้าแทบจะก่ายขึ้นไปบนหมอน
เขาไม่สนใจ ชีวิตบัดซบของเขามันหกคะเมนตีลังกามากจนเกินพอแล้ว

ตอนนี้เขาต้องการสะกดตัวเองให้นึกย้อนถึงความทรงจำบางส่วนที่ยังขาดหาย
วันก่อนเขาได้รับสารจากดอกบลูเทียร์หรือน้ำตานางฟ้ามากเกินไปในครั้งเดียว
ถ้ามากกว่านี้อาจเกิดอันตรายต่อสมอง ความทรงจำยังกลับมาไม่หมด
และตอนนี้นวาระกำลังพยายามทบทวนมันด้วยตัวเอง ภาพกุหลาบในสโนว์โกล้บ
ที่เขาเคยใช้สะกดจิตตัวเอง กลีบของมันยังหมุนติดอยู่ในจิตแม้หลับตา ราวกับกลีบนั้นค่อยๆ
คลี่แย้มขึ้นในห้วงความทรงจำ เปิดเผยกลิ่นหอมเร้นลับกรุ่นกำจายของดอกไม้อีกชนิดหนึ่งออกมาแทนที่

...ในการทดลองครั้งแรก เขาก็เริ่มต้นเหมือนอย่างครั้งนี้
เมื่อแรกเจอหน้า เขาดีกับทุกคน ด้วยความระมัดระวังตัวนำมาเป็นที่หนึ่ง แต่มีอยู่คนที่พิเศษ
ที่เห็นแล้วอยากจะดีกับเธอจากใจจริง วนัสสา...แม้เมื่อได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายแล้วหญิงสาวจะ
แข็งแกร่งพอจะเผชิญทุกอย่างลำพัง แต่เพราะดวงตากลมโตสดใส กับสุ้มเสียงฟังดูฉลาดเฉลียวของเธอ
ทำให้เขาอยากจะเอาตัวเองเข้าไปเรียนรู้ ขณะเดียวกันก็อยากปกป้องไม่ให้เธอต้องมัวหมองไม่ว่าด้วยภัยร้ายใดๆ

คงจะมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้เขารักเธอ ทั้งที่ควรจะเกลียด
ก็เธอเป็นเวชกุลสายที่ได้มีหน้ามีตาอยู่ในวงสังคมนี่นะ ส่วนเขา ไม่ใช่เลย...

มื้อแรกที่กินอาหารร่วมกันในคฤหาสน์สวยหรูซึ่งกลายเป็นไม่ต่างจากที่กักกัน
อาหารของพวกเขาไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไปตามสารอาหารที่ร่างกายแต่ละคนขาดหรือควรจะได้รับเพิ่มเติม

‘คุณไม่ชอบกินแอปเปิ้ลเหรอ งั้นเปลี่ยนกับส้มของฉันเอาไหม’
นั่นคือประโยคที่เธอเอ่ยกับเขาเป็นคำแรกในชีวิต

ชายหนุ่มเงยมองคนที่กำลังเข้ามานั่งลงข้างเขาด้วยแววตากวนๆในทีแรก ‘ส้มก็ไม่ชอบ’
นวาระตอบคล้ายปฏิเสธ แต่หน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปื้อนยิ้ม แล้วสุดท้ายก็ยอมหยิบแอปเปิ้ลเขียว
ลูกนั้นไปแลกกับส้มจากถาดของเธอ ไม่เพียงแค่แอปเปิ้ล หัวใจของเขายังติดไปด้วย

และตั้งแต่จำความได้...เขาไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนไหนเหมือนอย่างนี้เลย

ผู้หญิง...เปรียบได้กับสิ่งมีชีวิตที่คุยกันคนละภาษากับคนอย่างเขาที่ในหัวมีแต่สูตรเลข โปรแกรม
ตัวหนังสือภาษาต่างๆวิ่งพล่านไปมา ผสานแทรกกับอารมณ์ศิลปินที่เขามีเหลือเฟือ แต่วนัสสาก็
สร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมาได้ท่ามกลางอะไรๆรกรุงรังเหล่านั้น ต้องเรียกว่าอาณาจักรของเธอ
เจิดจรัสขึ้นมาในใจเขา

