จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: 25 ตอนจบ

มาถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

25 ตอนจบ

พัฒนากรยืนมองบริษัทที่เปรียบเสมอโรงเรียนชั้นดี ที่ให้โอกาสเด็กไม่มีประสบการณ์ได้เข้ามาทำงานโดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใด ๆ

เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายที่นี่ เรียนรู้ที่จะอยู่กับคนทำงานจริง ๆ หรือแม้กระทั้งเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนที่คิดตั้งตัวเป็นคู่แข่ง

เขาจำวันแรกที่มาเริ่มงานที่นี่ได้ดี ในตอนนั้นบริษัทรับพนักงานเพียงตำแหน่งเดียว แต่กลับมีคนที่ฝีมือใกล้เคียงกันสองคน คนหนึ่งก็คือเขา และอีกคนคือ ณัฐพงษ์ รายหลังมีประสบการณ์การทำงานมาแล้วหลายปี แต่บริษัทก็ยังใจดีรับพัฒนากรเข้าทำงานด้วย

เขาเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยวิศวกร จนได้เลื่อนมาเป็นวิศวกรในเวลาเพียงปีเดียว ส่วนณัฐพงษ์นั้นใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะได้เป็นวิศวกร แต่เขาก็ยังไล่ตามพัฒนากรไม่ทันเพราะชายหนุ่มได้เลื่อนตำแหน่งไปอีกขั้นเสียแล้ว

“พีม”

พัฒนากรหันไปตามเสียงเรียกก็แอบนึกขำในใจ ไอ้หนอมนี้อายุยืนจริง ๆ แค่คิดมันก็โผล่มาแล้ว

“มีอะไรเหรอหนอม”

พัฒนากรถามหน้านิ่งแต่แอบซ่อนสายตากวน ทำให้คนที่มีท่าทางเหนื่อยจากการวิ่งเปลี่ยนเป็นไม่พอใจในทันที แต่มันก็อยู่เพียงครู่เดียวก็หายไป

“แกจะรีบลาออกไปไหนวะ...แกจะทิ้งฉันไปไหน แล้วฉันจะแข่งกับใคร”

พัฒนากรแทบไม่เชื่อหู และสายตา เมื่อณัฐพงษ์กำลังยืนร้องไห้ ณัฐพงษ์ร้องไห้แล้วต่อว่าเขาอยู่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดอดีตคู่แข่งแต่ก็ถูกผลักออกในเสี้ยววินาที

“ฉันไม่ใช่เกย์นะโว้ย”ยังโวยทั้งน้ำตา “แกไปแบบนี้แล้วฉันจะมีแรงมาทำงานให้มันดีขึ้นได้ยังไง”

“นายกำลังจะบอกว่า นายอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉันเหรอ ไหนบอกว่านายไม่ใช้เกย์”

“ฉันไม่ใช่เกย์ แต่ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแกจริง ๆ แกคือเส้นชัยในชีวิตฉัน แต่ฉันวิ่งเท่าไหร่แกก็ยิ่งลอยไปไกล”ท่าทางของคนพูดดูเหนื่อยและท้อจริง ๆ “ฉันยอมรับว่ามีหลายครั้งที่ฉันเล่นสกปก แต่แกกลับไม่โกรธฉัน หรือแกไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา”

“เห็นสิครับพี่ณัฐ”พัฒนากรใจอ่อนยอมเรียกณัฐพงษ์ว่าพี่ จนเจ้าตัวยังนึกว่าหูฝาด “แต่ผมเห็นพี่เป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่คู่แข่ง ผมเองก็ชื่นชมพี่อยู่เหมือนกัน พี่ก็เป็นคนเก่งนะ อย่ายึดผมเป็นเส้นชัยเลย พี่ต้องหาเป้าหมายในชีวิตให้เจอ แล้วพี่ก็จะรู้ว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร”

พูดถึงตรงนี้ณัฐพงษ์เป็นคนดึงพัฒนากรเข้ามากอดเสียเอง

“ฉันขอให้แกโชคดีนะ แล้วสักวันฉันจะต้องสู้แกให้ได้”

เจอแบบนี้เข้าไปพัฒนากรนึกย้อนถามตัวเองว่าเปลืองน้ำลายพูดไปทำไมต้องมากมาย ไม่รู้ว่ามันเข้าใจเขาบ้างรึเปล่า



อังศุมาลินจูงลูกวัยสองขวบเศษเดินเข้ามาในงานเปิดบริษัทของสามี พร้อมกับท้องที่โตเป็นรอบสอง

