จอมใจเพชฌฆาต(ผ่านการพิจารณาจากสนพ.sugarbeat แล้ว)
ความรักที่เป็นไปไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!
Tags: โรแมนติก,แอคชั่น,ดราม่า
ตอน: บทที่ 1 – คำสั่งสยบฟ้า
When you're in love...life is like a romance novel that you never want to end
เมื่อคุณอยู่ในห้วงรัก...ชีวิตก็คล้ายนิยายรักที่คุณไม่อยากให้มันจบลง
- นิรนาม
บทที่ 1 – คำสั่งสยบฟ้า
ประเทศไทย
เชียงใหม่
มิสเตอร์เกรย์ยืนไขว้มือมองวิวทิวทัศน์อันตระการตาของ 'ชัมบาโธเปียรีสอร์ท' อยู่ริมหน้าต่างห้องทำงานประจำตัวที่ชั้นสิบสี่ จากระยะที่มองจากตรงนี้ เขาเห็นแขกสองคนกำลังเสพสุขกับสาวสวยกลางสระน้ำชั้นล่างโดยไม่สนใจฟ้าดิน หญิงสาวนั้นถือเป็นบริการพิเศษที่รีสอร์ทจัดหาให้ตามความมั่งคั่งของกระเป๋าสตางค์แขก
ยิ่งรวยมาก สตรีที่พวกเขาสามารถหาความสุขด้วย – ทุกที่ทุกเวลา - ก็ยิ่งงามหยดมากขึ้นตามลำดับ
และแขกทุกคนที่เข้าพัก ณ รีสอร์ทของมิสเตอร์เกรย์ ไม่เคยมีใครไม่ใช่มหาเศรษฐี
ชัมบาโธเปียรีสอร์ท คือแดนสวรรค์ที่คล้ายหลอมรวมความสุขทั้งมวลในโลกไว้ในที่เดียว ที่นี่มีทุกสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สุรา นารี ล้วนแต่เป็นของชั้นเลิศ ว่ากันว่าเพียงได้เข้าพักในรีสอร์ทแห่งนี้ ก็คล้ายได้กลายเป็นพระราชาองค์หนึ่งแล้ว
ชัมบาโธเปียรีสอร์ท มีทุกอย่างที่แขกต้องการ
ทุกอย่างที่กล่าวถึง ย่อมรวมถึงความตายและงานสกปรก!
ใช่แล้ว นอกจากมิสเตอร์เกรย์จะเปิดรีสอร์ทกลางป่าเพื่อเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าผู้มีเงินล้นฟ้า เขายังเปิดมันไว้สำหรับเป็นนรกขายความตายให้ใครบางคนอีกด้วย
เพียงแค่มีเงินสดมากองตรงหน้าในจำนวนที่น่าพึงใจ มิสเตอร์เกรย์ก็พร้อมทำทุกอย่าง
ชัมบาโธเปียรีสอร์ท จึงได้มีอีกหนึ่งนามที่ถูกเรียกขานอย่างลับๆ ว่า
ฐานปิศาจ!
เพราะที่แห่งนี้ มีปิศาจในคราบมนุษย์มากมายอาศัยเป็นที่ซ่อนตัว
ปิศาจที่ฆ่าคน!!!
มิสเตอร์เกรย์ทอดสายตามองสระน้ำเบื้องล่างอีกครั้ง ตอนนี้แขกทั้งสองคนต่างก็ลากคู่ขาขึ้นจากน้ำมาจัดการสนุกสนานต่อที่เก้าอี้ริมสระ คู่หนึ่งให้หญิงสาวยกขาข้างหนึ่งพาดเก้าอี้ ตัวเองซ้อนอยู่ข้างหลังและกระแทกกระทั้นความเป็นชายใส่ไม่ยั้ง ส่วนอีกหนึ่งคู่ ฝ่ายชายนอนแผ่หลาบนเก้าอี้ มีศีรษะหญิงสาวซุกอยู่ตรงหว่างขา สีหน้าของเขามีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
มิสเตอร์เกรย์ก็กำลังยิ้ม
ลูกค้ามีความสุข เจ้าของกิจการจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
“ท่านคะ คุณอินทรีมาถึงแล้วค่ะ” เสียงกระเส่าสุดเซ็กซี่ของเลขาฯ หน้าห้องดังขึ้นจากลำโพงอินเตอร์คอม
“ให้เขาเข้ามา” มิสเตอร์เกรย์เอ่ย
“ค่ะ”
นาทีต่อมา มิสเตอร์เกรย์ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานของเขาเปิดออกและบังเกิดเสียงฝีเท้าหนักแน่นคู่หนึ่งก้าวเข้ามาหยุดยืนด้านหลัง
“ได้ยินว่าท่านต้องการพบผม” น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ เย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลกกล่าว
มิสเตอร์เกรย์มองเงาที่สะท้อนบนกระจกหน้าต่าง ด้านหลังของเขาบัดนี้กำลังยืนด้วยชายหนุ่มร่างกำยำ ความสูง 187 ซ.ม. เสื้อยืดสีน้ำเงินที่สวมใส่ไม่อาจปกปิดแผงอกที่อุดมมัดกล้าม หนำซ้ำยังขับเน้นให้เห็นความล่ำสันราวนายแบบนิตยสาร ใบหน้าคมคายละลายใจเพศหญิงก้มมองพื้นตลอดเวลา เส้นผมสีดำยาวปรกใบหน้า ปิดบังนัยน์ตาเย็นเยือกไว้ข้างหนึ่ง สองมือแนบชิดลำตัวนอบน้อมตามประสาลูกน้องที่ดี
“ใช่ ฉันต้องการพบแก” มิสเตอร์เกรย์พูด
“ท่านมีงานอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“แกนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะอินทรี มาถึงก็พูดเข้าประเด็นทันที ไม่เสียเวลาสอพลอแม้แต่น้อย” มิสเตอร์เกรย์ผู้สวมเสื้อคลุมขนอีกาหัวเราะหึๆ และหมุนกายกลับมาตบไหล่ชายหนุ่มอย่างพอใจ “ไปนั่งคุยที่โต๊ะของฉันดีกว่า”
ภายในห้องทำงานของมิสเตอร์เกรย์เปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิเย็นเฉียบ แต่ชายหนุ่มนามอินทรีไม่ได้มีท่าทีสะท้านต่อความหนาวเลย แม้จะสวมเพียงเสื้อยืดและกางเกงลำลองธรรมดาก็ตาม
เขาเดินตามเจ้านายไปที่โต๊ะไม้ขัดเงาตัวใหญ่ ทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ เจ้านายวัยหกสิบเดินอ้อมไปนั่งอีกด้านหนึ่ง
“งานที่ฉันจะให้แกทำคราวนี้เป็นงานใหญ่มาก พลาดไม่ได้เด็ดขาด” มิสเตอร์เกรย์เปิดฉากพูดเรื่องสำคัญ
“ท่านจะให้ผมไปฆ่าใคร?” น้ำเสียงที่ถาม...สงบราบเรียบเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติไม่ต่างจากถูกใช้ให้ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
