มรกตสนธยา {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}} สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลเจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

...ผมอาจไม่ใช่เจ้าชายในฝัน
แต่คืนวันร่วมกันของเรายังไม่เพียงพอจะตัดสินอีกหรือ
ว่าผมมีค่าพอจะเป็นคนในชีวิตจริงของคุณ...

Tags: โมรารัตติกาล ม่านทิวาพชร มนตรามุกจันทรา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว คณิตา อัทธ์ อัญมณีเหนือกาล มนตราอัญมณี วาริท มุกดา

ตอน: บทที่๑/๒ ร้านอัญมณีในซอกหลืบ

บริเวณด้านในร้านดูโบราณและเก่ากว่าส่วนด้านนอกมากราวหลุดมาสู่อีกโลกหนึ่ง ผนังโดยรอบตัวร้านทำจากไม้ซุงทั้งต้นเรียงชิดกันอวดเปลือกไม้สวย พื้นในห้องนี้เป็นอย่างพื้นไม้โบราณที่ใช้ไม้ต้นใหญ่ถากผ่าตามแนวนอนจนเห็นลายไม้ชัดเจน ถัดจากจุดที่คณิตายืนคือบรรดาชั้นวางของอันมีเครื่องประดับและของสะสมหลายอย่างวางเรียงราย โดยของแต่ละชิ้นล้วนถูกประดับด้วยอัญมณีหลากชนิด เช่นเดียวกับตู้กระจกจำนวนมาก มีเครื่องประดับหลากหลายแบบและอัญมณีซึ่งยังไม่ได้ขึ้นตัวเรือนถูกวางไว้ เลยจากเหล่าตู้กระจกคือนาฬิกาประดับอัญมณีแปลกตาแขวนบนฝาผนัง หญิงสาวสะดุดสายตามองมันอยู่นานเมื่อนาฬิกาเรือนนี้มีเข็มบอกเวลาถึงสี่เข็มไล่ลดหลั่นขนาดลงมา มีตัวเลข 0 ถึง 9 แทนเลขสิบสองตัวอย่างนาฬิกาปกติ เข็มใหญ่สุดตอนนี้ชี้อยู่ตรงเลข 2 ทั้งๆที่ยามนี้ปาเข้าไปบ่ายสามกว่าแล้ว

เสร็จจากการสำรวจร้าน คณิตาก็มองมายังชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวซึ่งก้มๆเงยๆอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้กับเก้าอี้ตัวสูง เขาเป็นชายผิวสีแทนจัดตัดกับดวงตาสีเทาคล้ายเคลือบรอยสนิม สวมเสื้อแขนยาวสีนวลคล้ายผ้าดิบ ใบหน้าได้รูปคมสัน มีหนวดเคราประปรายแถวแนวคางแต่ไม่มากจนเกินกว่าจะบดบังใบหน้าหล่อเหลา ทว่าสิ่งที่สะดุดตาหญิงสาวมากที่สุดเห็นจะเป็นผมสีดำเดร็ดล็อกส์ยาวถึงอกเหมือนพวกศิลปินเรกเก้

“สวัสดีค่ะ”

“เขยิบเข้ามาสิ จะมาดูอัญมณีไม่ใช่เหรอ” สีหน้าคล้ายคนเมา และอาการเลิกคิ้วมองเธอ ทำเอาคณิตานึกฉุน

กวนชะมัด แล้วใครบอกกันว่าเธอจะมาซื้ออัญมณี แม้ในใจจะนึกบ่นท่าทีไม่รับแขกของเจ้าของร้าน แต่สองขากลับก้าวไปยืนอยู่หน้าตู้กระจกข้างเคาน์เตอร์ไม้

ภายในตู้กระจกบรรจุอัญมณีซึ่งยังไม่ขึ้นตัวเรือนไว้หลายเม็ด พวกมันวางอยู่บนแท่นกำมะหยี่สีดำ มีแสงไฟตามขอบตู้ส่องแสงลงให้ความสว่าง วาววับ แก่อัญมณีแต่ละเม็ด ทั้งมรกต ไพลิน บุษราคัม และอัญมณีอีกหลากชนิดที่คณิตาเองไม่รู้จัก

ท่ามกลางความแวววาวของเหล่าอัญมณี หญิงสาวสะดุดตาอัญมณีสีเขียวรูปหัวใจครึ่งซีกสองเม็ด เธอเมียงมองมันอยู่นานจนเจ้าของร้านไขตู้กระจก หยิบมันมาวางตรงหน้าหญิงสาว

“มรกตเม็ดนี้สวยจังเลยค่ะ”

“มันไม่ใช่มรกต พลอยเม็ดนี้คือเพริดอต”