แบบทดสอบของพวกเขาเริ่มต้นกันด้วยคลาสง่ายๆ ในห้องเรียนที่มีคนห้าคนซึ่งพิเศษ
ครามนั่งหน้านิ่งเหมือนรูปปั้น ตาเรียวคมฉายแววไม่เป็นมิตร ดาหวันก็ดูระอาเช่นกัน
ส่วนวาริช แทบจะเลื้อยนอนไปบนโต๊ะอยู่แล้ว มีเพียงวนัสสากับเขาสองคนที่แย่งกันตอบ
เหมือนเด็กเล็กๆซึ่งแข่งกันเป็นที่หนึ่งในชั้น

ทุกคนเครียด แต่เขาและเธอพยายามผ่อนคลายเพื่อให้ผ่านแต่ละวันไปได้โดยไม่ลำบาก
ตอนแรกก็ยกมือตอบคำถามพวกหมอหรือพยาบาลที่เข้ามาทดสอบ อาสาออกไปเป็นตัวทดลอง
ในการใช้พลังจิตเบื้องต้น นวาระสังเกตเห็น หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้คนเหล่านี้
ที่กักขังพวกเขาพึงพอใจ บางทีนวาระลุกบ่อยเข้าวาริชที่อยู่ข้างหลังถีบเก้าอี้เขาแรงๆก็มี
ตอนแรกเขายังมีอารมณ์ขัน

‘ดีเหมือนกัน นักเรียนร่วมชั้นตามปกติก็ต้องมีเด็กโข่งกวนโอ๊ยนั่งข้างหลังอยู่แล้ว’

‘นั่นมันเด็กหลังห้องโว้ย แถวสองแบบนี้เรียกหลังห้องตรงไหน’ วาริชด่าเสียงแหบห้าว
แต่ก็ดูจะเป็นกันเองมากขึ้น

ทุกคนชอบนวาระ ไม่เว้นแม้กระทั่งครามหรือดาหวัน เพราะถึงเวลานอกการทดสอบ
เขาก็เป็นมิตรได้กับทุกคนอย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆ เขามักเสนอตัวเป็นคนแรก ไม่หวั่นว่า
จะต้องเจ็บหรือเจออะไร แต่พวกนั้นไม่มีใครรู้ว่าเขาเองก็มีข้อตกลงส่วนตัวกับศศิราศีไว้ก่อนแล้ว
ในอันที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการทดลอง

นวาระเจ็บแทนคนอื่น ผ่านด่านยากแทนคนอื่น ครั้งหนึ่งเขาถึงขนาดยอมเอาร่างกายตัวเอง
เข้าไปเชื่อมกระแสซึ่งขาดช่วงแทนอุปกรณ์ต่อวงจรไฟฟ้าด้วยซ้ำ ยอมใช้ร่างกายที่เกิน
คนปกติเป็นทางผ่านของพลังงานไฟฟ้าให้ภารกิจสำเร็จและประตูเปิดทุกคนได้พ้นจากห้องทดสอบไป
แค่เพื่อให้แม่ผีเสื้อน้อยที่อ่อนเพลียของเขาได้พักกินข้าวเย็นเสียที

‘นิว...คุณไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้’ วนัสสาพูดประโยคนั้นออกมาด้วยรอยยิ้มขอบคุณแทนทุกคน

แล้วเธอก็มานั่งลงใกล้ๆ คอยเลือกตักกับข้าว เอาผักที่เขาไม่ชอบไปใส่จานตัวเอง
เอาของที่เขาชอบมาใส่จานเขา นวาระอมยิ้ม ไม่เคยมีใครมาห่วงใยใส่ใจแบบนี้เลย
แค่เธอทำดีด้วยนิดๆหน่อยๆเขาก็ปลื้มแล้ว แม้เป็นการเอ็นดูเหมือนอย่างกับปฏิบัติกับเด็กชายดื้อๆ
แต่ก็น่ารักสักคนก็เถอะ

‘ผมทำเพราะไม่อยากให้คุณเจ็บตัวไง ผมทำเพื่อวนัสคนเดียวจริงๆนะ’ เขาพูดยิ้มแย้ม
จีบเธอออกนอกหน้า คิดว่าคนฟังก็คงไม่มีใครหมั่นไส้ เพราะน่าจะเห็นน้ำใจที่เขามีกับทุกคน

แล้วนวาระก็ได้รู้ว่าเขาคิดผิด ที่ว่าคงไม่มีคนหมั่นไส้ แท้จริงมีอยู่คนหนึ่ง...