“มาหาย่าดีกว่าครับลูก”พรรณณีอุ้มหลายชายมาไว้ในอ้อมกอดปล่อยให้อังศุมาลินอุ้มท้องที่โตจวนเจียนจะคลอดเข้าไปในงานคนเดียว

ผู้เป็นสามีเมื่อหันมาเห็นภรรยาก็รีบเข้าไปประครอง ที่ยืนข้างเขาก็คือบรรณิตาที่อุ้มท้องโตอยู่เช่นกัน ส่วนที่ยืนเคียงคู่บรรณิตาก็เป็นใครไม่ได้นอกจากคุณจอห์น

“ที่รักทำไมมาช้าจังครับ แล้วเจ้าลูกชายล่ะ”

“อยู่กับแม่เธอนั้นล่ะ เมื่อเช้าไม่รู้เป็นอะไรถึงงอแงเหมือนไม่อยากมา กว่าจะเงียบได้เล่นเอาเหนื่อย”บ่นพลางปาดเหงื่อที่ไหลออกมา สามีเห็นก็ช่วยเอากระดาษมาซับอีกแรง

“วันนี้เหงื่อออกเยอะนะเป็นอะไรรึเปล่า”คนถูกถามไม่ได้ตอบเอาแต่ส่ายหน้าแล้วหันมองไปที่หน้างานเพราะได้ยินเสียงรถยนต์มาจอด “ท่านปวรภัทรมาแล้ว เธอไปต้อนรับเถอะ”

พอสามีเดินไปอังศุมาลินก็เดินไปหาที่นั่งพร้อมกับบรรณิตาและคุณจอห์น ถ้าจะสังเกตให้ดีบรรณิตาก็มีเหงื่อเยอะเช่นกัน

“สงสัยวันนี้จะอากาศร้อนไปหน่อย”บรรณิตาหันมาถามความเห็นอังศุมาลิน หญิงสาวพยักหน้า แต่คุณจอห์นที่อยู่ในชุดสูทกลับไม่คิดเช่นนั้น

คนที่มาตัดริบบิ้นเปิดงานก็คือท่านประทานปวรภัทร พร้อมกรุงไทย และพิภพ เมื่อริบบิ้นถูกตัดออกเสียงบรมมือก็ดังขึ้นชั่วระยะ ก่อนที่ทุกคนจะทยอยกันเข้าไปในงาน แขกผู้ใหญ่ทั้งหมดก็เห็นจะเป็นของพัฒนากรเสียส่วนใหญ่

“มีอะไรก็อย่าลืมผมล่ะ ผมยินดีให้คำแนะนำคุณเสมอ”ท่านประทานปวรภัทรยิ้มเมตตาให้นักธุรกิจหัดใหม่

“ขอบคุณครับท่านประทาน”

ยิ้มรับแล้วพาท่านปวรภัทรไปนั่งที่โต๊ะที่เตรียมไว้ ก่อนจะออกมาทักทายแขกที่มาร่วมงานคนอื่น ๆ ซึ่งอนาคตคนเหล่านี้ก็กำลังจะมาเป็นลูกค้าของเขาแล้ว


งานเลี้ยงจบในเวลาห้าทุ่มกว่า ทุกคนกลับบ้านกันไปจนหมด เหลือไว้ก็แต่เพียงพัฒนากรที่กำลังเหม่อมองบริษัทที่กำลังจะเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้

ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวพอดี แม้ในเวลากลางวันจะหนาวไม่มากนัก แต่ในเวลากลางคือความหนาวก็มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสั่น แต่แล้วร่างสูงก็รู้อบอุ่นทั้งกายและใจเมื่อได้รับสัมผัสจากภรรยา

“พรุ่งนี้เธอจะเหนื่อยมากขึ้นนะรู้ไหม”

“รู้สิ แต่เราไม่กลัวหรอก เพราะเรามีอิ้งอยู่ข้าง ๆ ตรงนี้”ชายหนุ่มกระชับกอดไว้แน่น หอมที่หน้าผากภรรยา แล้วมืออีกข้างลูบไปที่ท้องโต

“เราสัญญาว่าเราจะยืนอยู่ตรงนี้จนกว่า...”