“คะ?” ชื่อไม่คุ้นหู ทำให้คณิตาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“เพริดอต” ชายเจ้าของร้านทวนชื่ออัญมณีให้เธอฟังอีกครั้ง มือซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องประดับมากมายทั้งจากแหวนและสร้อยข้อมือวางอัญมณีสีเขียวลงบนถาดกำมะหยี่สีดำตรงหน้าคณิตา ตอนนั้นเองหญิงสาวจึงสังเกตเห็นเล็บสั้นกุดของเขาเป็นสีดำสนิท น่าแปลกเพราะเธอไม่เคยเห็นผู้ชายทาเล็บมาก่อน แต่เธอไม่มีเวลานึกสงสัยนานนักเมื่อเขาอธิบายต่อ “สังเกตเห็นสีของมันไหม มันจะมีสีเขียวสม่ำเสมอทั้งเม็ด แล้วความแข็งของเพริดอตก็แค่ 6.5-7 ไม่ใช่พลอยเนื้อแข็งเหมือนมรกต”

“เอ่อ...ขอโทษทีค่ะ ฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพลอยเท่าไร” คณิตาสารภาพตามตรงเพราะบทสนทนาของอีกฝ่ายเริ่มเลยไปไกลจนยากจะเข้าใจ

ชายหนุ่มตรงหน้าแสดงอาการถอนหายใจออกมาชัดเจน จนหญิงสาวชักเริ่มเดือด แต่ก่อนที่เธอจะแสดงท่าทีออกไป อีกฝ่ายก็ยอมอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงดีกว่าเดิมเล็กน้อย

“ไม่แปลกที่จะสับสนเพราะพลอยชนิดนี้มักรู้จักกันในนามมรกตยามเย็น เชื่อกันว่าอัญมณีชนิดนี้จะสั่งสมพลังในตอนกลางวัน และมีอำนาจเต็มเปี่ยมยามค่ำคืน”

แม้จะยังฟังขัดหู แต่ประโยคท้ายๆก็เรียกความสนใจให้คณิตาก้มลงมองพลอยตรงหน้าอีกครั้ง อัญมณีสีเขียวสดใสทรงหัวใจครึ่งซีกสองเม็ด มีขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อย เธอเพ่งพิศดูความแวววาวและประกายไฟสวยงามของพลอยสองเม็ดผ่านแว่นขยายที่ชายเจ้าของร้านส่งให้อยู่ไม่นาน ก็ชักเริ่มอยากได้เพริดอตคู่นี้ไปเป็นของขวัญแก่หลานสาวตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก

ยายมูนบอกว่าท้องแฝดนี่นา ซื้อเป็นของรับขวัญหลานเลยดีไหม

“ไม่ดีหรอก เพริดอตเป็นพลอยที่เหมาะสมกับความรักอันมั่นคงและยืนยาว ไม่ใช่ของรับขวัญเด็กแรกเกิด”

คนกำลังนึกเพลินๆชะงักงัน เงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาตกตะลึง

“คุณรู้ได้ยังไง”

“รู้อะไร” คำถามห้วนๆไร้หางเสียงกวนตะกอนอารมณ์คณิตาให้ขุ่นอีกครั้ง

หญิงสาวต้องใช้เวลาสงบจิตใจตัวเองอยู่นาน กว่าจะเอ่ยประโยคต่อมา

“ก็เรื่องที่ฉันตั้งใจจะซื้อเป็นของรับขวัญหลานไง”

“เดาเอา” คำตอบแสนง่ายเรียกความหงุดหงิดแก่ผู้ฟังไม่น้อย

ก่อนจะทันเอ่ยปากพูดต่อ ประตูด้านหลังร้านก็ถูกเปิดออก ผู้มาใหม่คือเด็กหญิงอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองปี ผิวขาว ผมยาวตรงจรดเอว แต่ท่วงท่าสง่างามบวกกับดวงตาโต ดุคมดั่งพยัคฆ์ ทำให้คณิตารู้สึกเกร็งทันทียามสบตา

เอ๊ะ ทำไมเธอต้องเกรงสายตาเด็กด้วยล่ะ คณิตาถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจและดูเหมือนไม่ได้มีแต่เธอที่รู้สึกเกรงเด็กคนนี้

“มิตร[5] เธอจัดของเสร็จรึยัง” น้ำเสียงเย็นของเด็กหญิงถามยังชายเจ้าของร้าน

“ยังเลย ของมันเยอะนะคร้าบคุณหญิงอัคนีมายา ให้เวลาผมพักบ้างสิ” เจ้าของร้านซึ่งคณิตาเพิ่งรู้จักนาม แกล้งตอบเสียเพราะ

