จอมใจเพชฌฆาต(ผ่านการพิจารณาจากสนพ.sugarbeat แล้ว)
ความรักที่เป็นไปไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!

Tags: โรแมนติก,แอคชั่น,ดราม่า

ตอน: บทที่ 5 – ความปั่นป่วน


When you love someone...you'll do anything to reach the heart of the one you love

เมื่อคุณรักใครสักคน...คุณจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สัมผัสหัวใจของคนที่คุณรัก



- นิรนาม



บทที่ 5 – ความปั่นป่วน



สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ

เมืองบุนจี,เขตบุนจี



การถูกลักพาตัวของบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายพลอัศวิน ปัจฉิมวงศ์กลายเป็นข่าวใหญ่คึกโครมขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งและออกข่าวโทรทัศน์แทบทุกช่อง มีการระดมกำลังพลทหารและตำรวจออกตามหาทุกเขตเมือง แต่ก็ผ่านมาได้สองวันแล้ว ยังไม่มีใครได้ความคืบหน้าที่เป็นชิ้นเป็นอันแม้แต่น้อย

ในสถานการณ์เช่นนี้ คนที่เดือดเนื้อร้อนใจมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากนายพลใหญ่แห่งกรมการรักษาความมั่นคงแห่งชาติที่นั่งไม่ติด นอนไม่หลับและรับประทานอาหารไม่ได้นับตั้งแต่ทราบข่าวว่าลูกสาวถูกคนร้ายลึกลับจับตัวไป

“ใครหน้าไหนที่มันกล้าแตะต้องลูกสาวของฉัน...ถ้าจับตัวมันได้...ฉันจะฆ่ามันให้ตายทั้งเป็น!”

ท่านนายพลคำรามอย่างโกรธแค้น คนร้ายรู้เส้นทางหลีกหนีการถูกจับภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นอย่างดี ไม่มีกล้องสักตัวถ่ายภาพมันผู้นั้นได้

อีกคนหนึ่งที่เห็นจะไม่พ้นอยู่ในอาการเดียวกันก็คือบอดี้การ์ดประจำตัวทอฟ้าอย่างไค เขาเป็นคนแจ้งเหตุคนแรกว่าคุณหนูถูกลักพาตัวหลังฟื้นจากการนอนหลับสองชั่วโมง ซึ่งนับว่าเขาฟื้นจากฤทธิ์ยาที่ควรทำให้หลับห้าชั่วโมงได้รวดเร็วมาก แต่มันก็ยังไม่เร็วพอที่จะช่วยเหลือทอฟ้า

ไคออกตามหาตัวคุณหนูตลอดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงที่ผ่านมา ที่ไหนมีเบาะแสว่ามีคนพบเห็นคุณหนูทอฟ้า เขาก็เดินทางไปที่นั่นและคงจะออกตามหาต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ถูกท่านนายพลเรียกตัวให้กลับมาเข้าพบในเวลาบ่ายสี่โมงเย็นของวันนี้ที่คฤหาสน์ของท่าน

บอดี้การ์ดหนุ่มผู้เป็นบุตรชายของอดีตหัวหน้าทหารหน่วยรบพิเศษกลุ่ม “เงาทมิฬ” ที่เคยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านนายพลเดินเข้าสู่ห้องส่วนตัวของท่านด้วยใบหน้าที่แม้จะไม่ปรากฏความอิดโรย แต่รอบขอบตาที่ดำคล้ำก็บ่งบอกได้ว่าเขาผ่านการอดหลับอดนอนมาอย่างหนัก

ท่านนายพลนั่งรออยู่ที่โซฟาของโต๊ะรับแขก ข้างๆ กันมีนาเดียนั่งไขว่ห้างและยกชาขึ้นจิบ วันนี้เธอแต่งชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินเข้มสไตล์สาวจีน ไคได้กลิ่นหอมของชาสมุนไพรลอยมาแตะจมูก เขาเงยหน้ามองมาที่เธอเล็กน้อยขณะหยุดยืนเบื้องหน้าโต๊ะกระจก นาเดียไม่รู้ว่าเขาจะจำเธอได้หรือไม่ แต่คิดว่าไคต้องจำกลิ่นชาสมุนไพรนี้ได้แน่ๆ

มันเป็นชาสมุนไพรที่แม่ของเขาเป็นคนคิดค้นสูตรต้นตำรับสำหรับเพิ่มเสน่ห์ให้หญิงสาว...

