กรุ่นไอรักหลังลมร้อน
สบายๆ คลายเครียด..
Tags: สาวขอนแก่นเข้ากรุง
ตอน: ตอนที่ 6 :จุดเริ่มต้น
“นี่เธอ!..ฉันมารอตั้งนานแล้วนะ..ธันประชุมอะไรนักหนาไม่เสร็จไม่สิ้นซักที” เสียงวิลดาตวาด
แว๊ด ออกมา..หล่อนมานั่งรอธันวาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้วผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดเวลา..ชายหนุ่ม
ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องประชุม..วิลดาหงุดหงิดเต็มที่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องมา
นั่งรอใครนานขนาดนี้..ยิ่งเห็นหน้าของปานระวีเลขาของธันวาที่ดูจะเฉยชาทำเป็นทองไม่รู้
ร้อน..หล่อนยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก พาลรีพาลขวางไปทั่ว..
“ว่าไง! ประชุมอะไรนักหนา” ยืนมองปานระวีนิ่งคาดคั้นเอาคำตอบ...ปานระวีเงยหน้าขึ้นจาก
แฟ้มเอกสาร เลิกคิ้วส่งยิ้มเย็นๆให้
“เป็นความลับของบริษัทฯ ค่ะบอกไม่ได้”
“และจะให้ฉันรออยู่อย่างงี้น่ะเหรอ...เธอได้เข้าไปบอกเจ้านายของเธอหรือยังว่าฉันมาหาน่ะ
เฮอะ!” ถามน้ำเสียงคาดคั้นส่งมาอีก
“ไม่จำเป็นค่ะเพราะคุณธันวาบอกไว้แล้วว่าไม่รับแขก..ถึงถ้าเข้าไปบอกเธอก็คงจะไม่ออกมา
หรอกค่ะเพราะว่าวันนี้ประชุมบอร์ด..ผู้หลักผู้ใหญ่มากันหลายท่าน..เรื่องจะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ
เก้อนั่นไม่ใช่วิสัยของคุณธันวา” พูดน้ำเสียงเรียบส่งมา..วิลดาตาเขียวปั๊ดถอยกลับไปนั่งที่
เดิม..ดูจะเป็นอีกครั้งที่เธอไม่สามารถต่อปากต่อคำกับปานระวีได้ คำพูดที่เรียบๆ แต่แฝงไป
ด้วยความคมจัด มันทำให้วิลดาเกรงๆอยู่ไม่ใช่น้อย..
“และเค้าจะเลิกประชุมกันตอนกี่โมง!”
“ตามหมายกำหนดการณ์ไม่น่าจะเกินเที่ยงค่ะ!..ถ้าคุณวิลดาไม่สะดวกที่จะรอเดี๋ยวดิฉันจะเรียน
คุณธันวาให้ได้ทราบ” วิลดาตวัดหางตามามอง..
“ไม่ต้อง!..ฉันรอมาตั้งเกือบชั่วโมงแล้ว..ทำไมฉันจะรอต่อไปไม่ได้” เลขาสาวยิ้มในหน้า
“เชิญตามสบายค่ะ..ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกดิฉันได้นะคะ” วิลดานั่งนิ่วหน้า หมั่นไส้หญิง
สาวเบื้องหน้าเป็นยิ่งนัก..น้ำเสียงและกริยาท่าทางแบบนี้นี่ล่ะมั้ง เธอถึงทำอะไรหล่อนคนนี้ไม่
ได้..ไม่รู้จะหาจุดผิด จุดบกพร่องตรงไหนมาตีให้แตก..มันเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจให้
เจ็บๆ คันๆ อยู่ตอนนี้..เพราะเดาใจหญิงสาวตรงหน้าไม่ออกจริงๆ ว่าคิดยังไงกับชายหนุ่มที่ตัว
เองหมายปอง....
“เห็นมั๊ยล่ะแก..เจ้าธัน!..ฉันบอกแล้วว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล” เสียงดลชัยลอยเข้ามา พร้อมกับเสียง
หัวเราะของธันวา
“เออ! แกเก่ง” กำลังจะเดินเลยผ่านไป...
“ธันคะ!” มีอันต้องหยุดชะงักกันทั้งคู่หันกลับมามองเป็นตาเดียว
“อ้าว! คุณวิ..มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” วิลดาเดินเข้ามาเกาะแขนซ้ายธันวาไว้..
“วิมารอธันตั้งนานแล้วค่ะ..เลขาของธันน่ะสิคะไม่ยอมเข้าไปตามธันให้วิ” ดลชัยที่ยืนฟังอยู่
ด้วยถึงกับเลิกคิ้ว หันไปมองปานระวีเห็นหญิงสาวนั่งฟังนิ่งไม่กิริยาท่าทางใดๆ..ธันวาหัวเราะ
ออกมาเบาๆ
“ผมสั่งคุณปานไว้เองน่ะครับ..พอดีวันนี้มีประชุมสำคัญไม่อยากขาดตอน” วิลดาทำท่า ทำ
ทางกระเง้ากระงอด
“ถ้าอย่างงั้นธันต้องเลี้ยงข้าวกลางวันวินะคะ..ปล่อยให้วิรอตั้งนานแหนะ..ความจริงวิไม่เคยรอ
ใครนานขนาดนี้เลยนะคะ”ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆให้
“ยินดีครับ!” ชายหนุ่มหันมาหาปานระวี
“คุณปาน..ตกลงเรื่องตั๋วเครื่องบินได้หรือเปล่า!”
“ได้ค่ะ!..ดิฉันจองให้เรียบร้อยแล้วค่ะสองที่..ไฟลท์เก้าโมงครึ่ง” ชายหนุ่มพยักหน้าส่งให้
“เยี่ยม!..เดี๋ยวคุณไปทานข้าวด้วยกันกับผมนะ”
“ค่ะ” ปานระวีพยักหน้ารับ
“แกด้วยนะเจ้าดล ยังไม่ต้องไปไหน!..เดี๋ยวขอฉันไปเอาของในห้องก่อน” ว่าแล้วก็เดินเข้า
ห้องไปมี วิลดาเดินหน้ามุ้ยตามติดไม่ห่าง..ความหวังที่จะอยู่กันสองต่อสองเป็นอันพัง..สองคน
เดินพ้นไปแล้วนั่นแหละ..ดลชัยที่ยืนเกาะขอบโต๊ะหญิงสาว..ก็เปรยออกมาเบาๆ
“ทีนายธันชวน..คุณไม่เห็นหยุดคิดเลยปานระวี ดูจะเต็มอกเต็มใจซะด้วยซ้ำ..งานไม่ยุ่งเหรอ!”
ยืนเลิกคิ้วถามอยู่หน้าโต๊ะ...หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง มือก็เก็บข้าวของบนโต๊ะไปด้วย..
“ถึงยุ่งก็ต้องไปค่ะ..เป็นเลขานี่คะเจ้านายสั่งอะไรก็ต้องทำตาม..ไม่งั้นเดี๋ยวเงินเดือนไม่ขึ้น!”
พูดประชดส่งมา..ดลชัยหัวเราะหึหึ! เอามือเท้าแขนไว้บนโต๊ะจ้องหน้าปานระวีนิ่ง..ดวงตา
เหมือนจะค้นหาพิรุธที่ซ่อนไว้ของหญิงสาวตรงหน้า..
“ขอให้มันเป็นเพียงแค่เจ้านาย..กับเลขาเถอะ! อย่าให้เหมือนหนังที่ออกจะเกลื่อนเมืองอยู่
ตอนนี้เลย ประเภทเลขาสาวหลงรักเจ้านายหนุ่มน่ะ..น้ำเน่า!..ขี้เกียจดู!” ปานระวีอมยิ้ม
“ไม่แน่ค่ะ!..เพราะดิฉันชอบอะไรที่มันน้ำเน่าๆ ซะด้วย..เข้มข้น!..ถึงใจดี” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
เขาชักเริ่มไม่แน่ใจซะแล้ว กับเรื่องที่หญิงสาวตรงหน้าบอกปัดปฏิเสธเยื่อใยเขามาตลอด..เป็น
เพราะว่าเธอหลงรักธันวาหรือเปล่า..เธอกำลังรอเพื่อนรักของเขาอยู่หรือไม่..ชายหนุ่มเริ่ม
สับสนอยากจะจับหญิงสาวมาเขย่า เอาความคิดที่อยู่ในหัวออกมาตีแผ่ให้ได้รู้เป็นยิ่งนัก...
“ไป! เสร็จแล้ว” เสียงธันวาลอยมา ทำให้ดลชัยถอยกลับมายืนเหมือนเดิม..ปานระวีลุกขึ้นจาก
โต๊ะหยิบกระเป๋าได้ก็ก้าวเดินออกมา..ทั้งหมดเดินออกมารอลิฟท์มีวิลดาเกาะแขนธันวาแนบ
สนิทไม่ห่าง..พอลิฟท์เคลื่อนตัวลงมารับก็เข้าไปยืนออกันอยู่ข้างใน...บรรยากาศในลิฟท์มีแค่
เสียงชายหนุ่มพูดกันอยู่สองคน..หญิงสาวทั้งสองที่มาด้วยอยู่ในความเงียบสงบจมกับความคิด
ของตัวเอง..ลิฟท์ค่อยๆเลื่อนลงมาเรื่อยๆ เสียงดังติ๊ง!ของลิฟท์ที่หยุดตัวลง..ทำให้ชะงักกันทั้ง
หมด..ประตูลิฟท์ค่อยๆ เปิดออก แต่ไม่มีทีท่าว่าจะมีสิ่งมีชีวิตย่างกรายเข้ามาซักคน..จนประตู
ลิฟท์กำลังจะเลื่อนปิด...
“ดะ..ดะ..เดี๋ยวค่า..คอยก่อน” เสียงใสๆ ลอยเข้ามา พร้อมกับตัวที่ถลาเข้ามาอย่างเร็วกลัวไม่
ทัน..ด้วยท่าทางที่รีบวิ่งเข้ามา ทำให้การทรงตัวไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีนัก..ขาอ่อนไปซะเฉยๆ ล้ม
ลงเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง! กระเป๋ากับแฟ้มเอกสารกระจัดกระจายทั่วไปหมด..ทุกคนใน
ลิฟท์ตกใจนิ่งไปชั่วขณะ..
“อุ้ยส์” เสียงหญิงสาวตัวต้นเหตุโอดครวญ นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น นั่นแหละการเคลื่อนไหวภาย
ในลิฟท์ถึงกลับมาอีกครั้ง
“ซุ่มซ่าม!..จะรีบไปไหนน่ะเฮอะ..วิ่งไม่ดูที่ดูทาง” ธันวาตวาดแว๊ด!ส่งมาเป็นชุด หญิงสาวสะดุ้ง
โหยงรีบเงยหน้าขึ้นมอง...ไอ้หยา! อีกแล้วเหรอ!
“นั่นน่ะสิคะ! สับเพล่าเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ..นี่ในลิฟท์นะไม่ใช่ทางเท้าวิ่งเข้ามาได้” เสียงวิลดา
สับทับมาอีกระรอก..หญิงสาวเหลือบไปมองเห็นวิลดายืนเกาะแขนธันวานิ่ง..ก็รีบก้มหน้างุด
พยายามจะลุกขึ้น..เห็นปลายหางตามีชายหนุ่มนั่งยองๆ ลงมาใกล้ๆ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า..คุณนาง” เสียงดลชัยส่งมา คนางค์ตาเหลือก รีบหันไปมอง..โอ้
พระเจ้า! สุดหล่อของฉันก็อยู่ด้วยเหรอ! ฮือๆๆๆ อยากจะบ้าตาย!..ฉันจับกบตัวเบ่อเริ่มต่อหน้า
พระเอกของฉัน..ตาย! ตาย! ตาย!...
“นี่ยายบ๊อง..เขาถามไม่ตอบมันจุกจนพูดไม่ออกเลยหรือไง” ธันวาส่งเสียงมาอีกคำรบ..
คนางค์เหลือบตามองชายหนุ่มอีกครั้งส่งเสียงออกมาเบาๆ
“มะ มะ..ไม่เท่าไหร่ค่ะ” ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น มีดลชัยประคองอยู่ข้างๆ คนางค์หันไปยิ้มแหยๆ ส่ง
ให้
“ขะ..ขอบคุณมากค่ะ คุณดล”
“ไม่เป็นไรครับ!..เจ็บหรือเปล่าครับนั่น” ดลชัยพยักเพยิกหน้าไปที่เข่าของหญิงสาว
“นะ..นิดหน่อยค่ะ” ก้มลงมองเข่าของตัวเองบ้างเอื้อมมือลงไปปัดฝุ่น และก็ต้องตาเหลือกหน้า
เริ่มซีดรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที..เลือดออกซิบๆ มือก็เปื้อนเลือดนิดหน่อย กำมือไว้ซะแน่น! รีบ
หันรีหันขวางหากระเป๋าสะพายทื่ทำหล่น พร้อมแฟ้มเมื่อซักครู่นี้...
