โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๗ แรมสีเลือด สู่บรรพกาล (...จบบท)

ลมเย็นโชยพัดมา รวมถึงผ้าชุบน้ำที่คอยเช็ดใบหน้าและเนื้อตัวปลุกให้สติของศานติมันเริ่มรับรู้
พิษถูกไถ่ถอนไปแล้วกระนั้นหรือ เขารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังดีขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อลืมตามา
ก็ได้พบกับเด็กหญิงคนเดิม เห็นชัดว่าตัวเล็ก ยังไม่เริ่มแตกเนื้อสาวสักนิด แต่สีหน้าและสายตา
นั้นโตเกินตัวไปมาก ที่สำคัญคนที่มีสายตาแหลมคมแม้ยังคืนสติไม่เต็มหน่วยก็ยังเล็งเห็นอีกครา
และได้แต่สงสัย...ทำไมเด็กนี่จึงกลับดูเหมือนเด็กผู้ชายทั้งที่หน้าสวยออกปานนั้น
คงเพราะแววตาท่าที
“ข้ายังไม่ได้บอกออกไปเลย ว่าสมุนไพรอย่างไหนจะมาช่วยแก้พิษได้ ทำไมจึงรู้”

“ก่อนอื่น ข้าอยากบอกว่าข้ารู้จักชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว ศานติมัน เมห์ฮรา
ท่านจงใช้พลังมองข้าด้วยตาที่สาม แล้วจะเห็นสิ่งที่ข้าเป็นจริงๆ”
เด็กหญิงตอบทั้งแววตาเป็นประกาย

ศานติมันรวบรวมพลังตาที่สามซึ่งอ่อนล้าตามแรงกายให้พุ่งออกไป แล้วเขาก็เห็น...
รูปเงาทะมึนของชายคนหนึ่งซ้อนทับอยู่ในร่างเด็ก เงาแห่งอำนาจ เพราะเหตุนี้เอง
อีกฝ่ายจึงสามารถช่วยเยียวยาเขาได้

“ขอบคุณที่ท่านข้าช่วย อย่างน้อยถึงข้าจะพลาดหวังในสิ่งที่ต้องการมาเอากลับไป
แต่ได้ชีวิตตัวเองไว้เป็นของขวัญก็ยังดี แม้ว่าคงต้องเจ็บปวดที่แผลนี้ไปตลอดชีวิตของข้า
เพราะพิษนี้เป็นสิ่งถาวร” ศานติมันยกมือขวาขึ้น จ้องมองรอยที่ยังเป็นสีเขียวช้ำอมม่วง
ผ่อนลมหายใจอย่างแสนเสียดายระคนหนักใจ

“ข้ารู้ว่าท่านมาเอาอะไร และท่านจะไม่ผิดหวัง”

ชามัลมีความจำดีเลิศ เขายังจำได้ดีถึงเรื่องลับที่ท่านปู่เคยเล่า เรื่องของการมาเอา
เขี้ยวแก้วนาคาในเขตแดนนี้ เขามาพบท่านได้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เพราะมาตามความจำ

เวลานี้คือยามก่อนจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในเมห์ฮรา ช่วงที่ผู้มุ่งร้ายทำให้ตระกูลของเขาระส่ำระสาย
และนั่นก็ช่วยร้อยเรียงความทรงจำที่ท่านปู่เคยถ่ายทอดมาสู่เขาให้จำติดใจ ในช่วงนี้ของปี
ท่านเคยทำอะไร อยู่ที่ไหน ด้วยจุดประสงค์อันใด...

“มันใกล้เวลาที่สิ่งมีชีวิตนั้นจะกลับไปยังถิ่นกบดานของมันแล้ว หากข้าพลาดโอกาสนี้ไป
ข้าคงถือว่าไม่มีวาสนาจะได้มัน และไม่หวนมาอีก”

“หึ ข้าไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากท่าน” ชามัลใช้เสียงของสิตาราเอ่ยออกไปเบาๆ
ทว่าเนื้อความที่ได้ยินต่อไปนั้นสะกิดใจคนฝังอย่างประหลาด “คนที่เลี้ยงข้ามาไม่ได้สอนแบบนั้น...
เขาสอนว่าสิ่งไหนอยากได้ต้องคว้ามา ไม่ว่าจะพลาดสักกี่ครั้ง” ชามัลเอ่ยอย่างทนไม่ได้
เมื่อเห็นความอ่อนแอของคนเป็นปู่อย่างที่ไม่เคยเห็น อาจเป็นเพราะท่านปู่เวลานี้ยังเยาว์อายุ
เทียบไม่ได้กับท่านยามกร้านประสบการณ์ ท่านปู่คนในอนาคตที่เขาคุ้นเคย

