ลิขิตฟ้าปาฏิหาริย์รัก (สนพ.กรีนมายด์) วางแผงเร็วๆ นี้
เมื่อย่างเข้าสู่วัยเบญเพสมักจะมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นกับมนุษย์ ซึ่งอาจจะมีทั้งดีและร้าย แต่สำหรับ ’กานต์พิชชา’ การได้พบกับวิญญาณของ ‘ศิวา ศิโรรัตน์’ ดาราหนุ่มรูปหล่อขวัญใจของสาวๆ ทั้งประเทศ เธอไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ เพราะว่าเขาไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด แต่กลับน่ารักเสียจนเธอเผลอหลงรักวิญญาณเข้าเต็มเปา แล้วกานต์พิชชาควรจะจัดการกับหัวใจของตัวเองยังไงดี เพราะคุณวิญญาณรูปหล่อคอยวนเวียนตามป่วนหัวใจแถมหึงหวงเธออยู่ตลอดเวลา
“ผมหึงคุณหึงมาก ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาใกล้ชิดคุณ แล้วก็ไม่อยากให้คุณพูดถึงผู้ชายคนไหนต่อหน้าผมด้วย” พูดจบศิวาก็ก้มหน้าลงมาหาใบหน้าสวยคมของคนที่กำลังมองสบตาเขาอย่างงุนงงทันที
กานต์พิชชายืนนิ่งตะลึงงัน เมื่อริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มประทับลงมาบนกลีบปากบางของเธอ ถึงแม้ว่าร่างของเขาจะโปร่งแสงเป็นเพียงวิญญาณที่ไร้เลือดเนื้อ แต่น่าแปลกเหลือเกินที่หญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาแสนนุ่มนวล และเจือปนไปด้วยความอ่อนหวานที่ค่อยๆ แทรกซึมลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ ก่อนจะลามไปทั่วร่างระหงราวกับถูกโอบกอดเอาไว้ในอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของเจ้าของรอยจูบนั้น
แต่ความรักครั้งนี้จะสมหวังได้อย่างไร ถ้าเขายังกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้ ศิวาต้องไขปริศนาความทรงจำที่หายไป และหาวิธีกลับเข้าร่างของตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ชายหนุ่มจะทำได้หรือไม่ และความรักของทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร มาร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้คนทั้งคู่ได้ใน ‘ลิขิตฟ้าปาฏิหาริย์รัก’

***เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้ว ขอลงให้อ่านแค่ครึ่งเรื่องคือ 12 ตอนนะคะ ส่วนครึ่งเรื่องที่เหลือรบกวนติดตามอ่านต่อในเล่มค่ะ จะวางแผงสิ้นเดือนกันยายนนี้แล้วค่ะ***
Tags: กุ๊กกิ๊ก,หวานแหวว,แฟนตาซี

ตอน: ตอนที่ 12

“ตอง...ก้านตองครับ...”

“อือ...” เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบเรียกชื่อเธออยู่ข้างหูทำให้กานต์พิชชาต้องทำเสียงขานรับในลำคอและเริ่มรู้สึกตัว หญิงสาวค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ อย่างเกียจคร้าน แล้วภาพแรกที่โสตประสาทตาของเธอรับได้ก็คือ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของดาราหนุ่มสุดหล่อที่ชื่อว่า ศิวา ศิโรรัตน์

“ตื่นแล้วเหรอครับเจ้าหญิงนิทรา?” ศิวาถามเสียงนุ่ม พร้อมทั้งก้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงมาใกล้ใบหน้าของกานต์พิชชามากยิ่งขึ้น ใกล้เสียจนใบหน้าของเขาและเธอห่างกันไม่ถึงคืบเลยด้วยซ้ำ เรียกว่าแทบหายใจรดกันเลยถ้าหากว่าเขาเป็นคนไม่ใช่วิญญาณนะ

“ผมกำลังคิดว่าจะปลุกคุณด้วยมอร์นิ่งคิสแล้วนะเนี่ยถ้าเจ้าหญิงนิทรายังไม่ยอมตื่น” ศิวายังคงพูดต่อไปอีกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ทำเอาคนฟังถึงกับทำตาโตทันที ก่อนจะร้องโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำและหัวใจที่เต้นแรงว่า

“ทะลึ่ง!!!”

“ทะลึ่งตรงไหนกันครับ ผมก็แค่จะมอร์นิ่งคิสแฟนผมเฉยๆ” ศิวาพูดหน้าตาเฉย

“ห้ามคุณทำแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ แล้วก็กรุณาถอยออกไปได้แล้วค่ะคุณนาฬิกาปลุก” กานต์พิชชาบอกชายหนุ่มเสียงเข้มพลางมองค้อนเขา

ศิวาหัวเราะเบาๆ อย่างขบขันกับคำพูดท้ายประโยคของหญิงสาว พลางขยับตัวออกห่างเพื่อให้กานต์พิชชาลุกขึ้นนั่ง เขาทำหน้าที่เข้ามาปลุกเธอทุกเช้ามาหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เขาบอกรักเธอ ศิวาไม่จำเป็นต้องนอนเพราะว่าเขาไม่มีความรู้สึกง่วง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่กานต์พิชชาต้องตื่นแล้วเขาก็จะเข้ามาปลุกเธอทันที หญิงสาวก็เลยยกตำแหน่งนาฬิกาปลุกให้เขาเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง

“ใจร้ายชะมัด ขอแค่หอมแก้มบ้าง จูบบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้” ศิวาแกล้งบ่น

“เป็นวิญญาณยังจะทะลึ่งอีกนะคุณ” กานต์พิชชาว่า

“คอยดูนะถ้าผมกลับเข้าร่างได้เมื่อไหร่ผมจะหอมแก้มแล้วก็จูบทบต้นทบดอกคุณเลย” ศิวาขู่หญิงสาว กานต์พิชชาเลยแกล้งพูดว่า

“ฉันว่าคุณไปคิดทบทวนความทรงจำของคุณ เพื่อหาทางกลับเข้าร่างให้ได้ก่อนที่คุณจะมาขู่ฉันดีกว่ามั้ย?”

