กรุ่นไอรักหลังลมร้อน
สบายๆ คลายเครียด..
Tags: สาวขอนแก่นเข้ากรุง

ตอน: ตอนที่12 : เหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด...2

“อะไรนะครับ!..ออกไปแล้วเหรอ” ธันวารีบวางถ้วยกาแฟลงทันที นางพวัลเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย

“ทำไมต้องส่งเสียงดังอย่างงั้นล่ะลูกธัน..พูดเบาๆก็ได้”

“ขอโทษครับ..แล้วนี่เขาไปยังไงครับเนี่ย” ยกกาแฟขึ้นดื่มต่อ

“ไปแท็กซี่จ้ะ..ตอนแรกแม่บอกจะให้รถไปส่ง..หนูนางเธอปฏิเสธท่า เดียว..แม่ก็เลยไม่อยากขัดใจน่ะ..เห็นว่ามีประชุมด่วนตอนเช้ารอลูกไม่ได้” มือก็ตักขนมปังมาไว้ในจานลูกชาย “กินขนมปังนี่ด้วยสิลูก..แม่ตื่นมาอบเองเลยนะตอนตีสี่น่ะ”ชายหนุ่มแทบสำลัก กาแฟ

“แม่ตื่นมาทำไมแต่เช้าอย่างงั้นล่ะครับ..ไม่จำเป็นเลยเด็กในบ้านมีตั้งเยอะ”รีบดึงทิชชู่มาซับริมฝีปาก

“มันนอนไม่หลับน่ะจ้ะ..ตื่นเต้น!!”ใบหน้ายิ้มพริ้ม ธันวาเลิกคิ้วหยิบขนมปังที่มารดาตักมาให้ส่งเข้าปาก

“ตื่นเต้นอะไรครับ”

“หนูนางลูก” ธันวาหยุดการเคี้ยวทันที จ้องหน้ามารดานิ่ง

“ทำไมครับ”

“ลูกชอบหนูนางหรือเปล่า” ชายหนุ่มอมยิ้มบางๆ..ความคิดเริ่มทันมารดา ยกน้ำเปล่าขึ้นจิบ นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้

“แม่ครับ!..อย่าแม้แต่จะคิดนะครับ..อย่าได้หวังเชียว!..ไม่มีทาง!” คุณพวัลเลิกคิ้วได้รูปทันที

“คิดอะไร..แม่ไม่ได้คิด” ปฎิเสธเสียงสูง ทำเอาธันวาหัวเราะออกมาเบาๆ

“อย่ามาปฎิเสธผมเลยครับอย่านึกว่าผมไม่รู้..แววตาของแม่มันบ่งบอกขนาด นั้น” ผู้เป็นแม่ส่งค้อนให้ขวับหนึ่ง หมั่นไส้ลูกชายคนโตเป็นยิ่งนัก ดูเธอทำอะไรไม่เคยปิดลูกชายคนนี้ได้ซักครั้งเป็นต้องมีพิรุธให้จับได้ทุกที สิน่า..

“หน้างอทำไมครับ..ผมพูดตรงจุดเหรอ!” คุณพวัลถอนหายใจเฮือก

“ธัน!..และเมื่อไหร่ล่ะลูก..แม่อยากจะอุ้มหลาน”ธันวาอมยิ้ม

“เจ้าสิงห์กับยายษาไงครับ..แม่มีลูกอีกตั้งสองคน”หัวเราะออกมาเบาๆ เตรียมจะลุกออกจากโต๊ะ ผู้เป็นแม่ส่งค้อนให้อีกวง..พอพูดเรื่องนี้เป็นได้เปลี่ยนเรื่องตีจากทุกที

“ได้ยังไงล่ะลูก..เราเป็นพี่ก็ต้องแต่งก่อนน้องสิ..จะให้น้องแซงคิวไปก่อนได้ยังไง”

“ผมไม่ถือครับ!” เดินมาหยิบกระเป๋าเอกสารข้างกายมารดา ก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาของมารดาดังฟอด

“หอมจัง!..อย่างงี้นี่เองพ่อถึงไปไหนไม่พ้น” คุณพนาหัวเราะตีไปที่แขนลูกชายเบาๆ

“ตกลงลูกไม่ได้ชอบหนูนางใช่มั๊ยจ๊ะ” ชายหนุ่มค่อยๆ ถอยตัวกลับมา..ส่งยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นแม่..

“เป็นแค่เจ้านายลูกน้องครับ!..ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

“งั้นดี!..เพราะตอนนี้ตาสิงห์ก็ยังไม่มีใคร..เดี๋ยวแม่จับคู่หนูนางให้ น้องก็ได้” พูดออกไปแล้วก็จ้องหน้าลูกชายนิ่ง เห็นยิ้มน้อยๆ ค่อยๆ จางหาย..

“ตามใจแม่สิครับ..แต่อย่าทำอะไรให้มันเกินพอดีแล้วกัน..เดี๋ยวผมจะเสียการปกครองหมด” พูดเสร็จก็หันหลังจะก้าวเดิน

“ธัน! เมื่อไหร่ลูกจะลืม!” ธันวาชะงักกึกยืนสงบนิ่ง!..ไหล่กว้างตั้งตรง..ไม่มีทีท่าจะหันมาหามารดาแม้ แต่น้อย เสียงผู้เป็นแม่ยังคงออกมาเนิบๆ

“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว..เมื่อไหร่ลูกจะปล่อยมันไปซักที..แม่ไม่เข้า ใจธันจริงๆ เก็บเอาไว้มันมีแต่จะเจ็บนะลูก” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเบาๆ ส่งน้ำเสียงข้ามไหล่มา

“ผมไม่เคยเก็บครับ!..และก็ไม่ได้เจ็บอะไรด้วย!” ฝากประโยคทิ้งท้ายไว้ให้มารดา แล้วก็เดินจากไป คุณพวัลนั่งนิ่ง..ลูกไม่เก็บแต่จำไว้น่ะสิธัน!..ทำไมแม่จะไม่รู้..ลูกสามคน ไม่เคยต้องมีพี่เลี้ยง..เธออบรมบ่มนิสัยเองคนเดียวมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต.. ถึงภายนอกจะแสดงออกว่าไม่มีอาการก็เถอะ..แต่ภายในเนี่ยสิแทบจะปิดไม่มิดมัน สื่อออกมาได้จากทางดวงตา..เพิ่งจะมีเมื่อวานนี้นั่นแหละที่เธอได้เห็นแววตา คู่เดิมของลูกชายกลับมาอีกครั้งหลังจากที่เธอไม่ได้เห็นมานาน เหมือนแสงเทียนที่ใกล้จะดับกลับติดพรึบขึ้นมาอีกหน..แต่ใยวันนี้มันกลับลิบ หลี่ลงอีกครั้งเธอก็ไม่เข้าใจ....

“หวัดดีตอนเช้าค่ะแม่!” เมษาสวมกอดมารดาจากข้างหลังหอมแก้มมารดาดังฟอด คุณพวัลอมยิ้ม

“หวัดดีจ้ะ..ทำไมวันนี้ลงมาช้าจัง..พี่เขาไปทำงานเมื่อสักครู่นี้เอง”

“ตื่นสายน่ะค่ะ..ษารีบแทบแย่!” มารดาหัวเราะออกมาเบาๆ กุลีกุจอตักข้าวต้มใส่ชามลูกสาว..เมษาเลิกคิ้วรีบห้ามอย่างไว

“ษาตักเองค่ะแม่!”

“ไม่เป็นไรจ้ะ!..แม่ทำให้”เมษานั่งมองนิ่ง

“ขอบคุณค่ะ!..แล้วนี่แจ่มกับแตงไปไหนคะเนี่ยปล่อยให้แม่มาบริการลูกสาวแต่เช้า” หันหน้าเลิ่กลั่กหาใหญ่

“อยู่ในครัวจ้ะ..แม่ให้พวกนั้นช่วยป้าจีบอยู่ข้างใน” เมษาพยักหน้า ก้มหน้าจดจ่ออยู่กับจานข้าวต้ม คุณพวัลตีแขนลูกสาวดังเพี๊ย!

“ช้าๆ ยายษา..เดี๋ยวก็ติดคอ”

“ษารีบค่ะ..มีประชุมตอนเช้า!” คุณพวัลนั่งมองดูลูกสาวนิ่ง..นี่ก็เป็นอีกคนพักหลังดูจะหงอยไปไม่ค่อยพูด ค่อยจาเหมือนแต่ก่อน..ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน..ปกติจะต้องมีเรื่องเพื่อน หรือเหตุการณ์ในที่ทำงานมาเล่าให้ฟังตลอด..แต่เดี๋ยวนี้นับครั้งได้โดยเฉพาะ เรื่องเพื่อนของพี่ชาย..นายภีม!..วิศวะกรใหญ่ของบริษัทฯ จะมีมาเล่าไม่เว้นแต่ละวันแต่ปัจจุบันแทบไม่มีหลุดออกจากปากลูกสาวซักแอะ!

“ษา!”

“คะ!”

“โครงการก่อสร้างที่จังหวัดนนท์..ไปถึงไหนแล้ว” มือที่กำลังตักข้าวต้มสะดุดนิดหนึ่งมีอาการสั่นนิดๆ

“ษาไม่ค่อยทราบค่ะ..สงสัยแม่ต้องถามจากพี่ธันแล้วล่ะค่ะ” ก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเร็ว..เหมือนกลัวจะแสดงพิรุธออกมาให้ มารดาจับได้..แต่อาการนี้มิได้รอดพ้นสายตาจากผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนตรงหน้า

“ช่วงหลังไม่ค่อยได้เจอกับตาภีมเหรอลูก” เมษารีบวางช้อน..รู้สึกร้อนผ่าวๆที่บริเวณขอบตา..

“ไม่ค่อยได้เจอค่ะ..ช่วงนี้ษางานยุ่งมาก..นี่ษาก็ต้องรีบไปเดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทัน!” รีบลุกออกจากเก้าอี้

“ษา!” เมษาชะงักกึก ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้ามารดาอย่างงั้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก..คุยกับแม่ได้นะ!” เท่านั้นแหละ!..น้ำตาที่กลั้นเอาไว้หลั่งออกมาเป็นสาย คุณพวัลรีบลุกจากเก้าอี้อ้อมมากอดลูกสาวไว้..ปลอบประโลมเมษาเหมือนเมื่อยัง เป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆที่เธอเฝ้าถนุถนอมมาแต่อ้อนแต่ออด..