“ไม่ได้ให้ฆ่า แต่ให้ไปลักพาตัว” มิสเตอร์เกรย์ยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในแฟ้มเอกสารออกมาข้างหน้า “ผู้หญิงคนนี้”
อินทรีรับรูปมาพินิจ มันเป็นรูปของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง...สวยจนอาจทำให้ผู้ชายคลั่งตายได้ไม่ยาก ใบหน้าเรียวได้รูป เส้นผมสีข้าวฟ่าง จมูกโด่งรับกับคิ้วโค้งงามและดวงตาที่เหมือนยิ้มได้ ริมฝีปากสีชมพูนั้นก็จิ้มลิ้มเหมาะเจาะ
หูของเขาได้ยินเสียงเจ้านายกล่าวต่อไป
“เธอชื่อทอฟ้า ปัจฉิมวงศ์ เป็นลูกสาวของนายพลอัศวิน หัวหน้าฝ่ายกรมการรักษาความมั่นคงแห่งชาติของประเทศคำแสนหิรัญเพื่อนบ้านของเรา แกต้องลักพาตัวเธอมาที่นี่ด้วยสภาพที่ไม่มีรอยฟกช้ำ ไม่มีแม้รอยขีดข่วนสักรอย”
ชายหนุ่มรับคำ “ครับ”
ไม่มีคำถามใดๆ
เพราะเขาทราบดีว่าอาชีพอย่างเขา ไม่ควรมีคำว่า 'ทำไมต้องทำอย่างนั้น' อยู่ในพจนานุกรมส่วนตัว
“แกคงรู้ใช่มั้ยว่าการลักพาตัวลูกสาวนายพลใหญ่อย่างเธอไม่ใช่เรื่องง่าย” มิสเตอร์เกรย์โน้มตัวมาด้านหน้า ประสานสองมือไว้บนโต๊ะ “กำหนดงานนี้ต้องสำเร็จภายในหนึ่งเดือน แกคิดว่าทำได้หรือเปล่า? ถ้าไม่แน่ใจ ฉันคิดว่าเจ้าค้างคาวคงยินดีทำแทน”
อินทรีจ้องมองรูปภาพอย่างปราศจากความรู้สึก เขาเงยหน้าตอบเจ้านาย
“ทำได้ครับ”
“ดีแล้วๆ” มิสเตอร์เกรย์ผงกศีรษะหงึกหงัก “ไม่เสียแรงที่เลือกแกเป็นตัวเลือกแรก”
“ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ” ชายหนุ่มค้อมศีรษะ ก่อนลุกขึ้นยืน “ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จะรีบไปไหนหือ?” มิสเตอร์เกรย์แสร้งเลิกคิ้วตีสีหน้าประหลาดใจ
“ไปเตรียมตัวเพื่อเดินทางเข้าประเทศคำแสนหิรัญครับ” อินทรีกล่าว
++++++
สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ
เมืองบุนจี, เขตบุนจี
ทอฟ้ายืนอยู่ที่จตุรัสโควจิงมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว แดดยามสายแผดลงมาจากท้องฟ้าสีครามร้อนเปรี้ยง แต่คุณหนูที่ปกติมีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังกลับกำลังทนร้อนตากแดดท่ามกลางวัยรุ่นที่พลุกพล่าน
เธอมารอคอยใครคนหนึ่ง
ทอฟ้าหลุบตามองนาฬิกาเป็นครั้งที่ร้อย คนที่นัดเธอมายังที่นี่มาช้าจนอดเป็นห่วงไม่ได้ ปกติแล้วโคมินต์เป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ ถ้าไม่มีอะไรร้ายแรง เขาจะไม่ผิดนัดเลย เพราะถือว่าการที่มาสายกว่าเวลานัด คือการเสียมารยาทมากๆ
เกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่านะ?
หญิงสาวล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือราคาแพง กำลังกดนิ้วโทร.หาเขา เสียงที่คุ้นหูก็ดังจากด้านหลัง
“ฟ้า ผมมาแล้ว”
คนถูกเรียกหันขวับไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อแจ๊คเกตกางเกงยีนส์วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มเจื่อนอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษที่มาช้า” เขาบอก ยกมือเกาศีรษะแกรกๆ “พอดีเจ้านายใช้ให้ไปส่งของที่เมืองยองนัม ไม่ไปก็ไม่ได้ แถมดันลืมมือถือไว้ที่บริษัทอีก เลยต้องปล่อยให้ฟ้ารอแย่เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก คินอย่าคิดมากเลยนะ” ทอฟ้าฉีกยิ้มสดใสเพื่อให้เขาสบายใจ “ยองนัมอยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกล คินมาถึงตอนนี้ก็ถือว่าเร็วแล้วนะ”
“ขอบคุณที่พยายามไม่ทำให้ผมรู้สึกผิด” โคมินต์ยิงฟันยิ้ม “แต่ยังไงผมก็ผิดอยู่ดี เอาเป็นว่า วันนี้ฟ้าอยากได้อะไร เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง”
“โหย ไม่ต้องหรอกจ้ะคิน”
“ไม่เอาน่า ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อฟ้าบ้างเถอะนะ”
ทอฟ้าอ้าปากจะคัดค้าน ด้วยไม่อยากให้เขาสิ้นเปลืองเงินทองให้เธอ หญิงสาวทราบดีว่าโคมินต์เป็นเพียงพนักงานออฟฟิศในบริษัทผลิตเครื่องโลหะธรรมดา เงินทองแต่ละเหรียญกว่าจะหามาได้ต้องทำงานหนัก แตกต่างกับเธอที่โชคดีเกิดบนกองเงินกองทอง ใช้สุรุ่ยสุร่ายทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด
แต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังของเขา ทอฟ้าก็ไม่อยากปฏิเสธอีก
“จ้ะ แล้วแต่คินละกัน” เธอพูดในที่สุดด้วยความใจอ่อน
“งั้นเราไปเดินดูอะไรกันดีนะ ฟ้าอยากได้ของขวัญอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” โคมินต์ถามขณะพวกเขาก้าวเท้าเดินเข้ากับกลุ่มคนที่ขวักไขว่
“ของขวัญอะไรหรอ?” ทอฟ้าแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“แหม ฟ้าอยากลองใจว่าผมจะจำได้หรือเปล่าสินะ” ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ “ก็ของขวัญ...เนื่องในโอกาสที่วันนี้ ครบรอบสามเดือนที่เราคบกันไง”
“คินจำได้ด้วยเหรอ?!”