“ตกลงว่าคุณจะอนุญาตให้ผมหอมแก้มคุณแล้วก็จูบคุณได้ ทันทีที่ผมกลับเข้าร่างแล้วฟื้นขึ้นมาใช่มั้ยตอง สัญญาแล้วห้ามคืนคำนะครับ” ศิวาพูดพลางอมยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“อ๊ายยย!!! ฉันไปสัญญากับคุณเมื่อไหร่กันอย่ามาโมเมมั่วนิ่มนะ แล้วก็กรุณาออกไปจากห้องของฉันได้แล้วฉันจะอาบน้ำ” กานต์พิชชาโวยวาย ศิวาเลยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหายตัวไปทันที


เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของกานต์พิชชา หลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวลงมาตักบาตรร่วมกับศิวาเหมือนทุกวันรวมทั้งรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านอย่างสนุกสนาน วันนี้ศิวาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเขาฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุขในระหว่างที่สั่งให้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นบนหน้าจอโทรทัศน์

ในขณะที่กานต์พิชชาอดที่จะมองค้อนชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ เธอรู้ดีถึงสาเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์ดีมากมายขนาดนี้ เพราะว่าหลายวันที่ผ่านมาปุณมนัสไม่มีโอกาสได้นั่งรับประทานอาหารเย็นกับเธอตามลำพังเลย เนื่องจากศิวาตื้อให้ปราณปรียามาที่นี่ด้วยทุกวัน เท่านั้นยังไม่พอเขาจะคอยแกล้งทำอะไรตกหล่นเป็นประจำเวลาที่ปุณมนัสนั่งพูดคุยอยู่กับเธอตามลำพัง ทำให้คุณหมอหนุ่มต้องตกใจสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกอยู่หลายครั้งหลายหน

เมื่อกานต์พิชชาบอกกับศิวาว่าเธอสงสารปุณมนัสที่ถูกเขาแกล้งทำให้ตกใจ ชายหนุ่มก็บอกกับเธอว่าความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก เพราะฉะนั้นห้ามเธอสงสารผู้ชายคนอื่นนอกจากเขาเด็ดขาด หญิงสาวเลยได้แต่พยักหน้ารับอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับคุณวิญญาณขี้หึง

“ผมมีความสุขจังที่ได้อยู่กับคุณที่นี่ ความจริงเป็นวิญญาณแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะผมได้อยู่กับคุณตลอดเวลา ถ้าผมกลับเข้าร่างได้เราก็คงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว ผมต้องคิดถึงคุณมากแน่ๆ เลยตอง พูดแล้วชักจะไม่อยากกลับเข้าร่างแล้วแฮะ...” ศิวาพูดขึ้น

กานต์พิชชาชะงักไปทันทีเหมือนกันเมื่อฟังชายหนุ่มพูดจบประโยค จริงสินะ...ถ้าหากศิวากลับเข้าร่างได้ เขาก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง จะมาอยู่ร่วมบ้านกับเธอแบบนี้ได้ยังไงกัน คิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน กานต์พิชชาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ห้ามคุณคิดเรื่องไม่อยากกลับเข้าร่างเด็ดขาดเลยนะ ยังไงคุณก็ต้องหาทางกลับเข้าร่างให้ได้ อย่าลืมสิคะว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณรอคุณอยู่ ท่านรักแล้วก็เป็นห่วงคุณมาก ไหนจะแฟนคลับของคุณอีก แล้วก็งานแสดงที่คุณรักด้วย คุณอยากจะกลับไปทำงานไม่ใช่เหรอ?”

ศิวาหัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางจริงจังของกานต์พิชชา

“ผมแค่พูดเล่นเท่านั้นครับตอง ยังไงผมก็ยังอยากจะกลับเข้าร่างของตัวเอง เพราะว่าผมรักคุณพ่อคุณแม่ อยากจะกลับไปทำงานที่ผมรัก แล้วตอนนี้ผมก็มีเรื่องที่อยากจะทำเพิ่มขึ้นอีกตั้งหลายอย่างด้วยนะ...”