“มากับแม่ลูก” พาเมษาเข้ามาในห้องรับแขก ล๊อคประตูอย่างดี..เปรียบเสมือนคำปฏิญาณว่าความลับระหว่างเธอกับลูกสาวจะไม่ มีวันแพร่งพรายออกไปได้..ประคองให้นั่งลงบนโซฟามือก็ยังคงลูบหลังไหล่ปลอบใจ อยู่อย่างงั้น..ไม่พยายามเร่งรัดให้ลูกต้องรีบเอ่ยปากออกมา..เธอเชื่อว่าการ รอคอยอย่างใจเย็นมันมักจะให้สิ่งล้ำค่าเสมอ..ซักครู่น้ำตาเมษาก็ค่อยๆ หยุดไหล..

“ดีขึ้นหรือยัง” เมษาพยักหน้า!..ใบหน้าเปียกปอนไปหมด..คุณพวัลยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าออกให้อย่างอ่อนโยน..

“ถ้าษายังไม่พร้อมที่จะบอกแม่..ก็ยังไม่ต้องบอกนะจ๊ะเรามีเวลาคุยกันอีก เยอะ..แต่แม่ขออย่างหนึ่งนะลูก..ยามใดที่ษาอยากจะร้องไห้ขอให้แม่ได้อยู่ ข้างๆ เป็นคนคอยปลอบใจลูกสาวของแม่เอง” เมษาสะอื้นเฮือกๆ..น้ำตาไม่รู้มันมาจากไหนไหลมาเป็นสายอีกระลอก ผวาเข้ากอดแม่

“แม่คะ!” แม่ลูกนั่งกอดกันอยู่อย่างงั้นไม่รู้เวลามันผ่านไปนานแค่ไหน..เมษาเอาใบหน้าเกยบ่ามารดาไว้ส่งเสียงออกมาเบาๆ

“ษารักพี่ภีมค่ะแม่” ผู้สูงไวมิแปลกใจแม้แต่น้อยใบหน้ายิ้มระเรื่อ..ลูบหลังลูกสาวที่เธอยังเห็น เป็นเด็กตัวจ้อยตลอดเวลาอย่างแผ่วเบา..เริ่มโตเป็นสาวแล้วสิลูกแม่..เด็ก น้อยของแม่เริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว..คุณพวัลพยักหน้าบนบ่าลูกสาวเบาๆ

“จ้ะ!”

“แต่พี่ภีมไม่รักษา!” เสียงที่ออกจากปากหญิงสาวมันช่างอ่อนระโหยโรยแรงนัก..โถ!ลูกแม่..คงจะเจ็บ ปวดสินะลูก..ถึงร้องไห้ออกมามากมายขนาดนี้..

“ภีมเขาบอกษาเหรอลูก..ว่าเขาไม่รักลูกสาวของแม่น่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ!..พี่ภีมไม่ต้องบอกษาก็พอจะรู้..พี่ภีมเห็นษาเป็นเด็กไม่ รู้จักโต..ไม่เคยมองษาเหมือนกับที่มองผู้หญิงคนอื่นรอบๆ ตัวพี่ภีม” คุณพวัลอมยิ้มบางๆ ค่อยๆ ถอยกลับมานั่งทรงตัว..จ้องมองลูกสาวที่ก้มหน้ามองมือบนตักตัวเองนิ่ง

“ษา!..ฟังแม่” ยื่นมือมาเชยคางลูกสาวให้เงยขึ้น

“เรื่องบางเรื่องถ้าเกิดเป็นความเคยชินแล้วเนี่ย..มันจะปรับเปลี่ยนกัน ได้ยาก..มันต้องอาศัยเวลานิดหนึ่ง..อย่างภีมน่ะเขาเห็นษามาตั้งแต่ษาตัว เล็กๆ”

“ห้าขวบ..พี่ภีมรู้จักษาตั้งแต่ห้าขวบ” เมษาเอ่ยแทรกออกมาเบาๆ มารดาอมยิ้มพริ้ม พยักหน้าส่งให้

“จ้ะ!ห้าขวบ..มันนานไม่ใช่น้อยนะน่ะ..เคยรักเคยเอ็นดูเหมือนน้องเหมือน นุ่งจะให้เปลี่ยนมาเป็นคนรักกันฉันท์แฟนเนี่ย..มันก็คงจะตะขิดตะขวงใจอยู่ ความรู้สึกมันก็คงจะแปลกๆ..ษาเองก็เหมือนกัน วิธีที่ษาเคยปฏิบัติกับภีมมาตั้งแต่เล็กๆ จนปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยน..มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าภีมยังมองเห็นษาเหมือน น้องน้อยไม่รู้จักโต..ที่เขาจะต้องคอยเอาใจใส่ดูแลอยู่ตลอดเวลาไงลูก..อัน นี้คือในกรณีที่เป็นความเคยชินและเขาไม่รู้ใจตัวเองนะ..แต่ถ้าเป็นอีกกรณี หนึ่ง” มารดายิ้มบางๆ จ้องตาลูกสาวไม่กระพริบ

“แต่ถ้าเป็นอีกกรณีหนึ่งคือเขารักษาเหมือนน้องจริงๆ เอ็นดูแบบน้องจริงๆ..ษาต้องยิ่งรู้สึกภูมิใจนะลูก..ว่าษารักคนไม่ผิด..ไม่ ใช่ญาติ แต่เสมือนญาติ..ไม่ใช่พี่ แต่เสมือนพี่..คิดซะว่ามีพี่ชายที่รักเราจริงๆ เพิ่มขึ้นอีกคนมันดีไม่หยอกนะแม่ว่า” หญิงสาวก้มหน้าลงอีกครั้ง..น้ำตาที่หยุดไหลเริ่มคลอขึ้นมา..นี่เธอจะต้องตัด ใจจากเขาจริงๆเหรอ มันจะไม่มีโอกาสนั้นจริงๆ เหรอ!

“ษา!..ความรักเนี่ยมันออกมาจากความรู้สึกนะลูก..เพราะฉะนั้นเราไม่ สามารถบังคับความรู้สึกของคนๆนั้นให้มาเป็นเหมือนเราได้หรอกนะจ๊ะ!..เรื่อง แบบเนี้ยมันต้องออกมาจากข้างในจริงๆ ออกมาจากใจจริงๆ มันฝืนกันไม่ได้..หรือถ้าเขาทนฝืน..ษาคิดว่าษาจะทนได้เหรอลูก” ลูกสาวส่ายหน้า เอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ

“ไม่หรอกค่ะ..ษารู้ว่าษาคงทนไม่ได้..ษาถึงพยายามตัดใจนี่ไงคะ..ไม่ พยายามยุ่งเกี่ยว ไม่พยายามพูดถึง..แต่ทำไมมันถึงปวดใจอย่างงี้ล่ะคะแม่..ทำไมมันลืมไม่ได้ซัก ที..แค่คำพูดไม่กี่คำที่เกี่ยวข้องกับพี่ภีม..แค่ได้ยินชื่อเท่านั้น แหละ..มันทำไมถึงเจ็บอย่างงั้นล่ะคะแม่” เมษายังคงก้มหน้าอยู่อย่างงั้น..ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไหลออกจากใบหน้า..คุณพวัลสงสารลูกสาวจับใจลูบศรีษะผู้เป็นลูกอย่างถนุถนอม

“รักแรกน่ะลูก..รักแรกมันมักจะเป็นแบบนี้แหละ..มันมีการคาดหวัง สูง..เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ได้อย่างหวังมันก็จะเป็นแบบนี้แหละ..มันจะต้อง เจ็บปวดเป็นธรรมดา..แต่เมื่อความรักครั้งที่สองผ่านเข้ามามันจะไม่เป็นแบบ นี้หรอกลูก..เพราะมันเคยผ่านประสบการณ์ของครั้งแรกมาแล้ว..เหมือนมันมีภูมิ คุ้มกัน..และแม่ก็เชื่อว่าษาจะผ่านมันไปได้..แถมภูมิคุ้มกันยังไม่บกพร่อง ด้วย..เพราะแม่รู้ว่าลูกสาวของแม่เป็นเด็กฉลาด..จะไม่เอาเรื่องความรักมา บงการชีวิตตัวเองหรอกจ้ะ!” เมษาเงยหน้าขึ้นยิ้มเซียวๆ ให้มารดาใบหน้ายังคงเปลื้อนน้ำตาอยู่..แต่มันบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้างแล้ว

“ขอบคุณค่ะแม่..ษาจะพยายาม” คุณพวัลยิ้มพริ้ม เกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าลูกสาว..เอ่ยออกมาเรียบๆ

“ษา! รักได้นะลูก..แต่อย่าเอาความรักมาอยู่เหนือเหตุผล..เพราะเมื่อไหร่ที่มัน เป็นแบบนั้นแล้ว..เราจะไม่รู้ว่าเรารักเพราะอะไร..แม่เคยอ่านหนังสืออยู่ หลายเล่ม และก็เคยได้ยินหนุ่มสาวสมัยนี้พูดตามโทรทัศน์ตามสื่อต่างๆ ว่า..เวลารักแล้วมันไม่มีเหตุผลหรอก รักก็คือรัก!” คุณพวัลหัวเราะออกมาเบาๆ มือก็ยังคงลูบศรีษะลูกสาวอยู่อย่างงั้น เมษายังคงนั่งกอดผู้เป็นมารดาอยู่..

