Diary Love Vampirism รักนี้ที่เวนิส
“ถ้าไพรเวทแล้วมันทำให้เอลเซ่อารมณ์ดีฉันก็ยินดีที่จะทำ เพราะอะไรที่ทำให้เอลเซ่มีความสุขฉันทำให้เธอได้หมดไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันสัญญาเอล อะไรที่คือความสุขของเธอฉันยินดีที่จะทำให้เธอทุกอย่าง”
โอ๊ยย อยู่ๆ ก็มาพูดบอกกันแบบนี้ก็เขินสิเจ้าคะ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็รักเขาไปแล้วนิน่า...

(อัพช้าขออภัย อยู่ในช่วงสอบ)
Tags: Vampirism cosplay

ตอน: 8

00.15 น.
อ๊าย..เพราะเรื่องที่เซต้าพูดเมื่อตอนกลางวันแท้ๆ เลย ทำเอาฉันนอนไม่หลับ นั่งอยู่หน้าคอมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเปิดดูนั่นดูนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแต่อะไรดี ฉันก็เลยเปิดเว็ปจีนดูของ อ่านั่นไงเจอแล้ววิกของ Gakupo คิดออกแล้วล่ะว่าจะให้เขาแต่งอ่ะไร ^-^ หลังจากนั้นฉันก็จัดการสั่งของในเว็ปที่มีของพร้อมส่งทั้งวิกผมทั้งชุดที่เซต้าจะใส่ และฉันไม่เลือกที่จะสั่งของจากจีนเพราะต้องใช้เวลาในการจัดส่งจากจีน 20-25 วันมันนานไปงานก็จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้านี้เอง แต่ถ้าสั่งของพร้อมส่งใช้เวลาแค่สองสามวันก็มาถึง อ๊ายยยย...ตื่นเต้น

สองสามวันผ่านไป
ติ้งหน่อง ติ้งหน่อง..
“พี่วีคะ ช่วยไปดูให้เอลเซ่หน่อยได้มั๊ยคะ” ฉันตะโกนเรียกสาวใช้ในบ้านให้ออกไปดูว่าให้มา
“ได้ค่าคุณหนู” พี่วีหายไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับกล่องพัสดุกล่องใหญ่สองกล่อง และกล่องขนาดกลางอีก 3 กล่อง
“หือ..พัสดุเหรอ เร็วจริง” หลังจากที่พี่วีเอาพัสดุมาวาง ฉันก็รีบแกะกล่องทันที่ กล่องใหญ่กล่องแรกเป็นชุดกะร้องเท้าของเซต้านี้เอง ส่วนกล่องที่สองเป็นชุดของฉัน โอ้พระเจ้าชุดสวยมาก
“พี่วีคะเอาชุดสองตัวนี้ไปรีดไปซักให้เอลเซ่ที่นะคะ” หลังจากที่ฉันส่งชุดไปให้พี่วี ฉันก็หันมาแกะกล่องอีก 3 กล่องที่เหลือ อ่า เป็นวิกผมสองหัวแล้วก็ร้องเท้าอีกสองคู่ หลังจาที่ฉันเปิดดูของเรียบร้อยแล้วก็จัดการโทรหาเซต้าทันที่
ตุ๊ดดดดดดดดดดดด...
( ไง เลดี้ ) เซต้าทักฉันอย่างอารมณ์ดี
“ ไง เซต้า “ ฉันทักเขาตอบ
(ว่าแต่โทรมามีอะไรให้ช่วยเหรอ)
“อ๋อ คือว่าช่วยมาลองชุดที่บ้านเราหน่อยได้มั๊ยอ่า”
(อ๋อได้สินึกว่าเรื่องอะไร ว่าแต่ ทำไมได้ของเร็วจังอ่ะเอลเซ่)
“มันเป็นสินค้าพร้อมส่งนะเลยได้เร็ว”
(อื้ม งั้นรออีกครึ่งชั่วโมงล่ะกันจะไปหา)

