Pai Journal (ปาย ในบันทึกถึงคุณ)
คุณที่รัก...
ผมอยากเล่าเรื่องราวหลังจากวันนั้นให้คุณได้ฟัง
มันเป็นการเดินทางระยะสั้นๆ ในช่วงเวลาชีวิตยาวนาน
ผมพบพานสิ่งต่างๆ ท่ามกลางความรู้สึกถึงคุณทุกขณะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ใบไม้แห้งที่ติดบนผม

โดยไม่ต้องคิดอะไร ผมถามตัวเองด้วยคำถามแรกว่า “จะไปทางไหนดี?”

ด้วยไม่มีจุดหมายปลายทางแต่แรก มีแค่ความตั้งใจจะไปปายเท่านั้น ผมเลยติดบนรถจนมาลงที่ท่ารถเป็นอันดับแรก ระหว่างนั้นก็เลยนั่งคุยกับน้องชายคนหนึ่งซึ่งเราเริ่มสนทนากันตั้งแต่รถออกจากจุดพักบนยอดภูเขา เขาจะมาเริ่มชีวิตบางเสี้ยวที่นี่นับจากเวลาต่อจากนี้ไป ส่วนผมก็แค่เพียงหลบพักจากอะไรบางอย่าง หรืออาจจะหนีจากช่วงเวลาของบางสิ่ง แต่ถ้าใครถามอะไรผมก็อ้างเสียสวยหรูว่าออกเดินทาง

ขี้หกทั้งเพเลยว่าไหม?

หลังส่งน้องชายคนนั้นขึ้นรถไปกับเพื่อนของเขาที่มารับ ที่สุดผมก็ออกเดินโดยมีเป้าหมายแรกที่การหาห้องพักเล็กๆ แค่พอนอน การนอนที่ดีๆ บรรยากาศดีๆ ไม่ใช่ที่ผมให้ความสำคัญ การเอาตัวเองไปให้ไกลจากความรู้สึกก่อนหน้านี้ต่างหากที่มีความสำคัญจริง

พอเดินลงเนินเลียบข้างวัด แม่น้ำปายไหลเอื่อยเฉื่อยอยู่ตรงหน้า มีบังกะโลตั้งเรียงรายขนานไปกับแนวลำน้ำ เรือนไม้หลังเล็กระเบียงยาวดำๆ ด่างๆ ด้วยสีเนื้อไม้ตามธรรมชาติที่ถูกสภาพแดดฝนบรรจงลงสี สองเท้าพาผมเข้าไปสอบถาม ได้ห้องพักราคาถูกสุดที่ใต้ถุนของเรือนใหญ่ที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในอีก ผมเดินผ่านเรือนไม้หลังหนึ่งที่ฝรั่งสาวสองคนเพิ่งล็อคห้องแล้วขับจักรยานออกไป ผ่านห้องหนึ่งที่เด็กวัยรุ่นชายสามคนตั้งวงกินเหล้ากัน ที่สุดถึงเรือนพัก ครอบครัวจากกรุงเทพฯ ที่ผมเห็นจากป้ายทะเบียนรถได้พื้นที่ห้องพักข้างบนบ้านทั้งหมด เด็กๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจนผู้ใหญ่ตวาด ผมเปิดห้องเข้าไปวางกระเป๋าแล้วทิ้งตัวนอนหงายบนเตียง

เล็ก แคบ กลิ่นอับชื้น... แต่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาที่ผมเผชิญอยู่ใหญ่กว่านี้

ผมเดินเล่นไปตามถนนก่อนค่ำของเมืองแห่งนี้ ผู้คนเริ่มคึกคักในการออกจากห้องพัก ร้านรวงเริ่มตั้งโต๊ะเก้าอี้รวมถึงแผงขายของ ผมเดินท่องถนนไปตามทิศทางลำน้ำ ลมโค้งน้ำไม่มีรูปสัมผัสแต่รู้สึกได้ว่ามี เก้าอี้ยาวในศาลาของร้านอาหารริมน้ำตั้งอยู่ใต้ต้นมะขามเทศใหญ่ ดึงดูดและเชิญชวน ผมนั่งลงตรงนั้น มองสายน้ำไหลไป พูดตรงๆ ถ้าความเหงามีตัวตน มันคงนั่งมองไปข้างหน้าข้างๆ ผมนี่แหละ

เสียงเด็กฝรั่งหัวทองหยิกหยอยสองพี่น้องโวยวายดังลั่น ก็คงตามพ่อแม่มาไกลจากต่างแดน เหลือบเห็นคนเป็นแม่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ที่วางคู่กับอาหารฝรั่งจานใหญ่บนโต๊ะ คนเป็นพ่อพยายามห้ามปรามเด็กๆ ผมแอบยิ้ม วินาทีนั้นผมถูกจู่โจมด้วยความฝันเก่าที่เคยฝันไว้ด้วยกันถึงสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าครอบครัวของเรา แต่ถึงตอนนี้ มันก็แค่หนึ่งความฝันที่เกิดขึ้นในวันที่เรามีความสุขที่จะฝันก็เท่านั้นเอง

ใบมะขามเทศเหลืองแห้งร่วงโรย เป็นไปตามกาลผลัดใบ มันพากันโปรยปรายตามทิศทางลม ผมยังจมอยู่กับความรู้สึกว่างเปล่าเบื้องหน้า แล้วหัวใจก็ปวดร้าวขึ้นมา พยายามสลัดมันทิ้งเหมือนเศษใบไม้ที่ติดบนเส้นผมก็เป็นคนละเรื่องคนละอย่าง บางครั้งผมก็รู้ดีว่าการไม่ระวังหัวใจให้ดีความเจ็บเศร้าที่เตรียมพร้อมทำร้ายอยู่จะเข้าลงมือทันที แต่ระวังดีแค่ไหนก็ต้องเผลอไปชั่วขณะอยู่เรื่อยๆ

คุณที่รักครับ...

โดยรู้สึกตัวเมื่อสาย แต่ก็ยังไม่สายที่จะรู้ตัว ผมเลิกนั่งมองภาพเบื้องหน้า เก็บของและทิ้งอารมณ์ เมื่อครู่เอาไว้แล้วออกจากร้านที่ได้อาศัยมุมหนึ่งนั้นชั่วบางเสี้ยวเวลา จ่ายค่าเครื่องดื่มกระป๋องที่เคาท์เตอร์ ไม่เชิงตกปากรับคำกับน้องที่คิดเงินว่าจะแวะเข้ามาอีกเมื่อไหร่ ก็ทุกวินาทีเบื้องหน้าเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเป็นอะไร มันอาจจะเป็นเช่นที่ฝันได้ แต่น้อยครั้งที่จะได้เป็นเช่นนั้น

แสงตะวันเย็นส่องสวนทางมา ผมก้าวขาเดินย้อนขึ้นเนินที่เดินลงมาในขากลับ ขยับตัวต่างหลบกับหมู่นักเดินทางต่างชาติที่สวนมาในระยะประชิด เราต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในฐานะคนแปลกถิ่นในเมืองที่เป็นสรวงสวรรค์ของนักเดินทางแห่งหนึ่งของประเทศแห่งนี้ และโลกใบนี้

คุณที่รักครับ... ง่ายเสียที่ไหนที่จะผ่านวันไปในแต่ละวันๆ.




นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2556, 12:47:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2556, 12:47:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 918





<< ถนนคดโค้งที่ชีวิตวิ่งเป็นเส้นตรง   รอยยิ้มของคนแปลกหน้า >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account