คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา
บทนำ
คืนที่อากาศเย็นฉ่ำ และฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ คนที่กำลังมีความรักคงรู้สึกว่าสายฝนนั้นช่างเย็นราวกับน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจที่อับเฉาได้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่กำลังจะเสียของรักไปคงมองสายฝนที่ตกลงมาเหมือนน้ำตาจากฟ้า ความรักที่สุกงอมช่างหอมหวาน แต่บางครั้งความรักอันหอมหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นความขื่นขมระทมทุกข์ จนในที่สุดก็กลับกลายกลายเป็นความแค้นและถ้าภายในหัวใจดวงเดียวแต่เกิดทั้งความรักฝังใจและความแค้นที่แน่นอกทางออกของมันคืออะไร...
เจ้าของใบหน้าสวยเก๋รับกับเรือนร่างงดงามได้สัดส่วน หากเปรียบเรือนร่างของเธอว่าราวกับนางแบบก็คงไม่เกินไปนัก แก้วกรรณิกาใช้หลังมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายทิ้งไปก่อนจะเชิดใบหน้าสวยขึ้น
“ยังไม่รีบลงไปจัดการให้มันจบๆ ไปซะที ไหนแกบอกว่าเห็นแม่ดีกว่าผู้ชายไม่ใช่เหรอ”
“คุณแม่คะ แต่...”
“เอาเถอะ แกไม่ไปแม่ก็จะไม่บังคับแกแล้ว แต่แกก็เตรียมนิมนต์พระที่วัดมาสวดศพแม่ได้เลย” ประตูรถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบถูกเปิดออกและเมื่อประตูถูกปิดลง คุณหญิงมณีไฮโซคนดังถึงกับยิ้มออกมาอย่างสะใจและมองตามร่างบางระหงในชุดแสกเข้ารูปแบบทันสมัยไปไม่ให้คลาดสายตา
“ทำเลตรงนี้เหมาะจะดูละครฉากเศร้าเสียจริง ” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ลึกๆ รู้สึกสะใจจนอยากจะปรบมือดังๆความเกลียด ความรัก ปะปนกันอย่างแน่นอกสายตาของนางจับจ้องไปที่บุตรสาว
แก้วกรรณิกามีใบหน้ารูปไข่ที่มีองค์ประกอบงดงามโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งได้รูป เหมาะเจาะกับดวงตากลมโตที่เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกสวยได้รูปริมฝีปากที่สวยอวบอิ่มชนิดหาตัวจับยากรวมแล้วเป็นความสวยที่ลงตัวที่สุด
ส่วนผมนั้นนิ่มสลวยยาวตรงคืนนี้มันถูกรวบไว้สูงเป็นหางม้าทำให้ลำคอดูระหงยิ่งขึ้นแก้วกรรณิกาบุคลิกของเธอคือสาวสวยมั่น เธอกางร่มบางใสที่หยิบติดมือลงมาจากรถเพราะฝนเริ่มโปรยปรายลงมาปรอยๆ พอสายตามองเห็นเป้าหมายก็เร่งก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหา ทั้งที่ภายในใจอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกเขาและกอดร่ำไห้แต่สิ่งที่แสดงออกไปเป็นไปในทางตรงกันข้ามเธอหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะบอกถึงสาเหตุที่เรียกเขาออกมาพบ
ผู้ชายใบหน้าหล่อคมเข้มแต่มีผิวขาวสะอาดมีเคราเขียวครึ้มบางๆ รูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งยืนรอใครบางคนที่นัดเอาไว้อย่างไม่แสดงออกถึงอาการใดๆมานานนับชั่วโมงแต่เมื่อได้พบหน้ากันแล้วฟังในสิ่งที่เธอกำลังเล่าแม้หน้าตาจะไม่แสดงออกแต่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ราวกับลาวาที่กำลังปะทุรอการระเบิดครั้งใหญ่
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากความคิดของคุณใช่ไหม”
“ก็ตามที่บอก โครงการรักของเราคงต้องพับเก็บ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคุณธนกฤต” เธอยืนยันอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ภายในอกตรมและเจ็บปวดที่สุด
“ไหนคุณเคยบอกว่าคุณหมดรักนายธนกฤตไปนานแล้ว รอแต่วันจะถอนหมั้น”
“ก็ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ารักมันกินไม่ได้ แต่ถ้าอยากสุขสบายก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ” แก้วกรรณิกาไหวไหล่และเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ยี่หระ
ว่านนทีเผยยิ้มหยัน แววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อความคิดและสิ่งที่ทำทั้งหมดนี้จะมาจากความคิดของแก้วกรรณิกา
“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณคิดแบบนี้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นบอกผมมาตามตรงดีกว่า” น้ำเสียงคาดคั้น
“คุณคิดว่าคุณเองมีดีอะไร คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังไม่เคยรู้มองไปข้างหน้าฉันเห็นแต่ความมืดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนสวยและฉลาดอย่างฉันขอคิดใหม่ทำใหม่ ฉันไม่อยากเอาเวลามาเสียโดยเปล่าประโยชน์”เธอตอบฉะฉานไม่มีท่าทางแสดงออกว่าเสียใจ
“แก้วกรรณิกาผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง รับรองว่าคุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้” งานของเขาทั้งเสี่ยงภัยและเป็นความลับเขาไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวข้องไม่ต้องการให้เธอเป็นเป้าหมายของใครศัตรูของเขาเยอะพอๆกับเพื่อน
“ก็เพราะคุณเป็นเสียแบบนี้ทำตัวลึกลับจนน่าสงสัย เราคบกันได้พักหนึ่งแล้วฉันยังไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไร บางทีคุณอาจเป็นเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นฉันเสียเวลาไปมากแล้วเราจบกันแค่นี้จะดีกว่า” ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่อย่างใจคิดมันเป็นข้ออ้างให้เขาตัดใจจากเธอไป
“บอกมาเสียดีๆ ว่าใครบังคับให้คุณมาพูดกับผมแบบนี้ บอกมา”น้ำเสียงตะคอก โกรธไม่เก็บอาการ เขามองไปที่รถหรูที่เธอเดินลงมา “ใครอยู่ไหนนั้นคุณหญิงแม่ของคุณหรือเปล่า”
แก้วกรรณิกาไม่ตอบ
“ผมว่าแล้วคุณหญิงแม่ของคุณใช่ไหมที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” แก้วกรรณิกาก็ยังไม่ตอบ ว่านนทีจึงถามย้ำไปย้ำมาสองมือวางบนไหล่บางของเธอและเขย่า
“ตอบผม ผมสั่งให้คุณตอบเดี๋ยวนี้”
“คุณแม่แค่แนะนำว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับฉัน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดมาจากความคิดฉันเอง เอามือหยาบๆ ที่ทำงานหนักๆ ออกไปจากไหล่ฉันเถอะเดี๋ยวเสื้อตัวละห้าพันของฉันมันจะติดกลิ่นสาบความจนไปด้วย เหม็นน่ะ แล้วกลัวจะซักไม่ออก” แก้วกรรณิกาเบ้ปากอย่างรังเกียจ
เขากระชับไหล่เธอและบีบแน่น“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวันก่อนคุณไม่ได้เป็นแบบนี้”
“ ฉันเจ็บนะคุณว่านนที ผู้ชายบ้า ชอบใช้ความรุนแรง” เธอตวาดแหวรู้ว่าเขาโกรธจัดในเมื่อคุยกันไปถึงเรื่องแต่งงานแล้วแต่จู่ๆเธอมาบอกเลิกเขาแบบนี้
เมื่อหลายวันก่อนเขากับเธอยังดูหวานชื่นเขายังพาเธอไปกินข้าวและดูหนังจากนั้นยังคุยกันว่าเธอจะพาเขาไปรู้จักกับครอบครัวของเธอซึ่งว่านนทีเองก็กำลังจะตัดสินใจส่งคุณหญิงพัชชามารดาแท้ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของท่านไปทาบทามแก้วกรรณิกามาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้เช่นกัน เขากำลังจะบอกเรื่องนี้กับเธอว่าเขาเป็นใครแต่มาได้ยินข่าวร้ายเสียก่อน
ใบหน้าสวยของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นอย่างถือตัว
“ไม่มีใครที่จะบังคับแก้วกรรณิกาคนนี้ได้คุณเองก็รู้”
“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองว่าคุณมีใจให้ และคิดว่าเรารักกัน ”
“ใช่! คุณคิดไปเอง ที่ผ่านมาฉันแค่เหงา คนมันกำลังเหงา” แก้วกรรณิกาสะบัดมือออก
“ถ้านี่คือการอำ ผมก็ชักไม่สนุกด้วย” สีหน้าเคร่งเครียด
“นี่คือความจริงแต่ที่ผ่านมาคือความฝันดอกฟ้าไม่ก้มลงมาคลุกคลีกับหมาวัดนานหรอกนะตื่นได้แล้ว”แววตาของเธอเหยียดหยามเสื้อผ้าที่เขาใส่แต่ในใจเธอกลับไม่คิดเช่นนั้น
“แก้วกรรณิกาคุณเป็นบ้าอะไร”
“มองตาผม”เข้าสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนี้
“ไม่” เธอเลี่ยงการสบตา
“ผมสั่งให้มอง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริงๆ เหรอ ตอบมา ตอบมาคุณคิดแบบนั้นใช่ไหม” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบางแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บบริเวณหัวไหล่ และหัวสั่นหัวคลอน
มือเรียวเล็กตบสุดแรงเกิดที่โหนกแก้มด้านซ้ายของว่านนทีเสียงเนื้อกระแทกกันดังสนั่น
“ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ จะอะไรกันนักหนาก็คุณมันเป็นคนมาทีหลัง คุณก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมารักฉันเองช่วยไม่ได้ โง่เองนี่ ถ้าเข้าใจผิดไปว่าที่ผ่านมาฉันมีใจให้ล่ะก็คุณคิดผิดถนัด ก็ฉันมันสวย แม่ก็รวย เพราะฉะนั้นฉันเลือกได้และคุณคือตัวเลือกที่ฉันตัดทิ้งไป”
ความเจ็บที่เธอตบหน้าเขามันเล็กน้อยถ้าเทียบกับความเจ็บที่หัวใจเมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนี้
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเป็นแค่ทางเลือกให้คุณเหรอ” สายตาที่มองเธอราวกับแววตาสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บปางตาย
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
ความโมโหทำให้ว่านนทีลืมตัวรั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบอกและจูบสั่งสอนแรงๆ เพื่อจะได้ย้ำความทรงจำเมื่อหลายวันก่อนเธอยังแทบจะหลอมละลายเมื่อเขาปรนเปรอเธอด้วยจูบหวานล้ำแต่วันนี้ดูเธอทำท่าทำทางเข้าสิ
“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดรสชาติจูบอันกักขฬะไร้รสนิยม ไม่มีความเป็นผู้ดีของคุณจริงๆ” ประโยคที่แสลงหูทำให้เขาดึงร่างบางมาประกบจูบแรงๆ อีกครั้งเพื่อลงโทษคนอวดดี ไม่มีความหอมหวาน นุ่มนวลแทรกอยู่
คุณหญิงมณีพยายามจะมองแต่มองไม่ถนัดเพราะอยู่ในระยะไกล “ช่วงนี้หูตาไม่ค่อยดี ลืมพกแว่นตามาจึงมองนอะไรไม่ถนัดเลย
“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า” ว่านนทีไม่รู้ว่าในรถคุณหญิงมณีกำลังนั่งชมผลงานของตนเองอยู่