‘ครามเขาเป็นอะไรน่ะวนัส ชอบแกล้งคุณอยู่เรื่อย’

‘แบบนั้นเรียกแกล้งเหรอ ฉันว่าเขาออกจะขวางหูขวางตาฉันอยู่มากกว่ามั้งคะ’ วนัสสาตอบหยิ่งๆ

เขาคงยังไร้เดียงสากับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเกินไป ไม่คิดว่าในชีวิตจริง
จะมีพระเอกที่ชอบแกล้งนางเอก อาจเพราะเขาไม่เคยเขียนบทหรือรับงานแปลเรื่องรักน้ำเน่า
นวาระดันดีใจไปเสียอีกเมื่อวนัสสาทำเหมือนไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายแบบนั้น
ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ

จนคืนหนึ่ง บนดาดฟ้า ภายใต้แสงจันทร์ เขาเห็นวนัสสาเต้นรำอยู่ในอ้อมแขนของคราม
มูนแด๊นซ์ ที่แสนเจ็บปวด เสียงฮัมเพลงบาดหัวใจ

‘ไม่คิดว่าเธอจะยังจำได้ว่าเคยเต้นเพลงนี้กับผม นึกว่ามัวดีใจที่มีเพื่อนใหม่ช่วยให้ผ่านด่านทดสอบ’
เสียงคนพูดมีแววปั้นปึ่ง

‘ถ้าคุณไม่ชอบ ทำไมไม่คอยปกป้องฉันเสียเอง’ เขาได้ยินวนัสสาหัวเราะร่าเริงยามตอบ

‘ผมอยากให้เธอแข็งแกร่งและผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง’

ไม่ลงมือทำอะไรยังไม่พอ ใช้เพียงคำพูด ก็เกทับคนที่พยายามทำดีกว่ามาตลอดได้แล้ว แค่ถ้อยคำสวยๆ
ก็คงจะได้คะแนนนำไปเต็มๆ เอาเถอะ เขายังมีโอกาสแซงหน้าหมอนั่นอีก ไม่ใช่ว่าจะจบแค่นี้

นี่เขาเป็นอะไร แค่มองเธอเต้นรำกับผู้ชายคนนั้นแล้วเจ็บปวดหัวใจได้ขนาดนี้
เขากำลังมีความรักอย่างนั้นหรือ หากรักคือภาระในใจอย่างที่ใครๆว่ากัน คราวนี้เขาคงต้องยอม
โดยไม่มีข้อแม้...

จากนั้นมา ไม่เพียงแค่วาริชที่เคยตั้งป้อมไม่ชอบคราม นวาระก็แอบเป็นแนวร่วมอย่างลับๆ
ไม่ให้วนัสสาสังเกตได้ เขาอยากเป็นฝ่ายถูกเสมอในสายตาเธอ ...จนถึงวันที่สถานการณ์เริ่มเลวร้าย
การทดลองโหดร้ายไร้มนุษยธรรมขึ้นเรื่อยๆ แต่สองคนนั้นกลับสนิทกันอย่างเปิดเผย
ทำให้เขายิ่งไม่พอใจแต่ก็ต้องระงับไว้ทุกที

‘เฮ้ยนิว คุณว่าไหม พอคลาสไหนที่นายอินเดียน่า โจนส์คนนี้เป็นตัวเด่น
รู้สึกว่าบรรยากาศของการผจญภัยมันเพิ่มขึ้นยังไงไม่รู้สิ เล่นเอาสะบักสะบอมไปตามๆกัน’
วาริชประชดด้วยการล้อชื่ออินดิโก้ ชาง ที่ออกจะคล้ายฉายาของตัวเอกในหนังจนนวาระอดหัวเราะไม่ได้

‘แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าถ้าครามรวมจิตสร้างร่างไปตัดเชือกได้เร็วกว่านี้อีกนิด
ดาหวันก็คงไม่ถูกหินหล่นลงมาทับเท้าบาดเจ็บ’ นวาระแกล้งเปรยถึงสถานการณ์จำลองอันตราย
ที่พวกเขาต้องผ่าน

เจ้าตัวคนถูกกล่าวหาไม่สนใจวาริช แต่ก็หันมาพยักหน้าเป็นเชิงคล้ายยอมรับผิดกับนวาระ
แต่คนเดือดร้อนแทนกลับเป็นวนัสสา

‘ครามก็พยายามแล้ว คนที่บ้าคือพวกที่คิดการทดลองอันตรายพวกนี้ขึ้นมามากกว่า อย่าโทษกันเองเลย’