“คุณอยากจะทำอะไรเพิ่มเหรอคะ?” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบว่า

“ผมอยากจะมาให้คุณสอนทำบูลเบอรี่ชีสเค้ก อยากจะมาชิมอาหารฝีมือคุณ แล้วที่สำคัญก็คือผมอยากจะหอมแก้มคุณ แล้วก็จูบคุณตอนที่วิญญาณของผมอยู่ในร่างไงครับ มันต้องรู้สึกดีกว่าตอนที่ผมเป็นวิญญาณแบบนี้แน่ๆ เลย”

“คนบ้า!!! ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว” กานต์พิชชาโวยวายใบหน้าแดงเรื่อเพราะความเขิน ก่อนจะยกถังน้ำเดินหนีชายหนุ่มเข้าไปในห้องครัวดื้อๆ ทิ้งให้ศิวายืนอมยิ้มอยู่ตามลำพังเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของหญิงสาว



กานต์พิชชาชะงักเล็กน้อยเมื่อก้าวลงบันไดมาเห็นร่างสูงของศิวากำลังนอนเหยียดยาวหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟายาวอย่างสบายอารมณ์ เธอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่หลังจากที่ทำความสะอาดบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วและตั้งใจว่าจะลงมานั่งดูรายการโทรทัศน์ยามบ่ายในห้องรับแขก ร่างเพรียวระหงก้าวเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ โซฟายาวที่ชายหนุ่มนอนอยู่พลางเรียกชื่อเขาเบาๆ แต่แล้วคิ้วโก่งเรียวก็ต้องขมวดมุ่นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงนอนนิ่งไม่ยอมลืมตาราวกับว่าเขากำลังหลับสนิท

“ไหนบอกว่าเป็นวิญญาณแล้วไม่ต้องนอนไง ไหงหลับสนิทแบบนี้ล่ะ” กานต์พิชชาพูดพึมพำพลางก้มลงมองใบหน้าของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดและพิจารณาเป็นครั้งแรก

ศิวาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาได้รูป จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วเข้มพาดเฉียง ดวงตาของเขาคมหวานซึ้งส่วนขนตาก็เป็นแพยาวราวกับขนตาของผู้หญิง ริมฝีปากได้รูปสวยเหมือนมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา ผิวของเขาก็ขาวใสอย่างกับผิวของผู้หญิง ดังนั้นกานต์พิชชาจึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ศิวาสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของสาวน้อยสาวใหญ่เกือบครึ่งค่อนประเทศได้อย่างง่ายดาย ขนาดตอนนี้เป็นแค่วิญญาณที่มีเพียงร่างโปร่งแสงเขายังสามารถทำให้เธอใจเต้นผิดจังหวะได้ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ชิดเลย

“ชิ! หล่อจนน่าหมั่นไส้” หญิงสาวพูดเบาๆ พลางย่นจมูกใส่คนหน้าหล่อ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่ออยู่ดีๆ ศิวาก็ลืมตาขึ้นมาแล้วถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ

“คุณกำลังคิดจะทำมิดีมิร้ายผมอยู่รึเปล่าครับคุณผู้หญิง?”

“บ้า!!! คิดได้ไงว่าฉันจะทำมิดีมิร้ายคุณ จะหลงตัวเองไปรึเปล่าคะคุณดาราดัง” กานต์พิชชาต่อว่าพลางรีบขยับออกห่างจากเขา ศิวาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับลุกขึ้นนั่งพลางบอกหญิงสาว

“ถ้าคุณจะคิดบ้างผมก็ไม่ว่านะครับ ด้วยความยินดีเลย”

“เชิญคุณยินดีไปคนเดียวเถอะ...ว้ายยยย!!!” กานต์พิชชาพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อศิวาใช้พลังดึงร่างเธอให้ไปนั่งซ้อนอยู่บนตักของเขาแล้วใช้วงแขนโอบกอดหญิงสาวเอาไว้จากทางด้านหลัง ซึ่งถ้าหากมีคนมาเห็นกานต์พิชชาในขณะนี้จะต้องคิดว่าเธอมีกำลังภายในอย่างแน่นอนจึงสามารถนั่งลอยตัวอยู่เหนือโซฟาได้แบบนี้

“คุณจะทำอะไรน่ะศิวา?” กานต์พิชชาถามในขณะที่ใจเริ่มเต้นแรงเพราะสัมผัสอบอุ่นแบบแปลกๆ จากร่างโปร่งแสงที่กำลังโอบกอดเธออยู่ และพยายามจะลุกขึ้นจากตักของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะศิวาใช้พลังทำให้เธอขยับร่างหนีเขาไปไหนไม่ได้

“ก็กอดแฟนไงครับ คุณไม่น่าถามเลยนะ” ศิวากระซิบบอกเสียงนุ่มที่ริมหู ทำเอากานต์พิชชาถึงกับขนลุกซู่เลยทีเดียว

“ปล่อยฉันค่ะ ทำไมคุณปากว่ามือถึงแบบนี้นะ ตอนที่วิญญาณอยู่ในร่างไปทำแบบนี้กับสาวที่ไหนบ้างก็ไม่รู้” หญิงสาวต่อว่า ศิวาหัวเราะเบาๆ อีกครั้งก่อนจะวางคางลงบนไหล่หญิงสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้นะ ยกเว้นตอนที่แสดงละคร”

“คุณจะมั่นใจได้ยังไงกัน ในเมื่อคุณยังจำเหตุการณ์ในวันที่เกิดอุบัติเหตุไม่ได้เลย ฉันไม่เชื่อคุณหรอก คนฉวยโอกาส” กานต์พิชชากล่าวหาพลางค้อนลมค้อนแล้งอยู่คนเดียว

“คุณหึงผมล่ะสิ ก้านตองหึงน่ารักจังเลย จุ๊บ!!!” ศิวาพูดล้อเลียนก่อนจะจูบแก้มหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะบอกกับกานต์พิชชาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ผมขออนุญาตนั่งกอดคุณอยู่แบบนี้อีกสักพักนะตอง”