ในคืนนั้นเด็กประหลาดก็ทำให้ศานติมันได้เห็นสิ่งน่าทึ่ง ด้วยการผิวปากเป็นเพลงเร้นลับฟังน่าขนลุก
คลอไปกับสายลมเย็นที่พัดรวยริน ไม่นานก็มีเสียงการเคลื่อนไหวของสัตว์บางอย่างแสกสากมาแต่ไกล
เป็นเสียงเลื้อยเนิบช้าราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์สะกดแห่งดนตรีกระนั้น แล้วร่างเลื่อมลายใสน่าสะพรึง
ก็ปรากฏ ทำนองผิวปากนี้เรียกร้องให้นาคาตัวที่เคยฝากรอยเขี้ยวกลับมาหา และศานติมันก็ยิ่งตะลึง
เมื่องูใหญ่นั้นแลบลิ้นเขียวเทาสองแฉกออกมาเลียแผลให้เขาครั้งแล้วครั้งอีก
ประหนึ่งจะดูดดื่มเอาพิษคืนกลับ...ตามคำสั่งของท่วงทำนองเพลง

“ท่านจะไม่เจ็บปวดอีก เพราะเจ้าของพิษได้ดึงพิษกลับคืนไปแล้ว”

ศานติมันเงยขึ้นหรี่ตามอง หมายให้ทะลุจนเข้าใจสิ่งซึ่งครอบงำร่างมนุษย์ผู้หญิงตัวเล็ก
ใจหนึ่งก็สนเท่ห์คล้ายงันไปด้วยอัศจรรย์ ทั้งรายรอบนั้น ม่านมนตร์ไฟกางกั้นรอไว้
คล้ายเพื่อสกัดนาคามิให้มีโอกาสหนี ในขณะที่เสียงผิวปากเป็นท่วงทำนองสะกดงูยังดังต่อเนื่อง
คมมีดในมือเด็กก็ปาดฉับเข้าที่คองู ทีเดียวขาดหลุด โดยมุมของการปาดและท่วงท่าส่งให้
เลือดพุ่งกระฉูดไปทิศอื่น ไม่มีมาถูกตัวพวกเขาเลยแม้ละอองเดียว

“ไม่มีใครเข้าใจอสรพิษร้ายดีกว่าข้า...”

แล้วศานติมันก็ได้สิ่งพึงประสงค์มาไว้ในครอบครอง เขี้ยวแก้วคู่นั้นยาวเท่านิ้วก้อย
ส่องประกายลึกล้ำดุจผลึกเพชรน้ำแข็งอันเร้นลับที่บ่มจากหิมาลัย

“ข้าบอกแล้ว ว่ามาคราวนี้จะไม่เสียเปล่า ท่านจะได้สิ่งที่ต้องการ”

“ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงมีพลังแห่งเมห์ฮรา” ศานติมันถามอย่างฉงน จับจ้องด้วยตาที่สามไม่วางตา
หมายมองเจ้าของร่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในกายเด็กให้ลึกซึ้ง

“ผู้ที่เลี้ยงดูข้ามาเป็นเมห์ฮราแท้ๆ แตกฉานมนตร์ไฟและเรื่องหยูกยา หาไม่ได้ที่จะมีใครเสมอเหมือน”
ชามัลตอบด้วยรอยยิ้ม เป็นยิ้มขบขันจากร่องรอยความรู้สึกดีๆซึ่งเร้นอยู่ภายในความทรงจำ
เรื่องของเขาและตัวท่านปู่เอง แต่ดูเหมือนท่านจะไม่เอะใจเลย ทำหน้าไร้เดียงสาใส่เขาที่เป็นหลานเสียอีก
สีหน้าแบบนี้ไม่เคยเจอมาก่อนจากคนอย่างศานติมัน แต่ว่าไม่ได้...เพราะใจท่านไม่เคยเหมือนหน้าสักที
เล่ห์กลมารยานั้นถูกถ่ายทอดมาสู่เขาเต็มเปี่ยม ไม่ใช่แค่เรื่องตีสองหน้า
แต่ต่อให้สิบหน้าอย่างทศกัณฐ์ก็ยังเรียกว่าน้อยไป

ชั่วลมหายใจที่ตาประสานตา ศานติมันและชามัลต่างรู้สึกพร้อมกัน ราวกับส่องกระจก
สำหรับศานติมันนั้นพึงใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ที่แท้เด็กตรงหน้าก็มีแววตาแทบไม่ต่างจากตัวเขาเอง
ผู้เป็นกำลังสำคัญแห่งเมห์ฮรานิ่งคิด ลงมนตร์ขั้นสูงแบบนี้คนสอนต้องไม่ใช่พวกปลายแถวแน่
แต่ต้องได้รับถ่ายทอดจากผู้ที่เป็นชั้นหัวกะทิของตระกูล มีใครที่เขาไม่รู้จักอยู่อีกกระนั้นหรือ...