“อู้งานละไม่ว่า รีบจัดให้เสร็จเรียบร้อยซะ เกะกะ”

“รู้แล้วๆ ตกลงใครเป็นเจ้าของร้านกันแน่วะ” ท้ายประโยค มิตรยกมือเกาศีรษะยอมเดินตามเสียงเรียกไปหาอัคนีมายา ทิ้งคณิตาไว้กับพลอยสองเม็ดในถาดกำมะหยี่ตามลำพัง

หญิงสาวหยิบคีมคีบพลอยสีเขียวรูปหัวใจครึ่งซีกขึ้นใช้แว่นขยายส่อง นอกจากรอยตำหนิรูปใบบัวที่เห็นเด่นชัดตรงกลางเม็ด คณิตาก็มองไม่เห็นรอยตำหนิอื่นอีก

“นี่เป็นเพริดอตน้ำงามที่สุดในร้าน ไม่เสียใจหรอกถ้าได้ครอบครอง” น้ำเสียงทรงอำนาจดังจากริมฝีปากน้อย

“พวกคุณไม่ได้หลอกขายของปลอมใช่ไหม ฉันไม่มีความรู้เรื่องอัญมณีเลย”

“อัญมณีทุกเม็ดในร้านเป็นของจริง”

คำยืนยันหนักแน่นจากปากเด็กหญิงช่วยเร่งการตัดสินใจของคณิตาได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ทำไม คณิตารู้สึกเชื่อถือคำพูดเด็กตรงหน้ามากกว่าตามิตรผู้เป็นเจ้าของร้านเสียอีก

“งั้นตกลงค่ะ ฉันขอซื้อเพริดอตคู่นี้”

หลังจากทำการจ่ายเงินค่าอัญมณี คณิตายืนรอเด็กหญิงบรรจุเพริดอตสองเม็ดลงใส่กล่อง อัคนีมายาบรรจุพลอยทรงหัวใจครึ่งซีกใส่ไว้ในกล่องอย่างละเม็ด ก่อนจะยื่นกล่องพลาสติกจิ๋วสีดำสองกล่องให้เธอ

“ไม่มีถุงนะ” คำอธิบายของอัคนีมายายังคงห้วนสั้น ไร้หางเสียงดุจเดิม

“ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบคุณนะ” เป็นคณิตาเองที่เอ่ยปากขอบคุณ

หญิงสาวยัดกล่องสองใบลงในกระเป๋ากระโปรง เนื่องจากบ่ายวันนี้เธอไม่ได้ถือกระเป๋าสะพายลงจากรถยนต์ การแวะรับประทานอาหารข้างทางทำให้เธอเหน็บมาเฉพาะโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ คณิตาเตรียมตัวจะเดินออกจากร้านอยู่แล้ว มิตรซึ่งกำลังก้มๆเงยๆอยู่แถวประตูทางด้านหลังร้านก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น

“ไม่เข้าห้องน้ำเหรอ”

“คะ? อะไรนะ” สีหน้าหญิงสาวส่อแววงุนงงจัด

“หลังร้านมีห้องน้ำนะ เผื่อคุณอยากเข้า เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย”

คณิตาจ้องอีกฝ่ายหนึ่งคล้ายไม่ไว้ใจนัก ทว่าหลังคำทักของมิตร เธอก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาจริงๆ ดังนั้นพอนึกได้ว่า เวลาบ่ายแก่เช่นนี้ใกล้เลิกงานเต็มที กว่าเธอจะขับรถถึงบ้านคงกินเวลาเป็นชั่วโมง

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพึมพำบอกมิตรเบาๆ เปิดประตูเดินตรงไปตามทางที่ชายหนุ่มบอก

เธอใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่นาน ก็กลับมายังหน้าร้านอีกครั้ง เห็นมิตรกำลังยืนคุยอยู่กับอัคนีมายา หญิงสาวจึงเอ่ยปากลาทั้งคู่

“โชคดี จากนี้ไปต้องเดินทางอีกยาวไกลนะ แต่ไม่ต้องห่วง ผู้หญิงอย่างคุณผ่านพ้นทุกอุปสรรคได้แน่”

คำพูดและท่าทีของมิตรไม่มีร่องรอยกวนๆเหมือนตอนแรกเจอ หญิงสาวมองอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่เข้าใจนัก จนกระทั่งเธอเดินออกจากร้าน

ทั้งมิตรและอัคนีมายาต่างหันหน้ามองกัน ก่อนเด็กหญิงจะเป็นคนเอ่ยปากก่อน

“เธอแน่ใจเหรอว่าเขาจะเอาตัวรอดไหว”

