รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 11 : ร่ำลา

แสงสว่างวาบกลางป่าหายไปพร้อมกับร่างของคนสองคน ครามที่ออกจากร่างพุทธายืนประจันหน้ากับฬาฬีด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เทพารักษ์ประจำป่าต่างส่งพลังคุ้มครองทั้งสองในเสี้ยววินาทีที่ฬาฬีโถมพลังสุดตัวเพื่อขัดขวางทั้งสอง ร่างบางทรุดลงกับพื้น ถึงมีแค่ดวงจิต แต่ตอนนี้มันเจ็บปวดรวดร้าวราวกับไปนั่งกลางกองไฟที่ลุกไหม้

“ข้าเป็นอะไร”

“บุญหมดลงแล้ว ความแค้นของเจ้า จะทำให้ร่างภูตของเจ้าสลายไปในเวลาไม่นาน”

ร่างที่เริ่มโปร่งแสงร่ำไห้ออกมา เสียงโหยหวนกรีดลึกใจผู้ฟัง ฬาฬีกุมบริเวณส่วนที่เคยมีหัวใจอยู่ ความแค้นในใจไม่มีเสื่อมคลาย

“ข้าเกลียดนาง เกลียดนังน้องสาวนั่น...ไม่เคยทำอะไร แต่ได้ทุกอย่างไป ส่วนข้าอยู่บนกองซากปรักหักพัง อยู่บนซากหัวใจที่นิมมานไม่เหลือที่ให้ข้า”

“เจ้าทนทุกข์แบบนั้นเพราะเจ้าฆ่าเจ้านางสมิตา” ครามเตือนสติ

“นางเกือบจะฆ่านิมมาน”

“ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล” เสียงเรียบเรื่อยของภูตนิมมานปรากฏขึ้นด้านหลังร่างของฬาฬี “ต่อให้สมิตาทำผิดกับข้ามากกว่านี้ข้าก็จะให้อภัย ไม่มีวันโกรธนาง ไม่มีวันไม่รักนาง แล้วไม่มีวันรักเจ้าด้วยเช่นกัน...ข้าขอโทษ”

ฬาฬีส่งเสียงโหยหวนเจ็บปวด จากใจและจากกายทิพย์ของตัวเอง ภาพบุคคลที่เธอเฝ้าตามติดมาตลอดพันปีกำลังยืนมองเธออย่างเฉยชา

“ทำไมถึงได้ใจร้ายกับข้าอย่างนี้ท่านนิมมาน” กอดตัวเองไว้แน่น เสียงสั่นเครือ “ข้ารักท่านนะ”

“ถ้าเจ้าสลายไปคำสาปที่เจ้าเคยบีบรั้งดวงวิญญาณท่านนิมมานจะหมดลงด้วย”

“ไม่!” ฬาฬีสะอื้นหนัก ใช้แรงเฮือกสุดท้ายจ้องครามดวงตาแดงก่ำ จนกลายเป็นสีเลือด จ้องครามเขม็ง “ข้าขอสาปแช่งท่าน...ขอให้ความรักของท่านพบเจอแต่อุปสรรค ให้สาสมกับที่ท่านขัดขวางความรักของข้า”

“ข้ายินดีรับทุกอย่าง” ดวงตาแน่วแน่ไม่เคลื่อนย้ายไปจากใบหน้าของฬาฬี ยมทูตหนุ่มยกมือโบกกับอากาศแค่ครั้งเดียว ร่างของฬาฬีก็กลายเป็นดวงไฟสีแดงลุกโชน ก่อนจะถูกดูดลงไปเบื้องล่าง

“ข้าทำผิดกับฬาฬีไว้มาก”

“อย่าโทษตัวเองท่านนิมมาน ความรักรั้งให้ท่านยึดติดอย่างเดียวไม่ได้หรอก เพราะคำสาปแช่ง และไม่ต้องการเห็นท่านสมหวังกับเจ้านางสมิตามากกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นข้าเป็นอิสระแล้วอย่างนั้นเหรอ”

