โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: อยากลงนิยายคนแรกของปี

ลงนิยายคนแรกของปีสำเร็จแล้วค่ะะะะ 555 มีสาระมาก
ตอนก่อนจบที่ฝั่งมัชฌิม์กำลังจะเผชิญกับนางสิงห์
เดี๋ยวค่อยต่อช่วงท้ายตอน หุหุ...


ตุลาการผู้ทำตัวลึกลับนั้นอยู่ในฐานะผู้ตรวจราชการพิเศษของแผ่นดิน ซึ่งตำแหน่งของเขา
อาจเป็นเพียงเพราะเส้นสายที่ได้รับจากคนใหญ่คนโตบางคนในรั้วในวัง มีหน้าที่ทำการ
อันเป็นสาระอย่างใดไม่รู้ได้ แต่สิตาราก็คิดเอาว่างานที่แท้ของอีกฝ่ายคือทำเพื่อรัตติดารา
ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก เป็นการทำเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม ไม่สนใจว่าโลกภายนอกจะเดือดจะร้อนอย่างไร
เพียงขยายพื้นที่ของเงามืดให้กว้างไกลออกไปจนกลืนกินพื้นที่ของแสงสว่างได้เท่าไหร่ยิ่งดี

ในวันว่าง ตุลาการรดิศและรตีผู้เป็นน้องสาวชอบพาสิตารานั่งเรือไปเที่ยวไหนๆ ไปดูวัด ดูวัง
จนถึงวันที่สาวน้อยเห็นควรต้องพูดเรื่องกลับบ้าน หลังจากนั้นชามัลก็ปรากฏตัวออกมา
พบตุลาการจริงอย่างที่เคยพูดไว้

“เจ้าคงจำข้าได้” บุรุษชาติอสรพิษเอียงคอน้อยๆ ถามด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งความเกรงใจ
จนสิตารานึกหวั่นว่าความสัมพันธ์จะดำเนินไปไม่สวย เพราะไม่ว่าคนราศีใดก็ล้วนแต่เกรงตุลาการ
ไม่เว้นแม่ชีดำที่เห็นเงียบๆแต่ปกติก็ไม่ค่อยจะยอมลงให้ใคร

“แน่นอน ข้าย่อมจำได้สิ ท่านคืออสรพิษของท่านสิตารา แล้วข้าก็รู้ดีว่าไม่ใช่แค่นั้น... อำนาจ
และความเป็นมาของท่าน เกิดจากตัวตนของท่านเองที่เป็นอยู่เดิมเป็นสำคัญ”
คนตอบยิ้มแต่เพียงน้อยอย่างรู้ฉลาด

มันรู้ว่าเขาคือเมห์ฮรา ไม่ว่าจะเพราะได้ยินที่เขาบอกสิงหรานีครั้งนั้นหรือเพราะสืบเสาะเอาเอง
แต่อย่างไรมันก็รู้แล้ว “รู้ก็ดี จำไว้ว่าข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสิตารา และจะไม่มีใครครอบงำเด็กคนนี้ได้
ถ้าข้ายังอยู่เป็นตัวเป็นตน”

แล้วชามัลก็ปิดห้องคุยกับตุลาการรดิศอยู่เป็นครู่ โดยสิตาราถูกกันไว้นอกประตู
เมื่อบานประตูนั้นเปิดออกอีกครั้ง สีหน้าของตุลาการแปลกเปลี่ยนไปหลายส่วนคล้ายอ้ำอึ้ง
ขณะที่ชามัลยิ้มย่องพอใจ

“เตรียมเก็บของเถอะยายเด็กยุ่ง พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกลับบ้านกัน”


คืนนั้นก่อนนอนสิตาราออกปากไล่ตามปกติ แต่สุดท้ายอสรพิษบ้าๆก็มุดพรวดพราดเข้ามาในโมราอยู่ดี
เธอโกรธจนใจเต้นแรงกับเขาที่ไม่รู้จะจัดการได้ยังไง เคยตั้งใจว่าหากชามัลกลับมาคราวนี้จะทำไม่สนใจ
ให้มากที่สุดที่จะมากได้ แต่นี่ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ยิ่งก่อตัว ไม่รู้จะทำยังไงให้ใจที่เต้นตึ้กๆ
อยู่ในอกตอนนี้เลิกจดจ่อกับเขาเสียที

“คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้หรือ! นึกอยากจะไปก็ไป นึกอยากกลับมาบงการชีวิตคนอื่นก็มา
เข้าไปคุยอะไรกับท่านรดิศ บอกมาก่อน!”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก หนวกหูจัง รีบเข้านอนได้แล้ว หัวรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันทันที”

“ฉันอายุสิบเก้า ช่วงที่ตัวเองทิ้งไปคิดว่าคนอื่นเขาจะไม่โตขึ้นบ้างเลยสินะ”
สิตาราพึมพำตอบอย่างโกรธๆระคนน้อยใจ

“คนที่ต้องคอยป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่น่ะหรือไม่เด็ก ฉันจะคุยอะไรกับตุลาการนั่น
เธออย่าเพิ่งรู้เลย เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง” ชามัลว่าเสียงยิ้มๆมาจากในโมรา

สิตารารู้สึกอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูกจึงกระแทกตัวลงบนเตียงเอาหมอนเช็ดน้ำตา
ก่อนจะขยี้หน้าลงไปซุก พยายามไม่ให้เขารู้ แต่ดูเหมือนชามัลก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว


ในความมืด ในความเงียบของห้อง เสียงหัวใจของสาวน้อยดูเหมือนจะดังขึ้น
กับเลือดที่สูบฉีดเป็นกระแสอันหนึ่งอันเดียวกับจังหวะชีวิตแห่งโมรารัตติกาล
ถึงเขาจะกลับมาก่อปัญหา แต่เมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครอยู่ในโมราเม็ดใกล้หัวใจอย่างนี้
ก็คล้ายความเงียบเหงาจะเจือจางหายไป บวกกับที่ออกเที่ยวเล่นเหนื่อยมาทั้งวัน
สิตาราจึงค่อยๆเคลิ้มหลับลงในที่สุด เหลือเพียงชามัลซึ่งยังเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจ
และความคิดของเธอที่ยามนี้อยู่ใกล้ชิดเขาเหลือเกิน

เวลาผ่านเลยครึ่งคืนไปแล้ว นั่นคือเวลาที่ฝันร้ายของสิตาราเริ่มก่อตัว
ความลับที่ไม่เคยเอ่ยกับพี่สาวหรือใคร อันที่จริงเธอพยายามจะบอกกับตัวเอง
อยู่เสมอด้วยซ้ำ มันคือความฝันของเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

ในค่ำคืนที่ไฟไหม้บ้านจนมอดทั้งหลัง ชั่วเวลาที่สติรับรู้ของเด็กหญิงวัยเพียงสี่ขวบ
กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอได้ยินเสียงคน! แต่สิตาราไม่เคยจดจำได้ว่าคำพูดเหล่านั้นคืออะไร
ทว่าความทรงจำได้ฝากฝังร่องรอยไว้ในจิตของผู้ที่มีพลังลับแฝงเร้นเช่นเธอ จนมาคืนนี้
ฝันนั้นคล้ายจะย้อนมาเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่เพียงเธอ ชามัลที่อยู่ใกลชิดหัวใจดวงน้อย
ก็พลอยรับรู้ไปด้วยพร้อมกัน...