“แต่ว่า...” หญิงสาวทำท่าจะแย้งแต่ชายหนุ่มก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน

“ร่างของผมโปร่งแสงเป็นวิญญาณที่ไม่มีความรู้สึกไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว แต่น่าแปลกที่เวลาอยู่ใกล้ชิดกับคุณผมจะรู้สึกแล้วก็สัมผัสความอบอุ่นจากคุณได้เสมอ เหมือนกับผมยังเป็นคนที่มีเลือดเนื้ออยู่ไม่ใช่วิญญาณผมถึงอยากกอดคุณแบบนี้”

กานต์พิชชาถึงกับนั่งนิ่งอึ้งเมื่อฟังศิวาพูดจบประโยคและรู้สึกแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างจากเธอเลย เพราะทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดกันหญิงสาวก็รู้สึกถึงไออุ่นจากศิวาเสมอ ราวกับว่าร่างกายของเขามีเลือดเนื้อเหมือนคนธรรมดาไม่ใช่วิญญาณ แล้วก็เพราะเหตุผลนี้แหละที่ทำให้กานต์พิชชาไม่อยากจะให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ชิดกับเธอนัก เพราะว่าขณะนี้ศิวากำลังมีอิทธิพลกับจังหวะการเต้นของหัวใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

“ก็พราะแบบนี้แหละฉันถึงไม่อยากให้คุณกอดฉัน” หญิงสาวพูดอุบอิบเสียงแผ่ว ศิวาเลิกคิ้วเข้มขึ้นทันทีพลางถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่กานต์พิชชาพูด

“เพราะอะไรเหรอครับ?”

“คือ...ก็เพราะ...” กานต์พิชชาอ้ำอึ้ง ก่อนจะพูดอ้อมแอ้มด้วยใบหน้าเป็นสีระเรื่อว่า “เพราะฉันรู้สึกว่าคุณไม่เหมือนวิญญาณค่ะ เวลาที่คุณกอดฉันคุณรู้สึกยังไงฉันก็รู้สึกเหมือนกับคุณทุกอย่าง”

“หืม...” ศิวาทำเสียงในลำคอด้วยความงุนงงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะถามหญิงสาวว่า “เวลาที่ผมกอดคุณแบบนี้คุณรู้สึกใจเต้นแรงใช่มั้ย?”

“ก็ใช่น่ะสิ ยังจะมาถามอีก” หญิงสาวว่าพลางมองค้อนคนถาม ชายหนุ่มเลยหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะแกล้งพูดว่า

“ถ้าอย่างงั้นคุณยิ่งต้องให้ผมกอดบ่อยๆ นะคุณจะได้ชิน เพราะถ้าวิญญาณผมกลับเข้าร่างได้เมื่อไหร่รับรองว่าผมสามารถทำให้ใจคุณเต้นแรงมากยิ่งกว่าตอนนี้อีกนะครับ”

“บ้า! พูดอะไรของคุณเนี่ย” กานต์พิชชาต่อว่าคนที่แกล้งพูดให้เธอเขิน

“ก็พูดเรื่องจริงไงครับ เวลาผู้ชายได้กอดผู้หญิงที่ตัวเองรักก็ต้องใจเต้นแรงทุกคนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอนุญาตให้ผมกอดคุณนะตอง” ศิวาสรุปเสร็จสรรพ

กานต์พิชชาเลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆ อย่างอ่อนใจก่อนจะพยักหน้าให้ชายหนุ่มเป็นเชิงว่าอนุญาตเพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถลุกหนีไปจากอ้อมกอดของเขาได้อยู่แล้ว

“อบอุ่นจัง ผมรักคุณนะครับตอง” ศิวากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วโอบกอดร่างระหงเอาไว้ในอ้อมกอดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ในขณะที่กานต์พิชชาได้แต่นั่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจและอมยิ้มอย่างเขินๆ อยู่คนเดียว



เช้าวันต่อมาก่อนจะเดินทางไปร้านเบเกอรี่กานต์พิชชาก็ขับรถพาศิวาไปเยี่ยมร่างของเขาที่โรงพยาบาล โดยระหว่างทางหญิงสาวแวะร้านดอกไม้เพื่อซื้อช่อกุหลาบสีขาวไปด้วย ซึ่งสร้างความปลื้มอกปลื้มใจให้ชายหนุ่มเป็นอันมากจนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลศิวาก็ยังยิ้มไม่ยอมหุบ

“ดีใจจัง คุณยังจำได้ด้วยว่าผมชอบดอกกุหลาบสีขาว”

“ก็ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมนี่นา” กานต์พิชชาพูด

“ไม่เกี่ยวกับความจำเสื่อมหรอกครับ แต่มันคือความใส่ใจที่คุณมอบให้ผมต่างหาก ขอบคุณมากนะครับตอง” ศิวาพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาคู่คมที่มองสบตาหญิงสาวเต็มไปด้วยประกายหวานซึ้ง

“คุณไม่ต้องทำท่าซาบซึ้งมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางเขินจัดก่อนจะรีบก้าวนำหน้าชายหนุ่มออกไปจากลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ของโรงพยาบาลเปิดออกที่ชั้นเก้า ศิวาส่ายหน้ายิ้มๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะรีบตามไปเดินเคียงข้างหญิงสาว