ครามหัวเราะในลำคอ เสียงเคร่งขึ้น “ถ้าสมิตานันแก้ไขอดีตสำเร็จ จะไม่มีตัวท่านอยู่อีกต่อไปท่านนิมมาน”

“ข้าไปหานางได้ไหม”

“สมิตาหรือสมิตานันล่ะท่านนิมมาน”

ภูตหนุ่มอายุพันปียิ้มรับ แสงสว่างวาบขึ้นกลางลานกว้างพาเขาไปหาหญิงสาว ก่อนที่เขาจะหายไปตลอดกาล


พอเขาหลุดพ้นจากคำสาปแช่งของฬาฬี ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ได้คล้ายกับว่าไร้ตัวตน พลังที่นิมมานรวบรวมได้มากสุดเป็นเพียงเด็กชายที่สวมชุดสีขาวสะอาด ย้อนกลับไปเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบขวบ แม้ว่าอายุวิญญาณจะนานนับพันปี

นิมมานเดินอย่างสะดวกโดยไม่มีใครมองเห็น ภาพขบวนที่เขาจำได้ขึ้นใจมีร่างระหงนั่งอยู่บนเสลี่ยงสี่คนหาม ดวงตาเศร้าสร้อยฉายรอยเสียใจ การต้องจากบ้านจากเมืองในยามนั้นคงสร้างความสะเทือนใจแก่นางไม่น้อย

ชายหนุ่มในร่างเด็กมองตามด้วยความคิดถึง...นานเท่าไหร่ที่เขาไม่ได้พบสมิตา

ขบวนเดินจากไปจนลับตา ร่างสองร่างที่อำพรางกายด้วยผ้าผืนใหญ่ คอยแอบอยู่ตามมุมไม่ให้เป็นที่สังเกต นิมมานมองแวบแรก เสี้ยวหน้าขาวผ่อง และดวงตาสดใส มีอยู่เพียงคนเดียวที่เขารู้จัก...สมิตานัน

“จะไปไหนกันรึ” เสียงเล็กดังขึ้น นิมมานนึกตลกที่ในวาระสุดท้ายใกล้จะจากไปของตน ร่างที่คงอยู่กลับเป็นเพียงเด็กน้อย สมิตานันรีบตะครุบมือคนตัวสูงหน้าตาพิมพ์เดียวกับเขาไว้แน่น

อา...เขาเห็นแล้วใบหน้าของเขา หล่อเหลาไม่เบา

นิมมานที่กลายเป็นวิญญาณธรรมดามองมือที่จับเกี่ยวกันแน่นด้วยสายตาไม่พอใจ และเพียงแค่คิดชั่ววูบ จิตของเขาก็แฝงเข้าไปในร่างของนิมมานร่างคนได้โดยเร็ว

สัมผัสอุ่นที่จับแน่นตรงมือ มันอุ่นวาบ และพานให้ใจในร่างนี้กระหน่ำรัวแรง ความสุข...มันเป็นอย่างนี้เหรอ

“เด็กคนนั้นไปไหนแล้ว”

“ข้าเอง”

“หือ...ข้าเองนี่ใคร คุณนิมมานฉันไม่ตลกนะ” สมิตานันย้อนกลับ

“ข้า นิมมาน อดีตภูตนิมมาน”

หญิงสาวถูกดึงเข้าไปกอดแน่น เนื้อกายมนุษย์ที่มีใบหน้าเป็นเขา มีความนึกคิด และจิตใจซื่อตรงต่อเพียงสมิตานัน เขารู้สึกได้

แต่เรื่องจะเอาความลับเจ้ามนุษย์ในยุคปัจจุบันมาบอกให้สมิตานันรู้อย่างนั้นน่ะเหรอ...หึ ไม่มีทาง

