จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: 19 ผีเห็นผี

19 ผีเห็นผี

วันทำงานเริ่มขึ้นอีกครั้ง อาหารเช้าของพัฒนากรวันนี้คือแซนวิดกับโกโก้ร้อนที่เขาต้องลงมือทำเอง และเขาไม่คิดเลยว่าอาหารว่างตอนสิบโมงจะเป็นแบบเดียวกัน

“พี่พีมไม่ชอบเหรอคะ”

“เปล่า ๆ วาไปทำงานเถอะพี่จะทำงานต่อเหมือนกัน”

วาริกาออกไปทำงานได้ชั่วโมงหนึ่ง เธอก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมา เธอเลยเงยหน้าหันหาเจ้าของกลิ่นดอกไม้ ปรากฏว่าเป็นบรรณิตาที่เดินมาพร้อมดอกไม้ช่อโต

“พีมอยู่ไหม”

“พี่พีมอยู่คะ”วาริกาตั้งใจเรียก พี่พีม อย่างชัดถ่อยชัดคำ “คุณบรรณิตามีธุระอะไรคะ”

“จริง ๆ ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอหรอกนะ แต่ฉันจะสงเคราะห์เธอก็ได้ ฉันจะพาพีมไปเลี้ยงแสดงความยินดีที่เขาได้รับตำแหน่ง
ใหม่”สายตาจิกกัดไม่เบา

“เมื่อวานก็เพิ่งเลี้ยงกันไปนี่คะ แต่ก็เอาเถอะคะฉันก็จะสงเคราะห์คุณด้วยการไปบอกพี่พีมให้”วาริกาเจตนาเรียบแบบคำพูด แล้วเดินเข้าไป
ในห้องพัฒนากรโดยไม่เคาะประตู เพื่อแสดงให้แขกผู้มีเกียติรู้ว่าเธอกับพัฒนากรมีความสนิทสนมกันเพียงใด “พี่พีมคะ คุณบรรณิตาเลขา
คุณจอห์นมาหาคะ”

“พี่ว่าพี่รู้แล้วล่ะ”พัฒนากรพูดแล้วมองเลยไปที่ด้านหลังวาริกา “เบบี้มาหาผมมีธุระอะไร”

บรรณิตาไม่ตอบ ใช้สายตามองวาริกาอย่างสื่อความหมาย พัฒนากรก็เลยส่งสัญญาณให้วาริกาออกไป แต่ที่ก่อนเธอออกไปสายตาก็หันไปเห็นอาหารว่างที่ยังอยู่เต็มจำนวน

“สนิทกับน้องเขาไวจริง ๆ นะ”บรรณิตาเอ่ยแซว

“นิดหน่อย ว่าแต่เบบี้มีธุระอะไรเหรอ”

“ถามแบบนี้อีกแล้ว”บรรณิตาทำสีหน้าไม่พอใจ “ใช่สิฉันมันก็แค่ของเก่าที่ไม่มีความจำเป็นต่อเธอแล้ว”แล้วก็ตามด้วยเสียงเศร้าสุดขีดจน
พัฒนากรแอบตกใจ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู

“ดิฉันเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟคะ กาแฟกับคุกกี้สตรอเบอร์รี”แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมกับความสะใจเล็ก ๆ น้อย ๆ

“ยัยเด็กนี้ร้ายจริง ๆ เธอระวังตัวดี ๆ ละ อ่ะนี่ฉันเอามาแสดงความยินดีที่เธอได้เลื่อนตำแหน่ง”เธอส่งดอกไม้ให้เขา เขาก็ยอมรับไปโดยดี

“ฉันจะเลี้ยงข้าวกลางวันเธอ ห้ามปฏิเสธ”

“ก็ได้ ๆ รอผมแป๊บหนึ่งแล้วกันงานผมยังเหลืออีกนิดหน่อย แต่คงไปไหนต่อกับเบบี้ไม่ได้นะ ผมมีประชุมตอนบ่ายโมงครึ่ง”

