จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: 18 ผู้ช่วยคนใหม่

18 ผู้ช่วยคนใหม่

สามเดือนแล้วที่อังศุมาลินมาอยู่กับพัฒนากร แต่อาการแพ้ท้องของเธอไม่ได้น้อยลงเลย และแน่นอนว่าพัฒนากรก็ต้องใช้ของใช้ของภรรยา แล้วผมที่เคยตัดสั้นก็ต้องปล่อยให้ยาวจนเกือบจะละบ่า

“งานที่นี่เสร็จแล้วนะ”พัฒนากรที่กำลังเล่นเกมกับพี่ชายอยู่บอกภรรยาที่เดินผ่านมาเรื่องงาน “เก็บของได้เลยนะ”
อังศุมาลินมองอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่พอเห็นพัฒนากรไม่ได้คิดจะสนใจเธอก็เลยหมดเรื่องจะพูด

“ใช้ตลอดเลย ตัวเองก็เอาแต่เล่นเกม ชิ!”บ่นไปก็เก็บเสื้อผ้าไป
จะว่าไปแทบทุกคนในบ้านก็ดูจะเอาใจเธอ ยกเว้นก็แค่อีกตาสามีคนเดียวเท่านั้น เจอหน้าเมื่อไหร่เป็นใช้ตลอด

“บ่นเก่งจริง”พัฒนากรเปิดประตูห้องเขามา แล้วนั่งลงข้าง ๆ ภรรยา พร้อมช่วยเก็บของ

“มาทำไม”

“งอน งอนตลอด ก็มาช่วยเมียไงจ๊ะ”

“พี่ดรีมด่ามาสิ”

ทั้งคู่ต่อปากกันอย่างรู้ทัน ในความคิดของทั้งทั้งสองคนดูเหมือนว่าต่างคนก็ต่างเปลี่ยนไปจากตอนที่คบกันใหม่ ๆ นิสัยบางอย่างผุดออกมา
เรื่อย ๆ

“พับดี ๆ หน่อยสิครับ ยับหมดแล้ว”

อย่างเช่นความเรียบร้อยในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พัฒนากรจะเนี้ยบเรื่องนี้มากหน่อย การแต่งกายจะดูดีมีรสนิยม เสื้อผ้ามีคราบนิดหน่อยก็จะเก็บไปบริจาคทันที ทุกคนก็เลยจะเห็นว่าเขาแต่งตัวดูดีตลอด ผิดกับอังศุมาลิน เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็จะใส่จนเละจริง ๆ แล้วมันก็จะกลายสภาพเป็นผ้าขี้ริ้ว เสื้อผ้าแพงหน่อยก็จะเก็บไว้ใส่เวลาจำเป็นเท่านั้น

“จ้า ๆ”


เช้าวันจันทร์ก็มาถึงอีกครั้ง วันนี้เป็นวันแรกที่พัฒนากรได้รับตำแหน่งใหม่ ภรรยาสาวก็ยังไม่ตื่นนอน ไอ้เรื่องนี้ก็อีก ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนนะ แต่เธอไม่เคยเปลี่ยนต่างหาก สงสัยจะอยู่ที่บ้านเขานานไปหน่อย

“กระดาษอะไรเนี่ย”

ชายหนุ่มที่กำลังจะไปเปิดตู้เย็นก็ได้เห็นกับกระดาษยาวประมาณฟุตหนึ่งแปะอยู่ มันคือรายการของใช้ในบ้านที่อังศุมาลินให้เขาซื้อเข้ามานั้นเอง

“จะเยอะไปไหนเนี่ย”

เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าสิ่งจำเป็นมันเยอะขนาดนี้ มันเยอะจนตาลายไปหมด อังศุมาลินที่ความจริงตื่นนานแล้วแอบดูสามีจากในห้อง จริง ๆ ของพวกนี้เธอจะไปซื้อเองก็ได้แต่แม่สามีเธอสอนให้ใช้วิธีนี้เพื่อสอนอะไรบางอย่างกันชายหนุ่ม



ทันทีที่เดินเข้าที่ทำงานสายตาของพนักงานร่วมตึกก็จับจ้องที่เขา ตั้งแต่ยามกับแม่บ้านที่ประจำอยู่ที่หน้าตึกแล้ว พวกเขาทักทายพัฒนากรเป็นเสียงเดียวกันว่า

“วันนี้หล่อผิดปกตินะ”

