จอมใจเพชฌฆาต(ผ่านการพิจารณาจากสนพ.sugarbeat แล้ว)
ความรักที่เป็นไปไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!

Tags: โรแมนติก,แอคชั่น,ดราม่า

ตอน: บทที่ 2 – ลูกสาวนายพล

True love is rare, and it’s the only thing that gives life real meaning

รักแท้นั้นหายาก แต่มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มอบความหมายให้กับชีวิตได้อย่างแท้จริง



- Nicholas Sparks

นิโคลัส สปาร์ก นักเขียนชาวอเมริกัน





บทที่ 2 – ลูกสาวนายพล



สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ

เมืองบุนจี, เขตบุนจี



ในห้องพักผ่อนส่วนตัวของนายพลอัศวิน ปัจฉิมวงศ์ขณะนี้กำลังลอยฟุ้งด้วยควันหอมกรุ่นจากกระถางสมุนไพรที่ตั้งอยู่ปลายเตียง เจ้าของห้องผู้เป็นบุรุษวัยห้าสิบสามนอนคว่ำหน้าเปลือยกายอยู่บนเตียงสี่เสาที่คลี่ม่านสีชมพูลายลูกไม้ปิดลงมา มีหญิงสาวผมสีน้ำตาลรุ่นราวคราวลูกคนหนึ่งเปลือยกายคร่อมทับอยู่บนแผ่นหลังของเขา

เธอกำลังไล้มือชโลมน้ำมันนวดไปตามส่วนต่างๆ ของท่านนายพลด้วยความอ่อนโยน แว่วเสียงครางอย่างถูกอกถูกใจของท่านนายพลดังออกมาเป็นระยะ นี่นับเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ก่อนการระเริงศึกสวาท หญิงสาวทราบดีว่าท่านนายพลต้องการสิ่งใดบ้าง หน้าที่ของเธอในแต่ละคืนคือการทำให้ท่านนายพลมีความสุขมากที่สุด

เธอยังคงนวดคลึงแผ่นหลังให้ท่านนายพลต่อไป แม้จะมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

“ใคร?” ท่านนายพลตะโกนถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากหมอน

“ผมเองครับท่าน” เสียงบอดี้การ์ดประจำกายบุตรสาวดังตอบกลับมาชัดเจน

“เข้ามาสิ” บุรุษสูงวัยยังคงหลับตาแนบแก้มด้านหนึ่งกับหมอนอย่างผ่อนคลาย

หญิงสาวได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก ฝีเท้าที่เป็นจังหวะหนักแน่นคู่หนึ่งก้าวเข้ามาหยุดยืนข้างเตียง เธอชำเลืองมองผ่านม่านลูกไม้บางเบาที่ปิดกั้นรอบเตียงออกไป ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำยืนอยู่ตรงนั้น เขากำลังยืนก้มหน้ามองพื้น ใบหน้าคมคายที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ยังคงเข้มขรึมไม่เปลี่ยนแปลง

หญิงสาวยิ้มออกมา แม้รู้ดีว่าเขาคงไม่ได้มอง

“ว่าไง?” ท่านนายพลพูด

“คุณหนูหนีไปที่จตุรัสโควจิงครับ ตอนนี้ผมพากลับมาแล้ว” ไคตอบ

นายพลอัศวินพ่นลมผ่านจมูกพรืดใหญ่ “ทอฟ้าไปหาใคร?”

“ยังคงเป็นไอ้หมอนั่นครับ”

“ฮึ เป็นหมาวัดริจะเด็ดดอกฟ้า” ท่านนายพลหัวเราะในลำคอ “ถ้าคราวหน้ามันยังกล้านัดทอฟ้าหนีเที่ยวอีก พาคนไปสั่งสอนให้มันเลิกยุ่งกับลูกสาวฉันหน่อย”

“ครับ”

“มีอะไรอีกมั้ย?”

“ไม่มีครับ”

“งั้นก็ออกไปได้”

“ครับ”

หญิงสาวเห็นไคค้อมศีรษะและกำลังจะหมุนกายเดินออกไป แต่ท่านนายพลก็เรียกขึ้น

“อ้อ เดี๋ยวก่อน”

ไคหมุนกายกลับมา “ท่านมีอะไรรับสั่งหรือครับ?”