“เจ้าคะคุณชาย”



ก่อนเที่ยงสักห้านาทีพัฒนากรก็เดินออกมาจากห้องพร้อมบรรณิตา และเขาก็ไม่ลืมที่จะหยุดทักทายวาริกา

“พี่จะไปทานข้าวกลางวันนะ วาล่ะไปทานกับใคร”

คำถามแบบนี้ทำเอาบรรณิตาไม่พอใจ แต่เธอก็ต้องเก็บอาการไว้ ซึ้งสร้างความสะใจให้วาริกาได้มาก

“วาคงต้องไปทานคนเดียวค่ะ ไปหาเพื่อนเอาดาบหน้า”เธอพูดเสียงเศร้า

“ไปกับพี่สิ จะได้เรียนรู้งานจากเบบี้ด้วย เพื่อนพี่คนนี้เก่งมากนะ”

“จะดีเหรอคะ วาเกรงใจคุณบรรณิตา”

“ดีแล้วล่ะจ๊ะ เพราะความเกรงใจเป็นคุณสมบัติของผู้ดี”บรรณิตาจัดการตัดบททันทีแล้วดึงพัฒนากรออกมา แต่เดินได้เพียงก้าวเดียว
เท่านั้นก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทั้งสามคนต่างนึกว่าเป็นของตัวเองแต่แล้วในที่สุดก็เป็นเครื่องของวาริกา

“แม่มีอะไรจ๊ะ ห๋า! กระเป๋าตังวาอยู่ที่บ้าน ตายละแล้ววาจะกินข้าวยังไงเนี่ย ไม่เป็นไรแม่เดี๋ยววาไปขอยืมตังเพื่อนก็ได้ ขอบคุณค่ะแม่”

“ลืมกระเป๋าเงินเหรอ”พัฒนากรหันกลับมาถาม

“ค่ะพี่พีม”

“แล้วเมื่อเช้าเธอมายังไงมีรถส่วนตัวเหรอ”บรรณิตาดักทางอย่างรู้ทัน

“พี่ชายมาส่งคะ”วาริกาตอบเสียงเรียบ

“เบบี้ให้วาไปทานด้วยก็แล้วกัน ส่วนของเธอเดี๋ยวผมจ่ายเองก็ได้”

“พีมเธอก็ให้เงินเขาไปก็ได้ สองร้อยพอไหม”บรรณิตารีบหยิบเงินตัวเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ทานข้าวกลางวันก็ได้ ทานแซนวิดที่พี่พีมทานเหลือแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ”

“ดี พีมไปกันเถอะ”

“เบบี้ไปคนเดียวแล้วกัน ผมจะพาน้องเขาไปทานข้าวเอง ไปวาไปกับพี่”


วาริกาแอบยิ้มแบบเป็นต่อในชั่ววินาทีแล้วกลับมาทำหน้าเรียบร้อยเหมือนเดิม

“ได้พีม ฉันยอมให้เธอพา...น้องคนนี้ไปทานข้าวด้วยก็ได้”กลางประโยคนั้นบรรณิตาหยุดหายใจเก็บบางคำไว้



เรื่องทั้งหมดจบด้วยการยอมแพ้ (ชั่วคราว) ของบรรณิตา แล้วตกตอนเย็นพัฒนากรก็เลยอาสาไปส่งวาริกาถึงที่บ้านและอยู่ทานข้าวเย็นตาม
คำเชิญ คนที่บ้านนั้นบ่นเสียดายเป็นการณ์ใหญ่เรื่องที่ชายหนุ่มแต่งงานมีครอบครัวแล้ว

ชายหนุ่มกลับบ้านมาในเวลาสองทุ่มเศษแต่สิ่งที่พบมีเพียงกระดาษโน้ต ‘ทำธุระที่สำนักพิมพ์’ และซากโทรศัพท์มือถือของภรรยาสาว ซึ้ง
หน้าจอพังยับ คงจะเป็นเพราะความซุ่มซ่ามของเธอนั้นเอง