ไอ้หล่อผิดปกติเนี่ยมันเป็นยังไงนะ ชายหนุ่มบ่นในใจ แล้วก็ต้องเซ็งเมื่อเจอเข้ากับณัฐพงษ์เพื่อนร่วมงานที่ตั้งตัวเป็นคู่แข่งเขา

“สวัสดีครับท่านหัวหน้า”รอยยิ้มอาบยาพิษนั้นดูไม่ได้เลยในสายตาพัฒนากร “ว้าววันนี้ท่าหัวหน้าเปลี่ยนไปนะ เปลี่ยนแนวเรอะ”

เขาคงจะหมายถึงทรงผมและน้ำหอมที่ชายหนุ่มใช้

“ครับ พอดีเมียที่บ้านชอบนะครับคุณ...ถนอม”พัฒนากรยิ้มหยามเมื่อไปแอบรู้ชื่อเก่าที่เจ้าตัวเกียจหนักหนา “แปลกใจล่ะสิหนอม คนเป็น
หัวหน้าคนก็งี้แหละ ได้รู้ในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ฮา ๆ”

ชายหนุ่มเดินชนไหล่ถนอม เอ้ย...ณัฐพงษ์ไป ก่อนที่จะไปห้องทำงานใหม่เขาต้องเข้าไปรายงานตัวกันท่านประทานก่อน

“นั่งก่อนสิ เอ...คุณหยิบน้ำหอมผิดขวดรึวันนี้”แม้แต่ท่านประทานก็อดแซวไม่ได้ น้ำหอมกลิ่นนี้มันหวานจับจิตเหลือเกิน แต่พอเห็นหน้า
เจื่อน ๆ ของพัฒนากรก็เลยคิดว่ามุขนี้คงไม่ขำ “งานของคุณออกมาดีมากนะ ทางคุณจอห์นพอใจมากแล้วเย็นนี้เขาต้องการเลี้ยงขอบคุณ
ทางเรา คุณต้องไปให้ได้หนา”

“วันนี้เลยเหรอครับท่าน”

“ใช่สิ หรือคุณมีธุระเร่งด่วนอะไร”

“เอ่อ...เปล่าครับ”พัฒนากรไม่กล้าปฏิเสธ ยอมรับคำเชิญด้วยดี พอคุยเรื่องงานเสร็จชายหนุ่มก็เดินไปยังห้องทำงานใหม่ การตกแต่งก็ดู
เรียบหรู เพราะชายหนุ่มเป็นคนออกแบบเอง

“ชอบไหมคะ”เสียงหวานของผู้หญิงดังมาจากหน้าห้องทำงาน

พัฒนากรหันมาดูอย่างแปลกใจ เธออยู่ในชุดกระโปรงสีครีม ผมหน้าม้าซอยสั้นนั้นมันทำให้เธอดูน่ารักเหมือนเด็กมอต้น

“ดิฉันชื่อวาริกาคะ เป็นผู้ช่วยของคุณ”เธอยิ้มหวานให้เจ้านายคนใหม่

“ผู้ช่วย?”พัฒนากรเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีผู้ช่วย เธอคงเป็นเจ้าของโต๊ะทำงานหน้าห้องเขานั้นเอง

“ค่ะ ดิฉันเป็นผู้ช่วยของคุณ ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยมาฝึกงานกับคุณเชดแล้ว แต่เขาได้เลื่อนตำแหน่งไปก่อน ดิฉันเลยมาเป็นผู้ช่วยคุณ
แทน”หญิงสาวตอบอย่างฉะฉาน

พัฒนากรพยักหน้ารับรู้ เขายอมรับกับตัวเองว่าแวบแรกที่เห็นเธอไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะทำงานอะไรได้ แต่พอได้ยินว่าเธอเคยฝึกงานกับ
คุณเชด หรือคุณพิเชฐชัย ผู้ที่ได้ชื่อว่าโหดที่สุดแล้วในบริษัท ก็แสดงว่าเธอคงจะมีความสามารถพอตัว

“เช้านี้จะรับอะไรดีคะกาแฟ หรือชาดีคะ”

“ขอเป็นนมเย็นแล้วกัน เอ่อ...แล้วก็ช่วยเอาเอกสารโครงการทั้งหมดมาให้ผมด้วย ขอบคุณมาก”

“ค่ะ”

เพียงไม่กี่อึกใจผู้ช่วยสาวก็เอาแฟ้มเอกสารกองโตมาส่ง และตามด้วยนมเย็นที่มาพร้อมขนมเค้กหน้าตาน่าทาน