เจ้าของร่างบางร่ำไห้ทั้งโกรธ ทั้งรัก ทั้งอยากให้เขาและตัวเธอเองตัดใจจากกันได้เพราะรู้ว่าถ้าฝืนรักกันต่อไปก็มีแต่ความทรมา แก้วกรรณิการู้สึกว่าริมฝีปากของเธอเจ็บระบมไปหมดจากการกระทำของเขา แต่เมื่อเธอสะอื้นเขาก็ผละออกจากเธอทันที กิริยาปนรักเกลียด
“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาอย่างนั้นล่ะสิ” แก้วกรรณิกานิ่งเงียบ
“ผมถามว่าใช่ไหมแค่ที่คั่นเวลา” ว่านนทีตะคอกถาม
“ตอบมาสิ ตอบผม” ใบหน้าสวยเก๋ของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นและปรากฏรอยยิ้มหยันก่อนจะตอบว่า
“ที่คั่นเวลาอาจจะมีค่ามากกว่าคุณด้วยซ้ำไป คุณคิดว่าฉันจะจริงจังด้วยถึงขั้นจะแต่งงานเลยเหรอคะ สเปคของฉันนอกจากหล่ออย่างเดียวคงไม่พอหรอกนะ ต้องรวยเท่าเทียมกันหรือมากกว่าเข้าใจไว้ซะด้วย” สายตาที่ว่านนทีมองกลับมา ทำให้แก้วกรรณิกาอยากหายตัวไปจากตรงนี้ มันเป็นสายตาสมเพช
“ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกทีนะแก้วกรรณิกาเมื่อครู่ผมจะถือว่าหูฝาดไป”
“จะให้พูดกี่ครั้งฉันก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย เหนือสิ่งอื่นใดฉันเลือกผู้ชายจากยอดเงินในบัญชีมากกว่าความดีที่กินไม่ได้ ทีนี้กระจ่างหรือยังล่ะ”
“หิวเงินมากขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมันตาบอดไปที่มองคุณเป็นนางฟ้ามาตลอด แต่ที่ผ่านมามันก็แค่มารยา” คำต่อว่าของเขาเรียกน้ำตาของแก้วกรรณิกาให้รื้นขึ้นมาจนเอ่อแทบจะล้นออกมาจากเบ้าตาแต่เธอพยายามฝืนเอาไว้
“ฉันแค่ทนเสียงเห่ารบเร้าของหมาวัดมันไม่ไหว เลยนึกสนุกโน้มตัวลงมาจากฟ้าเพื่อทักทายหยอกเล่นกับมัน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็รู้ว่าดอกฟ้ากับหมาวัดมันไปกันไม่ได้จะมีก็แค่ในนิยายเรื่องจริงมันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เคมีมันไม่ตรงกัน”
ว่านนทีรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตบหน้า นี่เธอกล้าเปรียบเทียบเขากับหมาวัดเชียวหรือ หากเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแก้วกรรณิกาจะรู้ว่าที่แท้เธอมันก็แค่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมความงามเมื่อไรก็ได้เช่นกัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณเป็นดอกฟ้า แต่ณเวลานี้ดอกตำแยยังมีราคามากกว่าผู้หญิงหิวเงินแบบคุณเลย” แก้วกรรณิกาไหวไหล่และยิ้มเยาะอย่างไม่ยี่หระต่อคำผรุสวาท
“แต่ยังไงซะฉันก็ขอขอบคุณที่หมาวัดอย่างคุณดูแลฉันเป็นอย่างดีแล้วต่อจากนี้ก็ทางใครทางมัน”
“ถึงผมเป็นคนดี แต่ผู้หญิงอย่างคุณคงชอบคนเลวมากกว่าถึงได้เลือกจะแต่งงานกับนายธนกฤตคนนั้นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเลวแค่ไหน แต่ถ้าชอบคนเลวก็ขอให้อยู่กับคนเลวอย่างมีความสุขแล้วกัน” เขาหันหลังให้แต่ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้จะจบ
เพื่อที่จะจากกันได้อย่างถาวรแก้วกรรณิกาจำเป็นต้องตอกย้ำขึ้นไปอีก
“ไม่เคยได้ยินเหรอคะผู้หญิงส่วนมากเขาก็พ่ายให้ผู้ชายเลวๆ กันทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเลว มันมีอะไรให้น่าค้นหาและตื่นเต้นมีชีวิตชีวาดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีสีสัน” ว่านนทีมองหน้าเธอ ด้วยแววตาหยัน
“ถ้าชอบผู้ชายเลวนักสักวันผมจะจัดให้ เอาเลวกับคุณให้สาแก่ใจไปเลย ใครจะไปคิดว่าคุณหนูแก้วกรรณิกาจะมีรสนิยมแบบนี้ อาจจะมีของสมนาคุณเพิ่มเติมให้ทั้งความเถื่อน เลว และซาดิสม์เผื่อจะทำให้คุณติดใจได้บ้าง” แก้วกรรณิกายิ้มหน้าระรื่นทั้งๆ ที่ภายในใจกำลังกลืนน้ำตา ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงๆ ก็คงบ้าแล้ว
“เลว และ เถื่อนแค่นั้นอาจได้แค่ความถึงใจ แต่ยังไม่พอเพราะจะเป็นสเปคในใจขฉัน สิ่งสำคัญ ต้องรวยด้วยค่ะซึ่งจะว่าไปทุกข้อก็เหมือนคุณธนกฤตเขาเป๊ะเลย หล่อ รวย เลว เริดค่ะ” เจ้าของใบหน้าสวยแสร้งยั่ว สายตาที่ว่านนทีเคยมองเธอด้วยความรักปานจะกลืนกินแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความขยะแขยง
“น่าสมเพช”
จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถและไม่ได้หันกลับมามองอีกเลย จึงไม่เห็นว่าเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหยิ่งเมื่อครู่นั้นในเวลานี้สองแก้มถูกอาบไปด้วยน้ำตาเป็นทางยาว
“คุณว่านนที ฉะ ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เราลงเอยกันแบบนี้สักนิดหากฉันเลือกได้” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน
หญิงสูงวัยแต่ยังคงงดงามมองผ่านออกมาจากรถเบนซ์สีดำมันปลาบพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินแยกกันไปคนละทิศทาง แล้วในที่สุดลูกสาวคนสวยก็ต้องยอมทำตามใจเธอ คุณหญิงมณียกความดีความชอบให้ตัวเอง หากนางไม่เอาเรื่องความตายมาขู่แก้วกรรณิกาคงไม่ยอมเลิกกับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนายว่านนที
คุณหญิงมณีลดกระจกรถลงเมื่อเห็นแก้วกรรณิกาเดินกลับมาใกล้รถแต่สายตายังอาลัยอาวรณ์หันกลับไปมองรถของว่านนทีที่ขับออกไปแล้ว
นางจึงตวาดแหว“ยัยแก้วเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถสักทีสิยะ จะยืนอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนากับผู้ชายบ้านๆ แบบนั้น รีบขึ้นรถมาได้แล้วนะแถวนี้มันถิ่นของพวกกระจอกอยู่นานๆ แล้วฉันคันเนื้อคันตัว”
“ทราบแล้วค่ะคุณแม่” ร่างบางกำลังพาตัวเองกลับขึ้นไปบนรถแต่ทำหัวใจหายไปพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที แม้จะบอกตัวเองให้ลืมเขาไป แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังกลับไปมองอีก เธอจะจดจำว่านนที ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้แม้เขาจะเกลียดเธอสักปานใดก็ตาม แม้ตัวของเธออาจจะต้องตกเป็นของใคร แต่ใจของเธอจะเป็นของเขาตลอดกาล แต่เสียงแหวจากคุณหญิงแม่ทำให้คนสวยต้องสะดุ้ง
“ยังอีก ยังช้าอีกนี่ยัยแก้ว ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะฝนมันกำลังลงเม็ดใหญ่ จะยืนทำตัวเป็นนางเอกมิวสิกอีกนานไหมยะ” เจ้าของหน้าสวยหุ่นแบบบางจึงต้องรีบกลับขึ้นรถตามคำสั่ง
“แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เห็นธาตุแท้ของมันหรือยังมันเลวขนาดไหน ฉันเห็นนะว่ามันทำอะไรกับแกบ้างอย่าลืมสิคนแก่สายตายาว” แต่ที่จริงคุณเห็นมองไม่ค่อยเห็นอะไร แก้วกรรณิกาเงียบ น้ำตาร่วงหล่นบนฝ่ามือแต่คนที่เรียกตัวเองว่าแม่ตรงหน้าไม่ได้มีแววเมตตาสงสาร กลับสะใจที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตลูกสาวของนางได้
“แก้วทำตามคุณแม่สั่งทุกอย่างแล้ว คุณแม่ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ”
“หลักฐานว่าแกจะไม่ได้ทำแค่ตบตาแม่ลับหลังแอบไปคบหา แอบไปกินตับกับมันลับๆอีก”
“แก้วกับคุณว่านนทียังไม่ได้....”
“หุบปากห้ามเถียงแม่ ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแกจะไม่กลับไปหามันอีกชัดไหม แต่ถ้าแกไม่อยากเห็นฉันต้องตายเพราะเส้นโลหิตในสมองแตกด้วยเรื่องของแกแล้วล่ะก็ คงรู้นะว่าจะต้องพูดอะไรในคลิปที่ฉันกำลังจะถ่ายต่อไปนี้ แล้วคลิปนี้จะถือว่าเป็นคำสัญญาของแกที่มีต่อแม่เข้าใจไหม”
“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะคุณแม่ แค่ที่แก้วทำให้คุณแม่เห็นมันยังไม่พออีกเหรอคะ แก้วยอมขว้างหัวใจตัวเองทิ้งไป”
“ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแกจะไม่เก็บมันขึ้นมา”คุณหญิงมณีมีสีหน้าโกรธจัด เนื้อตัวสั่นกำมือแน่น ก่อนที่นางจะตาค้างหอบแรงๆ เมื่อถูกขัดใจ อาการแบบนี้กำเริบหนักเฉพาะช่วงนี้
“แกไม่ยอมทำเหรอ แกจะขัดใจแม่ใช่ไหมยัยแก้ว แกยังเห็นฉันเป็นแม่อยู่ไหม” ร่างของคุณหญิงเกร็งกระตุกราวกับกำลังจะชัก
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็นสิคะอย่าเพิ่งโมโห คุณแม่เองก็รู้ความเครียดมันเป็นผลร้ายกับโรคของคุณแม่”
“ฉันขอสัญญาที่เป็นหลักฐานไม่ใช่คำพูดลอยลม แค่นี้แกทำให้แม่ไม่ได้เหรอนังลูกทรพี”
“คุณแม่ แก้วทำขนาดนี้แล้วคุณแม่ยังไม่พอใจอีกเหรอคะ ทำไมต้องบีบแก้วมากขนาดนี้”
คุณหญิงแสร้งทำตาค้างและกระตุกราวกับคนกำลังชักอีกครั้งหนักกว่าเดิม
แก้วกรรณิกาปาดน้ำตาที่กำลังนองหน้า
คุณแม่!
“ตกลงค่ะคุณแม่ ถ้ามันจะทำให้คุณแม่สบายใจ ก็ชีวิตนี้ของหนูมันเป็นของคุณแม่อยู่แล้วนี่คะ” แก้วกรรณิกาตระหนักดีมาตลอด แม้คุณหญิงมณีจะไม่เคยพูดให้ได้ยินก็ตามแต่เธอก็รู้มาด้วยความบังเอิญ
คุณหญิงมณีอารมณ์ดีขึ้นถนัดตา“แม่ก็แค่จะถ่ายเก็บไว้ให้แกดูหากวันไหนแกผิดสัญญากับแม่ แม่จะได้เปิดมันให้แกดู ก็เท่านั้น”
เจ้าของใบหน้าสวยทันสมัยเชิดหน้าขึ้นและมองไปทางกล้องจากโทรศัพท์มือถือรุ่นที่หรูและไฮเทคที่สุดในยุคนี้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย จะเป็นอะไรต่อไปนี้ แก้วกรรณิกาคนนี้ก็จะไม่สนใจไยดี และจะไม่มีวันชายตาลงไปมองผู้ชายที่ชื่อว่านนทีอีกต่อไป ใครจะเอาเขาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ตามสบายเพราะเขาเป็นแค่รอยด่างของชีวิตฉันเท่านั้น”
เมื่อแก้วกรรณิกาพูดจบคุณหญิงมณีก็กดปุ่มหยุดบันทึกคลิปวีดีโอพร้อมกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก
“ก็แค่นี้เอง นี่ถือเป็นสัญญาของแกที่ให้ไว้กับแม่แล้วนะยัยแก้ว ต้องแบบนี้สิลูกรักของแม่ ยุคนี้มันยุคไฮเทคจะสัญญาปากเปล่ากันได้อย่างไร จริงไหม”
เลี้ยงมาตั้งแต่แบะเบาะจะว่าไม่รักเลยก็ไม่เชิงแต่จะให้รักเหมือนประหนึ่งเลือดในอกก็คงไม่ใช่ ความรักที่คุณหญิงมณีมีให้แก้วกรรณิกาจึงเป็นทั้งรักทั้งชัง