“ถึงว่าโทรไม่ติด”

ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะต่อสายถึงนันธิตา

“พี่ปู อิ้งอยู่กลับพี่รึเปล่า”

[[ตอนนี้อิ้งไปคุยงานเขียนบทที่กองถ่ายละคร ที่โรงพยาบาลที่อิฐทำงานอยู่นั้นแหละ นี่ก็ดึกแล้วอิฐก็คงจะมาส่งอิ้งแล้วล่ะ]] เสียงดนตรีรอบ
ข้างของนันธิตาดังจนพัฒนากรแทบจะไม่ได้ยิน

“อิ้งยังไม่กลับเลยครับพี่ปู”

[[อย่างนั้นก็ลองโทรหาอิฐดูแล้วกัน ตอนนี้พี่ยุ่งมากแค่นี้ก่อนนะ...ตู๊ด]]

พัฒนากรทำตามคำแนะนำในทันที แต่คำตอบที่ได้รับจากอธิษฐานคือ

[[ไม่รู้เลย ยังไงจะไปเดินหาให้นะ]]

สายนั้นถูกตัดไป พัฒนากรไม่รอช้าที่จะไปหาอังศุมาลินด้วยตัวเอง และโชคดีที่มันเป็นการคืน เวลาในการเดินทางมาถึงจุดหมายเลยลดไป
ครึ่งของครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

“มาไวเชียวนะ”อธิษฐานเอ่ยแซว เขามาดักรอพัฒนากรตามคำขอร้องกึ่งคำสั่งของอังศุมาลิน “อิ้งรู้ได้ยังไงว่านายจะมา”

“ไปกันเถอะ ฉันจะได้พาอิ้งกลับบ้าน”

“เออ ๆ สั่งฉันอย่างกับเป็นทาสนายอย่างนั้นแหละ”บ่นแล้วก็เดินนำออกมา ถ้าเขาไม่มารับพัฒนากร รับรองว่าชายหนุ่มคงจะไปไม่ถูกแน่
เพราะโรงพยาบาลนี้ใหญ่กว่าห้างพาลากอนเสียอีก “นายจะรีบร้อนไปไหน”

“ไม่รู้สิ รางสังหรณ์มันบอกว่าให้รีบ”

“รู้อะไรไหม นายน่าจะไปเป็นหมอดูนะ”น้ำเสียงร่าเริงนั้นเหมือนกั้นหัวเราะ

“ทำไม”พัฒนากรแทบจะกระชากอธิษฐานให้หยุดเดิน

“พระเอกเรื่องนี้เป็นดาราขวัญใจอิ้งมาเป็นสิบปีแล้ว ที่อิ้งไม่รีบกลับก็เพราะอยากเห็นเขานาน ๆ”

เจอคำตอบนี้เข้าไปพัฒนากรก็แทบอยากจะออกตัววิ่ง แต่เสียดายที่ไม่รู้ทาง

“ใจเย็น ๆ น่า อิ้งท้องโตแบบนั้นใครจะมาชอบ ไปทางนี้”



อังศุมาลินใจเต้นโครมครามเมื่อพระเอกหนุ่มขวัญใจเธอเดินมานั่งอยู่ไกล ๆ เธออยู่เฝ้าเขามาตั้งแต่ช่วงสายแล้ว ข้าวปลาก็ไม่ยอมไป
หากิน เพราะว่าแค่เห็นเขาคนนี้น้ำย่อยในท้องเธอมันก็เลิกทำงาน

“คุณเป็นคนเขียนบทคนใหม่เหรอ”