“จนกว่าอะไร”

“จนกว่าเธอจะเอ่ยปากไล่เรา”

“มันจะไม่มีวันนั้น ต่อให้วันข้างหน้าเราจะมีอะไรมากขึ้นเท่าไหร่ คนเดียวที่จะอยู่ในอ้อมกอดเราก็คืออิ้ง เพราะมันจะทำให้เราหายหนาว และเราก็จะไม่รู้สึกร้อน”

ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนึกถึงคำพูดของคัมภีร์ที่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย

‘คุณรู้ใช่ไหมว่าผมชอบภรรยาคุณ’

‘ครับ แต่ผมไม่ยอมปล่อยเธอไปให้คุณแน่’เขาพูดด้วยความหนักแน่ แต่พอมองไปที่ดวงตาคู่สนทนาที่ไม่ได้มีท่าทีอยากต่อสู้อะไรก็แปลกใจ ‘คุณกำลังคิดอะไร’

‘ตอนแรก ผมคิดว่าผมคงมีสิทธิ์ที่จะได้อิ้งมา เพราะเธอชอบผมมาก แต่มันไม่ใช่ เธอชอบผมในสถานะเพียงดาราขวัญใจ แต่ไม่ใช่คนรัก เธอรักคุณมาก ผมเลยต้องยอมแพ้ ผมว่านะต่อให้คุณทิ้งเธอ เธอก็คงจะมีใครไม่ได้อีก เพราะหัวใจเธอนั้นมีเพียงแต่คุณ’

ความคิดนั้นหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงภรรยา แต่ก็ไม่รู่ว่าเธอกำลังพูดอะไร แต่พอหามามองก็เห็นเธอกำลังหน้าซีด

“อิ้งเป็นอะไร”

“เจ็บท้อง...”

ชายหนุ่มไม่ได้มองหน้าภรรยาแต่มองไปที่เทาของตัวเองที่กำลังเปียก น้ำคร่ำแตกแล้วนั้นเอง ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบพาภรรยาที่รักไปโรงพยาบาลในทันที


ตอนนี้อังศุมาลินเข้าไปในห้องคลอดแล้ว ชายหนุ่มเฝ้าภาวนาให้เธอปลอดภัย ก่อนจะถึงหยุดหงิดเมื่อมีเสียงพึมพำมารบกวนที่ข้างหู

“อ้าวคุณจอห์น”

“คุณพีม มาทำอะไรครับ”

“อิ้งเธอกำลังจะคลอด อย่าบอกนะว่าเบบี้ก็...”

“ใช่ ไอกำลังจะได้เป็นพ่อแล้ว ตอนนี้ผมกำลังสวดขอกับพระเจ้าให้เธอปลอดภัย”คุณจอห์นพูดจบก็หันไปสวดพึมพำต่อ

อีกมีกี่นาทีต่อมาครอบครับของเขาและภรรยาก็มาถึง แม้จะไม่ใช่หลานคนแรกแต่ทั้งสองบ้านก็ตื่นเต้นพอกัน

พัฒนากรยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ไม่ว่าต่อไปเขาจะเจออะไรเขารู้ว่าคนเหล่านี้จะช่วยประคองเขาให้เดินต่อไปได้ เขาไม่เคยนึกเสียใจที่เริ่มต้นกับอังศุมาลินช้า เพราะยังไงบรรณิตาก็คือหนังสือเล่มโปรดที่ดีให้เขาได้เรียนรู้ แต่เขาคงเพียงนึกถึงแต่ไม่คิดจะไปอ่านมันซ้ำ

ส่วนอังศุมาลินคือหนังสือเล่มที่เก่ากว่า ที่เขาเคยได้เปิดอ่านแต่ไม่น่าสนใจ จึงเผลอโยนทิ้งไป จนได้มาค้นเจออีกครั้งในวันที่เกือบสายไป

แต่ด้วยความโชคดีที่หนังสือแสนธรรมดาเล่มนี้ยังเลือกเขา เขาสาบานว่าจะเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้าย และคงจะปิดมันไม่ได้แม้จะถึงตอนจบ เพราะท้ายบทยังมีบันทึกการอ่านให้เขาเขียนต่ออีกยาวนับพันนับหมื่นหน้า


เสียงเด็กทารกร้องดังแว่วมาหลายคน คงไม่แปลกหรอกก็ที่นี่คือห้องเด็กแรกคลอดนั้นเอง อธิษฐานเดินมาดูที่ห้องเด็กหลังจากที่ไปเยี่ยมที่ห้องแม่แล้ว

เด็กในห่อผ้าหลายคนกำลังหลับ แต่อีกหลายคนก็กำลังร้อง แต่เพียงเวลาไม่นานพยาบาลประจำห้องก็เดินเข้ามาปลอบจนเด็กเงียบไป

เขาหยุดเดินเมื่อมาถึงเป้าหมาย เด็กน้องตัวแดงกำลังหลับตาพริบเหมือนฝันหวาน จมูกเล็กน่ารักมีสันให้เห็น ปากบางเหมือนคนพี่ คิ้วหนากว่าเด็กคนข้าง ๆ ทายได้เลยว่าโตมาคงจะสวยแบบไม่ต้องศัลยกรรม