นาเดียวางแก้วลงด้วยท่วงท่างามสง่า หากไม่บอกก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าเธอมีอดีตเป็นเพียงลูกของทหารชั้นปลายแถวคนหนึ่งในกลุ่มเงาทมิฬ และมีทางเลือกเพียงสองทางในชีวิตคือถ้าไม่ไปเป็นโสเภณีที่หอนางโลมก็ต้องเป็นนางบำเรอให้พวกทหารในค่ายพักตั้งแต่อายุสิบห้าปี

มันเป็นวิถีทางปกติของคนที่เกิดเป็นลูกทหารรับจ้างชั้นปลายแถวในคำแสนหิรัญ หากเป็นผู้ชาย โตขึ้นก็ต้องฝึกรบเพื่อทดแทนทหารคนเก่าที่ตกตายไปตามกาลเวลา ส่วนผู้หญิง ถ้าไม่ถูกขายไปเป็นโสเภณีก็ต้องเป็นนางบำเรอให้กับทหารในกลุ่ม ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากนั้น

ส่วนใครจะถูกใจใครจนถึงขั้นแต่งง่านกันก็คือเรื่องที่นอกเหนือจากนั้นอีกที

เมื่อเริ่มแตกเนื้อสาว ทุกคนในค่ายพักของกลุ่มเงาทมิฬต่างพากันบอกว่านาเดียเป็นคนสวย เธอเคยชินกับสายตาโลมเลียลามกของเหล่าผู้ชาย และไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อคำหยาบโลนที่พวกนั้นพูดใส่เธอขณะเดินผ่านระหว่างช่วยแม่หาบน้ำใส่โอ่ง

แต่เธอไม่เคยเห็นสายตาหรือกิริยาอย่างนั้นจากบุตรชายหัวหน้ากลุ่มเงาทมิฬสักครั้ง

นาเดียอายุน้อยกว่าไคราวสี่ถึงห้าปี เธอจึงทันอยู่ในเหตุการณ์ที่เขาเป็นคนเรียกร้องให้ยุติการมีโสเภณีเด็กในค่ายพัก ซึ่งบิดาของเขาก็ลงความเห็นอนุมัติ นาเดียจึงไม่ต้องรับใช้นายทหารคนไหนอย่างรุ่นพี่คนก่อนๆ เมื่ออายุถึงเกณฑ์

เธอจำได้ว่าในบ่ายวันหนึ่งที่ไคถูกเรียกเข้ากองทัพบกเพื่อบรรจุเป็นทหารในหน่วยรบพิเศษเต็มตัว หญิงสาวทุกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอเดินนำดอกไม้ไปมอบให้เขาแทนคำขอบคุณในการเรียกร้องสิทธิให้พวกเธอครั้งนั้น

เป็นที่รู้กันดีว่าตัวจริงของไคค่อนข้างสุภาพและอ่อนโยน ผิดกับยามอยู่ในสนามซ้อมรบที่เขาเป็นเครื่องจักรสังหารชั้นยอด นาเดียได้แต่ยืนหลบอยู่หลังเพื่อนคนอื่นและแอบมองเขาอยู่ห่างๆ ด้วยความเขินอาย ไคคือผู้ชายในฝันของเด็กสาวทุกคนในค่ายพัก เขาทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งใจดี มีคนไม่น้อยทายว่าไคมีอนาคตในเส้นทางทหารที่ยาวไกลมาก...

แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อสามปีก่อน

ดินแดนคำแสนหิรัญเปิดศึกชิงพื้นที่ตะเข็บชายแดนฝั่งตะวันออกกับสาธารณรัฐนะแมร์ภายใต้การนำของนายพลพอล กาก็อตซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน การรบกินเวลาสามเดือน ความทันสมัยของอาวุธยุทธ์โทปกรณ์ของทางคำแสนหิรัญเป็นรองฝ่ายนะแมร์อยู่หลายช่วงตัว ทหารของคำแสนหิรัญเสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล ประธานาธิบดีนาวี ทรงพลพันธุ์ผู้นำสูงสุดแห่งคำแสนหิรัญจึงมอบอำนาจแห่งการตัดสินใจการทำศึกให้แก่นายพลอัศวินเต็มตัว และแผนการของนายพลอัศวินก็คือการร่วมมือกับกลุ่มกบฏในนะแมร์ส่งหน่วยรบพิเศษกลุ่มเงาทมิฬชั้นหัวกะทิยี่สิบสองคนไปลอบสังหารนายพลพอล กาก็อต