“แม่ก็ไม่ได้จะคัดง้างอะไรหรอก..หนุ่มๆ สาวๆเดี๋ยวนี้มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น..เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น มีสื่อต่างๆมากมายให้ได้เรียนรู้..ผิดกับสมัยก่อน สมัยที่แม่เป็นวัยรุ่นน่ะไม่เก่งกล้าเท่าวัยรุ่นสมัยนี้หรอกนะ..ไอ้พวกสื่อ ต่างๆก็ไม่ค่อยจะมี..แต่ที่เรียนรู้ได้ก็จากผู้ใหญ่ที่เราเคารพรักนั่น แหละ..ไอ้เรื่องความรักเนี่ย! ยายของษาก็เคยสอนแม่เหมือนกันนะ..ษาจะไม่เชื่อก็ได้ แต่แม่อยากจะเตือนลูกของแม่เท่านั้นเองว่า..ให้รักอย่างมีสติ..และก็รู้ให้ ได้ว่าเรารักเพราะอะไร..คืออย่าหลงเท่านั้นเอง..ถ้าษาปฏิบัติแบบนั้นได้..ษา จะรู้ว่าความผิดหวังใช่จะมีแค่การสูญเสียเพียงอย่างเดียว..แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น..มองโลกได้กว้างขึ้น..และมันก็สอนให้เรามองคน อื่นได้มากขึ้นด้วย” เมษานั่งฟังนิ่ง..น้ำตาได้หายไปจากใบหน้าจนหมดสิ้นแล้ว..เหลือเพียงร่องลอย ความเปียกชื้นบนขนตางอนทั้งสองข้างเท่านั้น..เอื้อนเอ่ยถามมารดาออกมาแผ่ว เบา

“มันจะนานมั๊ยคะแม่..ที่ษาจะต้องเป็นแบบเนี้ย” ผู้เป็นแม่อมยิ้มเล็กน้อย..ยกมือเกลี่ยแก้มนวลเบาๆ

“มันอยู่ที่ษาน่ะลูก..ว่าษาจะยอมรับได้เร็วขนาดไหน..ยิ่งใช้เวลาน้อย เท่าไหร่ษาก็จะหายเร็วเท่านั้น..มันอาจจะเป็นนาทีนี้..หนึ่งชั่วโมงข้าง หน้า..หรือไม่ก็อาจจะไม่หายเลย..มันอยู่ที่ตัวษาคนเดียวเลยลูก..ใครๆก็ไม่ สามารถบงการความคิดหรือความรู้สึกของษาได้นอกจากตัวษาเอง..ถึงตัวแม่เองก็ เถอะทำได้แค่เพียงคอยแนะเท่านั้นแหละ..ส่วนที่จะเชื่อหรือไม่มันเป็นการ ตัดสินใจของษาเองลูก” เมษายิ้มบางๆ แตะปลายจมูกบนแก้มมารดาเบาๆด้วยความเคารพ..เทิดทูน..แม่ไม่เคยทำให้เธอผิด หวังเลยซักครั้ง คอยอยู่เคียงข้าง..คอยชี้แนะมาตลอดตั้งแต่เธอเริ่มจำความได้แม่ไม่เคยห่าง ลูกๆ เลย..เธอรู้สึกภูมิใจมิใช่น้อยที่เกิดมาเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้

“ขอบคุณค่ะแม่..ษาจะกลับมาเป็นษาคนเดิมให้เร็วที่สุดค่ะ”

“ดีจ้ะ!...ยิ่งเร็วเท่าไหร่มันก็เป็นผลดีกับตัวษาเองมากขึ้นเท่านั้น” จับปอยผมที่หลุดลุ่ยออกมาของลูกสาวทัดไว้ที่ซอกหูให้อย่างเดิม

“และตกลงษาจะไปทำงานได้เหรอลูกตาบวมออกขนาดนี้น่ะ!” เมษาหน้าม่อย..เธอก็ไม่อยากจะไปเหมือนกันกลัวสายตาคนรอบข้างจะมองเอา..แต่ วันนี้มีประชุมบอร์ดผู้หลักผู้ใหญ่มากันเยอะถ้าไม่ไปมันก็คงเป็นการไม่อัน ควร..และถ้าขืนโทรไปลาพี่ชายตอนนี้ก็คงมีได้สวดกันแต่เช้าแน่ๆ แต่ดูเหมือนผู้เป็นแม่จะเข้าใจหัวเราะออกมาเบาๆ

“เดี๋ยวแม่โทรไปบอกพี่ชายเราให้” เมษายิ้มพริ้ม

“ขอบคุณค่ะแม่..รู้ใจจัง!” นางพวัลอมยิ้ม..ลุกขึ้นยืนส่งเสียงออกมาเนิบๆ

“ไม่งั้นจะเป็นแม่พวกเราได้เหรอ!..มีแต่เรื่องปกปิดกันทั้งนั้น..ถ้าไม่ ถามก็ไม่เคยคิดจะบอกกันหรอก” พูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้อง..เมษานั่งมองตามหลังมารดาจนลับสายตา..จริง สินะ!..ตั้งแต่เด็กมาแล้วเธอและพี่ๆจะแคร์ความรู้สึกของพ่อกับแม่มาก..ทุก เรื่องที่มันจะทำให้ท่านทั้งสองไม่สบายใจจะถูกระงับไว้หมดไม่ว่าเรื่องส่วน ตัวหรือว่าเรื่องงาน..แต่ดูเหมือนพวกท่านจะรู้เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่า นั้น..ยิ่งมารดายิ่งแล้วใหญ่เหมือนมานั่งอยู่กลางใจลูกๆ เลยก็ว่าได้..

“ชีวิตนี้เราจะทำได้เหมือนแม่มั๊ยนะ!”พึมพำออกมาเบาๆ


###############################################################


“ครับ!..ได้ครับ..ไม่เป็นไรให้น้องพักผ่อนเยอะๆ แล้วกัน..เดี๋ยวเป็นหนักมันจะยุ่ง!..ครับแค่นี้นะครับแม่..หวัดดีครับ” ธันวาวางสายเสร็จ ก็เงยหน้ามองบุคคลทั้งสองที่นั่งทำทองไม่รู้ร้อนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเขา..ดล ชัยนั่งอ่านแฟ้มในมือนิ่ง..ส่วนภีมนั่งหลับตาเอนหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้.. ถ้านอนได้คงจะนอนไปแล้ว..

“ใครเป็นอะไร!” เสียงดลชัยทำลายความเงียบขึ้นมา แต่สายตาไม่ได้ละจากแฟ้มเอกสารแม้แต่น้อย..ในความนิ่งสงบภายนอกที่ทำเป็นทอง ไม่รู้ร้อนของเพื่อนทั้งสอง..ธันวารู้ดีว่าไม่มีอะไรรอดพ้นจากสายตาของทั้ง คู่ไปได้..ธันวาถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ยายษา..แม่โทรมาบอกว่าป่วย..ก็เลยมาเข้าประชุมไม่ได้” ร่างกำยำที่นั่งหลับตาอยู่..มีอาการเคลื่อนไหวเล็กน้อย..ค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น ถามน้ำเสียงแหบเครือส่งมา

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า!” ธันวายักไหล่ได้รูป

“คงไม่มากมั้ง..แม่ให้นอนอยู่กับบ้านไม่ได้ไปหาหมออะไรนี่” ภีมหัวเราะออกมาเบาๆ หลับตาลงอีกครั้ง

“ป่วยการเมืองซะล่ะมั้ง..ขี้เกียจมาเข้าประชุมน่ะสิ” ดลชัยหัวเราะออกมาบ้าง..เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนชาย

“รู้สึกแกจะเข้าอกเข้าใจเจ้าษาดีเหลือเกินนะไอ้ภีม” ภีมอมยิ้มส่งเสียงออกมาเนิบๆ ตาก็ยังหลับอยู่อย่างงั้น

“ขนาดฉันยังขี้เกียจเลย..ประชุมอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้..ง่วงว่ะ! บอกแล้วว่าไอ้เรื่องประชุมน่ะฉันยังไงก็ได้จะให้ทำอะไรก็สั่งมาแล้ว กัน..เสือกถ่อไปลากโครงฉันออกมาจากที่นอน..หัวถึงหมอนยังไม่ถึงชั่วโมงเลย” บ่นพึมพำ..ยังหงุดหงิดไม่หายเนื่องจากดลชัยบุกถึงบ้านไปควักตัวเขามาจาก เตียง..

“ก็ถ้าฉันไม่ถ่อไปแกก็ยังนอนขดอยู่บนเตียงนั่นแหละ..เด็กที่บ้านมันกล้า ปลุกแกที่ไหน..กลัวหัวหดกันไปหมดยังมีหน้ามาบ่นอีก!” ภีมหลี่ตามองดลชัยนิดนึง หัวเราะออกมาเบาๆ และก็ทรงกายลุกขึ้นนั่งหลังตรง..บิดตัวไปมากระดูกลั่นกร๊อบๆ..ปากก็พูดปาวๆ

“เออๆ..ฉันผิดเอง..ว่าแต่ไปกันได้ยังอ่ะจะได้เสร็จๆ เดี๋ยวฉันต้องเลยไปที่ไซด์งานอีก..ไม่ว่าง!” ยืดแข้งยืดยาลุกจากเก้าอี้

“เชอะไม่ว่าง!..แกจะดอดไปหาหญิงล่ะสิไม่ว่า..ทำมาเป็นห่วงงาน” ดลชัยรีบดักคอ..ภีมถึงกับหัวเราะเสียงดังเดินมานั่งบนโต๊ะทำงานของธันวา.. ยื่นมือจะเขกหัวดลชัยสักป๊าบแต่ชายหนุ่มรู้ทันรีบเบนหนีออกซะก่อน

“เป็นห่าอะไรวะไอ้ดล..แกขัดคอฉันตลอดตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย”

“ขัดคออะไร!..ก็ฉันพูดเรื่องจริง”ยังเถียงไม่เลิก..ธันวาที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับส่ายหัว

“พอแล้ว!..ทั้งสองคนเลยจะเถียงกันทำไมว้า!!” นั่นแหละถึงยุติลงได้..ดลชัยวางแฟ้มงานไว้บนโต๊ะหันหน้ามามองธันวาเอ่ยน้ำ เสียงเป็นงานเป็นการขึ้น

“เมื่อเช้าที่แกโทรไปบอกให้ฉันกับไอ้ภีมเข้ามาหาแกก่อนน่ะ..มีเรื่อง อะไรจะบอกพวกฉันหรือเปล่า!” ภีมถึงกับเลิกคิ้วหันมามองธันวาด้วยอีกคน

“อ้าว!..แกเหรอที่ให้ไอ้ดลไปลากฉันมาจากเตียงน่ะ!”ธันวาพยักหน้าน้อยๆ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้จ้องมองเพื่อนทั้งสองนิ่ง

“เมื่อวานนี้ตอนฉันขับรถกลับบ้าน..มีรถขับตามหลังฉันมา” สองหนุ่มเบื้องหน้าเริ่มขยับตัว..ท่าทีที่ดูเรื่อยๆของทั้งสองเริ่มกระฉับ กระเฉงขึ้น..เหมือนแมวที่กำลังเล็งหาเหยื่อ

“แล้วไงต่อ!”ภีมกระตุ้นถามมาอีกครั้งเมื่อเห็นธันวายังนั่งนิ่งอยู่..

“ก็ไม่มีอะไรต่อ..แค่จะบอกว่ามีรถขับตามหลังฉันมาก็เท่านั้น”

“พวกไหน!”ดลชัยถามออกมาบ้าง

“ฉันไม่แน่ใจ!”

“ใช่พวกนายพนาหรือเปล่า” ภีมถามพลางลงจากโต๊ะเดินไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม

“ไม่แน่ว่ะ!”

