เล่ห์กามา (เปลี่ยนชื่อเป็น ตะวันซ่อนแสง สนพ อินเลิฟตีพิมพ์)
ตัวละครในเรื่อง เล่ห์กามา(สนพ อินเลิฟตีพิมพ์) รอชื่อนิยายอย่างเป็นทางการอยู่ค่ะ





พ่อเลี้ยงกานต์ /กานต์นที/
ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปด ที่หล่อและรวยโปรฟล์ดีที่สุดในภาคเหนือเป็นที่หมายตาจากบรรดาไฮโซและสาวน้อยสาวใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่เขาได้รับมรดกมากมายจากเจ้านันทิ เจ้าทางฝ่ายเหนือเป็นเจ้าของปางเคียงดาวคนใหม่เขามีอดีตที่เจ็บปวด พ่อ แม่ และพี่ชายถูกไฟคอกตาย น้องสาวถูกเอาไปเป็นนางบำเรอ และตัวเขาเองก็เคยหน้าเสียโฉม จนเจ้านันทิต้องส่งไปศัลยกรรมกับศัลยแพทย์มือดีที่สุดในเกาหลี





คุณหนูอลิชา อัครนาคินทร์
วัยยี่สิบเจ็บ สวยทันคน เอาแต่ใจไม่ยอมให้ใครง่ายๆถ้าตัวเองไม่ผิดใครมักว่าเธอเจ้าชู้ว่าเธอเป็นตัวร้ายแต่ที่จริงนั่นไม่ใช่เธอแค่เปลือกนอกที่สร้างเอาไว้ป้องกันตัวเองคู่ปรับตลอดกาลของกานต์นทีและเขาเข้าใจว่าเธอคือต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมแม้เธอจะบอกเขาไปร้อยครั้งว่าเธอไม่ได้ทำ


เอกรินทร์
นักเรียนนอกวัยยี่สิบแปดปี คาสโนว่าตัวพ่อเป็นคู่หมั้นของอลิชาแต่ไม่เคยดูแลอลิชาและรู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาแต่ก็วางอลิชาไว้เป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของชีวิต มารู้ว่าตัวเอกรักอลิชาเมื่อกานต์นทีจับตัวอลิชาไป




หน่อวา/มะลิ
สาววัยยี่สิบเอ็ด สาวบ้านป่าจอมหัวสูงภายนอกสวยใสดูซื่อแต่ที่แท้ร้ายตัวแม่หวังจะเป็นแม่เลี้ยงแห่งปางเคียงดาวทะเยอทะยานและชอบร้ายใส่อลิชาแต่ต่อหน้าแสร้งทำดี



ม่านแก้ว
สาวเหนือคนสวยวัยยี่สิบแปดเจ้าของมินิมาร์ทดังประจำตำบลใครก็คิดว่าเป็นเมียเก็บพ่อเลี้ยงที่จริงไม่ใช่ถูกเอกรินทร์ฉุดไปทำมิดีมิร้ายเพราะต้องการเอาคืนพ่อเลี้ยงกานต์แต่เข้าทางม่านแก้วพอดีเมื่อพ่อเลี้ยงขอแต่งงานเพื่อรับผิดชอบ แต่การแต่งงานก็ถูกขัดขวางเพราะแผนการของหน่อวา

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: พ่อเลี้ยง กานต์นที อลิชา ปางช้างเคียงดาว ป่า ไร่สตอเบอรี

ตอน: ตอนที่ 4 (50% หลัง หนูอลิาจะก่อคดีอะไรอีกนะ )

พ่อเลี้ยงกานต์นทีลอบยิ้มอย่างพอใจหลังได้รับรายงานว่าศัตรูรถคว่ำ เขากดสายทิ้งรอยยิ้มร้ายค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“นายอิน ขับไปที่หมู่บ้านสะเมิงเหนือเร็วเข้า” ดอกกุหลาบช่อโตในมือปลูกจากสวนของเขาหวังว่าเธอคงชอบเขามองมันและอมยิ้ม