ไม่ว่าอย่างไร โดยเนื้อแท้แล้วศานติมันเองแม้จะร้ายแต่ก็เป็นคนรู้บุญคุณคน อีกฝ่ายช่วยชีวิตเขา
ทั้งยังมอบโอกาสให้ได้สิ่งที่เพียรมาตามหา สมควรตอบแทนให้ถึงขนาด

“ท่านต้องการสิ่งใดจากคนอย่างข้าที่พอจะจ่ายคืนให้ท่านได้ ขอให้บอกมา”

“ข้าอยากไปเสวนาเรื่องประสบการณ์ภูมิรู้ต่างๆกับท่านนานๆสักครั้ง ให้เราได้รู้จักกันมากกว่านี้
แต่ขออย่าบอกใคร ถึงตัวตนจริงของข้าที่อยู่ในกายเด็ก อย่าบอก...ไม่ว่าใคร และจะดีมาก
หากช่วยจัดที่ทางให้ข้าได้อยู่อย่างสงบ มีอันตรายบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายกำลังตามหลังข้ามา”
ชามัลอ้างออกไปเช่นนั้น จะดีกว่าหากเขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่นที่ยังไม่อยากเผชิญในเมห์ฮรา
เขาไม่อยากถูกเพ่งเล็งให้เสียการที่ตั้งใจไว้ แค่ได้พบท่านปู่ ขอให้ท่านช่วยแล้วก็ตั้งใจจะจากไป

“ข้ารับปาก” ศานติมันตอบมั่นเหมาะ

ดังนั้นทั้งคู่จึงออกเดินทางรอนแรมอีกครั้ง มุ่งจากสิกขิมสู่อัสสัมที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก
ระหว่างนั้นก็สนทนากันประสามิตรที่ถูกคอด้วยไมตรีซึ่งเกิดขึ้นอย่างบังเอิญที่สุด

“ข้าอยากมีร่าง... ท่านน่าจะสัมผัสได้ ข้าไม่ใช่เด็กอย่างที่เห็น นี่เป็นเพียงร่างที่ข้าอาศัยมา
คนอย่างศานติมัน เมห์ฮราเลื่องชื่อในการเสาะหาวิชาความรู้เกินใครในแผ่นดิน
ข้าไม่อ้อมค้อมแต่อยากถามว่าท่านพอจะรู้หรือไม่ เรื่องการสร้างร่างจำลองของจิตวิญญาณ
จากพลอยหรืออัญมณีอันทรงพลังมหาศาลมีกรรมวิธีเช่นไร”

“เช่นนั้นข้าคงต้องเชิญท่านไปอยู่ยังวังเมห์ฮราของข้านานๆเสียแล้ว เราควรต้องคุยกัน
เป็นการส่วนตัวนานเชียวละ”

เมื่อไปถึงยังทางเข้าคูหาที่ถูกเร้นไว้ใต้ร่มสาละ ศานติมันจึงเอ่ยเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าแช่มชื่นเบิกบาน
“ในเวียงวังอันซ่อนอยู่ใต้ภูผาศิลานี้ ท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่โอ่โถงไม่แพ้ราชวัง
จงพักผ่อนให้สบายกายเถิดสหาย และขอให้คิดว่าที่นี่คือบ้านของท่านเอง”

ชามัลในร่างของสิตาราพยักยิ้มพราย “ตกลง...”
ข้าย่อมคิดเช่นนั้นท่านปู่ เพราะที่นี่...มันก็คือบ้านของข้าจริงๆ



ในอนาคต ไกลออกไปจากนั้นอีกร้อยปี...หลังจากการหายไปของลูกชาย อัคนิผู้เป็น
ผู้นำตระกูลเมห์ฮราตัดสินใจบอกมัชฌิตา ภรรยาผู้ยืนหยัดเคียงข้างเขามาตลอด
รักผูกพันแต่เพียงนางจนมีทายาทด้วยกันถึงสามคน แต่วันนี้ความเข้าใจของทั้งคู่
ดูเหมือนไม่อาจเชื่อมโยงถึงกันได้อีก เมื่อเขาสารภาพความจริงทุกสิ่งที่เกิด

“งั้นที่บอกว่าไปโภครากัน นั่นก็...”