คัมภีร์หันมาถามพร้อมรอยยิ้ม เอกลักษณ์ที่โดดเด่นมานานของเขาก็คือ หนวดและเคราจาง ๆ ที่อยู่บนใบหน้า และนิสัยที่คนทั้งหลาย
พร้อมใจกันพูดว่าดี ไม่ถือตัว อังศุมาลินรู้ก็วันนี้นี่เอง

“ค่ะ เอ่อ...พี่ภีร์เหนื่อยไหมคะ อิ้งเห็นพี่เล่นมาตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว”

“นิดหน่อยครับ พี่ก็เห็นอิ้งนั่งเขียนบททั้งวันยังไม่ยอมลุกไปไหนเลย”คัมภีร์เห็นอังศุมาลินเรียกเขาว่าพี่ ชายหนุ่มก็เลยเรียกตัวเองว่าพี่บ้าง

อังศุมาลินอยากจะกรี๊ดเป็นรอบที่สามร้อยสี่สิบเก้าเมื่อได้ยินว่าเขาก็มองเธออยู่

“อิ้งนั่งอ่านบทเก่า ๆ เพื่อทำความเข้าใจอยู่คะ จริง ๆ อิ้งเคยเขียนแต่นิยายไม่เคยเขียนบทละคร”เธอยอมรับโดยตรง

“ยังไงก็หาเวลาเดินบ้างนะ ท้องอยู่แบบนี้ต้องขยับตัวบ้างเดี๋ยวเด็กจะไม่แข็งแรงนะ”

อังศุมาลินพยักหน้าหงึก ๆ แล้วยื่นกระดาษออกมา

“อิ้งชอบพี่ภีร์มานานแล้วค่ะ เอ่อ...ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมคะ แล้วอิ้งก็ขอถ่ายรูปด้วย”อังศุมาลินคิดคำพูดนี้มาตั้งแต่เช้า และกระดาษ
แผ่นนั้นก็คือรูปที่เธอถ่ายคัมภีร์ไว้ตอนที่เขามาถ่ายละครที่บ้านเกิดเธอเมื่อหลายปีก่อน

และเธอก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ความรู้สึกที่เธอมีนั้นยังคงเดิม คือตื่นเต้นจนจะเป็นลม

“รูปพี่นี่ ไม่ชัดเลยนะ”

“อิ้งตื่นเต้นน่ะคะ มือสั่นไปหมดตอนถ่าย เซ็นให้หน่อยนะคะ”

“ครับ ๆ”

พอเซ็นรูปเสร็จก็ถ่ายรูปกันต่อ พัฒนากรที่มาถึงก็แถบจะตรงไปกระชากอังศุมาลินออกมา จะติดก็ตรงที่อธิษฐานยึดเขาไว้แน่น

“ใจเย็น ๆ สิ ใจร้อนระวังอิ้งจะโกรธเอานะ”

พัฒนากรพยักหน้าเข้าใจแล้วหายใจเข้าออกสองสามทีก่อนจะเดินไปหาภรรยา

“อิ้ง เรามารับ เหนื่อยไหมครับวันนี้ ลูกดื้อไหมเอ่ย”

เจอมาดสดใสแบบนี้เข้าไปอธิษฐานก็ต้องหลุดขำ คนเรานี่นะแสดงละครกันเก่งจริง ๆ เขาหยุดขำและเปลี่ยนเป็นยิ้ม ตอนนี้รอบตัวเธอก็มี
แต่คนที่เป็นความฝันเธอทั้งนั้น พัฒนากรผู้ชายที่อังศุมาลินฝันว่าจะได้เป็นคนรักของเขา เธอก็ได้สมดังใจ และคัมภีร์ ดาราหนุ่มขวัญใจที่
อังศุมาลินเฝ้าบอกว่ารักนักหนา

“ดีใจด้วยนะ”



หลังจากวันนั้นพัฒนากรก็คอยตามส่งตามรับอังศุมาลินทุกวัน พูดง่าย ๆ คือ เขาทำตัวเองให้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน แสดงตัวอย่างเด่นชัดว่าข้านี่แหล่ะคือเจ้าของเธอ แต่เรื่องของแฟนเก่าก็ยังไม่กล้าเล่าให้ภรรยาฟังอยู่ดีว่าช่วงนี้บรรณิตาวนเวียนมาหาเขาตลอด