‘เมห์ฮราเราไม่เคยมีใครคิดทำการสกปรกเช่นนี้ ฆ่าว่าที่รัตติดาราในอนาคต
ทั้งที่เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น’ เสียงนั้นกดดันเกรี้ยวกราดได้อย่างเหลือเชื่อ
แม้ผู้พูดจะไม่ได้กระชากวาจาเลยแม้แต่นิดเดียว

‘ตะ แต่ว่าท่านอัคนิวรา เด็กนี่จะโตมาเป็นราศีที่สิบสามซึ่งอันตรายยิ่ง
...พวกเราได้รับคำสั่งโดยตรงจากพี่ชายท่าน’

พี่ชายของท่านอัคนิคนที่ว่าก็คือศานติมัน พ่อของมิตร!
ศานติมัน...ปู่ของชามัลที่เธอได้พบในอดีต
ชายผู้มีรอยยิ้มจริงใจติดบนใบหน้าที่ดูทรงไว้ด้วยอำนาจแต่ก็ไม่มีพิษมีภัย!

‘ข้าไม่เชื่อ! พวกเจ้าควรไสหัวกลับไปหาคนสั่งการตัวจริง และอย่าได้คิดลงมือกับเด็กสองคนนี้อีก
แม้เจ้าจะฆ่าพ่อแม่เด็กตายไปแล้ว แต่สองพี่น้องนี่จะต้องปล่อยไป’

‘ท่านคิดจะอุ้มชูว่าที่รัตติดาราหรือ ทั้งที่พวกมันบ่อนทำลายแสงสว่างของเมห์ฮรามาช้านาน
ตลอดเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา’ คนตอบเอ่ยร้อนรน

‘ข้าไม่อุ้มชู เด็กจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ชะตากรรม แต่ข้าไม่อนุญาตให้ใครฆ่าเด็กสองคนนี้
เลือกเอาว่าจะถอย หรือว่าจะตาย!’

พวกมันคงล่าถอยไปแล้วขณะที่เสียงฟืนไฟเริ่มปะทุขึ้น พร้อมอ้อมกอดร้อนรุ่ม
ที่อุ้มสิตาราออกมาวางไว้บนพื้นหญ้าเย็นเยียบชื้นน้ำค้าง

‘พี่ข้าอาจทำเช่นนั้นจริง มันน่าอดสูเกินจะยอมรับ คราวนี้เพลิงของข้าจะผลาญทุกอย่าง
ไม่ให้เหลือซากอัปยศที่พวกเมห์ฮราก่อไว้... ถูกแล้ว พวกเจ้าน่าเวทนา แต่ข้าไม่มีสิ่งใด
จะต้องชดใช้ให้พวกศัตรู เพราะข้าเองก็ไม่ใช่เกิดมาเพื่อผดุงความยุติธรรมของโลกใบนี้
รัตติดารามุ่งทำลายตระกูลแห่งแสงสว่างของเราหลายครั้งหลายคราและสมควรจะสูญสิ้นไปได้แล้ว
แต่พวกเจ้ากลับเป็นผู้ที่จะมาสานต่อการทำลายล้างนั้น ที่ข้าจะให้ได้มากที่สุด
...ก็แค่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปตามยถากรรม’

จากนั้น พวกเธอระหกระเหินจากถิ่นเกิดอยู่นานจนมีพวกราศีพิจิกเข้ามาช่วย
แต่แล้วก็ถูกมือมืดของใครบางคนตามจองล้าง ไม่รู้เลยว่าจะเป็นเมห์ฮราหรือพวกรัตติดาราด้วยกัน
ที่มุ่งร้าย สิตาราต้องพรากจากพี่ดารา พี่สาวเพียงคนเดียว น่าขำที่สุดท้ายเธอดันต้องไปอยู่กับมิตร
สรุปแล้วเขาคือลูกชายของคนที่ฆ่าพ่อแม่เธอ...แต่ไม่ว่าอย่างไรสิตาราก็จำพ่อแม่ไม่ได้ ชีวิตเธอมีแต่พี่สาว
มีแต่มิตร แล้วเธอก็รักผูกพันกับเขา ไม่เสียใจสักนิดที่โตมาด้วยมือของคนอย่างมิตร ทว่าการลาจาก
ก็หวนมาอีกครั้งในช่วงชีวิต ด้วยน้ำมือของใครบางคน พรากเธอมา...

ชามัล เขาก้าวเข้ามาทำให้วันที่เริ่มจะสดใสของสิตารากลับไปมืดยิ่งกว่าเก่า
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างเวลาที่อยู่กับเขาคือการเดินทางอันมหัศจรรย์จนไม่อาจลืม
เธอแสดงออกว่าเกลียด แต่ก็แอบชอบเขาอยู่ในใจ แล้วก่อนจะทันได้ลิ้มรสชีวิตที่เขาดึงเธอมาสู่ด้วยกัน
ในคืนหนึ่งเขาก็ทิ้งสิตาราไป เพราะเธอเป็นเพียงเด็กน่ารำคาญในสายตาเขาเท่านั้นเอง

“อย่าไป อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว...” เสียงละเมอขาดห้วงผะแผ่วของสาวน้อยดังขึ้นในห้องนอนเงียบกริบเย็นยะเยือก

น่าแปลก คราวนี้ความเศร้านั้นไม่เพียงบีบหัวใจสิตารา แต่ยังสะเทือนไปถึงทาสรับใช้โมราแห่งความมืด
อาจเพราะเขาอยู่ใกล้หัวใจเธอเพียงเท่านี้ ทั้งเพิ่งรู้ความจริงสดๆร้อนๆว่าปู่ของเขาเคยทำร้ายเธอขนาดไหน
ไม่แปลกใจเลย นั่นแหละท่านปู่ศานติมัน กำจัดคนที่จะขวางทางอำนาจไปให้พ้นก่อนอื่นใด
ตอนนี้เด็กน้อยของเขากำลังร้องไห้ในฝัน และความทุกข์โศกนั้นก็พลอยทำให้เขาปวดใจตาม
จนแทบว่าทนอยู่ในโมราไม่ได้

ควันดำระเหยออกจากเม็ดลูกปัดแห่งรัตติกาล อสรพิษหนุ่มปรากฏร่างเงียบงันในความมืด
ยืนกอดอกจ้องมองอย่างหนักใจไปยังร่างแน่งน้อย เจ้าของจิตใจที่ยังติดอยู่ในความฝันอันเปล่าเปลี่ยวชวนผวา