“ใช่ ไปตามรอยของชามัลกับโมรารัตติกาล”

“อ้อ ฉันยังจำได้ คุณเคยพาไปที่ขุมทรัพย์ แต่หลอกฉันว่ามันอยู่ในเอเชียเหนือ”

อัคนินิ่วหน้า มัชฌิตาไม่ใช่คนหลอกง่าย เขาบอกเธอไปอย่างนั้นเอง ตั้งแต่ตอนที่ให้ขี่หลังเขาในร่างเสือไป
ก่อนจะถึงทางเข้าภูผาเขาก็ให้คนรักปิดตาไว้ตลอดทาง อีกฝ่ายไม่เห็นภูเขาหิมาลัย ก็รู้แค่ว่าที่นั่นหนาวเย็น
จนมีหิมะ... ขากลับก็ด้วย นั่นเป็นข้อแม้ที่เขายอมพามัชฌิตาไปด้วยเพื่อให้เรียนรู้ โดยให้รออยู่ในทาง
ส่วนที่ไม่อันตราย เขาไม่ต้องการให้ภรรยาตนรู้ความจริงว่าโมราอยู่ที่ไหน ยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัย
แต่มาวันนี้ทุกอย่างก็เปิดเผยออกมา

“อ้อ ที่แท้คุณรู้มาตลอด ว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวจะ... จะลงเอยแบบนี้”
คนเป็นแม่สรุปความเอาจากคำสารภาพของชายที่ตัวเองเคยคิดว่าเข้าใจเขามากกว่าใคร
ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เสียแล้ว “แล้วทำไมฉันไม่รู้! ไม่รู้อะไรเลย! ว่าช่วงชีวิตนี้ของมัชฌิม์
เป็นเวลาที่เราจะต้องเสียเขาไป...ตลอดกาล” มัชฌิตาเอ่ยเสียงสั่นพร่าด้วยแรงอารมณ์

“ข้าต้องขอโทษ มีความจริงอีกอย่างก็คือ” คนเป็นผู้นำหลบตาสตรีซึ่งเป็นยอดดวงใจ
เพียงเรื่องลูกเท่านั้น ที่บัดนี้เขาละอาย ไม่กล้าสู้หน้าคนรักได้จริงๆ “ข้าปิดตาที่สาม
ที่จะรับรู้เหตุล่วงหน้าของเจ้าเกี่ยวกับตัวมัชฌิม์เอาไว้เป็นพิเศษ ด้วยของสิ่งหนึ่ง”

มัชฌิตายกมือขึ้นปิดปาก ก่อนก้มลงมองที่กำไลข้อแขน หรือว่า…ของขวัญที่เขามอบให้เธอ
ตั้งแต่ลูกชายคนกลางเกิดชิ้นนี้จะผูกมนตราเกี่ยวเนื่องกับลูกไว้ เธอสวมใส่ไม่เคยถอด
และหลงคิดมาตลอดว่าเพราะมัชฌิม์เป็นคนที่อ่านดวงชะตาได้ยาก เรียกว่ามีพลังอำพราง
ตาที่สามของผู้อื่นสูง แต่จริงๆแล้วคนที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับลูกก็ยังมี
เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของมัชฌิม์ที่ไม่ยอมบอกเธอ

มัชฌิตาถอดกำไลนั้นออกเขวี้ยงใส่คนรัก ตวัดฝ่ามือตบซีกหน้างดงามของคนเป็นสามีสุดแรงดังฉาด
มือคนตบชาดิก ทว่าร่างที่ถูกประทุษร้ายมิได้ไหวสะเทือนตาม อัคนิกลับหลับตาลง คล้ายจะยอมรับ
โดยดุษณีไม่ว่าจากนี้ผู้เป็นดวงใจจะลงโทษเขาอย่างไร

“ไปนะ ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไป! ไปเอาลูกของฉันคืนมา”

หัวใจของอัคนิแทบจะแตกร้าวเมื่อยินคำพูดจากใจที่แตกสลายของสตรีผู้เป็นที่รัก
ผู้นำแห่งตระกูลยิ่งใหญ่ตรงเข้ารวบร่างระหงที่กำลังสะท้านสะเทือนไว้แนบอก
ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะดิ้นสะบัด หยิก ข่วน ทุบตีเขาอย่างไร

“ใจข้าแตกสลายไม่แพ้เจ้า แต่นั่นเป็นทางที่ลูกต้องพบเจอ ร้องเถอะ
ให้น้ำตามันไหลหยดลงมาตรงอกข้า ข้างในอกที่มันร้องไห้ไปพร้อมกับเจ้าแทบไม่ต่างกัน
ครั้งนี้ข้าไม่มีทางเลือก จึงจำต้องปล่อยลูกเราไป” เสียงนั้นเหือดพร่าแผ่วหาย

“คุณจะช่วยลูกไม่ได้เลยเชียวเหรอ”