“ข้าดีใจที่ได้กอดเจ้า ไม่ใช่แค่ภาพฝัน”

“ฉันเองก็ดีใจที่เจอท่านที่นี่ แต่เดี๋ยวนะ” รอยยิ้มจากดวงตาสุดแสนยินดีมีความเคลือบแคลงสงสัย ผละออกมาจากอ้อมกอดของนิมมาน แก้มแดงน้อยๆ “ท่านมาได้ยังไง แล้วทำไมถึงมา ฉันนึกว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก”

จริงสิที่นี่มีสมิตา...นิมมานไม่ได้มาเพราะเธอ

“ข้ามาลา”

“ลา” สมิตานันทวนคำเสียงเบาหวิว ระยะเวลาแค่หนึ่งเดือนกับการรับรู้ว่านิมมานมีตัวตน ไหนจะกว่าที่เธอปรับตัว ปรับใจรับเขาได้ วันนี้เขาจะมาลา

ถึงจะยังไม่ทันรัก เพราะเธอมักย้ำตัวเองว่าต่างมิติ คนละภพ หากริอาจรักจะมีแต่เจ็บ แต่การนอนหลับมีภาพฝันที่สวยงาม ได้คุยปรับทุกข์กัน เวลาเผชิญอันตรายเขาจะคอยคุ้มภัย เขาจะจากเธอไปจริงๆ เหรอ

“แต่ฉันยังไม่ทันทำอะไรเลยนะท่านนิมมาน สมิตาในชาติของท่านยังไม่สมหวัง ยังไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าไหม ไหนเรื่องของฬาฬี”

มือใหญ่แนบแก้มสองข้างของสมิตานันไว้มั่น ดวงตาดำทอแสงคมประกายกล้า มีกระแสดึงดูดให้เธอเลื่อนหลบหนีไปมองที่ไหนไม่ได้

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร สมิตา สมิตานัน หรือเกิดเป็นสัตว์ เป็นอะไรที่ร้ายกาจ ข้าไม่เคยรู้สึกโกรธที่ต้องมาเจอเจ้า ข้าอาจผิดหวังบ้าง แต่ไม่รู้สึกเกลียด ยิ่งชาตินี้ของเจ้า” ทัดผมไว้ข้างหูหญิงสาวอย่างอ่อนโยน “เจ้าคือความรักของข้า เป็นแสงสว่างที่ข้าพบเจอมาตลอดพันปี ขอบคุณที่มีชีวิตให้ข้าได้รัก”

หัวใจที่เคยสร้างเกราะไว้แน่นหนาถูกกะเทาะออกโดยง่าย สมิตานันเม้มปาก ขบกรามแน่น โถมตัวกอดเขาไว้ ทำไมต้องมาสารภาพรักในวันที่จากกัน

“ไม่มีข้าแล้ว...อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ สมิตา นามว่าตี้...ข้าเรียกไม่ชิน แต่ข้าจะไม่ลืมเจ้า”

ผีเสื้อสีดำโปร่งแสงกระพือปีกบินออกจากร่างของนิมมาน สมิตานันยกนิ้วชี้ขึ้นให้ผีเสื้อได้บินเกาะ เสียงของครามดังในหัวของเธอก่อนที่ผีเสื้อตัวนั้นจะหายลับไป

“นิมมานจะสถิตในใจเจ้า แต่หน้าที่ต่อจากนี้ของเจ้าคือการช่วยชีวิตสมิตา และอย่าให้ฬาฬีได้อาฆาตใครอีก เมื่อใดที่เจ้าทำสำเร็จ นิมมานจะจากไปอย่างสงบ”

สมิตานันน้ำตาร่วง ปราศจากเสียงสะอื้น หัวใจเจ็บร้าว ทำไมเธอต้องรู้สึกรักในวันสายไปแบบนี้ หญิงสาวนึกโกรธตัวเองที่เธอไม่เคยเห็นค่าของเขา ตลอดพันปี เธอทำบ้าอะไร ปล่อยให้ผู้ชายที่รักเธอมากคนนี้เฝ้ารอ