“เด็กเอ๋ย เด็กอ่อนแอ แบบนี้จะมาอยู่ในหนทางอำนาจของฉันได้หรือ”
ร่างแข็งแกร่งทรุดลงนั่งบนเตียง ลูบผมยาวเป็นคลื่นเคลียแก้มใสเบามือ ถ้าไม่ใช่เพราะ
อำนาจของราศีที่สิบสามที่จะมาควบคุมรัตติดารา สิตาราเองก็ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขา
จริงอยู่ว่าพลังความมืดในตัวเธอเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ราวกับหลุมดำอันหมุนวนลึกลงไป
แต่การกลับมาเจอกันก็ทำให้ได้รู้ เธอยังคงไม่ก้าวหน้าไปกว่าตอนเป็นเด็กหญิงสักกี่มากน้อย
บางทีในประวัติศาสตร์ก็พบว่ามีคนแบบนี้ คนที่เกิดมาพร้อมพลังซ่อนเร้น
และก็ไม่สามารถเอามันออกมาใช้ได้จนวันที่ตัวตาย...ช่างเป็นชีวิตที่ไร้ค่าเสียจริง

ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดดลใจ พอรู้ตัวอีกทีชามัลก็พบว่าตนลงมานอนอยู่บนหมอนเดียวกับสิตารา
โอบกอดร่างที่ยังสั่นผวาไว้อย่างปลอบประโลม ยิ่งเมื่อเธอขยับเข้ามาซุกหาไออุ่น ทั้งยังสูดจมูกงอแง
กับความฝันไม่รู้ตื่นอีกหลายที เขาก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วกับตนเอง แขนแข็งแรงกอดกระชับ ลูบหลังลูบไหล่
คนตัวเล็กให้หยุดร้อง นึกไปถึงยามเคยปลอบโยนสิตาราตั้งแต่เธอยังไม่โตเป็นสาว นึกขำนิดๆ
เวลานี้ก็แทบไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากตอนนั้น ตลอดเวลายาวนานที่เขาจากเธอไป...นานเหมือนฝัน
แต่ภาพก่อนจะหลับลงนั้นกระจ่างชัดเหลือเกิน ทั้งสายใยที่ยังเชื่อมโยงถึงกัน
ก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยห่างหายไปเลย

“อย่าไปไหนอีกนะ ชามัล...”

เสียงแผ่วหวิวดังขึ้นจากคนที่คล้ายละเมอตื่นจากฝัน สิตารากอดตอบเขา
ก่อนจะยึดไว้แน่นแล้วหลับต่อ นอกจากความพิศวาสอย่างชายหญิง
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกอดเขาด้วยความคิดถึง ห่วงหา ผูกพัน... ท่านปู่ท่านย่ารักดูแล
แต่ก็ยังมีบางอย่างห่างเหิน ความอาทรที่ไม่เคยแสดงออกผ่านภาษากาย

ชามัลถอนหายใจ “กับคนอย่างฉันเนี่ยนะ...ให้ตายเถอะสิตารา”
ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนใจก็ยังบอกให้เขาเดินต่อไปจนสุดทาง อสรพิษหนุ่มได้แต่กระซิบกับ
เจ้าของร่างที่กำลังหลับใหลในอ้อมแขน “เธอเป็นของฉัน เด็กน้อย เป็นสมบัติของฉัน
ที่ฉันจะทำยังไงก็ได้... ดังนั้นไม่ว่าต่อไปข้างหน้า อะไรจะดำเนินไปรูปไหน
แค่ความจริงเรื่องนี้เท่านั้น จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”


ไม่ไกลออกไปนั้นมีห้องเตียงคู่ ตั้งแต่เมื่อวรรณะมาเยือน ฝาแฝดเอ่ยขอห้องใหม่
เพื่อจะได้พักรวมกันให้สมกับความคิดถึง ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มสองคนที่เป็นเจ้าของเตียง
และควรจะนอนหลับอยู่บนนั้น กลับไปนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งเล่น ประสานสายตากันข้ามโต๊ะเตี้ย
ซึ่งมีแก้วสองใบใส่เครื่องดื่มตั้งอยู่ วรรณะนั่งเท้าคางกับโต๊ะ จุ่มนิ้วมือลงในแก้วของตนเอง
สัมผัสรับรู้ผ่านธาตุน้ำเข้าสู่ตัวตน อำนาจของผู้ครองมุกศักดิ์สิทธิ์แห่งราศีคนคู่

“ดูเหมือนท่านสิตาราจะมีน้ำตา น้ำ...เราถึงได้ยินเสียงชัดเหลือเกิน”

ที่พวกเขาสัมผัสและบังคับได้คือน้ำในสภาพแวดล้อม ทั้งนี้จึงไม่รวมถึงเลือดซึ่งเป็นสมบัติในกายผู้ใด

“เรื่องอะไรกัน” นิลละที่นั่งประสานมือบนตักอยู่อีกฝั่งเอ่ยถาม

“ละเมอเพราะความฝันไร้สาระ แต่ปฏิกิริยาจากอสรพิษจะเป็นไปในทางคาดไม่ถึง สาระมันอาจอยู่ตรงนี้”

นิลละเอามือจุ่มลงในน้ำแก้วตนบ้าง จนเวลาผ่านไปเป็นครู่จึงถอนมือ
“กำลังจะบอกว่าเมื่อควบคุมท่านสิตาราได้ ก็จะควบคุมอสรพิษแห่งโมรารัตติกาลได้รึ”
เจ้าของไข่มุกดำเอ่ยขรึมชา

“หรือมิใช่”

“ข้าว่ามันคงไม่ง่าย ไม่ว่าอย่างไรอสรพิษตนที่ว่าก็คงไม่เห็นเรื่องอื่นใดสำคัญไปกว่าตนเอง
ส่วนท่านสิตาราที่ดูเผินๆไม่ได้ดื้อรั้นมากมาย แต่จากที่อยู่กันมา ข้าเชื่อว่านางคงเลือกให้
ทำลายชีวิตนางเสียดีกว่าจะยอมถูกควบคุม”

“เจ้าคิดอย่างนั้นรึ” เจ้าของไข่มุกทองคำโคลงศีรษะ ถอนนิ้วออกจากแก้วน้ำ
“...วันหนึ่งเราจะได้รู้กัน แต่ว่าตอนนี้ร่างกายข้ารู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก คงถึงเวลาต้องรับโอสถ”

“ได้สิ ข้าจะให้เจ้าได้ดื่มเลือดข้าอย่างเคย แล้วเราก็ควรนอนพักกันสักหน่อย
เหลือเวลาก่อนเดินทางอีกไม่มาก”

คนฟังพยักยิ้ม ในช่วงเวลาที่ต้องแยกจาก ไม่มีใครที่จะมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับเขาได้ดีอย่างนิลละ
ทั้งเลือดในกายที่ยอมสละให้เสมอมาโดยไม่มีข้อแม้ พวกเขาจึงเป็นชีวิตของกันและกันอย่างแท้จริง!