“มีทางอนาคตอีกอย่างที่ข้ามองเห็นความเป็นไปได้ นั่นคือ...ถ้าเมื่อไหร่ข้าตัดสินใจช่วย
เราจะขัดขวางชามัลสำเร็จ แต่ภายหลังมัชฌิม์จะตาย กลายเป็นศพอยู่ที่นี่ต่อหน้าเรา
ด้วยการแก้แค้นของชามัล มีแค่สองทางเท่านั้น หัวอกคนเป็นพ่อก็ไม่ต่างจากแม่เหมือนกัน
เป็นเจ้าจะเลือกทางไหน”

มัชฌิตาไม่อยากเชื่อเหตุผล อยากจะเกลียด อยากจะทำร้าย แต่เธอรู้ได้ถึงใจที่แตกเป็นเสี่ยง
อยู่ข้างในอกที่แสนจะเข้มแข็งจริงอย่างเขาว่า เธออยากปิดหู ปิดตา ไม่อยากรับรู้
แต่สุดท้ายก็กอดเขาไว้ด้วยความอ่อนแอทั้งหมดของวิญญาณ

“ไปอยู่นั่นลูกจะมีความสุขใช่ไหม”

“แน่นอน...มัชฌิม์อาจจะเป็นผู้ร่วมสร้างเมห์ฮรา ใครจะรู้” เจ้าของร่างสูงพึมพำปลอบโยนแผ่วเบา
“หากมีปาฏิหาริย์เราคงได้พบเขาอีก หากยังมีบุญกรรมวาสนาต่อกัน วันหนึ่ง...ลูกชายเราจะกลับคืนมา”

...ไม่นานจากนั้น มีคนเข้ามาแจ้งว่าแขกคนสำคัญมาเยือน ผู้นำเอ่ยปากอนุญาต
แขกชื่อมิตรจึงได้เข้าพบเจ้าของสถานที่ในห้องรับรองโอ่โถงแห่งเวียงวังใต้ภูผา
ที่ซึ่งมีสวนใต้ดินเขียวชอุ่มงดงามเร้นอยู่ใต้พิภพให้ได้ชม แต่เวลานี้ไม่มีใครสนใจ
สัมผัสกระแสแช่มชื่นจากมวลไม้นั้นเลย

อัคนิ เมห์ฮรายังมีสีหน้าอิดโรยอยู่มาก ทว่านัยน์พยัคฆ์กลับดูกร้าวแกร่งอย่างคนที่ตัดใจได้แล้ว
ยามอีกฝ่ายก้าวมาเผชิญหน้ากับเขาใกล้ๆ มิตรรู้สึกว่าระดับสายตาสูงพอดีกับเขาที่สูงถึง
ร้อยเก้าสิบกว่านั้นฉายแสงอ่อนล้าแฝงอยู่ สีหน้าหม่นหมอง ท่วงท่าอิดโรย
ต่างไปจากที่เคยงามสง่า คล้ายแทบว่าอยากทิ้งอำนาจทั้งหมดที่มีไป
แต่คนเป็นผู้นำย่อมไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่ เพราะมีท่านอาอยู่เป็นร่มเงา
คอยดูแลทุกคนในตระกูลให้อยู่ดีเป็นปึกแผ่น ไม่มีศัตรูหน้าไหนกล้ามารังแก

“วันนี้มัชฌิตาคงไม่ออกมาพบเจ้า ตอนนี้นางไม่พร้อมจะเจอใครทั้งสิ้น
ได้แต่คิดถึงลูกที่จากเป็นเหมือนจากตาย”

“ข้าเข้าใจ ท่านอา” มิตรถอนใจ

เพราะการที่เขาและท่านอาอัคนิล้วนหลับใหลข้ามกาลเวลามาทั้งคู่แม้จะด้วยเหตุผลแตกต่าง
ดังนั้นจึงกลายมาเป็นคนรุ่นเดียวกับมัชฌิตาซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆของมิตร...

พูดง่ายๆก็คือ ท่านอาอัคนิเป็นน้องชายบิดามิตร แต่มัชฌิตาเป็นหลานย่าของแม่เขาซึ่งแยกไป
มีชีวิตใหม่กับชายที่แม่รักอยู่ยังเมืองไทย แต่ชะตาก็นำพาคนคู่ที่เกิดมาต่างสถานะต่างเวลา
ให้ไปรักกันได้ราวปาฏิหาริย์ที่เล่าสามวันไม่จบ แถมการนับญาติก็นุงนังเต็มที
บางทีมิตรก็คิดว่าเขาน่าจะเรียกหลานสาวตัวเองว่าท่านอาไปด้วยเสียอีกคนเลย
เขาเคยเจอท่านอาอัคนิตัวเป็นๆมาแล้วแต่ยังไม่เคยเจอมัชฌิตา
น่าเสียดายที่วันนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้แบ่งปันความทุกข์กับเธอ เพราะใจของคนเป็นแม่นั้น
ยามเมื่อมีสิ่งใดเกิดกับลูกที่เป็นแก้วตาก็ย่อมบอบช้ำเกินกว่าใครจะเข้าใจ