แต่การลอบสังหารล้มเหลว กลุ่มเงาทมิฬถูกองครักษ์ของนายพลพอล กาก็อตจับได้ ทุกคนถูกฆ่าตายในทันที

มีเพียงไคคนเดียวเท่านั้นที่หนีรอดกลับมาได้ในสภาพบาดเจ็บสาหัส

หลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ไคถูกสอบสวนทางวินัยอย่างหนัก เขาโดนปลดออกจากราชการในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา และถูกตราหน้าจากนายทหารทั้งมวลว่าเป็นไอ้ขี้ขลาดทิ้งพวกพ้องรวมถึงพ่อของตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอดเพียงลำพัง

ไคไม่เคยโต้ตอบผู้ใด เขาเดินออกมาจากกองทัพอย่างผู้แพ้ กลุ่มหน่วยรบพิเศษเงาทมิฬที่ก่อตั้งเป็นระยะเวลาสามสิบปีถูกสั่งยุบเพื่อปกปิดร่องรอยว่าคำแสนหิรัญไม่ข้องเกี่ยวกับการลอบสังหารผู้นำของศัตรู ทหารรับจ้างทุกคนถูกลอยแพ บางส่วนเข้ารับใช้กองทัพอย่างลับๆ ต่อไป อีกบางส่วนเดินทางเข้าป่าและตั้งตัวเป็นกองโจรภูเขา

นาเดียและแม่อยู่ในฝ่ายหลัง

ชีวิตในป่าไม่เหมาะกับนาเดีย เธอรู้ใจตัวเองดี แต่จุดสำคัญอยู่ที่ว่า มันไม่เหมาะกับแม่เธอมากกว่า เพียงอยู่ในป่าได้ไม่นาน สุขภาพแม่ก็เสื่อมโทรมลงอย่างหนัก นาเดียไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ยอมตกเป็นของเล่นของหัวหน้ากองโจรเพื่อนำเงินมารักษาแม่ เธอก็ต้องพาแม่ออกมาจากที่นั่นและดูแลท่านด้วยตัวเอง

นาเดียตัดสินใจพาแม่ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในเมือง ทำงานเป็นสาวเสิร์ฟในบาร์เพื่อแลกเงินค่าจ้างอันน้อยนิด

แต่อาการป่วยของแม่ต้องใช้เงินรักษามากกว่าที่เธอคิด หมอบอกว่าแม่ของเธอต้องทำการผ่าตัดหัวใจให้เร็วที่สุด

จำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดมากจนนาเดียคิดว่าตนเองไม่มีทางหาได้ คืนนั้นเธอกลับห้องพักและยืนส่องกระจกอยู่นาน เธอตระหนักดีว่าตัวเองมีวิธีหาเงินที่ได้มาง่ายๆ แถมยังเป็นเงินที่เพียงพอต่อการรักษาแม่ เพียงแต่พยายามหลีกเลี่ยงไม่นึกถึงมาตลอด

เธอหมดทางเลือกแล้วจริงๆ

วันรุ่งขึ้น นาเดียโทรศัพท์หานายพลอัศวิน ปัจฉิมวงศ์ แขกขาประจำคนหนึ่งในบาร์ที่เธอทำงานและแสดงเจตนาว่าสนใจตัวเธออย่างมาก...

“ได้ความคืบหน้าอะไรบ้าง?” ประโยคคำถามของนายพลอัศวินดึงภาพในอดีตออกจากหัวของนาเดีย

“ยังไม่ได้อะไรครับ” ไคก้มหน้าตอบ

“ไม่ได้อะไร? มันหมายความว่ายังไง?” นายพลลุกพรวดขึ้นยืน

“เรายังไม่พบร่องรอยของคุณหนูครับ”

นายพลอัศวินย่างเท้าอ้อมโต๊ะกระจกเข้ามายืนเบื้องหน้าชายหนุ่ม นาเดียสงบใจยกขาไขว่ห้างมองดูเหตุการณ์

“สรุปว่ายังไม่รู้ใช่มั้ยว่าลูกสาวฉันอยู่ที่ไหน?”

“ครับผม”

เพี๊ยะ!

คือเสียงท่านนายพลตวัดหลังมือที่สวมแหวนตบแก้มไคจนหน้าหัน

นาเดียข่มตัวเองไม่ให้เผลอร้องอุทานออกมา

“ห่วยแตก” นายพลอัศวินสบถอีกสองสามคำ “แกได้ไปดูหรือยังว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้หมาข้างถนนตัวนั้นที่มันตามตื้อทอฟ้าหรือเปล่า?”