ก่อนเรือออกจากท่า สิตารารู้สึกราวกับมีคนกำลังจ้องมองเธออยู่
พอหันไปก็เห็นเงาร่างที่เหมือนจะคุ้นตาวูบผ่าน แวบเดียวร่างนั้นก็หายไปเสียแล้วในกลุ่มผู้คน

ใครกัน เหมือนมิตรเหลือเกิน...
สาวน้อยได้แต่ส่ายหน้ากับตนเอง กี่ครั้งแล้วนะที่พยายามมองหาเงาของคนที่อยากเจอ
กี่ครั้งกันแล้วที่พยายามมองไปตามที่ต่างๆ แล้วก็เกิดคิดไปเองว่าเห็น แต่แล้วมันก็กลับเป็น
ภาพลวงตาที่สร้างขึ้นจากใจที่ร่ำร้องอยากเจอเขา

ใครจะรู้ บางทีมิตรอาจพยายามมาเจอเธอจนได้ แต่ถ้าเขามาจริงก็คงรีบเข้ามาหาแล้ว
มิตรไม่ใช่พวกชอบลีลาท่ามากขนาดนั้น เป็นพวกทำตามความต้องการของตัวเองอันดับแรก
โดยหลุดพ้นข้อจำกัดทุกประการเลยเชียวละ

เมื่อเรือของตุลาการลอยลำออกสู่ทะเล มีภูตดารามายืนเรียงรายสองข้างลำเรือ แต่สิตารา
ก็ค้นพบทั้งยังเปรยกับชามัลที่ตอนนี้มายืนอยู่เคียงตนอย่างยั่วแหย่เขาอยู่ในที
“ไม่มีเรือลำไหนในยุคสมัยนี้ที่ฉันเคยนั่งจะเร็วเท่ากับเรือลมกรดของสิงหรานีสักลำ”

“อ้อ ไอ้เรือผุๆที่ฉันทำลายไปน่ะหรือ” ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษเอ่ยยิ้มย่อง ยั่วเธอตอบ

“เลิกอวดแต่เรื่องไม่ดีซะที” สาวน้อยปรามดุๆ เรียกเสียงหัวเราะจากชามัลได้ในคราวนี้

สิตาราทำตาโตยามเห็นเขายิ้มให้เธอทั้งตาและปาก ดวงตาสีน้ำตาลทองพร่างอารมณ์ขบขัน
เธอไม่เคยเห็นใครที่รูปหล่อเหมือนอย่างชามัล หรือเพราะมองเขาจนชินตามาแต่เด็ก ก็เลยฝังใจ
ทำให้เธอชอบแต่คนหน้าตาอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีใครเหมือนเขาเลยสักคน
เอาอีกแล้ว เลือดสูบฉีดแรงอีกแล้ว
ไม่เข้าใจเลยว่าความสนิทสนมนี้จะเกี่ยวข้องกับโมรายังไง นอกจากเลือดในตัวเธอจะสูบฉีดแรงกว่าปกติ...
หัวใจก็ดูคล้ายเต้นผิดจังหวะไปด้วยเหมือนกัน เธอชอบเขาเข้าแล้วหรือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทำเอา
หายใจลำบาก และสิตาราไม่รู้จะรับมือกับมันแบบไหนดี

ความสัมพันธ์ของเธอที่เป็นนายกับทาสรับใช้แห่งโมราดูเหมือนจะดีขึ้นมาก แม้ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด
แต่ก็ยังดีกว่าต่างคนต่างดึงดันจะไปคนละทาง ลงเป็นแบบนี้สิตาราอาจหาทางตะล่อมเขาได้บ้าง ใครจะรู้

ชามัลที่อิงกราบเรืออยู่ก้มมองแก้มออกสีเรื่อๆของสาวน้อยตรงหน้า เป็นภาพที่ห่างหายไปนาน
แต่ก็คุ้นชินจนรู้สึกว่าเพลินตาดีอย่างไรชอบกล แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกตัว กะพริบตาและหันมอง
ออกไปสู่ทะเล คล้ายจะมองหาจุดหมายสักอย่าง ทั้งที่ยังไม่เข้าใกล้เกาะหรือแผ่นดินใด

“นี่ ช่วยเล่าเรื่องในการเดินทางที่ผ่านมาให้ฟังหน่อยได้ไหม ช่วงปีที่หายหน้าไป” หัวใจออกคำสั่งให้เธอถาม

ชามัลยิ้มในหน้า “เอาเรื่องไหนดีล่ะ” สิตาราคงไม่ชอบ ถ้ารู้ว่าเขาฆ่าคน
แต่ชามัลก็ไม่ใช่พวกชอบฆ่าพร่ำเพรื่อเป็นสันดาน เขาพยายามฆ่าเท่าที่จำเป็นจริงๆเท่านั้นเอง...
“ที่นี่ก็เป็นโลกใหม่ของฉันเหมือนกัน ดูเท่าไหร่ก็รู้สึกว่ายังดูไม่หมด”

“ต่างจากโลกในอนาคตมากเลยสินะ” สิตารารู้สึกว่าโลกของเธอซ้อนทับกัน
เพราะท่องเที่ยวไปในกาลเวลากับมิตร แต่ก็เป็นเรื่องนานปีทีหนสำหรับเวลาในอดีตไกลๆ
ร้านไม่เคยพาเธอมาเยือนในช่วงเวลา ณ ขณะนี้เลยสักที

“ต่าง ตรงที่ไปทิศไหนก็มีแต่ป่ามากกว่าเมือง มีสีเขียวเต็มไปหมด หายใจโล่งดี”
ถึงชามัลจะเป็นพวกวัตถุนิยม แต่ต้นไม้และธรรมชาติก็นับเป็นการมีอยู่ของ‘วัตถุ’มีชีวิต
อีกอย่างที่ไม่ต้องแปรรูป และเขาต้องการมันไม่แพ้อำนาจ สมบัติพัสถาน หรือว่าเงินตรา
นี่คงเป็นข้อดีของอดีต มองไปทางไหนก็มีแต่ภาพสบายตา

เรือวันนี้บรรทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องกับราศีตุลย์มาด้วยมากหน้าราวกับจะไปร่วมงานใหญ่ที่ไหน
ยิ่งคนพลุกพล่าน สายตาของสิตาราก็ยิ่งกวาดมองหามิตร เผื่อว่าคนที่เธอเห็นตอนขึ้นเรือมานั้น
อาจใช่เขาจริงๆ แต่พอนานเข้าเจ้าตัวคนมองก็เริ่มรู้สึกว่าตนชักจะเพ้อเจ้อไปใหญ่