เรื่องราวในวันแรกที่เจอกับอังศุมาลินนั้นเขายังคงจำได้ สาวร่างอ้วนร้องไห้จนความสวยที่แทบไม่มีกระเจิงหาย ในตอนนั้นเขาไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ แต่ขาสองข้างก็ก้าวไปยังร่างท้วมคล้ายโอ่งมังกรนั้น

เขาได้เห็นตาโตสีน้ำตาที่มีแต่ความเจ็บปวด แค่นั้นเขาก็นึกสัญญากับตัวเองว่าจะเปลี่ยนแปลงเธอให้ได้ และเขาก็ทำสำเร็จ อังศุมาลินคือคนไข้คนแรกของเขาก็ว่าได้

เขารักเธอมาก มากขึ้นทุกวัน แม้จะมีเรื่องผู้ชายที่มาจีบเธอให้ต้องปวดหัว แต่หญิงสาวก็แสดงความมั่นคงให้เขาเห็น จนเขาคิดว่าเธอคือแม่ของลูกเขาแน่

แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าความฝันของเขาจะไปได้แค่เพียงครึ่ง เมื่อเธอเลือกที่จะใช่ชีวิตกับคนอื่น ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เลือกที่จะถอยออกมา แต่ก็เหมือนเขาเป็นเพียงดาวเคราะห์ที่หมุนอยู่รอบเธอ ไม่สามารถถอนตัวจากเธอได้เสียที

และต่อไปนี้เขาก็คงจะต้องยอมรับว่าเขานั้นรักเธอมากจนไปจากเธอไม่ได้จริง ๆ ยามใดที่เธอเศร้าเขานี่แหละจะเข้าไปประคองเธอ

“คุณเป็นพ่อเด็กหรือคะ”

เสียงหวานใสของใครคนหนึ่งดังมาข้างหลัง ชายหนุ่มหันไปมองแล้วต้องสะดุดตา เธอเป็นพยาบาล ผิวขาวใสอมชมพูเหมือนกับเกสรของดอกชมพู่ ดวงหน้าคล้ายกลับนางฟ้าในเทพนิยาย หรือเธออาจเป็นนางกินรีก็ได้ รวมไปถึงรูปร่างที่ถ้าติดปีกติดหางแล้วก็คงบินร่อนไปมาอย่างง่ายดาย

“ลูกของคุณอยู่ตรงไหนคะ ดิฉันจะอุ้มมาให้”

“ผมแค่มาดูหลานครับ ผมยังไม่มีภรรยาจะมีลูกได้ยังไง”

“ดิฉันขอโทษนะคะ ดิฉันเห็นคุณมองเด็กในห้องเหมือนพ่อมองลูกก็เลย...”

“ถ้าผมมีลูกก็คงจะดีนะครับ เอ่อ...ขอโทษครับที่พูดน่าเกียจ”อธิษฐานก้มหัวเล็กน้อยให้กับสุภาพสตรีในชุดขาว “ขอตัวนะครับ”

พูดแล้วก็เดินถอยออกมา นึกเสียดายที่จีบเธอไม่เป็น แต่เศร้าอยู่ได้ไม่นานเสียงหวานก็ดังขึ้นอีก

“ไปหาอะไรทานด้วยกันไหมคะ”

“ก็ดีครับ ผมชื่ออิฐครับ”

“ฉันชื่อ...”

เอ่อ...ที่ผมเพ้อไปเมื่อกี้ก็ขอให้ทุกคนลืมไปนะครับ ผมว่าผมเจอคนที่ใช่แล้วล่ะ เรื่องของอิ้งก็คงจะต้องเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจแล้ว ส่วนเรื่องของเธอคนนี้ผมคงจะเก็บไว้กลางใจแทนที่อิ้ง แล้วผมก็จะเก็บทุกอย่างต่อจากนี้ไว้ในใจจนนิรันดร์...จบ



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2556, 15:49:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2556, 15:49:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2159





<< 24 เข้าใจรึยัง   
นักอ่านเหนียวหนึบ 7 ธ.ค. 2556, 23:51:54 น.
โอ้ยยยย ตามมาอ่านจนจบ
ฟินนมากกกค้าาาา
Happy Ending จิงๆ ชอบจังๆๆๆ


เพียงใจกล้า 3 พ.ค. 2559, 20:36:18 น.
ไม่ได้เข้ามานานเลย...ดีใจนะคะที่มีคนชอบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account