“อ้าว!!! หนูตอง” คุณศศิกาญจน์ทักขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีเมื่อเห็นกานต์พิชชาผลักประตูห้องก้าวเข้าไป

“สวัสดีค่ะคุณน้า วันนี้คุณน้าอยู่เฝ้าคุณศิวาคนเดียวเหรอคะ?” กานต์พิชชาพนมมือไหว้คุณศศิกาญจน์พลางทักถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“พอดีคุณพ่อตาศิวามีประชุมที่บริษัทฯ จ้ะ ช่วงเย็นๆ ถึงจะเข้ามา แต่โชคดีที่วันนี้น้ามีคนมาอยู่เป็นเพื่อนคุยด้วย แล้วหนูตองก็แวะมาเยี่ยมตาศิวาพอดีอีก วันนี้ไม่เหงาแล้ว” คุณศศิกาญจน์พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“วันนี้คุณวิปัศย์มาอยู่เป็นเพื่อนคุณน้าเหรอคะ?” หญิงสาวถาม

“เปล่าจ้ะ...” คุณศศิกาญจน์ปฏิเสธ ทำให้กานต์พิชชากับศิวาถึงกับสบตากันด้วยความงุนงงทันที แต่ก่อนที่หญิงสาวจะถามอะไร เสียงประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมๆ กับที่เสียงหวานของใครคนหนึ่งถามขึ้นว่า

“ใครมาเยี่ยมศิวาเหรอคะคุณแม่?”

กานต์พิชชาหันไปมองเจ้าของเสียงทันทีแล้วก็ต้องยืนตะลึง เมื่อพบว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ ดวงตาหวานคมซึ้ง คิ้วโก่งเรียวรับกับจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ เธอไว้ผมสีน้ำตาลยาวสลวยถึงกลางหลังสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนเล็กน้อยที่ปลายผม ผิวก็ขาวผ่องเป็นยองใย รูปร่างระเหิดระหงราวกับนางแบบอยู่ในเดรสสั้นพอดีเข่าสีชมพูอ่อนลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มแลดูอ่อนหวาน

แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันอย่างกานต์พิชชายังต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่สวยสมบูรณ์แบบมาก สวยอ่อนหวานเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายทั้งๆที่สวมเพียงเดรสธรรมดา แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าชุดของอีกฝ่ายดูดีมาก ทำให้ชุดเสื้อยืดเข้ารูปแขนสามส่วนสีส้มอ่อนกับกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้มที่เธอสวมอยู่ดูปอนไปถนัดตาเลยทีเดียว

คุณศศิกาญจน์แนะนำให้ทั้งสองสาวได้รู้จักกันโดยบอกว่ากานต์พิชชาเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของศิวา ส่วนเนตรอัปสรนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับศิวามาตั้งแต่เด็ก

“สวัสดีค่ะคุณตอง ยินดีที่ได้รู้จักกับแฟนคลับแสนสวยของศิวาค่ะ” เนตรอัปสรทักทายกานต์พิชชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณเนตรนะคะ ตองมาเยี่ยมคุณศิวาสองครั้งแล้ว น่าเสียดายจังที่เพิ่งจะได้เจอกับคุณเนตรวันนี้” แล้วเธอก็เพิ่งจะได้รู้ว่าศิวามีหญิงสาวสวยคนนี้เป็นเพื่อนสนิทอยู่อีกคนหนึ่งด้วยนอกจากวิปัศย์ เพราะเขาไม่เคยพูดถึงเนตรอัปสรให้เธอได้ยินเลยสักครั้ง นับตั้งแต่วันที่ศิวาเข้าไปอยู่ที่บ้านของเธอจนกระทั่งถึงวันนี้ กานต์พิชชาบอกตัวเองอยู่ภายในใจด้วยความประหลาดใจ

“เนตรเป็นเพื่อนที่แย่มากค่ะ คืนวันที่ศิวาประสบอุบัติเหตุเนตรต้องเดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศพอดี กว่าจะรู้ข่าวศิวาก็ผ่านไปตั้งสามวันแล้วเพราะปัศย์โทร.ไปบอก เนตรอยากจะกลับมาเยี่ยมเพื่อนก็มาไม่ได้ เพราะจะต้องจัดการธุระสำคัญให้เรียบร้อยก่อนค่ะ เลยได้แต่โทร.ถามข่าวศิวาจากปัศย์บ้าง จากคุณแม่บ้างมาตลอดทั้งเดือน เนตรเพิ่งจัดการธุระเสร็จกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อคืนนี้เองค่ะ วันนี้ก็เลยรีบมาที่โรงพยาบาลแต่เช้า” เนตรอัปสรบอกกกานต์พิชชาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึกผิดและเสียใจมากจริงๆ
คุณศศิกาญจน์บอกกับเนตรอัปสรด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าเธอต้องไปทำธุระสำคัญ เนตรอัปสรจึงบอกกับคุณศศิกาญจน์ว่าต่อไปจะมาช่วยดูแลศิวาที่โรงพยาบาลทุกวัน