พัฒนากรนั่งตรวจงานจนถึงเวลาเที่ยงเสียงเคาะห้องก็ดังมาอีกครั้ง

“เชิญครับ”

“เที่ยงแล้วค่ะคุณพัฒนากร คุณจะให้ดิฉันสั่งอาหารมาให้คุณไหมคะ”

พัฒนากรเหล่ตามองที่ผนังห้องก่อนจากหันมาส่ายหน้าให้ผู้ช่วยสาว

“ผมมีธุระที่ต้องไปทำ อาจจะเข้าสายสักครึ่งชั่วโมงนะ”

“ค่ะ”เธอจะเดินออกไปเมื่อเขาหมดเรื่องพูด

“เอ่อขอบคุณนะครับ คุณวาริกาที่เข้ามาเตือน”ชายหนุ่มยิ้มบาง วาริกายิ้มรับ

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ”เธอยิ้มหวาน พัฒนากรนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบตกลง เธอเป็นผู้หญิงคงจะเลือกซื้อของได้ดีกว่าเขา

และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอดูคล่องแคล่วมากเข้าออกร้านนั้นร้านนี้เป็นว่าเล่น
“ครบแล้วค่ะคุณพัฒนากร”เธอส่งของถุงสุดท้ายให้

“เราดูห่างเหินกันจังเลยนะครับ เอ่อคุณเรียกผมว่าพี่ก็ได้ พูดสิพี่พีม”พัฒนากรรู้สึกเอ็นดูวาริกาขึ้นมา

“จะดีเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นพี่พีมก็ช่วยเรียกวา ว่า วา ก็ดีนะคะ”รอยยิ้มนั้นสดใสจริง ๆ

“วา ได้ ตอนนี้ก็เที่ยงครึ่งแล้วพี่ขอเลี้ยงเข้ากลางวันวาแล้วกัน”



“พี่พีมดูเปลี่ยนไปจากตอนที่วาเคยเห็นเลยนะคะ”

ระหว่างอยู่ในรถเธอก็พูดขึ้น พัฒนากรหันมองอย่างแปลกใจ ช่วงที่วาริกามาฝึกงานเขาก็แทบจะไม่ได้เข้าบริษัทเลย

“วาเคยเห็นพี่พีมที่งานเลี้ยงคะ แล้วก็ที่บริษัทอีกสองสามครั้ง แต่ตอนนั้นพี่พีมดูเนี้ยบมากกว่านี้ แล้วไม่คิดว่าพี่พีมจะชอบใช้น้ำหอมผู้หญิง”

“อ๋อ”

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เขาไม่คิดจะเล่าอะไรมากมายให้คนที่เพิ่งรู้จักฟังหรอก มันไม่จำเป็น



พัฒนากรพาวาริกามาที่คอนโดเขาโทรสั่งอังศุมาลินแล้วว่าวันนี้จะมีแขกมาทานข้าวด้วย วาริกาแปลกใจที่ถูกพามาถึงที่นี่

“ทำไมพี่พีมพาวามาที่นี่คะ วาขอไม่ขึ้นดีกว่า”น้ำเสียงและแววตาของเธอดูไม่ไว้ใจ

“พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกวาก่อน พี่จะต้องเอาของที่ซื้อมามาเก็บ ไม่ต้องกลัวนะพี่ไม่ได้อยู่คนเดียว ตามมาสิ”พัฒนากรขำแล้วเอาของที่
ซื้อมาหิ้วนำวาริกาไป

พอเปิดประตูห้องเข้าไปหญิงสาวก็ฟาดสายตาไปทั่วแต่ก็ยังไม่พบใคร หรือสิ่งมีชีวิตอื่นในในห้องนี้

“ห้องพี่พีมดูอบอุ่นจังเลยค่ะ กลิ่นอาหารก็หอมมาก”

“เหรอ รอพี่ที่โซฟานี่ก็นะเดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อน”

พัฒนากรเดินเอาของไปไว้ที่มุมห้องครัว อังศุมาลินที่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ จากนอกห้องนอนเลยเปิดประตูห้องออกมาพบเจอกับแขกที่
พัฒนากรว่า

“พีมมาแล้วเหรอ น้องคนนี้ใช้ไหมที่มาเป็นผู้ช่วยเธอ”อังศุมาลินยิ้มทักทายสาวที่เธอมองว่าน่ารักมากเหลือเกิน