พ่อเลี้ยงกานต์นทีลอบยิ้มอย่างพอใจหลังได้รับรายงานว่าศัตรูรถคว่ำ เขากดสายทิ้งรอยยิ้มร้ายค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“นายอิน ขับไปที่หมู่บ้านสะเมิงเหนือเร็วเข้า” ดอกกุหลาบช่อโตในมือปลูกจากสวนของเขาหวังว่าเธอคงชอบเขามองมันและอมยิ้ม
“ทางมันชันมากนะครับ แทบนั้นทั้งสะเมิงเหนือ สะเมิงใต้มีแต่ภูเขา เย็นๆ แบบนี้กว่าจะไปถึงก็ค่ำผมเกรงว่าจะอันตรายทางมันลาดชัน”
“ไปเถอะน่าฉันใจร้อน”
หลังจากไม่ได้พบดาริกาน้องสาวมาเกือบสองปีวันนี้ล่ะที่เขาจะได้พบน้องสาวสุดที่รัก เขาจะพาดาริกาไปใช้ชีวิตอยู่กันตามประสาพี่น้องที่ปางช้างเคียงดาว ตอนนี้เขามีทุกอย่างแล้วเงินทอง อำนาจ ขาดสิ่งเดียวที่เงินซื้อกลับมาไม่ได้คือชิวิต ของพ่อ แม่และพี่ชายนั่นก็เพราะผู้หญิงคนนั้น และน้องสาวของเขาก็คือเหยื่อของเธออีกคน เขาไม่ได้เอาอลิชามา เพื่อทรมานให้เธอทุกข์กายเล่นเท่านั้น แต่เขามีความทุกข์ใจชนิดที่ว่าอลิชาอาจจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ได้เขามองภาพคลิปที่ถูกส่งมาสด ๆ ร้อน ๆ จากฝีมือคนของเขาที่ทำงานไม่เคยพลาดหากอลิชาเห็นคลิปนี้คงแทบจะดิ้นตายมันร้ายแรงยิ่งกว่าเขาแบล็คเมล์ถ่ายคลิปภาพเคลื่อนไหวระหว่างเธอกับเขาเก็บเอาไว้เองเสียอีก และเขาก็ไม่ทำด้วยเกิดหลุดไปเขาก็คงซวยแย่ แต่คลิปที่ถูกส่งมาร้อนๆจากลอนดอน คือคลิปของนายเอกรินทร์ กับนักเรียนไทยไฮโซที่เพิ่งหมั้นหมายไปกับลูกนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศเชื่อว่าถ้าคลิปนี้หลุดไปนายเอกรินทร์จะหัวขาดอลิชาคงเสียใจมากแต่ว่าคลิปนี้อาจไม่ถูกใช้งานเพราะเขาคงไม่รู้ว่าเอกรินทร์จะพบกับอะไรที่น่ากลัวกว่าอลิชากับแฟนสาวของนักเรียนไทยสาวไฮโซคนนั้น
“ฉันมีของขวัญจะให้เธอยัยตัวร้าย แต่เวลานี้ขอไปมีช่วงเวลาดี ๆ กับน้องสาวก่อน”
เมื่อมาถึงหมู่บ้านสะเมิงความมืดและความหนาวเหน็บโรยตัวลงมาครองคลุม กานต์นทีรีบลงจากรถยนต์อากาศภาคเหนือช่วงนี้ค่อนข้างหนาวลมพัดเย็นมาปะทะผิวเขาทำให้เขามั่นใจว่านี่ไม่ใช่ฝันเขากำลังได้พบน้องสาวคนสวย กานต์นทีก้มจุมพิตดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ที่ ดาริกา ชอบนักชอบหนา “น้องรักของพี่”
บ้านพักหลังเล็กนี้เป็นบ้านพักอีกหลังที่กานต์นทีให้คนสร้างขึ้นไว้อยู่กลางไร่สตรอเบอรี่ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมและเก็บสตรอเบอรี่สด ๆ ในไร่ ได้ราคาดีกว่าขายส่งพ่อค้าคนกลางอีกต่างหาก เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เจ้านันทิยกให้กานต์นทีดูและเวลานี้กำลังเป็นธุรกิจที่กำลังบูมมากในสะเมิง