“ใครจะลืมวันสำคัญแบบนี้ได้ล่ะ”
ทอฟ้าฉีกยิ้มร่า หัวใจพองโตด้วยความสุข
เธอสอดมือคล้องแขนเขาและเดินชมร้านขายของตามตรอกซอยต่างๆ จนกระทั่งสี่สิบนาทีต่อมา ทั้งสองก็หยุดยืนที่หน้าร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง
“เข้าไปดูข้างในมั้ย? สร้อยสวยๆ เยอะเลยนะ” โคมินต์หันมาถามหญิงสาว
“จะดีเหรอ...ท่าทางจะแพงเอาการอยู่นา” ทอฟ้าอิดออด ไม่อยากให้เขาเสียเงินมากมายเพื่อซื้อของที่เธอมีสวมใส่อยู่แล้ว
“คิดว่าผมไม่มีเงินจ่ายหรือไง” โคมินต์เลื่อนมือลงมากุมมือเธอ “เข้าไปข้างในดีกว่า เชื่อผมเถอะ ผมเก็บเงินมาตั้งนานเพื่อวันๆ นี้โดยเฉพาะนะครับ”
แล้วเขาก็ผลักประตูร้านพาหญิงสาวก้าวเข้าไปด้านใน
“ร้านเครื่องประดับเหมยฮงยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ดังขึ้นอย่างอ่อนโยน
ทอฟ้าถูกแฟนหนุ่มจูงมาที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นตู้กระจกใส ภายในตู้มีสร้อยเงิน สร้อยทอง แหวนเพชร พลอยและเครื่องประดับที่ทำจากอัญมณีราคาแพงเรียงรายโชว์อยู่จนแสงที่สะท้อนจากเครื่องประดับแต่ละชิ้นแทบทำทอฟ้าตาพร่าไปชั่วขณะ
“อยากได้ชิ้นไหนมั้ย?” โคมินต์ถามเธออีกครั้ง
ทอฟ้าหัวเราะฝืด มองป้ายที่กำกับราคาแต่ละชิ้นแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายแทนคนจ่ายเงิน เครื่องประดับชิ้นที่ถูกที่สุดในตู้โชว์ ยังมากกว่าเงินเดือนของโคมินต์หกเดือนรวมกันเสียอีก
หญิงสาวอึกอัก “ฟ้าขอเดินดูรอบๆ ร้านก่อนได้ไหมคิน?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ “อื้อ เอาสิ”
“ถูกใจชิ้นไหนก็เลือกชมได้ตามสบายนะคะ” เจ้าหน้าที่สาวหน้าใสประจำเคาน์เตอร์ค้อมศีรษะบอกทอฟ้าขณะเธอหมุนตัวกวาดสายตามองชั้นวางเครื่องประดับที่แบ่งเป็นล็อกๆ เหมือนชั้นวางหนังสือ
“ค่ะ” ทอฟ้าเหลียวหน้ากลับมาส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนขยับเท้าก้าวเข้าหาชั้นวางเครื่องประดับที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด
สิบห้านาทีผ่านไป ทอฟ้าก็ยังไม่เจอของชิ้นไหนที่ถูกใจ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ยังไม่พบของชิ้นไหนที่โคมินต์ซื้อแล้วไม่ทำให้เขาเดือดร้อนทางการเงิน
“ว่าไงครับ ถูกใจอะไรบ้างไหม?”
เสียงของโคมินต์ดังขึ้นด้านหลังทอฟ้าซึ่งเดินแอบมายืนเลือกต่างหูมุมร้าน เธอคิดว่าบางทีอาจให้เขาจ่ายเงินให้เธอไปก่อน แล้วเธอค่อยคืนเงินให้เขาทีหลังก็ยังไม่สายนี่นะ
“ถูกใจชิ้นนี้จ้ะคิน” ทอฟ้าหยิบต่างหูพลอยสีชมพูขึ้นมาทาบกับหูตัวเองและหันหน้ากลับมาให้เขาดู “สวยไหม?”
“หมายถึงคนหรือต่างหูล่ะ” โคมินต์ทำหน้าทะเล้น
“คนบ้า ฟ้าถามจริงจังนะ” หญิงสาวทำหน้างอนก่อนยิ้มเขิน “คินว่าเหมาะกับฟ้าหรือเปล่า?”
“เหมาะสิ อย่างฟ้าใส่อะไรก็สวยไปหมดแหละครับ”
“ปากหวานจริ๊ง” ทอฟ้าพูดเสียงสูงเหมือนเห็นคำพูดของเขาเป็นเรื่องตลก ทว่าสองแก้มของเธอนั้นแดงปลั่งอย่างเห็นได้ชัด
“ฟ้าชอบชิ้นไหนอีกมั้ย?” โคมินต์ผายมือไปยังชั้นวางเครื่องประดับอื่นๆ
“แค่ต่างหูคู่นี้ก็พอแล้วจ้ะ” เธอตอบ “ไปจ่ายเงินกันเถอะ ฟ้าอยากหาอะไรกินแล้ว”
ดังนั้น สองหนุ่มสาวจึงเดินกลับไปหาพนักงานหน้าสวย ทอฟ้าวางต่างหูลงบนเคาน์เตอร์ จนเมื่อพนักงานคิดเงินเสร็จสรรพและยื่นบิลพร้อมกับถุงผ้าใส่กล่องบรรจุต่างหูมาให้ ทอฟ้าเหลือบมองดูบิลขณะแฟนหนุ่มควักกระเป๋านำธนบัตรมาจ่ายเงิน เธอก็ร้องลั่น
“เดี๋ยวค่ะ! บิลนี้ต้องคิดผิดแน่ๆ เลย”
“ทำไมเหรอคะ?” พนักงานถามอย่างงุนงง
“ก็บิลนี่ตั้งแสนหกหมื่นเหรียญ แต่ราคาต่างหูที่ติดป้ายไว้แค่หมื่นสองพันเหรียญเองนะคะ” ทอฟ้ายื่นบิลสินค้าให้พนักงานหลังเคาน์เตอร์ดู หากนำสกุลเงินประจำประเทศมาเปรียบเทียบกับราคาเงินประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย จำนวนเงินที่โคมินต์ต้องจ่ายสูงถึงสามหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว
“บิลคิดไม่ผิดหรอกครับฟ้า พอดีว่าผมแอบซื้ออะไรบางอย่างให้ฟ้าด้วยน่ะ” ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มกว้าง
“อะไรหรอ?” ทอฟ้าเบิ่งตาโต “คินซื้ออะไรให้ฟ้าหรอจ้ะ ทำไมมันแพงขนาดนี้?”