วาริกามองกลับอย่างแปลกใจไม่คิดว่าใครอีกคนที่พัฒนากรพูดจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกลเพราะเท่าที่ดู รูปร่างที่อ้วน ผม
ที่มัดรวบแบบไม่ใช้หวี การแต่งตัวก็ดูไม่เข้ากับสถานที่ เป็นได้มากที่สุดก็แค่แม่บ้านที่พัฒนากรจ้างไว้ แต่แล้วความคิดนั้นก็ดูเหมือนจะ
ผิด

“ใช่จ๊ะที่รัก วานี่อิ้งภรรยาพี่เอง อิ้งนี่วา”

วาริกายกมือไหว้อย่างสุภาพทั้ง ๆ ที่ยังตกใจ อังศุมาลินรีบรับไหว้ด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงน่ารักคนนี้จะมารยาทดี

“ทานข้าวกันดีกว่าจ๊ะ ไม่รู้ว่าวาจะทานได้ไหม”อังศุมาลินเชื้อเชิญแล้วลงมือตักข้าวใส่จาน

“ขอบคุณคะ”

“วาลองทานดูนะ ถึงมันจะไม่อร่อยเท่าร้านอาหารใหญ่ ๆ แต่พี่รับรองว่าได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านชัวร์”พัฒนากรนั่งลงข้าง ๆ วาริกาแล้วตัก
อาหารให้เธอชิม

อังศุมาลินมองแล้วรู้สึกประหลาดตัวเอง เขาสองคนดูเป็นพวกเดียวกัน แต่เธอนี่สิกางเกงเล กับเสื้อยืดเก่า ๆ มันดูต่างจากพวกเขาจัง

“อร่อยจังค่ะ พี่พีมโชคดีนะคะที่ได้ภรรยาเก่ง ๆ แบบนี้”เสียงหวานเอ่ยชมมองหน้าพัฒนากรกับอังศุมาลินสลับกัน

“ขอบคุณคะวา พี่ก็แค่ทำอาหารเป็นบ้างนิดหน่อยเองคะ พี่เองก็ต้องขอบคุณวาที่ช่วยพีมซื้อของ ไม่อย่างนั้นพี่ไม่รู้ว่าจะได้ของกลับมากี่
อย่าง”

“ห้องพี่สองคนหนังสือเยอะจังเลยนะคะ ว้าว นี่พี่อิ้งอ่านนิยายของอินฟินิทด้วยเหรอคะ”วาริกามองเลยไปยังชั้นวางหนังสือที่อยู่ตรงข้าม

อังศุมาลินยิ้มแห้ง “พี่คืออินฟินิทเองแหละจ๊ะ”

สีหน้าของวาริกาดูตกใจขึ้นมาทันที แต่แล้วอาการนั้นก็ถูกเก็บไปในเสี้ยววินาที อังศุมาลินคิดว่าคงไม่แปลก เพราะเธอก็พอจะรู้ตัวดี

“ตัวจริงดูต่างจากในรูปถ่ายจังเลยนะคะ”

อังศุมาลินอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้เจอคนตรง ๆ แบบนี้อีกครั้ง ไม่รู้ว่าแม่นี่ไปเป็นญาติของแม่แนนนี่ด้วยรึเปล่า

“อิ้งเขากำลังท้องอยู่น่ะ อะไรก็เลยดูเปลี่ยนไป จริง ๆ อิ้งเขาน่ารักมากเลยนะ น่ารักกว่ารูปถ่ายอะไรพวกนั้นอีก แล้วอีกอย่างอิ้งก็เพิ่งเข้า
ครัวมาคงไม่มีเวลาล้างเนื้อล้างตัว”พัฒนากรรีบแก้ตัวแทนภรรยา จนวาริกานึกอิจฉาขึ้นมา

“ท้องรึคะ วาขอโทษนะคะ วาคิดว่าพี่อิ้งอ้วนเสียอีก”

มื้อนี้จบลงด้วยความเงียบเมื่ออังศุมาลินหมดเรื่องจะพูดต่อ เพราะขืนพูดต่อไปมีหวังจะพลาดตบแม่หล่อนนี้แน่

“อิ้งครับวันนี้มีเลี้ยงขอบคุณของบริษัท เราต้องไปด้วย อิ้งทานข้าวไปก่อนได้เลยนะ”

พัฒนากรเดินมากระซิบอังศุมาลิน หญิงสาวเหล่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ

“อย่าบอกนะว่าพี่เบบี้ไปด้วย”แต่อังศุมาลินกับพูดเสียงดังอย่างอดไม่ได้

“ครับ ก็เขาก็คงต้องไปเพราะเป็นเลขาคุณจอห์น มันก็แค่เรื่องงาน แล้วที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้มาอะไรกับเราแล้ว”พัฒนากรกระซิบกลับ จับ
หัวภรรยาโยกเบา ๆ “ดูแลตัวเองให้ดีนะ สัญญาว่าจะกลับก่อนเที่ยงคืน”

“อย่าสัญญา จะกลับเมื่อไหร่ก็ตามใจเถอะ อนาคตคาดเดาไม่ได้หรอกนะพีม รีบกลับไปทำงานเถอะเดี๋ยวจะสายไปกว่านี้”

“ครับ”

ชายหนุ่มหอมหน้าผากภรรยาอีกครั้ง และวาริกาเองก็ไม่ลืมที่จะไหว้อังศุมาลินอย่างนอบน้อมอีกหนึ่งที

“มารยา เอ้ย...มารยาทดีเกิน”หญิงสาวบ่นตามหลังแล้วเดินไปล็อคห้อง อะไรกันนะที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย บรรณิตา วาริกา หรืออาจ
จะเป็นตัวเธอเองที่หมดความมั่นใจ




อาหารค่ำเลี้ยงขอบคุณประกอบไปด้วยท่านประทาน คุณปรเมตร พัฒนากร วาริกา คุณจอห์น และบรรณิตา ตลอดเวลาคุณจอห์นพูดชมพัฒนากรไม่หยุดปาก ภาษาอังกฤษบ้าง ภาษาไทยบ้าง แต่ภาษาไทยบางคำก็ต้องตั้งใจฟังน่าดู

“พวกคุณเจ้งจริง ๆ”

อย่างเช่นคำนี้พอคุณจอห์นพูดออกมาทุกคนก็แทบจะสำลักพร้อมกัน

“เจ๋งค่ะ ไม่ใช้เจ้ง”บรรณิตารีบแก้

“โอเค เจ๋ง ๆ ฮันนี่เรากลับกันดีไหม ตึกมากแล้ว”และคำนี้ก็ดูจะผิดความหมายไปเยอะ

“ดึกคะไม่ใช่ตึก ถ้าอย่างนั้นดิฉันกับคุณจอห์นต้องขอตัวนะคะ สวัสดีคะคุณปวรภัท คุณปรเมตร พีมแล้วเจอกันนะ”เธอกล่าวลาทุกคนแล้ว
ก้มลงมากระซิบข้างหูพัฒนากร และแอบส่งสายตาพิฆาตไปหาวาริกา

“ดึกแล้วจริง ๆ ปั้นไปเรากลับกันเถอะ”เมื่อเห็นว่าคุณจอห์นเดินไปไกลท่านประทานเลยชวนลูกชายกลับ “คุณก็ไปส่งวาริกาเธอด้วยนะคุณ
พัฒนากร ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวมันคงไม่ดี”

ท่านประทานกับลูกชายเดินออกไปแล้ว พัฒนากรก็เลยพยักหน้าเป็นสัญญาณให้วาริกา

“วากลับเองได้ค่ะพี่พีม”

“ไม่ได้หรอกนี่ก็ดึกแล้ว อีกอย่างท่าประทานก็เป็นคนสั่งพี่เอง”

“แต่ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้วนะคะ วากลับเองได้คะพี่พีมจะได้รีบกลับบ้าน”วาริกาใช้น้ำเสียงเกรงใจ

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไหร่ พี่ส่งวาคนเดียวคงไม่นานเท่าไหร่หรอก แล้วอีกอย่างกลางคืนรถก็ไม่ติด”

“ค่า ๆ”

แล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถ ชายหนุ่มถามที่อยู่ลูกน้องก่อนจะขับออกมา

“พี่พีมรู้จักคุณบรรณิตาเป็นการส่วนตัวเหรอคะ”

“ครับ”

“เธอดูสวยน่ารักมากเลย เธออายุเท่าไหร่แล้วคะพี่พีม”

“ยี่สิบเจ็ดแล้วครับ เบบี้แก่กว่าพี่ปีหนึ่ง”

“เบบี้ ชื่อน่ารักจังเลยนะคะ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกับพี่อิ้งพูดถึง เธอเป็นคนรักเก่าพี่พีมใช่ไหมคะ”เมื่อจบประโยคคำถามสายตาพัฒนากร
ที่เคยมองที่ถนนก็ย้ายมามองคนข้าง ๆ “อย่าว่าวายุ่งเลยนะคะ แค่วาเห็นครั้งแรกวาก็รู้สึกเลยว่าคุณบรรณิตาเขายังรักพี่พีมอยู่”