“ตอนนี้ถ้าสิตารายังอยู่กับข้า ยายหนูนั่นก็อายุครบสิบสองแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไป
ตกระกำลำบากยังไง แต่ข้าเชื่อ มัชฌิม์ต้องรอดเช่นกัน เขาอาจจากไปมีชีวิตของเขาที่นั่น
สายเลือดเมห์ฮราเข้มแข็ง บางคนก็ออกจะแข็งมากเกินไปด้วยซ้ำ อย่างที่ท่านรู้
ตายแล้วไม่รู้จักตาย ข้าเชื่อว่าลูกชายท่าน เขาต้องมีชีวิตที่ยืนนานแน่”

อัคนิพยักหน้าเพลียๆ ก่อนดึงแขนมิตรไปนั่งลงยังเก้าอี้เพื่อสนทนากันต่อ

สำหรับมิตร นี่คือการพบหน้ากันครั้งที่สามเท่านั้น แต่เขาเองเคยได้ยินเรื่องราวและนับถือ
อาของตนมาเนิ่นนานแล้ว จากพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงเขามา แต่อีกฝ่ายสิ ตอนนี้ท่านอาผ่านเวลา
มาถึงเกือบยี่สิบปี ช่วงเวลาที่เขาก้าวกระโดดข้ามมาด้วยร้านกาลเวลา คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคง
พบเจอเขาหลายครั้งในเวลานั้นจนเบื่อหน้าไปแล้วกระมัง มิตรไม่ได้ถามถึง เพราะบางที
หากรู้อะไรที่ไม่ควรรู้ล่วงหน้ามากไปชีวิตก็พังได้เหมือนกัน

“เจ้ามาปรับทุกข์กันก็ดี ข้ารู้ว่าระยะแรกนี้คงจะทำใจลำบาก ยิ่งเจ้าเห็นสิตาราเป็นลูกแบบนั้น
ข้ามองเห็นในแววตา... อย่าห่วง ชามัลจะดูแลเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างดีสุดชีวิตเพราะนางมีค่า
ส่วนเรื่องของมัชฌิม์ ข้าสัมผัสได้จากสายใย ว่าชามัลยังไม่ได้ลงมือเอาชีวิตลูกชายข้า
ข้าเชื่อว่าลูกจะยังคงมีชีวิตอยู่ดี ที่ไหนสักแห่งในกาลเวลา”



...ควันยาไหลเวียนไปทั่วห้องใหญ่ที่เร้นอยู่ใต้โพรงต้นไม้ สถานที่ลับในป่าแดนเหนือ
ที่ถูกซุกซ่อนไว้ไม่ให้คนนอกรับรู้ถึงการมีอยู่ ณ ที่นั้นล้วนแล้วไปด้วยคนชุดขาวซึ่งแลดู
เป็นสุขสงบเงียบ ชายกลางคนผมเผ้าขาวโพลนเกินใบหน้า สวมชุดสีขาวและรัดเกล้า
สายเพชรผู้เป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น กำลังคอยดูแลการรักษาแขกซึ่งยังไม่ได้สติคนหนึ่ง

เพราะรู้ล่วงหน้าถึงการมาของสิ่งสำคัญ พชรมุนินจึงนำพวกพ้องรัตติดาราราศีเมษ
ซึ่งหันมาฝักใฝ่แสงสว่างไปรอดูการมาถึงของโชคชะตา...ราศีที่สิบสาม ทว่าร่างของเด็กหญิง
ผู้นั้นที่พวกเขาพบริมทะเลสาบเฟวากลับมีเงามืดแฝงเร้นอำพราง เงา ที่ทรงอันตราย
เกินจะกล้าเอาตนเองและความปลอดภัยของพวกพ้องเข้าไปเสี่ยง แต่ก่อนจะหันกลับ
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งก็ร่วงมาจากหลุมดำมืดมิดที่ยังหมุนวนอยู่เบื้องบนนั้นด้วย ในสภาพบาดเจ็บหนัก

เด็กหนุ่มผิวกายระเรื่อเป็นสีทองแดงผู้เต็มไปด้วยพลังของแสงพระเพลิงอันสว่างไสว
พชรมุนินซึ่งเป็นหัวหน้าแห่งกลุ่มผู้ครองราศีเมษจึงอดไม่ได้ที่จะนำร่างหมดสติของเด็กหนุ่มมาด้วย
ก่อนที่เงาซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในร่างเด็กหญิงจะฟื้นขึ้นมาซ้ำให้เขาต้องมีอันตรายจนถึงชีวิต

