เล่ห์กามา (เปลี่ยนชื่อเป็น ตะวันซ่อนแสง สนพ อินเลิฟตีพิมพ์)
ตัวละครในเรื่อง เล่ห์กามา(สนพ อินเลิฟตีพิมพ์) รอชื่อนิยายอย่างเป็นทางการอยู่ค่ะ





พ่อเลี้ยงกานต์ /กานต์นที/
ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปด ที่หล่อและรวยโปรฟล์ดีที่สุดในภาคเหนือเป็นที่หมายตาจากบรรดาไฮโซและสาวน้อยสาวใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่เขาได้รับมรดกมากมายจากเจ้านันทิ เจ้าทางฝ่ายเหนือเป็นเจ้าของปางเคียงดาวคนใหม่เขามีอดีตที่เจ็บปวด พ่อ แม่ และพี่ชายถูกไฟคอกตาย น้องสาวถูกเอาไปเป็นนางบำเรอ และตัวเขาเองก็เคยหน้าเสียโฉม จนเจ้านันทิต้องส่งไปศัลยกรรมกับศัลยแพทย์มือดีที่สุดในเกาหลี





คุณหนูอลิชา อัครนาคินทร์
วัยยี่สิบเจ็บ สวยทันคน เอาแต่ใจไม่ยอมให้ใครง่ายๆถ้าตัวเองไม่ผิดใครมักว่าเธอเจ้าชู้ว่าเธอเป็นตัวร้ายแต่ที่จริงนั่นไม่ใช่เธอแค่เปลือกนอกที่สร้างเอาไว้ป้องกันตัวเองคู่ปรับตลอดกาลของกานต์นทีและเขาเข้าใจว่าเธอคือต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมแม้เธอจะบอกเขาไปร้อยครั้งว่าเธอไม่ได้ทำ


เอกรินทร์
นักเรียนนอกวัยยี่สิบแปดปี คาสโนว่าตัวพ่อเป็นคู่หมั้นของอลิชาแต่ไม่เคยดูแลอลิชาและรู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาแต่ก็วางอลิชาไว้เป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของชีวิต มารู้ว่าตัวเอกรักอลิชาเมื่อกานต์นทีจับตัวอลิชาไป




หน่อวา/มะลิ
สาววัยยี่สิบเอ็ด สาวบ้านป่าจอมหัวสูงภายนอกสวยใสดูซื่อแต่ที่แท้ร้ายตัวแม่หวังจะเป็นแม่เลี้ยงแห่งปางเคียงดาวทะเยอทะยานและชอบร้ายใส่อลิชาแต่ต่อหน้าแสร้งทำดี



ม่านแก้ว
สาวเหนือคนสวยวัยยี่สิบแปดเจ้าของมินิมาร์ทดังประจำตำบลใครก็คิดว่าเป็นเมียเก็บพ่อเลี้ยงที่จริงไม่ใช่ถูกเอกรินทร์ฉุดไปทำมิดีมิร้ายเพราะต้องการเอาคืนพ่อเลี้ยงกานต์แต่เข้าทางม่านแก้วพอดีเมื่อพ่อเลี้ยงขอแต่งงานเพื่อรับผิดชอบ แต่การแต่งงานก็ถูกขัดขวางเพราะแผนการของหน่อวา

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: พ่อเลี้ยง กานต์นที อลิชา ปางช้างเคียงดาว ป่า ไร่สตอเบอรี

ตอน: ตอนที่ 5 (อลิชาก่อเรื่อง ซะแล้ว)

ฝากตะวันซ่อนแสง ด้วยนะคะ วางแผง กพ นี้ค่ะ

ตอนที่ 5
กานต์นทีถึงกับอึ้งจนตาค้างไปชั่วขณะเมื่อมาถึงปางช้างเคียงดาว ผู้คนกำลังวิ่งกันโกลาหลเพื่อวิ่งหนีช้างที่กำลังอาละวาดไล่เหยียบคน และทำลายทุกอย่างที่ขวางมัน โดยมีควาญช้างวิ่งไล่ตามกันเป็นพรวนแต่ยังไม่มีใครจัดการกับช้างพังเชือกนี้ได้ กานต์นทีก็รีบหลบเมื่อช้างวิ่งมาทางเขา

“เป็นอย่างไรบ้างครับพ่อเลี้ยง” พนักงานหลายคนวิ่งกรูเข้ามาดู

“ผมไม่เป็นอะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมช้างที่เชื่องแล้วมันถึงอาละวาดขนาดนี้” กานต์นทีถามเมื่อเห็นผู้จัดการปางเคียงดาววิ่งกระหืดกระหอบมายืนอยู่ตรงหน้าเขา

“เราคิดว่าต้องมีใครไปทำให้มันตกใจ หรือโกรธปกติช้างพวกนี้เชื่องมากครับพ่อเลี้ยงเราฝึกมาอย่างดี”

“แล้วควาญช้างที่ดูแลมันไปไหนเสียล่ะ ทำไมยังทำให้ช้างสงบลงไม่ได้” พ่อเลี้ยงกานต์นทีถามเสียงเครียด คาดว่าเขาคงต้องสั่งปิดปรับปรุงปางเคียงดาวเป็นสัปดาห์เพราะช้างวิ่งเข้าไปเหยียบสวนดอกไม้จนเสียหายไปหลายส่วน

“ควาญช้างที่ดูแลถูกเจ้าพังแก้วไล่เตะครับเจ็บหนักไปหลายคน คนงานนำไปส่งโรงพยาบาลแล้วครับ ช้าง มันคงอารมณ์เสีย ”

“ให้มันได้อย่างนี้สิ”

“พ่อเลี้ยงครับเรื่องใหญ่แล้วครับ” มานพผู้จัดการของปางเคียงดาวมีสีหน้าตระหนก

“มีอะไรจะใหญ่กว่าเรื่องนี้อีกล่ะ ผมต้องการรู้ว่าตอนนี้มีส่วนไหนที่เสียหายอีกบ้าง พรุ่งนี้ผมจะต้องสั่งปิดปรับปรุงปางช้างเคียงดาวชั่วคราว”

คุณมานพ ผู้จัดการปางตั้งแต่สมัยเจ้านันทิผู้เป็นอาเป็นเจ้าของปางก่อนจะมอบให้หลานชายเพียงคนเดียวดูแลต่อกล่าวเสียงเครียด“ผมจะรายงานแน่แต่ไม่ใช่เวลานี้ครับพ่อเลี้ยง” สีหน้าผู้จัดการปกเหมือนตกใจอะไรเมื่อมองไปด้านหลังพ่อเลี้ยง “พ่อเลี้ยงครับหลบเร็วนั่นมันวิ่งกลับมาแล้ว”

เมื่อกานต์นทีหันหลังไปก็พบว่าช้างพังแก้วที่วิ่งไล่เหยียบคนไปเมื่อครู่วิ่งกลับมาทางเขาและใกล้ตัวเขามาแล้วท่าทางเกรี้ยวกราดฟาดงวงฟาดงาไม่หยุด

“หลบเร็วครับพ่อเลี้ยง”

“คุณมานพหลบไปก่อน”

กานต์นทีกลับไม่หลบเขายืนอยู่ตรงนั้น ผู้จัดการและพนักงานที่อยู่รอบๆ นั้นต่างร้องกันอย่างตกอกตกใจไม้เว้นแม้แต่พวกควาญช้างต่างตะโกนให้พ่อเลี้ยงกานต์นทีรีบออกไปจากจุดอันตรายจุดนั้นแต่เขายังยืนนิ่งก่อนจะยกสองมือพนมและหลับตาบริกรรมคาถาบางอย่างซึ่งสืบทอดกันมาภายในตระกูลในขณะที่พังแก้ววัยห้าปีเดินเข้ามาใกล้พ่อเลี้ยงกานต์นทียืนนิ่งและกางหูนั่นเป็นสัญญาณที่พวกควาญช้างรู้ดีว่าไม่ควรเข้าใกล้ช้างเชือกนั้นเป็นอันขาด
พ่อเลี้ยงหนุ่มลืมตาขึ้นสายตากล้าคมมองจ้องไปที่ช้างหนุ่มที่กำลังอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าเขายกมือขึ้นและออกคำสั่ง
“ฮาว” พ่อเลี้ยงออกคำสั่งเป็นคำสั่งในภาษาของคนเลี้ยงช้างมีความหมายให้ช้างนั้นหยุด เจ้าพังแก้วส่งเสียงร้องดังก่อนจะยกขาหน้าสูงขึ้น พนักงานในปางเคียงดาวกรีดร้องเสียงดังเพราะคิดว่าเจ้าพังแก้วจะต้องเหยียบพ่อเลี้ยงอย่างแน่นอน
“พ่อเลี้ยงหนีเร็วเข้า หนีเร็ว” พนักงานพยายามช่วยกันตะโกน

กานต์นทีจ้องตาช้างวัยคะนองแน่นิ่งไม่ขยับกายก่อนจะออกคำสั่งเสียงดังตามมา“แมบ” มีความหมายเชิงคำสั่งว่าให้ช้างเชื่อกนั้นหมอบลง