ชามัลรู้ว่าสิตาราหาโอกาสหลบเขาแวบไปดูนั่นดูนี่ตามลำพัง เขาเองก็ทำไม่รู้เรื่องไปชั่วขณะ
เพราะใจก็อยากจะแอบตรวจดูอะไรบ้างโดยที่ไม่มีสายตาจับผิดของเด็กมาคอยสอดส่อง
หมายใจว่าเรื่องสำคัญที่ตนเองกำลังรอคอยให้เป็นไปอย่างเงียบเชียบจะสำเร็จลงด้วยดี

พอออกพ้นฝั่งมาไกลโขแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เดินทางอย่างรีบเร่ง ยังอีกเป็นหลายวันกว่าจะถึง
คืนแรมที่หนทางสู่เกาะเงาจะเปิด บนเรือที่พร้อมรบแต่กลับมีแต่ความสำราญลำนี้
เบื้องแรกชายผู้มีร่างอสรพิษไม่คิดว่าตนจะได้เจอสิ่งน่าสนใจ แต่แล้วหูก็พลันสดับเสียงหนึ่ง
จากระเบียงดาดฟ้าท้ายเรือ ยามค่ำคืนที่ผู้คนดูเหมือนจะพร้อมใจกันหลับใหล

“ได้โปรดให้อภัยข้า นายท่าน ที่พยายามขัดขวางแผนท่านหาใช่ข้าปันใจไปเข้าข้างราศีอื่น
เพียงแต่กลัวว่าท่านรดิศจะเป็นอันตรายหากคิดทำการใหญ่เกินตัว”

“เกินตัวรึ ข้าจะตัดสินใจเองว่าอะไรเกินตัว อย่าขอความเมตตาอีกเลย ข้าเป็นตุลาการ
และได้ตัดสินโทษเจ้าไปแล้ว สายเกินจะอ้อนวอน!” เสียงเหี้ยมกร้าวตวัดอย่างไร้ปรานี

สำเนียงคลื่นลมทะเลที่เรือแหวกผ่านดูเหมือนจะกลบเสียงร่างมนุษย์หล่นลงกระทบผิวน้ำได้สนิท
อสรพิษเฝ้ามองผู้เคราะห์ร้ายกระเสือกกระสนท่ามกลางคลื่นลม ไม่คิดยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ปล่อยให้ชายนั้นจมหายไปในกระแสแห่งชะตา ไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องช่วย
ไม่ต้องถามเอาจากคนที่กำลังจะกลายเป็นศพเขาก็รู้ได้เองอยู่แล้ว

แผนลับของตุลาการรดิศงั้นรึ ในเร็วๆนี้จะต้องจัดการลงไปให้กระจ่างเสียที ให้มันได้รู้...ใครคือผู้คุมเกม



มัชฌิม์ลืมตาขึ้นช้าๆ ร่างกายชาจากการถูกมัดไว้กับเสาหลักด้วยเชือกอาคม
หลายวันมาแล้วที่เขาถูกพาตัวมายังเกาะเล็กๆนี้เพื่อผ่านข้อแม้บางอย่างไปให้ได้

เริ่มแรกทีเดียวเมื่อขึ้นเหยียบฝั่งเกาะรัง ไม่นาน เหล่าโจรสลัดเถื่อนหน้าตาถมึงทึง
กรูกันเข้ามาล้อมเขา ยื่นข้อแม้ว่าหากต้องการพบชายเจ้าคาถาผู้นั้นที่ท่านพชรมุนินส่งเขามาหา
มัชฌิม์จะต้องมายังเกาะเล็กที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก ทั้งอดทนกับบททดสอบจนครบสิบวัน
นายของพวกมันจึงจะพอใจ

แรกทีเดียวเขาไม่เชื่อ แต่คนพวกนั้นไม่มีทีท่าจะยอมถอย และหากเขาไม่ผ่อนปรน
เห็นท่าคงจะลงมีดลงไม้กันถึงตาย การฆ่าคนของผู้ที่ตนหวังมาพบมาพึ่งคงไม่ดีแน่
เขาจึงยอมตามไปก่อน แต่ดูคล้ายข้อแม้ออกจะหนักข้อ มัชฌิม์ถูกเอามาทิ้งไว้บนเกาะร้าง
ที่มีแต่หินสูงชันและเวิ้งถ้ำ พวกโจรให้เขาสำรวมใจรอคอยอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบวัน

ทุกๆคืน ผีร้ายและภูตพรายจากพวกมันถูกส่งมาเยี่ยมเยือนรังควาน แต่มัชฌิม์ก็ผ่านมาได้
กับอาหารกินกันตายวันละมื้อที่พวกโจรเอามาส่ง เขายังคงอดทนจนถึงเมื่อคืนนี้
คืนที่เก้าชายหนุ่มหลับสนิทลงด้วยแรงกดทับอันแรงกล้า แล้วก็ตื่นมาในสภาพถูกมัดไว้กับหลัก
กระดิกกระเดี้ยไม่ได้อย่างที่เป็น ในถ้ำที่มืดสนิทไร้ที่มาของแสง เขารอคอย
จนกระทั่งมีเสียงคนสนทนากันใกล้เข้ามา

“ไหน มันอยู่ไหน ไอ้หนูนั่นมันก็อึดดีเหมือนกันนี่หว่า อยากดูน้ำหน้าเหมือนกันว่าตอนนี้จะเป็นไง”

เสียงผู้หญิง แม้จะห้าวห้วนตะเบ็งลึกมาจากในอก คล้ายชินกับการออกคำสั่งคนหมู่มาก

แสงคบไฟนำมาก่อน แล้วมัชฌิม์ก็ได้เห็น หญิงร่างสูงสง่า ผมพองฟูชวนให้นึกถึงสิงโต
ดวงหน้าคมงามทว่าทาตาดำเหมือนพวกนักร้องวงร็อคในช่วงเวลาที่เขาจากมา ผิวขาวเผือด
ราวกับไม่เคยโดนแดดลม ดูน่าจะเป็นเพราะเชื้อสายในตัวมากกว่าอื่น นางพญาผู้ขนาบพร้อม
ด้วยโจรสลัดร่างหนากำยำ คนหนึ่งศีรษะล้านเลี่ยนแต่เคราดกยาว ส่วนอีกคนมีหนวดแค่
พอหรอมแหรมแต่ผมเผ้ารุงรังแข่งกับเคราเพื่อนของมัน ดวงตาหรี่เล็กแต่ดูฉลาดเฉลียว
บ่งบอกว่าเป็นลูกน้องที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่กำลังกาย

“เจ้า...คงจะเป็นสิงหรานีที่คนพวกนี้พูดถึง ข้ามาเพื่อพบท่านอโพซินเต้ นี่ครบสิบวันแล้ว
จะยอมให้พบได้หรือยัง”

“เชื่อเช่นนั้นหรือ แต่เจ้าควรจะรู้ไว้อย่าง ไม่มีสัจจะในหมู่โจร แล้วจู่ๆข้าก็ชัก
...ไม่อยากจะแบ่งพ่อครูของข้า ให้เป็นครูของคนเดนตายมาคนไหนๆ”