“พีมเธอไม่คิดจะคุยกับฉันบ้างเหรอ”

“ไม่ จะทำงาน แล้วเบบี้ไม่มีงานทำหรือไง”

เขาพูดตรงแบบนี้ทุกครั้งที่มีโอกาสสนทนากัน เหตุผลง่าย ๆ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม

“โกโก้เย็นค่ะพี่พีม เอ่อ...กาแฟค่ะ”วาริกายิ้มหวานให้เจ้านาย และจิกสายตาให้บรรณิตา เธอรู้ดีว่าพัฒนากรไม่ได้ให้ความสนใจบรรณิตาเท่า
ไหร่

“พีมฉันเตือนด้วยความหวังดีนะ ระวังยัยเด็กวาวา นี่ไว้หน่อย อย่าไปสนิทกับหล่อนให้มากนัก”บรรณิตาพูดหลังจากที่วาริกาเดินออกจาก
ห้องไป “ฉันรู้ว่าเธอมองว่าฉันอคติ เธอเคยได้ยินว่าผีเห็นผีไหม ฉันเห็นอะไรบางอย่างในสายตาหล่อน”

‘แค่วาเห็นครั้งแรกวาก็รู้สึกเลยว่าคุณบรรณิตาเขายังรักพี่พีมอยู่’

“ก็เคยได้ยินบ้างนะ แต่ผมเพิ่งเข้าใจความหมายตอนนี้แหละ”ชายหนุ่มพูดติดตลก

เมื่อเห็นว่าพัฒนากรดูไม่ทุกข์ร้อนบรรณิตาก็เลยเดินพรวดออกมาจากห้อง พัฒนากรเหล่ตามองแต่ไม่คิดจะท้วงเธอไว้ แต่คนที่ทักบรรณิ
ตาคงจะหนีไม่พ้น...

“กลับแล้วเหรอคะ”

“ฉันว่าเธอก็มีตานะวาริกา”

“เพราะเห็นถึงทักยังไงล่ะคะ ดิฉันแค่คิดว่าคุณน่าจะรู้ตัวได้แล้ว แฟนคุณก็มีแล้ว ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณยังจะมายุ่งกับพี่พีมทำไม”

“เรื่องนี้เธอเองก็ควรจะเตือนตัวเองไว้ด้วยนะ พีมเขาก็มีเมียแล้ว คิดหวังอะไรไว้ก็หยุดคิดซะ”

สองเสือสาวจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเป็นฝ่ายบรรณิตาที่เดินออกมาเองเพราะรับรู้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์อยู่นานแล้ว




ที่กองถ่ายละครวันนี้มีดารานักแสดงมากันเยอะไปหมด อังศุลินยังคงต้องมาอยู่ในกองถ่ายเพื่อเขียนบทสด ๆ ส่งให้ผู้กำกับ จริง ๆ แล้วที่
เธอได้งานนี้เพราะคนเขียนบทคนเก่าหนีหนี้ไปและไม่ยอมส่งบทตอนใหม่ให้กองละคร และอังศุมาลินก็เป็นเจ้าของบทประพันธ์เองด้วย ผู้
จักละครก็เลยเรียกเธอมาเขียนบทแทน ทุกอย่างก็เลยไม่ยาก

“พี่อิ้งเสร็จยังผู้กำกับให้มาเร่ง”ปิงปิงสาวหล่อผู้ช่วยผู้กำกับเดินมานั่งข้าง ๆ “เขียนไวจริง ๆ พี่อิ้งบทพี่ดีกว่าบทของคนก่อนอีกรู้ไหม นัก
แสดงท่องกันแป๊บเดียวก็ติดปากแล้ว”