และคนทั้งปางก็แทบจะหยุดหายใจในนาทีต่อมา เมื่อเจ้าพังแก้วยอมหมอบศิโรราบต่อหน้าพ่อเลี้ยงกานต์นที แม้พนักงานในปางช้างเคียงดาวรวมถึงพวกควาญช้างจะได้ยินมาจากเจ้านันทิเจ้าของปางคนเดิมว่า พ่อเลี้ยงกานต์นทีหลานชายของเขามีความสามารถในการบังคับช้างได้เพราะเคยเห็นฝีมือมาแล้วมันเป็นพรสวรรค์ของเขาพ่อเจ้านันทิจึงยกปางช้างให้พ่อเลี้ยงดูแลเพราะบอกว่ามันสมควรเป็นของหลานชายคนเดียวของเขา นี่นับว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์อย่างมาก ควาญช้างหลายคนมองมาที่พ่อเลี้ยงกานต์นทีด้วยแววตาเหลือเชื่อ และหลายคนเชื่อว่าพ่อเลี้ยงกานต์นทีคงจะมีคาถาดีอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งนี้พ่อเลี้ยงเองได้รับคาถาและภาษาในการสื่อสารกับช้างมาจากวสันต์เพื่อนรักที่จากไปแล้วของเขาที่เคยเข้าป่าด้วยกันบ่อย ๆ เมื่อหลายปีก่อน

กานต์นทีสั่งการให้ควาญช้างนำเจ้าพังแก้วกลับไปยังที่อยู่ของมัน ส่วนช้างที่หนีเตลิดเข้าป่าไปเขากับควาญช้างอีกหลายคนและผู้จัดการมานพจะต้องออกไปตามช้างกลับมาและสั่งปิดปางช้างเคียงดาวหนึ่งสัปดาห์เพื่อปรับปรุงในสิ่งที่เจ้าช้างพังและช้างพายทั้งสี่เชือกสร้างความเสียหายเอาไว้

“ผู้จัดการมานพคุณมีหน้าที่สืบมาให้ได้และมารายงานผมด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นช้างที่ฝึกมาอย่างดีของเราถึงได้หลุดมาอาละวาดไล่เหยียบผู้คนแบบนี้ โชคยังดีที่เป็นเวลาปิดทำการมีเฉพาะพนักงานไม่มาก ถ้าเป็นเวลาที่เปิดทำการและมีนักท่องเที่ยวอยู่ปางของเราคงถูกปิดถาวร”
มานพผู้จัดการหนุ่มวัยสามสิบเศษถอนหายใจเขาเชื่อว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน

“ได้ครับพ่อเลี้ยงผมจะรีบตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และจะตรียมคนให้เดินทางเข้าป่าไปตามหาช้างที่หลุดเข้าไปในป่า”

“ ช้างที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กมีโอกาสรอดยากในการที่จะกลับไปอยู่ในป่าเราต้องเอาตัวกลับมาให้เร็วที่สุด” ไม่ใช่ว่าพ่อเลี้ยงกานต์นทีจะเสียดายที่ช้างหลุดหนีเข้าป่าไปแต่เป็นเพราะว่าช้างที่หลุดเข้าป่าไปไม่ใช่ช้างที่อาศัยอยู่ในป่าและนำมาเลี้ยงเอาไว้ แต่เป็นลูกช้างที่เกิดการจากการผสมเทียมและแม่ช้างได้ตกลูกที่ปางแห่งนี้การใช้ชีวิตย่อมไม่เหมือนช้างป่าปล่อยไปก็คงจะตายเปล่า

“ได้ครับพ่อเลี้ยงผมจะรีบจัดการทุกอย่างให้” มานพรับคำหนักใจเหมือนกันกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ

ยังไม่ทันจะสั่งการอะไรต่อพนักงานคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาพ่อเลี้ยงกานต์นทีที่กำลังสั่งงานผู้จัดการอยู่

“เรารู้แล้วครับว่าทำไมช้างถึงออกมาอาละวาด วิ่งไล่เหยียบคน”

“เพราะอะไร” กานต์นทีและมานพถามออกมาพร้อมกันด้วยท่าทีเร่งคำตอบจากเส่ย

“มีคนปล่อยงู และ เม่นออกจากกรงครับพ่อเลี้ยงมีคนไปเปิดกรงออกแน่ๆ ซึ่งกรงนั่นอยู่ใกล้กับที่พักของช้าง พวกช้างมันก็เลยตกใจออกมาอาละวาด”

“จะเปิดได้อย่างไรในเมื่อกุญแจถูกล็อคอย่างแน่นหนา มีเพียงผู้ดูแลประจำกรงสัตว์นั้นๆ ผู้จัดการมานพ และผมที่มีกุญแจ ไปตามคนดูแลกรงมาพบผมด่วน”

กานต์นทีมองหน้าผู้จัดการมานพ “ผมเปล่านะครับพ่อเลี้ยง ผมไม่กล้าหักหลังพ่อเลี้ยงหรอก”

“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเสียหน่อย”

กานต์นทีเหลือบไปมองเห็นงอุ่น แม่บ้านของปางเคียงดาวเข้า

“เดี๋ยวผมมานะคุณมานพ”พ่อเลี้ยงหนุ่มบอกกับผู้จัดการปางและรีบเดินไปหาอุ่น

“เดี๋ยวอุ่น มาทำอะไรที่นี่”

อุ่นชะงักรู้ว่าคงถูกดุแน่ก็พ่อเลี้ยงสั่งให้เธอเฝ้าคุณอลิชาไม่ให้คลาดสายตา

“คืออุ่นได้ยินเสียงร้องโวยวายของคน ของช้างท่าทางโกลาหล ก็เลยอยากรู้เพราะเสียงมันดังไปถึงบ้านพักของพ่อเลี้ยง”

“แล้วอลิชาล่ะ เธออยู่ ไหนกับใคร”สายตาเขาตำหนิมายังอุ่นเพราะเขารู้จักอลิชาเป็นอย่างดี สาวสวยคนนั้นมีพิษรอบตัวฉลาดเป็นกรด

อุ่นยิ้มแหย “ไม่ต้องกังวลค่ะพ่อเลี้ยง อุ่นล็อคประตูอย่างดี ต่อให้มีปีกคุณอลิชาก็หนีไม่รอดหรอกค่ะ”

“แน่ใจเหรออุ่น อุ่นไม่รู้จักยัยนั่นดีเท่าผมหรอก”

กานต์นทีรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก “บินไม่ได้ แต่ถ้าเธอสะเดาะกลอนได้ หรือมุดดินหนีไปล่ะอลิชาไม่ธรรมดาหรอกอย่าประมาทเธอเชียวนะ”

“นั่นคนนะคะพ่อเลี้ยง ไม่ใช่ขอมดำดิน”

“อุ่นไม่ทันผู้หญิงคนนั้นหรอกร้ายจะตายไป ผมน่ะเจอฤทธิ์เธอมาเยอะ” กานต์นทีกลับมาบอกผู้จัดการมานพว่ามีอะไรให้รีบโทรไปรายงาน และให้สอบสวนคนดูแลกรงงูและเม่นได้เรื่องคืบหน้าอย่างไรให้โทรไปรายงานเขาด่วน

กานต์นทีมีลางสังหรณ์บางอย่างเขารีบกลับมาที่บ้านพัก อุ่นยิ้มออกเมื่อวิ่งตามพ่อเลี้ยงกานต์นทีมาติด ๆและพบว่าประตูหน้าบ้านกุญแจยังถูกล็อคกุญแจอยู่“เห็นไหมคะพ่อเลี้ยงเธอพังประตูออกมาไม่ได้หรอก”

“เปิดเร็วเข้าสิอุ่น” กานต์นทีรู้สึกว่าคิ้วขวากระตุกถี่ ๆ

เมื่ออุ่นเปิดประตู กานต์นทีก็พรวดพราดเข้าไปทันทีและเรียกอลิชา พร้อมเปิดห้องหาตัวเธอเริ่มที่ห้องเก็บของแต่ไม่พบ ห้องที่เขาให้อลิชาพักคือห้องเก็บของไม่มีเธอแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ

“อลิชาหายไปไหน”

อุ่นตะกุกตะกัก“เธอไม่อยู่ในห้องนี้หรอกค่ะพ่อเลี้ยง”

“ก็ผมบอกอุ่นว่าให้เธอพักห้องนี้ อย่าบอกนะว่าใจดีกับแม่นั่นพาไปพักที่ห้องรับแขก” สีหน้าเขาซีเรียสขึ้นทันที

“ไม่ใช่ห้องรับแขกหรอกค่ะ” อุ่นก้มหน้าตอบ

“แล้วไป ถ้าอย่างนั้นห้องไหน หรือว่าห้องใต้บันได” พ่อเลี้ยงหัวเราะเบาๆ แต่เมื่อคิดว่าบ้านนี้ก็มีไม่กี่ห้องอุ่นใจดีจะตายไปคงไม่ทำแบบนั้น แล้วอุ่นพาอลิชาไปพักห้องไหน

“แล้วแม่นั่นไปพักอยู่ห้องไหนผมชักงงแล้วนะอุ่นบ้านนี้จะมีสักกี่ห้อง”

อุ่นเงยหน้ามาตอบแบบกลัว ๆ “ห้องนอนพ่อเลี้ยงค่ะ” จากนั้นรีบหลบสายตาเพชรฆาต

กานต์นทีเสียงดังก่อนจะโวยอุ่น“อุ่นบ้าไปแล้วเหรอ”ห้องผมจะให้ผู้หญิงชั่วแบบนั้นเหยียบเข้าไปได้อย่างไร ใครเป็นคนคิดอุตริแบบนี้ ผมสั่งแล้วใช่ไหมเตียงของผมมีไว้ให้ผมกับเมียผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์”

“ก็เธอบอกว่าเป็นเมียคุณ หรือว่าไม่ได้เป็นล่ะคะ”

พ่อเลี้ยงกานต์นทีกัดกรามแน่น จะปฏิเสธก็พูดไม่ได้เต็มปาก ให้ยอมรับก็ไม่มีทางที่เขาจะใช้คำว่าเมียกับผู้หญิงแบบนั้นนางบำเรอยังมีค่าเกินไปสำหรับอลิชา“ผมจะไปลากตัวแม่นั่นลงมาจากเตียงเดี๋ยวนี้”