“ต่อไปนี้เข้มงวดกับทอฟ้าสักที ถ้าขืนแกยังปล่อยให้ลูกสาวฉันแอบหนีเที่ยวไปได้ง่ายๆ อีก แกจะเป็นคนแรกที่โดนลงโทษ”

“ครับ” ไคค้อมศีรษะอีกครั้ง

ชั่ววินาทีนั้น หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่า เขาช้อนสายตาผ่านม่านลายลูกไม้เข้ามามองเธอแวบหนึ่ง

คุณจะจำฉันได้ไหมนะไค หญิงสาวคิดในใจ ฉันเอง เด็กผู้หญิงขี้อายในค่ายเงาทมิฬ

เธอเห็นไคหลุบตามองพื้นและหมุนตัวเดินจากไปด้วยรู้ดีว่าเจ้าของห้องหมดธุระกับเขาแล้ว

“พอก่อน นาเดีย”

นายพลอัศวินเปรยลอยๆ เมื่อไคงับประตูห้องปิดตามหลัง นาเดียหยุดชะงักมือที่นวดคลึงอยู่บริเวณต้นคอของท่าน ก่อนจะเคลื่อนกายลงจากแผ่นหลังอย่างรู้หน้าที่ และไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ถูกบุรุษสูงวัยพลิกกายมาตะปบสองเต้าตูมและกดให้เธอนอนราบกับเตียง

ริมฝีปากของนายพลอัศวินโลมไล้เรือนร่างงามด้วยความหื่นกระหายที่ไม่รู้จักพอ

นาเดียบิดร่างด้วยความรัญจวน ทว่ามันคือการเสแสร้ง ความรู้สึกแท้จริงของเธอคือความเฉยชา

เธอหลับตาลง ส่งเสียงครางตามที่ท่านนายพลถูกใจ

นาเดียคิดว่าเห็นเงาหลังจางๆ ของไคเดินห่างเธอออกไปในความมืดทุกที...



++++++



ทอฟ้า ปัจฉิมวงศ์ก้าวเท้าเข้าสู่โรงเรียนสอนเต้นพร้อมกับบอดี้การ์ดคู่กายที่เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นผู้คุมและเธอไม่ต่างจากนักโทษ ดอกไม้งามวัยยี่สิบสามผู้เป็นหญิงสาวที่ชายหนุ่มในสังคมชั้นสูงทั่วดินแดนคำแสนหิรัญหมายปองไม่พูดไม่คุยกับไคมาหลายวันแล้ว หรือหากจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือ ทอฟ้าไม่ยอมคุยกับเขานับแต่วันที่ไคทำร้ายโคมินต์วันนั้น

แต่ไคก็คงไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ว่าเธอจะทำมึนตึงกับเขาสักแค่ไหน เขายังตามติดเธอเป็นเงาตามตัวเช่นเดิม ทั้งยังคุมเข้มมากขึ้นชนิดกระดิกตัวไปไหนเพียงคนเดียวก็ไม่ได้

โรงเรียนสอนเต้นแห่งนี้คือโรงเรียนที่เธอเปิดขึ้นมาด้วยความชื่นชอบของตัวเอง ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนที่ใหญ่โตอะไรมากมายแต่มันก็อบอุ่น นอกจากเป็นผู้บริหารแล้ว ทอฟ้าก็ยังเป็นครูสอนเต้นให้กับเด็กระดับมัธยมต้นที่สนใจการเต้นคัฟเวอร์เพลง K – Pop ร่วมกับคณะเพื่อนของเธอ

และก็เพราะโรงเรียนสอนเต้นนี่แหละที่ทำให้ทอฟ้าได้พบกับโคมินต์

หญิงสาวเผลอยิ้มเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านเก้าอี้นั่งรอข้างเคาน์เตอร์ต้อนรับขึ้นบันไดสู่ชั้นบน เมื่อแปดเดือนก่อนโคมินต์นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นเคียงข้างน้องสาววัยสิบสองขวบ น้องสาวผู้เป็นทุกอย่างในชีวิตที่ปราศจากพ่อแม่ของเขา โคมินต์รู้ว่าน้องสาวอยากเรียนเต้น จึงพาเธอมาสมัคร