“จ้า ๆ รีบเอาไปส่งก่อนเถอะ ผู้กำกับว่าพี่ไม่รู้นะ”อังศุมาลินพูดแบบไม่มองหน้าคู่สนทนา พอได้ยินเสียงเลื่อนเก้าอี้นั่งก็เลยคิดจะว่า แต่พอ
หันมาก็เปลี่ยนเป็นคัมภีร์แทน “พี่ภีร์”

“พี่เอาข้าวมาให้ เห็นนั่งอยู่นานแล้วไม่ไปหาข้าวกินสักที”

“พี่ภีร์นี่สมกับเรียนจบเภสัชกรเลยนะคะ มีความเป็นหมออยู่ในตัวเอง ขอบคุณมากนะคะ”อังศุลินตักข้าวทานทันที ถ้าเขาคนนี้สั่งมีเหรอว่า
เธอจะไม่ทำตาม

“พี่ได้ข่าวว่าอิ้งเป็นคนแต่งเรื่องนี้เอง”

“ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ๆ ที่แต่งค่ะ ตอนนั้นอิ้งติดละครอยู่เรื่องหนึ่ง ก็เลยช่วยไม่ได้ว่าพระเอกจะออกมาแบบนี้”อังศุมาลินพูดอย่างมีเล่ห์
นัย ก็พระเอกในเรื่องเขียนมาเพื่อคน¬¬ข้าง ๆ

“พระเอกของอิ้งมีแบบนี้กี่เรื่องเนี่ย พี่จะได้เคลียร์คิวถูก”

“ทำไมล่ะคะ”

“ก็อิ้งเล่นเขียนซะมันคือพี่เลย พี่ก็เพิ่งรู้นะว่าแฟนคลับเขาเป็นกันได้ขนาดนี้”

“น่าเสียดายค่ะ เพราะเรื่องต่อ ๆ มา อิ้งใช้พระเอกตัวจริงมาเป็นต้นแบบ”อังศุมาลินตอบยิ้ม ๆ

“พูดแบบนี้ คงไม่ได้คิดว่าพี่จะมาจีบเราหรอกนะ”

“อยากจะคิดคะ แต่ติดไอ้เจ้าตัวเล็กในท้อง อิ้งก็เลยไม่กล้าคิด”อังสุมาลินแอบเห็นคัมภีร์อึ้งนิดหนึ่ง “ล้อเล่นคะ อิ้งรู้ว่าพี่แค่อยากมีน้องสาว
ใช่ไหมล่ะ แต่พี่เคลียร์คิวไว้ก็ดีนะคะ เพราะอิ้งจะเขียนพระเอกแนวพี่แน่นอน”

“จริงนะ พี่จะไม่ตกงานแล้ว ฮา ๆ”

คัมภีร์เป็นคนคุยสนุกมากจริง ๆ ยิ้มอยู่ตลอด เมื่อวันก่อนแม่ของเขาก็มาหาที่กองถ่ายอังศุมาลินรู้เลยว่าคนตรงหน้านี่ได้เชื้อใครมา พอแม่
ลูกมาอยู่ด้วยกันทั้งกองถ่ายก็มีแต่เสียงหัวเราะ คุยหัวเราะกันอยู่นานสองนาน แต่แล้วจู่ ๆ คัมภีร์ก็หุบยิ้ม เหล่มองไปที่ด้านหลังคู่สนทนา

“มัวแต่มาอ่อยดาราอยู่นี่เอง สามีตัวเองจะถูกคาบไปแล้วยังไม่รู้ตัว”

อังศุมาลินหันมามองข้างหลังตัวเอง แปลกใจอยู่มากที่คนที่มายืนเงียบ ๆ ข้างหลังเธอคือบรรณิตา