ทำไมนะ ทั้งที่ผีเสื้อตัวสวยบินมาทางเขาก่อน ทำไมถึงได้ไม่ลงเกาะดื่มกินเสียให้อิ่ม
กลับบินไปอยู่กับดอกไม้อื่น... ไหนจะแผนเรื่องจับคู่ผิดฝาผิดตัวบ้าบอนั่นอีก
บางทีดอกกุหลาบก็อยากจะแปลงกายเป็นดอกไม้กินแมลงมากกว่า เผื่อว่าจะได้จับผีเสื้อกินสักตัว
เธอจะได้ไม่ห่างจากเขาไปหาใครคนอื่นอีกเลย



ครามไม่แปลกใจที่เมื่อลืมตาตื่นเขาคลายสภาพจากร่างจิต กลับมาสู่ตัวตนและไม่ได้นอนอยู่ข้างวนัสสา
เป็นธรรมดา ร่างสมมติหากขาดการควบคุมก็มีอันจะต้องค่อยๆสลายลง จิตเขาจึงกลับมารวมอยู่ ณ ที่ซึ่ง
ร่างกายเขาอยู่ ชายหนุ่มกะพริบตา สภาพห้องแย่ๆ เตียงแคบๆแทบไม่ต่างจากตอนที่ถูกขังรวมกันไว้ห้าคน
ทว่าเมื่อชันกายขึ้น วางฝ่าเท้าสัมผัสพื้น ชายหนุ่มกลับต้องอุทานกับสัมผัสอันแปลกปลอมไป

“นี่มัน...”

กระแสไฟฟ้าบางเบาแล่นอาบอยู่บนพื้น แม้ไม่ช็อร์ตให้เจ็บปวด คนธรรมดาอาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำ
แต่ครามก็สัมผัสได้เขาสังหรณ์ใจวูบ ผวาไปยังผนัง ลองเอามือสัมผัสดูก็พบว่ามีกระแสไฟฟ้าที่ว่า
เหมือนกัน ชายหนุ่มหลับตา ตั้งสมาธิ ทดลองสร้างร่างใหม่ขึ้นอีก หมายจะเดินทะลุผนังเบื้องหน้า
แต่แล้วเมื่อสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากข้างใต้พื้นผิวก็ไม่อาจผ่านมันออกไป
ซ้ำร้ายกระแสจากใต้ฝ่าเท้ายังเหมือนเร่งเร้าให้ร่างจิตของเขายากจะทรงสภาพอยู่ได้
ต้องสลายหายไปในเวลาไม่นาน

“นี่มันบ้า” ชายหนุ่มลืมตา ขบกรามแน่น รู้สึกเหมือนติดกับ ไปไหนไม่ได้
พวกมันวางแผนจะทำอะไรกับเขา หรือกับเธอที่เขาห่วงใย รู้แต่จะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
ไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่นอน


-----------
ใครสนใจหนังสือเงารักสีน้ำเงิน
เสิชหาเพจ อสิตา ในเฟซบุคนะคะ
เล่นเกมแจกหนังสือวันนี้วันสุดท้ายแล้ว



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2556, 07:19:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ย. 2556, 07:19:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1427





<< ความวามลับของดอกบัว(จบ) - ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" ...ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่ รีบกันหน่อยนะคะ อีก 3 วันหมดเขต   ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" (...ต่อ) + ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลนิยาย"เงารักสีน้ำเงิน"ที่เฟซบุควันนี้ >>
อสิตา 30 ก.ย. 2556, 07:20:09 น.
ภาวิน – แหม ใส่คอนแท็คเลนส์แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมน่าหมอริชชี่
คุณหนอนน้อยตัวเป้ง – กรีดร้องโหยหวนอีกแล้ว เอเดนน่ารักนะคะ ไม่ตายง่ายๆด้วย ตอนนี้เหล่าหนุ่มๆที่ร้องหาเริ่มทยอยกันออกมาเริงระบำแล้วนะ
คุณโกลเด้นซัน – ก็หมอริชตัวใหญ่เหมือนหมี แถมยังชอบทำท่าน่ากลัวนี่น้า วันนี้ครามออกมาแล้ว แต่ตอนหน้าถึงจะเด่น ขอพื้นที่ให้นวาระก่อนสักนิดนุง
คุณketza – เห็นที่ไปตอบคำถามในเฟซบุคแวบๆค่ะ เค้าตาไม่ฝาดใช่ไหม เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้เหรอคะหรือแอบอ่านนานแล้ว หุหุ
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางพันกัน – เค้าจิตเหรอ เปล๊า (เสียงสูง)ไม่มี้! คนอ่านคิดไปเองทั้งเพ จริงๆนะ ทำตาหวานใส *-*