“ท่านหมายถึงไอ้โคมินต์หรือครับ?” ไคถามเสียงเรียบ ไม่สนใจรอยปื้นแดงๆ บนแก้มตัวเอง

“ใช่”

“ตรวจดูแล้วครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมัน”

“แต่วันนั้นที่แกโดนมอมยา ก็เพราะทอฟ้าอยากหนีไปหามันไม่ใช่เรอะ”

“ถูกต้องครับ แต่ว่าเท่าที่ผมไปซักถามมัน ไอ้โคมินต์ไม่รู้เรื่อง” ไคเว้นวรรคเล็กน้อย “และผมเชื่อว่ามันไม่โกหก”

“อย่างนั้นรึ?”

ท่านนายพลถอนหายใจออกมายาวแรง ทราบดีว่าคนที่ผ่านการอบรมหลักสูตรสอบสวนเชลยอย่างไคต้องแน่ใจจริงๆ ถึงกล่าวออกมาเช่นนี้ได้ นายพลอัศวินคิดไม่ออกแล้วว่าหากไม่ใช่โคมินต์ ใครกันจะกล้าล้วงคองูเห่าลักพาตัวลูกสาวสุดที่รักของเขาไป

บุรุษสูงวัยหันขวับกลับมาจ้องหน้าไค “แกรู้ใช่มั้ยว่าตัวเองต้องถูกลงโทษ”

ไครับคำหนักแน่น “ครับ”

ท่านนายพลเอื้อมมือไปบีบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ “ฉันจะจัดการแกยังไงดีนะ อุตส่าห์ชุบเลี้ยงแกหลังถูกปลดจากกองทัพ แต่แกกลับตอบแทนฉันด้วยความสามารถที่ไร้น้ำยาแบบนี้...”

ไคก้มหน้า รับรู้ได้ว่ามือที่บีบไหล่ตนเองอยู่เพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น นาเดียเอ่ยขึ้น

“นาเดียว่าท่านใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะคะ อย่าเพิ่งลงโทษอะไรเลย”

“เธอหมายความว่ายังไง?” นายพลอัศวินหันกลับมาจ้องหญิงสาวอย่างประหลาดใจ ปกติแล้วนาเดียจะนั่งรับฟังเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใด เธอไม่เคยโพล่งเสนอความคิดเห็นของตัวเองมาก่อน

“ก็นี่เพิ่งผ่านมาได้เพียงสองวันเองนะคะ เรายังมีโอกาสตามหาตัวคุณหนูให้พบอีกมาก” นาเดียกล่าวด้วยสุ้มเสียงเยือกเย็น “ขึ้นอยู่ที่ว่า คนของท่านจะมีความสามารถมากขนาดไหน แต่นาเดียคิดว่าแทนที่ท่านจะลงโทษเขาในตอนนี้ ทำไมไม่เปลี่ยนเป็นกำหนดเส้นตายให้เขาแทนล่ะคะว่าจะสามารถหาตัวคุณหนูได้พบในระยะเวลาเท่าไหร่”

นายพลอัศวินขมวดคิ้วขบคิดตามที่นาเดียพูด เขาผงกศีรษะหงึกหงักและหันมาจ้องหน้าไคในที่สุด

“ฉันจะให้เวลาแกอีกสี่วัน ถ้ายังไม่มีข่าวคราวของทอฟ้าล่ะก็ แกเตรียมรอรับโทษได้เลย” บุรุษสูงวัยออกคำสั่งเด็ดขาด

ไคสูดหายใจลึกและค้อมศีรษะรับคำสั่งอย่างหนักแน่น

“ครับ ผมจะพาคุณหนูกลับมาให้ได้”

“อย่าทำให้ฉันผิดหวังอีกก็แล้วกัน” ท่านนายพลบุ้ยหน้าไปทางประตู “ออกไปซะ อย่ากลับมาอีกจนกว่าจะครบกำหนด”

ไคค้อมศีรษะอีกครั้งและหมุนตัวเดินออกไป

ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองมาที่นาเดียสักนิดเดียว

“เป็นคนเก่งที่น่าเสียดายฝีมือมาก” ท่านนายพลพึมพำหลังจากไคก้าวออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว “พ่อมันไม่น่าตัดสินใจพลาดเลยจริงๆ”