“แกทำยังไงถึงสลัดมันหลุด”ภีมส่งเสียงมาอีก

“เหยียบมิดเหมือนกัน..อาศัยช่วงรถติดนั่นแหละมันถึงพ้นขับกลับจนถึงบ้าน”ดลชัยขมวดคิ้ว

“เมื่อวานนี้คุณนางกลับกับแกด้วยนี่!..แสดงว่ามันเกิดหลังจากที่แกส่ง คุณนางที่บ้านแล้วน่ะสิ!” ธันวาถอนหายใจเฮือก! ให้ตายเหอะเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเจอคำถามแบบจู่โจมเป็นชุดๆจากไอ้เพื่อน ทั้งสองคนนี่ แต่ไม่นึกว่ามันจะยิงถี่ยิบเหมือนกระสุนชนิดที่หายใจหายคอไม่ทันอย่าง งี้..แถมเข้าเป้าอย่างจับวาง..

“เกิดก่อน!”ภีมเลิกคิ้ว

“อ้าว!..งั้นคุณนางก็ไปอยู่ที่บ้านแกน่ะสิ!”

“เออ!”น้ำเสียงเริ่มหนัก!

“แล้วไง!”ดลชัยถามต่อ..ธันวาจ้องดลชัยเขม็ง..ไม่เข้าใจ

“อะไรแล้วไง!” ดลชัยถอนหายใจเฮือก!

“แล้วไง..ก็หมายความว่าแกจะทำยังไงต่อ!..แกจะปล่อยให้มันเป็นอยู่อย่าง งี้น่ะเหรอไอ้ธัน..เล่นเป็นพระเอกหนีผู้ร้ายอยู่อย่างเงี้ย..มันอันตรายนะ โว๊ย!”ธันวาพยักหน้าส่งให้

“ฉันเข้าใจ..ฉันก็กังวลตรงเนี้ยแหละฉันถึงเรียกพวกแกมาปรึกษานี่ไง..ที่ แล้วมาเรื่องมันมาเกิดที่ฉันคนเดียวมันไม่เป็นไรหรอก..แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ แล้ว”

“ทำไม!” ถามออกมาพร้อมกัน..ธันวาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ

“ฉันยังไม่เคยบอกพวกแกใช่มั๊ย!..ว่าก่อนหน้านี้ฉันกับคนางค์เคยขึ้นโรง พักกับไอ้เจ้าพีรยศลูกชายนายพนามาแล้ว!”สองหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วส่ายหน้า.. ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ก็เมื่อตอนที่ฉันไปจัดการเรื่องที่ดินที่จังหวัดชลบุรีนั่น แหละ..ตอนขากลับฉันกลับมากับยายนั่นเผอิญดันเสือกไปเจอเหตุการณ์ชนแล้วหนี เข้า..ยายบื้อนั่นดันความจำดีจำทะเบียนรถได้ให้ฉันโทรไปแจ้งตำรวจ..เจ้า หน้าที่ก็เลยสกัดจับได้ทัน..แต่จุดไต้ตำตอว่ะเป็นไอ้พีรยศ..ตำรวจเอาเจ้า นั่นฝากขังไว้ก่อนรอญาติมาประกันตัว..แต่กว่าจะจบได้ไอ้ห่านั่นมันทั้งขู่ ทั้งอาฆาตแค้นฉันกับคนางค์สารพัดขนาดอยู่ต่อหน้าตำรวจมันยังไม่กลัวเลย..ผู้ ช่วยแกก็ใช่ย่อยนะไอ้ดล..ปากกล้าฉิบเป๋งแม่เล่นงัดตำราว่าด้วยกฎหมายการขู่ กรรโชกออกมาบรรเลงปลิวว่อนบนโรงพักไปหมด..ทำเอาไอ้เจ้าพีรยศนิ่งไปเหมือน กัน..พวกตำรวจก็นั่งฟังทำตาปริบๆ” นึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ยิ้มน้อยๆ ก็ออกมาที่มุมปาก..

“แล้วไง!” ดลชัยกระตุ้นต่อ..ธันวาหันมามอง

“เมื่อวานนี้ฉันเจอกับมันอีก” สองหนุ่มเลิกคิ้ว

“ที่ไหน!” ภีมถามส่งมา

“ร้านอาหาร..ฉันหิวน่ะก็เลยพาคนางค์แวะเข้าไป..ยายนั่นขอตัวไปเข้าห้อง น้ำ..ซักครู่ก็ได้ยินเสียงเอะอ่ะมาจากหลังร้านรู้สึกเสียงคุ้นๆ ฉันเอะใจก็เลยตามไปดู..เห็นไอ้พีรยศกำลังเงื้อมือจะตบคนางค์ก็เลยเข้าไป ช่วย..ก่อนมันจะแยกไปมันยังยกนิ้วชี้หน้าอาฆาตไว้ด้วยนะ..ดูท่าจะแค้นคนางค์ น่าดูสงสัยคงจะโดนปากยัยเบื้อกนั่นฉะไปหลายดอก”เสียงธันวาเคร่งขรึมจริงจัง ผิดไป

“ดูเหมือนแกจะกังวลใจเกี่ยวกับไอ้พีรยศนี่มากนะธัน!” ดลชัยส่งเสียงถามมา

“อึมม์!..เรื่องนี้แหละมันทำให้ฉันต้องคิด..เมื่อคืนนี้ฉันไม่แน่ใจว่า ไอ้พวกที่ขับรถตามฉันน่ะมันเป็นพวกไหน..มันคิดจะตามฉันหรือคนางค์ก็ยังไม่ รู้..ลำพังถ้าตามฉันน่ะมันไม่มีปัญหาหรอก..แต่ถ้าเป็นยายนั่นก็น่ากลัวอยู่ เหมือนกันยิ่งถูกฉโหลกกับไอ้เรื่องเจ็บเนื้อเจ็บตัวอยู่ด้วย..ฉันก็เลยต้อง เรียกพวกแกมาเนี่ย” ดลชัยหันไปเลิกคิ้วกับภีม..ธันวาเห็นอาการเพื่อนพอดีรู้สึกขวางนันย์ตาเป็น ยิ่งนัก

“เลิกคิ้วทำไม” ดลชัยยักไหล่

“เปล่า!..ฉันก็แค่แปลกใจ..ดูเหมือนแกจะรู้จักนิสัยคุณนางดีเหลือ เกิน..ทั้งๆที่ฉันเป็นหัวหน้าเขาโดยตรงแท้ๆ ฉันยังไม่รู้จักเขามากขนาดแกเลย”ธันวาตาขวาง

“ฉันก็ไม่อยากจะรู้จักให้มันมากนักหรอกยายผู้ช่วยแกน่ะ..เฉพาะไอ้ห้าวัน ติดๆ มาเนี่ยที่ฉันต้องเข้าไปเกี่ยวพันด้วยก็ทำเอาฉันมึนตึบไปหมดแล้ว..มีแต่ เรื่องที่ทำให้เลือดตกยางออกได้ไม่เว้นแต่ละวัน..และก็หาเรื่องเดือดร้อน เข้าตัวเป็นที่หนึ่ง..นี่ถ้ายายเบื๊อกนั่นไปหาเรื่องไว้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ เจ้าพีรยศนะฉันจะไม่กังวลเลย..แต่นี่มันใช่..ไอ้เจ้าเนี่ยแกก็รู้อยู่มันกัด ไม่ปล่อย..และยิ่งช่วงนี้ฉันมีคดีกับพ่อมันอยู่..ฉันกลัวแต่ว่ามันจะเหมาเอา ยายบื้อนั่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยน่ะสิ..มันจะยุ่งกันไปใหญ่”จบ ประโยคด้วยการถอนหายใจออกมาอีกเฮือก!

“แต่นี่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดหรอกนะ..มันมีสิ่งที่ทำให้ฉันกังวลมากกว่านั้นอีก”สองหนุ่มจ้องธันวาเขม็ง

“อะไร”

“เมื่อเช้านี้เจ้าสิงห์โทรมาบอกว่าคดีนายพนาทำท่าว่าจะหลุด”

“อ้าว!” อุทานออกมาพร้อมกัน..ขยับนั่งตัวตรงกันทั้งคู่

“ไอ้คนที่ยิงฉันมันกลับคำให้การ และก็นอนแข็งเป็นศพอยู่ในห้องขังเป็นที่เรียบร้อย..ตอนนี้ไอ้พนาถูกประกัน ตัวออกมาเดินปร๋อข้างนอกแล้ว” ดลชัยขมวดคิ้วมุ้น

“ก็ไหนแกว่า..หลักฐานมัดตัวมันอยู่ไง” ธันวาพยักหน้าส่งให้

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าอย่างงั้น..ถึงแม้แต่ตอนนี้ก็เถอะฉันก็ยังคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น..ถ้าไม่มีไอ้ตัว
ใหญ่ๆ ทางใต้หนุนหลังอยู่..สิงห์บอกว่ามันเล่นกำลังภายในเข้าถึงผู้ใหญ่ระดับจังหวัดเลย”

“เจ้าลักษณ์ล่ะ..มันช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือไง” ภีมส่งเสียงมาบ้าง

“จนปัญญาไอ้คนที่ยิงมันตายไปแล้ว!..ถ้าไอ้เจ้านั่นมันยังอยู่ลักษณ์มัน น่าจะช่วยได้..แต่ครั้งนี้มันมาเหนือเมฆฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน.. จำเลยตาย หลักฐานมีแต่สถานการณ์ไม่เกื้อหนุนมีตัวใหญ่ๆ ระดับจังหวัดหนุนหลังอยู่..มากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ฉันว่ามันหลุดแน่ๆ.. และไอ้เนี่ยเป็นสิ่งที่ฉันกังวลที่สุดตอนนี้..กับครอบครัวฉันน่ะมันคงทำอะไร ไม่ได้หรอกเพราะฉันมีการ์ดให้คอยดูแลอยู่..แต่กับไอ้คนรอบข้างฉันเนี่ยสิถ้า มันเล่นสกปรกขึ้นมาฉันกลัวจะรับมือกับมันไม่ทัน” ธันวาเอานี้วเคาะโต๊ะระรัว..เปิดเผยถึงความรู้สึกภายในให้เพื่อนทั้งสองได้ รู้โดยที่ไม่ต้องบอกออกมาเป็นคำพูด..ยามใดที่ชายหนุ่มกังวลหรือใช้ความคิด อย่างหนักนิ้วมือมีอันต้องระรัวเร็วบนสิ่งของใกล้ๆ ตัวทุกครั้ง..ภีมเห็นอาการของเพื่อนถึงกับนวดสันจมูกเบาๆ..ดูเหมือนเรื่อง นี้มันจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆซะแล้ว เอ่ยถามออกมาเนิบๆ

“และแกคิดว่าคุณนางจะเป็นผู้โชคร้ายอย่างงั้นเหรอ!”