“เดี๋ยวเนตรช่วยเอาดอกไม้ไปจัดใส่แจกันให้นะคะคุณตอง กุหลาบสีขาวสวยเชียว คุณตองนี่สมกับที่เป็นแฟนคลับของศิวาเลยนะคะ รู้ด้วยว่าศิวาชอบกุหลาบสีขาวมากที่สุด” เนตรอัปสรพูดกับกานต์พิชชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบคุณมากค่ะ” กานต์พิชชากล่าวขอบคุณพลางส่งช่อกุหลาบสีขาวให้เนตรอัปสรถือเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดใส่แจกัน ส่วนคุณศศิกาญจน์เชิญให้กานต์พิชชาไปนั่งที่โซฟารับแขก ก่อนจะขอตัวเดินไปที่ห้องข้างๆ ซึ่งถูกจัดแยกเอาไว้เป็นสัดส่วนจากห้องพักของคนไข้ โดยมีโต๊ะอาหารสำหรับให้ญาติที่มาเฝ้าไข้และแขกที่มาเยี่ยมคนป่วยได้นั่งรับประทานอาหารที่ห้องนั่น เพื่อเอาเครื่องดื่มในตู้เย็นมาให้หญิงสาว

เมื่อลับร่างของคุณศศิกาญจน์ กานต์พิชชาเลยได้โอกาสหันไปทางศิวาซึ่งนิ่งเงียบมาตั้งนานแล้วเพื่อจะถามเรื่องของเนตรอัปสร แล้วหญิงสาวก็พบว่าขณะนี้สายตาของชายหนุ่มกำลังจับจ้องอยู่ที่เนตรอัปสร ซึ่งกำลังยืนจัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่ภายในห้องน้ำด้วยแววตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง พร้อมทั้งพึมพำเรียกชื่อเล่นของเนตรอัปสรออกมาเบาๆ

“เนตร...”

“ทำไมคุณไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลยล่ะคะ ว่าคุณเนตรก็เป็นเพื่อนสนิทอีกคนของคุณ” กานต์พิชชากระซิบถามชายหนุ่มๆ เบา ศิวาส่ายหน้าก่อนจะตอบว่า

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมผมถึงลืมเนตรไปได้นะ โอ๊ะ!!!” ท้ายประโยคชายหนุ่มอุทานออกมาเบาๆ พลางหลับตาลงด้วยสีหน้าเหมือนเจ็บปวดทรมาน พลางส่ายหน้าไปมาท่ามกลางความตกใจของกานต์พิชชาซึ่งถามเขาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่า

“คุณเป็นอะไรเหรอคะ?”

แต่ศิวาไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว เขายังคงนั่งหลับตานิ่ง พร้อมๆ กับภาพเหตุการณ์ในวันที่เกิดอุบัติเหตุซึ่งเริ่มแจ่มชัดขึ้นในความทรงจำของชายหนุ่ม ถึงแม้ว่าจะสลับไปสลับมาทั้งภาพที่เขาคุยโทรศัพท์กับเนตรอัปสร แล้วก็ภาพที่เขาขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วสูงเพื่อมุ่งหน้าไปสนามบิน และภาพเหมือนมีคนเดินตัดหน้ารถอย่างกระชั้นชิดจนเขาต้องหักหลบอย่างกะทันหัน ทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าไปชนกับเสาไฟฟ้าบนเกาะกลางถนน ในที่สุดชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นพลางพึมพำพูดว่า

“วันนั้นผมกำลังจะขับรถไปสนามบิน”

“วันไหนคะ!!! คุณจำเหตุการณ์วันที่เกิดอุบัติเหตุได้แล้วเหรอ แล้วคุณจะไปสนามบินทำไมคะ?” กานต์พิชชารีบถามชายหนุ่มทันที แต่ยังไม่ทันที่ศิวาจะตอบคำถามของเธอ เนตรอัปสรก็ยกแจกันดอกกุหลาบที่จัดเอาไว้อย่างสวยงามออกมาจากห้องน้ำ

หญิงสาวสวยถือแจกันไปวางลงบนโต๊ะข้างเตียงคนป่วย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง แล้วเอื้อมมือไปกุมมือของศิวาเอาไว้ พลางพูดกับร่างที่นอนอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ศิวา...วันนี้คุณตองแฟนคลับของศิวาเอาดอกกุหลาบสีขาวมาเยี่ยมศิวาจ้ะ มีคนรักแล้วก็เป็นห่วงศิวาอีกหลายคนเลย ศิวาต้องรีบฟื้นขึ้นมานะ รู้มั้ยจ๊ะ?”

“ผมจะไปหาเนตรที่สนามบิน ไปบอกกับเนตรว่า...” ศิวาพูดต่อแต่ยังไม่ทันจบประโยคดี กานต์พิชชาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นร่างโปร่งแสงของเขาเป็นประกายวูบวาบ ก่อนที่ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มจะกลายเป็นลำแสงพุ่งหายเข้าไปในร่างของเขาที่นอนอยู่บนเตียง และเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเนตรอัปสรก็ร้องบอกคุณศศิกาญจน์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีว่า

“คุณแม่คะ!!! ศิวาขยับมือค่ะ ศิวากำลังจะฟื้นแล้ว!!!”