และแทบแม่รินทำให้ราคาสตอเบอร์รีพันธ์ 80 พรุ่งพรวดจากแต่เดิมขายส่งกันโลละไม่ถึง 100 บาท ปัจจุบันราคาพุ่งไปกิโลกรัมละแต่ละ300 ถึงสี่ร้อยบาทแตละปีมีคนไม่น้อยมาเที่ยวที่สะเมิง มาเก็บสตรอเบอรี่พันแปดศูนย์ ซึ่งเป็นพันธ์พระราชทานมีรสชาตหวานนุ่ม รสดีกว่าพันธ์อื่นผู้คนแห่แหนกันมาทุกปีสร้างรายได้ให้คนในสะเมิงไม่น้อยและยิ่งช่วงนี้กระแสละครที่ยกกองมาถ่ายทำที่ไร่ของเขาทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยต้องการมาเที่ยวและลงเก็บสตอเบอร์รีที่ไร่ของเขารวมถึงจองที่พักจนเต็ม เงินช่างสะพัดหากพ่อเลี้ยงกานต์นทีไม่รวยในภาคเหนือคงมีแต่คนจนใคร ๆ มักจะพูดแบบนี้ตอนนี้รีสอร์ทชื่อดังสามแห่งในสะเมิงล้วนเป็นของพ่อเลี้ยงกานต์นทีทั้งนั้น
ทันทีที่พ่อเลี้ยงกานต์นทีก้าวขาเข้าไปในบ้านพักหลังเล็กๆ ไร่สตอเบอรีแห่งที่สามที่เขากำลังจะเปิดตัวในสะเมิง บ้านพักนักท่องเที่ยวแต่ตกแต่งสวยงาม ที่จะเปิดเพิ่มในปีหน้าของเขารอให้สตอรเบอรี่ที่ลงไว้ในไร่นี้มันออกผลผลิตได้มากกว่านี้ก่อน รีสอร์ทก็คงสร้างเสร็จปีหน้าเขาจะเปิดตัวอย่างอลังการเชียว เมื่อมองไปตรงระเบียงบ้านเขาเห็นเพียงด้านหลังของหญิงสาวรูปร่างอรชรผิวขาวเนียนผมสลวยยาวถึงกลางหลังยืนมองออกไปในไร่สตอเบอรีย์ที่เวลานี้มองอะไรแทบไม่เห็นแล้วอาการมองของเธอเหมือนคนเหม่อคิดอะไรอยู่มากกว่า พ่อเลี้ยงหนุ่มระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยรู้สึกว่าได้ของรักอีกชิ้นกลับคืนมาแล้ว
“ดาริกา น้องพี่” เขารีบเดินเข้าไปหา พร้อมช่อดอกไม้ที่จะมอบให้น้องสาวสุดที่รัก แต่พอดาริกาหันหน้ามาเธอก็ผงะและถอยหลังออกห่างอย่างตกใจ
“เป็นอะไรไปดาริกา ทำไมถึงมองหน้าพี่แบบนั้น”
ดาริกาคลี่ยิ้มเจื่อน สายตาลุแก่โทษ “ขอโทษทีค่ะพี่ชายน้องคิดว่าเป็นคนอื่น”
กานต์นทีลูบศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดู “หวังว่าคงไม่ได้ใจลอยคิดถึงนายอนาคินทร์อยู่นะ”
“กุหลาบแดงที่เธอชอบดาริกาพี่เอามาฝากมันปลูกจากที่ปางช้างเคียงดาวที่นั่นสวยมากพี่อยากให้น้องไปเห็น”
ดาริการับมาถือไว้ “ขอบคุณค่ะพี่ชาย” เธอจรดปรายจมูกลงบนดอกกุหลาบแสนสวย “หอมมากค่ะ”
“ต่อไปนี้เราจะไม่พรากจากกันแล้ว พี่จะไม่ปล่อยให้อ้าย อีหน้าไหนมารังแกดาริกาน้องรักของพี่ได้อีกแล้ว”
“และที่สำคัญไอ้อนาคินทร์ คงไม่มีโอกาสมารังแกน้องของพี่ได้อีกแล้ว เพราะพี่ส่งมันไปนรกเรียบร้อยแล้ว”
“อะไรนะคะ” ดาริกา ถอยห่างจากคนเป็นพี่แววตาแสดงความเสียใจออกมา
“พี่จะทำอะไรคุณอนาคินทร์” ใบหน้าสวยของดาริกาเหมือนว่าจะร้องไห้