“ฉันก็ไม่อยากจะคิดอย่างนั้นหรอก..แต่เหตุมันพาให้เกิด..ไอ้พีรยศมัน เห็นฉันอยู่กับคนางค์สองครั้งแล้วและก็เป็นสองครั้งที่กวนตะกอนความแค้นใน หัวของมันซะด้วย..ถ้าพวกแกเห็นหน้ามันเมื่อคืนก็จะรู้ว่ามันเสียหน้ามาก.. ถ้าจะให้ฉันเดาไอ้คันที่ตามหลังฉันมาเมื่อคืนน่ะน่าจะเป็นคนของไอ้ห่านั่น แหละ และก็ไม่ได้กะจะเล่นงานฉันด้วยเพราะถ้าขืนมันทำตอนนี้มีหวังเรื่องจะไปพัน กับคดีของพ่อมันแน่ๆ..แต่ทีนี้ใครล่ะที่มันจะทำได้ ทำแล้วเกิดความสะใจ และก็ได้หักหน้าฉันไปในตัวน่ะถ้าไม่ใช่ยายนั่น”

“เอาอย่างงี้สิ..แจ้งความกับตำรวจไว้ก่อน..ให้เขาคอยดูคุณนางให้ในช่วง ระยะแรกๆนี่”ดลชัยเสนอความคิดเห็นออกมา ธันวาส่ายหน้าอย่างไว หัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

“ไม่อ่ะ!..ฉันยังไม่ค่อยไว้ใจพวกมีสีเท่าไหร่หรอกตอนนี้..ขนาดไอ้พนา เข้าไปอยู่ในกรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังหลุดออกมาได้..เพราะฉะนั้นตอนนี้ไอ้งานทางด้านสว่างๆพับไปได้เลยสู้กับ มันไม่ได้หรอก..ฉันจะลองใช้อีกด้านสู้กับมันดู”สองหนุ่มตรงหน้าถึงกับถอน หายใจออกมาพร้อมกันดลชัยเอนหลังผลึงไปบนพนักเก้าอี้หัวเราะออกมาเสียง ดัง..ภีมจุ๊ปากเบาๆ อมยิ้มมุมปากน้อยๆ..ดูเหมือนประโยคที่ออกจากปากของธันวาเมื่อสักครู่นี้จะ เป็นบทสรุปที่เขาโดนลากออกมาจากเตียงแต่เช้า..ภีมค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ส่งเสียงออกมาเนิบๆ

“มา!..แกจะให้ฉันสองคนทำอะไรก็ว่ามา” ธันวาอมยิ้มบางๆ

“ฉันอยากให้แกตามจ่าตาบให้หน่อย และก็ให้จ่าหาลูกน้องมือดีๆ ซักหกเจ็ดคนคอยตามไอ้พีรยศเอาไว้บอกข่าวคราวความเคลื่อนไหวของมันให้ฉันรู้ ทุกระยะ..และก็หาการ์ดให้ฉันสักสี่คนเอาทีมเดียวกับที่คอยดูแลครอบครัวฉัน นั่นแหละ..ส่วนทางด้านนายพนาเดี๋ยวฉันสั่งเจ้าลักษณ์ให้ดูไว้เอง..ฉันจะเล่น เกมส์หนูหยอกแมวกับมันซักหน่อยหลังจากที่โดนมันหยอกมาซะนาน”หัวเราะหึ หึ พลางหันมาหาดลชัย

“ส่วนแกไอ้ดลระหว่างเนี้ยฉันอยากให้แกลงไปตรังดูคดีเกี่ยวกับนายพนาทั้ง หมดทำทุกวิถีทางให้รูปคดีไม่เยิ่นเย้อ..ยัดใต้โต๊ะฉันก็ยอมเอาให้มันจำนนให้ ได้ และก็อย่างเร็วที่สุดด้วย” ดลชัยพยักหน้า..เอ่ยออกมาเรียบๆ

“คุณนางล่ะ..แกจำทำยังไง” ธันวากัดปากนิ่ง

“ตอนแรกฉันกะจะให้ยายนั่นไปพักอยู่บ้านฉันชั่วคราว..แต่ตอนนี้ไม่เอาดี กว่าฉันจะให้อยู่ที่ตึกนี่แหละชั้นบน..และก็ให้การ์ดเฝ้าเอาไว้”ดลชัยขมวด คิ้ว

“อยู่ที่บ้านแกก็ปลอดภัยนี่..และทำไมถึงเปลี่ยน” ธันวาหัวเราะเบาๆ ยกมือขยี้ปลายจมูก

“ปลอดภัยสำหรับยายนั่น..แต่ไม่ปลอดภัยสำหรับฉันน่ะสิ..แม่ฉันกำลังเล่น บทคิวปิดอยู่ ช่วงนี้กำลังอยากได้ลูกสะไภ้เมื่อคืนนี้พอเห็นหน้ายายเบื้อกนั่นแป๊บเดียว คิดจะจับคู่ฉันซะแล้ว..เพราะฉะนั้นไม่เอาดีกว่าปลอดภัยไว้ก่อน” สองหนุ่มหัวเราะ

“แล้วแกคิดว่าคุณนางจะยอมมาอยู่เหรอไอ้ธัน!แกก็หนุ่มโสด..คุณนางก็สาวโสดฉันว่า จ้างให้เธอก็ไม่ยอมหรอก!” ภีมยืนอมยิ้มถามส่งมาบ้าง

“ก็ใครว่าฉันจะอยู่ที่นี่ล่ะ..ฉันก็กลับไปนอนบ้านฉันน่ะสิส่วนที่นี่ก็ ปล่อยให้ยายนั่นอยู่ไป..ฉันว่าถ้าบอกไปจะรีบเก็บของเข้ามาอยู่แทบไม่ทัน.. ห้องกว้างขวางกว่าอพาท์เม้นท์ที่ยายนั่นเช่าอยู่ซะอีก แถมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบครัน..มีหรือจะไม่มา” ดลชัยหัวเราะ

“เออ!..งั้นแกก็จัดการคุยกันเอาเองแล้วกัน..ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอกนะเรื่อง นี้น่ะ..ท่าทางคุณนางจะหัวแข็งไม่หยอก” ธันวาพยักหน้าส่งให้ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนางค์ฤทธิ์มากขนาดไหน..แต่ทำไงได้ ที่เหตุการณ์มันต้องเป็นไปในรูปนี้ก็เพราะยายเบื้อกนั่นทำเรื่องไว้ไม่ใช่ เหรอ..เขาไม่ได้เป็นตัวต้นเรื่องซักหน่อย..เพียงแต่ที่เขาต้องทำแบบนี้ก็ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยขึ้นทุกฝ่ายก็เท่านั้นเอง..ซักครู่เสียงปานระวีก็ ดังออกมาจากสปี๊คเกอร์โฟน

“คุณธันวาคะ..ผู้เข้าร่วมประชุมมาพร้อมกันหมดแล้วค่ะ”

“ครับ!..เดี๋ยวผมตามไป” ธันวาหันมาพยักเพยิกหน้ากับสองหนุ่มพากันลุกเดินออกจากห้อง วันนี้มีการประชุมบอร์ดระดับผู้บริหาร..ทุกฝ่ายมาพร้อมเพียงกันหมดธันวากวาด สายตาไปรอบๆห้อง..คิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากัน..หันมาหาดลชัยที่นั่งอยู่ ข้างๆ พลางกระซิบออกมาเบาๆ

“ยายเบื๊อกนั่นไม่เข้าด้วยเหรอ”

“ใคร!”

“ก็ยายผู้ช่วยแกน่ะ..ไปไหน! ไม่เห็นมา!” ดลชัยเลิกคิ้ว

“อ้าว!..ก็เมื่อวานเขาอยู่บ้านแกไม่ใช่เหรอ..ไม่ได้มาด้วยกันหรือไง” ธันวาเริ่มใจไม่ดี สอดส่ายสายตาหาทั่วห้อง

“เปล่า!..ยายนั่นออกมาก่อนไม่ยอมรอฉัน..บ้าจริง!”สบทออกมาเบาๆ สายตาเหลือบเห็นแจ๊ดพอดีกวักมือเรียกให้เดินเข้ามาหา

“คุณแจ๊ด!..คุณคนางค์ไม่เข้าประชุมด้วยเหรอวันนี้”

“ไม่แน่ใจค่ะ..เมื่อกี้ตอนที่แจ๊ดเดินออกมาจากห้อง..นางยังมาไม่ถึงเลย ค่ะ” ธันวาพยักหน้าหันกลับมา เห็นดลชัยกับภีมนั่งขมวดคิ้วมองอยู่ก่อนแล้ว

“เอาไง!” ดลชัยถามส่งมาเบาๆ ธันวาพูดน้ำเสียงรอดไรฟันออกมา

“แกจัดการติดต่อหาตัวให้ได้เลย..พับผ่าเถอะฉันอยากจะบีบคอยายบ้านั่น จัง!” สบทออกมาอีกครั้ง..ดลชัยเดินออกไปโทรศัพท์นอกห้อง..ภีมตบหลังมือธันวาเบาๆ

“ใจเย็นๆ..ฉันว่าเดี๋ยวก็คงมาแหละ”

“เออ!..ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น..ฉันกลัวแต่ว่าจะโดนลากไปซะก่อนน่ะสิ”น้ำ เสียงเป็นกังวลเต็มที่..บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มอยู่ในความสงบรอประธาน ขึ้นมาเปิดวาระ..แต่ไม่มีทีท่าว่าประธานจะขยับตัวแม้แต่น้อย..นั่งขมวดคิ้ว หน้านิ่วคิดไปเรื่อยอยู่อย่างงั้น..พวกที่อยู่ในห้องประชุมนั่งอึดอัดขยับ ตัวไปมา..ซักครู่ปานระวีก็เดินเข้ามายืนข้างๆ เอ่ยออกมาเบาๆ

“คุณธันวาคะ..ได้เวลาแล้วค่ะ” ธันวาเหลือบตามองเลขาสาวนิดหนึ่ง พยักหน้าส่งให้ลุกขึ้นจากที่นั่งกำลังจะก้าวขา..แต่หางตาเห็นดลชัยเดินเข้า มาในห้องซะก่อนรีบเดินเข้าไปหาทันที..ภีมลุกเดินตามมาข้างหลัง

“เป็นไงได้เรื่องมั๊ย”ดลชัยส่ายหน้า

“สายว่างนะ..แต่ไม่รับสายว่ะ!” ธันวายืนกัดปากนิ่งเคาะนิ้วระรัวบนต้นขา..