Tags: ว่านนที แก้วกรรณิกา ปางอุ๋ง คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา

ตอน: ตอนที่ 4

ทักทาย สงสัย ตอน 2 3 เขาจะอัพอะไรผิดแน่เลยมันหายไปจากกระดานเพิ่งกลับมา

ตอนที่ 4

ท่ามกลางงานวิวาห์สุดหรูสักขีพยานภายในงานต่างให้ความสนใจกับผู้มาใหม่ว่าเป็นใครมาจากไหน

“นี่มันคิดจะบุกมาทำลายงานแต่งเขาเลยเหรอ” ผู้กองปันมองเห็นปัญหาที่กำลังจะเกิด ไม่คิดว่าเพื่อนซี้จะบุกมากลางงานแต่งงานของแก้วกรรณิกาแบบนี้

“มุทะลุไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ ไอ้หมอนี่ คิดคนเดียวไม่เคยปรึกษาพื่อน” ผู้กองปันบุรีถอนใจ

“แกรีบเอากลิ่นสาบความจนออกไปจากงานนี้เลยนะไอ้ว่านนที ก่อนที่ฉันจะให้คนมาจับแกโยนออกไป” เจ้าบ่าวเลือดร้อนลุกขึ้นขู่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจถ้าวันนี้เขาไม่ใช่เจ้าบ่าวเขาคงได้วางมวยกับไอ้หมอนี่แล้ว หรือไม่ก็เรียกลูกน้องมาจัดการ

ว่านนทีส่งยิ้มกวน ราวกับตั้งใจยั่วโมโหธนกฤต

“คุณไล่ผมก็ไม่ไปเพราะผมไม่ได้มาตามคำเชิญของคุณหรือพูดง่ายๆ มึงอย่าแส่กูมาเคลียร์กับคุณแก้วไม่ใช่มึง”และมองไปที่เจ้าสาวของงาน

ธนกฤตอึ้งไปสองสมวินาที

“เมื่อคืนผมได้ยินทุกคำพูดของคุณ ที่พูดออกอากาศผ่านทางหน้าไมค์รายการคลับเลิฟ เลิฟ คุณยังรักผมอยู่จริงหรือเปล่า”

“อะไรนะ” แก้วกรรณิกาปิดปากด้วยอาการตกใจไม่คิดว่าคนอย่างว่านนทีจะฟังรายการคลับเลิฟ เลิฟด้วย

แต่เมื่อเห็นแววตาของคุณหญิงแม่ แก้วกรรณิกาก็มีสีหน้าปั้นปึ่งขึ้นมาทันที

“รายการอะไร คุณพูดอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจเลย สติดีอยู่หรือเปล่า”

“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมรับว่าคุณไม่อยากแต่งงาน คุณแต่งงานเพราะถูกบังคับ”

แก้วกรรณิกากลับไม่ได้มีท่าทีแบบที่ว่านนทีวาดเอาไว้ในหัวก่อนเดินทางมาถึงเลย หากแก้วกรรณิกาจะปฏิเสธการแต่งงานในวันนี้ เขาจะบอกความจริงกับคุณหญิงมณีแม่จอมงกของเธอว่าเขาเป็นใครและคิดว่าคุณหญิงมณีจะไม่กล้าขัดขวางความรักของเธอกับเขาอีกต่อไป และจะชดเชยความเสียหายให้ฝั่งนายธนกฤตแต่สิ่งที่เขาได้ยินจากคนรัก