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

“เอลเซ่ อยู่ไหนน่ะ” เสียงของเซต้าตะโกนเข้ามาก่อนที่จะเห็นตัวเขาอีก
“คุณหนูอยู่ที่ห้องดนตรีน่ะคะคุณเซต้า ” พี่วีหันมาบอกเซต้าขณะที่กำลังปัดกวาทำความสะอาดอยู่ตรงนั้น
“อ๋อ.. ขอบคุรครับพี่วี” เซต้าหันไปขอบคุณสาวใช้แล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาที่ห้องดนตรี

By Sata
หลังจากที่ผมขอบคุณสาวใช้ในบ้านของเอลเซ่เรียบร้อย ก็เรีบเดินตรงดิ่งไปที่ห้องดนตรีทั้นที่ ไม่ต้องงงไม่ต้องสงใสว่าทำไมผมไม่ถามทางสาวใช้ เพราะผมมาที่นี้บ่อยมากบ่อยจนรู้ทางว่าทางไหนเป็นอะไรไปยังไง
ผมเดินมาจนสุดทางเดินตรงหน้าผมมีประตูบานใหญ่ข้างอยู่ ผมกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดแต่ต้องชงักเพราะเสียงดนตรีจับใจ ผมค่อยๆ แง้มประตูเล็กน้อยแล้วมองลอดเข้าไป สิ่งที่ผมเห็น โอ้พระเจ้านางฟ้าชัดๆ เอลเซ่ในชุดแบบผู้ดีอังกฤษสีดำม่วง (ที่โคตรจะอลัง) กำลังนั่งเล่นเปียร์โน หลังใหญ่สีขาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง เห..ชุดที่ใส่เหมือชุดคอสเพลย์ชมัดแถมหัวก็ใส่วิกผม ชัดเลยแต่งคอสอยู่แน่ๆ ในขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในภวังนั้นเอลเซก็ค่อยๆเปล่งเสียยงร้องเพลงออกมาช้า ทั้งท่างทางสีหน้าบงบอกถึงอารมณ์เศร้าใจที่เธอกำลังพานพบอยู่ มันทำให้ผมตั้งใจฟังเธอร้องเพลงมากขึ้น
*Just be friends all we gotta do just be friends it’s time to say goodbye
Just be friends all we gotta do just be friends just be friends just be friends
เมื่อเช้าวันวาน อยู่ๆทุกอย่างมันก็เกิดผุดขึ้นมา
เหมือนฉันเอามือโกยเศษชิ้นส่วนแก้วแตกเข้ารวมกันไว้
ด้วยความสงสัยที่ไม่มีวันได้เอื้อนเอ่ย ได้เพียงแค่ถามตัวเองเบาๆเช่นเดียวกับเสียงจากข้างใน
ที่ร่วงลงไปจากปลายนิ้ว ใช่หรือสิ่งที่เราต้องการ
ทั้งที่ไม่อยาก แต่สิ่งที่อยู่ในใจทำให้ยอมรับ
ลึกๆข้างใน รู้แล้วว่า “เจ็บ” คือทางที่ควรเลือกเดิน
แต่สักเล็กน้อย เธอจะรู้ไหมว่าทำไม รู้สึกเหตุผลเล็กๆที่ทำฉันไม่คิดจะก้าวไป
เพราะเถียงตัวเอง จมกับรักเรา และกลัวที่จะต้องบอก
รอยยิ้มเธอนั้น ที่ฉันได้เก็บให้มันยังเหมือนโลกใบเดิม
ค่อยๆเลือนหายไปกับความรักที่ร่วงโรย
ไม่อยากให้ถึงตอนนี้เลย ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เลย
ฉันจำใจต้องเลือกเดิน
เสียงที่ฉันกรีดร้องดังเหมือนดั่งทุกข์เจียนตายตรงนี้
ก้องสะท้อนไปจนเริ่มเลือนหาย
เมื่อมันมลาย ก็ไร้ความหมาย เพราะส่งไปไม่ถึงเธอ
ไม่มีสิ่งไหน ที่รั้งฉันไว้ เมื่อจนสุดท้ายแห่งความรัก
เรื่องราวที่ทำให้สองเราต้องเลิกรา เดินจากกัน
มือของฉันจะทำให้มันแหลกไป
และแล้วก็เพียงร้องไห้กับตัวเอง น้ำตาร่วงหล่น
ไหลย้อยที่ตรง ใบหน้าที่ด้านชา ชีวิตนั้นหนาเป็นเช่นนี้เอง
Just be friends all we gotta do just be friends it’s time to say goodbye
Just be friends all we gotta do just be friends just be friends just be friends