“ศิวา...ศิวาได้ยินแม่เรียกมั้ยลูก?” คุณศศิกาญจน์รีบวิ่งเข้าไปจับมืออีกข้างของศิวาเอาไว้ พลางเรียกชื่อลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี ในขณะที่กานต์พิชชาลุกขึ้นยืนมองอยู่ห่างๆ จากโซฟารับแขกด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและยินดีไปกับศิวาด้วยถ้าหากว่าวิญญาณของเขาสามารถกลับเข้าร่างได้จริงๆ

ศิวาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยความงุนงง ชายหนุ่มนอนมองเพดานห้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาทางคุณศศิกาญจน์พลางเรียก

“คุณแม่...” จากนั้นชายหนุ่มก็หันไปทางเนตรอัปสรแล้วเรียกชื่อหญิงสาว “เนตร...”

“ศิวา!!! แม่ดีใจจริงๆ ในที่สุดลุกก็ฟื้นแล้ว หมดเคราะห์หมดโศกกันซะทีนะลูกแม่” คุณศศิกาญจน์พูดด้วยน้ำเสียงยินดีพลางโผเข้ากอดและหอมแก้มลูกชายทั้งน้ำตา ส่วนเนตรอัปสรรีบหันไปกดปุ่มเพื่อเรียกนางพยาบาล เพียงไม่ถึงอึดใจพยาบาลสาวก็เปิดประตูห้องเข้ามาเมื่อพบว่าศิวาฟื้นแล้วพยาบาลสาวจึงรีบขอตัวไปตามคุณหมอมาตรวจดูอาการของชายหนุ่มทันที

“ศิวา...เนตรเป็นห่วงแทบแย่ ดีใจที่สุดเลยที่ศิวาฟื้นแล้ว...” เนตรอัปสรพูดจบก็โผเข้าไปกอดชายหนุ่มอย่างสนิทสนม ซึ่งศิวาก็โอบกอดร่างระหงของหญิงสาวเอาไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ขอบคุณมากที่เนตรเป็นห่วงผม...เอ๊ะ!!!” ท้ายประโยคศิวาอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเพิ่งจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนซึ่งกำลังยืนมองตรงมาที่เขาจากชุดโซฟารับแขกซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณคนนั้นใครกันเนตร เพื่อนเนตรเหรอ?” ศิวาถามเนตรอัปสรพลางคลายอ้อมแขนที่กำลังโอบกอดอีกฝ่ายออก

รอยยิ้มของกานต์พิชชาจางหายไปจากใบหน้าทันที หญิงสาวรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวในขณะที่หัวใจเหมือนถูกกระตุกให้หล่นลงมาจากที่สูงอย่างแรง ร่างทั้งร่างเบาโหวงอย่างน่าประหลาดเพราะคำถามประโยคเมื่อครู่ของชายหนุ่มได้บ่งบอกให้รู้อยู่ในตัวแล้วว่าเขาจำเธอไม่ได้ กานต์พิชชาได้ยินเสียงเนตรอัปสรบอกชายหนุ่มว่า

“คุณตองไม่ใช่เพื่อนของเนตรหรอกจ้ะ แต่เป็นแฟนคลับของศิวาต่างหากล่ะจ๊ะ”

“หืม...แฟนคลับของผมงั้นเหรอ?” ศิวาทวนถามพลางมองไปที่กานต์พิชชาอีกครั้ง คุณศศิกาญจน์เลยเป็นคนตอบคำถามของเขา

“ใช่จ้ะ หนูตองเป็นแฟนคลับของศิวา มาเยี่ยมศิวาเป็นครั้งที่สามแล้วนะลูก เอ้า! หนูตองมาทางนี้เถอะ เข้ามายืนคุยกันใกล้ๆ ดีกว่าจ้ะ” ท้ายประโยคคุณศศิกาญจน์เรียกให้กานต์พิชชาเดินไปที่เตียงของศิวา ซึ่งขณะนี้เนตรอัปสรได้กดปุ่มปรับระดับเตียงให้ชายหนุ่มอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนแล้ว

“วันนี้คุณตองซื้อกุหลาบขาวที่ศิวาชอบมากที่สุดมาเยี่ยมศิวาด้วยนะ” เนตรอัปสรบอกกับชายหนุ่ม พลางผายมือให้เขาดูดอกกุหลาบสีขาวในแจกัน

“ขอบคุณมากนะครับคุณตองที่คุณอุตส่าห์สละเวลามาเยี่ยมผม ดอกกุหลาบของคุณสวยมากเลยนะครับ” ศิวาพูดกับกานต์พิชชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงสุภาพโดยไม่มีทีท่าว่าเขาจะจดจำเธอได้เลย หญิงสาวฝืนยิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจด้วยนะคะที่คุณฟื้นแล้ว”

เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง ร่างในชุดกาวน์สีขาวของปุณมนัสเดินนำนางพยาบาลสองคนเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นกานต์พิชชายืนอยู่ที่ข้างเตียงของศิวาด้วย เขาส่งยิ้มมาให้หญิงสาวก่อนจะขอให้ญาติถอยออกห่างจากเตียงเพื่อความสะดวกในการตรวจอาการคนไข้

คุณศศิกาญจน์ เนตรอัปสร และกานต์พิชชาจึงพากันถอยออกมานั่งรออยู่ที่โซฟา เพื่อให้คุณหมอหนุ่มและนางพยาบาลทำงานได้สะดวก แล้วคุณศศิกาญจน์และเนตรอัปสรก็ถือโอกาสช่วงนี้โทรศัพท์ไปแจ้งข่าวเรื่องที่ศิวาฟื้นแล้วให้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของเขาทุกคนได้รู้ด้วย ส่วนกานต์พิชชาได้แต่นั่งนิ่งเงียบมองดูปุณมนัสกำลังตรวจร่างกายของศิวา