“นี่มันมากไปแล้วนะคุณว่านนที คุณบุกมาอาละวาดในงานแต่งงานของฉันแล้ว ยังมากล่าวหาว่าฉันรักคุณอยู่อีกกำลังฝันเฟื่องหรือเปล่าคะ” เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าและมองจากเท้าขึ้นไปถึงหัว

“จนและไม่เจียม หัดส่องกระจกเสียบ้างนะ” น้ำเสียงดูหมิ่น สายตาดูแคลน

“คุณพูดอะไรของคุณ ผมรู้ว่าคุณรักผมอย่าปากแข็งต่อไปเลย เมื่อคืนไม่ใช่ผมเท่านั้นที่ได้ยินแต่หลายๆ คนที่ฟังรายการนั้นอยู่คงได้ยินว่าคุณรักผม ไม่ได้รักไอ้หน้าปลาแห้งที่ใส่ชุดราชปะแตนนี่” เขามองไปที่เจ้าบ่าว

“คุณว่านนทีคะไม่ทราบว่าคุณเมาอยู่หรือเปล่าหรืออาจจะนอนหลับและฝันไป ถ้าหากไม่เมาคุณก็ช่วยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเองหน่อย ฉันคุณหนูแก้วกรรณิกาทายาทตระกูลเก่าแก่ เป็นเศรษฐีกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจะลดตัวไปรักคนจรหมอนหมิ่นไม่มีหัวนอนปลายเท้ามันเป็นตลกร้ายแห่งปี” แก้วกรรณิกาหยักไหล่เหยียดยิ้ม

“นั่นน่ะสิไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า” คุณหญิงมณีเชิดใส่พร้อมเบ้ปาก

ว่านนทีไม่สนใจคำพูดใครนอกจากเจ้าสาวของาน“คุณก็รู้ใจตัวเองดีคุณจะปฏิเสธไปอีกทำไม หรือว่าอยากเข้าพิธีวิวาห์กับไอ้คนใจโลเลมันจริงๆ เลือกสามีผิดคิดจนตัวตายเลยนะคุณ”

แก้วกรรณิกายังคงมีท่าทีเฉยเมยที่จริงกำลังอึ้งในการมาของเขา

“บอกมาคำเดียวว่าคุณไม่ได้รักมัน ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเหตุวิวาห์ล่มวันนี้ให้ทั้งหมดเอง” เขาพูดจริงแค่นี้ขนหน้าแข้งลูกชายท่านฑูต และคุณหญิงพัชชาไม่ทันล่วงหรอก

“ดูพูดเข้า งานนี้ฉันหมดค่าจัดงานไปหลายล้าน คนอย่างแกแค่เงินแสนก็คงหาเลือดตาแทบกระเด็น” คุณหญิงมณีมองว่านนทีด้วยสายตาดูถูกเพราะไม่รู้มาก่อนว่าว่านนทีเป็นลูกของใคร

“ฉันไม่แน่ใจว่าคุณเมาหรือบ้าไปแล้ว แต่ฉันรักคุณธนกฤตถึงแต่งงานกับเขาคุณกลับไปเถอะเสียเวลาเปล่า”แม้หัวใจเธอจะโผบินตามเขาไปแต่ในใจรู้ดีว่าไม่สามารถเดินออกไปจากงานแบบนี้พร้อมเขาได้หรอกเธอมีแผนสำหรับตัวเองแล้วเขาไม่น่ารีบบุกเข้ามาเลย

“โกหก! ผมมองคุณผมก็ดูออกคุณไม่ได้รักไอ้หมอนี่มานานแล้ว อย่างมากก็แค่เคยรักมัน บอกมาว่าคุณรักผมที่เหลือผมจัดการเอง” เขายื่นข้อเสนอ

“หยุดพูดเลยนะโว้ย น้องแก้วเขารักกู ถ้ายังไม่อยากถูกชกก็เงียบปากซะ คนอย่างนายธนกฤตใครๆ ก็อยากจะได้ไปเป็นเจ้าบ่าวกันทั้งนั้น น้องแก้วเขารู้ดีว่าใครเป็นเพชรใครก้อนกรวด

“สิ้นคำธนกฤตก็ถูกชกเข้าเต็มแรงโชคดีที่หลบทันเลยโดนเข้าที่หัวแทนใบหน้า”

“อย่าแส่เงียบปากไปซะไม่ได้ถาม ฟังเฉยๆพอ”

“พอได้แล้วคุณว่านนที อย่ามาเกะกะระรานที่นี่อีก ที่นี่มันถิ่นของผู้ดีไม่ใช่ที่สำหรับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าทำตัวเป็นคนไม่มีบ้านเป็นเจ้าไม่มีศาลอย่างคุณ ถึงคุณจะทำยังไงฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจอยู่แล้ว”

“แล้วที่เมื่อคืนคุณพูดมันคืออะไร ผมตัดใจได้แล้วหากไม่ได้ยินจากรายการวิทยุอีกว่าคุณรักผม” แก้วกรรณิกานิ่งเฉยเมยต่อคำถาม
ปันบุรีรีบเข้ามาดึงว่านนที เพราะรู้ดีคนอย่างว่านนทีไม่ยอมอะไรง่ายๆ และไม่สนใจความรู้สึกใครหน้าไหนถ้าไม่ใช่คนที่ตัวเองรัก

“พอเถอะเพื่อน ไอ้ว่านใจเย็นสิวะ นักข่าวกรัวชัตเตอร์กันไม่ทันแล้วเห็นไหมเดี๋ยวได้ดังขึ้นหน้าหนึ่งหรอก แม่ของนายก็มางานนี้ด้วยนะโชคดีที่ท่านออกไปด้านนอก”ผู้กองปันบุรี รั้งว่านนทีออกมาและแอบขู่เพราะไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่

“ตอบมาสิแก้วกรรณิกา” ว่านนทีตะโกนใส่หน้าเธอคุณหญิงมณีเดินเข้ามาตบหน้าว่านนที

“แกทำให้ตระกูลของฉันต้องอับอาย พ่อแม่ของแกไม่เคยสั่งสอนบ้างหรือไงถึงจะจนแกก็ควรเจียมไม่ใช่คอยแต่ฝันใฝ่ว่าจะได้กินเนื้อหงส์ เพราะหงส์ก็คือหงส์มันอยู่ร่วมกับกาไม่ได้หรอก” คุณหญิงพัชชาที่กำลังโทรศัพท์อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านไม่ได้รู้เห็นการกระทำของลูกชายกำลังจามสองครั้งติดกัน คุณหญิงชะงักและหยุดพูดโทรศัพท์ไปชั่วครู่

คุณหญิงพัชชาย่นจมูกก่อนจะพูดกับสามีที่กำลังคุยกันผ่านมือถือว่า“ใครนินทาฉันหรือเปล่านคุคุณจามติดๆกัน”

แค่นี้ก่อนนะคะฉันจะกลับเข้าไปร่วมงานคงใกล้ได้ฤกษ์รดน้ำสังข์แล้ว เสียดายจริงๆ หนูแก้วกรรณิกาคนนี้ฉันหมายตามานานยังเคยเล่าให้ลูกชายเราฟังว่าอยากได้มาเป็นศรีสะใภ้ จนบัดนี้เขาจะมีครอบครัวแล้วก็ยังไม่เคยเจอกับลูกชายเราเลยลูกชายคนเดียวของเรากว่าจะได้แต่งงานพ่อแม่คงแทบหยอดน้ำข้าวต้ม ส่วนเรื่องที่คุณสั่งฉันจะบอกตาว่านให้เมื่อเจอ มีลูกชายคนเดียวก็เหมือนมนุษย์ล่องหนเสียจริง” คุณหญิงพัชชาพูดไปบ่นไปก่อนจะวางสายสามี

ภายในงานแก้วกรรณิกามองเห็นปัญหาบานปลายจึงแก้ปัญหาด้วยการตบหน้าว่านนทีพร้อมออกปากไล่จนภายในงานมีเสียงดังฮือฮา ก่อนจะเข้าไปเกาะแขนเจ้าบ่าวและบอกให้เขาใจเย็นๆ พิธีจะดำเนินต่อไปโดยมีเจ้าสาว ธนกฤตจับมือเจ้าสาวสุดสวยมากุมเอาไว้และยิ้มอย่างพอใจกับการกระทำของเจ้าสาว จากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะต่อผู้พ่ายแพ้ว่านนทีไม่ได้เจ็บที่หน้าแต่ชาไปถึงหัวใจ

“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมไอ้หน้ามึน ว่าที่เมียกูเขาไล่มึงแล้ว อย่ามายืนเกะกะเป็นส่วนเกินของงานอีกเลย ไอ้หน้าด้าน”

“ไปสิไอ้คนกระจอก” แก้วกรรณิกายิ้มหยันสาปส่ง

“ทำไมทำแบบนี้ล่ะยัยแก้วคิดดีแล้วเหรอที่ทำลงไป” ยาหยีไม่อยากเชื่อสายตาไม่เข้าใจว่าแก้วกรรณิกาทำแบบนี้ทำไม มีแต่เจ้าสาวคนงามเท่านั้นที่เข้าใจการกระทำของตัวเอง ยาหยีจะเข้าไปห้ามแต่ถูกผู้กองปันบุรีดึงมือไว้

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยยาหยี คุณแก้วเขาต้องรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป”

“ทำไมล่ะคะคุณ ยัยแก้วฆ่าตัวเองชัดๆ ก็ไหนว่าไม่อยากแต่งงานกับนายธนกฤต” ยาหยีกระซิบบอกกับผู้กองปันบุรี