“นี่ค่ะ!” กระเป๋าพร้อมแฟ้มเอกสารถูกยื่นมาตรงหน้าโดยมือของปานระวี..คนางค์รีบละล่ำ
ละลัก ขอบคุณเป็นการใหญ่..รีบเปิดกระเป๋าหากระดาษทิชชู่...ไม่มี!..ขมวดคิ้วมุ้น..มันไปไหน
อ่ะ..ก็ฉันเอาไว้ในนี้นี่นา..
“อ่ะ!..เอาไปเช็ดซะ!..เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปอีกแล้วจะยุ่ง..เดือดร้อนคนอื่นเค้าอีก” หญิง
สาวชะงักกึก หันมามองเจ้าของน้ำเสียงนิ่ง..เห็นธันวาเลิกคิ้วยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้อยู่..คนางค์ยืน
จ้องเขม็ง
“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณ” ธันวาขมวดคิ้วมุ้น...ติ๊ง! เสียงลิฟท์หยุดตัวลง คนางค์เงยหน้าขึ้นมอง..
ชั้นหนึ่ง..ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวหันมาหาดลชัย
“นางไปศาลนะคะ..ซักบ่ายสามเดี๋ยวนางกลับเข้าออฟฟิตค่ะ” ดลชัยพยักหน้ารับ ส่งเสียงถาม
มาใหม่
“ไปกับลุงแสงใช่มั๊ย!..ลุงแสงขับรถให้ใช่หรือเปล่า” คนางค์ยิ้มแหยๆ
“อะ..เอ่อ! คะ..ค่ะ..ดิฉันไปนะคะ” ว่าแล้วก็เดินกระโผลกกระเผลกออกไป..ธันวายังขมวดคิ้ว
ไม่เลิก เอื้อมมือไปกดปุ่มลิฟท์ค้างไว้หันมาหาดลชัย...
“แกพาคุณปานกับคุณวิไปก่อนนะ..เดี๋ยวฉันตามไปเจอที่ร้าน” รีบเดินออกจากลิฟท์ไปอีกคน..
วิลดาอ้าปากหวอกำลังจะพูดออกไป แต่ลิฟท์ปิดฉับลงซะก่อน.....
หญิงสาวเดินกระโผกกระเผลกออกมาหน้าตาเหยเก..ตาบ้านี่!..จะพูดกับเราดีๆซักคำไม่มีอ่ะ..
ตวาดแว๊ดๆ..สู้คุณดลสุดหล่อก็ไม่ได้...อุ้ยส์..เจ็บอ่ะ..ค่อยๆ ก้มมองไปที่หัวเข่า แล้วก็ต้อง
ตกใจ..ผิวที่ขาวเนียนตอนนี้เริ่มออกอาการช้ำเป็นสีม่วง..ยังมีเลือดซิบๆ ให้ได้เห็นอยู่
“อึยส์..มันช้ำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” พึมพำเบาๆ หน้าเบ้..เดินไม่ได้ดูทางเบื้องหน้าชนเข้ากับ
คนที่เดินสวนมาอย่างจัง..เกือบล้มไปอีกครั้งแต่เดชาบุญมีมือมาประคองหลังไว้ก่อน คนางค์
รีบทรงตัวยืนและก็หันไปขอบอกขอบใจคนข้างหลังอย่างไว
“เอ่อ! ขอบคุณมะ มาก..ค่ะ”อ้าปากหวอ..ธันวายืนขมวดคิ้วอยู่ด้านหลัง
“เฟอะฟะ!..เวลาจะเดินน่ะ มองผู้คนซะบ้าง..ไม่ใช่ก้มหน้าเดินอย่างงั้น” หญิงสาวเริ่มหน้างอ..
“ค่ะ!” รีบหันหลังกลับ..เดินกะโผลกกะเผลกออกมาปากบ่นงึมงำ
“ซุ่มซ่าม!..ยายบ๊อง!..เฟอะฟะ!..ชอบว่าฉันอยู่เรื่อยเลย มีความสุขนักใช่มั๊ย..รอให้ฉันหายดี
ก่อน..จะไม่ให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก..แม่จะสวนกลับทันควันเลย”
“บ่นอะไร!” คนางค์สะดุ้งโหยง...จ๊ากก! ตามมาเหรอ!..ค่อยๆ เหลือบตามองเห็นชายหนุ่มเดินตี
คู่มาข้างๆ เลยส่งเสียงออกไปเบาๆ
“เปล่าบ่นซักหน่อย!” รีบสปีดเต็มที่..เท่าที่กำลังของขาเดี๊ยงๆ จะทำได้..หญิงสาวเดินออก
มานอกตึก กำลังจะเดินไปบนทางเท้าเพื่อไปรอขึ้นรถแทกซี่ตรงป้ายรถเมล์ มีอันต้องหยุด
ชะงักเพราะธันวาเอื้อมมือมาจับข้อมือหญิงสาวไว้ซะก่อน
“จะไปไหน..ทำไมไม่รอลุงแสงที่นี่” คนางค์หันมาหา เห็นชายหนุ่มยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้ารอคำ
ตอบอยู่ ก็ส่งยิ้มแหยๆ ให้
“พอดีวันนี้ลุงแสงไม่ว่างต้องออกไปงานข้างนอก..ฉันก็เลยจะเดินไปขึ้นแท็กซี่ตรงป้ายรถ
เมล์” ชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
“และเมื่อกี้ทำไมบอกนายดลว่าไปกับลุงแสง”
“คะ..คือ..เมื่อกี้คงจะลืมน่ะค่ะ...สงสัยตอนล้มมันก็เลยลืมไปชั่วขณะ แหะๆ” ไถไปทั่ว
ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อถามส่งมาอีก
“รถคันอื่นล่ะ..มีตั้งหลายคันทำไมไม่เรียกใช้”
“คะ..คือ คนอื่นเค้าก็คงมีงานเหมือนกันน่ะค่ะ..เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้..นั่งแท็กซี่ไปแป๊บเดียว
เดี๋ยวก็ถึง..และ..ดะ..เดี๋ยวฉันจะจดไว้ว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่..และก็จะเคลีย์ตามจริงกับบริษัทฯ
อีกทีนึงค่ะ ไม่คดโกง แน่นอนชัวร์ป๊าบบ!..ตะ..แต่ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะโกง..ฉันไม่เบิกก็ได้ค่ะ..
ควักกระเป๋าเองก็ได้ แหะๆ” ยิ้มหวานส่งให้ธันวาอีกระลอก..พยายามแกะข้อมือที่ถูกจับไว้
ออก..แต่แกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุดเพราะชายหนุ่มจับไว้ซะแน่น..
“ยายเบื้อกเอ๊ย!..ฉันไม่หน้าเลือดขนาดนั้นหรอกน่ะ..เธอทำงานให้บริษัทฯ ทำไมเธอถึงจะเบิก
ไม่ได้..ไอ้ที่ฉันถามเนี่ยก็เพราะว่าสงสัยเท่านั้นเอง” คนางค์พยักหน้าหงึก หงึก
“ค่ะ!..เข้าใจแล้ว..งะ งั้นฉันไปได้หรือยังคะ” เลิกคิ้วถามชายหนุ่ม
“รออยู่เนี่ยแหละ!..ยังไม่ต้องไปไหน” ทำเอาคนางค์ตาเบิกโพรง งง!
“คะ..คะ..ค้า” ชายหนุ่มทำปากจึก จัก
“ฉันบอกว่า..รออยู่นี่แหละยังไม่ต้องไปไหน..เดี๋ยวฉันลงไปเอารถข้างล่างก่อน แล้วฉันจะเลย
ไปส่ง”
“มะ..ไม่ต้องค่ะ..ฉันไปเองได้”รีบปฏิเสธอย่างไว ธันวาตวาดแว๊ด!ออกมา
“นี่ยัยดื้อ!..จะอยู่นิ่งๆ ทำตามที่บอกแต่โดยดีซักเรื่องได้มั๊ย..เรื่องมากอยู่ได้”คนางค์ตาเหลือก
น้ำโหเริ่มมาส่งเสียงออกมาอย่างดัง..โกรธจัด!
“ก็ทำไมต้องตวาดด้วยล่ะ!..ว่าฉันอยู่นั่นแหละเห็นฉันเงียบเลยเอาใหญ่เลย..ไม่กลัวหรอกนะ!”
ยืนมองตาขวาง ธันวาถอนหายใจเฮือก!
“มา! ลงไปด้วยกัน”จูงมือหญิงสาวลากให้เดินไปด้วยกันซะงั้น คนางค์ขืนตัวไว้
“จะ..จะไปไหนคะ” ละล่ำละลักถามออกไป น้ำเสียงเปลี่ยนโดยฉับพลัน!
“ลานจอดรถ!”
“กะ..ก็บอกแล้วไง..ว่าไปเองได้ไม่รบกวนคุณหรอก” ยังขืนตัวอยู่ ธันวาหันมามองหน้าตา
หงุดหงิดเต็มที่
“ทางผ่านพอดี!..ถ้าฉันไม่ผ่านทางนั้นฉันไม่เอาเธอไปด้วยหรอกน่า เสียเวลา” พูดจบก็เดิน
ดุ่ยๆ ลากหญิงสาวไปด้วย..คนางค์ค้อนควับใส่หลังคนเดินหน้า! กระเถิบขาเดินตามมาแต่โดยดี
“นี่นี่!คุณ...ช้าๆ หน่อยสิ..ฉันเดินไม่ค่อยถนัดขามันยังขัดๆ อยู่อ่ะ!..และก็ไม่ต้องจูงก็ได้ฉันเดิน
เองเป็น” โอดครวญออกมาเบาๆ ชายหนุ่มปล่อยมือ ชะลอฝีเท้าเดินตีคู่ไปด้วยกัน
“เจ็บมากหรือเปล่า!” ส่งเสียงถามมาเบาๆ คนางค์เงยหน้าขึ้นมองทำหน้าแหยๆส่งให้ พยักหน้า
หงึก หงึก..ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ!..ตอนแรกน่ะทำปากแข็งนัก!..และก็เดินมาถึงรถ ธันวาจับตัว
คนางค์นั่งไปบนเบาะหน้าข้างคนขับ..ให้ยื่นขาออกมานอกรถ
“นั่งรอแป๊บนึง” คนางค์มองตาม เห็นชายหนุ่มเดินไปหลังรถ..และก็กลับมาพร้อมกับขวดน้ำ
ธันวาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เทน้ำลงไปบนผืนผ้าบิดจนหมาด..ยื่นส่งให้หญิงสาว
“อ่ะ! เอาเช็ดซะ!” หญิงสาวยังไม่ยื่นมือไปรับส่งเสียงมาเบาๆ
“ทะ..ทิชชู่ไม่มีเหรอคะ..เสียดายอ่ะ!” ธันวาถอนใจอีกระลอก
“เช็ดๆ ไปเถอะน่า..ทิชชู่มันสกปรกเช็ดแผลได้ยังไง..เดี๋ยวก็เป็นบาดทะยักกันพอดี” คนางค์
หน้าแหย ยื่นมือออกมารับ..ค่อยๆ เช็ดผ้าไปบนฝ่ามือจนไม่มีร่องรอยเลือดเหลือหรอแล้วนั่น
แหละ ถึงก้มไปเช็ดบนเข่าได้ เช็ดไปด้วยสูดปากไปด้วย แสบ!..แล้วก็เสร็จสรรพเงยหน้าขึ้น
มองชายหนุ่ม
“เดี๋ยวฉันเอาไปซักให้นะคะ..และจะเอามาคืน”
“ไม่ต้อง!..ทิ้งไปเลย”พูดเสร็จก็เดินหันหลังอ้อมมานั่งข้างคนขับ...คนางค์นั่งยู่หน้า แหวะ!..
อวดรวย..ทิ้งไปเลย!..เรื่องอะไรล่ะผ้าออกจะดีขนาดนี้ทิ้งก็โง่น่ะสิ..เอาไว้ใช้ที่ห้องดีกว่า..นึก
ได้ดังนั้นก็พับซะเรียบ..เปิดกระเป๋า และก็ซุกไปทั้งเปียกๆนั่นแหละ..