แต่ทอฟ้ากลับต้องพบความประหลาดใจครั้งใหญ่

“น้องผมป่วยเป็นลูคีเมีย จะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงหกเดือนเท่านั้น ผมไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเธอเรียนเต้นในตอนนี้ แต่อยากขอร้องให้คุณครูช่วยรับเธอไว้ก่อนได้ไหมครับ แล้วผมจะนำเงินค่าเรียนมาทยอยใช้คืนให้ทีหลัง”

เขาขอร้องเธอเป็นการส่วนตัวในห้องทำงานชั้นบนสุดของโรงเรียนสอนเต้น โดยที่น้องสาวหน้าซีดเซียวของเขานั่งรออยู่ด้านนอก

ทอฟ้าไม่ได้เปิดโรงเรียนของเธอเพื่อเงินทองอยู่แล้ว เธอจึงไม่ลังเลที่จะช่วยสานฝันของเด็กหญิงผู้น่าสงสารให้เป็นจริง

ทุกๆ สัปดาห์หลังจากนั้น โคมินต์จะพาน้องสาวมาเรียนเต้น ทอฟ้าอาสาเป็นครูส่วนตัวสอนให้เด็กหญิงคนเดียวเป็นกรณีพิเศษ เธอเอ็นดูเด็กหญิงมากราวกับเป็นน้องสาวของตัวเอง จนกระทั่งสามเดือนให้หลัง จู่ๆ โคมินต์ก็ไม่ได้พาน้องสาวมาที่โรงเรียนอีก

“อาการของเธอทรุดเร็วกว่าที่หมอคาดครับ ตอนนี้น้องผมคงไปเรียนไม่ได้อีกแล้ว”

นั่นเป็นคำตอบที่ทอฟ้าได้รับเมื่อเธอโทรศัพท์ไปถามข่าวคราวจากเขาด้วยความเป็นห่วง

ทอฟ้าแอบเดินทางไปเยี่ยมเด็กหญิงโดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วเธอก็ต้องสะเทือนใจเมื่อพบว่าอาการของเด็กหญิงทรุดหนักมาก เพียงสามวันต่อมา โคมินต์ก็โทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่าน้องสาวของเขาเสียชีวิตลงแล้ว

ทอฟ้ารู้สึกเสียใจคล้ายสูญเสียคนสำคัญในครอบครัว เธอรับหน้าที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดที่โคมินต์ติดค้างอยู่กับทางโรงพยาบาล รวมถึงออกค่าใช้จ่ายในงานศพตามวิถีศาสนาคริสต์ให้เขาด้วย โคมินต์ถึงกับตะลึงไปพักใหญ่ทีเดียวเมื่อทอฟ้าบอกกับเขาว่าตัวจริงของเธอคือลูกสาวนายพลที่กุมอำนาจการทหารสูงสุดของประเทศ

เนื่องเพราะก่อนหน้านั้น เขากับเธอได้แสดงออกว่ามีความรู้สึกดีๆ ต่อกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

“คินไม่ต้องสนใจหรอกนะว่าฟ้าเป็นใคร คินเป็นใคร ขอแค่เราเป็นเราแค่นั้นก็พอแล้ว” ทอฟ้าบอกกับเขาอย่างนั้น

หลังงานศพของเด็กหญิงผ่านพ้นไป ทอฟ้ากับโคมินต์ก็เริ่มคบหากันอย่างจริงจัง

มาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาได้สามเดือนแล้ว

ทอฟ้าฉีกยิ้มให้กับเงาของตัวเองเมื่อเห็นแหวนที่โคมินต์ซื้อให้สะท้อนอยู่บนนิ้วในประตูกระจกของห้องทำงานที่ไม่ได้ใช้งานอะไรนอกจากมีไว้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและใช้พักผ่อนร่วมกับบรรดาเพื่อนร่วมก๊วนของเธอหลังเสร็จสิ้นการสอน

“เย็นนี้ท่านนายพลสั่งให้พาคุณหนูไปงานสโมสรกองทัพด้วยนะครับ” เสียงของไคที่ดังขึ้นด้านหลังสลายห้วงคิดของทอฟ้าไปสิ้น

ทอฟ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย งานสโมสรที่กองทัพไม่มีอะไรมากไปกว่างานที่เหล่านายทหารชั้นผู้ใหญ่จัดขึ้นเพื่อให้ลูกหลานไปจับคู่กัน ทอฟ้าจำได้ว่าตนเองจะเป็นคนแรกเสมอที่เดินทางออกจากงานและกลับบ้าน ด้วยทนไม่ไหวที่มีเหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งหลายมาทำก้อร่อก้อติกและพ่อของเธอก็ไม่ว่าอะไรเสียด้วย