นาเดียทราบว่าท่านนายพลกำลังพูดถึงการลอบสังหารนายพลพอล กาก็อต มันเป็นภารกิจที่กลุ่มเงาทมิฬเรียกขานว่า “การลอบสังหารที่เป็นไปไม่ได้” ด้วยทราบดีว่าผู้นำแห่งแดนนะแมร์มีระบบคุ้มกันที่รอบคอบรัดกุม แต่ในเมื่อมีคำสั่งมอบหมายมาจากเบื้องบน ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธคำสั่งได้ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่างานของกลุ่มเงาทมิฬก็คือการปฏิบัติภารกิจที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

“นาเดีย ทำไมเธอถึงห้ามไม่ให้ฉันลงโทษมันเสียแต่ตอนนี้ล่ะ?” จู่ๆ บุรุษสูงวัยก็หันขวับกลับมาถามเธอ

“ก็ไม่มีอะไรค่ะ นาเดียเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านเสียกำลังคนไปโดยเปล่าประโยชน์ก็เท่านั้น” หญิงสาวตอบ ยกมือขยับขนเฟอร์ที่คลุมไหล่ให้เข้าที่เข้าทาง “ปล่อยเขาเอาไว้ก่อน ยังอาจพอมีประโยชน์อยู่ไม่ใช่หรือคะ? รอให้อีกสี่วันถ้าเขายังไม่ได้เรื่อง ท่านค่อยลงโทษแบบทบต้นทบดอกตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

“จริงสินะ” นายพลอัศวินหัวเราะหึๆ “เธอฉลาดมาก โชคดีจริงที่ฉันได้เธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน”

นาเดียแสร้งอมยิ้มและชม้ายตาหลบหลีกดวงตาของบุรุษคราวพ่อด้วยความเอียงอาย ใครกันจะอยากเห็นคนที่รักถูกลงโทษต่อหน้าต่อตา ตอนนี้เธอก็ได้แต่ภาวนาว่าไคคงสามารถหาตัวคุณหนูทอฟ้าได้พบก่อนครบกำหนดเส้นตาย

ไม่อย่างนั้นแล้ว มันจะกลายเป็นว่าความพยายามช่วยเหลือของเธอกลับทำให้เขาเจ็บตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นคือเรื่องที่นาเดียอยากเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต

“เธอพอจะคิดออกมั้ยว่าใครกันคือคนที่จับตัวลูกสาวฉันไป?”

ท่านนายพลถามพลางเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟา

“ท่านนายพลมีศัตรูที่ไหนบ้างล่ะคะ?”

“ฉันก็มีศัตรูอยู่ทั่วประเทศแหละ แต่พวกมันคงไม่กล้ากำแหงถึงขั้นนี้หรอก” นายพลอัศวินระบายลมหายใจยาวแรง หลับตาลงด้วยความอ่อนล้า

“แล้วศัตรูนอกประเทศล่ะคะ?” นาเดียรินน้ำชาจากกาที่เป็นเครื่องเรือนราคาแพงจากจีนลงใส่ถ้วยใบเล็กและลุกขึ้นเดินถือมาทรุดนั่งเคียงข้างบุรุษสูงวัยผู้เป็นตัวเงินตัวทองของเธอ

“พวกนั้นคงไม่ทำเหมือนกัน” ท่านนายพลลืมตาขึ้น นึกถึงผู้นำประเทศเพื่อนบ้านอย่างพอล กาก็อตโจทย์เก่า แต่ก็ตระดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่มันจะมาลักพาตัวบุตรสาวของเขา เนื่องจากตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคำแสนหิรัญและนะแมร์เป็นไปด้วยดีหลังคำแสนหิรัญขอสงบศึกและยอมมอบดินแดนที่นะแมร์ต้องการให้แต่โดยดีเป็นบริเวณพื้นที่ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์

“ถ้าอย่างนั้นนาเดียว่าท่านอย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ” หญิงสาวยกถ้วยน้ำชาไปจ่อใต้จมูกของนายพลอัศวิน “ทานน้ำชาก่อนสิคะ เผื่อจิตใจจะสงบขึ้น บางทีท่านอาจจะนึกอะไรออกก็ได้”

บุรุษสูงวัยรับถ้วยชามาจิบ มือก็โอบเอวบางข้างกายเข้ามาแนบชิด

“นาเดีย...” ท่านนายพลกระซิบ

หญิงสาวก้มหน้า “คะ?”