“เอาขาเข้ามาในรถได้แล้ว..จะได้ไปๆ ซะที เสียเวลา” คนางค์ค้อนกับลมส่งไปทำปากขมุบ
ขมิบ..ค่อยๆ ชักขาเข้ามาในรถ ธันวาเหลือบตามองไปยังหัวเข่าของหญิงสาวข้างๆ
“พอกลับบ้านก็เอาน้ำแข็งประคบซะ..รอยช้ำมันจะได้หาย..มันจะได้ไม่เป็นจ้ำๆอยู่อย่างงั้น”
“ค่ะ!” ตอบรับมาเบาๆ ว่าง่ายซะอย่างงั้น..ธันวาหัวเราะหึหึ..หันไปสตร๊าทรถค่อยๆเคลื่อนตัว
ออกมาจากที่จอด ปากก็ส่งเสียงมาอีก
“ส้นเท้าล่ะ!..หายหรือยัง!” คนางค์หันมามอง..แปลกใจ!..ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะจำได้..ลำพังงาน
ที่เขาทำก็ดูท่าจะล้นเหลืออยู่แล้ว..ยังจะแบ่งส่วนสมองมาจำเรื่องเล็กๆน้อย..ของพนักงานตัว
เล็กๆอย่างเธออีก..หญิงสาวอมยิ้ม..นายนี่ก็มีส่วนดีเหมือนกันนะ..ส่งเสียงหวานออกไป
“หายแล้วค่ะ..ไม่มีปัญหาแล้ว” นั่งยิ้มพริ้ม..ชายหนุ่มหันมามองยิ้มมุมปากนิดนึง..และก็กลับไป
จดจ่อกับถนนเบื้องหน้าใหม่
“ดี!..จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระกับฉันอีก..ไหนจะเข่า..ไหนจะเท้า..ลำบากแย่!” เล่นเอาคนางค์
หุบยิ้มฉับ..ชมอยู่หยกๆ..ปากลงเหวอีกแล้ว..เบ้ปากใส่อากาศเบื้องหน้านั่งเงียบกริบไปตลอด
ทาง และเสียงธันวาก็ทำลายความเงียบขึ้นมา
“แปลกเนอะ!..ดูเธอกับฉันนี่จะวนเวียนเจอกันอยู่ตลอดเวลา สามวันติดๆเลย และมีอันต้องมี
เรื่องให้เลือดตกยางออกทุกวัน..ไม่รู้มันเป็นอะไรสิน่า” คนางค์หันควับมองออกไปนอกรถ
ค้อนประหลับประเหลือกใส่กระจกหน้าต่าง..ใครอยากจะเจอ! ตัวเองนั่นแหละยุ่งไม่เข้าเรื่อง!
ไม่ได้ขอให้ช่วยซักหน่อย! เบ้หน้าใส่กระจกอีก ระรอก..หญิงสาวหารู้ไม่ ว่ากิริยาท่าทางนั้น
มิได้รอดพ้นสายตาของธันวาซักนิด..
“ไม่กลัวรถข้างๆ เค้าหาว่าบ้าหรือไง..นั่งค้อนประหลับประเหลือก..ทำหน้าเบ้ปากเบี้ยวเหมือน
จะกินใครอย่างงั้นน่ะ!..เป็นอะไร” หญิงสาวทำปากจึกจัก..หันกลับมานั่งตัวตรง ตาก็มองถนน
เบื้องหน้าอีกครั้งนึง
“ไม่สบอารมณ์คน..นึกเหรอว่าฉันชอบ..ฉันก็ไม่ได้อยากจะเจอนักหรอก..ไม่อยากให้เหาขึ้น
หัว..ไอ้ฉันมันก็พนักงานกินเงินเดือนต๊อก! ต๋อย!..ไม่อยากให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องมาเปลือง
น้ำลายเสวนาวิสาสะด้วยหรอก..พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นผล” นั่งหน้าบึ้ง..
ธันวาได้ฟังถึงกับส่ายหน้า
“ฉันหมายถึงอย่างงั้นเมื่อไหร่!”
“ไม่รู้ล่ะ!..คำพูดคุณมันบ่งบอก..และก็ทีหลังไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีกนะ..เดี๋ยวมันจะเสียเวลา
เสียศักดิ์ศรีคุณเปล่าๆ...จอด! จอด! จอด!” ส่งเสียงดังปาวๆ
“จะจอดได้ยังไง! ขับอยู่เลนกลางนี่ไม่เห็นเหรอ” ชายหนุ่มส่งเสียงเขียวออกมา หันมามองตา
ขวาง ยัยนี่หนิ..พาลเป็นที่หนึ่ง!
“ก็ชิดซ้ายสิ..จะขับอยู่ทำไมเลนกลางน่ะ...ฉันจะลง...จอดดด! บอกว่าให้จอด!” ส่งเสียง
ระคายโสดประสาทออกมาอีก ธันวาหน้ามุ้ย สบทออกมาเบาๆ
“ยัยบ้าเอ๊ย!” รีบตบไฟเลี้ยวชิดซ้ายทันที และก็จอดเอี๊ยด!! “อ่ะ..ลงไป!”
“ก็ประตูมันล๊อคอยู่อ่ะ..เปิดประตูสิ..ไม่งั้นฉันจะลงไปได้ไงล่ะ” เถียงมาอีก ชายหนุ่มทำปาก
จึกจัก มือก็กดปุ่มเปิดล๊อคให้ คนางค์หันหน้ามาหาชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ..สำหรับทุกอย่างและก็หวังว่าคงไม่ต้องเจอกันอีก” หญิงสาวรีบกระเสือกกระสน
ลงจากรถอย่างไว ปิดประตูกลับมาเบาๆ..ชายหนุ่มส่ายหน้านิดนึง ค่อยๆ เคลื่อนรถออกมา
สายตาเหลือบดูกระจกมองหลังเห็นหญิงสาวก้มหน้าเอามือจับเข่า ก็นิ่วหน้าพึมพำออกมา
“อวดดี!”
#####################################################
“แจ๊ด!..แกจะไปแล้วเหรอ!” คนางค์โอดครวญ ยืนเต้นดุ๊กๆ อยู่ข้างๆ เล่นเอาผู้คนที่เดินผ่านไป
ผ่านมาอมยิ้มกันเป็นแถบ
“นี่ยัยนางแกอย่าทำเป็นเด็กอนุบาลหน่อยเลยอายเค้า..กะอีแค่ขึ้นเครื่อง..มันจะเป็นอะไร
นักหนา” คนางค์ยืนหน้าคว่ำ
“ก็ฉันไม่เคยขึ้นนี่..แกเข้าไปส่งฉันข้างในด้วยสิ!” แจ๊ดหัวเราะเสียงดัง..ขำหญิงสาวตรงหน้า
เป็นยิ่งนัก ถ้าคนางค์ไม่บอกแจ๊ดด้วยตัวเองว่าไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน หล่อนคงไม่มีทาง
เชื่อเป็นเด็ดขาด..เพราะหญิงสาวตรงหน้าดูปราดเปรียว กระฉับกระเฉ่งเหลือเกิน..คนางค์บอก
ให้แจ๊ดมาเป็นเพื่อนที่สนามบินด้วย..แจ๊ดเดินเรื่องให้หมดตั้งแต่เปลี่ยนตั๋ว จนกระทั่งเช็คอิน!
“เข้าไปได้ที่ไหนล่ะยัยบ๊อง!..เค้าให้แต่ผู้โดยสารเข้าไป”
“และฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ!” หน้าแหยๆ ถามส่งมาอีก
“แกก็เดินเข้าไปทางข้างหน้านั่น..เดี๋ยวเค้าจะมีเจ้าที่ตรวจตั๋วชั้นนึงก่อนตรงประตูน่ะ..เสร็จแล้ว
ก็เดินเข้าไปเรื่อยๆ มันจะมีเคาร์เตอร์กั้นไว้เอ๊กซ์สเลย์กระเป๋า..แกก็ยื่นตั๋วพร้อมบัตรประชาชน
ให้เค้า..พอเค้าเช็คเสร็จแล้วแกก็เดินไปนั่งรอตรงประตูทางออก..ตามเบอร์ที่บอกไว้ในตั๋วน่ะ..
ไหนดูดิ๊แก่ออกประตูไหน” คนางค์รีบยื่นส่งให้
“หกสิบสาม..เนี่ย!..แกก็ไปนั่งตรงประตูนั่นพอถึงเวลาเค้าก็จะโทรโข่งเรียกแกเอง” อธิบาย
ยาว..คนางค์พยักหน้าหงึก หงึก
“แค่นั้นเหรอ!”
“เออ! แค่เนี้ยแหละ..ไม่เห็นจะยาก!..อ้อ!อีกอย่าง ก่อนขึ้นเครื่องปิดโทรศัพท์มือถือด้วยมัน
เป็นกฏ..เพราะถ้ามันดังขึ้นมา..แกจะโดนมองด้วยสายตาเย็นชาจากเหล่าบรรดานางฟ้าและก็
เทวดาทั้งหลายแหล่นั่น” คนางค์เลิกคิ้ว พยักหน้ายิก ยิก
“เหรอ! เหรอ!..งะ..งั้นฉันปิดก่อนเดี๋ยวลืม!” รีบกุลีกุจอ ควักโทรศัพท์ขึ้นมาปิดทันที แจ๊ด
อมยิ้มรู้สึกเอ็นดูเพื่อนสาวซะเหลือเกิน..ช่างไม่มีฟอร์มจริงๆ เลยยัยนางเอ๊ย! ถ้าฉันเป็นผู้ชาย
นะฉันจีบแกไปแล้ว เหมือนเด็กๆ ดูใสซะเหลือเกิน..วันนี้คนางค์ ใส่แว่นสายตาแทนคอนแทค
เลนส์ กรอบสีแดงแป๊ด..เกล้าผมสูงปล่อยเป็นหางม้าไว้ข้างหลัง..สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปปัก
ตุ๊กตาโดเรมอนไว้ตรงกระเป๋าเสื้อสอดปลายเสื้อไว้ในกางเกงยีนส์ตัวเก่ง..สวมรองเท้าผ้าใบสี
ขาวดูทะมัดทะแมง..สะพายเป้สีเหลืองแป๋นไว้ข้างหลัง..ดูไม่เหมือนคนที่ทำงานแล้ว..จะ
เหมือนนักศึกษาซะมากกว่า
“ไปนาง..แกเข้าไปได้แล้ว..เดี๋ยวฉันต้องรีบกลับไปทำงานต่อ..เอกสารยังเคลียร์ไม่เสร็จเลย..
คุณดลจะเอาตอนสิบเอ็ดโมงด้วย” คนางค์หน้ามุ้ย
“ฉันต้องเข้าไปคนเดียวจริงๆ เหรอ”
“เออ!..เข้าไปเถอะ..ไม่มีใครเค้ากัดแกหรอกน่ะ” น้ำเสียงเริ่มรำคาญเต็มที่ คนางค์หน้าคว่ำเอ่ย
ออกมาเสียงอ่อยๆ
“งั้นฉันไปล่ะ!” แจ๊ดพยักหน้า ยืนส่งจนคนางค์เข้าประตูไปแล้วนั่นแหละถึงจะหันหลังกลับไป
ได้...คนางค์เดินดุ่ยๆ หน้ามุ้ยตลอดทาง..คุณดลนะ คุณดล!..ไม่บอกล่วงหน้าบ้างเลยนึกจะให้
มาก็ปุ๊บปั๊บบอก..ไม่ให้เตรียมเนื้อเตรียมตัวอะไรเลย..และขึ้นเครื่องบินด้วยสิ..ไม่เคยอ่ะ! มัน
จะตกมั๊ยเนี่ย..พระเจ้า! มะ..มันจะเหมือนในหนังหรือเปล่า..มีโจรปล้น!..โอ้!มันต้องมีแน่ๆเลย..
เรื่องแบบนี้มันมักจะโชคร้ายกับคนดวงดีๆเท่านั้น..
“คุณ..คุณคะ” เสียงเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วลอยเข้ามา แต่คนางค์ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกจาก
ภวังค์ความคิดยังคงยืนทำหน้าสยดสยองอยู่อย่างงั้น
“คุณคะ ขอตั๋วด้วยค่ะ” ทีนี้สะกิดมาที่แขน..หญิงสาวสะดุ้งโหยง
“คะ..คะ ค้า”
“ขอตั๋ว กับบัตรประจำตัวประชาชนด้วยค่ะ..พาสปอร์ตก็ได้” คนางค์ยิ้มแหยๆ
“เอ่อ! ค่ะ..ค่ะ..ค่ะ” รีบส่งเอกสารให้อย่างไว ซักครู่ก็เสร็จสรรพ..คนางค์เดินมานั่งรอที่ประตู
ทางออก..นั่งไปได้ซักสิบห้านาที เสียงเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเครื่อง..หญิงสาวรีบวิ่งดุ๊กๆ ไปต่อ
ท้ายแถว..เดินตามเค้าต้อยๆ เห็นเค้าหยิบหนังสือพิมพ์ก็หยิบบ้าง
“สวัสดีค่ะ” เสียงพนักงานต้อนรับบนเครื่องทักทายส่งมา..คนางค์ยิ้มพริ้ม
“หวัดดีค่ะ”
“ไม่ทราบ..ที่นั่งเลขที่เท่าไหร่คะ” หญิงสาวยื่นตั๋วส่งให้
“ชั้นธุรกิจ..เชิญทางด้านนี้ค่ะ” เดินนำหน้าพาคนางค์ไปนั่ง..หญิงสาวสะพายเป้เดินตามต้อยๆ
“นี่ค่ะ!” แอร์สาวผายมือไปยังที่นั่งริมทางเดิน คนางค์ส่งยิ้มให้พึมพำขอบคุณออกไป..รีบปลด
เป้ออกจากหลัง..มองดูคนอื่นว่าเค้าทำยังไงกัน แล้วก็ค่อยๆ ยกเป้ส่งขึ้นไปเหนือหัวจะเอาวาง
ไว้ตรงที่เก็บสัมภาระ..แต่กระเป๋าที่วางอยู่ก่อนหน้า..มันเบียดแน่นเหลือเกินเอามือเขยิบก็แล้ว
มันก็ยังไม่ขยับ..ดันยังไงก็ไม่มีทางเขยื้อน
“ติดอะไรวะ” บ่นงึมงำเริ่มไม่สบอารมณ์..แต่แล้วก็มีมือยื่นมาดันให้จากข้างหลัง หญิงสาวหัน
มาส่งยิ้มให้
“ขอบคุณมากค่ะ”มีอันต้องตาเหลือก!..