กานต์นทีหน้าบึ้ง “ทำไมถึงทำท่าทางอาลัยอาวรณ์มันด้วยดาริกา ก็ไอ้สองอาหลานมันทำอะไรกับพวกเราบ้างลืมแล้วเหรอไง”
“พี่ใจร้าย ทำไมถึงไม่บอกน้องก่อนว่าพี่จะทำถึงขนาดนี้ที่น้องยอมมาที่นี่ตามแผนของพี่ก็เพื่อที่จะชี้แจงกันให้เข้าใจ”
“อะไร อย่าบอกนะว่าไปหลงรักมัน” กานต์นทีกำลังระเบิดเสียงใส่น้องสาวคนสวยด้วยอารมณ์โกรธและเสียใจ
คนขับรถ รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “พ่อเลี้ยงครับเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
กานต์นทีหันไปมองหน้าคนขับรถเขากำลัง “ถ้าไม่ใหญ่จริงล่ะก็น่าดู” ก็เขากำลังหงุดหงิดจากน้องสาวเต็มที่คนขับรถจึงโดนหางเลขไปด้วย
“ใหญ่แน่ครับพ่อเลี้ยง เพราะมันเป็นเรื่องช้างครับ”
กานต์นทีขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงเรื่องช้าง”
“ช้างในปางเคียงดาว กำลังอาละวาดไปทั่วไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร พังแก้ว กับ พลายขวัญ อาละวาดไล่เหยียบคนงานและทำลายข้าวของ ส่วนพังมุก กับ พลายเพชร ก็ไล่ทำลายข้าวของ เรากลัวว่าพลายขวัญ กับ พังแก้วจะเตลิดเข้าป่าไป เหมือนกับว่ามันตกใจอะไรบางอย่างที่สำคัญพังมุกเพิ่งจะตกลูกมาใหม่ๆ เจ้าตัวเล็กต้องการแม่ และแม่มันหนีเข้าป่าไปแบบนี้ลูกของมันจะทำอย่างไร…”
“พอ ๆ ได้แล้ว กลับปางเคียงดาวเดี๋ยวนี้” พ่อเลี้ยงหน้าเครียดขึ้นมาทันทีกับข่าวช้าง
กานต์นทีหันไปมองน้องสาวอยู่ “รอพี่ที่นี่ อัคคีจะคอยมาดูแลเธอ พี่จะรีบกลับไปจัดการเรื่องใหญ่ที่ปางเคียงดาวให้เสร็จแล้วจะรีบกลับมารับเธอแล้วเราจะได้ทำความเข้าใจกันยาว ๆ “
แต่ดาริกาไม่มองหน้าพี่ชาย สาวเจ้าวิ่งหนีเข้าไปในห้องและปิดประตูดังปัง
“อะไรกันวะเนี่ย ทั้งคน ทั้งช้าง ” กานต์นทีรีบกลับไปที่รถและให้คนขับรถขับเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
กานต์นทีรีบกดโทรศัพท์หาผู้จัดการปางช้างเคียงดาวว่าเกิดอะไรขึ้น
“ว่ายังไงคุณมานพ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมช้างแสนรู้ และเชื่องถึงได้ลุกขึ้นมาอาละวาดสร้างความเสียหายแบบนี้ และสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ผู้จัดการที่ถูกพนักงานโทรตามให้มาที่ปางเคียงดาวในยามวิกาลก็ตอบคำถามอย่างตะกุกตะกักเช่นกันเพราะยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ก็กำลังวิ่งหลบซ้ายหลบขวาเพราะช้างกำลังวิ่งอาละวาดไปทั่วปางเคียงดาว
“ผะ..ผมก็ยังไม่ทราบถึงสาเหตุเลยครับพ่อเลี้ยง รู้แต่ว่าตอนนี้มันกำลังอาละวาดใส่คนงาน ควาญช้างก็ยังเอาไม่อยู่” เขาพูดไปหอบไป