โคมินต์ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นกล่องเล็กๆ รูปทรงสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่ง เขายื่นออกมาข้างหน้า กดฝาปิดให้ดีดตัวเด้งขึ้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ในกล่องคือแหวนเงินประดับพลอยสีแดงเม็ดหนึ่งด้านบน ที่ตัวแหวนมีการสลักอักษรภาษาอังกฤษว่า
' For My Love,Teopha '
“มันอาจไม่ใช่ของที่มีราคามากมาย แต่ผมอยากใช้มันเป็นตัวแทนความรักและความจริงใจที่ผมมีต่อฟ้าและอยากใช้มันต่างคำขอบคุณที่ฟ้าไม่รังเกียจผู้ชายจนๆ อย่างผม” โคมินต์กระซิบ “ผมอยากให้ฟ้ารับมันไว้ ส่วนฟ้าจะใส่มันหรือไม่ ผมไม่บังคับหรอก”
“คิน...” ทอฟ้าน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม โผเข้าสวมกอดเขาแนบแน่น ไม่สนใจว่าพนักงานที่เคาน์เตอร์กำลังมองอยู่หรือเปล่า “ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ”
“อย่าร้องไห้สิครับ ผมไม่อยากให้ฟ้าร้องไห้ตอนที่อยู่กับผม” โคมินต์พูด ยกมือปาดน้ำตาบนแก้มใสของหญิงสาวเมื่อคลายกอดออกจากกัน
ทอฟ้าหัวเราะ ซบหน้าลงเช็ดน้ำตากับเสื้อของเขา ก่อนจะคว้ากล่องใส่แหวนมาถือและเงยหน้าสบตาแฟนหนุ่ม
“ฟ้าจะใส่มันตลอดเวลาเลย” เธอพูดและหยิบแหวนที่เขาซื้อให้สวมที่นิ้วนางข้างขวาของตัวเอง เธอชูนิ้วให้โคมินต์ดู “นี่ไง สวยเนอะ”
“สวยมากๆ เลยครับ” โคมินต์พยักหน้า “ต้องชมคนเลือก เขามีรสนิยมที่ดีพอสมควร”
“คนทะเล้น ชมตัวเองก็เป็นนะ” ทอฟ้าหัวเราะอย่างสุขใจ ก่อนนาทีต่อมาจะเดินควงแขนแฟนหนุ่มออกจากร้านขายเครื่องประดับเหมยฮงโดยมีจุดหมายว่าจะหาร้านอาหารอร่อยๆ นั่งทานอาหารเที่ยงด้วยกัน
แต่เพียงก้าวออกมาจากร้านขายเครื่องประดับได้หน่อยเดียวเท่านั้น ทอฟ้าก็ถูกมือของใครบางคนจับข้อศอกและดึงตัวออกจากข้างกายแฟนหนุ่มอย่างกะทันหัน
“ว๊าย - ” เธอร้องด้วยความตกใจ
“เฮ้ย อะไรกันวะ!” โคมินต์หันขวับกลับมาเอาเรื่องคนที่ดึงตัวแฟนสาว ซึ่งคนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มหน้าคม ร่างกายล่ำสันสวมสูทสีดำ เขาจับข้อมือของทอฟ้าไม่ยอมปล่อย แต่สองตาขึงมองโคมินต์อย่างไม่พอใจ
“ไค ปล่อยฉันนะ!” ทอฟ้าออกคำสั่ง พยายามสะบัดมือแต่ไม่หลุด
หนุ่มหน้าคมในชุดสูทหันมาพูดกับเธอเสียงเรียบ “ผมต้องพาคุณหนูกลับบ้านครับ หนีออกมาโดยไม่บอกใครแบบนี้ ท่านนายพลต้องไม่พอใจมากแน่ๆ”
“นายก็อย่าบอกพ่อฉันสิ” ทอฟ้าพูดด้วยความไม่พอใจ “นายเป็นแค่บอดี้การ์ดของฉันนะ ไม่ใช่ผู้คุม แล้วฉันก็ไม่ใช่นักโทษของใครด้วย!”
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” โคมินต์ย่างสามขุมเข้ามาพร้อมกับพับแขนเสื้อขึ้นอย่างพร้อมมีเรื่อง
“กลับบ้านครับคุณหนู” ชายหนุ่มนามไคไม่ให้ความสนใจโคมินต์อีก โคมินต์จึงเหวี่ยงหมัดเข้ามาหมายต่อยกรามขวา แต่บอดี้การ์ดหนุ่มก็โยกกายหลบวูบและจัดการส่งโคมินต์กลิ้งไปกองบนพื้นด้วยการตวัดขาเตะสวนเข้าเต็มรักบริเวณลิ้นปี่
“คิน!”
ทอฟ้ากรีดร้องอย่างเจ็บปวดแทนคนรัก เธอสะบัดมือจนหลุดจากบอดี้การ์ดประจำตัวและถลาเข้าไปประคองแฟนหนุ่มที่กำลังยันตัวลุกขึ้นจากพื้น ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มจับกลุ่มยืนดูด้วยความสนใจ
“เจ็บรึเปล่าคิน...นายทำบ้าอะไรฮะไค!”