“ฉันรักท่าน...รัก”

ดวงตาดำขลับลืมตาขึ้น เสียงหวานข้างหูชโลมความอบอุ่นจนเผลอกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เสียงสะอื้นไห้ดัง ไม่เหมือนคนที่สารภาพรักสักนิด

“ตี้ ร้องไห้ทำไม” ยกมือลูบศีรษะนุ่ม ตั้งใจปลอบประโลมจากใจจริง

“เขาไปแล้ว”

“ใคร” ชายหนุ่มที่เหมือนหลับไปวูบหนึ่ง ยืดแขนมองดวงตาเศร้าสร้อย ปากสีแดงเม้มเข้าหากันแน่น “ใครทำคุณร้องไห้”

“คุณที่ไม่ใช่คุณไงคะ เขาจากไป แต่ทิ้งให้ฉันรู้ว่ารักเขา ความรักของฉันทำให้เขาได้รับการปลดปล่อย แต่ฉันกำลังทรมาน” เบือนหน้าหนีไม่อยากสบดวงตาที่ภูตนิมมานอย่างกับแกะ สัมผัสกายอุ่นที่โอบรอบเธอคลายลง ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองร่างระหงลงไปนั่งยอง ปล่อยน้ำตาลงพื้นดินต่างฝน

“ผมก็เป็นเขา ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติก็เป็นคนเดียวกัน”

“แล้วคุณรักฉันเหมือนที่เขารักฉันหรือไง” ยกมือปิดหน้า ซับน้ำตารสเค็มแสบลิ้น หัวใจเบาหวิว เหมือนบางสิ่งบางอย่างได้หล่นหายไปจากใจ “เขารักฉันมาก อาจจะมากเกินไป”

ผมก็รู้สึกรักคุณอย่างนั้น...นิมมานกล้ำกลืนคำพูดนั้นไว้ในใจ ความทรงจำทั้งหมดเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่พบหน้าสมิตา และตอนนี้ช่วงเวลาประหลาดในหัวที่เพิ่มมา คือช่วงเวลาที่คนหน้าเหมือนเขาเหาะเหินเดินอากาศได้ ความรู้สึก ความทรงจำมันฝังในหัวเขาแน่นจนน่ากลัว

“คุณจะรักใครก็ช่าง แต่ตอนนี้อย่าลืมหน้าที่ของคุณสิ...ทำตัวให้เก่งกล้า เหมือนที่เคยเป็น”

“คนไม่มีหัวใจ” หญิงสาวบริภาษเสร็จ ก็เดินกลับไปทางเดิม สวนทางที่สมิตาเดินทาง

คนไม่มีหัวใจอยู่กับตัว แต่ฝากไว้ที่ผู้หญิงใจร้ายที่กำลังทำตัวมองไม่เห็นค่าของหัวใจเขาด้วยความรู้สึกอัดอั้น...ชีวิตของเขาก็เหมือนต้องสาป หลับตานอนก็ฝันเห็นแต่เธอ ยังต้องรับรู้อดีตชาติของตัวเอง ซ้ำร้าย แม้แต่อดีตชาติของตัวเองในเรื่องความรักตนนั้นก็ยังพ่าย

นิมมานยิ้มหยันให้ตัวเอง...การรอความรักจากสมิตานันเป็นเรื่องยากเสมอ

“คุณจะทำไงต่อไป”

“ฉันจะดักไม่ให้คุณฬาฬีไปก่อความวุ่นวายกับสมิตาได้ อย่างน้อยๆ ฉันต้องคิดหาทางไม่ให้คุณฬาฬีแค้นจนไปไหนไม่ได้” สมิตานันเอ่ยย้ำชัด ถึงนิมมานที่เป็นภูตจะหายไป แต่เธอต้องหยุดจุดเริ่มนี้ให้ได้ก่อน หยุดความแค้นของฬาฬี นิมมานภูตที่เฝ้ารอเธอนานนับพันปี จะไม่มีวันเกิดขึ้น