ผ่านไปช้านานเด็กหนุ่มจึงฟื้นขึ้น ลืมตามองชายกลางคนผู้มีผมขาวสนิท ดวงตาดุคม
ที่เพิ่งลืมตื่นหรี่ลงเป็นคำถาม เพราะเจ้าตัวยังงุนงงและสิ้นไร้เรี่ยวแรงเกินจะเอ่ยปาก

“อย่าห่วงเลย ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว”

“นี่...ข้า...อยู่ที่ไหน” มัชฌิม์เค้นเสียงออกมาได้ในที่สุด

“ในกาลเวลา ที่ห่างไกลจากเวลาเดิมของเจ้า หนึ่งร้อยปี”


--------------
ถ้าชอบก็รบกวนจิ้มโหวตหน่อยนะคะ
อสิตา



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2556, 03:52:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ธ.ค. 2556, 03:53:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1447





<< บทที่ ๗ แรมสีเลือด สู่บรรพกาล   บทที่ ๘ โมราผูกวิญญาณ >>
อสิตา 11 ธ.ค. 2556, 03:54:50 น.
มาช้าเพราะนอนจนหมดวัน... ช่วงนี้เหนื่อยมาก
เดี๋ยวว่างแล้วจะลงอย่างเคร่งครัด พฤหัสมาลงตอนต่อนะคะ


อสิตา 11 ธ.ค. 2556, 03:55:47 น.
คุณเกดซ่า – พ่ออัคจะช่วยลูกยังไงล่ะ ช่วยตัวเองไปละกัน -.- ชามัลก็โหดแบบนี้แหละ ปากก็จัดด้วย
คุณเฟอร์หางนุ่ม – มะม้าเสือออกแล้วนา มารี่ผูกพันกับสิต้า(บังคับ) หุหุ เดี๋ยวสิต้าก็ชินละ
คุณดวงมาลย์ – มาช้าอีกแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นบ้าแล้ว หยดสุดท้ายอ้ากกกก
คุณเมล็ดทานตะวัน – มาสายอีกแล้ว ทำงานจนไม่ลืมหูลืมตา เวลาควรนอนก็นอนไม่หลับ
เวลาหลับก็นอนเยอะเกิน จะบ้าตาย
คุณโกลเด้นซัน – ยังไงก็ต้องทำพิธีกับอัญมณีเม็ดเดียวอยู่แล้วค่ะ สิงได้ทีละเม็ด ส่วนชามัล
ยังมีเรื่องต้องเกี่ยวกับปู่มากกว่าที่ตัวฮีเองคิดไว้

คุณบุลินทร – พี่มิ้งเหน็บหนาวและเหงาหงอยในโลกที่มืดสลัว
คุณหนอนน้อยกลอยใจ – ชาจังชอบแกล้งเด็กมากนะ อุอิ ยิ่งเป็นสาวยิ่งอยากแกล้ง
คุณก้อนหิน – ตามิตรจะช่วยสิต้าได้ไหมน้า มารอลุ้นกันค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ใช่ค่ะ พระเอกเรื่องนี้เป็นคนโฉด แต่ก็มีเหตุผลของตัวเองที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้
แล้วก็ไม่ใช่คนไร้สำนึกเสียทีเดียว คนโฉดก็มีความรักได้นะคะ ก็มาดูต่อไปว่ารักจะเปลี่ยนแปลงคนโฉดได้แค่ไหน
คุณปั๊กก้า – ยินดีที่ได้เจอกันอีกนะคะ ชามัลรังแกเด็กเพลินแน่เลย
คุณเรือใบ – นั่น มีคู่จิ้นด้วย แต่ดูเหมือนคู่จิ้นจะไม่ได้มีคู่เดียวนะคะ หุหุ


ketza 11 ธ.ค. 2556, 06:32:13 น.
อั๊ยย่อ เช้าได้อีก อารุนซาหวัด
ม๊วบบบ ^_^


ketza 11 ธ.ค. 2556, 06:43:24 น.
โอ๊ย... สงสารท่านพี่อัคนิของเกดซ่า
เอ่ะๆๆพ่อเสือน้อยจะมาเด่นดังอีกทีรึ โอเชๆๆ จัดไป ว่าแต่เสือน้อยเนื้อคู่เกิดยัง 555
..... ท่านพี่ชามัลเก่งเกินใคร หึหึ .... ฟันธง // แน่ะๆ แอบนินทาท่านปู่เรื่อยเชียวนะ เหอๆๆๆ


yimyum 11 ธ.ค. 2556, 07:22:27 น.
มาซะเช้าเลยนะคะ
อีก2คน คนหนึ่งมาดึก อีกคนมาซะเย็นเลย
3เวลา 3เรื่อง หุหุ