ประโยคแรกทอฟ้ากระซิบถามโคมินต์อย่างห่วงใย ส่วนประโยคหลังตะเบ็งเสียงใส่ไคอย่างกราดเกรี้ยว
“ถ้าคุณหนูไม่อยากให้ไอ้หมอนี่เจ็บตัวอีก กรุณากลับบ้านกับผมครับ” ไคพูด เดินเข้ามาประจันหน้าโคมินต์
“ก็ได้ๆ ฉันจะกลับ พอใจรึยัง!” ทอฟ้ารีบพูด ทราบดีว่าหากเกิดการต่อสู้กันจริงๆ แฟนหนุ่มไม่มีทางสู้ไคได้เลย เพราะบอดี้การ์ดของเธอมีอดีตเป็นถึงบุตรชายของหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่พ่อเธอนำมาฝึกฝนเองกับมือเพื่อเป็นหน่วยรบพิเศษ
เธอหันกลับมาที่โคมินต์อย่างเสียใจ “วันนี้ฟ้าต้องกลับก่อนนะ”
โคมินต์ยิ้มฝืด ผงกศีรษะให้เธอ ยังยืดตัวยืนตรงไม่เต็มที่นักเพราะยังจุกอยู่ ก่อนจะตวัดสายตามองบอดี้การ์ดของหญิงสาวด้วยความโกรธแค้น
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้วครับ” ไคกล่าวและเอื้อมมือคว้าแขนทอฟ้า ลากตัวเธอเดินออกมา
ทอฟ้าได้แต่เหลียวมองไปที่แฟนหนุ่มเป็นระยะ จนกระทั่งเขาถูกฝูงชนที่เนืองแน่นบดบังให้หายลับไปจากสายตาของเธอในที่สุด
เมื่อคุณอยู่ในห้วงรัก...ชีวิตก็คล้ายนิยายรักที่คุณไม่อยากให้มันจบลง
- นิรนาม
บทที่ 1 – คำสั่งสยบฟ้า
ประเทศไทย
เชียงใหม่
มิสเตอร์เกรย์ยืนไขว้มือมองวิวทิวทัศน์อันตระการตาของ 'ชัมบาโธเปียรีสอร์ท' อยู่ริมหน้าต่างห้องทำงานประจำตัวที่ชั้นสิบสี่ จากระยะที่มองจากตรงนี้ เขาเห็นแขกสองคนกำลังเสพสุขกับสาวสวยกลางสระน้ำชั้นล่างโดยไม่สนใจฟ้าดิน หญิงสาวนั้นถือเป็นบริการพิเศษที่รีสอร์ทจัดหาให้ตามความมั่งคั่งของกระเป๋าสตางค์แขก
ยิ่งรวยมาก สตรีที่พวกเขาสามารถหาความสุขด้วย – ทุกที่ทุกเวลา - ก็ยิ่งงามหยดมากขึ้นตามลำดับ
และแขกทุกคนที่เข้าพัก ณ รีสอร์ทของมิสเตอร์เกรย์ ไม่เคยมีใครไม่ใช่มหาเศรษฐี
ชัมบาโธเปียรีสอร์ท คือแดนสวรรค์ที่คล้ายหลอมรวมความสุขทั้งมวลในโลกไว้ในที่เดียว ที่นี่มีทุกสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สุรา นารี ล้วนแต่เป็นของชั้นเลิศ ว่ากันว่าเพียงได้เข้าพักในรีสอร์ทแห่งนี้ ก็คล้ายได้กลายเป็นพระราชาองค์หนึ่งแล้ว
ชัมบาโธเปียรีสอร์ท มีทุกอย่างที่แขกต้องการ
ทุกอย่างที่กล่าวถึง ย่อมรวมถึงความตายและงานสกปรก!
ใช่แล้ว นอกจากมิสเตอร์เกรย์จะเปิดรีสอร์ทกลางป่าเพื่อเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าผู้มีเงินล้นฟ้า เขายังเปิดมันไว้สำหรับเป็นนรกขายความตายให้ใครบางคนอีกด้วย
เพียงแค่มีเงินสดมากองตรงหน้าในจำนวนที่น่าพึงใจ มิสเตอร์เกรย์ก็พร้อมทำทุกอย่าง
ชัมบาโธเปียรีสอร์ท จึงได้มีอีกหนึ่งนามที่ถูกเรียกขานอย่างลับๆ ว่า
ฐานปิศาจ!
เพราะที่แห่งนี้ มีปิศาจในคราบมนุษย์มากมายอาศัยเป็นที่ซ่อนตัว
ปิศาจที่ฆ่าคน!!!
มิสเตอร์เกรย์ทอดสายตามองสระน้ำเบื้องล่างอีกครั้ง ตอนนี้แขกทั้งสองคนต่างก็ลากคู่ขาขึ้นจากน้ำมาจัดการสนุกสนานต่อที่เก้าอี้ริมสระ คู่หนึ่งให้หญิงสาวยกขาข้างหนึ่งพาดเก้าอี้ ตัวเองซ้อนอยู่ข้างหลังและกระแทกกระทั้นความเป็นชายใส่ไม่ยั้ง ส่วนอีกหนึ่งคู่ ฝ่ายชายนอนแผ่หลาบนเก้าอี้ มีศีรษะหญิงสาวซุกอยู่ตรงหว่างขา สีหน้าของเขามีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
มิสเตอร์เกรย์ก็กำลังยิ้ม
ลูกค้ามีความสุข เจ้าของกิจการจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
“ท่านคะ คุณอินทรีมาถึงแล้วค่ะ” เสียงกระเส่าสุดเซ็กซี่ของเลขาฯ หน้าห้องดังขึ้นจากลำโพงอินเตอร์คอม
“ให้เขาเข้ามา” มิสเตอร์เกรย์เอ่ย
“ค่ะ”
นาทีต่อมา มิสเตอร์เกรย์ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานของเขาเปิดออกและบังเกิดเสียงฝีเท้าหนักแน่นคู่หนึ่งก้าวเข้ามาหยุดยืนด้านหลัง
“ได้ยินว่าท่านต้องการพบผม” น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ เย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลกกล่าว
มิสเตอร์เกรย์มองเงาที่สะท้อนบนกระจกหน้าต่าง ด้านหลังของเขาบัดนี้กำลังยืนด้วยชายหนุ่มร่างกำยำ ความสูง 187 ซ.ม. เสื้อยืดสีน้ำเงินที่สวมใส่ไม่อาจปกปิดแผงอกที่อุดมมัดกล้าม หนำซ้ำยังขับเน้นให้เห็นความล่ำสันราวนายแบบนิตยสาร ใบหน้าคมคายละลายใจเพศหญิงก้มมองพื้นตลอดเวลา เส้นผมสีดำยาวปรกใบหน้า ปิดบังนัยน์ตาเย็นเยือกไว้ข้างหนึ่ง สองมือแนบชิดลำตัวนอบน้อมตามประสาลูกน้องที่ดี
“ใช่ ฉันต้องการพบแก” มิสเตอร์เกรย์พูด
“ท่านมีงานอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“แกนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะอินทรี มาถึงก็พูดเข้าประเด็นทันที ไม่เสียเวลาสอพลอแม้แต่น้อย” มิสเตอร์เกรย์ผู้สวมเสื้อคลุมขนอีกาหัวเราะหึๆ และหมุนกายกลับมาตบไหล่ชายหนุ่มอย่างพอใจ “ไปนั่งคุยที่โต๊ะของฉันดีกว่า”
ภายในห้องทำงานของมิสเตอร์เกรย์เปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิเย็นเฉียบ แต่ชายหนุ่มนามอินทรีไม่ได้มีท่าทีสะท้านต่อความหนาวเลย แม้จะสวมเพียงเสื้อยืดและกางเกงลำลองธรรมดาก็ตาม
เขาเดินตามเจ้านายไปที่โต๊ะไม้ขัดเงาตัวใหญ่ ทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ เจ้านายวัยหกสิบเดินอ้อมไปนั่งอีกด้านหนึ่ง