“คุณหนูจะไปหรือเปล่าครับ?” ไคถามต่อ

“ฉันไม่ไปได้หรือไง” ทอฟ้าถามกลับอย่างประหลาดใจ ปกติแล้วบอดี้การ์ดประจำตัวของเธอจะไม่ถามอะไรนอกจากถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมาจากพ่อเธอเท่านั้น

“ผมจะเรียนท่านนายพลให้ว่าคุณหนูไม่สบาย”

“นายจะมาทำดีกับฉันเพื่ออะไรล่ะ?” ทอฟ้าวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะของเธอแล้วหมุนตัวกลับมาจ้องมองชายหนุ่มผู้ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลัง

“ผมรู้ว่าคุณหนูไม่พอใจผมที่ไปอัดไอ้หมอนั่น” ไคตอบ “แต่มันเป็นหน้าที่ของผมนะครับ ไอ้หมอนั่นมันไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับคุณหนู”

“แต่มันไม่ใช่กงการอะไรของนายสักหน่อยนะที่ฉันจะไปคบกับใครน่ะ” ทอฟ้าพูด “นายเป็นแค่บอดี้การ์ดที่พ่อฉันเลี้ยงเอาไว้ ว่าไปแล้วนายก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นหรอก ดีแต่รับคำสั่งจากพ่อฉัน จะถูกจะผิดยังไงก็ทำตามคำสั่งไว้ก่อน แต่เรื่องนี้นายจะมายุ่งกับฉันไม่ได้ เพราะว่าการรักใครสักคนมันเป็นสิทธิส่วนตัวของฉันไม่ใช่หรือ?”

ไคก้มหน้ามองพื้น ทอฟ้าไม่รู้ว่าในใจจริงแล้ว ชายหนุ่มกำลังคิดอะไร

“เอาเถอะ บอกคุณพ่อว่าฉันจะไป ถึงยังไงโลกนี้มันก็คงไม่มีอะไรน่าเบื่อมากกว่าการมีนายเดินตามต้อยๆ อยู่ตลอดเวลาหรอก” ทอฟ้ากล่าวเสียงขุ่น เดินหน้าบึ้งหายเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวลงไปสอนเต้นที่ชั้นสอง



++++++



บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นนั่งพักอยู่บนม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าโรงเรียนสอนเต้นชื่อว่า 'Dancing Queen Club' มาได้ครู่ใหญ่ นัยน์ตาเยือกเย็นหลังแว่นกันแดดของเขาสอดส่องมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา ในมือมีขวดน้ำแร่ที่พร่องไปเกินครึ่ง นาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสี่โมงเย็น

ชายหนุ่มเปิดฝาขวดออก ยกน้ำกระดกดื่มช้าๆ จนหมดขวด

หน้าตึกมีกล้องวงจรปิดเยอะกว่าด้านหลัง หากต้องลงมือที่นี่ หนีไปหลังตึกคงสะดวกกว่า...เขาคิด

ที่แท้ชายหนุ่มที่แต่งกายเป็นนักท่องเที่ยวสะพายเป้คนนี้ก็คืออินทรี นักฆ่าผู้ได้รับมอบหมายภารกิจให้มาลักพาตัวบุตรสาวของนายพลอัศวินนี่เอง

เขามานั่งตรงนี้เพื่อสำรวจว่าถ้าลงมือลักพาตัวทอฟ้าจริงๆ ทางสะดวกสำหรับการหลบหนีมากที่สุดคือสถานที่ไหน อินทรีลอบสะกดรอยตามเป้าหมายมาได้สองสัปดาห์แล้ว วงจรชีวิตของทอฟ้าไม่มีอะไรมากมาย เช้ามาโรงเรียนสอนเต้น บ่ายออกทานอาหารกับบรรดาเพื่อนผู้หญิง ตกเย็นเดินทางกลับบ้าน วันสุดสัปดาห์ช่วงเย็นถ้าไม่ช็อปปิ้งก็เข้าโรงภาพยนตร์ เพื่อนสนิทส่วนใหญ่ของเธอมีเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งก็คือกลุ่มที่เป็นครูอยู่ในโรงเรียนสอนเต้นด้านหลังเขาในตอนนี้