“คะ..คุณธันวา”
“เข้าไปนั่งไป..เดี๋ยวฉันเก็บให้” พยักเพยิกหน้าดันตัวหญิงสาวให้ไปนั่งด้านใน แต่คนางค์ขืนตัว
ไว้ซะก่อน
“ตะ..แต่ในตั๋วมันนั่งด้านนอกอ่ะ” มีเถียงส่งมาอีก..ชายหนุ่มมองหน้านิ่ง..คนางค์รีบกระเถิบ
อย่างไว..นั่งลงอย่างเร็ว..มองค้อนชายหนุ่มควับๆ..ทำมาเป็นมอง!..จอมบงการ!..และทำไม
ต้องมาเจอกันด้วยนะ..คุณดลไม่เห็นบอก..นั่งขมวดคิ้วนิ่วหน้า..ซักครู่ชายหนุ่มก็นั่งตามลงมา
เหลือบตามองคนางค์นิดนึง
“รัดเข็มขัดด้วย”
“คะ..ค้า” หันมาเลิกคิ้วส่งให้
“รัดเข็มขัด!” หญิงสาวพยักหน้าหงึก หงึก กุลีกุจอ หาสายรัดเข็มขัด..พอเจอแล้วก็รีบเสียบ
เข้าล๊อคอย่างไว..แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ซักที หญิงสาวส่งเสียงจึกจักออกมา
“ทำไมมันไม่อยู่อ่ะ” ชายหนุ่มหันมามอง ถอนหายใจออกมาดังเฮือก ชะโงกหน้าเข้ามาซะชิด
ยื่นมือมาปัดมือหญิงสาว..คนางค์นิ่งอึ้ง! ใจเต้น ตึก ตั๊ก! อือหือ!..จมูกโด่งจังเลยอ่ะ! ทำหรือ
เปล่า ต้องทำแน่ๆ ชัวร์!..อึยส์..ขนตายาวกว่าฉันอีก..พระเจ้า! เป็นแพเชียว
“มองอะไร” คนางค์สะดุ้งเฮือก รีบละล่ำละลักส่งเสียงออกไป
“มะ..มองอะไร..ไม่ได้มอง..ไม่มี๊!” ส่ายหัวอย่างไว ชายหนุ่มถอยตัวออกไปนั่งที่ของตัวเอง..
คนางค์ก้มลงมองเห็นเข็มขัดเข้าที่เข้าทางดีแล้วก็ส่งเสียงขอบคุณออกไป..ชายหนุ่มนั่งนิ่งหยิบ
หนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเฉย..หญิงสาวยู่หน้าส่งให้..ซักครู่ได้เวลาเครื่องออกเจ้าที่บนเครื่อง
สาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน.. คนางค์นั่งฟังนิ่งตาเบิกโพลง..สนใจจัด! รีบ
หยิบหนังสือคู่มือหลังเบาะมาอ่านใหญ่..ธันวาหันมาเห็นก็อมยิ้ม หญิงสาวหันมาเห็นพอดี
“นี่คุณ!..ไม่อ่านเหรอ..เดี๋ยวเป็นอะไรไปแล้วจะยุ่งนะ” พยักหน้าชวนยิก ยิก ชายหนุ่มส่ายหน้า
ส่งให้
“ไม่ต้อง!..ฉันรู้แล้ว” คนางค์แบะปาก..แหวะ! ทำมาเป็นรู้..เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆนะฉันจะ
ไม่ช่วยเลย..ซักครู่เครื่องก็ขึ้น เสียงเครื่องบินวิ่งบนรันเวย์..ทำให้คนางค์นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน
ซักแป๊บเครื่องก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หญิงสาวตกใจหน้าเริ่มซีด รีบจับพนักท้าวแขนแน่น..ชาย
หนุ่มหันมามอง
“เป็นอะไร”
“มะ..มันจะตกมั๊ย!” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“เคยขึ้นหรือเปล่า!” หญิงสาวส่ายหน้า
“ไม่เคยอ่ะ!..มะ..มันจะตกมั๊ย!” ถามย้ำมาอีก..ชายหนุ่มอมยิ้มค่อยๆ ดึงมือข้างขวาของคนางค์
ออกจากพนักท้าวแขน เอามากุมไว้ในมือตัวเอง..สัมผัสได้ถึงความกลัวจริงๆ เพราะอุ้งมือของ
หญิงสาวเย็นเฉียบ! ธันวาส่งเสียงมาเบาๆ
“ไม่ตก!..ไม่มีอะไรหรอก”
“มะ..มันดังอ่ะ” กระซิบส่งมา สีหน้ายังบ่งบอกถึงความกลัว
“ก็อย่างงี้แหละ..เวลาเครื่องขึ้นเสียงมันจะเป็นแบบนี้”
“หูฉันอื้อ!..หูฉันจะหนวกหรือเปล่า” ถามมาอีกระรอกหน้าตาเหยเก..ธันวาหัวเราะเบาๆ
“ไม่หรอก..เดี๋ยวก็หาย” หญิงสาวพยักหน้าหงึก หงึก นั่งนิ่ง..ซักแป๊บเครื่องก็เดินเรียบบนท้อง
ฟ้า..ผู้คนเริ่มส่งเสียงจ๊อก แจ๊ก..พนักงานบริการบนเครื่องเดินกันให้ขวักไขว่
“หายหรือยัง!” ชายหนุ่มส่งเสียงถามมา คนางค์ส่ายหน้ายิก ยิก ขมวดคิ้วมุ้น
“ยังอ่ะ..มันยังอื้ออยู่เลย” ธันวาหันไปเรียกพนักงานบริการสาว..ที่ดูจะเดินผ่านไปผ่านมาแถวๆ
ชายหนุ่มบ่อยๆ
“คะ!..มีอะไรให้รับใช้คะ” ยิ้มหวานเข้ามาหาชายหนุ่ม
“ขอหมากฝาหรั่งซักอันสิครับ..ให้คุณผู้หญิง”
“ได้ค่ะ..รอซักครู่นะคะ”ก่อนไปมีส่งยิ้มสายตาเชื่อมให้ธันวาอีก..ชายหนุ่มอมยิ้มตอบ..คนางค์
นั่งดูอยู่หมั่นไส้
“นี่!..ฉันไม่เอาหรอกนะ..ไอ้หมากฟะหรั่งอะไรนั่นน่ะ..ไม่มีอารมณ์จะกิน..หูอื้อจะตายอยู่แล้ว..
ยังจะให้ฉันเคี้ยวอะไรที่มันปวดแถวๆ กรามอีกเหรอ!” นั่งหน้าคว่ำบ่นออกมา ธันวาถอนหายใจ
เฮือก ตะคอกออกมาเบาๆ
“ไม่รู้เรื่องแล้วพูดมาก” ซักแป๊บ! แอร์สาวก็ถือของที่ต้องการใส่จานใบน้อยมาให้อย่างดี ธันวา
ยิ้มหวานส่งให้
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีรับใช้ค่ะ!” เดินยิ้มแป้นออกไป..คนางค์หันหน้าไปเบะปากใส่กระจก..แหวะ! ขอบคุณ
ครับ..ทีกับเราเนี้ยตะคอกเอาตะคอกเอา..
“อ่ะ! เอาไปเคี้ยวซะ” คนางค์หันหน้ามุ้ยๆ กลับมามอง
“บอกว่าไม่เอาไง..ไม่มีอารมณ์จะเคี้ยว”
“เคี้ยวๆไปเถอะ..อย่าเรื่องมาก!..มันช่วยได้” คนางค์ทำปากจึก จัก..หยิบเอามาจากมือชาย
หนุ่มแกะใส่ปากเคี้ยว หงับๆ เคี้ยวไปได้ซักแป๊บก็ดีขึ้น..หันมามองธันวาเห็นนั่งอ่านหนังสือเฉย
ก็ไม่อยากกวน..หันหน้าเลิกลั่ก ชะโงกมองดูผู้คนที่อยู่บนเครื่องซักแป๊บนึกขึ้นได้ ตาเบิก
โพลง สะกิดชายหนุ่มยิก ยิก กระซิบส่งมาเบาๆ
“นี่นี่! คุณ” ธันวาเลิกคิ้ว หันมามอง
“อะไร!”
“มันจะมีโปนจ้น เครื่องบินมั๊ย!” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” คนางค์ทำหน้าหงุดหงิด..เอามือดันกรอบแว่นให้มันขึ้นไปอยู่บนดั้ง
เหมือนเดิม..ชะโงกหน้าเข้ามาซะชิดต้นแขน กระซิบกรอกหูชายหนุ่ม
“รหัสลับไงคุณ รู้กันแค่สองคน..โปนจ้น..ก็โจรปล้นไง!..มันจะมีมั๊ยอ่ะ..ไอ้บนเครื่องบินลำนี้
น่ะ” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ..หันมามองหญิงสาวข้างๆ เห็นสายตาบ๊องแบ๊วอยากรู้
อยากเห็นภายใต้กรอบแว่นสีแดงแป๊ด..ก็อมยิ้มนิดๆ ออกมา
“เธอนี่!..ท่าทางจะต๊อง!จริงๆ..ดูหนังมากไปหรือเปล่า..ยัยบ๊อง!” และก็นั่งก้มหน้าอ่านหนังสือ
ต่อ..คนางค์ขมวดคิ้วถอยกลับมานั่งบนที่นั่งของตัวเอง
“ถามดีๆ จะตอบดีๆก็ไม่ได้..ชอบว่าเราอยู่เรื่อยเลย” บ่นงึมงำอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเหลือบตา
มอง
“อะไร!”
“เปล่า!” ทำหน้าไร้เดียงสา..ส่ายหัวหงึก หงัก ธันวาเลิกสนใจนั่งอ่านหนังสือต่อ..ซักครู่
พนักงานบนเครื่องก็เอาอาหารมาเสริฟ..นั่งกินกันเงียบๆไม่มีเสียงออกมาซักแอะ..จนเสร็จ
สรรพดีแล้วนั่นแหละ..คนางค์ถึงเอ่ยปากออกมา
“นี่คุณ!..อีกนานมั๊ยกว่ามันจะถึงอ่ะ” ชายหนุ่มยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“อีกประมาณสี่สิบห้านาที” คนางค์พยักหน้ารับ เอนตัวพิงเบาะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย..ซัก
แป๊บก็เข้าสู่ภวังค์ของการหลับใหล..หลับลึก..หัวค่อยๆเลื้อยซบไปบนไหล่ชายหนุ่ม..ธันวาก้ม
ลงมองหัวเราะออกมาเบาๆ แว่นที่ปกติมันจะต้องอยู่บนดั้งจมูกงอนงาม..ตอนนี้เลื่อนหล่นเผล่
มาอยู่ใต้จมูกงามซะแล้ว..ชายหนุ่มค่อยๆ..ดันแว่นกลับเข้าที่เดิมให้..พยายามจับหญิงสาวให้
ทรงตัวกลับไปพิงพนักเก้าอี้..แต่ไม่เป็นผล! คนางค์คว้าหมับเข้าที่แขนของชายหนุ่มกอดไว้ซะ
แน่น..และก็พึมพำออกมาเบาๆ
“ชอบว่าฉันอยู่เรื่อยเลย!” ธันวาอมยิ้มพริ้ม ยังคงก้มมองนวลหน้าด้านข้างของหญิงสาวอยู่
พึมพำออกมาบ้าง
“เธอมันดื้อ!..ต้องปราบให้เข็ดหลาบ” ยกมือขึ้นเกลี่ยลูกผมน้อยๆ ที่ละอยู่บนหน้าผากกลมมน
ออกให้..เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ..ชายหนุ่มค่อยๆ ก้มลงเลื่อนริมฝีปากได้รูปไปสัมผัส
เบาๆ ที่ขมับน้อยๆ ของหญิงสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจากการหลับไหล......
“นั่นไง! ฉันว่าแล้วปุ๋ม!..สุดหล่อของเธอไม่ว่างซะแล้ว!..เธอเห็นมั๊ยล่ะจุ๊บ!ขมับกันน่ารักเชียว”
หญิงสาวนามว่าปุ๋มส่งค้อนให้ควับ! หน้าง้ำ..ส่งน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดออกมา
“รู้แล้ว!..เห็นแล้ว!..ไม่ต้องมาตอกย้ำ..ฉันก็แค่ชื่นชมเค้าเท่านั้นแหละ..กริยาท่าทางสุภาพบุรุษ
มากๆ เฮ้อ! เสียดายจัง!..ประเทศไทยจะเหลือผู้ชายลักษณะท่าทางดีๆ อย่างงี้อีกซักกี่คนน้า...
จะมีเผื่อแผ่เหลือมาถึงนางฟ้าผู้ใจดีอย่างฉันบ้างมั๊ยเนี่ย!” บ่นพึมพำสายตาก็มองธันวากับ
คนางค์นิ่ง เพื่อนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับอมยิ้มส่ายหน้าออกมา
“เพ้อเชียวเธอ!..ไปทำงาน..เดี๋ยวหัวหน้าเทวดามาเธอจะยุ่ง..ไป!”...