“งานที่ฉันจะให้แกทำคราวนี้เป็นงานใหญ่มาก พลาดไม่ได้เด็ดขาด” มิสเตอร์เกรย์เปิดฉากพูดเรื่องสำคัญ
“ท่านจะให้ผมไปฆ่าใคร?” น้ำเสียงที่ถาม...สงบราบเรียบเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติไม่ต่างจากถูกใช้ให้ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
“ไม่ได้ให้ฆ่า แต่ให้ไปลักพาตัว” มิสเตอร์เกรย์ยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในแฟ้มเอกสารออกมาข้างหน้า “ผู้หญิงคนนี้”
อินทรีรับรูปมาพินิจ มันเป็นรูปของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง...สวยจนอาจทำให้ผู้ชายคลั่งตายได้ไม่ยาก ใบหน้าเรียวได้รูป เส้นผมสีข้าวฟ่าง จมูกโด่งรับกับคิ้วโค้งงามและดวงตาที่เหมือนยิ้มได้ ริมฝีปากสีชมพูนั้นก็จิ้มลิ้มเหมาะเจาะ
หูของเขาได้ยินเสียงเจ้านายกล่าวต่อไป
“เธอชื่อทอฟ้า ปัจฉิมวงศ์ เป็นลูกสาวของนายพลอัศวิน หัวหน้าฝ่ายกรมการรักษาความมั่นคงแห่งชาติของประเทศคำแสนหิรัญเพื่อนบ้านของเรา แกต้องลักพาตัวเธอมาที่นี่ด้วยสภาพที่ไม่มีรอยฟกช้ำ ไม่มีแม้รอยขีดข่วนสักรอย”
ชายหนุ่มรับคำ “ครับ”
ไม่มีคำถามใดๆ
เพราะเขาทราบดีว่าอาชีพอย่างเขา ไม่ควรมีคำว่า 'ทำไมต้องทำอย่างนั้น' อยู่ในพจนานุกรมส่วนตัว
“แกคงรู้ใช่มั้ยว่าการลักพาตัวลูกสาวนายพลใหญ่อย่างเธอไม่ใช่เรื่องง่าย” มิสเตอร์เกรย์โน้มตัวมาด้านหน้า ประสานสองมือไว้บนโต๊ะ “กำหนดงานนี้ต้องสำเร็จภายในหนึ่งเดือน แกคิดว่าทำได้หรือเปล่า? ถ้าไม่แน่ใจ ฉันคิดว่าเจ้าค้างคาวคงยินดีทำแทน”
อินทรีจ้องมองรูปภาพอย่างปราศจากความรู้สึก เขาเงยหน้าตอบเจ้านาย
“ทำได้ครับ”
“ดีแล้วๆ” มิสเตอร์เกรย์ผงกศีรษะหงึกหงัก “ไม่เสียแรงที่เลือกแกเป็นตัวเลือกแรก”
“ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ” ชายหนุ่มค้อมศีรษะ ก่อนลุกขึ้นยืน “ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จะรีบไปไหนหือ?” มิสเตอร์เกรย์แสร้งเลิกคิ้วตีสีหน้าประหลาดใจ
“ไปเตรียมตัวเพื่อเดินทางเข้าประเทศคำแสนหิรัญครับ” อินทรีกล่าว
++++++
สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ
เมืองบุนจี, เขตบุนจี
ทอฟ้ายืนอยู่ที่จตุรัสโควจิงมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว แดดยามสายแผดลงมาจากท้องฟ้าสีครามร้อนเปรี้ยง แต่คุณหนูที่ปกติมีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังกลับกำลังทนร้อนตากแดดท่ามกลางวัยรุ่นที่พลุกพล่าน
เธอมารอคอยใครคนหนึ่ง
ทอฟ้าหลุบตามองนาฬิกาเป็นครั้งที่ร้อย คนที่นัดเธอมายังที่นี่มาช้าจนอดเป็นห่วงไม่ได้ ปกติแล้วโคมินต์เป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ ถ้าไม่มีอะไรร้ายแรง เขาจะไม่ผิดนัดเลย เพราะถือว่าการที่มาสายกว่าเวลานัด คือการเสียมารยาทมากๆ
เกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่านะ?
หญิงสาวล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือราคาแพง กำลังกดนิ้วโทร.หาเขา เสียงที่คุ้นหูก็ดังจากด้านหลัง
“ฟ้า ผมมาแล้ว”
คนถูกเรียกหันขวับไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อแจ๊คเกตกางเกงยีนส์วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มเจื่อนอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษที่มาช้า” เขาบอก ยกมือเกาศีรษะแกรกๆ “พอดีเจ้านายใช้ให้ไปส่งของที่เมืองยองนัม ไม่ไปก็ไม่ได้ แถมดันลืมมือถือไว้ที่บริษัทอีก เลยต้องปล่อยให้ฟ้ารอแย่เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก คินอย่าคิดมากเลยนะ” ทอฟ้าฉีกยิ้มสดใสเพื่อให้เขาสบายใจ “ยองนัมอยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกล คินมาถึงตอนนี้ก็ถือว่าเร็วแล้วนะ”
“ขอบคุณที่พยายามไม่ทำให้ผมรู้สึกผิด” โคมินต์ยิงฟันยิ้ม “แต่ยังไงผมก็ผิดอยู่ดี เอาเป็นว่า วันนี้ฟ้าอยากได้อะไร เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง”
“โหย ไม่ต้องหรอกจ้ะคิน”
“ไม่เอาน่า ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อฟ้าบ้างเถอะนะ”
ทอฟ้าอ้าปากจะคัดค้าน ด้วยไม่อยากให้เขาสิ้นเปลืองเงินทองให้เธอ หญิงสาวทราบดีว่าโคมินต์เป็นเพียงพนักงานออฟฟิศในบริษัทผลิตเครื่องโลหะธรรมดา เงินทองแต่ละเหรียญกว่าจะหามาได้ต้องทำงานหนัก แตกต่างกับเธอที่โชคดีเกิดบนกองเงินกองทอง ใช้สุรุ่ยสุร่ายทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด
แต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังของเขา ทอฟ้าก็ไม่อยากปฏิเสธอีก
“จ้ะ แล้วแต่คินละกัน” เธอพูดในที่สุดด้วยความใจอ่อน
“งั้นเราไปเดินดูอะไรกันดีนะ ฟ้าอยากได้ของขวัญอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” โคมินต์ถามขณะพวกเขาก้าวเท้าเดินเข้ากับกลุ่มคนที่ขวักไขว่
“ของขวัญอะไรหรอ?” ทอฟ้าแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“แหม ฟ้าอยากลองใจว่าผมจะจำได้หรือเปล่าสินะ” ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ “ก็ของขวัญ...เนื่องในโอกาสที่วันนี้ ครบรอบสามเดือนที่เราคบกันไง”
“คินจำได้ด้วยเหรอ?!”