“เอ่อ!..คุณธันวาคะ..ที่ประชุมรออยู่ค่ะ”เสียงปานระวีแทรกเข้ามาในห้วง ความคิดอีกครั้ง..ธันวาหันหน้าไปมองจ้องหญิงสาวนิ่งเอ่ยออกมาเบาๆ

“วันนี้ยกเลิกการประชุมไปก่อน เดี๋ยวถ้ากำหนดวันได้ใหม่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง..พอดีผมติดธุระสำคัญหลีก เลี่ยงไม่ได้..แจ้งในที่ประชุมตามนี้” พูดเสร็จก็หันขวับเดินออกจากห้อง..เล่นเอาดลชัยกับภีมหันมาเลิกคิ้วใส่กัน.. งง! รีบเดินตามหลังธันวาออกไปติดๆ..ส่วนเลขาสาวถึงจะแปลกใจบ้างแต่ก็ไม่มีอาการ ปรากฏให้เห็น..ใบหน้ายังคงเรียบสนิทไม่แสดงออกใดๆทั้งสิ้น..เดินไปประกาศกับ ที่ประชุมตามที่เจ้านายสั่ง..เสียงพนักงานระดับกลางและสูงครางฮือ!..คุยกัน ขรมไปหมด!..ตั้งแต่ทำงานร่วมกับเจ้านายหนุ่มคนนี้มาไม่เคยมีซักครั้งที่การ ประชุมระดับบอร์ดจะเลื่อนออกไป..ตรงเวลาเป๊ะๆ ตามหมายกำหนดการตลอด..เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่มันดูขลุกขลักมาตั้งแต่ต้น.. ต่างก็วิพากวิจารณ์กันไปต่างๆ..นาๆ แต่โดยรวมสรุปว่ามันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่มิใช่น้อยถึงกับทำให้เจ้านายหนุ่ม ของพวกเขาล้มเลิกการประชุมบอร์ดได้....ธันวาเดินลิ่วๆ ออกจากห้องประชุมมีสองหนุ่มตามหลังมาติดๆ

“นี่เจ้าธันแกจะรีบไปไหนวะน่ะ” ดลชัยดึงแขนธันวาไว้..ชายหนุ่มชะงักกึกนึกขึ้นได้รีบหันหน้ามาหาดลชัยทันที

“ไหนไอ้ดล!..ขอเบอร์โทรศัพท์ของยายนั่นให้ฉันหน่อยซิ”ดลชัยขมวดคิ้ว มือก็กดเบอร์ของหญิงสาวยื่นส่งให้..ธันวารีบรับมากดหมายเลขบนเครื่องตัว เองอย่างไว..ทุกการกระทำการเคลื่อนไหวของธันวาอยู่ในสายตาของเพื่อนชายทั้ง คู่..ธันวายืนฟังเสียงปลายสายอย่างกระวนกระวายเดินไปเดินมาอยู่รอบๆ ตัวสองหนุ่ม..ซักครู่ก็สบทออกมาเบาๆ

“รับสิยายบ้า!..มัวทำอะไรอยู่น่ะเฮอะ!” เริ่มหมดความอดทน ภีมกับดลชัยหันมามองหน้ากัน ต่างก็ทำหน้าแปลกใจ เพราะไม่ได้เห็นอาการแบบนี้ของธันวามานานแล้ว..แสดงว่าต้องอยู่ในสภาวะ เครียดจริงๆ ธันวาเพียรต่อเป็นครั้งที่สี่..สำเร็จ! ปลายสายตอบรับมา..ธันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“สวัสดีค่ะ..จะพูดสายกับใครคะ!”

“เธอนั่นแหละ..ยายเบื๊อก! อยู่ที่ไหนน่ะ” ปลายสายเงียบไปแป๊บหนึ่ง..ธันวาเริ่มขมวดคิ้ว

“คนางค์..อยู่หรือเปล่า!”

“อ่ะ..เอ่อ!..ไม่ใช่คุณคนางค์หรอกค่ะ..เผอิญคุณคนางค์ลืมโทรศัพท์ไว้น่ะค่ะ” คิ้วธันวาเริ่มพันกันยุ่ง..เริ่มรู้สึกคุ้นๆกับเสียงปลายสาย

“นั่นใครพูดสายน่ะ!..ใช่แจ่มหรือเปล่า!”

“ค่ะ..แจ่มพูดค่ะ..นั่นคุณธันวาเหรอคะ”
“ใช่!..คุณคนางค์ลืมโทรศัพท์ไว้เหรอ”

“สงสัยจะลืมค่ะ..พอดีเมื้อกี้แจ่มเดินผ่านหน้าห้องได้ยินเสียงโทรศัพท์ มันดัง..แจ่มก็เลยเดินหาตามเสียงเห็นมันตกอยู่บนพื้นน่ะค่ะ” ธันวาถอนหายใจอีกเฮือกแต่ความรู้สึกแตกต่างจากตอนแรก

“งั้นแค่นี้ก่อนนะแจ่ม!” สองหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ขยับตัวทันที

“ไม่ใช่เหรอ!” ถามออกมาพร้อมกัน..ธันวาส่ายหน้าขาก็ก้าวเดินห่างออกไปส่งเสียงข้ามไหล่มา

“เดี๋ยวฉันจะขับรถไปดูที่อพาท์เม้นท์ยายนั่น..พวกแกจัดการเรื่องที่ฉัน สั่งได้เลยนะ..และฝากบอกคุณปานด้วยว่าถ้าคนางค์โผล่มาที่ตึกเมื่อไหร่ติดต่อ กลับฉันทันที”เดินลิ่วๆห่างออกไป สองหนุ่มมองเพื่อนจนลับสายตา..เสียงภีมพึมพำออกมาเบาๆ

“สงสัยงานนี้ท่าจะใช่ตัวจริงว่ะ..พระเอกของเราเต้นเป็นเจ้าเข้าเลย” ดลชัยหันมายิ้มมุมปากให้นิดหนึ่ง

“ก็ท่ามันเป็นแบบนั้นฉันจะดีใจมากๆ..เพราะฉันเบื่อท่าทางที่ผ่านมาของ มันเต็มทนแล้ว..ขวางโลกไปซะหมด..แกจำได้มั๊ยว่าครั้งสุดท้ายแกเห็นไอ้อาการ ลุกลี้ลุกลนของเจ้าธันแบบนี้เมื่อไหร่” ภีมยักไหล่สายตามองเหม่อออกไปเบื้องหน้า

“จำไม่ได้..และก็ไม่อยากเก็บไว้ในความทรงจำด้วย..เพราะฉันเจ็บปวดแทนมัน เหลือเกิน” ดลชัยตบบ่าเพื่อนชายเบาๆ จริงสินะเหตุการณ์คราวนั้นมันช่างเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำซะเลย..เขากับภีม พยายามไม่พูดถึงมัน..ปล่อยให้เรื่องมันเลือนหายไปพร้อมกาลเวลา..แต่ตัวเจ้า ของเรื่องอย่างธันวาจะทำตามอย่างพวกเขาหรือเปล่าไม่รู้..จะเก็บเอาไว้หรือจะ ปล่อยผ่านไปเขาก็ไม่แน่ใจ...


##########################################################


“ลุงเมื่อไหร่มันจะไปได้อ่ะ..หนูนั่งในรถลุงมาตั้งนานแล้วนะเนี่ย” เสียงตัวต้นเรื่องที่ทางฝ่ายธันวากำลังตามหาอยู่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล นิดๆ

“โถ่! คุณผู้หญิงถนนเส้นเนี้ยติดจะตาย..ยิ่งเป็นเวลานี้ยิ่งแล้วใหญ่ไม่ต้องห่วง.. นั่งร้องเพลงรอได้เลย..มา! เดี๋ยวลุงเปิดเพลงให้ฟัง..เอาเป็นเพลงนี้แล้วกันเพลงนี้ลุงชอบ “รองเท้าหน้าห้อง” ของสายัณห์..นิรันดร..อุ้ย! เพราะบาดใจ..แม๊ะ! ฟังแล้วนึกถึงตัวเองตอนยังหนุ่ม 555+” หัวเราะเสียงดัง..คนางค์นั่งหน้าม่อย..เธอฟังไอ้เพลงเนี้ยมาเป็นรอบที่ห้า แล้ว ไม่สิหก! และก็กำลังจะได้ฟังอีกรอบเป็นเจ็ด..จำเนื้อเพลงได้หมดทุกบททุกตอนไม่มีตกไม่ มีหล่น..ถ้าให้ไปแข่งร้องคาราโอเกะชิงรางวัลสงสัยจะชนะขาด..ถอนหายใจออกมา ดังเฮือก! ชะเง้อชะแง้มองออกไปนอกรถก็เห็นติดเป็นขบวน..เห็นไฟแดงริบๆอยู่ข้างหน้า..ใบ หน้ายิ่งหงอยลงไปอีก..อุตส่าห์รีบจับแท็กซี่โกยแนบกลับไปบ้านอาบน้ำอาบท่า อย่างไวแล้วนะ..นึกว่าจะทัน..ที่ไหนได้ออกจากอพาท์เม้นท์มาได้ไม่ถึงครึ่ง ทาง..รถติดยาวเป็นขบวนค่อยๆ กระดืบๆ มาทีละนิด เคลื่อนที่อย่างกะหนอนเพิ่งกินอิ่มใหม่ๆ แหนะ..ฮือๆๆ ทำไงดีอ่ะประชุมด้วย..โทรศัพท์ก็ดันเจือกมาหายอีก..พระเจ้า!ทำไมฉันถึงได้ สับเพร่า..ดวงซวยอย่างงี้นะ..ยกมือเขกหัวตัวเองโป๊กๆ ขัดใจ! เสียงหัวเราะคิกๆ ดังมาจากหน้ารถพลอยทำให้คนางค์ชะงักกึก มองกระจกหน้ารถตาขวางส่งเสียงขุ่นออกมา

“หัวเราะอะไรลุง”

“ไปเขกมันทำไมล่ะครับหัวน่ะ..มันอยู่ของมันดีๆ” คนางค์ถอนหายใจอีกเฮือก ส่งเสียงออกมาปาวๆ

“แค้นมันน่ะลุง..มันโง่ดีนักสับเพร่าก็ที่หนึ่ง..เขกมันให้มันฉลาดขึ้นมาบ้าง” ลุงหัวเราะเอิ๊กๆ ชอบใจใหญ่

“คุณผู้หญิงรีบไปเหรอครับ”

“รีบสิ!..หนูมีประชุมตอนเช้าเนี่ย!..ผ่านไปตั้งเกือบชั่วโมงแล้วด้วย.. สงสัยไอ้อาชีพนี้ของหนูมันคงจะไม่ได้อยู่กับหนูนานซะล่ะมั้ง..และก็ไอ้ บริษัทนี้ก็คงจะโกยหนูออกภายในไม่ช้านี้แน่ๆ เลย” บ่นขโมงโฉงเฉงไปหมด..หน้าตาเหยเก..ลุงหัวเราะอีกครั้งเห็นฟันหรอสองซี่หน้า

“ทำไม..ไม่นั่งแมงกาไซด์ไปล่ะครับ!”