“นี่คุณผมรู้ว่าคุณตกใจมากนะ แต่คุณเป็นผู้จัดการ ควรระงับความตื่นเต้นไว้บ้างนี่อะไรกันเสียงสั่นเชียว” กานต์นทีเอ็ดใส่เพราะฟังและจับใจความอะไรไม่ค่อยได้
“พ่อเลี้ยงก็ลองมาวิ่งหนีช้าง และคุยโทรศัพท์ไปด้วยเหมือนผมดูบ้างสิครับ”
จากนั้นกานต์นทีก็ได้ยินเสียงช้างร้องเสียงแปร๋น ๆ ดังผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือ เสียงผู้คนอึ่งมี่เหมือนกำลังโกลาหลกัน“ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนก็ได้” กานต์นทีกดวางสายเมื่อนึกภาพออก
“เหยียบให้สุด ถ้าเหาะได้ก็ทำเลย” พ่อเลี้ยงกานต์นทีสั่งคนขับรถ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อลิชานอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงในห้องของกานต์นทีหลังจากที่เธอ อาบน้ำและลงไปแช่ในอ่างจากุชชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเสียงช้างและผู้คนร้องตะโกนโวยวายโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์รอยยิ้มร้ายจากเจ้าของใบหน้าสวยก็ผุดขึ้นทันทีก่อนจะหัวเราะเหมือนนางร้ายในละครภาคค่ำ
อุ่นที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวรอการกลับมาของพ่อเลี้ยง เธอต้องทำหน้าที่เป็นผู้คุมนักโทษชั่วคราวในช่วงเวลาที่พ่อเลี้ยงกานต์นทีไม่อยู่ตามคำสั่งของเขา อุ่นวางทัพพีและรีบออกมานอกครัว
“เกิดอะไรขึ้น”
อลิชาเดินออกมาจากห้องกานต์นที
“เกิดอะไรคะป้า เสียงช้างร้องดังจัง เสียงคนก็ดังไปหมดไฟไหม้ปางเหรอคะ”
อุ่นหันมามองคนสวยที่ทำให้เธอต้องเครียดเพราะถูกบังคับขอให้เปิดห้องกานต์นทีให้ด้วยสิทธิ์ที่เธออ้างว่าเธอได้ตกเป็นภรรยาของกานต์นทีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพราะฉะนั้นเธอมีสิทธิ์จะใช้ห้องของเขาได้
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ มันไม่เป็นมงคลนะคะคุณ”
“ก็จริงนี่คะ เสียงสัตว์ร้องกันใหญ่ ท่าทางต้องเกิดเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอนเลย ป้าไม่ไปดูเหรอคะ”
“ป้าก็อยากจะออกไปดูหรอกแต่ว่า” อุ่นก็อยากรู้ เสียงสัตว์ เสียงคนส่งเสียงระงม
“ต้องคอยเฝ้าฉันตามคำสั่งไอ้บ้านั่นใช่ไหมล่ะ” คนสวยตอบแทนอย่างรู้ทัน
อุ่นเองก็อยากรู้ใจจะขาดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ติดตรงที่พ่อเลี้ยงกานต์นทีสั่งให้อุ่นเฝ้าอลิชาเอาไว้อย่าให้คลาดสายตาได้ยกเว้นเวลาเข้าห้องน้ำ
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ก็เอาแบบนั้นสิป้าก็ล็อคกุญแจขังฉันเอาไว้ต่อให้มีปีกฉันก็คงบินหนีไปไม่ได้หรอก”
อุ่นส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็คงรู้เอง”