“เช่นนั้นก็ปล่อยข้า” ชายหนุ่มเอ่ยพร่าห้วนอย่างระอา แม้ไม่มีท่าทีเต้นตามคำยั่วยุนางสิงห์

หญิงสาวยืนจังก้าต่อหน้าเหยื่อ มือกอดอก เงยขึ้นมองชายอ่อนวัยกว่าที่สูงเกินตนอยู่หลายส่วน
อีกฝ่ายยังราศีไม่ตก แม้ผมที่มัดรวบไว้จะหลุดออก ปลดปล่อยผมเส้นยาวตรงยาวจรดบั้นเอวเป็นอิสระ
ตุ้มหูห่วงเป็นแถวเป็นแนวไปตลอดใบหูข้างหนึ่งส่งให้ใบหน้างดงามที่เครียดกระด้างอวดหยิ่ง
ดูกระตุ้นโทโสคนมองขึ้นไปอีก “เจ้าหนุ่มน้อย...แล้วนี่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ อยู่สบายดีไหมสิบวันมานี้”

คนถูกพันธนาการคล้ายไม่รู้สึกรู้สาว่าตนกำลังตกเป็นเบี้ยล่าง เขาเพียงเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา
“เจ้าเองก็ไม่ได้แก่ไปกว่าข้าสักกี่มากน้อย”

“ก็น่าจะหลายปีอยู่นะ” สิงหรานียักไหล่ “แถมพวกผู้ชายโตช้า อายุเท่าไหร่ต้องลบไปอีกสิบถึงจะได้อายุจริง”

ท่านพ่อเคยสอนเขาประสาลูกผู้ชาย ว่าอย่ายั่วโมโหผู้หญิงบางคน
แต่ถึงอย่างนั้นบางทีท่านพ่อก็แกล้งท่านแม่ไม่ใช่หรือไง...
“ดูท่าทางเจ้าจะเจอแต่ผู้ชายไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ในอดีตที่ผ่านมา”
มัชฌิม์ยวนด้วยน้ำเสียงขำๆ แต่หน้าตาของเขาไม่มีแววยิ้มเลยแม้แต่นิด

สิงหรานีหยิบมีดคมวาวขึ้นมาถือ ยื่นมันไปจนใกล้หน้าชายผู้ถูกพันธนาการ
“ปากกล้า...อยู่เหมือนหมาจนตรอกแล้วยังอวดดี ถ้าพูดดีอีกคำข้าจะตัดลิ้นเจ้าออกมาเหยียบเล่นเสีย”
นางคำรามราวกระซิบ “ตุ้มหูเหล็กของเจ้าสวยนะ มีเพชรดำประดับเสียด้วย” ว่าไม่ว่าเปล่า
นางยังยื่นมือไปกระตุกริบห่วงเหล็กมาเสียห่วงหนึ่งจากที่เรียงรายอยู่บนใบหูของเหยื่อ
ยกส่องดูประกายพลางผิวปาก ก่อนจะเก็บเข้าพกเข้าห่อตัวเอง

“เก่ง ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเพชร สมเป็นนางโจร” ดีว่าแม่นี่ฉกเอาตุ้มหูไปห่วงเดียว
เกิดโลภมากดึงไปทั้งแถวเขาก็คงยอมเฉยไม่ได้

“โดนมัดเป็นดักแด้แล้วยังไม่เจียม”

“ก่อนจะพูดควรดูให้แน่ก่อน ว่ามัดเหยื่อไว้แน่นดีแค่ไหน”

ฉับพลันนั้นเอง ชายหนุ่มกางแขนที่ควรจะไพล่อยู่ข้างหลังออกทั้งสองข้าง
อวดเชือกอาคมที่ยังเหลือเป็นเศษอยู่ติดข้อมือทว่าสายเชือกได้สะบั้นลงแล้ว
มือเขาพลันปรากฏกรงเล็บยาวคมกริบเหมือนเล็บเสือ ตะปบใส่สิงหรานีเต็มเหนี่ยว
อย่างไม่ออมแรง หญิงสาวหงายดีดตัวหลบว่องไวเหมือนนางแมว

เสียงคำรามดังจากโจรสองคนที่ตามประกบนาย ทว่าเสียงสตรีผู้เป็นหัวหน้ากลับตวาดกลบ
“เฉยเถอะราช! มหิต! ไม่ต้องแส่… ให้รู้ไปว่าข้าจะสู้มันไม่ได้ ถ้าวันนี้ข้าตาย...
จะไปเอาหมูหมาที่ไหนมาเป็นนายแทนก็เอา” พูดพลางมือหนึ่งชักมีดสั้นมือหนึ่ง
ชักดาบยาวปลายตัดคู่กายออกมาควงราวกงจักรผัน ก่อนซัดปะทะใส่เหยื่อที่บัดนี้เป็นอิสระ

มัชฌิม์ยิ้มขณะกันอาวุธนั้นไว้ได้ ไม่เพียงคมของมันซัดมา แรงลมที่แฝงมากับดาบยังทำเอาเขา
ที่ไม่ได้ตั้งหลักเกือบเซ ทั้งคู่เคลื่อนไหวว่องไวปราดเปรียว ผลักกันรุกไล่ไปรอบๆคูหาแคบ
โดยสมุนโจรได้แต่หลบหลีก จนแทบจะต้องมุดหลบคลานให้รอดชีวิตจากการโจมตี
แบบไม่เลือกและไม่ยั้งของคนทั้งสอง

สิงหรานีคำราม มัชฌิม์ก็คำรามตอบ รู้สึกว่าสตรีตรงหน้านี้ทั้งฝีมือและอาคมแข็งกล้าหาตัวจับยาก
หากเขาพลาดก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในขณะที่นางสิงห์เองก็ทึ่งอยู่ลึกๆ เหยื่อซึ่งคิดว่าจะหมู
กลับกลายเป็นเสือร้ายสู้ยิบตา ทั้งรุนแรงและรวดเร็วจนนางเองก็ต้องระวังตัวแจ

กรงเล็บสมิงปะทะดาบเรืองเวทเกิดประกายวูบวาบ ทั้งคู่ต่อตีกันตั้งแต่ในถ้ำจนมัชฌิม์โผนออกไป
สู่เบื้องนอกได้สำเร็จ รอยยิ้มจุดขึ้นตรงริมฝีปาก รู้สึกพอใจสตรีสวยผู้โหดเหี้ยมใจห้าวหาญน่าดูชม

สิงหรานีตวัดดาบสอดเข้าฝักที่สะพายหลังไว้ แต่ยังถือมีดสั้นโผนตามติดไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายรอดมือ
“คิดจะหนีหรือ!” นางสิงห์เข่นเขี้ยว

ท้องฟ้ายามบ่ายสีฟ้าจัด นอกถ้ำเป็นโขดผาสูงชัน ถัดจากนั้นก็เป็นทะเล
เหยื่อหนุ่มโผนหลบว่องไวก่อนจะยอบตัวลงเปลี่ยนร่างเป็นเสือดำมหึมา
หันมาคำรามสนั่นใส่ผู้ตามติด ก่อนหันหลัง เตรียมกระโจนวูบไปในอากาศ
ทว่าร่างระหงกลับโจนขึ้นกอดเกาะ ใช้บ่วงมนตราฉุดรั้งจนทั้งคู่หล่นตูมลงสู่ท้องทะเลไปพร้อมกัน!