“อิ้งคงมีแขกพี่ไปก่อนนะ”เขาพูดจบแล้วก็ลุกไป

“คนเรามันก็ต้องมีมิตรภาพเก็บไว้เยอะ ๆ อยู่แล้วนี่ พี่เบบี้ยังมามีมิตรภาพดี๊ดีกับแฟนเก่าได้เลย”พูดแล้วก็หันไปทำงานต่อ รู้อยู่แล้วว่าคน
ข้างหลังคงโมโหโกรธาน่าดู

“ฉันมาเตือนเธอด้วยความหวังดีนะ ถ้าฉันยังเป็นแฟนพีม ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาไปอยู่กับปากเสือหิวแบบนั้น หรือว่าเธอคิดจะมีคนอื่น เลย
ไม่สนในใยดีพีม ดาราคนนั้นก็หล่อดีนี่”ประโยคท้ายทำให้อังศุมาลินยอมหันมาคุย

“แล้วพี่เบบี้จะให้อิ้งทำยังไง มันคืองานของพีม ตอนที่เขาไปทำงานกับพี่ อิ้งก็ว่าอะไรไม่ได้ ตอนนี้ก็เหมือนกัน ขนาดคนรักเก่ามันยังไม่มี
อะไรเกิดขึ้นแล้วกับแค่เด็กคนหนึ่งอิ้งจะกลัวอะไร”

“เธอกำลังด่าฉัน”

“เปล่าค่ะ อิ้งกำลังจะบอกว่าอิ้งไว้ใจพีมก็เท่านั้น แล้วพี่ภีร์ก็เป็นคนที่อิ้งปลื้มมาก อย่าแตะต้องเขาเป็นเด็ดขาด”อังศุมาลินพับโน้ตบุ๊คเก็บ
แล้วเดินหนี

“แล้วเธอไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ เด็กคนนั้นมันไม่ได้ติ๋มแบบที่เธอคิดนะ แล้วพีมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะมาทนความอ่อนหวานของ
เด็กนั้นได้”บรรณิตาท่าทางอ่อนลง “ฉันยอมรับว่าฉันหวังว่าเขาจะกลับมาหาฉัน แต่ถ้าเขาตกไปอยู่ในมือเด็กนั้นมันคงไม่ปล่อยพีมง่าย ๆ”

“แล้วพี่เบบี้คิดว่าอิ้งจะปล่อยพีมไปเหรอคะ ที่อิ้งกับพีมยังอยู่ด้วยกันได้เพราะเรารักกันค่ะ ความรักของเรามันก่อตัวขึ้นมานาน แม้ความ
ผูกพันมันจะไม่ได้มากอะไร แต่มันก็เหมือนเชือกเส้นเล็ก ๆ ที่ผูกด้วยเงื่อนตาย จะให้หลุดออกจากกันก็ต้องตัดให้ขาดเท่านั้น แต่ถ้าพี่เบบี้
คิดว่าเด็กคนนั้นจะมาตักเชือกของอิ้งกับพีม อิ้งก็จะทำตามคำแนะนำ”



ตกตอนเย็นพัฒนากรก็มารอรับอังศุมาลินแต่หัววันจนคนในกองถ่ายแอบแซวเป็นการใหญ่ ตั้งแต่ช่างไฟไปยังผู้กำกับ รวมถึงนักแสดงที่
สนิทกับอังศุมาลินอีกหลายคน

“สนิทกับเขาไปทั่วเลยนะคนเก่ง”

“แหงมแหละ เราต้องมีเพื่อนไว้เยอะ ๆ เวลาสามีหนีไปกับเด็กผู้ช่วยจะได้มีคนช่วยปลอบใจ”

“หึ”พัฒนากรแอบงงที่อังศุมาลินดึงเอาวาริกาเข้ามาเกี่ยว “อิ้งกำลังหึงเรากับวาอยู่เหรอ”

“แล้วเธอกำลังหึงเรากับพี่ภีร์รึเปล่า”อังศุมาลินย้อนถามทันควัน แม้แต่เด็กอมมือยังรู้เลยว่าพัฒนากรคิดอะไร ไม่อย่างนั้นจะมานั่งเฝ้าเธอ