คุณเลิฟหมวย – หมอริชน่ากลัวตรงหนายยยย อ้าว ก็คนเขียนชอบล่อลวงให้คนอ่านกลัวหมอนี่นา สงสารหมอริชจังเลย
คุณผักชีรากแฉะ – โหดนะ ทำไมต้องทำร้ายริชชี่อยู่เรื่อยเลย การที่พี่ครามไม่ออกมามันไม่ใช่ความผิดของเค้านะ
คุณกระต่ายผ้าขี้ริ้วสุดเหม็น – นาวี่ออกมาแล้ว ...ไม่ชอบคนที่ใช้คำว่าแอบมองห่างๆอย่างห่วงๆอะค่ะ มันแปลว่าไม่รักกันจริง //แสยะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – นั่นสิคะ จบตอนแบบนี้เสมอเลย คนจะได้รออ่านต่อไง *-* แหม เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มองหมอริชในแง่ดีนะคะ ยินดีด้วย หวังว่าหมอจะดีตลอดไปนะ... เอ๊ะ ยังไง
คุณสุขุมวิท66 – วนัสก็สัมผัสความรู้สึกคนได้เป็นสีค่ะ แล้วทั้งวาริช นวาระหรือคราม พวกนี้มีพื้นฐานจิตเป็นสีน้ำเงินอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับสีตา เพียงแต่เป็นเฉดสีที่ให้คนละความรู้สึกแม้จะเป็นสีเดียวกัน


อสิตา 30 ก.ย. 2556, 07:20:37 น.
คุณพันแตงที่รัก – เริ่มเขียนชื่อย่อแบบผิดความหมาย... เชื่อมั่นในตัวหมอริชชชชช น่ารักที่สุด ครามจังออกมาแล้วๆๆ เดี๋ยวตอนหน้าชดเชยให้เยอะๆเลยพ่อคราม
คุณมาลิดา – ยินดีต้อนรับสู่เงารักสีน้ำเงินค่ะ ขอบคุณที่รักพี่ครามมมม
คุณแพทแมว – มีคนเอาใจช่วยหมอริชด้วย หมอริชคิดแล้วคิดอีก ตอนนี้เอาใจช่วยตาครามต่ออีกคนนะคะ
คุณรี – หมอไม่หลอกผู้คุมให้ตายใจค่ะ หมอแค่หลอกคนอ่านให้คิดมากเฉยๆ อะต๊า คืนนี้หมอขอนอนก่อนละกัน
คุณเฟอร์ – อาราย ทำไมต้องว่าหมอฮะหมอเฟอร์!!! คอนแทคส์ ตัดคู่แข่งคราย ตัวละครมะม้าถึงตาไม่สีน้ำเงินก็เป็นพระเอกได้ป่ะ เขียนไรที่คนเดาได้มะม้าไม่ชอบนะ ตอนนี้ก็เอาตาครามบูดออกมาซักล้างแล้วดมดอมไปนะเฟอร์


ภาวิน 30 ก.ย. 2556, 07:48:36 น.
สงสารนวาระจุงเบย อยากให้ผีเสื้อโผเกาะดูดดื่ม ผีเสื้อก็ไม่สน ครามก็น่าสงสาร ถูกกระแสไฟฟ้ากักตัวไม่ให้ออกไปหาวนัสสา ตอนต่อไปจะตื่นเต้นกว่านี้ใช่ไหม สามหนุ่มหัวปั่นไปหมดแล้ว


Chii 30 ก.ย. 2556, 09:58:20 น.
ครามโผล่ออกมาสองย่อหน้า.....เอง!!
//เอาวิกซอลบลูราดดอกกุหลาบ หมั่นไส้ คิดเองเออเอง พี่ครามของเค้าต้องเป็นพระเอกสิเฟ้ยยยย


ree 30 ก.ย. 2556, 10:38:38 น.
เดาว่าศศิราศีเป็นพี่สาว ถ้าจำไม่ผิดนวาระมีพี่สาวอยู่คนนึง