“มันเป็นโชคชะตา พลอยคู่นั้นเป็นของต้นตระกูลเธอ อย่างไรก็ต้องส่งคืนต่อให้ลูกหลาน” มิตรยังจำได้ถึงความช่วยเหลือที่เขาให้ไปเมื่อไม่นานมานี้ ตอนใครคนหนึ่งมาขอร้องเขาให้ช่วยตามหาอีกครึ่งหนึ่งของหัวใจ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆในใบหน้าแล้วกลับไปจัดเรียงข้าวของในกล่องวางบนชั้นต่อ

เห็นดังนั้น อัคนีมายาก็ไม่คิดซักไซ้ถามความเพิ่ม เด็กหญิงก้มหน้าลงมองถาดกำมะหยี่สีดำซึ่งเคยมีเพริดอตสองเม็ดวางไว้ ดวงตาสีดำดั่งพยัคฆ์ฉายแววครุ่นคิดเพียงแวบเดียวจึงเลือนหาย เธอเก็บถาดกำมะหยี่เข้าที่เดิม

ช่วงจังหวะนั้นพื้นร้านเกิดอาการสั่นสะเทือนเบาๆ ความรู้สึกวูบวาบภายในช่องท้องทั้งของมิตรและอัคนีมายากำลังบอกว่าการเดินทางเริ่มต้นอีกครั้ง หลังความสั่นสะเทือนเล็กๆที่ไม่ทำให้ข้าวของรกๆภายในร้านเสียหาย เด็กหญิงก็เดินออกจากหลังเคาน์เตอร์ เงยหน้าขึ้นมองเข็มนาฬิกาที่เพิ่งหยุดหมุน

“ฉันจะออกไปซื้อของหน่อย” เธอบอกหลังเข็มนาฬิกาสองเข็มเล็กขยับจากเลขเดิมไปซ้อนทับกันที่เลข 9

“อืม” ชายหนุ่มตอบรับคำในลำคอ สนใจเพียงงานตรงหน้า

บรรยากาศเย็นสบายแปรเปลี่ยนเป็นอบอ้าวเพราะเจ้าของร้านเริ่มตกอยู่ในอารมณ์หมกมุ่น อัคนีมายามองภาพตรงหน้าแล้วเขยิบกายห่าง เธอเปิดประตูด้านหน้าร้านออกกว้าง แสงสว่างจากเปลวแดดยามบ่ายส่องเข้ามาสู่ภายในตัวร้าน พร้อมกับเสียงอึกทึก จอแจ เด็กหญิงก้าวเท้าออกจากร้านกาลเวลา สู่ความวุ่นวายของตัวเมืองหลวง

เลยขึ้นไป นภาเบื้องบนยังคงเป็นสีฟ้าครามดุจเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือ ท่ามกลางหมู่เมฆาเหล่านั้นกลับปรากฏตึกทรงประหลาดสูงเสียดฟ้า สะพานยาวทอดผ่านกลางเวหา และรถไฟฟ้าหลากสายแล่นขวักไขว่ แทนที่ความเขียวขจีของร่มไม้ใหญ่ในซอยเล็ก!



ตะวันรอนอ่อนแสงลงบ่งบอกเวลาใกล้ค่ำ หญิงสาวจอดรถยนต์ลงหน้าทาวน์เฮาส์ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายดังขึ้นขณะเธอกำลังไขกุญแจบ้าน คณิตาล้วงมือข้างหนึ่งลงกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์แนบหู

“ค่ะแม่”

“วันนี้ตามานอนบ้านแม่รึเปล่า” เสียงมารดาดังผ่านมาตามสาย

“คงไม่อะค่ะ ตาเพิ่งจะกลับมาถึงบ้านเอง”

“แล้วกินอะไรมารึยัง นี่ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะตื่นนอนนะ” น้ำเสียงติงอย่างรู้ดีในพฤติกรรมของบุตรสาว ทำให้คณิตานิ่วหน้า

“ก็เพิ่งทานเสร็จ”

“แปลว่าเพิ่งตื่นใช่ไหมเนี่ย”

“เปล่านะคะ ตาตื่นตั้งแต่เที่ยงแล้วต่างหาก” หญิงสาวเสียงอ่อย รับรู้ถึงเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายชัดเจน

“เมื่อคืนนอนกี่โมงกัน แม่บอกแล้วใช่ไหมให้นอนเร็วหน่อย อย่านอนดึกมากนัก”

เธอไม่ได้นอนดึกสักหน่อย แต่นอนเช้าเลยต่างหาก หญิงสาวนึกบ่นในใจ แต่ไม่กล้าพูดด้วยเกรงจะโดนเทศนายกใหญ่

“ค่ะแม่ ตาจะพยายาม”