แว๊ด ออกมา..หล่อนมานั่งรอธันวาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้วผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดเวลา..ชายหนุ่ม
ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องประชุม..วิลดาหงุดหงิดเต็มที่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องมา
นั่งรอใครนานขนาดนี้..ยิ่งเห็นหน้าของปานระวีเลขาของธันวาที่ดูจะเฉยชาทำเป็นทองไม่รู้
ร้อน..หล่อนยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก พาลรีพาลขวางไปทั่ว..
“ว่าไง! ประชุมอะไรนักหนา” ยืนมองปานระวีนิ่งคาดคั้นเอาคำตอบ...ปานระวีเงยหน้าขึ้นจาก
แฟ้มเอกสาร เลิกคิ้วส่งยิ้มเย็นๆให้
“เป็นความลับของบริษัทฯ ค่ะบอกไม่ได้”
“และจะให้ฉันรออยู่อย่างงี้น่ะเหรอ...เธอได้เข้าไปบอกเจ้านายของเธอหรือยังว่าฉันมาหาน่ะ
เฮอะ!” ถามน้ำเสียงคาดคั้นส่งมาอีก
“ไม่จำเป็นค่ะเพราะคุณธันวาบอกไว้แล้วว่าไม่รับแขก..ถึงถ้าเข้าไปบอกเธอก็คงจะไม่ออกมา
หรอกค่ะเพราะว่าวันนี้ประชุมบอร์ด..ผู้หลักผู้ใหญ่มากันหลายท่าน..เรื่องจะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ
เก้อนั่นไม่ใช่วิสัยของคุณธันวา” พูดน้ำเสียงเรียบส่งมา..วิลดาตาเขียวปั๊ดถอยกลับไปนั่งที่
เดิม..ดูจะเป็นอีกครั้งที่เธอไม่สามารถต่อปากต่อคำกับปานระวีได้ คำพูดที่เรียบๆ แต่แฝงไป
ด้วยความคมจัด มันทำให้วิลดาเกรงๆอยู่ไม่ใช่น้อย..
“และเค้าจะเลิกประชุมกันตอนกี่โมง!”
“ตามหมายกำหนดการณ์ไม่น่าจะเกินเที่ยงค่ะ!..ถ้าคุณวิลดาไม่สะดวกที่จะรอเดี๋ยวดิฉันจะเรียน
คุณธันวาให้ได้ทราบ” วิลดาตวัดหางตามามอง..
“ไม่ต้อง!..ฉันรอมาตั้งเกือบชั่วโมงแล้ว..ทำไมฉันจะรอต่อไปไม่ได้” เลขาสาวยิ้มในหน้า
“เชิญตามสบายค่ะ..ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกดิฉันได้นะคะ” วิลดานั่งนิ่วหน้า หมั่นไส้หญิง
สาวเบื้องหน้าเป็นยิ่งนัก..น้ำเสียงและกริยาท่าทางแบบนี้นี่ล่ะมั้ง เธอถึงทำอะไรหล่อนคนนี้ไม่
ได้..ไม่รู้จะหาจุดผิด จุดบกพร่องตรงไหนมาตีให้แตก..มันเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจให้
เจ็บๆ คันๆ อยู่ตอนนี้..เพราะเดาใจหญิงสาวตรงหน้าไม่ออกจริงๆ ว่าคิดยังไงกับชายหนุ่มที่ตัว
เองหมายปอง....
“เห็นมั๊ยล่ะแก..เจ้าธัน!..ฉันบอกแล้วว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล” เสียงดลชัยลอยเข้ามา พร้อมกับเสียง
หัวเราะของธันวา
“เออ! แกเก่ง” กำลังจะเดินเลยผ่านไป...
“ธันคะ!” มีอันต้องหยุดชะงักกันทั้งคู่หันกลับมามองเป็นตาเดียว
“อ้าว! คุณวิ..มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” วิลดาเดินเข้ามาเกาะแขนซ้ายธันวาไว้..
“วิมารอธันตั้งนานแล้วค่ะ..เลขาของธันน่ะสิคะไม่ยอมเข้าไปตามธันให้วิ” ดลชัยที่ยืนฟังอยู่
ด้วยถึงกับเลิกคิ้ว หันไปมองปานระวีเห็นหญิงสาวนั่งฟังนิ่งไม่กิริยาท่าทางใดๆ..ธันวาหัวเราะ
ออกมาเบาๆ
“ผมสั่งคุณปานไว้เองน่ะครับ..พอดีวันนี้มีประชุมสำคัญไม่อยากขาดตอน” วิลดาทำท่า ทำ
ทางกระเง้ากระงอด
“ถ้าอย่างงั้นธันต้องเลี้ยงข้าวกลางวันวินะคะ..ปล่อยให้วิรอตั้งนานแหนะ..ความจริงวิไม่เคยรอ
ใครนานขนาดนี้เลยนะคะ”ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆให้
“ยินดีครับ!” ชายหนุ่มหันมาหาปานระวี
“คุณปาน..ตกลงเรื่องตั๋วเครื่องบินได้หรือเปล่า!”
“ได้ค่ะ!..ดิฉันจองให้เรียบร้อยแล้วค่ะสองที่..ไฟลท์เก้าโมงครึ่ง” ชายหนุ่มพยักหน้าส่งให้
“เยี่ยม!..เดี๋ยวคุณไปทานข้าวด้วยกันกับผมนะ”
“ค่ะ” ปานระวีพยักหน้ารับ
“แกด้วยนะเจ้าดล ยังไม่ต้องไปไหน!..เดี๋ยวขอฉันไปเอาของในห้องก่อน” ว่าแล้วก็เดินเข้า
ห้องไปมี วิลดาเดินหน้ามุ้ยตามติดไม่ห่าง..ความหวังที่จะอยู่กันสองต่อสองเป็นอันพัง..สองคน
เดินพ้นไปแล้วนั่นแหละ..ดลชัยที่ยืนเกาะขอบโต๊ะหญิงสาว..ก็เปรยออกมาเบาๆ
“ทีนายธันชวน..คุณไม่เห็นหยุดคิดเลยปานระวี ดูจะเต็มอกเต็มใจซะด้วยซ้ำ..งานไม่ยุ่งเหรอ!”
ยืนเลิกคิ้วถามอยู่หน้าโต๊ะ...หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง มือก็เก็บข้าวของบนโต๊ะไปด้วย..
“ถึงยุ่งก็ต้องไปค่ะ..เป็นเลขานี่คะเจ้านายสั่งอะไรก็ต้องทำตาม..ไม่งั้นเดี๋ยวเงินเดือนไม่ขึ้น!”
พูดประชดส่งมา..ดลชัยหัวเราะหึหึ! เอามือเท้าแขนไว้บนโต๊ะจ้องหน้าปานระวีนิ่ง..ดวงตา
เหมือนจะค้นหาพิรุธที่ซ่อนไว้ของหญิงสาวตรงหน้า..
“ขอให้มันเป็นเพียงแค่เจ้านาย..กับเลขาเถอะ! อย่าให้เหมือนหนังที่ออกจะเกลื่อนเมืองอยู่
ตอนนี้เลย ประเภทเลขาสาวหลงรักเจ้านายหนุ่มน่ะ..น้ำเน่า!..ขี้เกียจดู!” ปานระวีอมยิ้ม
“ไม่แน่ค่ะ!..เพราะดิฉันชอบอะไรที่มันน้ำเน่าๆ ซะด้วย..เข้มข้น!..ถึงใจดี” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
เขาชักเริ่มไม่แน่ใจซะแล้ว กับเรื่องที่หญิงสาวตรงหน้าบอกปัดปฏิเสธเยื่อใยเขามาตลอด..เป็น
เพราะว่าเธอหลงรักธันวาหรือเปล่า..เธอกำลังรอเพื่อนรักของเขาอยู่หรือไม่..ชายหนุ่มเริ่ม
สับสนอยากจะจับหญิงสาวมาเขย่า เอาความคิดที่อยู่ในหัวออกมาตีแผ่ให้ได้รู้เป็นยิ่งนัก...
“ไป! เสร็จแล้ว” เสียงธันวาลอยมา ทำให้ดลชัยถอยกลับมายืนเหมือนเดิม..ปานระวีลุกขึ้นจาก
โต๊ะหยิบกระเป๋าได้ก็ก้าวเดินออกมา..ทั้งหมดเดินออกมารอลิฟท์มีวิลดาเกาะแขนธันวาแนบ
สนิทไม่ห่าง..พอลิฟท์เคลื่อนตัวลงมารับก็เข้าไปยืนออกันอยู่ข้างใน...บรรยากาศในลิฟท์มีแค่
เสียงชายหนุ่มพูดกันอยู่สองคน..หญิงสาวทั้งสองที่มาด้วยอยู่ในความเงียบสงบจมกับความคิด
ของตัวเอง..ลิฟท์ค่อยๆเลื่อนลงมาเรื่อยๆ เสียงดังติ๊ง!ของลิฟท์ที่หยุดตัวลง..ทำให้ชะงักกันทั้ง
หมด..ประตูลิฟท์ค่อยๆ เปิดออก แต่ไม่มีทีท่าว่าจะมีสิ่งมีชีวิตย่างกรายเข้ามาซักคน..จนประตู
ลิฟท์กำลังจะเลื่อนปิด...
“ดะ..ดะ..เดี๋ยวค่า..คอยก่อน” เสียงใสๆ ลอยเข้ามา พร้อมกับตัวที่ถลาเข้ามาอย่างเร็วกลัวไม่
ทัน..ด้วยท่าทางที่รีบวิ่งเข้ามา ทำให้การทรงตัวไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีนัก..ขาอ่อนไปซะเฉยๆ ล้ม
ลงเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง! กระเป๋ากับแฟ้มเอกสารกระจัดกระจายทั่วไปหมด..ทุกคนใน
ลิฟท์ตกใจนิ่งไปชั่วขณะ..
“อุ้ยส์” เสียงหญิงสาวตัวต้นเหตุโอดครวญ นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น นั่นแหละการเคลื่อนไหวภาย
ในลิฟท์ถึงกลับมาอีกครั้ง
“ซุ่มซ่าม!..จะรีบไปไหนน่ะเฮอะ..วิ่งไม่ดูที่ดูทาง” ธันวาตวาดแว๊ด!ส่งมาเป็นชุด หญิงสาวสะดุ้ง
โหยงรีบเงยหน้าขึ้นมอง...ไอ้หยา! อีกแล้วเหรอ!
“นั่นน่ะสิคะ! สับเพล่าเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ..นี่ในลิฟท์นะไม่ใช่ทางเท้าวิ่งเข้ามาได้” เสียงวิลดา
สับทับมาอีกระรอก..หญิงสาวเหลือบไปมองเห็นวิลดายืนเกาะแขนธันวานิ่ง..ก็รีบก้มหน้างุด
พยายามจะลุกขึ้น..เห็นปลายหางตามีชายหนุ่มนั่งยองๆ ลงมาใกล้ๆ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า..คุณนาง” เสียงดลชัยส่งมา คนางค์ตาเหลือก รีบหันไปมอง..โอ้
พระเจ้า! สุดหล่อของฉันก็อยู่ด้วยเหรอ! ฮือๆๆๆ อยากจะบ้าตาย!..ฉันจับกบตัวเบ่อเริ่มต่อหน้า
พระเอกของฉัน..ตาย! ตาย! ตาย!...
“นี่ยายบ๊อง..เขาถามไม่ตอบมันจุกจนพูดไม่ออกเลยหรือไง” ธันวาส่งเสียงมาอีกคำรบ..
คนางค์เหลือบตามองชายหนุ่มอีกครั้งส่งเสียงออกมาเบาๆ
“มะ มะ..ไม่เท่าไหร่ค่ะ” ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น มีดลชัยประคองอยู่ข้างๆ คนางค์หันไปยิ้มแหยๆ ส่ง
ให้
“ขะ..ขอบคุณมากค่ะ คุณดล”
“ไม่เป็นไรครับ!..เจ็บหรือเปล่าครับนั่น” ดลชัยพยักเพยิกหน้าไปที่เข่าของหญิงสาว
“นะ..นิดหน่อยค่ะ” ก้มลงมองเข่าของตัวเองบ้างเอื้อมมือลงไปปัดฝุ่น และก็ต้องตาเหลือกหน้า
เริ่มซีดรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที..เลือดออกซิบๆ มือก็เปื้อนเลือดนิดหน่อย กำมือไว้ซะแน่น! รีบ
หันรีหันขวางหากระเป๋าสะพายทื่ทำหล่น พร้อมแฟ้มเมื่อซักครู่นี้...
“นี่ค่ะ!” กระเป๋าพร้อมแฟ้มเอกสารถูกยื่นมาตรงหน้าโดยมือของปานระวี..คนางค์รีบละล่ำ
ละลัก ขอบคุณเป็นการใหญ่..รีบเปิดกระเป๋าหากระดาษทิชชู่...ไม่มี!..ขมวดคิ้วมุ้น..มันไปไหน
อ่ะ..ก็ฉันเอาไว้ในนี้นี่นา..