“ตกลง...ทีนี้ผมรู้ว่าคุณต้องการทำอะไรแล้ว คุณก็แค่อยู่เฉยๆ”

หญิงสาวส่งเสียงในลำคอแปลกใจ ดวงตาฉงนเมื่อสบตาคมกล้าของนิมมาน “ผมจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง...ผมให้คุณเสี่ยงไม่ได้”

บรรยากาศราวกับรอบข้างหยุดเคลื่อนไหว มีความอุ่นวาบในใจ สมิตานันรู้สึกว่าเธอกำลังโดนผู้ชายที่ชื่อนิมมาน ไม่ว่าจะเป็นคน หรือภูตปั่นหัว เม้มปากแน่นไม่ให้เผลอตัวอวดรอยยิ้มที่มีคนมาใส่ใจ การเห็นเขามาดูแลแบบนี้ทำให้สมิตานันรู้สึกว่าบางที มันเกิดมาจากความทรงจำ หรือความรู้สึกตกค้างจากอดีตก็เป็นได้...ไม่มีทางเลยหากทั้งเธอ และเขาไม่รู้จักกัน จะรักกันได้

ทุกอย่างมันเป็นกรรมเก่า...แค่นั้นเอง

เธอจะมาเป๋ หัวใจแกว่ง กับความรักที่เกิดมาจากความทรงจำเก่าๆ แบบนี้ไม่ได้ สมิตานันเชิดหน้าขึ้น เรียกวิญญาณความเป็นสมิตานันที่เธอเผลอทำหล่นหายนับตั้งแต่เจอผีสางสารพัด ถึงจะเคยเป็นสมิตา...แต่ ณ วันนี้จงจำไว้ว่าเธอคือ สมิตานัน เป็นสมิตานัน

“ฉันไม่ใช่ช้างเท้าหลัง ไม่ได้อ่อนแอ เข้าใจ๊” สะบัดคอหนี เหยียดมุมปากเย้ย ยักคิ้วท้าทาย หมดคราบคนที่เพิ่งร้องไห้ ป่าวประกาศว่ารักคนที่จากไป

เด็กเล็กๆ วิ่งผ่านไปมา จนมีเด็กหญิงขมวดผมกลางศีรษะวิ่งมาด้วยความเร็วเฉี่ยวหญิงสาวจนเซ นิมมานรั้งเอวหญิงสาวไว้ แต่ดูเหมือนคนในอ้อมแขนจะไม่ได้สนใจเขาสักนิด นอกจากดวงตาเบิกกว้าง ปากเปิดออก ก่อนที่มันจะกลายเป็นรอยยิ้ม ชื่อบุคคลที่หลุดจากปากหญิงสาวทำให้คนฟังนึกออกว่าใครที่ถูกเอ่ยถึง

และมันทำให้เขาหงุดหงิด...โดยเฉพาะกับร่างสูง หน้าตาเกลี้ยงเกลา สวมชุดผ้าทอสีขาว ตรงชายมีลายดอกไม้สวยอยู่ วิ่งมาหยุดลงตรงหน้าสมิตานัน

“หมอธี”

“เจ้านางสมิตา...ข้าดีใจที่ท่านยังไม่ไป ว่าแต่ทำไม” สายตาของหมอยาทิวาเลื่อนมองไปยังอีกคนด้วยความตกตะลึง “ท่านนิมมาน”

ก่อนที่อดีตชาติของธนิทธิจะทำลูกตาสีตาสาแตกตื่น จนการอำพรางกายล่มไม่เป็นท่า นิมมานจำเป็นต้องหาพรรคพวกโดยด่วน อย่างน้อยๆ ถึงไม่ถูกขี้หน้านัก แต่ก็ยังดีกว่าเดินเกมกับสมิตานันเพียงแค่สองคน อย่างคนไม่รู้เหนือรู้ใต้