บุตรสาวของนายพลอัศวินไม่มีฝูงบอดี้การ์ดคุ้มกันอย่างที่อินทรีคาดคิด เท่าที่เขาเห็น ทอฟ้ามีบอดี้การ์ดเพียงคนเดียวที่ทำหน้าที่รับใช้ แต่อินทรีก็มองออกว่าหมอนั่นต้องมีฝีมือไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นแล้ว นายพลอัศวินคงไม่ไว้ใจให้ดูแลบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงตัวคนเดียวแน่

อินทรีลุกขึ้นยืน กำมือบีบขวดน้ำให้บุบบี้และเดินไปทิ้งลงถังขยะ

เขาเดินไปสำรวจเส้นทางหลังตึกอีกครั้งแม้จะเคยสำรวจมาแล้ว เรียบร้อยก็นั่งรถสามล้อชมเมืองโดยรอบเพื่อจดจำชื่อถนนและเส้นทางสายต่างๆ ให้ขึ้นใจชนิดไม่มีดวงตาก็ต้องไปให้ถูก จนเมื่อกลับถึงที่พักซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวชื่อดังแห่งเขตบุนจีในตอนหัวค่ำ อินทรีก็วาดแผนที่อันเป็นแผนผังถนนทุกสายในเมืองขึ้นมาอย่างละเอียด

กำหนดการณ์ลงมือชัดเจนแล้วในสมองของเขา

บุตรสาวของนายพลอัศวิน ปัจฉิมวงศ์จะถูกลักพาตัวในสุดสัปดาห์นี้!



++++++



เป็นเวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกาสิบห้านาที

เมื่อทอฟ้าเดินเข้าห้องนอน สิ่งแรกที่เธอทำก็คือถอนหายใจด้วยความปลอดโปร่ง ในที่สุดเธอก็ได้มีเวลาส่วนตัวสักที ไม่ต้องถูกจับตามองตลอดเวลาให้รู้สึกอึดอัด

หญิงสาวเพิ่งกลับจากงานสโมสรที่จัดขึ้นในหอประชุมของกองทัพบก เธอยังคงเป็นคนแรกเช่นเดิมที่เดินทางกลับบ้านในขณะที่คนอื่นๆ ยังสนุกสนานอยู่กับการเต้นรำ แม้กระทั่งพ่อของเธอก็ยังคงอยู่ที่งานนั้นและได้ชื่อว่าเป็นขาประจำของการเป็นผู้ร่วมงานโต๊ะสุดท้ายที่แยกย้ายกลับบ้าน

ค่ำคืนนี้พ่อของเธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะกำลังหลงเด็กใหม่ผมสีน้ำตาลคนนั้น ถ้าทอฟ้าจำไม่ผิด ชื่อของหล่อนน่าจะเป็นนาเดียหรืออะไรสักอย่าง

นาเดียเป็นผู้หญิงคนล่าสุดของนายพลอัศวินใครๆ ก็รู้ หล่อนเข้ามาอยู่รับใช้ท่านถึงที่บ้านได้สักสองสามเดือนแล้ว ทอฟ้าไม่รู้ว่าพ่อไปเจอหล่อนที่ไหนหรือเจอได้อย่างไร แต่ดูเหมือนหล่อนจะเป็นที่ถูกใจท่านมาก

เมื่อก่อนนี้ท่านไม่เคยควงแขนพานางบำเรอคนไหนออกงาน ทอฟ้าไม่มีวันคิดว่าท่านจะทำอย่างนั้น จนกระทั่งคืนนี้ ทอฟ้าประหลาดใจมากที่พ่อพานาเดียไปงานสโมสรและแนะนำให้เพื่อนฝูงทุกคนรู้จักอย่างภูมิอกภูมิใจ

แม้จะเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าพ่อของเธอมองผู้หญิงเป็นเพียงของเล่นหลังจากแม่ของเธอเสียชีวิตไปขณะคลอดเธอ แต่สำหรับกับสายตาที่ท่านมองนาเดียแล้ว ทอฟ้ารู้สึกได้ว่าท่านหลงรักหล่อนจริงๆ