“ตอนนี้อาการโดยรวมของคุณศิวาปกติดีนะครับทั้งชีพจรแล้วก็ความดัน แต่วันพรุ่งนี้ประมาณเก้าโมงเช้าหมออยากจะขอทำทีซีสแกนสมองของคุณศิวาอย่างละเอียดอีกสักครั้ง...” ปุณมนัสเว้นช่วงนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า

“สำหรับวันนี้คุณศิวาเพิ่งจะฟื้น ถ้าหากหิวน้ำคุณแม่ค่อยๆ ให้จิบก่อนนะครับ ส่วนอาหารเย็นหมอจะสั่งให้เค้าจัดอาหารแบบอ่อนๆ ให้ทาน ท้องจะได้ไม่อืดนะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” คุณศศิกาญจน์พูดกับคุณหมอหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นปุณมนัสก็ก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับนางพยาบาลทั้งสองคน

เมื่อลับร่างของคุณหมอหนุ่มและนางพยาบาลแล้ว คุณศศิกาญจน์กับเนตรอัปสรก็เข้าไปพูดคุยกับศิวา และบอกกับเขาว่าบิดาของเขากับญาติๆ และเพื่อนๆ ที่รู้ข่าวว่าเขาฟื้นแล้วจะมาเยี่ยมในตอนเย็น อีกทั้งค่ำนี้ทางต้นสังกัดของชายหนุ่มก็จะจัดแถลงข่าวเรื่องของเขาด้วย ซึ่งศิวาก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มสดใส

ในขณะที่กานต์พิชชาเริ่มรู้สึกว่าเธอควรจะกลับบ้านได้แล้ว เพราะอีกไม่นานก็คงจะมีญาติๆ รวมทั้งเพื่อนๆ ของศิวามาเยี่ยมเขาจำนวนมาก ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินเข้าไปบอกลากับทั้งสามคน คุณศศิกาญจน์และเนตรอัปสรพยายามชักชวนให้หญิงสาวอยู่ต่อเพื่อพูดคุยกันอีกสักพัก แต่กานต์พิชชาก็ปฏิเสธโดยอ้างว่าเธอจะต้องแวะไปทำธุระที่อื่นต่อ

“ขอบคุณมากนะครับคุณตองที่คุณมาเยี่ยมผม” ศิวาพูดกับหญิงสาวก่อนที่เธอจะกลับ

“ค่ะ ขอให้คุณสุขภาพแข็งแรง ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับไปทำงานได้เร็วๆ นะคะคุณศิวา” กานต์พิชชาบอกกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักของเขา



เสียงโทรศัพท์มือถือของกานต์พิชชาดังขึ้นทันทีเมื่อเธอดูรายการข่าวบันเทิงช่วงค่ำของโทรทัศน์ช่องหนึ่งจบลงไปซึ่งมีการถ่ายสดแถลงข่าวเรื่องศิวาด้วย เมื่อหญิงสาวกดรับสายเสียงปราณปรียาก็ดังมาจากปลายสายอย่างตื่นเต้นทันที

“ตอง!!! เมื่อกี๊มีแถลงข่าวจากโรงพยาบาลบอกว่าคุณศิวาฟื้นแล้วจริงรึเปล่า? เพราะเค้ายังไม่ได้ถ่ายภาพคุณศิวาออกมาให้ดูเลย”
กานต์พิชชาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบเพื่อนรักสั้นๆ ว่า

“จริง...”

“เค้าจำเหตุการณ์ในวันที่เกิดอุบัติเหตุได้ยังไง แล้วเธอเห็นตอนเค้ากลับเข้าร่างรึเปล่า เค้าเข้าร่างแบบไหนเหรอตอง?” ปราณปรียาถามรัวมาอีกเป็นชุด ในขณะที่กานต์พิชชาถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะบอกกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ว่า

“เอาไว้พรุ่งนี้หลังเลิกงาน เธอแวะมาหาฉันที่บ้านนะฝ้าย ฉันจะเล่าให้เธอฟัง แล้วฉันก็มีอะไรจะถามเธอด้วย”

“เธอเป็นอะไรรึเปล่าน่ะตอง?” เสียงปราณปรียาถามมาจากปลายสายด้วยความเป็นห่วงทันที กานต์พิชชาปฏิเสธว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแค่ปวดศีรษะนิดหน่อยเท่านั้นถ้าทานยาแล้วนอนพักก็คงจะดีขึ้น ปราณปรียาจึงบอกให้กานต์พิชชารีบไปนอนพักผ่อนก่อนจะวางสายไป

***มาอัพนิยายให้ตามสัญญาแล้วนะคะ ตอนที่ 12 จะเป็นตอนสุดท้ายแล้วที่ไรเตอร์จะอัพลงเว็บให้อ่าน ส่วนอีก 12 ตอนที่เหลือรบกวนติดตามอ่านต่อในเล่มนะคะ วางแผงในงานมหกรรมหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ 16 - 27 ต.ค.2556 นี้แน่นอนค่ะ***



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2556, 23:18:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2556, 23:18:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1116





<< ตอนที่ 11   
phugan 2 ต.ค. 2556, 09:25:18 น.
พอฟื้นขึ้นมาก็จำหนูตองไม่ได้ซะแล้วนะนายศิวา....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account