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ธ.ค. 2556, 09:26:13 น.
อ้อออ ได้รู้ซักทีว่าตาเสือน้อยร่วงไปอยู่ไหน
ว่าแต่ขุ่นแม่ขาาา กล้าตบหน้าขุ่นพ่อจนมือชาเลยหราาาา
ใช่ซี้ ฮีมันของตายอยู่แล้วนิ!!!! เชอะ หมั่นไส้
ถ้าหน้าฮีมีรอยนะ ฮึ่มๆๆๆ


ดวงมาลย์ 11 ธ.ค. 2556, 09:45:00 น.


konhin 11 ธ.ค. 2556, 10:49:59 น.
ยังคิดว่าชามัลเป็นตัวร้ายอยู่ดี ให้เสือน้อยเป็นพระเอกดีกว่า ไม่ก็หาใหม่จากร้อยปีนั้นแหล่ะ


ริญจน์ธร 11 ธ.ค. 2556, 11:05:03 น.
ในที่สุดพี่มิ้งค์ก็มาแปะแล้วววว


goldensun 11 ธ.ค. 2556, 12:24:20 น.
สลับตัวซะอย่างนั้น จะมารับสิตารา เลยได้เสือน้อยไปแทน
รู้อนาคตล่วงหน้า แต่แก้ไขไม่ได้ คงทุกข์น่าดู
ชามัลเจอศานติมันตอนนี้ ดูชามัลจะเจ้าเล่ห์กว่าปู่นะ


บุลินทร 11 ธ.ค. 2556, 13:52:09 น.
่ท่านพชรมุนินนนนนนนนน


ดังปัณณ์ 11 ธ.ค. 2556, 19:14:49 น.
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมม เสือน้อยของเค้ายังรอดลู้ก ยังรอด 555+ ว่าแต่ว่า ชาจังจะทำไรต่อไปล่ะน่ะ ว่าแต่สงสารอัคจังไม่ได้รุย คุณเมียที่รักฟาดหน้าหันเบยยยยยยยย ชามั้ยคุณ อิๆ

คุณแป้ง เก๊ายังรอตอนที่ต้อยได้เอาคืนคนแก่ เชิดใส่ให้ชาจังนิสัยเสียง่อยไปเลยลูกกกกกกกกกกกกก ป้าเชียร์หนูยุนร้าาาาาาาาา สิตาที่ร้ากกกกกกกกกกกกกกกก ยกป้ายไฟๆๆๆๆ ส่วนชาจังสะบัดบ๊อบใส่ ชริ! 5555+

ปูลม. เชียร์ต้อยย่ะ ชั้นไม่เชียร์หล่อนนะยะ ชาจัง แต่มีข้อแม้ จนกว่าเธอจะทำตัวน่ารักนะ หุๆ


เรือใบ 11 ธ.ค. 2556, 19:59:18 น.
พระเอกเป็นคนโฉดดดดดด O_____O
ถึงคราของชามัลแล้วใช่มั้ยยยย ฮึ้ย แอบขัดใจอ่ะ คือรู้ว่าตัวละครแต่ละตัวต้องมีมุมลึก กว้าง ไม่แบน ไม่ชั่วร้ายตลอดไป แต่ชามัลเนี่ยนะ เฮ้ออ หรือแอบจิ้นคู่ชามัลกับศานติมันดีนะ เหอๆๆ


Zephyr 12 ธ.ค. 2556, 02:12:58 น.
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย
อะไรนี่ พี่มิ้งค์ ตบ อัคนิ เรอะ เดี๋ยวเถอะ
แต่น่าสงสารนะ เป็นแม่แต่ชะตากรรมลูกแบบนี้คงเศร้าแย่
แต่คนเป็นพ่อที่รู้ตลอดเวลาว่าวันนั้นต้องมาถึง และเลือกจะปล่อยไปคงเจ็บกว่าหลายเท่า
ไม่ได้เข้าข้างอัคน้อยนะ แต่แบบคนที่ไม่รู้เลย มารู้แบบ โช๊ะ แล้วจาก กับการรู้มาตลอดว่าเวลามาถึงสักวัน มันต่างกัน
สรุปตาพี่รองย้อนอดีตไปอีกร้อยปี กลับไปเป็นต้นตระกูลตัวเองรึป่ะ
มารี่ย้อนเหมือนกันไปไม่ไกลเท่าพี่รองเหรอ แต่ เอ มันน่าจะไปในยุคเดียวกันนะ แค่คนละที่ ในดลกนั้นเอง
ตามิตรล่องลอยไปเรื่อยๆ เวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account