“อ่ะ!..เอาไปเช็ดซะ!..เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปอีกแล้วจะยุ่ง..เดือดร้อนคนอื่นเค้าอีก” หญิง
สาวชะงักกึก หันมามองเจ้าของน้ำเสียงนิ่ง..เห็นธันวาเลิกคิ้วยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้อยู่..คนางค์ยืน
จ้องเขม็ง
“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณ” ธันวาขมวดคิ้วมุ้น...ติ๊ง! เสียงลิฟท์หยุดตัวลง คนางค์เงยหน้าขึ้นมอง..
ชั้นหนึ่ง..ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวหันมาหาดลชัย
“นางไปศาลนะคะ..ซักบ่ายสามเดี๋ยวนางกลับเข้าออฟฟิตค่ะ” ดลชัยพยักหน้ารับ ส่งเสียงถาม
มาใหม่
“ไปกับลุงแสงใช่มั๊ย!..ลุงแสงขับรถให้ใช่หรือเปล่า” คนางค์ยิ้มแหยๆ
“อะ..เอ่อ! คะ..ค่ะ..ดิฉันไปนะคะ” ว่าแล้วก็เดินกระโผลกกระเผลกออกไป..ธันวายังขมวดคิ้ว
ไม่เลิก เอื้อมมือไปกดปุ่มลิฟท์ค้างไว้หันมาหาดลชัย...
“แกพาคุณปานกับคุณวิไปก่อนนะ..เดี๋ยวฉันตามไปเจอที่ร้าน” รีบเดินออกจากลิฟท์ไปอีกคน..
วิลดาอ้าปากหวอกำลังจะพูดออกไป แต่ลิฟท์ปิดฉับลงซะก่อน.....
หญิงสาวเดินกระโผกกระเผลกออกมาหน้าตาเหยเก..ตาบ้านี่!..จะพูดกับเราดีๆซักคำไม่มีอ่ะ..
ตวาดแว๊ดๆ..สู้คุณดลสุดหล่อก็ไม่ได้...อุ้ยส์..เจ็บอ่ะ..ค่อยๆ ก้มมองไปที่หัวเข่า แล้วก็ต้อง
ตกใจ..ผิวที่ขาวเนียนตอนนี้เริ่มออกอาการช้ำเป็นสีม่วง..ยังมีเลือดซิบๆ ให้ได้เห็นอยู่
“อึยส์..มันช้ำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” พึมพำเบาๆ หน้าเบ้..เดินไม่ได้ดูทางเบื้องหน้าชนเข้ากับ
คนที่เดินสวนมาอย่างจัง..เกือบล้มไปอีกครั้งแต่เดชาบุญมีมือมาประคองหลังไว้ก่อน คนางค์
รีบทรงตัวยืนและก็หันไปขอบอกขอบใจคนข้างหลังอย่างไว
“เอ่อ! ขอบคุณมะ มาก..ค่ะ”อ้าปากหวอ..ธันวายืนขมวดคิ้วอยู่ด้านหลัง
“เฟอะฟะ!..เวลาจะเดินน่ะ มองผู้คนซะบ้าง..ไม่ใช่ก้มหน้าเดินอย่างงั้น” หญิงสาวเริ่มหน้างอ..
“ค่ะ!” รีบหันหลังกลับ..เดินกะโผลกกะเผลกออกมาปากบ่นงึมงำ
“ซุ่มซ่าม!..ยายบ๊อง!..เฟอะฟะ!..ชอบว่าฉันอยู่เรื่อยเลย มีความสุขนักใช่มั๊ย..รอให้ฉันหายดี
ก่อน..จะไม่ให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก..แม่จะสวนกลับทันควันเลย”
“บ่นอะไร!” คนางค์สะดุ้งโหยง...จ๊ากก! ตามมาเหรอ!..ค่อยๆ เหลือบตามองเห็นชายหนุ่มเดินตี
คู่มาข้างๆ เลยส่งเสียงออกไปเบาๆ
“เปล่าบ่นซักหน่อย!” รีบสปีดเต็มที่..เท่าที่กำลังของขาเดี๊ยงๆ จะทำได้..หญิงสาวเดินออก
มานอกตึก กำลังจะเดินไปบนทางเท้าเพื่อไปรอขึ้นรถแทกซี่ตรงป้ายรถเมล์ มีอันต้องหยุด
ชะงักเพราะธันวาเอื้อมมือมาจับข้อมือหญิงสาวไว้ซะก่อน
“จะไปไหน..ทำไมไม่รอลุงแสงที่นี่” คนางค์หันมาหา เห็นชายหนุ่มยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้ารอคำ
ตอบอยู่ ก็ส่งยิ้มแหยๆ ให้
“พอดีวันนี้ลุงแสงไม่ว่างต้องออกไปงานข้างนอก..ฉันก็เลยจะเดินไปขึ้นแท็กซี่ตรงป้ายรถ
เมล์” ชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
“และเมื่อกี้ทำไมบอกนายดลว่าไปกับลุงแสง”
“คะ..คือ..เมื่อกี้คงจะลืมน่ะค่ะ...สงสัยตอนล้มมันก็เลยลืมไปชั่วขณะ แหะๆ” ไถไปทั่ว
ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อถามส่งมาอีก
“รถคันอื่นล่ะ..มีตั้งหลายคันทำไมไม่เรียกใช้”
“คะ..คือ คนอื่นเค้าก็คงมีงานเหมือนกันน่ะค่ะ..เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้..นั่งแท็กซี่ไปแป๊บเดียว
เดี๋ยวก็ถึง..และ..ดะ..เดี๋ยวฉันจะจดไว้ว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่..และก็จะเคลีย์ตามจริงกับบริษัทฯ
อีกทีนึงค่ะ ไม่คดโกง แน่นอนชัวร์ป๊าบบ!..ตะ..แต่ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะโกง..ฉันไม่เบิกก็ได้ค่ะ..
ควักกระเป๋าเองก็ได้ แหะๆ” ยิ้มหวานส่งให้ธันวาอีกระลอก..พยายามแกะข้อมือที่ถูกจับไว้
ออก..แต่แกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุดเพราะชายหนุ่มจับไว้ซะแน่น..
“ยายเบื้อกเอ๊ย!..ฉันไม่หน้าเลือดขนาดนั้นหรอกน่ะ..เธอทำงานให้บริษัทฯ ทำไมเธอถึงจะเบิก
ไม่ได้..ไอ้ที่ฉันถามเนี่ยก็เพราะว่าสงสัยเท่านั้นเอง” คนางค์พยักหน้าหงึก หงึก
“ค่ะ!..เข้าใจแล้ว..งะ งั้นฉันไปได้หรือยังคะ” เลิกคิ้วถามชายหนุ่ม
“รออยู่เนี่ยแหละ!..ยังไม่ต้องไปไหน” ทำเอาคนางค์ตาเบิกโพรง งง!
“คะ..คะ..ค้า” ชายหนุ่มทำปากจึก จัก
“ฉันบอกว่า..รออยู่นี่แหละยังไม่ต้องไปไหน..เดี๋ยวฉันลงไปเอารถข้างล่างก่อน แล้วฉันจะเลย
ไปส่ง”
“มะ..ไม่ต้องค่ะ..ฉันไปเองได้”รีบปฏิเสธอย่างไว ธันวาตวาดแว๊ด!ออกมา
“นี่ยัยดื้อ!..จะอยู่นิ่งๆ ทำตามที่บอกแต่โดยดีซักเรื่องได้มั๊ย..เรื่องมากอยู่ได้”คนางค์ตาเหลือก
น้ำโหเริ่มมาส่งเสียงออกมาอย่างดัง..โกรธจัด!
“ก็ทำไมต้องตวาดด้วยล่ะ!..ว่าฉันอยู่นั่นแหละเห็นฉันเงียบเลยเอาใหญ่เลย..ไม่กลัวหรอกนะ!”
ยืนมองตาขวาง ธันวาถอนหายใจเฮือก!
“มา! ลงไปด้วยกัน”จูงมือหญิงสาวลากให้เดินไปด้วยกันซะงั้น คนางค์ขืนตัวไว้
“จะ..จะไปไหนคะ” ละล่ำละลักถามออกไป น้ำเสียงเปลี่ยนโดยฉับพลัน!
“ลานจอดรถ!”
“กะ..ก็บอกแล้วไง..ว่าไปเองได้ไม่รบกวนคุณหรอก” ยังขืนตัวอยู่ ธันวาหันมามองหน้าตา
หงุดหงิดเต็มที่
“ทางผ่านพอดี!..ถ้าฉันไม่ผ่านทางนั้นฉันไม่เอาเธอไปด้วยหรอกน่า เสียเวลา” พูดจบก็เดิน
ดุ่ยๆ ลากหญิงสาวไปด้วย..คนางค์ค้อนควับใส่หลังคนเดินหน้า! กระเถิบขาเดินตามมาแต่โดยดี
“นี่นี่!คุณ...ช้าๆ หน่อยสิ..ฉันเดินไม่ค่อยถนัดขามันยังขัดๆ อยู่อ่ะ!..และก็ไม่ต้องจูงก็ได้ฉันเดิน
เองเป็น” โอดครวญออกมาเบาๆ ชายหนุ่มปล่อยมือ ชะลอฝีเท้าเดินตีคู่ไปด้วยกัน
“เจ็บมากหรือเปล่า!” ส่งเสียงถามมาเบาๆ คนางค์เงยหน้าขึ้นมองทำหน้าแหยๆส่งให้ พยักหน้า
หงึก หงึก..ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ!..ตอนแรกน่ะทำปากแข็งนัก!..และก็เดินมาถึงรถ ธันวาจับตัว
คนางค์นั่งไปบนเบาะหน้าข้างคนขับ..ให้ยื่นขาออกมานอกรถ
“นั่งรอแป๊บนึง” คนางค์มองตาม เห็นชายหนุ่มเดินไปหลังรถ..และก็กลับมาพร้อมกับขวดน้ำ
ธันวาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เทน้ำลงไปบนผืนผ้าบิดจนหมาด..ยื่นส่งให้หญิงสาว
“อ่ะ! เอาเช็ดซะ!” หญิงสาวยังไม่ยื่นมือไปรับส่งเสียงมาเบาๆ
“ทะ..ทิชชู่ไม่มีเหรอคะ..เสียดายอ่ะ!” ธันวาถอนใจอีกระลอก
“เช็ดๆ ไปเถอะน่า..ทิชชู่มันสกปรกเช็ดแผลได้ยังไง..เดี๋ยวก็เป็นบาดทะยักกันพอดี” คนางค์
หน้าแหย ยื่นมือออกมารับ..ค่อยๆ เช็ดผ้าไปบนฝ่ามือจนไม่มีร่องรอยเลือดเหลือหรอแล้วนั่น
แหละ ถึงก้มไปเช็ดบนเข่าได้ เช็ดไปด้วยสูดปากไปด้วย แสบ!..แล้วก็เสร็จสรรพเงยหน้าขึ้น
มองชายหนุ่ม
“เดี๋ยวฉันเอาไปซักให้นะคะ..และจะเอามาคืน”
“ไม่ต้อง!..ทิ้งไปเลย”พูดเสร็จก็เดินหันหลังอ้อมมานั่งข้างคนขับ...คนางค์นั่งยู่หน้า แหวะ!..
อวดรวย..ทิ้งไปเลย!..เรื่องอะไรล่ะผ้าออกจะดีขนาดนี้ทิ้งก็โง่น่ะสิ..เอาไว้ใช้ที่ห้องดีกว่า..นึก
ได้ดังนั้นก็พับซะเรียบ..เปิดกระเป๋า และก็ซุกไปทั้งเปียกๆนั่นแหละ..
“เอาขาเข้ามาในรถได้แล้ว..จะได้ไปๆ ซะที เสียเวลา” คนางค์ค้อนกับลมส่งไปทำปากขมุบ
ขมิบ..ค่อยๆ ชักขาเข้ามาในรถ ธันวาเหลือบตามองไปยังหัวเข่าของหญิงสาวข้างๆ
“พอกลับบ้านก็เอาน้ำแข็งประคบซะ..รอยช้ำมันจะได้หาย..มันจะได้ไม่เป็นจ้ำๆอยู่อย่างงั้น”
“ค่ะ!” ตอบรับมาเบาๆ ว่าง่ายซะอย่างงั้น..ธันวาหัวเราะหึหึ..หันไปสตร๊าทรถค่อยๆเคลื่อนตัว
ออกมาจากที่จอด ปากก็ส่งเสียงมาอีก
“ส้นเท้าล่ะ!..หายหรือยัง!” คนางค์หันมามอง..แปลกใจ!..ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะจำได้..ลำพังงาน
ที่เขาทำก็ดูท่าจะล้นเหลืออยู่แล้ว..ยังจะแบ่งส่วนสมองมาจำเรื่องเล็กๆน้อย..ของพนักงานตัว
เล็กๆอย่างเธออีก..หญิงสาวอมยิ้ม..นายนี่ก็มีส่วนดีเหมือนกันนะ..ส่งเสียงหวานออกไป
“หายแล้วค่ะ..ไม่มีปัญหาแล้ว” นั่งยิ้มพริ้ม..ชายหนุ่มหันมามองยิ้มมุมปากนิดนึง..และก็กลับไป
จดจ่อกับถนนเบื้องหน้าใหม่
“ดี!..จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระกับฉันอีก..ไหนจะเข่า..ไหนจะเท้า..ลำบากแย่!” เล่นเอาคนางค์
หุบยิ้มฉับ..ชมอยู่หยกๆ..ปากลงเหวอีกแล้ว..เบ้ปากใส่อากาศเบื้องหน้านั่งเงียบกริบไปตลอด
ทาง และเสียงธันวาก็ทำลายความเงียบขึ้นมา
“แปลกเนอะ!..ดูเธอกับฉันนี่จะวนเวียนเจอกันอยู่ตลอดเวลา สามวันติดๆเลย และมีอันต้องมี
เรื่องให้เลือดตกยางออกทุกวัน..ไม่รู้มันเป็นอะไรสิน่า” คนางค์หันควับมองออกไปนอกรถ
ค้อนประหลับประเหลือกใส่กระจกหน้าต่าง..ใครอยากจะเจอ! ตัวเองนั่นแหละยุ่งไม่เข้าเรื่อง!