ketza 30 ก.ย. 2556, 10:45:23 น.
ตามเพื่อนๆเข้ามาอ่านค่ะ เห็นเค้าแชร์ต่อๆกันมาอ่ะ(ถามตรงตอบตรง)555


goldensun 30 ก.ย. 2556, 10:59:45 น.
หลังจากทำให้ระแวง หมอริชก็ดึงความไว้วางใจกลับมาได้อีกครั้ง แต่ก็ถูกนะคะ ความเชื่อในตัวคนเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม เว้นแต่คนนั้นจะไม่รู้สึกดีด้วยอย่างพวกคนทรยศ
วนัสทำให้หนุ่มๆ คิดว่า สนิทด้วยก่อนคนอื่นทั้งนั้น ทั้งสามหนุ่มเลยมังคะ สมเป็นสาวผีเสื้อกับหนุ่มๆ ดอกไม้จริงๆ
หนุ่มนิวท่าทางเป็นมิตร แต่เบื้องหลังน่ากลัวเหมือนกัน นามสกุลเดียวกับวนัสซะด้วย ญาติกันหรือคะ
มิน่าครามถึงหายไปเลย เจอไฟฟ้าป่วนพลังนี่เอง รออ่านครามเต็มๆ ตอนหน้าค่ะ


Sukhumvit66 30 ก.ย. 2556, 13:21:50 น.
ยังไม่รู้เลยใครเป็นพระเอก แง แง


Barby 30 ก.ย. 2556, 14:59:53 น.
ดีใจเจอนวาระของหนูแล้ว ทุ่มเทอ่ะทำไมไม่รักฮือๆเขารักของเขากะได้


ดังปัณณ์ 30 ก.ย. 2556, 15:54:47 น.
ต๊ะคอมเม้นท์ก่อนนร้าาาาาาาาาาา คุณแป้งงงงงงงงงงงงง


พันธุ์แตงกวา 30 ก.ย. 2556, 17:08:58 น.
หมอริชไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆด้วย พ่อครามมาแล้ว ดีจังขอให้ได้เจอหนูวนัสเร็วๆน้า


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ก.ย. 2556, 19:18:32 น.
นี่สินะ เหตุผลที่ทำให้ พี่คล้าว เอ้ยพี่คราม ตามไปดูแลหนูนัสไม่ได้ น่าสงสาร!!! น่าจิเสก ปิกาจูไปอยู่ข้างๆ พี่คราม เอาพลังสองหมื่นโวลต์เข้าสู้เล้ยยยย 5555 จิงๆ ไม่อยากให้พี่ครามมาเบยย เพราะรู้ว่าไรเตอร์ต้องเอาพี่ครามมาทรมานแน่!!! 5555


Zephyr 30 ก.ย. 2556, 20:30:34 น.
นางแม่มดโบทอกซ์นั่นโรคจิตป่ะนี่
มีความเกี่ยวพันอะไรกับนวาระนะ
เป็นแม่ลูกกันเหรอ เหอๆๆๆๆ
และแล้ว คนคนนั้นของวนัส ก็เป็นตาครามนี่เอง มช่มะ จะตอบว่าไม่ใช่เหรอ มะม้า!!!!
โหมด เดาเรื่อยเปื่อย


ดังปัณณ์ 30 ก.ย. 2556, 20:54:06 น.
เอาแหละ ตื่นแล้วก็เลิกต๊ะคอมเม้นท์เนอะ อั้ยย่ะ! พ่อดอกกุหลาบของอิชั้น ดูท่าจะร้ายกาจไม่ธรรมด๊า นะเนี่ย ชะอุ๋ยๆๆๆๆ ห้ามทำอะไรพ่อครามของหนอนเลยเชียว งานนนี้คลานกระดึ๊บๆๆมายืนกั้นกลาง แยกเขี้ยวใส่ด้วย ห้ามทำไรครามนะตะเอง!
ชะรอย...จะโดนพ่อดอกกุหลาบเหยียบแบน ฮือๆๆ
โถ พ่อคุณครามทูนหัวของบ่าวววววววววววว โดนไฟสะกัด กระซิกๆๆๆ ลองนี่จิพ่อคราม เอามือเปียกน้ำลองแหย่ดู ฮ่าๆๆๆๆ


Pat 1 ต.ค. 2556, 19:37:46 น.
หมากเกมนี้ช่างซับซ้อนจริงๆ ครามถูกกักบริเวณนี่เองถึงหายไปหลายตอน เอาใจช่วยคิดหาวิธีออกมาให้ได้นะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account