“อย่ารุนแรงกับเธอนักเลยนะคะ พ่อเลี้ยงใจร้ายกับเธอมากพอแล้วเธอคงแค่อยากพักผ่อนในห้องที่สบายๆ แอร์เย็นๆ ก็เท่านั้น”
“ถ้าเรื่องแค่นั้นอลิชาไม่ทำหรอก นังแม่มดต้องมีแผนในใจถึงเจาะจงจะไปนอนห้องผม” กานต์นทีรีบไปที่ห้องของตนและพบว่าอลิชาล็อคห้องด้านใน ต้องรีบเอากุญแจจากอุ่นมาไขเพราะเรียกและเธอไม่ยอมเปิด กานต์นทีโกรธจัดที่เธอกล้าเข้าไปยุ่งถึงในห้องนอนส่วนตัวของเขา เมื่อเปิดเขาไปเขาตั้งใจจะไปกระชากเธอลงมาจากเตียงและจะด่าให้เสียผู้เสียคนไปเลย แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความว่างเปล่าและร่องรอยว่าเคยมีคนมานอนกลิ้งไปมาบนเตียงของเขาเพราะผ้าปูเตียงยับเยินไม่ได้เรียบเหมือนตอนที่เขาออกไปจากห้อง เขาสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างและรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ

"จับได้ไม่เอาธอไว้แน่อลิชา” กานต์นทีรีบเข้าไปในห้องน้ำ แม้แต่อุ่นก็ถูกสั่งห้ามว่าไม่ต้องมาทำความสะอาดห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของเขาเขาจะดูแลเอง ทำให้อุ่นไม่รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ว่าห้องน้ำแสนสวยกว้างใหญ่ของพ่อเลี้ยงกานต์นที นอกจากจะใหญ่โตและสร้างเลียนแบบธรรมชาติเหมือนกับได้อาบน้ำกลางป่าแล้วยังมีประตูลับที่ใช้เป็นประตูทางออกมีช่องทางลัดเลาะไปที่ปางช้างเคียงดาวได้อีกทางหนึ่งใช้เวลาเพียงสองสามนาทีก็เดินถึงแล้ว

“เป็นตามที่คาดไว้ไม่ผิด”กานต์นทีรีบไปดูที่ประตูช่องทางพิเศษที่ทำขึ้นเฉพาะและพบว่าอลิชาคงเข้าไปในห้องน้ำและค้นพบความลับนั้นเข้าเพราะประตูนั้นก็ไม่ได้สร้างปกปิดสายตา เขาสร้างไว้เพื่อเป็นทางออกอีกทางสำหรับตนเองยามเกิดเหตุฉุกเฉิน แถมยังเป็นทางลัดไปยังกรงสัตว์เพื่อไปเดินดูความเรียบร้อยที่ปาง

จริงสิทางไปกรงสัตว์!

กานต์นทีรีบวิ่งไปดูที่ลิ้นชักและพบว่า

“อลิชา! ”

“ต่อให้พลิกแผ่นดินหาผมจะหาคุณให้เจอ ที่ช้างออกมาอาละวาดคงเป็นฝีมือใครไปไม่ได้”
อุ่นตกใจเมื่อได้ยินกานต์นทีพูดเช่นนั้น
“เป็นไปได้อย่างไรคะพ่อเลี้ยง ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นอุ่นยังอยู่กับเธอในบ้านนี้”
พ่อเลี้ยงกานต์นทียิ้มเย็นสายตาดูน่ากลัว “เธอคงเข้ามารื้อค้นในห้องผมและเจอกุญแจนั่นเข้าและเห็นประตูทางออกที่ผมทำไว้เป็นทางลัดในห้องน้ำคนฉลาดอย่างเธอคงเดาได้ไม่ยาก ก็เลยไปก่อเรื่องวุ่นวายจากนั้นก็กลับเข้ามาทำทีตบตาอุ่น พออุ่นตายใจออกไปจากบ้านเธอก็คงหนีไป”
อุ่นยกมือทาบอก “ไม่น่าเชื่อ คุณพระคุณเจ้าช่วยทำไมถึงได้ร้ายกาจแบบนี้ ผู้หญิงอะไร”
“ผมถึงสั่งอุ่นว่าให้เฝ้าเธออย่าให้คลาดสายตา อลิชาฉลาดเป็นกรด ร้ายตัวแม่”
“อลิชา คราวนี้ผมเอาคุณตายแน่ กระทั่งปางช้างเคียงดาวคุณก็ยังไม่วายมาทำลาย” เขากัดฟันกรอดๆ
กานต์นทีรีบเข้าไปหยิบปืนสั้น ปืนล่าสัตว์ และแจ็กเก็ตในห้องพร้อมเป้ใบโตสำหรับเดินป่าจัดของลงกระเป๋าอย่างคล่องแคล่วเพราะเมื่อก่อนเข้าป่าแทบจะทุกอาทิตย์และออกไปจากบ้านทันที
อุ่นยืนงงไม่คิดว่า เหตุการณ์ร้ายในคืนนี้ที่ปางเคียงดาว ผู้หญิงสวยตัวเล็ก ๆ อย่างอลิชาจะเป็นต้นเหตุ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
อลิชางงไปหมดในความมืดทำให้เธอเดินออกนอกเส้นทาง ครั้งแรกเมื่อหัวค่ำที่เธอเข้าไปในห้องของกานต์นทีและพบความลับว่าในห้องน้ำใหญ่อลังการที่สร้างเลียนแบบป่าของเขามีประตูเชื่อมแค่เธอเปิดออกมา
เธอก็จะได้พบอิสระแถมยังเจอกุญแจทั้งหมดของปางเคียงดาวเธอจึงแกล้งเขาด้วยการปล่อยงูและเม่นไปกวนช้างซึ่งเธอรู้ดีว่าจะต้องเกิดเรื่องและใช้ช่วงเวลานั้นหลบหนีโดยไม่มีใครสนใจเธอ แต่เพราะความมืดมิดในเวลากลางคืนทำให้เธอเดินผิดเส้นทางมันไม่ใช่ทางเดินที่จะเชื่อมต่อไปที่กรงสัตว์แต่เธอกำลังเดินหลงเข้าป่า ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งหลง เสียงหรีดหริ่งเรไร ร้องระงม อลิชารู้สึกหวาดกลัว เส้นทางไม่เหมือนเดิมเธอไม่รู้หรอกว่าเลยจากปางช้างเคียงดาวเข้าไปเป็นป่าลึกอยู่ในเขตป่าสงวนต้องใช้นายพรานที่ชำนาญทางมันไม่ใช่สถานที่เดินชมวิวของสาวเมืองกรุงที่เคยแต่เดินเล่นอยู่ในป่าคอนกรีต
“นี่มันอะไรกัน ที่นี่มันที่ไหนทำไมมีแต่ต้นไม้ ทำไมไม่เห็นทางออกสักที อย่าบอกนะว่าฉันกำลังเดินเข้าป่า ป่าจริงๆ ด้วย” ความกลัวเข้ามาเกาะกุมจิตใจของอลิชาอย่างฉับพลัน

“พ่อจ๋า แม่จ๋า อลิชากลัว กลัวเหลือเกิน ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันกำลังหลงป่า มีใครได้ยินเสียงของฉันบ้าง” คนสวยคนเก่ง จอมอวดดีกำลังร้องไห้อออกมาอย่างจริงจังเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าตนเองหลงทางเดินเข้าไปในป่าเสียแล้ว

+++++++++++++++++++++++++++++
พ่อเลี้ยงกานต์นทีสั่งให้ผู้จัดการปาง จัดควาญช้างสามคนและคนงานอีกสามคนรวมหกคนให้เขาอย่างเร่งด่วนในค่ำคืนนั้น เพราะจากการแกะรอยเขาเชื่อว่าแม่ตัวดีที่ก่อเรื่องขึ้นพลัดหลงเข้าไปในป่าลึกพร้อมกับช้างงานนี้เขาจึงต้องไปตามหาช้างที่เตลิดเข้าไปและไปตามล่านางมารอลิชามาคิดบัญชี

“พ่อเลี้ยง จะให้จัดคนร่วมเดินทางไปคืนนี้เลยเหรอครับ ไม่รอให้เช้าก่อนเหรอครับ”

“ไม่ต้องรอแล้ว ผมต้องการเดินทางคืนนี้ ผมให้เวลาคุณจัดเตรียมคนให้พร้อมภายในหนึ่งชั่วโมง”

“ได้ครับ” ผู้จัดการมานพรับคำ

“และคุณมาพน คุณก็ควรจะตามไปกับผมด้วย คุณเองก็ลูกนายพรานเก่าไม่ใช่เหรอ บางทีคุณอาจช่วยผมได้มาก ”
ผู้จัดการหนุ่มจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไรนอกจากพยักหน้ารับคำสั่งนายใหญ่แห่งปางเคียงดาว และรีบไปหาคนให้พร้อม นึกถึงตอนเป็นวัยรุ่นที่ได้เดินป่ากับพ่อซึ่งเป็นอดีตนายพรานเก่ามันก็น่าสนุกอยู่ไม่น้อย และเมื่อก่อนก็ไปเที่ยวป่าบ่อย ๆ .ในวันหยุดมีเดี๋ยวนี้งานรัดตัวก็เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าป่า

“ไม่ได้เข้าป่ามาตั้งนาน แต่ผมก็พอรู้เรื่องราวในป่าอยู่บ้าง ผมยินดีช่วยพ่อเลี้ยงไปตามช้างกลับมาครับ”

กานต์นทีพยักหน้ารับ“แต่เหนือกว่าช้างผมจะต้องล่าใครบางคนเอาตัวกลับมาที่นี่ให้ได้”