ไม่ได้ขอให้ช่วยซักหน่อย! เบ้หน้าใส่กระจกอีก ระรอก..หญิงสาวหารู้ไม่ ว่ากิริยาท่าทางนั้น
มิได้รอดพ้นสายตาของธันวาซักนิด..
“ไม่กลัวรถข้างๆ เค้าหาว่าบ้าหรือไง..นั่งค้อนประหลับประเหลือก..ทำหน้าเบ้ปากเบี้ยวเหมือน
จะกินใครอย่างงั้นน่ะ!..เป็นอะไร” หญิงสาวทำปากจึกจัก..หันกลับมานั่งตัวตรง ตาก็มองถนน
เบื้องหน้าอีกครั้งนึง
“ไม่สบอารมณ์คน..นึกเหรอว่าฉันชอบ..ฉันก็ไม่ได้อยากจะเจอนักหรอก..ไม่อยากให้เหาขึ้น
หัว..ไอ้ฉันมันก็พนักงานกินเงินเดือนต๊อก! ต๋อย!..ไม่อยากให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องมาเปลือง
น้ำลายเสวนาวิสาสะด้วยหรอก..พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นผล” นั่งหน้าบึ้ง..
ธันวาได้ฟังถึงกับส่ายหน้า
“ฉันหมายถึงอย่างงั้นเมื่อไหร่!”
“ไม่รู้ล่ะ!..คำพูดคุณมันบ่งบอก..และก็ทีหลังไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีกนะ..เดี๋ยวมันจะเสียเวลา
เสียศักดิ์ศรีคุณเปล่าๆ...จอด! จอด! จอด!” ส่งเสียงดังปาวๆ
“จะจอดได้ยังไง! ขับอยู่เลนกลางนี่ไม่เห็นเหรอ” ชายหนุ่มส่งเสียงเขียวออกมา หันมามองตา
ขวาง ยัยนี่หนิ..พาลเป็นที่หนึ่ง!
“ก็ชิดซ้ายสิ..จะขับอยู่ทำไมเลนกลางน่ะ...ฉันจะลง...จอดดด! บอกว่าให้จอด!” ส่งเสียง
ระคายโสดประสาทออกมาอีก ธันวาหน้ามุ้ย สบทออกมาเบาๆ
“ยัยบ้าเอ๊ย!” รีบตบไฟเลี้ยวชิดซ้ายทันที และก็จอดเอี๊ยด!! “อ่ะ..ลงไป!”
“ก็ประตูมันล๊อคอยู่อ่ะ..เปิดประตูสิ..ไม่งั้นฉันจะลงไปได้ไงล่ะ” เถียงมาอีก ชายหนุ่มทำปาก
จึกจัก มือก็กดปุ่มเปิดล๊อคให้ คนางค์หันหน้ามาหาชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ..สำหรับทุกอย่างและก็หวังว่าคงไม่ต้องเจอกันอีก” หญิงสาวรีบกระเสือกกระสน
ลงจากรถอย่างไว ปิดประตูกลับมาเบาๆ..ชายหนุ่มส่ายหน้านิดนึง ค่อยๆ เคลื่อนรถออกมา
สายตาเหลือบดูกระจกมองหลังเห็นหญิงสาวก้มหน้าเอามือจับเข่า ก็นิ่วหน้าพึมพำออกมา
“อวดดี!”
#####################################################
“แจ๊ด!..แกจะไปแล้วเหรอ!” คนางค์โอดครวญ ยืนเต้นดุ๊กๆ อยู่ข้างๆ เล่นเอาผู้คนที่เดินผ่านไป
ผ่านมาอมยิ้มกันเป็นแถบ
“นี่ยัยนางแกอย่าทำเป็นเด็กอนุบาลหน่อยเลยอายเค้า..กะอีแค่ขึ้นเครื่อง..มันจะเป็นอะไร
นักหนา” คนางค์ยืนหน้าคว่ำ
“ก็ฉันไม่เคยขึ้นนี่..แกเข้าไปส่งฉันข้างในด้วยสิ!” แจ๊ดหัวเราะเสียงดัง..ขำหญิงสาวตรงหน้า
เป็นยิ่งนัก ถ้าคนางค์ไม่บอกแจ๊ดด้วยตัวเองว่าไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน หล่อนคงไม่มีทาง
เชื่อเป็นเด็ดขาด..เพราะหญิงสาวตรงหน้าดูปราดเปรียว กระฉับกระเฉ่งเหลือเกิน..คนางค์บอก
ให้แจ๊ดมาเป็นเพื่อนที่สนามบินด้วย..แจ๊ดเดินเรื่องให้หมดตั้งแต่เปลี่ยนตั๋ว จนกระทั่งเช็คอิน!
“เข้าไปได้ที่ไหนล่ะยัยบ๊อง!..เค้าให้แต่ผู้โดยสารเข้าไป”
“และฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ!” หน้าแหยๆ ถามส่งมาอีก
“แกก็เดินเข้าไปทางข้างหน้านั่น..เดี๋ยวเค้าจะมีเจ้าที่ตรวจตั๋วชั้นนึงก่อนตรงประตูน่ะ..เสร็จแล้ว
ก็เดินเข้าไปเรื่อยๆ มันจะมีเคาร์เตอร์กั้นไว้เอ๊กซ์สเลย์กระเป๋า..แกก็ยื่นตั๋วพร้อมบัตรประชาชน
ให้เค้า..พอเค้าเช็คเสร็จแล้วแกก็เดินไปนั่งรอตรงประตูทางออก..ตามเบอร์ที่บอกไว้ในตั๋วน่ะ..
ไหนดูดิ๊แก่ออกประตูไหน” คนางค์รีบยื่นส่งให้
“หกสิบสาม..เนี่ย!..แกก็ไปนั่งตรงประตูนั่นพอถึงเวลาเค้าก็จะโทรโข่งเรียกแกเอง” อธิบาย
ยาว..คนางค์พยักหน้าหงึก หงึก
“แค่นั้นเหรอ!”
“เออ! แค่เนี้ยแหละ..ไม่เห็นจะยาก!..อ้อ!อีกอย่าง ก่อนขึ้นเครื่องปิดโทรศัพท์มือถือด้วยมัน
เป็นกฏ..เพราะถ้ามันดังขึ้นมา..แกจะโดนมองด้วยสายตาเย็นชาจากเหล่าบรรดานางฟ้าและก็
เทวดาทั้งหลายแหล่นั่น” คนางค์เลิกคิ้ว พยักหน้ายิก ยิก
“เหรอ! เหรอ!..งะ..งั้นฉันปิดก่อนเดี๋ยวลืม!” รีบกุลีกุจอ ควักโทรศัพท์ขึ้นมาปิดทันที แจ๊ด
อมยิ้มรู้สึกเอ็นดูเพื่อนสาวซะเหลือเกิน..ช่างไม่มีฟอร์มจริงๆ เลยยัยนางเอ๊ย! ถ้าฉันเป็นผู้ชาย
นะฉันจีบแกไปแล้ว เหมือนเด็กๆ ดูใสซะเหลือเกิน..วันนี้คนางค์ ใส่แว่นสายตาแทนคอนแทค
เลนส์ กรอบสีแดงแป๊ด..เกล้าผมสูงปล่อยเป็นหางม้าไว้ข้างหลัง..สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปปัก
ตุ๊กตาโดเรมอนไว้ตรงกระเป๋าเสื้อสอดปลายเสื้อไว้ในกางเกงยีนส์ตัวเก่ง..สวมรองเท้าผ้าใบสี
ขาวดูทะมัดทะแมง..สะพายเป้สีเหลืองแป๋นไว้ข้างหลัง..ดูไม่เหมือนคนที่ทำงานแล้ว..จะ
เหมือนนักศึกษาซะมากกว่า
“ไปนาง..แกเข้าไปได้แล้ว..เดี๋ยวฉันต้องรีบกลับไปทำงานต่อ..เอกสารยังเคลียร์ไม่เสร็จเลย..
คุณดลจะเอาตอนสิบเอ็ดโมงด้วย” คนางค์หน้ามุ้ย
“ฉันต้องเข้าไปคนเดียวจริงๆ เหรอ”
“เออ!..เข้าไปเถอะ..ไม่มีใครเค้ากัดแกหรอกน่ะ” น้ำเสียงเริ่มรำคาญเต็มที่ คนางค์หน้าคว่ำเอ่ย
ออกมาเสียงอ่อยๆ
“งั้นฉันไปล่ะ!” แจ๊ดพยักหน้า ยืนส่งจนคนางค์เข้าประตูไปแล้วนั่นแหละถึงจะหันหลังกลับไป
ได้...คนางค์เดินดุ่ยๆ หน้ามุ้ยตลอดทาง..คุณดลนะ คุณดล!..ไม่บอกล่วงหน้าบ้างเลยนึกจะให้
มาก็ปุ๊บปั๊บบอก..ไม่ให้เตรียมเนื้อเตรียมตัวอะไรเลย..และขึ้นเครื่องบินด้วยสิ..ไม่เคยอ่ะ! มัน
จะตกมั๊ยเนี่ย..พระเจ้า! มะ..มันจะเหมือนในหนังหรือเปล่า..มีโจรปล้น!..โอ้!มันต้องมีแน่ๆเลย..
เรื่องแบบนี้มันมักจะโชคร้ายกับคนดวงดีๆเท่านั้น..
“คุณ..คุณคะ” เสียงเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วลอยเข้ามา แต่คนางค์ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกจาก
ภวังค์ความคิดยังคงยืนทำหน้าสยดสยองอยู่อย่างงั้น
“คุณคะ ขอตั๋วด้วยค่ะ” ทีนี้สะกิดมาที่แขน..หญิงสาวสะดุ้งโหยง
“คะ..คะ ค้า”
“ขอตั๋ว กับบัตรประจำตัวประชาชนด้วยค่ะ..พาสปอร์ตก็ได้” คนางค์ยิ้มแหยๆ
“เอ่อ! ค่ะ..ค่ะ..ค่ะ” รีบส่งเอกสารให้อย่างไว ซักครู่ก็เสร็จสรรพ..คนางค์เดินมานั่งรอที่ประตู
ทางออก..นั่งไปได้ซักสิบห้านาที เสียงเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเครื่อง..หญิงสาวรีบวิ่งดุ๊กๆ ไปต่อ
ท้ายแถว..เดินตามเค้าต้อยๆ เห็นเค้าหยิบหนังสือพิมพ์ก็หยิบบ้าง
“สวัสดีค่ะ” เสียงพนักงานต้อนรับบนเครื่องทักทายส่งมา..คนางค์ยิ้มพริ้ม
“หวัดดีค่ะ”
“ไม่ทราบ..ที่นั่งเลขที่เท่าไหร่คะ” หญิงสาวยื่นตั๋วส่งให้
“ชั้นธุรกิจ..เชิญทางด้านนี้ค่ะ” เดินนำหน้าพาคนางค์ไปนั่ง..หญิงสาวสะพายเป้เดินตามต้อยๆ
“นี่ค่ะ!” แอร์สาวผายมือไปยังที่นั่งริมทางเดิน คนางค์ส่งยิ้มให้พึมพำขอบคุณออกไป..รีบปลด
เป้ออกจากหลัง..มองดูคนอื่นว่าเค้าทำยังไงกัน แล้วก็ค่อยๆ ยกเป้ส่งขึ้นไปเหนือหัวจะเอาวาง
ไว้ตรงที่เก็บสัมภาระ..แต่กระเป๋าที่วางอยู่ก่อนหน้า..มันเบียดแน่นเหลือเกินเอามือเขยิบก็แล้ว
มันก็ยังไม่ขยับ..ดันยังไงก็ไม่มีทางเขยื้อน
“ติดอะไรวะ” บ่นงึมงำเริ่มไม่สบอารมณ์..แต่แล้วก็มีมือยื่นมาดันให้จากข้างหลัง หญิงสาวหัน
มาส่งยิ้มให้
“ขอบคุณมากค่ะ”มีอันต้องตาเหลือก!..