“จ้ะ แล้ววันไหนว่างก็แวะมานอนบ้านแม่บ้างนะ น้องคิดถึงเรานะรู้ไหม”

“ยายขวัญเป็นไงบ้างคะ” คณิตาเอ่ยปากถามถึงน้องสาว

“เพิ่งกลับมาจากค่ายวิปัสสนา เห็นว่าได้เพื่อนใหม่มาเยอะทีเดียว”

“ขวัญไปนั่งสมาธิอีกเหรอคะ” หญิงสาวแปลกใจ

“อืม คงติดใจจากคราวก่อนตอนไปกับแม่น่ะ”

“ดีแล้วละค่ะ”

เคยเกิดเรื่องราวมากมายขึ้นในชีวิตครองขวัญ แต่ในที่สุดเด็กสาวก็กลับมาเป็นน้องน่ารักคนเดิม คณิตาคุยโทรศัพท์กับมารดาต่ออีกเล็กน้อย เธอหิ้วของเดินผ่านบริเวณชั้นล่างส่วนที่เป็นโฮมออฟฟิศ เห็นพนักงานคนสุดท้ายกำลังเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน เลยยืนรอล็อกประตูชั้นล่างพร้อมวางสายจากมารดา หลังจากนั้นเธอจึงรื้อข้าวของออกจากถุงพลาสติก เก็บนมและน้ำใส่ตู้เย็น อาหารสำเร็จรูปหลายกล่องเข้าช่องแช่แข็ง แล้วเดินขึ้นห้องนอน วางกระเป๋าสะพายและโทรศัพท์เข้าที่ตอนกำลังล้วงมือลงกระเป๋ากระโปรง เธอพบกล่องพลาสติกดำเพียงกล่องเดียว

“เอ๊ะ อีกกล่องหายไปไหน” คณิตาพึมพำ ใจหายวาบ ล้วงสองมือลงควานหาของในกระเป๋ากระโปรงทั้งซ้ายและขวา แต่พบเพียงแค่กล่องใส่พลอยใบเดียว

หญิงสาวลองเปิดกระเป๋าสะพายค้นทั้งๆที่มั่นใจว่าตนเองไม่ได้หยิบกล่องใส่พลอยออกจากกระเป๋ากระโปรงเลยด้วยซ้ำ

“บ้าจริง ซุ่มซ่ามทำหล่นเหรอเนี่ย” เธอหัวเสีย ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ เอามือตบหน้าผากตนเองเพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำกล่องพลอยหล่นตอนไหน

จากนั้นคณิตาจึงลงไปรื้อรถยนต์ แต่ก็ไม่พบกล่องใส่เพริดอตอีกเม็ด เธอกลับขึ้นมาด้วยความเสียดาย ลองหยิบกล่องใส่พลอยบนโต๊ะขึ้นพิจารณา ตัวกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำมีฝาสีเดียวกันถูกเจาะเป็นช่องติดกระจกใส มองเห็นอัญมณีรูปหัวใจครึ่งซีกบนสำลีสีขาว คณิตาเปิดฝากล่องออก หยิบพลอยสีเขียวขึ้นส่อง ความแวววาวของมันดูพราวระยับ ส่องประกายวาววับงดงาม

หญิงสาวสำรวจกล่องสี่เหลี่ยมสีดำอีกครั้ง ลองพลิกหาตราสัญลักษณ์ ชื่อร้าน หรืออะไรก็ตามที่พอจะบ่งบอกตัวตนร้านขายเครื่องประดับเมื่อตอนบ่าย แต่กล่องในมือเธอเป็นเพียงกล่องพลาสติกธรรมดา ไม่มีแม้แต่อักษรสักตัวปรากฏให้เห็น ท้ายสุดคณิตาก็ได้แต่ถอนใจ นึกเสียดายและพร่ำโทษความซุ่มซ่ามของตัวเอง

มองเลยออกนอกหน้าต่าง แสงสว่างเรืองรองริบหรี่ลงเหลือเพียงความสลัวราง นภากว้างถูกฉาบด้วยสีแดงจากตะวันชิงพลบส่องกระทบผนังปูนของตึกรามบ้านช่อง

สนธยา...ช่วงเวลาแห่งทิวาวารลาลับเพื่อเข้าสู่รัตติกาล

คณิตาลุกจากเก้าอี้เพื่อจะเดินไปเปิดไฟบนเพดานห้อง ช่วงจังหวะนั้นเธอหันมองมือตัวเอง มีแสงรังรองส่องสว่างตรงมือด้านซ้าย และเมื่อพลิกมือตัวเองขึ้นดู หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบด้วยความตกใจ

ไม่มีเพริดอตรูปหัวใจครึ่งซีกในมือซ้าย สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นแสงสีเขียวรูปทรงเดียวกับอัญมณีปรากฏเด่นกลางหลังมือบาง!