“ใครเหรอครับพ่อเลี้ยง” ผู้จัดการมานพถามเพราะว่าเขาไม่รู้เรื่องของอลิชามาก่อน

“ไว้ผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้เราแยกย้ายไปเตรียมตัวกันก่อนเถอะ หยูกยาเตรียมไปให้พร้อมคาดว่าเราคงจะอยู่ในป่ากันไม่เกินสามถึงสี่วัน”
“ครับ”
กานต์นทีกลับมาเอาสิ่งของเพิ่มเติมที่เขาลืมไปเสียสนิทวิทยุสื่อสารเพื่อที่จะติดต่อกับโลกภายนอกได้เพราะในป่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เขาต้องเตรียมมันไปด้วยเพื่อกรณีฉุกเฉิน เขาสูบซิก้าร์ระบายความเครียด ไม่รู้เวรกรรมอะไรผู้หญิงอย่างอลิชาถึงได้หาแต่เรื่องให้เขาได้เกลียดชังเธอตลอดทั้งที่การพบกันครั้งแรกเธอทำให้เขาหลงใหลและเฝ้ามองเธอราวกับว่าเธอเป็นดอกฟ้าอันสูงส่งน่าถนุถนอมเขาเคยแอบหลงรักเธอและหวังดีกับเธอแต่เห็นพิษร้าย ๆ ที่เธอชอบพ่นใส่น้องสาวเขา และตัวเขามันทำให้เขาเสียความรู้สึกกับเธอเรื่อยๆมาความรักจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง
ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องใหญ่เขาไม่ใช่เกลียดเธอแบบธรรมดาตอนนี้เขาเกลียดเธอเข้าไส้เลยและเปรียบเธอเป็นดั่งดอกตำแยในแจกันที่แตกหักไร้ค่าสมควรจะโยนลงไปในถังขยะ แต่ภาพหุ่นอรชรเนื้อขาว ๆ ก็แวบเข้ามาในสมอง เขาเกลียดเธอมากเขาบอกตัวเองแบบนั้นแต่ไม่เคยลืมเรื่องของเธอสักเรื่องเดียวรวมถึงเรื่องคืนนั้นคืนที่เขาบังคับให้เธอเป็นของเขา
“ไม่แน่ ป่านนี้เสืออาจคาบไปกินแล้วก็ได้ สมน้ำหน้าอยากรนหาเรื่องนัก แต่ถ้าเสือกัดตายมันก็ทรมานน้อยเกินไปสำหรับคนอย่างเธออลิชา”
+++++++++++++++++++++
เมื่อพ่อเลี้ยงกานต์นทีกำลังสั่งให้อุ่นช่วยเตรียมเนื้อแห้งกับข้าวสารติดไปเพิ่ม อุ่นก็เกิดความไม่สบายใจ
“ถ้าพ่อเลี้ยง เจอตัวคุณอลิชาพ่อเลี้ยงจะทำอะไรกับเธอคะ”
“จับขังกรง” เขาตอบและรีบไปหยิบรองเท้าเดินป่ามาสวม กานต์นทีแต่งกายรัดกุมหยิบทุกอย่างที่อุ่นเตรียมมาให้ลงกระเป๋าเป้สำหรับเดินป่าอย่างชำนาญ เขาพกถุงนอน และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินป่าหลายอย่างไปด้วย
“ขังเชียวเหรอคะ คุณอลิชาเธออาจจะหนีไปจริง แต่อาจไม่ได้อยู่เบื้องหลังการอาละวาดของช้างก็ได้”
“ถ้าพนักงานที่ดูแลกรงสัตว์ไม่เปิดกรง ผู้จัดการมานพไม่ได้เปิดกรง กุญแจที่เหลืออีกดอกมันอยู่ในห้องผม และตอนนี้มันหายไป จะเป็นฝีมือใครไปได้อีกล่ะนอกจากอลิชา”
“จะถึงกับฆ่าแกงกันเลยเหรอคะ อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้หญิง”

“แต่ร้ายยิ่งกว่าผู้ชายตัวใหญ่ ๆ เสียอีก”

“อุ่นเชื่อว่าเธอร้ายไม่เบาเลยอุ่นเริ่มเห็นแล้วค่ะ แต่อย่างไรซะเธอก็เป็นผู้หญิง” คนสูงวัยกล่าวย้ำเตือนสติ

กานต์นทีไม่ตอบ แต่รีบเก็บข้าวของทั้งหมดและออกจากบ้านไปที่จุดนัดพบ

ไปถึงควาญช้างสามคน พนักงานที่จะเตรียมไปเป็นลูกหาบและผู้จัดการยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว

“ถ้าพร้อมแล้วเราก็จะเข้าป่าไปตามช้างและหาตัวต้นเหตุกัน คิดว่าสามถึงสี่วันเราคงได้ตัว”

“ช้างผมก็ไม่แปลกใจหรอก แต่คนนี่ใครเหรอครับที่หายเข้าป่าไป” ผู้จัดการมานพที่กลับไปเปลี่ยนชุดให้พร้อมกับการเดินป่าเอ่ยถาม

“ผู้หญิง”

“อะไรนะครับพ่อเลี้ยง ผู้หญิงที่ไหนหลงเข้าไปในป่า นักท่องเที่ยวผมก็ไม่เห็นมีรายงานเรื่องนี้มาถึงผมเลย อีกอย่างปากทางเข้าปางของเราก็กันคนไม่ให้บุกรุกเข้าไปในเขตป่าสงวน”

“ไม่ใช่นักท่องเที่ยวหรอกคุณมานพ”
“แล้วใครเหรอครับ” ผู้จัดการปางเคียงดาวถามต่อ
กานต์นทีขมวดคิ้ว “เชลยตัวแสบของผม”
“พ่อเลี้ยงนี่มันหมดยุคสงครามโลกแล้วนะครับยังมีเชลยอีกเหรอครับ”
กานต์นทีมองหน้าผู้จัดการปาง “ไม่อย่างนั้นผมเปลี่ยนคำพูดใหม่ คู่แค้นอันดับหนึ่งของผมก็แล้วกัน”

“ผู้หญิงนี่น่ะเหรอครับคู่แค้น ผมนึกว่าพ่อเลี้ยงมีแต่คู่ขา” ผู้จัดการพลั้งปากพูดและหัวเราะแต่เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มมองหน้าก็ยิ้มแห้งก่อนจะหุบยิ้ม

“ขอโทษทีครับ” ก็นับวันพ่อเลี้ยงกานต์นทียิ่งเนื้อหอมหล่อ เก่ง ชาติตระกูลดี ผู้หญิงที่ไหนจะไม่สน ไม่ว่าลูกจันทร์ ลูกสาวกำนันคนดัง ม่านแก้วเจ้าของร้านมินิมาร์ทประจำตำบลที่คนลือกันว่าเป็นผู้หญิงลับ ๆ ของพ่อเลี้ยงกานต์นทียังมีสาวน้อยสาวใหญ่อีกมาก

“เอาล่ะถ้าพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางกันได้ อ้อ...แล้วคุณมานพแจ้งรตี เลขาคุณหรือยังว่าพรุ่งนี้เช้าให้แจ้งข่าวกับเจ้าหน้าที่ว่าพวกเราเดินทางเข้าป่ากันไปกี่คนมีใครบ้าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นในป่าเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามเข้าไปให้การช่วยเหลือพวกเรา”

“ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับพ่อเลี้ยง” มานพรายงาน พ่อเลี้ยงพยักหน้ารับรู้

ต่อจากนั้นชายทั้งแปดคนรวมพ่อเลี้ยงกานต์นที และผู้จัดการมานพก็สะพายเป้เดินทางเข้าไปในเขตป่าดงดิบซึ่งอยู่เลยที่พักของพ่อเลี้ยงกานต์นทีเข้าไป เมื่อมาถึงเขตพื้นที่ทางเข้าป่าและเป็นทางสามแพ่ง พ่อเลี้ยงกานต์นที หยิบธูปเก้าดอกที่เตรียมมาจุดพร้อมกับตั้งจิตอธิฐาน