“ฮะ!” คนางค์ตาเหลือก ไม่เข้าใจ

“มอเตอร์ไซด์น่ะ..ผมเห็นเวลารถติดหนักๆ..เขาก็โบกมอเตอร์ไซด์ไปกัน..คุณผู้หญิงไม่ลองทำบ้างล่ะครับ” หญิงสาวตาเบิกโพลง

“ป๊าดดดด!..แล้วไม่บอกตั้งแต่แรก..ปล่อยให้หนูนั่งรากงอกอยู่ในเนี้ยเป็นชั่วโมงๆ”

“ก็คุณผู้หญิงไม่ถาม”มีเถียงมาอีก..คนางค์พ่นลมหายใจดังพรืด! มือก็ควักเงินในกระเป๋าจ่ายค่ารถ

“อ่ะลุง!..ไม่ต้องทอน” ลุงหันมายิ้มยิงฟันแหยส่งให้

“ขอบคุณครับ!”

“ว่าแต่..ไอ้มอเตอร์ไซด์เนี่ยมันจอดตรงไหนอ่ะ” หันหน้าเลิกลั่กหาใหญ่

“ก็แถวๆ หน้าปากซอยนั่นแหละ..โน่นๆ เสื้อแดงๆ ส้มๆ โน่น” ชี้มือไปเบื้องหน้า คนางค์ชะโงกมองตามพยักหน้าหงึกๆ เตรียมตัวจะเปิดประตูรถ

“คุณผู้หญิงมาลงฝั่งฝาดีกว่า..ฝั่งซ้ายมันติดรถข้างๆ เปิดออกไปไม่ได้” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ อีกครั้งไถลไถเถือกมาทางด้านขวา รีบเปิดประตูลงไปยืนข้างนอก..จะด้วยดวงซวยจริงๆหรือเปล่าไม่รู้ปิดประตูได้ ไม่ถึงนาที ยังทรงตัวไม่เต็มที่รถก็ค่อยๆเคลื่อน..ที่นี้เคลื่อนอย่างสม่ำเสมอด้วยไม่ ติดขัด..ทำเอาคนางค์ยืนอ้าปากหวอ เสียงแตรข้างหลังเล่นเอาคนางค์สะดุ้งโหยงรีบกระโดดไปยืนบนเกาะกลางถนน จับรั้วเหล็กกั้นเอาไว้..ยืนทำตาปริบๆ มองรถที่ค่อยๆเคลื่อนไป..จะข้ามถนนก็ข้ามไม่ได้..ได้แต่เกาะรั้วเหล็กรอรถ ให้หยุดอยู่อย่างงั้น..ซวยๆ ซวยจริงๆ..ฮือๆๆๆ กร่นด่าตัวเองในใจ..

“คนางค์!” หญิงสาวได้ยินเสียงเหมือนคนตะโกนเรียกหันหน้าเลิ่กลั่ก..หาใหญ่ไม่เห็น..

“ดูสิ!ดวงซวย..แถมยังหูแว่วอีก..จะมีใครเป็นอย่างฉันบ้างมั๊ยเนี่ย! เฮอะ!” ยืนบ่นกระปอด กระแปด

“คนางค์!” ได้ยินอีก..ทีนี้หมุนรอบทิศก็ยังไม่เห็น..มือก็เกาะรั้วกั้นกลางถนนอยู่อย่างงั้น

“ยัยเบื๊อก..ทางนี้” น้ำเสียงเริ่มคุ้นๆมากระทบโสดทางด้านขวา..รีบหันกลับไปมองเต็มสตรีม..เห็น ชายหนุ่มใส่สูทสีกรมท่ายืนอยู่นอกรถฝั่งตรงข้าม..มีรถผ่านหน้าเป็นระยะๆ คนางค์เพ่งเต็มที่ ซักครู่ก็จำได้..ตาเริ่มเป็นประกายใบหน้าเริ่มยิ้มแฉ่ง..ดีใจสุดๆ

“คะ..คุณธันวา” ตะโกนออกมาเสียงดัง! กระโดดเย้ว!ๆ

“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ..ข้ามมานี่” เสียงชายหนุ่มสั่งมายืนรออยู่ข้างๆรถสีดำสนิทริมฟุตบาท คนางค์ก้มมองกระโปรงที่ตัวเองใส่..และก็เงยหน้าขึ้นมองรั้วเหล็กที่กั้นขวาง ไว้..ใบหน้าเริ่มม่อย..จนปัญญาปีนข้ามไปไม่ได้

“ปะ..ไปยังไงอ่ะ..ฉะ..ฉันข้ามไปไม่ได้” ตะโกนกลับไป ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองเลยไปยังเกาะกลางถนนเบื้องหน้าเห็นมีช่วงต่อระหว่างรั้วก็ชี้นิ้วโบ๊ยไป

“เธอเดินไปตรงโน้นโน่น..มีทางออก” คนางค์เพ่งมองบ้าง พยักหน้าหงึก ๆ ค่อยๆ กระย่องกระแย่งเดินไปบนเกาะกลางถนน พอถึงเป้าหมายก็ค่อยๆ เบี่ยงตัวรอดรั้วข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง

“รออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวฉันข้ามไปรับ” เสียงธันวาสั่งมาอีก..สักครู่รถเบาบางลงชายหนุ่มรีบวิ่งข้ามมาอย่างเร็วตรง ที่คนางค์ยืนอยู่..ส่งสายตาดุมาให้แวบหนึ่งคนางค์รีบหลบสายตาก้มหน้ามอง พื้น..ธันวาไม่พูดพร่ามทำเพลงจับข้อมือหญิงสาวได้ก็ลากให้เดินข้ามมาด้วย กัน..พาเดินมาที่รถเปิดประตูข้างคนขับให้คนางค์ก้าวเข้าไป..หญิงสาวชะงัก กึก..มองธันวาตาโต..

“เข้าไป!” สั่งมาอีก

“ปะ..ไปไหน” ธันวาตาขวาง ส่งเสียงเข้มตอบกลับมา

“บอกให้เข้าก็เข้า..ไม่ต้องเรื่องมาก” คนางค์พยักหน้าหงึก ๆ รีบเข้าไปนั่งเป็นที่เรียบร้อย..ชายหนุ่มปิดประตูเดินอ้อมรถไปนั่งประจำที่ คนขับ..รถออกตัวอย่างนิ่มนวล..บรรยากาศอยู่ในความเงียบสงบ..หญิงสาวเหลือบตา มองชายหนุ่มเป็นระยะๆ กล้าๆ กลัวๆ..มือก็ลูบหน้าปัดผมอยู่อย่างงั้น..ธันวาหันมามองมีอันต้องเป่าลมออก จากปากดังพรืด! หน้าตาเซ็งจัด..ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นส่งให้

“อ่ะ!..เช็ดซะ!” คนางค์ งง!

“ชะ..เช็ดอะไร!”

“หน้าน่ะ..ดำเป็นปื้นออกอย่างงั้น..ไม่อายคนอื่นเขาบ้างหรือไง” บ่นพึมตาก็มองถนนไปด้วย..หญิงสาวตาเหลือก!..

“ดะ..ดะ..ดำเหรอ!” รีบเปิดกระเป๋าหยิบกระจกออกมาส่องดูบริเวนใบหน้า

“ว๊าย!! ฮือๆๆ..ดำจริงๆ ด้วย!..เปรอะตอนไหนอ่ะ!..ไม่ได้ไปจับอะไรซักหน่อย” อุทานออกมาเสียงดัง..รีบเอาผ้าเช็ดหน้าอย่างไว..ชายหนุ่มเหลือบมองด้วยหางตา นิดหนึ่ง..เอ่ยออกมาเนิบๆ

“มือดำปี๋ออกขนาดนั้นบอกไม่ได้จับ” คนางค์ก้มมองมือตัวเอง ตาเหลือกอีกรอบ

“อ้าว! มันดำตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ..ไม่รู้เรื่องเลย!” เช็ดๆๆ และก็ขมวดคิ้ว

“สงสัยมันต้องเป็นตอนที่ฉันเกาะไอ้ราวเหล็กนั่นแน่ๆ..ดูสิ!..ดำปี๋เลย อ่ะ!” โอดครวญออกมาอีกระรอก ทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้..มือก็เช็ดๆๆ ธันวาปลายหางตามองอีกครั้งยังเห็นหญิงสาวนั่งเช็ดมือไม้ให้วุ่น..ชายหนุ่ม ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา..เมื่อซักครู่นี้ถ้าเจ้าหล่อนไม่ไปยืนเกาะรั้วเป็น ลิงอยู่กลางถนน..และรถฝั่งเขาไม่ติดก็คงได้คลาดเคลื่อนกันเป็นแน่แท้..เพียง แค่เห็นแวบแรกเขาก็จำคนางค์ได้ทันที..รู้สึกโล่งในอกอย่างบอกไม่ถูก..ความ กังวลที่สุมอยู่เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมามันเริ่มผ่อนคลาย..กลาย เป็นความโกรธเข้ามาแทนที่อยากจะวิ่งไปบีบคอยายเบื๊อกนั่นให้รู้แล้วรู้รอด โทษฐานที่ทำให้เขาเป็นห่วง..แต่พอเห็นหน้าตาท่าทางเวลาเจ้าหล่อนหันมาเห็น เขาแล้วยิ้มปากแทบจะฉีกถึงรูหูอย่างงั้น..มันพลอยทำให้เขาเวทนาจับใจ..คงจะ ยืนหงอยเหมือนเด็กโดนผู้ปกครองมาปล่อยหาทางกลับบ้านไม่ได้อยู่นานแล้วแน่ๆ..

“ทำไมถึงไปยืนอยู่ตรงนั้น” ธันวาส่งเสียงถามมา หญิงสาวส่งเสียงอุบอิบตอบมาเบาๆ

“ระ..รถมันติด..ฉันลงจากแท็กซี่จะมานั่นมอเตอร์ไซด์” ชายหนุ่มทำปากจึกจัก ขัดใจ!..นั่งมอเตอร์ไซด์ยายเบื้อกนี่กะจะนั่งมอเตอร์ไซด์..ให้ตายเหอะ!..ใคร มันจะรนหาที่เท่ายายนี่ไม่มีอีกแล้ว..ส่งเสียงเคร่งขรึมถามมาอีก

“ไม่กลัวหรือไง..หนังหุ้มเหล็กอย่างงั้นล้มไปไม่มีเหลือหรอ!” คนางค์ขมวดคิ้วมุ้น!..