“บ้าสิ” เธออุทานด้วยความตกใจ รีบเอื้อมมือเปิดไฟกลางห้องทันที

ถึงกระนั้นแสงสว่างก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยน พลอยสีเขียวสูญสลาย คล้ายจมหายลงไปอยู่ในมือแทน คณิตาลองเอานิ้วลูบกลางหลังมือ แต่ก็สัมผัสได้แค่เพียงผิวหนังของตัวเอง ขณะกำลังครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา จู่ๆมือข้างซ้ายก็ราวกับถูกพลังงานบางอย่างดึงคล้ายมีมือล่องหนกำลังฉุดเธอ

“เฮ่ย ไม่เอานะ นี่มันอะไรกัน” หญิงสาวพยายามขืนแรง หัวใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วตอนนี้

ร่างกายเธอกำลังถูกดึงด้วยแรงมหาศาล มันฉุดกระชากกายตรงดิ่งไปยังผนังห้องนอน

ไม่นะ นั่นมันกำแพง! คณิตากรีดร้องในใจ แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าของร่างบอบบางก็ไม่อาจฝืนแรงมหาศาล ร่างทั้งร่างถูกดึงไปปะทะผนังห้อง

ม่าย-ย-ย หญิงสาวหลับตาปี๋ หวาดกลัวความเจ็บปวด แต่สิ่งที่รับรู้กลับไม่มีความเจ็บใดแทรกผ่านผิวสักนิด ร่างกายเธอทะลุผ่านกำแพงอย่างหน้าตาเฉย และมันไม่จบเพียงเท่านั้น คณิตารู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกพลังงานบางอย่างดึง มันพาเธอล่องลอยผ่านตึกรามบ้านช่อง เห็นราตรีของเมืองที่เธออยู่อาศัย

พลังงานกำลังดึงดูดเธอด้วยความเร็วและแรง ทิวทัศน์สองข้างทางกลายสภาพเป็นอะไรที่ไม่อาจจับโฟกัส มันเหมือนเธอกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ แรง เร็ว และไม่อาจจับทิศทางได้ ท้องไส้ของหญิงสาวปั่นป่วน หัวสมองหมุนติ้วจนต้องหลับตา แต่สองหูยังได้ยินเสียงหวีดหวิวจากสายลมพัดผ่าน ผิวหน้าและผิวกายรับรู้ถึงแรงลมปะทะ ความเร็วพุ่งสูงขึ้น...สูงขึ้น จนในที่สุดมันก็หยุดลง

คณิตาลืมตาขึ้น ตกตะลึงค้าง ยามนี้หญิงสาวไม่ได้อยู่ภายในห้องนอนอีกต่อไป เธอไม่ได้อยู่ในบ้านด้วยซ้ำ บริเวณนี้คือซอกหลืบเล็กๆระหว่างตึกสูง กลิ่นเหม็นเน่าจากน้ำครำลอยแตะปลายจมูก ทุกอย่างรอบกายดูสกปรก

ที่นี่ที่ไหนกัน เธอมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร หญิงสาวลองหยิกตัวเองครั้งหนึ่ง ความเจ็บปวดจากผิวกายบ่งชัดว่าเธอไม่ได้กำลังฝัน แต่กระนั้นความเป็นจริงก็ดูน่าตื่นตะลึงเกินกว่าจะยอมรับ ดวงตาเรียวสีดำกวาดมองสภาพโดยรอบ ความหวาดหวั่นเกาะกินหัวใจเมื่อมองไปทางไหน เธอก็หาทาวน์เฮาส์หลังเดิมของตนไม่พบ

ท่ามกลางความมืดและหวาดหวั่น คณิตาเพิ่งสังเกตเห็นแสงสว่างสีเขียวส่องประกายเรืองรองจากมุมหนึ่งของตัวตึก หญิงสาวเขยิบเท้าเข้าไปชะโงกมอง จึงเห็นที่มาของแสงสีเขียวชัดเจน มันส่องมาจากท่อระบายน้ำทิ้ง แรกทีเดียวเธอเกือบจะไม่สนใจ ถ้าไม่เพราะแสงนั้นมีลักษณะเดียวกับแสงที่ปรากฏบนมือด้านซ้าย

คณิตาเหลียวซ้ายแลขวา ในที่สุดก็ตัดสินใจยกแผ่นเหล็กซึ่งถูกตีเป็นตารางสี่เหลี่ยมขึ้น ภายในท่อน้ำครำ มีน้ำนองปริ่มๆ เธอมองเห็นกล่องใส่พลอยสีดำนอนลอยสงบนิ่งอยู่ ข้างๆกันนั้นคือตุ๊กตาพลาสติกรูปเด็กผู้หญิงผมแดงชุ่มน้ำ