“ขอให้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา ผีเหย้า ผีเรือน เจ้าของที่ เจ้าของทาง ลูกขอเปิดป่าถ้าหากลูกทำผิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็ตามแต่ ขอกราบ ขอขมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยเถิด”
จากนั้นพ่อเลี้ยงกานต์นทีก็กลั้นใจเอามีดปักลงไปที่ดินขุดดินขึ้นมาสามครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีเปิดป่าซึ่งพวกควาญช้างตลอดจนผู้จัดการปางที่รู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้วถึงกับอึ้งไม่คาดคิดมาก่อนว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้จะรู้เรื่องการเดินป่าถึงขนาดทำพิธีเปิดป่าด้วยตนเองได้ พวกเขาเองรู้ว่าพ่อเลี้ยงกานต์นทีหลานชายของเจ้าของปางช้างเคียงดาวคนก่อน มีความสามารถพอที่จะบริหารปางเคียงดาวได้แต่เพิ่งมารู้ว่าเขารู้วิธีกำกับช้าง และอาจจะชำนาญในการเดินป่าด้วยซ้ำไปทำให้พวกเขายิ่งมั่นใจในตัวเจ้าของปางคนใหม่
“เอาล่ะไปกันได้แล้ว”
กานต์นทีให้พรานป่าชื่อมี ควาญช้างชื่อนายขวัญป็นผู้นำทางเพราะนายมีอดีตเป็นพรานป่าที่มีอาชีพล่าสัตว์มาก่อน เขาเดินนำหน้าถือไฟฉายเดินป่าส่องนำทาง มืออีกข้างถือมีดที่ต้องมีติดตัวเอาไว้ตัดฟันกิ่งไม้ ขวากหนาม รวมถึงเอาไว้ป้องกันอันตราย ทุกคนมีไฟฉายติดตัวเช่นกัน และพ่อเลี้ยงสั่งให้ทุกคนสวมถุงกันทากเพราะอากาศในป่าเย็นและชื้นเพราะช่วงนี้ฝนตกบ่อยพวกทากชุม
การเดินป่าในเวลากลางคืนอันตรายมาก แต่พวกเขามีเวลาไม่มากนักเพราะต้องรีบเร่งในการตามช้างที่วิ่งหนีเตลิดเข้าป่าไปให้ทัน หากมันเข้าไปในป่าที่ลึกมากจะติดตามยาก อีกทั้งกานต์นทีใจร้อนที่จะได้ตัวอลิชามาชำระแค้นให้สาสมกับความผิดทั้งหลายทั้งปวงหากเขาช้าเธออาจจะกลายเป็นอาหารของเสือไปเสียก่อนซึ่งนั่นมันทรมานน้อยเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
การหลงป่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวและยิ่งหากหลงป่าในเวลากลางคืน ความเงียบสงบ ความวังเวงของผืนป่ากว้างที่มองไปและหาทิศทางไม่เจอแค่เห็นต้นไม้ไหว ๆ ก็ทำให้คิดเตลิดไปไกลแล้ว ต่อให้เป็นสาวเข้มแข็งแค่ไหนก็อดจะร้องไห้ออกมาไม่ได้ หลายชั่วโมงที่อลิชาพยายามหาทางออกแต่ยิ่งเดินก็ยิ่งหลงป่าลึกเข้าไป กลัวทั้งภูตผี อีกทั้งสัตว์ร้ายยิ่งนึกไปถึงเรื่องเล่าภายในป่าเรื่องเสือสมิงที่แปลงร่างเป็นคนได้อลิชาก็ขาสั่นสองมือปาดน้ำตาก่อนจะปล่อยโห
“ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยฉันที ฉันไม่อยากตายในป่า” อลิชาตะโกนเสียงดังไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจาก
แปร๋น!
“เสียงช้างนี่”
อลิชายิ่งตื่นกลัวเธอไม่ได้คิดหรอกว่านั่นอาจเป็นเสียงของช้างที่หลุดออกมาจากปางเคียงดาว แต่ที่เธอคิดคือกลัวมันจะเข้ามาทำร้ายเธอ อะไรไม่รู้ทำให้คุณหนูคนสวยนึกถึงนวนิยายเรื่องหนึ่งที่พระเอกเข้าไปผจญภัยในป่าและทำให้เธอพอนึกได้ว่าที่อยู่ที่ปลอดภัยที่สุดในป่าก็คือต้นไม้
“ถ้าฉันเป็นนางเอกในนิยายคงจะปีนต้นไม้ได้ แต่ฉันเป็น คุณหนู เป็นคนสวย และฉันก็ไม่เคยต้องปีนต้นไม้ด้วย” อลิชามองต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขาพอจะให้เธอไปนั่งอยู่บนนั้นได้อย่างปลอดภัยและไม่หักลงมา “ไม่เอาล่ะไม่ไหว ถึงฉันจะสวย จะเก่ง แต่ฉันก็ไม่ใช่กระรอกนะจะได้มาปีนต้นไม้เล่น” คนสวยทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้
“ทำไมชีวิตฉันจะต้องมาพบเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วย พี่เอกรินทร์ พี่อยู่ที่ไหน จะรู้ไหมว่าคู่หมั้นของพี่ต้องเจอกับอะไรบ้าง คุณอาขาอยู่ที่ไหน”เมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของเอกรินทร์ ที่ตอนนี้กำลังเรียนต่อปริญญาโทรที่ต่างประเทศ อลิชาก็ยิ่งสะอื้นไห้หากเอกรินทร์รู้ว่าเธอพลาดท่าเสียทีให้กับ นายกานต์นที หรือ นายกิต อดีตเด็กรับใช้ในคฤหาสน์อัครนาคินทร์ เขาจะยอมรับเธอได้ไหม
แปร๋น!
อลิชากระพริบตาถี่และพยายามให้ใบไม้ปิดบังตัวเธอไว้ แม้ในความมืดแต่เธอก็มองเห็นช้างตัวใหญ่กำลังเอางวงหักกิ่งไม้กินใบไม้ท่าทางของมันเหมือนกำลังหิว อลิชากลัวจนตัวสั่นพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้ออกมาจากลำคอสองมือกอดกิ่งไม้ใหญ่เอาไว้แน่น จนเมื่อเจ้าช้างเดินเลยต้นไม้ที่เธอขึ้นไปอาศัยหลบซ่อนอยู่อลิชาถอนใจอย่างโล่งอกแต่ก็ต้องตกใจสุดขีด
“เราขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ยังไง แล้วจะลงไปยังไงเนี่ย” เมื่อมองลงไปอลิชาก็พบว่าเธอปีนขึ้นมาสูงมากความตกใจกลัวทำให้เธอทำอะไรที่คิดว่าไม่มีทางทำได้ก็ได้ทำไปแล้ว
++++++++++++++++++++++++++
ในขณะที่กานต์นทีตามช้างและไล่ล่าอลิชาเข้าไปในป่าดงดิบดาริกาก็กำลังโศกเศร้าเสียใจเมื่อกานต์นทีพี่ชายของเธอที่ได้มาบอกกับเธอเมื่อวานว่าเขาได้ส่งคนไปตามฆ่าอนาคินทร์แม้ครั้งแรกระหว่างเธอกับอนาคินทร์จะไม่ได้เกิดจากความเต็มใจนักแต่ดาริกาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันเธอเองก็เผลอมีใจให้เขาเพราะเดิมทีก็แอบชอบอยู่เหมือนกันเมื่อรู้ว่าเธอเสียเขาไปดาริกาก็ร้องไห้ปริ่มว่าใจจะขาดเสียให้ได้
“อนาคินทร์ คุณตายไปแล้วอย่างที่พี่ชายฉันบอกจริง ๆ เหรอคะ”
“ไม่จริงใช่ไหม ฉันไม่เคยคิดจะให้เรื่องมันบานปลายมามากมายขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าการที่ฉันทำให้คุณหรือใครๆ คิดว่าอลิชารังแกฉันแล้วคุณต้องอ้าแขนปกป้องฉันเอาไว้ และรับฉันเป็นผู้หญิงของคุณจะสร้างเรื่องใหญ่อย่างไม่รู้จบเช่นนี้ อนาคินทร์คะ ฉันรักคุณ ฉันรู้สึกผิดที่ได้ทำเรื่องเลวทรามลงไป คนที่สมควรตายควรจะเป็นฉันมากกว่าใคร แต่ฉันอายและกลัวเกินไปที่จะสารภาพต่อหน้าพี่ชายจนทำให้ปัญหามันยิ่งบานปลายมากขึ้นทุกที”
“หากฉันไม่โกหกใครต่อใครว่า คุณเอกรินทร์บุกเข้ามาข่มขืนฉันทำให้อลิชาโกรธ ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นคุณหนูอลิชาก็คงไม่ก่อเรื่องจนทำให้เกิดไฟไหม้”
เสียงปรบมือดังมาจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังนั่งรำพังอยู่ริมระเบียงถึงกับผงะและหันหลังกลับไปมองและพบว่าอัคคีกำลังส่งยิ้มและปรบมือให้เธอ
“ไม่คิดเลยว่าภายใต้ท่าทางอ่อนโยน บอบบาง น่าทะนุถนอมของคุณดาริกาคนสวยมันจะลึกล้ำและน่ากลัวขนาดนี้แต่ไม่เป็นไรผมยังรักและต้องการคุณเหมือนเดิม”
นายอัคคี!
“ครับผมเอง พ่อเลี้ยงกานต์นทีพี่ชายของคุณสั่งให้ผมมาดูแลคุณ” นั่นคือการฝากปลาย่างไว้กับแมว “กลับไป แล้วอย่ามาแส่เรื่องของฉัน คนทรยศ”ดาริกาตวาด
“ทำไมล่ะครับในเมื่อตอนนี้คุณเป็นอิสระจากนายอนาคินทร์แล้วทำไมคุณไม่คิดจะลองให้โอกาสผมบ้างเหรอครับ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน กลับไปได้แล้ว”
“ถึงคุณจะร้องไห้ฟูมฟาย ร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นเลือดนายอนาคินทร์ก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาหรอกครับเพราะมันตายแล้ว รถตกหน้าผ้าสูงกว่าตึกสิบชั้นมันไม่ตายก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ”
“แกนี่เองที่เป็นคนฆ่าเขา”
“ผมก็แค่ทำตามคำสั่งพี่ชายคุณเท่านั้น และก็ทำตามใจตัวเองนิดหน่อย” อัคคีหัวเราะ ดาริกายังสวยเหมือนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยไม่มีผิด เขาเฝ้ามองเธอมาตลอดแล้ววันนี้เธอจะมาอยู่ในมือเขา จะไม่มีใครมาแย่งดาริกาไปจากเขาได้อีก เขาย่างสามขุมเข้าไปหาเธออย่างหมายมา
++++++++++++++++++++++++++++++
“จะทำอะไรฉันถอยไปนะ ฉันจะฟ้องพี่ชาย”
“ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเสียหน่อย ไม่ต้องตกใจหรอกดาริกา ผมเพียงแค่อยากจะกอดคุณให้สมกับที่ผมโหยหาคุณมาตลอด” อัคคีเข้าประชิดตัวเธอ เธอคว้ากรรไกรที่วันนี้ใช้ตัดก้านกุหลาบเมื่อบ่ายเอาไว้แน่น
“อย่าเข้ามานะนายอัคคี ถอยไป”
“นั่นมันแค่กรรไกร ทำอะไรผมไม่ได้หรอกคนสวย”
“แกจะลวนลามฉันใช่ไหม พี่ชายฉันจะเอาเรื่องแก”
“พ่อเลี้ยงกานต์นที ไม่อยู่หรอก ตามยัยอลิชาตัวแสบเข้าไปในป่าแล้ว กลับมาเราสองคนก็เป็นของกันและกันไปแล้ว ทีไอ้อนาคินทร์คุณยังยอมเป็นของมันได้ง่าย ๆ แล้วกับผมล่ะที่ไม่ได้บีบบังคับแค่ขอร้องดีๆ ให้คุณมาเป็นของผมคุณจะดื้อด้านไปทำไมดาริกา” ดาริกากำกรรไกรในมือแน่น
“กรรไกรก็แทงคนตายได้เหมือนกัน ไม่เชื่อลองดูสิ”
“คุณมีกรรไกร แต่ผมมีอาวุธที่ทำให้คุณ
“ทุเรศ!”
อัคคีกระโจนเข้าหาดาริกา โชคดีที่ดาริกาหลบทัน ดาริการีบวิ่งเข้าห้องเพื่อปิดประตูแต่ทว่าความไวของอัคคีทำให้ดาริกาไม่สามารถปิดประตูห้องได้ทันเวลาเพราะเขาเอาตัวมาคั่นไว้ที่ประตูและเรี่ยวแรงของชายที่มีพละกำลังเหนือกว่าเมื่อยื้อดันกันไปมาทำให้กรรไกรอาวุธเพียงชิ้นเดียวของดาริกตกพื้น เธอผลักเขาในขณะที่เขาดึงตัวเธอเข้าหายื้อยุดกันได้สักพักดาริกาก็กัดที่ท่อนแขนขวาของเขาและรีบวิ่งหนี อัคคีมองตามอย่างคาดโทษเขาส่งยิ้มหวานให้เธอแต่ดาริกามองด้วยแววตาขยะแขยง อัคคีใช้เท้าดันประตูให้ปิดลงขณะสองตามองจ้องดาริกาคนสวยไม่วางตา มือของเขาเริ่มปลดกระดุมเม็ดบนลงมาเรื่อย ๆ ในขณะที่ดาริกาลุกขึ้นได้ก็ขยับตัวหนีแต่อัคคีปล่อยให้เธอวิ่งเพราะห้องแคบ ๆ แค่นี้ไม่มีทางที่เขาจะพลาดเนื้อหวาน ๆ ของดาริกาไปได้ คืนนี้ดาริกาจะเป็นของเขา ตัวมาก่อน เดี๋ยวใจก็ตามมาอัคคีเชื่ออย่างนั้น