“กะ..ก็รถมันติดอ่ะ..ฉันกลัวไม่ทันประชุม”

“ก็แล้วทำไมเมื่อเช้าไม่รอออกมาพร้อมกัน” เสียงเริ่มเข้ม..ทำเอาคนางค์ปลายหางตามองนิดหนึ่งเห็นชายหนุ่มขับรถตามองถนน นิ่ง..ก็เริ่มกระเถิบเข้าไปชิดประตูเพื่อความไม่ประมาท ส่งน้ำเสียงตะกุก..ตะกักออกมาเบาๆ

“คะ..คือ..ฉันไม่อยากรบกวนน่ะ..ฉันกะจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน ไง..ละ..และแบบว่าคิดว่าทันอ่ะ..คือ..แต่รถมันติดใช่มั๊ย..แต่ฉันก็นั่งนาน มากเลยนะ..ลุงคนขับก็เลยเปิดเพลงให้ฉันฟัง หกเจ็ดรอบแหนะ..จนฉันร้องตามได้แล้วนะ..เพลง รองเท้าหน้าห้อง..อุ้ย!..เพร๊าะ เพราะ! แหะๆ” ยิ้มแหยๆ ส่งให้พูดออกนอกเรื่องไปซะอย่างงั้น ชายหนุ่มถอนหายใจดังเฮือก!

“โทรศัพท์อยู่ไหน” ถามส่งมาอีก คนางค์หน้าม่อยลงทันทีอยากจะร้องไห้ซะอย่างงั้น

“หายอ่ะ!..แพงด้วยนะคุณ เพิ่งถอยตอนมาอยู่กรุงเทพเนี่ย แคะกระปุกไม่มีเหลือหรอ..และดูสิบทมันจะไปก็ไม่มีเตือนกันมั่งเลย..หายไป ดื้อๆ” บ่นงุ้ง งิ้งเป็นหมีกินผึ้ง..นั่งหน้าสลด..ชายหนุ่มเหลือบตามองนิดหนึ่งเห็นหน้าตา หญิงสาวข้างๆแล้วบังเกิดรอยยิ้มที่มุมปาก..อารมณ์ไม่อยู่กะล่อง กะลอยจริงๆยายนี่..เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวสลด..มีหลากหลายเหลือเกิน..

“จะพาฉันไปไหนอ่ะ!” เสียงหญิงสาวสอดแทรกมาทางความคิด ธันวาหันมามองนิดหนึ่ง

“กลับไปอพาท์เม้นท์เธอ!” คนางค์เลิกคิ้ว ส่งเสียงถามมา

“ไปทำไม!”

“เก็บของ”

“เก็บไปทำไม!” หน้าตาฉงนสงสัยเป็นอย่างมาก..ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเรียบๆ

“ไปอยู่บ้านฉัน!” คนางค์ขมวดคิ้วมุ้น รีบพูดมาอย่างไว

“ปะ..ไปอยู่บ้านคุณ..ไม่อ่ะ!..ไม่เอาแล้ว..มันไม่มีอะไรแล้วนี่ฉันไม่ เห็นไอ้ผู้ร้ายที่ไหนมันจะตามฉันมาเลย..คุณคิดไปเองมากกว่า..เพราะฉะนั้นฉัน จะอยู่บ้านฉัน..คุณไม่ต้องมายุ่ง!” ลงเสียงหนักระคนฉุนเฉียว..ธันวาไม่สนใจประหนึ่งว่าได้ยินเสียงนกเสียงกาเพิก เฉยดื้อๆ ซะอย่างงั้น..มือก็ตบไฟเลี้ยวขับเข้าไปจอดนิ่งสนิท..นั่นแหละคนางค์ถึงเพิ่ง สังเกตว่ารถได้มาถึงอพาท์เม้นท์ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..

“ลง!”

“ไม่!”

“คนางค์!” หญิงสาวสั่นหัว หงึกๆ

“ไม่ลง..ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะอยู่บ้านฉัน..ฉันไม่เก็บของอะไรทั้งนั้น” นั่งก้นติดเบาะเป็นตีนตุ๊กแกเหนียวหนึบ..ธันวาถอนใจเฮือก..

“ตามใจ...ไม่เก็บก็ตามใจ..ไปอยู่ที่บ้านฉันทั้งอย่างนี้ก็ได้” ทำท่าจะเคลื่อนตัวออก..คนางค์ตาเบิกโพลง รีบพูดระรัวเร็ว ออกมาเสียงดัง

“มะ..ไม่..ฉันจะลง” มือก็จับที่เปิดประตูง้างอยู่อย่างงั้น..ไม่เปิด!

“เปิดสิ..ฉันจะลง!..และก็จะไม่เก็บของอะไรทั้งนั้นด้วย!” ทีนี้หน้าตาเอาเรื่อง ธันวาหันมามองจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยน้ำเสียงจริงจังออกมา

“ฟังฉันนะคนางค์” หญิงสาวชะงักกึก..มือที่กำลังง้างอยู่ก็พลอยนิ่งไปด้วย

“ฉันจะพูดครั้งนี้ครั้งเดียว..และก็ครั้งสุดท้ายด้วยจะไม่พูดซ้ำอีก.. เธอจำนายพนาที่มันสั่งคนมารอบยิงฉันที่ตรังเมื่อสามวันก่อนได้มั๊ย!” คนางค์พยักหน้าหงึกๆ

“จำได้..ก็เจ้าคนที่คุณบอกว่าติดคุกรอดำเนินคดีอยู่ไม่ใช่เหรอ” ธันวาพยักหน้าส่งให้

“ตอนนี้มันถูกประกันตัวออกมาเดินปร๋ออยู่นอกคุกแล้ว..คดีทำท่าว่าจะหลุดด้วย”

“อ้าว!” ธันวาเลิกคิ้วพยักหน้าส่งให้

“จริงๆ ทีนี้ถ้ามันหลุด..เธอคิดเหรอว่ามันจะไม่แว้งกลับมาทำร้ายฉันภายหลังน่ะ” คนางค์ขมวดคิ้วมุ้น

“คุณก็แจ้งตำรวจไว้ก่อนสิ!”

“แจ้งว่ายังไงล่ะ!..มันยังไม่ได้ทำอะไรฉันซักหน่อย..แต่ก็นั่นแหละนะที่ ฉันพูดนี่ก็ไม่ได้ห่วงตัวเองอะไรหรอก..ฉันเป็นห่วงคนรอบข้างฉันมากกว่า.. ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเธอ และก็มีแรงจูงใจว่าจะเป็นเธอจริงๆ ด้วยเพราะดันไปมีเรื่องกับไอ้พีรยศลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของมันเข้า..และนี่ ก็คือเหตุผลที่ฉันต้องทำอย่างงี้คือให้เธอย้ายที่อยู่..ก็เพื่อความปลอดภัย ของตัวเธอเอง..ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น” คนางค์ถอนหายใจเฮือก!

“นานมั๊ยอ่ะ!”

“ชั่วคราว..ตอนนี้ฉันให้เจ้าดลลงไปจัดการเรื่องคดีนายพนาที่ตรังแล้ว.. คงจะใช้ระยะเวลาไม่นานหรอก เรื่องก็คงคลี่คลาย! ระหว่างนี้เธอก็พักบ้านฉันไปก่อนปลอดภัยกว่า” ปากพูดกับคนางค์ แต่สายตาเหลือบมองกระจกข้าง..เห็นชายหนุ่มร่างกำยำสวมแว่นกันแดดอำพรางสายตา กำลังเคลื่อนกายมา..ธันวาหลี่ตาจ้องมองนิ่ง มือขวาของเจ้านั่นล้วงเข้าไปในเสื้อเชื้ต

“ก็ได้!..เดี๋ยวฉันลงไปอะ..เอา!” มีอันต้องตาเบิกโพลง..พูดไม่ทันจบ..ธันวาถอยรถอย่างไว พูดน้ำเสียงรอดไรฟันออกมา..

“ไม่ต้องแล้ว..ก้มหัวลง!” หักพวงมาลัยเต็มที่..เสียงล้อเบียดถนน ดังเอี๊ยดด! ธันวาเหยียบคันเร่งเต็มสตรีม..รถเดินหน้าตามน้ำหนักขาของชายหนุ่ม..คนางค์ ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ แต่ก็ทำตามที่ชายหนุ่มบอก..รีบก้มหัวมุดลงจรดอกทันที..เสียงคนเอะอะโวยวาย นอกรถขโมงโฉงเฉงไปหมด..ธันวาเหลือบตามองหลังเห็นไอ้เจ้านั่นรีบวิ่งไปขึ้น รถ..ชายหนุ่มสบทออกมาเบาๆ

“บ้าเอ๊ย!..เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ” นั่นแหละ..คนางค์ถีงเงยหน้าขึ้น คิ้วพันกันยุ่ง

“อะไร!..และคุณเป็นบ้าอะไรขับรถอย่างงั้นน่ะเฮอะ..นี่ในซอยนะไม่ใช่สนาม แข่งรถเดี๋ยวมีได้ชนกันมั่งหรอก..คู้ณ! เบา ๆ”แหกปากดังลั่น..มือก็ยื่นไปจับคอนโซลหน้ารถไว้..เพราะธันวาเลี้ยวแทบไม่มี เบรก..ใจคนางค์ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม..

“นี่ นี่..บอกไม่เชื่อหรือไง..เดี๋ยวก็ตายเท่านั้น!”

“เงียบ!” ส่งเสียงตวาดมา..หญิงสาวสะดุ้งโหยง..นั่งเงียบปิ๊ด!..หันไปค้อนประหลับประ เหลือกกับคนข้างๆ..ทำปากขมุบ ขมิบ..ดีแต่สั่ง..เชอะ!..ขับบ้าอะไรอย่างงี้ไม่รู้..อยากจะตายก็ไปตายคน เดียวสิ..ทำไมต้องเอาฉันเข้ามาเอี่ยวด้วยล่ะ..ฮือๆๆ..ชีวิตฉันยังไม่ได้ทำ อะไรอีกตั้งหลายอย่างนะ..จะต้องมาตายอยู่ในรถเนี่ยน่ะเหรอ..ตายในที่แคบ ด้วย..ไม่เอ้า!! ฮือๆๆ นั่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่อย่างงั้น.....



กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มิ.ย. 2554, 21:53:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มิ.ย. 2554, 21:53:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2176





<< ตอนที่11 : เหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด   ตอนที่13 : รังใหม่ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account