มัชฌิม์บิดกายกลับก่อนที่อีกฝ่ายจะทันจ้วงมีดในมือลงแทงเขา ร่างสมิงดำสนิทกลับกลายเป็น
ชายหนุ่มเจ้าของดวงหน้างามคม มือยุดมือที่ถือมีดของนางโจรสาวคลั่งไว้ ตาจ้องตา
ผ่านกระแสน้ำทะเลผุดพรายฟองที่แทรกผ่านระหว่างร่างไป ทั้งคู่จมดิ่งลงพร้อมกัน
คล้ายวัดใจว่าใครจะอดทนได้นานกว่า

ยิ้มเยาะสายตาหยันของนางสิงห์กลับสื่อความได้เทียบเท่าจากใจถึงใจ
‘คิดจะประลองกันในน้ำกับโจรสลัด เจ้าโง่’

ชายหนุ่มจึงสื่อสารกลับไปด้วยสีหน้าและสายตาที่ไม่ยอมลดราพลางเอานิ้วแตะจมูกและริมฝีปากตนประกอบ
‘ถ้าข้าจะขาดอากาศจริง คงต้องหาเอาแถวนี้’

‘อะไรของเจ้า...’ คราวนี้คนตีความชักทำหน้ายุ่งไม่เข้าใจ

มัชฌิม์ส่ายหน้า
‘ข้าพยายามจะบอกว่า ถ้าไม่มีลมหายใจ ก็ขอจากเจ้าก็แล้วกัน...เข้าใจไหม ไม่เหรอ งั้นทำเลย!’

ทันใดผู้มีแรงเหนือกว่าก็ดึงร่างระหงเข้าใกล้ ริมฝีปากพบกับปากของสิงหรานีที่ตกตะลึงค้างไปอึดใจ
เมื่อลมหายใจถูกสูบออกไปจริงๆหญิงสาวจึงได้เริ่มผลักไส ไม่นานจากนั้นทั้งคู่ทะลึ่งขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมกัน

คู่ต่อสู้ฝ่ายชายหัวเราะลั่น ในขณะที่สลัดสาวเร่งว่ายเข้าหาโขดหิน ปากพึมพำสบถด่าแช่งชักอีกฝ่ายไปตลอดทาง

ทั้งคู่ต่างตะเกียกตะกายเข้าหาเกาะที่มีแต่โขดหินและผาชัน เมื่อสบตากันอีกที
คราวนี้ในแววตาของมัชฌิม์มีรอยยิ้มแกร่งกร้าวท้าทาย นางสิงห์ยามเปียกผมฟูๆก็ลู่ลงมา
ดูงามเย้ายวนด้วยเสื้อผ้าแนบกาย แต่แววตานั้นดุร้ายขึ้นอีกเป็นสิบเท่า ทำให้เลือดในตัวเขายิ่งฉีดแรง
ชักจะชอบแล้วสิ อยากรู้นักว่าผู้หญิงที่อายุมากกว่าจะเร้าใจเช่นไร...

ทว่าก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้ลงไม้ลงมือต่อ สุ้มเสียงชราก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“หยุดได้แล้วนางสิงห์น้อย นี่ไม่ใช่เวลามาหาเรื่องแขกของเรา เพราะเร็วๆนี้พวกเจ้ามีงานสำคัญต้องไปทำ”

“พ่อครูท่าน ข้าไม่ขอร่วมงานกับชายผู้นี้!”

“ต้องร่วม หากยังยึดถือในเป้าหมายสำคัญของตัวเองที่มีมาก่อนนี้ การทำลายรัตติดารา!”

มัชฌิม์เลิกคิ้ว ราศีสิงห์คิดจะปลดปล่อยตนเองไม่ต่างจากท่านพชรมุนินงั้นหรือ
เช่นนั้นก็เข้าทาง ในเมื่อเป็นศัตรูกับรัตติดาราราศีอื่น ก็นับเป็นสหายของเมห์ฮราโดยปริยาย
อย่างน้อยเขาและนางก็มีเรื่องที่ต้องเจรจาตกลงกัน



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2557, 00:01:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2557, 00:04:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1376





<< บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ   บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ(...ต่อ) >>
อสิตา 1 ม.ค. 2557, 00:06:25 น.
ตอนนี้เสือหนุ่มของเราชักจะไม่เบานะนั่น...
*-* สุขีปีใหม่ทุกคน วันที่ 1 นี้คนเขียนมีแผนจะไปปิ้งย่าง + สเต๊ก ที่บ้านเพื่อน
มีปลาดิบและซาซิมิอื่นๆด้วย ซี๊ดดดด
คุณก้อนหิน – หุหุ ตอนนี้เหมือนจะได้กลิ่นมิตรแล้วนะคะ เอ๊ะ หรือไง เอ๊ะๆๆ คงไม่ใกล้ไม่ไกลละมั้ง
คุณเกดซ่า – แหม เสือหนุ่มอายุ 23 แต่ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ เด็กตระกูลนี้โตเร็ว หุหิ ใครเสร็จใคร
ส่วนสิตาราก็เริ่มออกเดินทางกับตางู งานนี้จะราบรื่นไหม จะมีใครโผล่มาเป็นตัวแปรกลางทางรึเปล่า
คุณยิ้มๆ – เหย โรงเรียนสมัยนี้มีสีชมพูด้วย สมัยก่อนมีแต่แม่สี น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง ม่วง แปลกๆหน่อย
ก็จะมีส้มโผล่มา ชมพูสมัยก็ก็พอมีบ้างแต่น้อยง่ะ... เที่ยวปีใหม่อยู่ละสิ พี่ก็จะกินเพิ่มน้ำหนัก
การต้อนรับของสิงหรานีก็ค่อยข้างแปลกอยู่นะ เป็นมิตรมากกกๆๆๆ(ตรงไหนกันนนน)
คุณบุลินทร – ถ้าคอมเม้นต์มั่วซั่วอีก สิงหรานีจะไม่อภัยให้แล้วนะ แสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพต่องานกลุ่ม ชิ

คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์ต้องแอบมาลงอีกแล้ว เพราะจะไปเที่ยวลั้นลาค้างบ้านเพื่อนสองวัน ฮุฮิ
กลับวันศุกร์แต่ไม่รู้กี่โมง เตรียมโพสต์ต่อไปไว้ละ
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา นางนิ่ม – คนอ่านหายปายเฟอร์ก็เลยช่วยมะม้าเม้นยาวเหยียดเหรอ มะม้าซาบซึ้งมากนะ
แล้วนี่ปีใหม่ไปเที่ยวอีกไหม เที่ยวยุ่นก็น่าจะพอแล้วนะะะะะะ เที่ยวไรมากมายจริง หุ
เฟอร์จะตุ๋ยพวกแมวเหรอ ใช้อะรายตุ๋ยล่า เฟอร์มีอุปกรณ์เรอะงาย
หงะ เสือดำเริ่มออกลายแล้วววว เค้าว่าเสือดำจะมีลายดาวจางๆซ่อนอยู่ใต้สีดำนี่ นี่ไงๆๆ ออกลายเลย
พ่อสอนมาดีมากๆๆ เสือรุ่นลูกนี่ไม่เรียกทาสอัญมณีนะ แค่ยืมพลังมา เลยเลือกได้ตามใจชอบ ส่วนตามาร
กับอัคนิ อันนั้นเป็นไปตามจิตใต้สำนึก+สัตว์ที่ชอบ+พลังของอัญมณีชิ้นนั้นๆด้วย เลยกลายเป็นเสือสมิง
กับไส้เดือนตาวาว (อัคน้อยไปเล่นกับเสือในป่างายตอนเด็ก ตามารก็ชอบเล่นงูประจำ)
แต่ที่เฟอร์สรุปมามันก็เข้าทีนะ ตรงทุกอย่างที่ว่ามา! ตามารค้อนแล้ว...
ตามารหนีไปหาวาเลนติโน่ก็ได้คืนนี้
อยากลองโดนตุ๋ยดูสักที


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 1 ม.ค. 2557, 00:12:44 น.
งั้นตามมาเจิมคนแรกของปีด้วยคน


อสิตา 1 ม.ค. 2557, 00:14:48 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะ นักอ่านกระต่ายผ้าขี้ริ้วววว คนแรกในใจรึคะะะะ


ใบบัวน่ารัก 1 ม.ค. 2557, 00:36:22 น.
มัชฌิม์ริชอบสาวมีอายุหรือ
เร็วไปแล้วหนุ่มน้อย
อีกคู่ก็น่าลุ้น เห็นว่ามีความสามารถปกป้องสาวน้อยได้แต่ห้ามหื่นนะ
หัวงูจอมหื่น


konhin 1 ม.ค. 2557, 02:02:49 น.
แหมมมมมมม เผยคู่เสือน้อยซะแล้ว อดลุ้นกับสิตาเลยยย


lovemuay 1 ม.ค. 2557, 07:12:21 น.
สวัสดีปีใหม่ค่าาาา


ketza 1 ม.ค. 2557, 07:13:57 น.
อ๊ายยย.... อ่านข้างบนท่านพี่กอดน้องนู๋ตอนหลับก็วี้ดวิ๊ว....
อ่านท้ายๆพ่อเสือ(หนุ่มแระ) ปฏิบัติการรวดเร็วมากเบย >///<..... อั๊ยย่ะ เจอกันครั้งแรกนางสิงห์ก็จะโดนเด็กกินแย๊ว 55....


yimyum 1 ม.ค. 2557, 11:05:06 น.
แปลกมากกกกๆมันแรงเว่อร์
แล้วมัชณิม์ก็เก่งมากกกก คนเนี้ย...รักเลยย วิ้วๆ


ริญจน์ธร 1 ม.ค. 2557, 15:09:17 น.
เห็นพี่มิ้งค์หนีเที่ยว นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว


บุลินทร 1 ม.ค. 2557, 15:16:31 น.
หันมาิ้จิ้นคู่นางสิงห์กับมัชฌิม์ด้วยดีกว่า ระหว่างรอมิตรกับสิตารา


Zephyr 1 ม.ค. 2557, 15:35:53 น.
อุปกรณ์ตุ๋ยเหรอ น่าสนใจๆๆๆๆ
ขอเฟอร์หาก่อนนะ มะม้าส่งมารี่มาให้เฟอร์ทดลองหน่อยสิ จะทดให้เชียวเลย
อืม รึ มะม้าส่งวาเลนมาฝึกให้เฟอร์หน่อย อิอิ
พี่รองอ่า จะแปลงร่างให้ยัยฟูรู้ทำไมว่าตะเองเป็นอะไร เก็บไว้มั่งจิ้ งุบงุบงิบงิบหน่อยสิ เผยไต๋หมดเพื่อออออออออออออ
รึ เพื่อจะสอย เอ้ย งาบ เอ้ย นาบ เอ้ย ปราบบบบ กันแน่นา เขียนผิดเนาะ โฮะๆๆๆๆ
ตามารเล่นงูประจำ งูไหน งูที่ไหน บริเวณไหน รึงูส่วนตัว ฮ่าๆๆๆๆๆ
ไปดีกว่า ไปดีกว่า ไปนะ ไปแระ ไปจริงๆนะ อิอิอิอิอิอิ


goldensun 1 ม.ค. 2557, 20:55:55 น.
สิงห์กับเสือดำ สู้ซะสนุก แถมมัชฌิม์ยังคิดเทียบรุ่นซะด้วย ห่ามจริงๆ
ชามัลใจอ่อนลงนิดนึงแล้ว แต่ก็ยังไม่ยุ่งกะเรื่องคนอื่นอยู่ดี แต่สิตาราสิ ขนาดใกล้ชิดไม่นานเท่าไหร่
หลงสน่ห์งูเต็มๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 2 ม.ค. 2557, 00:44:52 น.
ขอเปิดเพลงคู่กัด ของป้าเบิร์ดคลอไปด้วยนะ ตอนนี้
แบบแว่ .... อ่านฉากบู๊ล้างผลาญ ทำไมเค้ายิ้มแก้มปริเลยอ่า
อร๊ายๆๆๆ พ่อเสือดำ แม่สิงห์ดาว อิ้วๆๆๆๆ เป็นเสืออ่อนริกินสิงห์แก่เหรอจ้าาา หูยยย เสือขบเผาะ น่ากิ๊นนนนนน่ากิน 555 ตอนนี้ เสือดำผงาดเบียดงูเมา กระเด็นเบยยย


ดังปัณณ์ 2 ม.ค. 2557, 19:25:51 น.
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมม ชาจังน่ารวั๊กอ่ะตอนนี้ กรี๊ดๆๆๆๆ หนอนอยากคลานไปแทรกกลาง ชริ! แต่กลัวโดนทับแบน 555+ ชาจังหวานกะหนูสิแล้วน้าเนี่ย แต่มิตรอ่ะดี๊ยังอยู่ในใจหนูสิยุเบย มะไหร่จะหวานกันมากกว่านี้ ฮี่ๆๆ

ส่วนเสือน้อย อร๊ายยยยยยยยยย ทำอัลไลอ่ะ เด็กแก่แดด แอบขโมยจุ๊บพี่สิงสาวเค้าด้วย อร๊ายยยยยยยยยย บร้าๆๆๆๆๆๆๆ

555+ สวัสดีปีใหม่ฮับคุณแป้ง ขอชาจังหวานๆอีกนร้า ฮิ้วววววววววววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account