นิมมานดึงผ้าคลุมหน้าลงมาให้มิดชิดมากขึ้น กำชับให้หญิงสาวนิ่งไว้ แล้วตัวเองเข้าไปล็อกตัวหมอในจังหวะที่คนเริ่มเพ่นพ่านน้อยลง ด้วยตัวที่ใหญ่กว่าในที่สุดชายหนุ่มก็ลากธนิทธิเข้ามาได้ แต่ก็โดนคนเดินตามมาฟาดไปต้นแขนแรงๆ ทีหนึ่ง

“หมอธีเจ็บหมด”

“คุณนี่มัน...เข้าข่ายทำคุณบูชาโทษจริงๆ”

สมิตานันถลึงตามองดุ จัดการประคองธนิทธิที่เธอยังไม่รู้ชื่อของเขาในชาตินี้ จะบังเอิญเหมือนเธอกับนิมมานหรือเปล่า ที่ชื่อก็ดันเหมือนและคล้ายเดิม แต่แค่เธอแตะตัว ร่างสูงผอมของหมอรีบทรุดตัวลง ตัวสั่น

“อย่าแตะต้องข้าเลย ข้าต่ำต้อยเกินไปเจ้านาง”

มือสองข้างทึ้งหัวตัวเองแรงๆ จะทำอย่างไรให้เขาเชื่อว่าเธอไม่ใช่เจ้านางสมิตา...

“พาพวกข้าไปยังที่พักของเจ้า” นิมมานพูดขึ้นเสียงนิ่ง สมิตานันหันขวับนึกว่าตัวเองหูฝาด สรรพนามโบร่ำโบราณเรียกแทนตัวเองอย่างคล่องแคล่ว หากว่าเขาไม่ขยิบตาข้างหนึ่งบอกมาว่ายังเป็นนิมมานที่เป็นคนไม่ใช่ภูต

ปรับตัวง่ายเหลือเกินพ่อคุณ...นึกค่อนขอดพอเป็นพิธี แต่ยอมสวมรอยด้วยอีกคน “ท่านพาข้าไปที่พักได้หรือไม่”

ทิวาพยักหน้าถี่รัว ก้มศีรษะลงต่ำ ยอมเดินนำไปตามทางเดินโรยด้วยกรวด ซึ่งห่างออกมาจากตัวตลาดในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เขตวัง รั้วอิฐมอญโบราณแดงมีทหารเฝ้า ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า สมิตานันมองอย่างตะลึงตะลาน หากมีกล้องถ่ายรูปเธอจะขอถ่ายไว้สักสองสามใบ

...........................................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ พุทเดี๋ยวเอาไว้ไปป่วนเรื่องภีมนะคะ ฮา สนุกเลยงานนั้น เรื่องนี้อยากให้มันเป็นแฟนตาซี แต่ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะกลับสู่ปกติในไม่ช้า ฮา พาหมอมาป่วนในโลกอดีตด้วยอีกคน

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และนักอ่านเงาทุกท่านค่า




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ย. 2556, 22:29:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2556, 22:49:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1521





<< บทที่ 10 : กลับสู่จุดเริ่มต้น   บทที่ 12 : เตรียมสวมรอย >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 12 พ.ย. 2556, 00:03:15 น.
นี่ถ้าไม่ติดว่า อิตาหมอ พอจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะ
จิให้นิมมานหักคอจิ้มน้ำพริกซะเลยย ออกมาวุ่นวายไรอีก
นิมมานตัวลูก อย่าน้อยใจไป เค้ารู้ว่าเด๋วอีกหน่อย ยัยตี้ก็หลงรักนายเอง ใจเยนๆๆๆ หุๆๆๆ


konhin 12 พ.ย. 2556, 00:14:16 น.
หายไปซะงั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account