“ผมว่ามันมีอะไรมากกว่านี้ คุณแก้วตบไอ้ว่านแต่แววตามันไม่ใช่คนที่เกลียดกัน เธอไม่ได้เกลียดไอ้ว่านเธอยังรักเพื่อนผม” ยาหยีหันไปมองที่เจ้าสาวเพื่อนของเธอ

“ฉันไม่เข้าใจยัยแก้วเลยจริงๆถ้าเป็นแบบที่คุณว่าเขาทำเพื่ออะไรทั้งที่ในใจก็รักแต่คุณว่านนที” ยาหยีสั่นศีรษะแต่ก็คิดตามคำสามี

“ทำไมคุณมองแววตายัยแก้วแล้วยังเข้าใจ แต่ทำไมคุณว่านนทีไม่เข้าใจล่ะ” ที่จริงคนรักกันย่อมเข้าใจกันไม่ใช่เหรออย่างที่เขาว่ามองตาก็รู้

“บางครั้งความรักทำให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นลดลงได้ครับที่รัก”

ยาหยีถอนใจไม่รู้จะช่วยทั้งคู่ยังไง

“ผมอยู่กองสืบสวนมาก่อน เชื่อผมเถอะคู่นี้ยังมีเรื่องให้เรารอดูกันอีกยาวมาก อย่าลืมสิเรื่องนี้เราไม่ใช่พระเอกนางเอก ดูเขาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ และเป็นผู้ช่วยก็พอเราออกตัวมากไม่ได้”

ว่านนทีทั้งอายทั้งเจ็บเขาพยักหน้าหงึกๆ เป็นการยอมรับคำตัดสินของแก้วกรรณิกาเขารู้สึกเสียเชิงชายและเสียหน้ามากที่บุกมาในงานก่อนจะหันหลังกลับออกไปจากงานเมื่อเดินออกมาเกือบจะถึงประตูทางออกบ้านเจ้าสาว

คุณหญิงมณีกำลังรีบเข้ามาประชิดตัวลูกสาวคนสวยอย่างรวดเร็ว

“มันเกิดบ้าอะไรถึงบุกมากลางงานไหนลูกรับปากแม่ว่าเลิกกับมันอย่างเด็ดขาดแล้วไง”

แก้วกรรณิกามองแผ่นหลังของว่านนทีที่หันหลังเดินจากไปเธอนึกอยากจะวิ่งตามเขาไปเสียเดี๋ยวนี้ถ้าทำได้แต่ว่าถ้าเธอทำแบบนั้นไม่ต่างกับการฆ่าตัวเขาแลฆ่าตัวเองตายตามไปด้วย เธอยิ้มให้กับการตัดสินใจของตนเองต่อให้มีปีกธนกฤตกับคุณหญิงแม่ก็คงไม่ปล่อยเธอออกไปจากงานแน่ แต่ถ้าคืนนี้ล่ะไม่แน่รอหน่อยนะคะที่รักแล้วฉันจะไปตามหาคุณเองแก้วกรรณิกาบอกตามหลังว่านนทีไปในใจเธอเลือกจะทำแผนของตน

น้องแก้วครับ ไปนั่งเถอะครับพิธีกำลังจะดำเนินต่อ” ธนกฤตอยากจะให้พิธีจบเร็วๆ รวมถึงคืนนี้ด้วยพิธีฉลองมงคลสมรสอะไรเขาก็อยากให้มันผ่านไปจนถึงพิธีเข้าหอเขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของเธอทั้งพฤตินัยและนิตินัยเสียที

ว่านนทีเดินออกมาจากงานด้วยความเจ็บปวด ความน้อยใจ และความอายอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน

ระหว่างทางเดินออกจากงานเขาเดินสวนกับคุณหญิงพัชชาที่ เดินออกมาด้านนอกงานเพื่อรับโทรศัพท์จึงไม่เห็นวีรกรรมลูกชายเมื่อครู่

คุณหญิงพัชชาเห็นลูกชายเดินออกมาจากงานก็ก็รีบเดินเข้ามาหา “ตาว่านมาทำอะไรที่นี่ลูก ว้าย!” คุณหญิงยกมือทาบอกเมื่อเห็นการแต่งกายของลูกชาย

พอพิจรณาจนทั่วร่างกำยำนั้นก็อดจะบ่นไม่ได้“นี่ลูกแต่งตัวอะไรมางานเขาเนี่ยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพบ้างเลย”

ว่านนทีหยักไหล่ และหัวเราะกลบเกลื่อน

“ผมเข้ามาผิดบ้านครับ ตั้งใจมางานศพคนรู้จักแต่เข้าบ้านผิด”

คุณหญิงพัชชามีสีหน้าฉงน“มีแบบนี้ด้วยเหรอ ลูกฉันอาการหนักกินอะไรบำรุงสมองบ้างงานที่ทำหนักไปไหม”

“ช่างเถอะครับคุณแม่ผมกำลังจะกลับออกไปพอดี และผมจะแวะไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับ” คุณหญิงพัชชาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าว่านนทีบุตรชายคนเดียวของนาง มาแอบจอดหัวใจเอาไว้กับแก้วกรรณิกาลูกสาวของลูกน้องท่าน และน้อยคนจะรู้ว่าผู้ชายมาดเซอร์ ที่มีใบหน้าหล่อเข้าขั้นพระเอกคนนี้จะมีมารดาเป็นถึงคุณหญิงระดับแนวหน้าและเป็นไฮโซตัวจริง

“จะไปแล้วเหรอตาว่านอะไรกันลูก แม่ยังเห็นหน้าเราไม่ถึงห้านาทีเลยมีลูกชายกับเขาคนหนึ่งก็ยังกับลิงลมอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางนานเหลือเกินกว่าจะได้เจอหน้ากันเสียที”

“คุณแม่ครับ วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับและผมจะเข้าไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับผมรักคุณแม่นะครับ” ที่จริงเขาก็อยากเจอมารดาอยากอยู่กับท่านแต่เวลานี้ไม่มีอะไรจะดีกว่าไปให้ไกลจากคนใจดำก่อน

“เอาเถอะตามใจ ว่าแต่หน้าลูกไปทำอะไรมา” คุณหญิงมองหน้าหล่อเหลาของลูกชายรอยแดงเป็นปื้น

ว่านนทีไม่ตอบคนเป็นแม่จึงไม่อยากซัก

“เอาเถอะ เข้างานผิดก็ไม่เป็นไรไป ไปสวัสดีคุณหญิงมณีและดูหน้าเจ้าสาวหน่อยดีไหมเดี๋ยวแม่แนะนำให้รู้จัก แม่มีเสื้อสูทคุณพ่ออยู่ในรถจะไปเอามาให้ใส่คลุมทับเสื้อลูก แม่เคยคิดว่าจะแนะนำให้รู้จักกันหนูแก้วจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เจอกันเสียทีจนเขาแต่งงานแล้วน่าเสียดายจริงๆ

“เจอหน้ากันตอนนี้เขาก็กำลังจะมีสามีแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไรครับ”

“จริงสินะ ก็เพราะงานของลูกนั่นแหละเมื่อไรจะลาออกเสียทีอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง”คนเป็นแม่ส่ายหัวอย่างหนักใจ

“ไม่ได้เขามาเป็นสะใภ้แม่ก็ไม่เป็นไร แต่เข้าไปในงานดูหน้าคนสวยของแม่หน่อยเถอะสวยจริงๆอยากจะให้เห็น” คุณหญิงชักชวนลูกชายไปดูหน้าเจ้าสาวของงาน

“ถ้าเกิดเขาเห็นว่าผมหล่อและแม่ผมก็รวยเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่แต่งงานทำยังไงล่ะครับ”

“ดูพูดเข้าถ้าไม่อยากไปแม่ก็ไม่ว่าอะไร”

แต่คุณหญิงพัชชาไม่รู้ว่าอันที่จริงว่านนทีบุตรชายเพียงคนเดียวแอบไปทำความรู้จักกับแก้วกรรณิกามาแล้ว คุณหญิงพัชชาเคยนำรูปถ่ายของแก้วกรรณิกามาให้ว่านนทีดูแล้วอาสาจะเป็นแม่สื่อให้แต่เจ้าตัวบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้มารดาพามาแนะนำให้รู้จัก
แต่ที่แท้ทำตัวเป็นอิเหนาไปลอบชมโฉมบุษบาอยู่เนืองๆ แล้วก็ติดอกติดใจเธอจนไปจีบ แต่ไม่ต้องการใช้บารมีแม่ ว่านนทีต้องการสานต่อความรักระหว่างเขาและแก้วกรรณิกาให้เป็นตามธรรมชาติ เขาอยากให้เธอรักเขาอย่างที่เขาเป็นไม่ใช่เพราะเขาคือ นายว่านนที รัชชานนท์ ลูกชายคุณหญิงพัชชา ที่มีบิดาเป็นเอคอัคราชฑูต

“แล้วนี่ลูกจะกลับยังไงล่ะ ก็เห็นเอารถยนต์มาทิ้งเอาไว้ที่บ้านแม่เอาไปแต่ช็อปเปอร์”

“นั่นไงครับมาแล้วครับ รถกับคนขับส่วนตัว”คุณหญิงชะเง้อออกไปหน้าประตูไม่เห็นมีใครมา นอกจากแท็กซี่ที่ขับผ่านไปมา