“บ้าน่า มาตกตรงนี้ได้ยังไงกัน” หญิงสาวเอื้อมมือลงไปหยิบกล่องใส่พลอยขึ้นสำรวจ ไม่ได้สนใจตุ๊กตาที่ลอยเคียงกันแม้แต่น้อย

ตัวกล่องสีดำไม่เปียกน้ำครำเลยสักนิด ราวกับมันลอยอยู่เหนือผิวน้ำ สิ่งที่เห็นภายในกล่องคืออัญมณีรูปหัวใจอีกครึ่งซีกที่เธอทำหล่นหาย

อย่าบอกนะว่าเจ้าพลอยสองชิ้นนี้มันเรียกหากัน เธอถามตนเองด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าพอจะแกะเพริดอตอีกเม็ดออกจากกล่อง คณิตายัดมันกลับลงกระเป๋ากระโปรงอย่างง่ายๆ พร้อมกับเริ่มต้นสำรวจหาลู่ทางกลับบ้าน เธอลองเดินหาทางออก ยิ่งก้าวเท้าเดิน สองหูก็ยิ่งได้ยินเสียงอึกทึก จนกระทั่งเลี้ยวพ้นมุมตึกมา ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

ถ้าการที่เธอโผล่มาในซอกตึกว่าแปลกแล้ว สิ่งที่เห็นตรงหน้าคงเป็นความประหลาดสุดแสนจะพรรณนา คณิตาไม่รู้ว่ายามนี้ตนเองอยู่ที่ใดกันแน่ เบื้องหน้าเธอคือตึกรามบ้านช่องทรงประหลาด พวกมันดูทันสมัย มีทั้งทรงสูง ทรงกลม และอีกหลากหลายทรงที่ไม่ใช่รูปเรขาคณิต แสงไฟจากตัวตึกส่องให้ความสว่างแก่ทั้งเมือง รถไฟฟ้าหลายสายแล่นผ่านไปมาเหนือศีรษะ และถนนอีกสองถึงสามชั้นสร้างซ้อนกันเหนือถนนบนดิน

นี่เธอหลงมาอยู่ในโลกใบไหนกันแน่!

----------------------------------------------------------------------
[5] มิตร ชายเจ้าของร้านกาลเวลา มีบทบาทสำคัญใน "โมรารัตติกาล" เล่มแรกสุดของนวนิยายชุดอัญมณีเหนือกาล (เขียนโดย อสิตา)


ปล. ทักทายกันหน่อย ใครที่ตามอ่านสามเรื่องรวดอาจมีงงเล็กน้อย อ่านไม่ผิดนะคะ เด็กหญิงในร้านที่อยู่กับมิตรตอนนี้คืออัคนีมายาเน้อ ส่วนสิตาราหายไปไหน ต้องไปตามลุ้นในโมรารัตติกาลนะคะ



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2556, 11:51:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2556, 11:51:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1718





<< บทที่๑/๑ ร้านอัญมณีในซอกหลืบ   บทที่๒/๑ โลกอนาคต >>
ริญจน์ธร 14 พ.ย. 2556, 12:02:31 น.
ตอบคอมเม้นค่ะ
คุณ อสิตา ไวมากเลยคนนี้ มาอย่างรวดเร็ว

คุณ lovemuay อังคารหน้าได้เจอพระเอกแน่นอนค่า

คุณ ภาวิน เจอตามิตรค่า ยายตาได้พลอยมาแล้ว เดี๋ยวจะเริ่มออกผจญภัยละ

คุณ บุลินทร เจอร้านกาลเวลาแล้วละ ตั้งต้นการผจญภัยบทใหม่แล้ว

คุณ ดวงมาลย์ ขอบคุณค่า

คุณ Zephyr พระเอกจะมาฉากหน้านะคะ บทที่หนึ่งนี้เลยโดนคุณริทแย่งซีนไปก่อน

คุณ patok 5555555555 เรื่องนี้คงไม่ได้หวานอบอุ่นแบบมนตรามุกฯ เพราะบุคคลิกพระนางไม่ค่อยให้ แต่ยังยืนยันว่าหวานค่า

คุณ goldensun ได้ค่ะ ยายตาได้พลอยมาแล้วเนอะ แต่เด็กในร้านเรื่องนี้ชื่อ อัคนีมายา แทนค่า หนูสิตาราหายไปเสียแล้ว ส่วนจะหายไปไหนต้องตามอ่านของคุณอสิตานะคร้าา