ให้เมื่อยก้นทำไม “ใช่ไหมล่ะ แอบคิดอยู่ใช่ไหม เราก็แอบคิดเรื่องเธอเหมือนกัน ตอนวามาที่ห้องเราสองคน เธอพูดถึงนักเขียนที่ชอบ
แววตาเธอดูชื่นชมเรามาก แต่พอรู้ว่านักเขียนคนนั้นคือเราเธอกับเปลี่ยนแววตาในทันที”

“คิดมาก”

“ย่ะ รวมถึงแฟนเก่าเธอด้วยใช่ไหมล่ะ”อังศุมาลินพูดลอย ๆ เธอวาดภาพในความคิดไว้ว่าพัฒนากรคงจะตกใจที่เธอรู้ว่าเขายังติดต่อกับแฟน
เก่า

“เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดอิ้งนะ”นั้นไงร้อนตัวขึ้นมาแล้ว “เรา...”

“เราแค่ไม่อยากให้อิ้งไม่สบายใจ”อังศุมาลินสวนกลับทันที “เรารู้ตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเธอจะไปกินข้าวกับพี่เบบี้ หรือพี่เบบี้มานั่งเฝ้าเธอที่
ทำงาน”

“อิ้งให้ใครมาตามสืบเรา”

“บ้า อยู่เฉย ๆ เรื่องก็มาหาเราเอง ที่เรารู้มาอีกก็คือ วาเอาอกเอาใจเธอสามเวลาหลังอาหาร จริงไหม”หญิงสาวหันมาจ้องหน้าสามี แววตา
นั้นดูขี้เล่นเหมือนเล่นเกมชนะ

“เอ่อ...”พัฒนากรตอบไม่ถูก เธอรู้ความเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง แล้วทำไมเธอไม่มีท่าทีโวยวายหรือไถ่ถามเขาสักนิด เธอทำเหมือน
ไม่รู้อะไรมาโดยตลอด

“เธอมันหล่อเกินไปรู้ตัวไหม ทั้งหล่อทั้งเก่ง ฉันไม่โทษคนพวกนั้นหรอกที่ชอบเธอ เพราะเราก็ดีใจที่เธอเป็นที่รักของทุกคน นั้นคือ
เหตุผลที่เราไม่พูด เราก็ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ เพียงแค่เรารู้ว่าเธอรักเรา เราก็พอใจแล้ว ความรักมันทำให้เราเชื่อใจเธอ”

“เหมือนผีเห็นผีรึเปล่า”พัฒนากรยิ้มได้ แต่อังศุมาลินทำหน้างง “เบบี้ใช่คำพูดนี้ เราว่ามันก็ใช่กับสถานการณ์นี้ได้นะ เราเห็นความรักของ
กันและกัน ก็เหมือนผีเห็นผีไง”





เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2556, 19:18:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2556, 19:18:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1331





<< 18 ผู้ช่วยคนใหม่   ตอนที่ 20 กามเทพจำเป็น >>
เพียงใจกล้า 3 ต.ค. 2556, 23:14:10 น.
ไม่ชอบเห็นเลขศูนย์ เลยมาพิมพ์หน่อย ขอให้มีความสุขนะคะทุกคน


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 3 ต.ค. 2556, 23:47:21 น.
อ่านแล้วก็น่าสนใจดี แต่สำนวนยังห้วนๆ ค่ะ และที่สำคัญที่สุดเพราะอ่านแล้วขัดใจอย่างมาก คือ คำสะกด ในภาษาไทย ในแต่ละตอนมีคำผิดจำนวนมาก ทำให้อ่านแล้วสะดุดไม่น่าสนใจ ขัดใจ ควรตรวจทานคำสะกด และคำผิดด้วยค่ะ แต่เอากำลังใจช่วยนะคะ และจะคอยติดตามต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account