“ใครจะลืมวันสำคัญแบบนี้ได้ล่ะ”
ทอฟ้าฉีกยิ้มร่า หัวใจพองโตด้วยความสุข
เธอสอดมือคล้องแขนเขาและเดินชมร้านขายของตามตรอกซอยต่างๆ จนกระทั่งสี่สิบนาทีต่อมา ทั้งสองก็หยุดยืนที่หน้าร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง
“เข้าไปดูข้างในมั้ย? สร้อยสวยๆ เยอะเลยนะ” โคมินต์หันมาถามหญิงสาว
“จะดีเหรอ...ท่าทางจะแพงเอาการอยู่นา” ทอฟ้าอิดออด ไม่อยากให้เขาเสียเงินมากมายเพื่อซื้อของที่เธอมีสวมใส่อยู่แล้ว
“คิดว่าผมไม่มีเงินจ่ายหรือไง” โคมินต์เลื่อนมือลงมากุมมือเธอ “เข้าไปข้างในดีกว่า เชื่อผมเถอะ ผมเก็บเงินมาตั้งนานเพื่อวันๆ นี้โดยเฉพาะนะครับ”
แล้วเขาก็ผลักประตูร้านพาหญิงสาวก้าวเข้าไปด้านใน
“ร้านเครื่องประดับเหมยฮงยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ดังขึ้นอย่างอ่อนโยน
ทอฟ้าถูกแฟนหนุ่มจูงมาที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นตู้กระจกใส ภายในตู้มีสร้อยเงิน สร้อยทอง แหวนเพชร พลอยและเครื่องประดับที่ทำจากอัญมณีราคาแพงเรียงรายโชว์อยู่จนแสงที่สะท้อนจากเครื่องประดับแต่ละชิ้นแทบทำทอฟ้าตาพร่าไปชั่วขณะ
“อยากได้ชิ้นไหนมั้ย?” โคมินต์ถามเธออีกครั้ง
ทอฟ้าหัวเราะฝืด มองป้ายที่กำกับราคาแต่ละชิ้นแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายแทนคนจ่ายเงิน เครื่องประดับชิ้นที่ถูกที่สุดในตู้โชว์ ยังมากกว่าเงินเดือนของโคมินต์หกเดือนรวมกันเสียอีก
หญิงสาวอึกอัก “ฟ้าขอเดินดูรอบๆ ร้านก่อนได้ไหมคิน?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ “อื้อ เอาสิ”
“ถูกใจชิ้นไหนก็เลือกชมได้ตามสบายนะคะ” เจ้าหน้าที่สาวหน้าใสประจำเคาน์เตอร์ค้อมศีรษะบอกทอฟ้าขณะเธอหมุนตัวกวาดสายตามองชั้นวางเครื่องประดับที่แบ่งเป็นล็อกๆ เหมือนชั้นวางหนังสือ
“ค่ะ” ทอฟ้าเหลียวหน้ากลับมาส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนขยับเท้าก้าวเข้าหาชั้นวางเครื่องประดับที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด
สิบห้านาทีผ่านไป ทอฟ้าก็ยังไม่เจอของชิ้นไหนที่ถูกใจ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ยังไม่พบของชิ้นไหนที่โคมินต์ซื้อแล้วไม่ทำให้เขาเดือดร้อนทางการเงิน
“ว่าไงครับ ถูกใจอะไรบ้างไหม?”
เสียงของโคมินต์ดังขึ้นด้านหลังทอฟ้าซึ่งเดินแอบมายืนเลือกต่างหูมุมร้าน เธอคิดว่าบางทีอาจให้เขาจ่ายเงินให้เธอไปก่อน แล้วเธอค่อยคืนเงินให้เขาทีหลังก็ยังไม่สายนี่นะ
“ถูกใจชิ้นนี้จ้ะคิน” ทอฟ้าหยิบต่างหูพลอยสีชมพูขึ้นมาทาบกับหูตัวเองและหันหน้ากลับมาให้เขาดู “สวยไหม?”
“หมายถึงคนหรือต่างหูล่ะ” โคมินต์ทำหน้าทะเล้น
“คนบ้า ฟ้าถามจริงจังนะ” หญิงสาวทำหน้างอนก่อนยิ้มเขิน “คินว่าเหมาะกับฟ้าหรือเปล่า?”
“เหมาะสิ อย่างฟ้าใส่อะไรก็สวยไปหมดแหละครับ”
“ปากหวานจริ๊ง” ทอฟ้าพูดเสียงสูงเหมือนเห็นคำพูดของเขาเป็นเรื่องตลก ทว่าสองแก้มของเธอนั้นแดงปลั่งอย่างเห็นได้ชัด
“ฟ้าชอบชิ้นไหนอีกมั้ย?” โคมินต์ผายมือไปยังชั้นวางเครื่องประดับอื่นๆ
“แค่ต่างหูคู่นี้ก็พอแล้วจ้ะ” เธอตอบ “ไปจ่ายเงินกันเถอะ ฟ้าอยากหาอะไรกินแล้ว”
ดังนั้น สองหนุ่มสาวจึงเดินกลับไปหาพนักงานหน้าสวย ทอฟ้าวางต่างหูลงบนเคาน์เตอร์ จนเมื่อพนักงานคิดเงินเสร็จสรรพและยื่นบิลพร้อมกับถุงผ้าใส่กล่องบรรจุต่างหูมาให้ ทอฟ้าเหลือบมองดูบิลขณะแฟนหนุ่มควักกระเป๋านำธนบัตรมาจ่ายเงิน เธอก็ร้องลั่น
“เดี๋ยวค่ะ! บิลนี้ต้องคิดผิดแน่ๆ เลย”
“ทำไมเหรอคะ?” พนักงานถามอย่างงุนงง
“ก็บิลนี่ตั้งแสนหกหมื่นเหรียญ แต่ราคาต่างหูที่ติดป้ายไว้แค่หมื่นสองพันเหรียญเองนะคะ” ทอฟ้ายื่นบิลสินค้าให้พนักงานหลังเคาน์เตอร์ดู หากนำสกุลเงินประจำประเทศมาเปรียบเทียบกับราคาเงินประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย จำนวนเงินที่โคมินต์ต้องจ่ายสูงถึงสามหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว
“บิลคิดไม่ผิดหรอกครับฟ้า พอดีว่าผมแอบซื้ออะไรบางอย่างให้ฟ้าด้วยน่ะ” ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มกว้าง
“อะไรหรอ?” ทอฟ้าเบิ่งตาโต “คินซื้ออะไรให้ฟ้าหรอจ้ะ ทำไมมันแพงขนาดนี้?”