“อนาคินทร์ ช่วยฉันด้วย คุณอยู่ที่ไหน พี่ชาย ช่วยน้องด้วยใครก็ได้ช่วยที” เมื่อภัยมาถึงตัวใบหน้าแรกที่ดาริกาคิดถึงคือผู้ชายหน้าตาคมคายที่เป็นเจ้าของร่างกายและหัวใจเธอแม้เธอจะไม่เคยบอกเขาก็ตาม

“ก็ผมบอกแล้วไงว่านายอนาคินทร์มันตายไปแล้ว ตัวมันเองมันยังเอาชีวิตไม่รอดเลย จะมาช่วยอะไรคุณได้”

“ฉันจะบอกไว้เลยว่าแกจะได้แค่กระทำชำเราศพของฉันเท่านั้น”

ดาริกามองเห็นกรรไกรที่ตกอยู่เธอวิ่งเข้าไปหยิบมัน อัคคีไม่กลัวมันทำอะไรเขาไม่ได้หรอกถ้าเธอจะหวังพึ่งกรรไกรอันเล็กแค่นั้น แต่ดาริกาเอากรรไกรจี้ไปที่คอตัวเอง

อัคคีมีสีหน้าหงุดหงิด “ทำไม เพราะอะไร ดาริกา ตกลงคุณเต็มใจเป็นนางบำเรอของไอ้อนาคินทร์ หรือคุณจำใจเป็นนางบำเรอของมันกันแน่พี่ชายคุณเคยบอกผมว่าคุณไม่ได้เต็มใจแต่ถูกมันบังคับ”

“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั้น แต่ที่แน่ ๆ ฉันไม่เต็มใจและไม่เคยมีใจให้คนอย่างนายเลยแม้แต่นิดเดียวอัคคี”

“เอาเถอะไม่มีใจให้ตอนนี้เดี๋ยวอยู่กันไปก็มีใจไปเองแหละ ร่างกายมันแนบชิดกันทุกวัน หัวใจมันก็ไหวเอนมาเองแหละ”อัคคี
หัวเราะและปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออกก่อนจะปลดกระดุมกางเกงยีนและรูดซิบลงจนสุดทาง ทำให้ดาริกา กรีดร้องเสียงดังไม่ถึงนาทีต่อมาอัคคีก็จู่โจมเข้าหาดาริกาดันร่างบางไปถึงเตียงนอนก่อนจะพาตัวทับทาบและก้มลงซุกไซร้เรียวคอระหงอย่างหื่นกระหาย กรรไกรในมือดาริกาพยายามจะจ้วงแทงเขาแต่ทำได้ยากลำบาก

คางสาก ๆ นั้นทำให้ดาริการังเกียจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้อัคคีจะไม่ได้มีหน้าตาเลวร้ายอะไร จัดว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่นิสัยกักขฬะและด้วยใจของดาริกาไม่เคยมอบให้เขาแม้เพียงเศษเสี้ยวทำให้ดาริกาขยะแขยงและอยากจะตายไปให้ได้ เจ้าของร่างบางสะดุ้งเบิกตาโพลงเมื่อเห็น

“อนาคินทร์!”

“อย่ามาโกหกผมเสียให้ยากดาริกา ผมไม่มีทางเชื่อคุณหรอก ถ้ามันมาได้คงมาแต่วิญญาณของผีตายโหง” “อนาคินทร์คะ อย่าค่ะ” ดาริกามีสีหน้าตื่นตระหนก

อัคคีคงไม่รู้ว่าสิ้นเสียงสุดท้ายที่เขาพูด วิญญาณก็หลุดลอยออกจากร่างของเขาเหลือเพียงแต่กายหยาบที่ล้มลงนอนหงายหลัง ตาสองข้างเบิกโพลงจ้องมองเพดาน เลือดสีแดงสดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเป็นภาพที่สยดสยองไม่น้อยเลยทีเดียว

กรี้ด….

ดาริกา กรีดร้องเสียงหลงเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาและมัจจุราชผู้พรากวิญญาณออกจากร่างของอัคคีก็คือ
“คุณอนาคินทร์”

ปืนยังอยู่ในมือเขาแต่ดาริกาโผเข้าหาอนาคินทร์หวังหาที่พึ่งเพราะกำลังเสียขวัญ และรู้สึกยินดีที่เขาไม่ได้ตายอย่างที่พี่ชายของเธอ

แต่สิ่งที่ได้รับกลับผิดคลาดไม่ใช้อ้อมแขนอันอบอุ่นที่อ้าแขนโอบกอดและประคับประคองเธอเช่นเคย อนาคินทร์ผลักดาริกา ออกเต็มแรงอย่างรังเกียจนร่างบางเซถลาล้มลงกับพื้น

“ผมมันโง่เอง ดาริกา ผมเฝ้าหลงรักคุณและรู้สึกผิดตลอดเวลาที่บังคับคุณมาเป็นของผม และคิดจะเอาความรักทั้งหมดซื้อใจคุณแต่ที่แท้คุณมันก็แค่ใช้เล่ห์มารยา และคุณทำให้อลิชาต้องตกเป็นแพะรับบาป” เขาได้ยินเรื่องทั้งหมดที่ดาริการำพึงรำพันเพราะเขามาถึงก่อนไอ้อัคคี เขาตั้งใจจะรีบเข้าไปกอดดาริกาให้หายคิดถึงแต่อัคคีมาพอดีเขาจึงหลบฉากแอบไปซ่อนเพราะสงสัยอัคคีเป็นคนลอบยิงเขา จึงได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยห่วงที่เคยลุ่มหลงในตัวดาริกาแปรเปลี่ยนเป็นความรังเกียจ ความไม่พอใจอย่างรุนแรง

“คุณเป็นอะไรไปคะ อนาคินทร์”

“ผมได้ยินทั้งหมดแล้ว ที่แท้คุณก็อิจฉายัย อลิชา และคุณเองที่ยั่วยวนนายเอกรินทร์ จนเกิดเรื่องขึ้น เรื่องร้ายแรงจนทำให้พ่อแม่ของตัวเองต้องถูกไฟคลอกตายไปด้วย แล้วทุกคนก็ไปโยนความผิดให้ยัยอลิชา”

“ใช่ไหม ตอบมาสิว่าใช่ไหม ที่ผ่านมาคุณแสร้งทำตัวน่าสงสาร ทำตัวอ่อนหวาน แต่ที่จริงคุณมันเจ้าเล่ห์สิ้นดี”