“อย่าบอกนะว่าลูกจะกลับแท็กซี่” คุณหญิงส่ายหน้านางเลี้ยงลูกให้ลำบากเกินไปหรือเปล่า ไม่ใช่สิ ลูกชายนางชอบทำตัวลำบากเองมากกว่า ลูกชายนางเป็นถึงทหารที่มียศไม่น้อยแต่ชอบทำตัวลึกลับประหลาดกว่าชาวบ้านบางทีก็หายหน้าหายตาไปนานๆ บางทีก็หยุดราชการนานๆกลับมาบ้าน บอกว่าได้พักครั้งละสองถึงสามเดือน นางอยากให้ลูกชายคนเดียวมาสืบทอดกิจการของครอบครัวมากกว่าการเป็นทหารซึ่งว่านนทีอยู่ในชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษทำงานเสี่ยงภัย แต่ไม่นานนี้ว่านนทีก็ให้สัญญากับนางแล้วว่าอีกไม่นานจะเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญแล้วจะยอมวางมือจากอาชีพที่รักมาทำหน้าที่ลูกที่ดีเข้ามาเรียนรู้งานกิจการของครอบครัว


+++++++++++++
หลังจากได้ไปบอกในสิ่งที่อยากจะตักเตือนแก้วกรรณิกาแล้ว ชลลี่ก็ต้องตื่นเต้นกับสิ่งที่แก้วกรรณิกาให้เธอมา

ชลลี่หยิบเงินขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้นแบงก์สีเทาเป็นปึกๆ หลายปึกนำมาซ้อนกันไม่ใช่น้อยๆ เลย

“เช็คไม่เด้งเสียด้วย เอาล่ะในเมื่อคุณช่วยให้ฉันมีชีวิตใหม่ฉันก็จะช่วยคุณให้มีชีวิตใหม่” ชลลี่ยิ้มและมองเงินมากมายที่มีอยู่ในมือแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดจะช่วยกลับเป็นความยุ่งยากในอนาคตของแก้วกรรณิกา

ชลลี่ลูบหน้าท้องนูนของตนอย่างมีความหวังเงินนี่จะเป็นทุนรอนไปได้สักพักเพื่อตั้งหลัก

“ยังไงซะถึงแม่คนนี้จะเลวแค่ไหนก็ไม่สามารถฆ่าลูกได้หรอก ถึงมันจะไม่รักลูกแต่แม่คนนี้จะเลี้ยงลูกเอง ตอนนี้เรามีเงินแล้ว แม่จะเข้มแข็งเพื่อลูก” เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นชลลี่รับก่อนจะกรอกเสียงแหวลงไป

“ตกลงว่ายังไง ถ้าราคาแพงกว่านี้เป็นอันจบฉันรู้จักน้องสาวนายเพราะฉะนั้นขอส่วนลดสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ได้ไหม”ชลลีสวมบทแม่ค้าต่อราคาทันที

“นี่คนสวยงานของคุณมันเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางขนาดผมคิดราคาเต็มยังไม่มั่นใจเลยว่าจะรับงานดีหรือเปล่า”

“แล้วถ้านายไม่รับงาน นายจะโทรมาหาฉันทำไมนายเก่ง” ชลลี่แหวใส่พี่ชายเพื่อน

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณสบายดีหรือเปล่า ผมได้ข่าวอีกเรื่องหนึ่งของคุณเอ่อคุณกำลัง...” เขาเงียบเมื่อได้ข่าวจากน้องสาวถึงปัญหาของชลลี่ว่าตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบาก

ชลลี่แหวใส่ “เรื่องว่าฉันท้องไม่มีพ่ออย่างนั้นน่ะเหรอ ใช่ฉันท้องจริงๆและพ่อของเด็กมันไม่รับมีอะไรไหม”

เก่งกล้ากลัวว่าคำถามของเขาจะเป็นการตอกย้ำเธอน้ำเสียงต่อมานั้นแสดงถึงความห่วงใย

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมถามก็เพราะเป็นห่วง ถ้าคุณจะจ้างผมไปฉุดเจ้าสาวของมัน จ้างผมไปยิงมันให้ตายเสียดีกว่า ยิงให้ฟรีก็ได้ไม่คิดค่าจ้าง แถมเงินให้ด้วยก็ได้” คนพูดตั้งใจทำตามที่พูดจริงๆ

“ทำไมคุณต้องทำแบบนั้นด้วย”

เขาตอบกลับทันควันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เพราะผมรักคุณมาก”

“อะไรนะ” ชลลี่อึ้ง

เก่งกล้าเป็นนักเลงในย่านนนทบุรีเป็นพี่ชายของสาลี่เพื่อนของเธอ แต่เขาไม่ใช่นักเลงหัวไม้เที่ยวรีดไถเงินคนเขาเป็นคนจริงและเลี้ยงลูกน้องเอาไว้ เก่งชอบชลลี่เคยให้น้องสาวติดต่อให้แต่ชลลี่ไม่เคยมองเขาเพราะเธอคิดว่าธนกฤตรักจริงหวังแต่ง

“ฉันทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ คนอย่างมันฆ่าไปก็เสียมือเปล่าๆ และตกลงเรื่องที่จะให้ไปฉุดเจ้าสาวของมันคืนนี้จะรับงานไหม”

“ไหนบอกว่าตัดใจได้แล้วจะทำแบบนั้นไปทำไม” คนโทรมาไม่ได้อยากรับงานแต่อยากโทรมาพูดให้เธอเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าชลลี่ยังอาลัยอาวรณ์กับพ่อของลูกในท้องที่กำลังเข้าพิธีฉลองมงคลสมรสในคืนนี้ที่โรงแรมดังเขาไม่อยากเห็นคนท้องไปคลอดลูกในคุก

“ก็เพราะตัดใจได้แล้วยังไงล่ะถึงมาจ้างให้ทำ”

“หมายความว่ายังไง ฟังดูประหลาด” ปลายสายเริ่มงง

“ไม่อยากจะพูด ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของฉัน ที่จริงไม่น่าจะเข้าไปยุ่ง แต่ก็ยุ่งไปแล้ว” ชลลี่บ่นชุดใหญ่ก่อนจะเล่าให้ปลายสายฟัง
“รักสี่เศร้า ของเขาสี่คน” เก่งนักเลงเมืองนนท์อุทาน

“ทำไมมันยุ่งอย่างนี้ คุณรักมัน ส่วนมันไปรักผู้หญิงคนนั้น และผู้หญิงคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนให้ตายนี่เป็นซีรี่ย์เกาหลีเรื่องใหม่หรือเปล่าเนี่ย”

“ไม่ต้องมายุ่งหรอกว่าใครจะรักใคร ตกลงจะรับงานนี้ไหมรีบตอบมา ไม่รับจะได้ไปหาคนอื่น”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนถอนหายใจแรงๆ ออกมา


ณ เกาะคู่รัก

อีกด้านของคนที่เอาแต่รอคอยผู้ชายที่ชื่อว่านนทีทุกวันเวลานี้เธอเศร้าเหลือเกินเสียงคลื่นที่ได้ยินมาแต่ไกลไม่เท่ากับเสียงร่ำไห้ในหัวใจของปลาดาว สาวหมวยคนสวยประจำเกาะแห่งนี้ร่างแบบบางแต่อวบอัดซุกตัวอยู่ที่มุมห้องร้องไห้ตั้งแต่เมื่อเวลาบ่ายโมงของวันนี้จนกระทั่งถึงพลบค่ำ

“ไอ้สารเลว ไอ้เดนมนุษย์ แกเป็นใครกันแน่ แกทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง” จากนั้นปลาดาวก็สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา เมื่อเห็นรอยข่วนที่เรียวแขนตัวเองอันเกิดจากกิ่งไม้ ก็หวนให้ระลึกถึงในสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อบ่าย หลังจากปลาดาวได้ข่าวจากนายไผ่ว่าเจ้านายของไผ่จะเดินทางกลับมาที่หาดคู่รักภายในวันสองวันนี้เธอก็ไปเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อแต่ว่าไม่เจอเขาแม้แต่เงาระหว่างทางกลับบ้านคนของพ่อที่ให้ไปรับเกิดไปถึงช้าเธอจึงเบื่อจะรออีกอย่างก็รู้จักเส้นทางแถวนั้นดี ซึ่งปลาดาวก็เข้าออกที่นั่นบ่อยครั้งและมันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งวันนี้ระหว่างที่เธอเดินชมนกชมไม้ชื่นชมบรรยากาศตามข้างทางเลาะริมหาดมาเรื่อยๆ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นใครเพราะมันสวมหมวกไหมพรมเต็มใบคลุมใบหน้าเอาไว้เหลือแต่ตาสองข้างที่มองเธอมาด้วยแววตาหื่นกระหายสองมือหนาใหญ่และสากอย่างคนกรำงานหนักของมันปิดปากเธอเอาไว้และยกร่างบางของเธอพาดไหล่หนากว้างของมันและอ้อมไปที่หลังพุ่มไม้ชายทะเลซึ่งเป็นฉากบังตา หลบสายตาผู้คนได้อย่างดีที่สำคัญบริเวณนั้นนานๆ จะมีคนผ่านมาสักคนบางวันอาจจะไม่มีเลยเพราะอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนบุคคลเธออ้อนวอนขอชีวิตมัน มันบอกว่าไม่ต้องการฆ่าเธอและจะไม่ทำร้ายเธอขอแค่เธออย่าขัดขืน เธอแกล้งตอบตกลงเมื่อมันกำลังกอดจูบหลงใหลกับปทุมถันเต่งตึงอวบใหญ่อยู่นั้นเธอก็กัดเข้าที่หน้าอกของมันจนมันร้องลั่น มันหันไปสนใจผลงานที่เธอฝากไว้เธอได้จังหวะจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตแม้ว่าเสื้อผ้าที่ใส่จะขาดวิ่นแต่เหมือนเวรกรรม ไม่นานมันก็ตามเธอทัน