นายพลอัศวินวางถ้วยชาลงบนโต๊ะกระจกเบื้องหน้า ก่อนหันกลับมาไล้มือไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาว

“เธอรู้ใช่มั้ยว่ามีอย่างหนึ่งที่ทำให้จิตใจของฉันสงบได้มากกว่าการดื่มชา”

นาเดียตีสีหน้าเขินอาย เธอรู้ดี สิ่งที่บุรุษสูงวัยตัณหากลับกำลังพูดถึงคือเซ็กส์

ไม่ว่าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับอย่างไร สิ่งที่ท่านนายพลต้องการไม่ขาดหายคือเซ็กส์

นาเดียถูกกดร่างให้นอนราบกับโซฟา ชุดกี่เพ้าถูกกระชากออกอย่างหิวกระหาย ใบหน้าของแม่ลอยวาบเข้ามาในห้วงคิด สัมผัสทางกายถูกนาเดียตัดขาดจากความรู้สึกโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เธอตอบสนองความต้องการของท่านนายพลคือการแสดงอันจอมปลอม นาเดียไม่รู้ว่าตนเองต้องทนใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่อีกนานเท่าไหร่ แต่เธอต้องทนเพื่อแม่ อีกไม่นานหมอบอกว่าแม่เธอจะสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านตามปกติโดยไม่ต้องห่วงเรื่องสุขภาพได้แล้ว นาเดียหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น เธอคงสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เสียที

หญิงสาวหลับตาลง พลันเห็นภาพที่ตนเองยืนแอบมองไคก้าวขึ้นรถจี๊ปดอร์จหลังรับดอกไม้ขอบคุณจากพวกเธอ วันนั้นเมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอด นาเดียจึงได้มีความกล้าแหวกเพื่อนออกมายืนอยู่แถวหน้า ทอดตามองด้านหลังรถจี๊ปที่แล่นห่างออกไปทุกที ทุกที...

แต่ก่อนที่รถจะเลี้ยวโค้งหายไปจากสายตา ไคได้หันกลับมาโบกมือลาพวกเธอ นาเดียฉีกยิ้มและโบกมือลาตอบพร้อมกับทุกคน น้ำตาไหลปริ่มอย่างไม่มีเหตุผล

ณ ตอนนี้ นาเดียยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี

ความรู้สึกของความห่างไกล

มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอกับไคจะอยู่ใกล้กันใช่ไหม?

เขากับเธอต้องอยู่คนละจุดเสมอ

มันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปงั้นหรือ?

พลัน น้ำตาไหลออกมาจากสองตาของนาเดียอย่างไม่มีเหตุผล...อีกครั้ง



นาเดียถูกกดร่างให้นอนราบกับโซฟา ชุดกี่เพ้าถูกกระชากออกอย่างหิวกระหาย ใบหน้าของแม่ลอยวาบเข้ามาในห้วงคิด สัมผัสทางกายถูกนาเดียตัดขาดจากความรู้สึกโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เธอตอบสนองความต้องการของท่านนายพลคือการแสดงอันจอมปลอม นาเดียไม่รู้ว่าตนเองต้องทนใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่อีกนานเท่าไหร่ แต่เธอต้องทนเพื่อแม่ อีกไม่นานหมอบอกว่าแม่เธอจะสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านตามปกติโดยไม่ต้องห่วงเรื่องสุขภาพได้แล้ว นาเดียหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น เธอคงสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เสียที

หญิงสาวหลับตาลง พลันเห็นภาพที่ตนเองยืนแอบมองไคก้าวขึ้นรถจี๊ปดอร์จหลังรับดอกไม้ขอบคุณจากพวกเธอ วันนั้นเมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอด นาเดียจึงได้มีความกล้าแหวกเพื่อนออกมายืนอยู่แถวหน้า ทอดตามองด้านหลังรถจี๊ปที่แล่นห่างออกไปทุกที ทุกที...

แต่ก่อนที่รถจะเลี้ยวโค้งหายไปจากสายตา ไคได้หันกลับมาโบกมือลาพวกเธอ นาเดียฉีกยิ้มและโบกมือลาตอบพร้อมกับทุกคน น้ำตาไหลปริ่มอย่างไม่มีเหตุผล

ณ ตอนนี้ นาเดียยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี

ความรู้สึกของความห่างไกล

มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอกับไคจะอยู่ใกล้กันใช่ไหม?

เขากับเธอต้องอยู่คนละจุดเสมอ

มันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปงั้นหรือ?

พลัน น้ำตาไหลออกมาจากสองตาของนาเดียอย่างไม่มีเหตุผล...อีกครั้ง



บุุหลันสีคราม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2556, 16:30:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2556, 16:30:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1469





<< บทที่ 4 – เชลยพิศวาส    บทที่ 6 – นางฟ้าในฐานปิศาจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account