คุณ nako มิตรยังคงอยู่ร้านกาลเวลารอคอยคนที่โชคชะตาพัดมาให้เจอกันค่ะ ในฐานะเจ้าของร้าน เขายังไปไหนไม่ได้ ส่วนเด็กในร้านก็หมุนเปลี่ยนไปเพราะโชคชะตาเช่นกัน

คุณ ketza ตามิตรตื่นมารับยายตาค่ะ 555 เรื่องนี้ชอบผมนางเอกมากกกก ชอบจนอยากไปตัดเองเลยทีเดียว

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ความจริงตามิตรออกแนวกวนๆอ่ะค่ะ (เจ้าตัว)ยืนยันว่าตัวเองยังไม่แก่น้า และใช่แล้ว อัญมณีของเรื่องนี้คือเพริดอตหรือมรกตยามเย็นที่จะพานางเอกเราไปผจญภัยในโลกใหม่ค่า


ketza 14 พ.ย. 2556, 12:41:08 น.
นู๋ตาหลุดไปโลกอนาคตแหงมๆ...........คุณอัทธ์มารับขวัญด่วนนนนนนนน
>/////<


lovemuay 14 พ.ย. 2556, 13:05:37 น.
รอเจอพระเอกค่ะ อิอิ


อสิตา 14 พ.ย. 2556, 13:48:18 น.
ลุ้นให้พระเอกออกมาไวๆ อุอิ


อสิตา 14 พ.ย. 2556, 14:01:27 น.
ป.ล. เด็กที่ชื่ออัคนีมายาคือลูกสาวท่านอัคนินะคะ
ถึงตอนนั้นสิตาราก็ไม่อยู่ร้านกาลเวลาแล้ว จะหายไปยังไง...โปรดติดตาม


ดวงมาลย์ 14 พ.ย. 2556, 14:14:53 น.
น้องซีมาหลังสุดเลย อิอิ จัดไลค์ให้ด่วน เดี๋ยวตามอสิและบุลินไม่ทัน


Zephyr 14 พ.ย. 2556, 17:25:04 น.
โอ๊ะ อัญมณีฝังลงมือ พี่มูนโหดดดดดดดดดด
พระเอกมาช้าจุงเบยยยย
แต่แหม ข้ามมาปีไหนละเนี่ย ตึกรูปประหลาด รถไฟฟ้าซ้อนกันหลายชั้น
ประเทศไทยรึป่าวคะ อิอิ
ชื่อร้านกาลเวลา ตรงกับจุดประสงค์ร้านเลยน้า วิ่งวนในกาลเวลา พบคนที่ตามหาก็หายไป
ยังงี้ซื้ออัญมณีร้านนี้ไม่มีประกันนะคะ ใช่ป่ะ เพราะพอก้าวออกมา ร้านหายไปเลย
ถ้ามีตำหนิ เราก็ขอประกันไม่ได้สิ ฮ่าๆๆๆ รึต้องไปลากตามิตรมา ถึงจะได้น้าาา


บุลินทร 14 พ.ย. 2556, 17:44:39 น.
ลุ้นระทึก จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ


ใบบัวน่ารัก 14 พ.ย. 2556, 20:24:52 น.
แปลกๆมาเมืองที่แปลกต้องทำใจนะ
เอารองเท้่ามาด้วยหรือเปล่าะ
ตังกะมืือถือเอามาด้วยไหม


konhin 14 พ.ย. 2556, 21:31:26 น.
แอบอ่านปล แล้วอยากเจอหนูอัคนีมายาาาา กรี๊ดๆ


nako 14 พ.ย. 2556, 21:58:03 น.
คณิตาจะเจออะไรต่อไปน๊า


นักอ่านเหนียวหนึบ 14 พ.ย. 2556, 23:10:53 น.
เหยยยยอ่านถึงตอนที่พลอยฝังลงมือ แล้วนึกว่าจะให้เห็น นางเอกแปลงร่างช่วยเหลือคนซะอีก ที่ไหนได้ แฮร์รี่พอตเตอร์พุ่งทะลุกำแพงซะงั้น
จินตนาการโลกใหม่ของไรเตอร์ดูศิวิไลซ์ดีนะเคอะ แต่ทำไมน้ำในคลองยังดำๆ เน่าๆ อยู่อีกอ้ะ
นี่เราจิต้องประสบกับน้ำดำไปยันโลกหน้าเลยหรือนี่ๆๆๆๆๆๆ


patok 18 พ.ย. 2556, 10:56:33 น.
เริ่มจะงงกับมิตร เมห์ฮรา
ผู้ชายถักผมเดดร็อค

คิดถึง จอห์นนี่ เดปป์ ตลอดเวลา ให้ตายสิ 55+


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account