“ไม่จริง ไม่จริง” ปลาดาวซุกหน้าลงไปที่ฝ่ามือก่อนจะร้องไห้จนตัวโยนเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่

“ฉันฝันไปมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงใช่ไหม” แม้ร่องรอยจะยังปรากฏตามเนื้อตัวว่าที่ผ่านมาคือเรื่องจริงไม่ได้ฝันก็ตาม

มันฉีกรั้งเสื้อผ้าเธอจนขาดวิ่นแทบจะไม่เหลือชิ้นดีเธอจำได้ว่าความใหญ่โตของมันทำให้เธอปล่อยโฮด้วยความกลัว มันยัดเยียดความแข็งแรงใหญ่โตให้อย่างไม่หยุดยั้งทุกส่วนสัดถูกมันซุกไซ้สูดดมอย่างหื่นกระหาย สองมือมันฟอนเฟ้นขยุ้มขยำจนหนำใจไม่สนใจคำพร่ำรำพันร้องขอให้หยุดกระทำต่ำช้ากับเธอสักนิด ร่างกายใหญ่โตของมันบดเบียดทาบทับแนบชิดเนินเนื้ออวบอูมของเธอชนิดแทบไม่ให้เว้นว่างห่างกันสักเสี้ยวนาทีความร้อนแรงที่มันมอบให้หากเป็นในเวลาปกติที่ได้รับจากคนรักเธอคงจะพึงพอใจ แต่เมื่อนั่นคือการข่มขืนจากคนชั่วซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันเป็นใครทำให้ปลาดาวกลัวแทบเสียสติ ที่สำคัญเธอกลัวว่านนทีจะรู้เรื่องนี้เข้า กลัวชาวบ้านจะพูดต่อกันโชคยังดีที่ไม่มีใครผ่านมาเห็นสำหรับคนอื่นคงอยากให้คนผ่านมาเห็นและช่วยแต่สำหรับปลาดาวแล้วในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้วเธอไม่อยากอายอีกหากใครมาพบเข้าขอให้เรื่องนี้เป็นความลับตายไปกับตัวแม้ภาพจะยังติดตาไม่เลือนไป ใต้สุมทุมพุ่มไม้ใหญ่นั้นมันย่ำยีเธอหลายครั้งหลายคราจนหนำใจและที่เธอยังกลัวและกังวลไม่หายจากประโยคหนึ่งที่มันบอกทิ้งท้ายเอาไว้

“คงสงสัยล่ะสิว่าผมเป็นใคร ไม่ต้องกลัวคนสวยสักวันคุณจะรู้แล้วเราจะได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน”

เธอจำคำพูดมันได้ดีเธอแค้นใจจนกัดมันเข้าที่หน้าอก และทำให้มันโมโหจับร่างบางของเธอพลิกหันหลังคว่ำหน้าลงและกดศีรษะเธอแนบกับพื้นทราย ปลาดาวพยายามลืมภาพนั้นแต่ลืมไม่ได้มันใช้สองมือสากหนานั้นกุมสะโพกเธอไว้แน่นความแข็งแรงร้อนของมันกระแทกกระทั้นใส่เธอจากทางด้านหลังอย่างไม่บันยะบันยังราวกับจะให้เธอจดจำมันไปตลอดกาล ความคับแน่นตอนนั้นทำให้เธออึดอัดจนหายใจไม่ออกต้องกำทรายที่พื้นไว้เพื่อระบายความกดดันจนเธอได้ยินเสียงของมันกระเส่าอย่างพอใจเมื่อเธอร้องครวญครางและดื้อดึงไม่ให้มันสมใจด้วยการดิ้นไปมามันทำอะไรไม่ได้ถนัดจนเกิดอาการขัดใจสองมือมันจึงกระชับสะโพกเธอให้แน่นขึ้นไปอีกจนเธอขยับหนีไปไหนไม่ได้ จากนั้นมันก็พาตัวเข้าไปหาเธอโดยอยู่ในท่าคุกเข่าจ้วงล้วงลึกลงไปจนสุดปลายทางจนร่างบางของเธอสะดุ้งเฮือกรู้สึกเสียวไปถึงหน้าท้องจนกรีดร้องออกมา จากนั้นมันก็ยัดเยียดบทรักเร่าร้อนจับเธอพลิกหงาย คว่ำหน้า ตะแคงข้างตามแต่ใจมันจะคิดโลดโผนเพื่อเป็นการลงโทษเธอมันพร่ำพรรณนาว่าเธอทำให้มันติดอกติดใจอย่างลืมไม่ลงมันพูดย้ำตลอดว่าแล้วมันจะกลับมาหาเธอใหม่

“ไอ้คนชั่วแกเป็นใครกันแน่ สารเลว” สิ่งที่ปลาดาวกลัวที่สุดคือเธอไม่ต้องการให้ว่านนทีรู้เรื่องนี้เขาคงรับไม่ได้และเธอก็จะหมดโอกาสจะได้เป็นคุณนายเศรษฐี อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้เกือบครึ่งหนึ่งแล้วะที่เธอรู้จากนายไผ่ว่าเขามีแม่เป็นถึงคุณหญิงฐานะของเขาคงร่ำรวย และยังเป็นผู้ชายที่เคยช่วยชีวิตเธอ

“ถึงยังไงซะฉันก็จะไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจ ฉันรักคุณว่านนที คนดีของปลาดาว”ในขณะที่ปลาดาวกำลังพร่ำรำพันไปกับการเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเธอทั้งอาย กลัวจะติดโรค กลัวท้อง กลัวคนรู้และอีกสารพัดที่จะกลัว

ว่านนทีไม่คิดจะอยู่เมืองกรุงให้ช้ำใจเขากลับไปที่บ้านหลังที่สองของตนทันทีบ้านพักหลังเล็กๆ ริมชายหาดส่วนตัวที่เกาะกลางทะเลส่วนมากมีเฉพาะชาวเลและวิศวกรที่ทำงานกลางทะเลเท่านั้นที่มาอยู่ที่นี่แม้ห่างไกลฝั่งแต่ที่นี่ไม่ได้กันดารอย่างที่ใครคิดที่เกาะนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสวรรค์ของคนทำงานกลางทะเล ชายหนุ่มสูงโปร่งรูปร่างกำยำอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสขัดกับจิตใจหม่นเศร้า กางเกงสแลคขาสั้นกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจหิ้วกระเป๋าใบขนาดกลางเดินผ่านประตูเข้ามาในรั้วไม้ระแนงสีขาว ใครๆ ก็เข้าใจว่าว่านนทีทำงานเป็นวิศวกรที่แท่นขุดเจาะน้ำมันเพราะเห็นเขาไปที่นั่นบ่อยๆ ในระยะสองปีที่มาอยู่แถวนี้ แต่ที่จริงไม่ใช่มันแค่การอำพรางเท่านั้นหาดคู่รักเป็นที่ดินส่วนบุคคลของตระกูลเขา เขารู้จักที่นี่ดีจึงยึดที่นี่เป็นชัยภูมิในการเฝ้าดูอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆมาพักใหญ่ๆแล้ว

“คุณว่านนที อกหักมาเหรอครับหน้าตูมกลับมาเชียว” ว่านนทีผ่านวีรกรรมรักมาไม่น้อยแต่ครั้งไหนๆ มันก็ไม่เท่าครั้งนี้ว่านนทีรู้ว่าอาการอกหักของจริงเป็นเช่นไร

ว่านนทีถอดแว่นดำแบรนด์ดังก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กน้อยให้กับคนดูแลบ้านหนุ่มวัยคะนอง

“ไม่สนิทอย่าล้อเล่น กำลังอารมณ์ไม่ดี ที่สำคัญอกหักมันหน้าตาเป็นยังไงวะ ไม่เคยรู้จัก” ก่อนจะหุบยิ้มและเดินเข้าบ้าน
“ว้าก....เจ้านายสงสัยจะเป็นหนัก อกหัก รักคุดมาจากไหนถึงได้เหวี่ยงแบบนี้” ไผ่รีบตามคนเป็นนายไปรับใช้ ที่จริงคุณว่านนทีใจดีขี้เล่นกันเองที่สุดและคุณว่านนทีคนนี้แหละที่เป็นคนช่วยเหลือค่าเทอมเขาจนได้เรียนต่อซึ่งตอนนี้เขาเรียนจบปวส.แล้วและได้เป็นช่างที่อู่ซ่อมเรือแห่งหนึ่งสวัสดิการใช้ได้แต่ก็ยังมาดูแลบ้านให้นายว่านนทีอย่างดีมาตลอดแม้เจ้าตัวจะไปๆ มาๆก็ตาม

ไผ่ดีดนิ้วก่อนเล่าเรื่องเด็ด“เศร้าๆ แบบนี้เดี๋ยวไอ้ไผ่จะจัดให้หายเศร้าเลยครับเจ้านาย” ไผ่ตามเข้าไปในบ้านและพูดเบาๆ

“ตอนนี้เขาว่าที่ซ่องโดมแดง บนเกาะดาหลามีสาวๆ มาใหม่เพียบเลย” ว่านนทีหยุดเดินและหันกลับไปมองหน้าไผ่