อนาคินทร์จำเหตุการณ์ช่วงนั้นได้ดี คฤหาสน์อัครนาคินทร์ มีสองสาวงามต่างนิสัยอาศัยอยู่ใต้ชายคาของตระกูลอัครนาคินทร์ร่วมกัน คนหนึ่ง อลิชา หลานสาวของเขา สาวสวย เปรี้ยว รวยเสน่ห์ เป็นคนเอาแต่ใจ ไม่ยอมลงให้ใครก่อน ส่วนอีกคนนั้นก็คือดาริกา ที่มีกิริยา นุ่มนวลอ่อนหวานสมกับใบหน้า ทั้งสองไม่ค่อยจะลงรอยกัน เพราะอลิชามักจะเป็นฝ่ายหาเรื่องดาริกาก่อน จนกระทั่งอลิชาหมั้นกับเอกรินทร์ ลูกท่านฑูตไทยประจำเบลเยี่ยม ซึ่งมีธุรกิจมากมายและคุ้นเคยดีกับตระกูลอนาคินทร์เป็นอย่างดี ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงแนะนำให้เด็กทั้งสองรู้จักกันและทั้งคู่ก็มีท่าทีพอใจซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเอกรินทร์หมั้นกับอลิชาแล้วเอกรินทร์กลับมีท่าทีเปลี่ยนไปเหมือนจะพอใจในตัวดาริกามากกว่าคู่หมั้นของตน ซึ่งเขารู้ดีและเห็นจริงตามนั้น จึงพยายามกันดาริกาออกมา เพราะลึก ๆ แล้วเขาพอใจเด็กสาวและเฝ้ามองตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กสาววัยรุ่นตั้งแต่ครอบครัวของดาริกาเข้ามาพึ่งใบบุญพี่ชายเขา เธอทำให้เขาแทบจะมาบ้านอัครนาคินทร์ทุกวันเพราะอะไรส่วนหนึ่งเขารู้ดี ยิ่งโตขึ้นทุกวันดาริกาก็ยิ่งสวยและชวนให้เขาอยากจะได้เธอมาเป็นสมบัติส่วนตัว

เมื่ออลิชามาบอกเขาว่า ดาริกา ยั่วยวนคู่หมั้นของเธอ เขาไม่ได้เชื่ออลิชา แต่กลับเอาตัวไปพัวพันดึงดาริกาออกมาให้ห่าง แต่ที่แท้เรื่องจริงที่เขาได้รับรู้ออกจากปากดาริกาในวันนี้นั่นก็คือ ดาริกา ตั้งใจยั่วยวนเอกรินทร์เขายังจำคืนที่เอกรินทร์บุกรุกเข้าไปปล้ำดาริกาถึงในบ้านได้ เขาและอลิชาตามไปพบ อลิชาด่าว่าดาริกายั่วยวนแฟนของเธอ แต่เขาไม่เชื่อและดึงดาริกามาเป็นผู้หญิงของเขาด้วยวิธีเห็นแก่ตัวซึ่งนั่นคงเข้าแผนของดาริกา

“คุณอนาคินทร์ มันไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันยอมรับว่าบางเรื่องมีส่วนจริง แต่ฉันไม่...”

อนาคินทร์มองเธอด้วยแววตาผิดหวัง“เธอหยุดพูดได้แล้วดาริกา ต่อไปนี้ผมขอกระชากเขาออกจากหัว ผมจะไม่มีทางเชื่อน้ำคำผู้หญิงร้อยเล่ห์จอมมารยาอย่างคุณอีก”

ดาริกาสะอื้นไห้ ใช่เธอผิด และเธอเป็นสาเหตุให้คนเข้าใจอลิชาผิด ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเสียหน่อย ที่เธอแกล้งยั่วเอกรินทร์ เพื่อแกล้งอลิชาส่วนหนึ่งอยากเอาคืนอลิชา และหากตบมือข้างเดียวมันก็คงไม่ดังเอกรินทร์เองก็ร่วมมือด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำลงไปเธอแค่อยากเรียกร้องความสนใจจากเขาต่างหาก เธอหลงรักอนาคินทร์แต่ไม่เคยคิดว่าอนาคินทร์เองก็มีใจให้เด็กกะโปโลแบบเธออยู่
เหมือนกัน หากรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะตามมาด้วยความสูญเสียและเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ไม่จบไม่สิ้นเธอก็จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

“ก็ได้ค่ะ ในเมื่อคุณเกลียดฉันขนาดนี้ ฉันก็จะไม่เอาหน้ามาให้คุณเห็นอีก”

ดาริกาลุกขึ้นมือขวาปาดน้ำตา มือซ้ายยันกายลุกขึ้นคิดจะหนีไปให้ไกลเขา

“เธอจะไปไหน”

“ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีคุณ เราจะได้ไม่ต้องเจอกัน”

“ง่ายไปมั้ง ผู้หญิงอย่างเธอใช้มารยาก่อเรื่องเอาไว้มากมายคิดจะเดินหนีไปง่าย ๆ เหรอ”

ดาริกาไม่อยากเห็นสายตาของอนาคินทร์ในเวลานี้ ที่เขามองเธอ ดาริกาอยากทำตัวให้หายไปในอากาศ เขามองเธอราวกับตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจจนแทบไม่อยากจะมอง แววตาที่มองเธอด้วยความเอ็นดูและเสน่หาหายไปจนแทบหมดสิ้น

“ฉันเลว ฉันเจ้าเล่ห์ ก็อย่ามามองหน้าฉัน ฉันจะไป หลบสิคะ”

อนาคินทร์รั้งแขนดาริกาเอาไว้สายตาเกรี้ยวกราดก่อนจะผลักเธอกระเด็นไปติดมุมห้อง

“ พี่ชายของเธอพายัยอลิชาไปไว้ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะดาริกา” คนของเขาสืบจนรู้เรื่องทั้งหมดแล้วภายในเวลาอันรวดเร็วว่าพ่อเลี้ยงกานต์นทีกับนายกิตพี่ชายของดาริกาคือคน ๆ เดียวกัน แต่ใบหน้าที่เปลี่ยนไปเกิดจากการศัลยกรรมจากศัลยแพทย์อันดับหนึ่งของเกาหลี

“ฉันไม่รู้”

“ไม่เชื่อ จำใส่หัวของเธอเอาไว้ดาริกา ต่อไปนี้เธอจะอยู่ห่างจากนายอนาคินทร์คนนี้ไม่ได้ถ้าผมไม่อนุญาต แต่อย่านึกว่าผมจะรักจะหลงคุณเหมือนวันวานเพราะผมเห็นสันดานที่แท้จริงของผู้หญิงอย่างคุณแล้ว”

“คุณจะทำอะไรฉันคะ อนาคินทร์” ดาริกามองแววตาของอนาคินทร์คนที่เป็นสามีเธอแววตาเจ้าเล่ห์เขาไม่ได้มองเธอเหมือนเช่นครั้งวันวาน ความเย็นยะเยือกปกคลุมหัวใจดวงน้อยของดาริกา เธอคงเสียอนาคินทร์ที่เคยรักและลุ่มหลงเธอไปตลอดกาลแล้วแม้หัวใจจะเจ็บปวดแต่ดาริกากลับไม่ปริปากอ้อนวอนเขาและไม่แก้ตัวอะไรทั้งสิ้น

อนาคินทร์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “พวกนายรีบมาเคลียร์ศพ ไอ้อัคคีด่วน ตอนนี้ฉันอยู่ที่หมู่บ้านสะเมิง และเตรียมตัวให้พร้อมอีกไม่กี่วันเราจะไปล่าไอ้กานต์นทีด้วยกัน”

“คุณจะทำอะไรพี่ชายฉัน” ดาริกามีสีหน้าหวาดระแวงกลัวเกิดเรื่องใหญ่

อนาคินทร์ไม่ตอบได้แต่หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ

“ทำอย่างที่ทำกับไอ้อัคคี”

“ไม่ได้คุณจะทำแบบนั้นกับพี่ชายฉันไม่ได้นะ”

“ผมไม่ได้ทำกับมันแค่นั้น แต่จะทำกับคนที่ชอบสตอเบอรีทำตัวแอ๊บแบ๊วจนใครมองหลานสาวผมเป็นนางมารร้าย” สายตาเขาจับจ้องที่เธอสีหน้าและสายตาแสดงความรังเกียจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ในป่ากลางฤดูหนาว กลางคืนอากาศเย็นอุณหภูมิประมาณไม่ถึงสิบองศา
เสียงครางฮือ.. อยู่บนต้นไม้ของคนที่ขึ้นต้นไม้ไปได้แต่กลับลงไปไม่ได้ ได้แต่ปลงสังเวชในชะตาชีวิตของตนเองที่ต้องมาพบเรื่องบ้าบอแบบนี้
“หนาว หิว เพราะนายคนเดียว” อลิชานึกถึงใบหน้าใหม่ของศัตรู ทั้งกลัวทั้งหนาวแต่อลิชาเริ่มคิดได้ว่าการอยู่บนที่สูงย่อมปลอดภัยจากสัตว์ร้ายยามวิกาล ทำอย่างไรได้ก็หลงป่ามาแล้วเพราะฉะนั้นเธอต้องตั้งสติและรอดไปให้ได้พลันความคิดของอลิชาก็โลดแล่นไปถึงนวนิยายชื่อดังไม่คิดเลยว่าตนเองจะต้องมาผจญภัยเหมือนนางเอกในนิยาย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะมีเสือสมิงปลอมตัวมาเป็นคนมาร้องเรียกเธอลงจากต้นไม้หรือเปล่า นี่เธอกำลังคิดอะไรหรือว่าสติแตกไปแล้ว
อลิชากำพระแก้วมรกตที่ห้อยคอเอาไว้แน่น “พ่อแก้ว แม่แก้ว พระแก้วมรกตขอให้อลิชาคนนี้รอดพ้นภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด ลูกมีชีวิตรอดจากป่านี้ไปได้จะไปบวชชีพราหมณ์ให้เจ็ดวันเลยทีเดียว”

เสียงน้ำย่อยในกระเพาะ ร้องดังครืด...