หมดคำพูดใด ๆ จากทั้งสองคน พัฒนากรไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่นั่งเบาะข้าง ๆ คิดอะไร และเขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกล้าพูดกับเขาได้ถึงขนาด
นี้



ชายหนุ่มไม่คิดว่าบ้านของวาริกาจะอยู่ไกลจนถึงปทุมธานี แต่เขาก็โทษเธอไม่ได้ก็เพราะคนที่อาสาขับไปส่งก็คือเขา พอขากลับก็ไปเจอ
กับรถที่เกิดอุบัติเหตุอีก กว่าจะขยับรถได้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน และกว่าจะมาถึงคอนโดน้ำมันก็เจียนจะหมดแล้วต้องยูเทิร์นกับไปอีกหลาย
กิโล และพอผ่านร้านข้าวต้มและร้านนมสดก็เลยแวะซื้อมาฝากภรรยา

“อิ้งหลับรึยังครับ”ชายหนุ่มเดินไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาที่นอนอยู่บนเตียง หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความพยายาม “ว่าแล้วว่ายังไม่หลับ”

“เอาอะไรคิด มาปลุกทำไมคนกำลังฝันดี”อังศุมาลินหงุดหงิดที่สุด เอาผ้าห่มขึ้นมาคุมโปรง

“ตื่นก่อน กินข้าวต้มกับนมสดกัน เราซื้อมาฝาก เจ้าที่เคยไปนั่งกินด้วยกันไง ไม่ได้กินตั้งนานแล้วนะ”เขายังตื้อ พร้อมเอาชามข้าวต้มมา
ใกล้ ๆ อังศุมาลิน และนั้นก็ได้ผลเมื่อท้องของเธอร้องดังออกมาฟ้องว่าอยากกินขนาดไหน “หิวใช่ไหมล่ะ”

“มันก็แน่ล่ะเล่นเอามาล่อจมูกกันแบบนี้ แต่เราไม่กินหรอกดึกแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้วเอาไว้อุ่นกินตอนเช้าดีกว่า”

ชายหนุ่มรีบวางชามแล้วดึงผ้าห่มออกจากตัวภรรยา แล้วซุกไซหน้าลงไปแทน เลยถูกตีเข้าจัง ๆ

“เจ็บนะ”

“แล้วเธอทำบ้าอะไร”หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งแล้ว “เราท้องอยู่นะ”

“ก็เห็นว่าหิว ให้กินข้าวต้มก็ไม่กิน เราก็เลยจะเอาตัวเราให้เธอกินแทน อิ่มสบายท้อง แถมไม่อ้วนด้วยนะ”พัฒนากรแกล้งหยอกขำ ๆ อังศุ
มาลินตั้งท่าจะตีเข้าอีกที “ยอมแล้ว ๆ นี่จะกลัวอ้วนไปทำไม ตอนนี้ก็อ้วนอยู่แล้ว”

“พีม”

“ฟังก่อนสิ ตอนนี้ก็อ้วน ต่อไปก็ต้องอ้วนอีก เพราะท้องก็จะต้องใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่าไปฟังคนอื่นให้มากนักเลยนะ ลูกเราต้องการอาหาร
ที่มีประโยชน์ แล้วข้าวต้มปลานี้ก็มีประโยชน์ นมนี่ก็มีประโยชน์ มามะกินกันดีกว่า”พูดจบก็ตักข้าวต้มป้อน อังสุมาลินยอมกินแต่โดยดี
เพราะเธอหิวเอามาก ๆ เมื่อตอนเย็นทานเข้าไปได้นิดเดียวเพราะรู้สึกไม่สบายใจ “อร่อยล่ะสิ”

“เราถือเอง พีมก็กินเถอะ”อังศุมาลินยิ้มหวานก่อนจะยึดชามมาถือเอง พัฒนากรก็ยกชามตัวเองมาทานบ้าง แล้วก็ขำออกมาพร้อมกัน “ขำ
อะไรยะ”

“อิ้งล่ะขำอะไร”

“ตาบ้า กิน ๆ ไปเลย”





เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2556, 17:40:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2556, 17:40:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1252





<< 17 ความรู้สึก   19 ผีเห็นผี >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account