“เอ็งเคยไปที่นั่นด้วยเหรอวะ” เขามีท่าทางสนใจ

“ก็สองสามครั้งเองครับนาย ไอ้เผือกมันชวนไป” แล้วก็หัวเราะแหะๆ

“ไอ้เรื่องแบบนี้มันบังคับกันได้ด้วยเหรอวะ” คนเป็นนายรู้ทันเสมอ “เขาเอามีดจี้คอเอ็งไปเหรอไง”

ไผ่ก็ผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบแสวงหาความแปลกใหม่ เกาะดาหลาอยู่ห่างจากหาดคู่รักไปพอสมควรเป็นเกาะที่คนแถวนี้ใครๆ ก็รู้ว่าที่นั่นราวกับเป็นกาะที่สะสมสิ่งผิดกฎหมายเอาไว้และก่อตัวรวดเร็วราวกับเป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเชียว แถมตำรวจยังไม่กล้ายุ่ง ที่นั่นมีซ่อง และมีคาสิโน

มันเริ่มมาจากทะเลอันกว้างใหญ่มีเรือนับพันที่ต้องรอนแรมอยู่ในมหาสมุทรบางครั้งพวกเดินเรือกัปตันและลูกเรือต้องการหยุดพัก และอย่างว่าอยู่กับน้ำอยู่กับฟ้ามาเป็นแรมเดือนอ้างว้างห่างคู่ ทำให้มีคนสมองใสเกิดปิ๊งไอเดียเลวๆไปเปิดซ่องอยู่กลางทะเลรับหน้าที่บำบัดกามคลายความเหงาให้กับบรรดากัปตันเรือ พ่อค้า จับกัง ใครก็ได้ที่มีเงินซื้อแม้กระทั่งลูกเรือตังเกเกาะดาหลาจึงเป็นที่รู้จักกันดีของพวกที่ต้องทำงานอยู่กับทะเลแถมยังมีเสียงร่ำลือกันว่าไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้าไปแหยมที่นั่น เพราะบนเกาะดาหลามีแต่พวกมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

“นายครับนายอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้างไหม ผมจะพานายไปนายจะได้เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น” ว่านนทีหันมาทำหน้าดุใส่ไผ่

“ไอ้ไผ่แกว่างมากนักเหรอวะ เดี๋ยวก็ตายด้วยโรคเอดส์หรอก” ว่านนทีเอ็ด

“แต่ผมก็ใช้ถุงยางทุกครั้งนะครับนาย ทำยังไงได้ครับก็ผมไม่หล่อ แถมจนอีกต่างหากสาวๆ ที่ไหนใครเขาจะมามอง ไม่ตายเพราะเอดส์ก็คงต้องตายเพราะอด” มันก็พูดถูกของมันส่วนหนึ่ง

“เอ็งไม่รู้เหรอว่ามันผิดกฎหมายการไปเที่ยวซ่องเถื่อนน่ะ”

“นายก็...ผมไม่ได้ไปบ่อยเสียหน่อย เคยตามไอ้เผือกไปครั้งสองครั้งเอง แต่สาวๆ ที่นั่นสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะนาย สถานที่ก็ดูดี ดีกว่าบนฝั่งตั้งเยอะ” มันว่าไปนั่น

“ไม่น่าเชื่อกลางทะเลแบบนั้นมันจะมีคนอุตริไปเปิดซ่อง” ว่านนทีส่ายหน้าทั้งๆ ที่มีข้อมูลอยู่เต็มมือแล้วและเพราะเหตุนี้ว่านนทีถึงได้แฝงตัวมาในคราบวิศวกรอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันได้เกือบสองปีแล้ว

“อ้าว! นายครับ ก็ไอ้พวกทำงานบนเรือนี่แหละครับลูกค้าชั้นดีของพวกซ่องโดมแดง ดีเสียอีกไปเปิดกลางทะเลพวกมันไม่ต้องเข้าฝั่งให้เสียน้ำมัน” ไผ่หัวเราะคิดตามประสาผู้ชายแต่ไม่รู้ว่าเบื้องลึกแล้วสาวๆ ที่ขายบริการส่วนมากล้วนแต่ถูกบังคับให้ขายบริการแทบทั้งสิ้น
“ทีแต่ก่อนแต่ไร เห็นให้คอยสอดส่องว่าที่ไหนมีเด็กเด็ดๆ เดี๋ยวนี้ทำเป็นไม่เอา ทำเป็นคนดี” ไผ่ประชดกลับบ้าง แต่ที่นาวาเอกว่านนทีให้นายไผ่คอยสอดส่องไม่ใช่ว่าคิดจะไปเที่ยวเสียเองแต่มันเป็นส่วนหนึ่งในงานของเขาที่ได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับชุดปฏิบัติการพิเศษล้างความมืดดำและคราบคาวให้หมดไปจากทะเลต่างหากแต่ไผ่ไม่เคยรู้

“เถียงคำไม่ตกฝาากไอ้นี่ บ๊ะ! เดี๋ยวได้โดนเตะ” ว่านนทีทำท่าจะเตะจริงๆ ดีที่ไผ่หลบทัน

“ก็ผมแค่เห็นนายเครียดมาก็อยากจะพาไปหาที่ระบายจะได้สบายใจ สบายตัว”ว่านนทีโบกมือไล่

“จะหายเครียดแล้วสบายใจขึ้นกว่านี้ถ้าแกไปห่างๆ”

“แล้วจะให้เรียก น้องจี๊ด จุ๊บแจง น้องแพม น้องยุ้ย มาเป็นเพื่อนแก้เหงาไหมครับเจ้านาย” เด็กพวกนั้นเคยให้ไผ่เรียกมา เขาเก็บข้อมูลแต่ไม่เคยใช้บริการทางเพศ

“ไม่ต้องยังไม่อยากโว้ย” ว่านนทีสั่งแล้วทำท่าจะเดินหนี

“สงสัยคราวนี้จะอกหักจริง อย่างแรง!” ไผ่พูดเบาๆ

ว่านนทีที่เดินไปแล้วได้ยินจึงหันกลับมามองหน้าไผ่

“ฉันว่าแกรีบไปก่อนที่เท้าฉันมันจะเหวี่ยงไปที่ก้นแกนะเจ้าไผ่”

ไผ่ยิ้มแหยๆ รู้สึกคลายเหงาที่เห็นนายว่านนทีกลับมา เจ้านายหนุ่มเป็นคนพูดจากระโชกโฮกฮาก แต่เป็นคนใจดีและอารมณ์ดีมากสำหรับเขา แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าเจ้านายที่เคารพคงจะพบเรื่องหนักในชีวิตกลับมา แต่ไม่เป็นไรไอ้ไผ่คนนี้จะทำให้นายของมันหายเศร้า แม้เขาจะไม่ค่อยมีโอกาสได้รับใช้นายของเขาแต่เขาก็รักนายว่านนทีคนนี้มาก นายเขาชอบทำตัวแปลกนายบอกว่ามีอาชีพเป็นวิศวกร สำรวจปิโตรเลียม นานๆ นายจะกลับมาที่นี่สักครั้ง

เขารู้ว่านายเป็นลูกคุณหญิงพัชชา เพราะนายเล่าให้ฟังแต่ย้ำไม่ให้บอกกับใคร เขารักและเทิดทูนนายขนาดนี้เพราะนายเป็นคนช่วยเขามาจากกลางทะเล เขาถูกหลอกไปทำงานบนเรือและทนไม่ไหวกับการทรมานเขาจึงกระโดดหนีลงน้ำกลางทะเลลึกคิดว่าตายแน่แล้วเขายอมตายดีกว่าถูกทรมานตาย แต่แล้วนายว่านนทีก็มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้แถมยังส่งเสียให้เรียนอีกเพราะบอกว่าการเรียนเท่านั้นที่จะทำให้เขาเลี้ยงตัวเองได้ตลอดชีพจนตอนนี้เขาเรียนจบ ปวส. ได้งานเป็นช่างยนต์ที่อู่ซ่อมเรือใหญ่ที่ชายฝั่ง แต่เขายังอยู่ที่หาดคู่รักนี้เพื่อดูแลบ้านให้นายว่านนทีซึ่งนายใจดีปลูกบ้านไม้ให้อยู่เป็นส่วนตัวที่ท้ายหาด กลางวันก็ไปทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็มาทำความสะอาดบ้านให้นาย




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2556, 06:30:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2556, 06:36:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1821





<< ตอนที่ 3 (หนูแก้วจะต้องแต่งงานแล้วจริงๆ หรือพี่ว่านไปไหนซะ)   ตอนที่ 5 >>
อัปสรา 25 ต.ค. 2556, 06:31:33 น.
ตอน 2 3 เขาที่อัพมันหายไปเพิ่งกลับมา


อัปสรา 25 ต.ค. 2556, 06:43:13 น.

เว็บนิยายอัพเสร็จแต่รบไปบางส่วนแล้ว
http://www.niyay.com/story-65533/

เด็กดีปกติไม่ได้ลงเพิ่งไปลง แต่ต้องลงแบบตัดฉากแรงเลิฟซีนตัดทิ้ง
http://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1036502


Zephyr 25 ต.ค. 2556, 17:50:45 น.
ลุ้นจังๆๆๆๆ
จะเจอกันเมื่อไรนะ


อัปสรา 25 ต.ค. 2556, 23:40:06 น.
อุปสรรค ของเพื่อน ยาหยี น้องแก้วคนนี้เยอะหน่อยจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account