ความหิวเริ่มมาเยี่ยมเยือน แต่อลิชารู้ตัวดีเธอพยายามตั้งสติว่าตอนนี้เธอกำลังหลงป่าจะหาร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงในป่าคงไม่ได้แค่เอาชีวิตรอดออกไปก็ยากเต็มทีเพราไม่คิดว่าจะมีใครตามหาเธอ หรืออาจจะมีก็เพียงอาอนาคินทร์ของเธอเพียงคนเดียวแต่เวลานี้คุณอาจะรู้หรือยังว่าหลานสาวคนสวยกำลังหลงป่าโทรศัพท์มือถือก็โดนนายกานต์นทียึดไปหากมีบางทีอาอาจใช้จีพีอาร์เอสตามตัวเธอได้

“เอาเถอะ อลิชาเธอต้องหลับเอาแรงบนต้นไม้นี้พรุ่งนี้ค่อยหาทางปีนลงไป มันคงต้องมีอะไรที่กินได้บ้างอย่างน้อยฉันก็แฟนพันธุ์แท้นิยายไทย อ่านเรื่องการผจญภัยในป่ามาตั้งมากคงเอามาช่วยให้ตัวรอดได้ก็คราวนี้”เธอบอกใจให้กำลังใจตัวเอง แต่ในใจก็ค้าน นั่นมันในนิยายนะเว้ย แล้วเรื่องจริงล่ะ เอาน่าแต่พอรู้มาว่าคนเขียนเขาก็เอาประสบการณ์จากการเดินป่ามาเขียนประกอบจินตนาการไม่ใช่เหรอ
ความหวาดกลัว และบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวก็ไม่สามารถเอาชนะความง่วงและความหิว ร่างกายเริ่มอ่อนแรงเปลือกตาของอลิชาจึงปิดลงไปทั้งที่ตัวยังอยู่บนต้นไม้

ผ่านดงไผ่เป็นแนวยาวมองแล้วชวนให้ขนลุกชันในยามกลางคืนดึกสงัดยิ่งยามลำต้นมันเสียดสีกันเพราะลมที่พัดมาเสียงของมันกลางดึกชวนให้จินตนาการได้อย่างน่าสะพรึงกลัวพวกเขาเดินลัดเลาะไปตามแนวสันเขาบางช่วงเป็นที่ราบลุ่มสลับกับป่าเต็งรัง นอกจากนี้บางช่วงยังพบต้นตะเคียนขนาดใหญ่ ลำต้นขนาด ห้าคนโอบมีคนเอาผ้าสามสีมาผูกไว้ด้วย บรรยากาศชวนให้ขนลุกชวนประสาทหลอนหากเป็นคนที่จิตอ่อน แต่สำหรับพวกเขาส่วนมากเป็นคนที่ผ่านการเดินป่ามาไม่น้อยนี่ไม่ใช่อุปสรรค ป่านี้เป็นป่าดงดิบขนาดใหญ่ของภาคเหนือที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มากแต่ด้วยความกว้างใหญ่ของป่าปิดทำให้สภาพพื้นที่ในแต่ละช่วงบางครั้งแตกต่างกันไปบางช่วงก็เป็นป่าโปร่งเดินง่ายแต่บางช่วงนั้นก็เป็นป่าเต็งรังที่ต้นไม้สูงทึบแม้เวลากลางวันยังดูมืดครึ้ม กลางคืนแบบนี้ก็เท่ากับว่าเหมือนหลับตาเดิน นอกจากนี้เถาวัลย์และสัตว์มีพิษที่ออกหากินในยามกลางคืนยังเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องคอยระแวดระวัง

พ่อเลี้ยงกานต์นทีอมยิ้มเมื่อเขาส่องไฟฉายไปและเจอหลักฐานชิ้นสำคัญบางอย่างซึ่งมันไม่ควรจะมาอยู่ในป่า“เจอแล้ว เป็นจริงตามคาด” ที่รัดผมทำจากเชือกสีดำมีลูกสตอเบอรีเป็นพวงแซมด้วยดอกสตอเบอรีสีขาวงานเกาหลีเขาจำได้ยัยอลิชาใช้มัดผมเมื่อวาน
ควาญช้างชื่อขวัญหนุ่มวัยสามสิบเศษ และผู้จัดการมานพหันมามองพ่อเลี้ยงหนุ่มเป็นเชิงคำถาม

“พ่อเลี้ยงพบร่องรอยช้างแล้วเหรอครับ”

คนนำทางที่ปัจจุบันหันมาประกอบอาชีพควาญช้าง ซึ่งอดีตเคยเป็นพรานป่ามาก่อนหันมามอง “พ่อเลี้ยงพบร่องรอยช้างแล้วเหรอครับ” เขาแปลกใจทำไมเขาถึงไม่เห็นรอยนั้น อดีตพรานไพรอย่างเขาไม่น่าจะพลาดไปได้ช้างมักทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนเอาไว้
“ไม่ใช่ร่องรอยช้างแต่เป็นร่องรอยนางต่างหาก นังตัวร้ายกำลังหลงในป่าจริงๆ เสียด้วย” พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ้มที่มุมปากในความมืด และคิดว่าป่านนี้อลิชาคงแทบประสาทเสียแล้วเมื่อรู้ว่าตนเองหลงป่า นึก ๆ ก็ยิ่งสมน้ำหน้า น้ำหน้าอย่างเธอถ้าสามวันเขาหาตัวไม่เจอรับรองได้เก็บศพเธอออกไปจากป่าแน่ หน้าอย่างยัยนั่นจะเอาตัวรอดในป่าได้อย่างไรเขามองไม่เห็นหนทาง เขายังจำได้แค่ไข่ดาวใบเดียวสมัยเขาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของครอบครัวเธอ คุณหนูอลิชาคนสวยยังไม่สามารถจะทอดได้
มานพผู้จัดการปางเคียงดาวมองโบว์รัดผมในมือพ่อเลี้ยง กานต์นทีพบมันเกี่ยวอยู่กับกิ่งไม้เมื่อเขาใช้ไฟฉายส่องเพื่อมองทางจึงเก็บหลักฐานขึ้นมาเห็นไหมเขากับเธอมีบุพเพอาละวาดกัน ให้เจอก่อนเถอะเขาจะอาละวาดกับผู้หญิงวายร้ายให้หนัก คราวนี้จะไม่แค่โยนลงไปในน้ำเท่านั้น ขนาดทำแบบนั้นเธอยังมาแว้งกัดอาละวาดกับเขาได้
“อลิชา เราจะได้เห็นดีกัน อยากรู้นัก คุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจะมีชีวิตรอดในป่านี้ไปได้ยังไง”
“พ่อเลี้ยงใครเหรอครับ อลิชา หรือว่าผู้หญิงที่คนงานลือกันว่าพ่อเลี้ยงพามาอยู่ด้วย” มานพถาม
“เดี๋ยวพวกคุณก็รู้เอง”

คำตอบของเขาทำให้มานพ และคนอื่นไม่กล้าที่จะถามต่อจนกระทั่งควาญช้างหนุ่มเจ้าของพื้นที่ชื่อเส่ยซึ่งเป็นคนเตรียมเสบียงและทำตัวเป็นลูกหาบอีกด้วยเอ่ยขึ้น

“นี่มันก็ยามสามเข้าไปแล้วนะครับพ่อเลี้ยง ผมว่าเราควรจะพักเอาแรงกันเสียหน่อย อีกไม่ไกลจะใกล้ห้วยมะเดื่อ ผมเห็นว่าเราควรตั้งแคมป์กันที่นั่นดีไหมครับ แลไม่ห่างจากห้วยมะเดื่อไปมากนักจะมีดินโป่งขนาดใหญ่ พวกสัตว์มันจะลงมาหากินกัน บางที่เราอาจจะได้ตัวช้างพังช้างพลายของเราที่หนีเตลิดมาในป่าก็ได้นะครับ หรืออย่างน้อยก็อาจจะได้ร่องรอยอะไรบ้าง”

แต่กานต์นทีหนักใจร่องรอยบางอย่างบ่งบอกให้รู้ว่าช้างไปอีกทางและนางตัวร้ายไปอีกทางและเขาควรจะตามช้างหรือไล่ล่านางดีล่ะ ในความมืดพ่อเลี้ยงหนุ่มหยักยิ้มร้าย

“ก็ดีพักเอาแรงหน่อยก็ได้พวกเราก็เดินกันมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วและผมมีอะไรจะบอกทุกคนพรุ่งนี้ผมอาจจะต้องขอแยกตัวโดยผมจะขอเดินแยกไปตามหาอะไรบางอย่างอีกทางส่วนพวกคุณที่เหลือก็แบ่งเป็นสองกลุ่มตามรอยช้างให้เจอและคล้องจับกลับไปที่ปางให้เร็วที่สุด”

“พ่อเลี้ยงจะแยกทางกับพวกเราไปไหนเหรอครับ และจะไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอครับ” ผู้จัดการมานพสงสัย

“ไปตามนาง” นังตัวร้ายประโยคท้ายเขาเอ่ยอยู่ในใจ

“ให้ใครสักคนไปด้วยจะดีไหมครับ เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกัน”

“อย่าเลยผมอยากให้รีบตามจับช้างกลับไปให้ได้ ช้างบ้านมาอยู่ในป่ามันน่าห่วง แต่นังตัวร้ายหลงป่ามันน่าล่า”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2557, 13:43:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2557, 13:46:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 2161





<< ตอนที่ 4 (50% หลัง หนูอลิาจะก่อคดีอะไรอีกนะ )   
อัปสรา 19 ม.ค. 2557, 10:11:27 น.
ฝากเม้นต์ให้ไรเตอร์ด้วยนะคะชอบไม่ชอบอย่างไร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account