“แล้วถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นล่ะป้า เช่นเพลิงกำลังไหม้บางที่ป่านนี้มันอาจจะลามไปถึงที่พักป้าแล้วก็ได้” “นี่คุณคะ ป้าบอกแล้วไงดึกดื่นแบบนี้ไม่ให้พูดเรื่องอัปมงคลประเดี๋ยวจะเป็นตามปาก”
“ก็ดีสิ”
อุ่นมองหน้าคนสวย
อลิชาจึงรีบพูดแก้ต่าง “ป้าอยากรู้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันดูจากเสียงคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ” อุ่นทำทีคิด
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันจะโทรศัพท์ไปถามคนงานดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น” อุ่นเดินไปกดแป้นโทรศัพท์และโทรไปหาคนงานคนอื่น ๆ ที่ปางเคียงดาวว่ามีเรื่องอะไรกันได้ยินเสียงทั้งช้างทั้งคนร้องดังโกลาหลมาถึงที่นี่
แต่ไม่ว่าอุ่นจะโทรหาสักกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสายเลย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่” อุ่นยิ่งอยากรู้
“โทรแล้วติดต่อใครไม่ได้แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ”อลิชาแทรกขึ้น
อุ่นทำท่าคิดหนักก่อนจะมองหน้าอลิชา “ป้าขอตัวไปดูที่ปางสักครู่และจะรีบกลับมา”
“ตามสบาย” อลิชาไหวไหล่ และเดินเชิดเข้าห้องกานต์นทีไป “เชิญล็อกกุญแจบ้านขังฉันได้เลย”
อุ่นมองตามคนสวยนี่ก็คงเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่จะเกิดขึ้น กานต์นทีสั่งให้เธออยู่ในห้องเก็บของแต่เธอกลับอ้างสิทธิ์ว่าเป็นเมียพ่อเลี้ยงกานต์นทีย้ายตัวเองไปอยู่ที่ห้องนอนเขา แต่อุ่นจะทำอะไรเธอได้คงต้องปล่อยให้พ่อเลี้ยงกลับมาจัดการกับเธอเอง
อุ่นล็อคประตูและใช้แม่กุญแจคล้องทับอีกครั้ง อย่างไรเสียเธอแวบไปดูที่ปางห่างจากที่นี่เดินไม่ถึงห้านาทีอลิชาที่ว่าร้ายแค่ไหนก็คงไม่มีทางพังประตูหนีไปได้ เมื่ออลิชาได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านปิดลงก็ลุกขึ้นมาจากเตียงทันที
“อยากล็อคประตูหน้าบ้านก็ช่างปะไร ใครว่าจะหนีไปทางนั้นเชอะ เพราะฉันไม่คิดจะออกทางนั้นอยู่แล้ว”
+++++++++++++++++++++++++++++++



อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ม.ค. 2557, 00:30:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2557, 00:32:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2510





<< ตอนที่ 4 (50% แรก พ่อเลี้ยงกานต์นที โหดมากๆ จะเอาปืนยิงหนูอลิชาเชียว)    ตอนที่ 5 (อลิชาก่อเรื่อง ซะแล้ว) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account