โคมินต์ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นกล่องเล็กๆ รูปทรงสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่ง เขายื่นออกมาข้างหน้า กดฝาปิดให้ดีดตัวเด้งขึ้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ในกล่องคือแหวนเงินประดับพลอยสีแดงเม็ดหนึ่งด้านบน ที่ตัวแหวนมีการสลักอักษรภาษาอังกฤษว่า
' For My Love,Teopha '
“มันอาจไม่ใช่ของที่มีราคามากมาย แต่ผมอยากใช้มันเป็นตัวแทนความรักและความจริงใจที่ผมมีต่อฟ้าและอยากใช้มันต่างคำขอบคุณที่ฟ้าไม่รังเกียจผู้ชายจนๆ อย่างผม” โคมินต์กระซิบ “ผมอยากให้ฟ้ารับมันไว้ ส่วนฟ้าจะใส่มันหรือไม่ ผมไม่บังคับหรอก”
“คิน...” ทอฟ้าน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม โผเข้าสวมกอดเขาแนบแน่น ไม่สนใจว่าพนักงานที่เคาน์เตอร์กำลังมองอยู่หรือเปล่า “ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ”
“อย่าร้องไห้สิครับ ผมไม่อยากให้ฟ้าร้องไห้ตอนที่อยู่กับผม” โคมินต์พูด ยกมือปาดน้ำตาบนแก้มใสของหญิงสาวเมื่อคลายกอดออกจากกัน
ทอฟ้าหัวเราะ ซบหน้าลงเช็ดน้ำตากับเสื้อของเขา ก่อนจะคว้ากล่องใส่แหวนมาถือและเงยหน้าสบตาแฟนหนุ่ม
“ฟ้าจะใส่มันตลอดเวลาเลย” เธอพูดและหยิบแหวนที่เขาซื้อให้สวมที่นิ้วนางข้างขวาของตัวเอง เธอชูนิ้วให้โคมินต์ดู “นี่ไง สวยเนอะ”
“สวยมากๆ เลยครับ” โคมินต์พยักหน้า “ต้องชมคนเลือก เขามีรสนิยมที่ดีพอสมควร”
“คนทะเล้น ชมตัวเองก็เป็นนะ” ทอฟ้าหัวเราะอย่างสุขใจ ก่อนนาทีต่อมาจะเดินควงแขนแฟนหนุ่มออกจากร้านขายเครื่องประดับเหมยฮงโดยมีจุดหมายว่าจะหาร้านอาหารอร่อยๆ นั่งทานอาหารเที่ยงด้วยกัน
แต่เพียงก้าวออกมาจากร้านขายเครื่องประดับได้หน่อยเดียวเท่านั้น ทอฟ้าก็ถูกมือของใครบางคนจับข้อศอกและดึงตัวออกจากข้างกายแฟนหนุ่มอย่างกะทันหัน
“ว๊าย - ” เธอร้องด้วยความตกใจ
“เฮ้ย อะไรกันวะ!” โคมินต์หันขวับกลับมาเอาเรื่องคนที่ดึงตัวแฟนสาว ซึ่งคนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มหน้าคม ร่างกายล่ำสันสวมสูทสีดำ เขาจับข้อมือของทอฟ้าไม่ยอมปล่อย แต่สองตาขึงมองโคมินต์อย่างไม่พอใจ
“ไค ปล่อยฉันนะ!” ทอฟ้าออกคำสั่ง พยายามสะบัดมือแต่ไม่หลุด
หนุ่มหน้าคมในชุดสูทหันมาพูดกับเธอเสียงเรียบ “ผมต้องพาคุณหนูกลับบ้านครับ หนีออกมาโดยไม่บอกใครแบบนี้ ท่านนายพลต้องไม่พอใจมากแน่ๆ”
“นายก็อย่าบอกพ่อฉันสิ” ทอฟ้าพูดด้วยความไม่พอใจ “นายเป็นแค่บอดี้การ์ดของฉันนะ ไม่ใช่ผู้คุม แล้วฉันก็ไม่ใช่นักโทษของใครด้วย!”
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” โคมินต์ย่างสามขุมเข้ามาพร้อมกับพับแขนเสื้อขึ้นอย่างพร้อมมีเรื่อง
“กลับบ้านครับคุณหนู” ชายหนุ่มนามไคไม่ให้ความสนใจโคมินต์อีก โคมินต์จึงเหวี่ยงหมัดเข้ามาหมายต่อยกรามขวา แต่บอดี้การ์ดหนุ่มก็โยกกายหลบวูบและจัดการส่งโคมินต์กลิ้งไปกองบนพื้นด้วยการตวัดขาเตะสวนเข้าเต็มรักบริเวณลิ้นปี่
“คิน!”
ทอฟ้ากรีดร้องอย่างเจ็บปวดแทนคนรัก เธอสะบัดมือจนหลุดจากบอดี้การ์ดประจำตัวและถลาเข้าไปประคองแฟนหนุ่มที่กำลังยันตัวลุกขึ้นจากพื้น ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มจับกลุ่มยืนดูด้วยความสนใจ
“เจ็บรึเปล่าคิน...นายทำบ้าอะไรฮะไค!”
ประโยคแรกทอฟ้ากระซิบถามโคมินต์อย่างห่วงใย ส่วนประโยคหลังตะเบ็งเสียงใส่ไคอย่างกราดเกรี้ยว
“ถ้าคุณหนูไม่อยากให้ไอ้หมอนี่เจ็บตัวอีก กรุณากลับบ้านกับผมครับ” ไคพูด เดินเข้ามาประจันหน้าโคมินต์
“ก็ได้ๆ ฉันจะกลับ พอใจรึยัง!” ทอฟ้ารีบพูด ทราบดีว่าหากเกิดการต่อสู้กันจริงๆ แฟนหนุ่มไม่มีทางสู้ไคได้เลย เพราะบอดี้การ์ดของเธอมีอดีตเป็นถึงบุตรชายของหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่พ่อเธอนำมาฝึกฝนเองกับมือเพื่อเป็นหน่วยรบพิเศษ
เธอหันกลับมาที่โคมินต์อย่างเสียใจ “วันนี้ฟ้าต้องกลับก่อนนะ”
โคมินต์ยิ้มฝืด ผงกศีรษะให้เธอ ยังยืดตัวยืนตรงไม่เต็มที่นักเพราะยังจุกอยู่ ก่อนจะตวัดสายตามองบอดี้การ์ดของหญิงสาวด้วยความโกรธแค้น
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้วครับ” ไคกล่าวและเอื้อมมือคว้าแขนทอฟ้า ลากตัวเธอเดินออกมา
ทอฟ้าได้แต่เหลียวมองไปที่แฟนหนุ่มเป็นระยะ จนกระทั่งเขาถูกฝูงชนที่เนืองแน่นบดบังให้หายลับไปจากสายตาของเธอในที่สุด

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ย. 2556, 16:28:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2556, 16:28:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1253
บทที่ 2 – ลูกสาวนายพล >> |


บุุหลันสีคราม 2 พ.ย. 2556, 10:03:32 น.
ก๊๋ซซซซซซซ! ขอบคุณมากครับพี่นุ้ย เพิ่งเคยมาลงครับ ฝากตัวด้วยนะครับ แหะแหะ
ก๊๋ซซซซซซซ! ขอบคุณมากครับพี่นุ้ย เพิ่งเคยมาลงครับ ฝากตัวด้วยนะครับ แหะแหะ