ย่ำค่ำราตรี เมื่อวานคือวัน ท้ายสุดฉันก็เข้าใจ
ดอกไม้ที่ร่วงโรยไป ไม่มีทางเลยที่จะกลับคืน
ไม่อาจสดใสเช่นดังในวันวาน และไม่อาจสดสวยเช่นที่ใจเราต้องการ
รักและเวลาของเรานั้นได้ยุติลงมาเนิ่นนาน
แม้ฉันยังจำวันแรกที่เราได้เจอได้เคยพานพบ
แม้ว่าเวลาที่เธอยิ้มมานั้นยังตรึงใจของฉัน
แต่สิ่งเหล่านี้เชือดรักให้สิ้นไป และทั้งที่รู้เราก็ยังคงลวงหลอกหัวใจ
ฟันเฟืองแห่งวันที่เจ็บเพราะการซ้ำเติมได้คืนย้อนมา
แม้ว่าความรัก ที่เรามีอยู่จะหมองและมัวไม่สนใจ
ฉันยังคงรักเธอ ไม่เปลี่ยนใจนี้ไปหาใคร
อยากให้รู้ว่ายังรักเธอ ไม่ต้องการที่จะแยกจาก
แต่ฉันต้องบอกก่อนสายไป
ฝนแรงที่พรำในหัวใจทำฉันไม่อาจรับรู้ มันทำให้ฉันแทบยืนอยู่ไม่ไหว
สายตาของฉันเริ่มมองภาพเลือนราง ดังเธออยู่แสนไกล
มันช่างเจ็บช้ำดังใจฉันถูกทิ่มแทงซ้ำอยู่ร่ำไป
ทั้งที่มันควรเริ่มชินชา เพราะว่ารักจบลงแล้ว
เมื่อมองไปยังสายใยที่โยงเราไว้ เพิ่งรู้ว่ามันคอยเลือนมลายลง ไปในทุกวัน
ฉันจึงต้องลา ไม่หันกลับมา มองเธออีกแล้วและก้าวไป

แค่อีกเพียงสักครั้ง แค่อีกเพียงสักครั้ง
จะอธิษฐานให้เรื่องเราป็นดั่งหวัง
เริ่มใหม่อีกซักครั้ง เพื่อให้ฉันได้ซึ่งสิ่งนั้น
แค่ได้เจอเธอ เมื่อในวัน ที่เคยเลือนลับไป

เสียงที่ฉันกรีดร้องดังเหมือนดั่งทุกข์เจียนตายตรงนี้
ก้องสะท้อนไปจนเริ่มเลือนหาย
เมื่อมันมลาย ก็ไร้ความหมาย เพราะส่งไปไม่ถึงเธอ
ไม่มีสิ่งไหน ที่รั้งฉันไว้ เมื่อจนสุดท้ายแห่งความรัก
สายใยที่ผูกรั้งเรามันไม่มีอยู่อีกแล้ว ในเมื่อเชือกนั้นมันค่อยๆขาดลง
ฉันคงต้องลา เมื่อถึงเวลานี้ เราไม่เหมือนเดิม
ไม่มีอีกแล้ว เพราะมันได้จบลง จงเดินจากไปอย่าหันกลับ
และในตอนนี้ทุกอย่างก็จบ...
Just be friends all we gotta do just be friends it’s time to say goodbye
Just be friends all we gotta do just be friends just be friends just be friends

หลังจาที่เพลงจบลงผมก็เปิดประตูเข้าไปพร้อมกับปรมมือให้เอลเซ่
*Just be friends [Megurene Luka VOCALOID] แปลไทย
“เพราะมากเลยนะเอล” และดูเหมือนเธอจะตกใจที่ผมเดินเข้ามา



elice
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2556, 16:40:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2556, 16:40:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1028





<< 7   9 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account