“คะ..คุณธันวา”
“เข้าไปนั่งไป..เดี๋ยวฉันเก็บให้” พยักเพยิกหน้าดันตัวหญิงสาวให้ไปนั่งด้านใน แต่คนางค์ขืนตัว
ไว้ซะก่อน
“ตะ..แต่ในตั๋วมันนั่งด้านนอกอ่ะ” มีเถียงส่งมาอีก..ชายหนุ่มมองหน้านิ่ง..คนางค์รีบกระเถิบ
อย่างไว..นั่งลงอย่างเร็ว..มองค้อนชายหนุ่มควับๆ..ทำมาเป็นมอง!..จอมบงการ!..และทำไม
ต้องมาเจอกันด้วยนะ..คุณดลไม่เห็นบอก..นั่งขมวดคิ้วนิ่วหน้า..ซักครู่ชายหนุ่มก็นั่งตามลงมา
เหลือบตามองคนางค์นิดนึง
“รัดเข็มขัดด้วย”
“คะ..ค้า” หันมาเลิกคิ้วส่งให้
“รัดเข็มขัด!” หญิงสาวพยักหน้าหงึก หงึก กุลีกุจอ หาสายรัดเข็มขัด..พอเจอแล้วก็รีบเสียบ
เข้าล๊อคอย่างไว..แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ซักที หญิงสาวส่งเสียงจึกจักออกมา
“ทำไมมันไม่อยู่อ่ะ” ชายหนุ่มหันมามอง ถอนหายใจออกมาดังเฮือก ชะโงกหน้าเข้ามาซะชิด
ยื่นมือมาปัดมือหญิงสาว..คนางค์นิ่งอึ้ง! ใจเต้น ตึก ตั๊ก! อือหือ!..จมูกโด่งจังเลยอ่ะ! ทำหรือ
เปล่า ต้องทำแน่ๆ ชัวร์!..อึยส์..ขนตายาวกว่าฉันอีก..พระเจ้า! เป็นแพเชียว
“มองอะไร” คนางค์สะดุ้งเฮือก รีบละล่ำละลักส่งเสียงออกไป
“มะ..มองอะไร..ไม่ได้มอง..ไม่มี๊!” ส่ายหัวอย่างไว ชายหนุ่มถอยตัวออกไปนั่งที่ของตัวเอง..
คนางค์ก้มลงมองเห็นเข็มขัดเข้าที่เข้าทางดีแล้วก็ส่งเสียงขอบคุณออกไป..ชายหนุ่มนั่งนิ่งหยิบ
หนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเฉย..หญิงสาวยู่หน้าส่งให้..ซักครู่ได้เวลาเครื่องออกเจ้าที่บนเครื่อง
สาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน.. คนางค์นั่งฟังนิ่งตาเบิกโพลง..สนใจจัด! รีบ
หยิบหนังสือคู่มือหลังเบาะมาอ่านใหญ่..ธันวาหันมาเห็นก็อมยิ้ม หญิงสาวหันมาเห็นพอดี
“นี่คุณ!..ไม่อ่านเหรอ..เดี๋ยวเป็นอะไรไปแล้วจะยุ่งนะ” พยักหน้าชวนยิก ยิก ชายหนุ่มส่ายหน้า
ส่งให้
“ไม่ต้อง!..ฉันรู้แล้ว” คนางค์แบะปาก..แหวะ! ทำมาเป็นรู้..เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆนะฉันจะ
ไม่ช่วยเลย..ซักครู่เครื่องก็ขึ้น เสียงเครื่องบินวิ่งบนรันเวย์..ทำให้คนางค์นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน
ซักแป๊บเครื่องก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หญิงสาวตกใจหน้าเริ่มซีด รีบจับพนักท้าวแขนแน่น..ชาย
หนุ่มหันมามอง
“เป็นอะไร”
“มะ..มันจะตกมั๊ย!” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“เคยขึ้นหรือเปล่า!” หญิงสาวส่ายหน้า
“ไม่เคยอ่ะ!..มะ..มันจะตกมั๊ย!” ถามย้ำมาอีก..ชายหนุ่มอมยิ้มค่อยๆ ดึงมือข้างขวาของคนางค์
ออกจากพนักท้าวแขน เอามากุมไว้ในมือตัวเอง..สัมผัสได้ถึงความกลัวจริงๆ เพราะอุ้งมือของ
หญิงสาวเย็นเฉียบ! ธันวาส่งเสียงมาเบาๆ
“ไม่ตก!..ไม่มีอะไรหรอก”
“มะ..มันดังอ่ะ” กระซิบส่งมา สีหน้ายังบ่งบอกถึงความกลัว
“ก็อย่างงี้แหละ..เวลาเครื่องขึ้นเสียงมันจะเป็นแบบนี้”
“หูฉันอื้อ!..หูฉันจะหนวกหรือเปล่า” ถามมาอีกระรอกหน้าตาเหยเก..ธันวาหัวเราะเบาๆ
“ไม่หรอก..เดี๋ยวก็หาย” หญิงสาวพยักหน้าหงึก หงึก นั่งนิ่ง..ซักแป๊บเครื่องก็เดินเรียบบนท้อง
ฟ้า..ผู้คนเริ่มส่งเสียงจ๊อก แจ๊ก..พนักงานบริการบนเครื่องเดินกันให้ขวักไขว่
“หายหรือยัง!” ชายหนุ่มส่งเสียงถามมา คนางค์ส่ายหน้ายิก ยิก ขมวดคิ้วมุ้น
“ยังอ่ะ..มันยังอื้ออยู่เลย” ธันวาหันไปเรียกพนักงานบริการสาว..ที่ดูจะเดินผ่านไปผ่านมาแถวๆ
ชายหนุ่มบ่อยๆ
“คะ!..มีอะไรให้รับใช้คะ” ยิ้มหวานเข้ามาหาชายหนุ่ม
“ขอหมากฝาหรั่งซักอันสิครับ..ให้คุณผู้หญิง”
“ได้ค่ะ..รอซักครู่นะคะ”ก่อนไปมีส่งยิ้มสายตาเชื่อมให้ธันวาอีก..ชายหนุ่มอมยิ้มตอบ..คนางค์
นั่งดูอยู่หมั่นไส้
“นี่!..ฉันไม่เอาหรอกนะ..ไอ้หมากฟะหรั่งอะไรนั่นน่ะ..ไม่มีอารมณ์จะกิน..หูอื้อจะตายอยู่แล้ว..
ยังจะให้ฉันเคี้ยวอะไรที่มันปวดแถวๆ กรามอีกเหรอ!” นั่งหน้าคว่ำบ่นออกมา ธันวาถอนหายใจ
เฮือก ตะคอกออกมาเบาๆ
“ไม่รู้เรื่องแล้วพูดมาก” ซักแป๊บ! แอร์สาวก็ถือของที่ต้องการใส่จานใบน้อยมาให้อย่างดี ธันวา
ยิ้มหวานส่งให้
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีรับใช้ค่ะ!” เดินยิ้มแป้นออกไป..คนางค์หันหน้าไปเบะปากใส่กระจก..แหวะ! ขอบคุณ
ครับ..ทีกับเราเนี้ยตะคอกเอาตะคอกเอา..
“อ่ะ! เอาไปเคี้ยวซะ” คนางค์หันหน้ามุ้ยๆ กลับมามอง
“บอกว่าไม่เอาไง..ไม่มีอารมณ์จะเคี้ยว”
“เคี้ยวๆไปเถอะ..อย่าเรื่องมาก!..มันช่วยได้” คนางค์ทำปากจึก จัก..หยิบเอามาจากมือชาย
หนุ่มแกะใส่ปากเคี้ยว หงับๆ เคี้ยวไปได้ซักแป๊บก็ดีขึ้น..หันมามองธันวาเห็นนั่งอ่านหนังสือเฉย
ก็ไม่อยากกวน..หันหน้าเลิกลั่ก ชะโงกมองดูผู้คนที่อยู่บนเครื่องซักแป๊บนึกขึ้นได้ ตาเบิก
โพลง สะกิดชายหนุ่มยิก ยิก กระซิบส่งมาเบาๆ
“นี่นี่! คุณ” ธันวาเลิกคิ้ว หันมามอง
“อะไร!”
“มันจะมีโปนจ้น เครื่องบินมั๊ย!” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” คนางค์ทำหน้าหงุดหงิด..เอามือดันกรอบแว่นให้มันขึ้นไปอยู่บนดั้ง
เหมือนเดิม..ชะโงกหน้าเข้ามาซะชิดต้นแขน กระซิบกรอกหูชายหนุ่ม
“รหัสลับไงคุณ รู้กันแค่สองคน..โปนจ้น..ก็โจรปล้นไง!..มันจะมีมั๊ยอ่ะ..ไอ้บนเครื่องบินลำนี้
น่ะ” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ..หันมามองหญิงสาวข้างๆ เห็นสายตาบ๊องแบ๊วอยากรู้
อยากเห็นภายใต้กรอบแว่นสีแดงแป๊ด..ก็อมยิ้มนิดๆ ออกมา
“เธอนี่!..ท่าทางจะต๊อง!จริงๆ..ดูหนังมากไปหรือเปล่า..ยัยบ๊อง!” และก็นั่งก้มหน้าอ่านหนังสือ
ต่อ..คนางค์ขมวดคิ้วถอยกลับมานั่งบนที่นั่งของตัวเอง
“ถามดีๆ จะตอบดีๆก็ไม่ได้..ชอบว่าเราอยู่เรื่อยเลย” บ่นงึมงำอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเหลือบตา
มอง
“อะไร!”
“เปล่า!” ทำหน้าไร้เดียงสา..ส่ายหัวหงึก หงัก ธันวาเลิกสนใจนั่งอ่านหนังสือต่อ..ซักครู่
พนักงานบนเครื่องก็เอาอาหารมาเสริฟ..นั่งกินกันเงียบๆไม่มีเสียงออกมาซักแอะ..จนเสร็จ
สรรพดีแล้วนั่นแหละ..คนางค์ถึงเอ่ยปากออกมา
“นี่คุณ!..อีกนานมั๊ยกว่ามันจะถึงอ่ะ” ชายหนุ่มยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“อีกประมาณสี่สิบห้านาที” คนางค์พยักหน้ารับ เอนตัวพิงเบาะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย..ซัก
แป๊บก็เข้าสู่ภวังค์ของการหลับใหล..หลับลึก..หัวค่อยๆเลื้อยซบไปบนไหล่ชายหนุ่ม..ธันวาก้ม
ลงมองหัวเราะออกมาเบาๆ แว่นที่ปกติมันจะต้องอยู่บนดั้งจมูกงอนงาม..ตอนนี้เลื่อนหล่นเผล่
มาอยู่ใต้จมูกงามซะแล้ว..ชายหนุ่มค่อยๆ..ดันแว่นกลับเข้าที่เดิมให้..พยายามจับหญิงสาวให้
ทรงตัวกลับไปพิงพนักเก้าอี้..แต่ไม่เป็นผล! คนางค์คว้าหมับเข้าที่แขนของชายหนุ่มกอดไว้ซะ
แน่น..และก็พึมพำออกมาเบาๆ
“ชอบว่าฉันอยู่เรื่อยเลย!” ธันวาอมยิ้มพริ้ม ยังคงก้มมองนวลหน้าด้านข้างของหญิงสาวอยู่
พึมพำออกมาบ้าง
“เธอมันดื้อ!..ต้องปราบให้เข็ดหลาบ” ยกมือขึ้นเกลี่ยลูกผมน้อยๆ ที่ละอยู่บนหน้าผากกลมมน
ออกให้..เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ..ชายหนุ่มค่อยๆ ก้มลงเลื่อนริมฝีปากได้รูปไปสัมผัส
เบาๆ ที่ขมับน้อยๆ ของหญิงสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจากการหลับไหล......
“นั่นไง! ฉันว่าแล้วปุ๋ม!..สุดหล่อของเธอไม่ว่างซะแล้ว!..เธอเห็นมั๊ยล่ะจุ๊บ!ขมับกันน่ารักเชียว”
หญิงสาวนามว่าปุ๋มส่งค้อนให้ควับ! หน้าง้ำ..ส่งน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดออกมา
“รู้แล้ว!..เห็นแล้ว!..ไม่ต้องมาตอกย้ำ..ฉันก็แค่ชื่นชมเค้าเท่านั้นแหละ..กริยาท่าทางสุภาพบุรุษ
มากๆ เฮ้อ! เสียดายจัง!..ประเทศไทยจะเหลือผู้ชายลักษณะท่าทางดีๆ อย่างงี้อีกซักกี่คนน้า...
จะมีเผื่อแผ่เหลือมาถึงนางฟ้าผู้ใจดีอย่างฉันบ้างมั๊ยเนี่ย!” บ่นพึมพำสายตาก็มองธันวากับ
คนางค์นิ่ง เพื่อนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับอมยิ้มส่ายหน้าออกมา
“เพ้อเชียวเธอ!..ไปทำงาน..เดี๋ยวหัวหน้าเทวดามาเธอจะยุ่ง..ไป!”...
กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2554, 16:23:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2554, 16:23:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 1692
<< ตอนที่ 5 : สิ่งที่ได้รู้ | ตอนที่ 7 : กามเทพแผลงศร >> |