ทอฟ้าปลดเปลื้องชุดราตรีที่สั่งตัดจากผ้าไหมไทยชั้นสูงและออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสออกขณะเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า สิ่งที่สะท้อนบนกระจกด้านในประตูตู้ในวินาทีนี้คือร่างบางระหงเอวคอดกิ่วโค้งเว้าลงมาจากสองเต้าตูมเต่งที่ยังไม่เคยผ่านสัมผัสจากชายใดและกำลังได้รับการปกป้องโดยบราเซียร์แบบเกาะอกสีเนื้อราคาสูง

หญิงสาวคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมทับพอดีเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

รีบเดินกลับไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง เปิดกระเป๋าแบรนด์เนมที่นำติดตัวไปงานสโมสร หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ยิ้มกว้างเมื่อเห็นชื่อคนต้นสาย

“ว่าไงจ้ะคิน?” เธอเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อนเมื่อยกโทรศัพท์แนบหู

“ฟ้ากลับจากงานแล้วหรอ?” เขาถาม เมื่อตอนบ่ายทอฟ้าโทร.ไปเล่าให้เขาฟังว่าค่ำนี้เธอต้องไปร่วมงานสโมสรอันน่าเบื่อ

“กลับแล้ว ทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่าหรอก คิดถึงน่ะครับเลยโทร.มาหา”

“แหม ปากหวานอีกแล้ว”

“ไม่ได้ปากหวานนะครับ แต่ผมคิดถึงฟ้าจริงๆ เราไม่ได้เจอกันครึ่งเดือนแล้วนะ”

ข้อนั้นเธอเองก็รู้ “อื้อ นั่นสินะ”

“ฟ้าคิดถึงผมบ้างไหม?”

“ตลอดเวลาเลยแหละจ้ะ”

“ผมก็คิดถึงฟ้าตลอดเวลาเหมือนกัน งั้นพรุ่งนี้ผมไปหาฟ้าที่โรงเรียนนะครับ”

ทอฟ้ารีบห้ามด้วยความตกใจ “ไม่ได้นะ คินห้ามมาที่โรงเรียนเด็ดขาดเลย”

“ทำไมล่ะครับ?”

“ถ้ามาเดี๋ยวก็ต้องเจ็บตัวอีกหรอก คราวนี้พ่อฟ้าส่งผู้คุมมาเกาะติดฟ้าไม่ให้คลาดสายตาเลย” ทอฟ้าเสียงอ่อยลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่โคมินต์เผชิญหน้ากับไคเมื่อครั้งก่อน

“ผมไม่กลัวหรอก ต่อให้เจ็บตัวขนาดไหน แต่ถ้ามันแลกกับการได้เห็นหน้าฟ้าผมก็จะยอม”

“คนบ้า ชอบเจ็บตัวหรือไง” ทอฟ้าหัวเราะเบาๆ “เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวฟ้าจะหาทางเอง เรามาเจอกันวันอาทิตย์นี้ดีไหม คินว่างหรือเปล่า?”

“เพื่อฟ้าผมว่างเสมอครับ”

โคมินต์พูดอย่างดีใจ ทอฟ้าแทบจะเห็นรอยยิ้มของเขาลอยอยู่ในอากาศ

“ว่าแต่ฟ้าจะหนีมายังไงล่ะครับในเมื่อโดนคุมเข้มขนาดนั้น?”

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ฟ้ามีวิธี”

ทอฟ้าฉีกยิ้ม หย่อนกายนั่งลงบนขอบเตียง

“รับรองว่าคราวนี้ ไม่มีใครมาทำลายการเดทของเราสองคนได้อีกแล้ว”

ไม่กี่นาทีต่อมา ทอฟ้าก็วางสายเพื่อไปอาบน้ำ เธอไม่รู้เลยว่าการเดทระหว่างตนเองกับโคมินต์ที่ฝันหวานว่าจะไม่มีอุปสรรคขัดขวางหากได้ทำตามแผนการที่เธอวางเอาไว้ มันจะถูกทำลายย่อยยับตั้งแต่ทุกอย่างยังไม่ทันจะเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ



บุุหลันสีคราม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 พ.ย. 2556, 10:06:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ย. 2556, 10:06:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 8412





<< บทที่ 1 – คำสั่งสยบฟ้า   บทที่ 3 - ลักพาตัว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account